เห็นมันทำ รูปเเบบนี้คู่กัน สงสัยเลยเข้าไปดู
- -3- likes this
Posted by mr.patton on 16 May 2014 - 17:10
ไปเจอมา
ก็เเค่สงสัยเลยถามเเค่เนี่ย ไอ้จ่าDrama-addict มันถึงกลับ บล็อกผมไม่ให้เเสดงความคิดเห็น
เเค่สงสัยทำไมถึงบอกเป็นการ์ด ครับ จับผู้ก่อเหตุกันได้เเล้วหรือครับ เป็นผู้ชุมนุม หรือ คนเดินตากฝนเเถวๆนั้นที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุนไม่ได้หรือ ?
เเค่สงสัย เวลาตร.ตั้งกรวยมีฝนตกหนัก มีรถมาเฉียวชน มีสักรายไหมลงมาด่าตร.?
Posted by mr.patton on 16 May 2014 - 01:22
Posted by mr.patton on 16 May 2014 - 00:59
"กองทัพไทยที่มี แสนยานุภาพ อันดับ29ของโลก เเต่เเค่ดูแลประชาชนจากเครื่องยิงกระสุนระยะไกลในพื้นที่ไม่กี่ ตารางเมตร เรื่องเเค่นี้กลับไม่สามารถดูเเลได้ ทหารไทยครับ กองทัพไทยครับ พวกท่านรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ" นี้คือคำถามที่คนไทยทั้งชาติถามเราวันนี้
พื้นที่เเค่นี้กองทัพไทยยังปกป้องให้ปลอดภัยไม่ได้ เเล้วภาคใต้ละจะสงบไหม พี่น้อง เราต้องตายไปอีกเท่าไร งบประมาณมหาสารลงไปถึงพื้นที่เพื่อจัดการเรื่องพวกนี้ไหม เเค่รองเท้ากันเเรงระเบิดยังมีให้ไม่พอใช้เลย
เพื่อนๆครับเราปล่อยให้กองทัพตกอยู่ในสภาพนี้ต่อไปได้หรือครับ
Posted by mr.patton on 15 May 2014 - 12:54
เหตุการ M79 ลง ยืนยันไม่ใช่ มือที่ 3 เเละ"ไม่ใช่มือที่สาม"
ความหมายของมือที่สาม คือ การสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดความเสียหาย การตาย บาดเจ็บ กับความขัดแย้งทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เกิดเฉพาะฝ่ายเดียว
Posted by mr.patton on 14 May 2014 - 15:46
ไอ้เด็กเอีย นี้อีกตัว เเค่ไอ้จ่าเเก่ๆ พิธีกรกระจอกๆ กับเด็กเอียๆ เจ้าหน้าที่ ที่มีหน้าที่ไม่มีปัญญาทำเอียอะไร พี่น้องเลือด NCO ทำเฉยต่อไปได้หรือครับ ศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ศักดิ์ศรีของพี่น้อง NCO ต้องรอคำสั่ง หรือ ครับ พวกเราถึงจะออกมาปกป้อง
10271549_282955515215117_9141878792555068927_n.jpg
Posted by mr.patton on 14 May 2014 - 15:25
ฝนตกหนักเเค่ไหน นะ ทำไมไม่มีรายงาน ฝนตก >>>> นายขวัญชัยฯ เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันนี้ฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีฟ้าคะนอง ทำให้คนเสื้อแดงที่นัดจะร่วมเดินทางไปสมทบที่กรุงเทพฯ ไม่สามารถเดินทางมาได้ แต่ก็มีผู้มาร่วมเดินทางกว่า 200 คน ซึ่งตนก็พร้อมจะเดินทางร่วมไปด้วย เพื่อต่อสู้ร่วมกับพี่น้องคนเสื้อแดง และ นปช. รายงานอากาศ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา - อุดรธานี
อากาศรายภาค : เหนือ | อีสาน | กลาง | ตะวันออก | ใต้ฝั่งอ่าวไทย | ใต้ฝั่งอันดามัน
วันที่ อุณหภูมิ จุดน้ำค้าง ความชื้นสัมพัทธ์ ความกดอากาศ ลม ทัศนวิสัย ฝน 3 ชั่วโมง เมฆ
ทิศ ความเร็ว
13 พ.ค. 57 22:00 น. 26.0 24.6 92 1007.44 SE 5.6 10.00 0.1 มีเมฆเต็มท้องฟ้า
13 พ.ค. 57 19:00 น. 25.4 23.6 90 1005.38 E 3.7 10.00 9.5 มีเมฆเต็มท้องฟ้า
13 พ.ค. 57 16:00 น. 36.0 24.9 53 1002.27 SSE 3.7 15.00 ไม่มีฝน มีเมฆเป็นส่วนมาก
° C ° C % มิลลิบาร์ กม./ชม. กม. มม.
Posted by mr.patton on 14 May 2014 - 15:03
เลือดNCO ครับ วันนี้ประเทศไทยยังคงเป็นรัฐตร.ในระบบทักษิณอยู่ ความเป็นธรรมมันถึงไม่มีไงครับ
พี่น้องNCO ถูกฆาตรกรรม เเถมถูกพวกมันใส่ร้ายอีก
วันนี้พวกมัน ใหญ่คับประเทศครับ ขนานจ่าเเก่ๆเเละพิธีกรกระจอกๆ ยังกล้าหมิ่นฯ
ตร.ก็ไม่ดำเนินการใดๆ
พี่น้องถึงเวลาเเล้วที่เราจะร่วมออกมาทวงคืนความยุติธรรม ความเป็นธรรม ใหักับประเทศชาติตามที่พวกเราเคยให้คำปฏิญาณไว้
10014534_729294760447513_4912153790923681620_n.jpg
1797476_729293580447631_4144361732009019253_n.jpg
Posted by mr.patton on 4 May 2014 - 19:16
ข้อเเรกตามที่คุณเเม่ พ.อ. ลูกชายบอกว่าไม่เมานั้น ไม่มีข้อพิสูจน์ทั้งสองฝ่ายครับ เเละคงพิสูจน์อะไรไม่ได้เพราะในวันนั้นไม่ได้มีการขอให้โรงบาลที่รักษาทำการตรวจพิสูจน์อย่าพูดดีกว่าครับว่าลูกชายไม่กินเหล้าหรือไม่เคยกินเรื่องเเบบนี้ถ้ามีข้อเท็จจริงพิสูจน์ภายหลังผลเป็นที่ประจักษ์ขึ้นมาภายหลังจะเสียคนตอนเเก่นะครับ
ข้อสอง ตามที่บอกว่าไม่เคยมีการตั้งด่านนั้น พิสูจน์ได้ครับว่ามีหรือไม่เคยมี มีด่านตั้งเเต่เมื่อไร วันไหน
ข้อสาม ไม่มีม็อบเเล้วรถบริเวณศูนย์ราชการไม่ติดเลยหรือครับข้อนี้คุณเเม่รู้อยู่เเก่ใจครับ
ส่วนเรื่องที่คุณเเม่มาร้องขอความเป็นธรรมผมเห็นด้วยเเละสนับสนุนครับ เเต่ คุณเเม่ท่านนี้ก็ควรให้ความเป็นธรรม กํบ ลูกของคุณเเม่ท่านอื่นด้วย
Posted by mr.patton on 2 May 2014 - 00:51
ส่วนผมไม่ภูมิใจเลยนะครับก่อนหน้านี้เราเคยเป็นถึงอันดับ9ของโลก เพียงไม่กี่10ปีในระบบทักษิณเราตกชั้นมาที่ อันดับที่24
น่าสังเกตด้วยว่า เว็บไซต์ของผู้ทำการสำรวจ (www.globalfirepower.com) ไม่มีบริการให้สืบค้นการจัดอันดับในปีก่อนๆ ของตนเอง แต่จากการใช้อุปกรณ์ช่วยในการค้นหาเว็บอย่าง “กูเกิล” ได้พบข้อมูลที่มีผู้โพสต์อ้างอิงไว้ระบุว่า ในผลสำรวจ “Global Firepower 2013” ของปีที่แล้ว กองทัพไทยติดอันดับดีกว่าปีนี้เสียอีก คืออยู่อันดับ 20 ของโลก ได้ 0.8971 ดีกว่า เวียดนาม ซึ่งติดอันดับ 25 ของโลก ด้วยคะแนน 1.0661
Posted by mr.patton on 2 May 2014 - 00:10
" แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินไทยก็ยังไม่มีความเป็นธรรม ไม่เห็นแก่ประชาธิปไตย แถมยังมีอยู่ที่ไทยที่เดียวที่ประเทศอื่นไม่เห็นมีแบบนี้ นี่ไงคะ! เราสมควรแบ่งแยกประเทศเพื่อไม่ให้เป็นไทย จะได้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ยุติธรรมค่ะ! "
ป้าถ้าไม่พอใจก็ ชวนคนเสื้อเเดงประกาศ ไปงัดทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมืองอุตรดิตถ์ เขาสิ เหมือนๆตอนที่นปช.ประกาศจะงัดทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาว ม.ราม เอาเลยครับเอาเลย เป็นเสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือครับ อิ อิ กล้าๆหน่อย
พระยาพิชัยดาบหัก เดิมชื่อ จ้อย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2284 ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา บ้านเกิดคือ ห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านมีนิสัยชอบชกมวยมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุได้ 14 ปี พ่อท่านได้นำไปฝากกับท่านพระครูวัดมหาธาตุ เมืองพิชัย ท่านสนใจเอาใจใส่ในตำราเรียน และซ้อมมวย ไปด้วย ทั้งหมัด เข่า ศอก และสามารถเตะได้สูงถึง 4 ศอก ในขณะที่เป็นเด็กวัดนั้น มักจะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กที่โตกว่าเสมอ แต่ท่านก็สามารถปราบเด็กวัดได้ทุกคน ด้วยชั้นเชิงมวย
ต่อมาเจ้าเมืองพิชัยได้นำลูกตนเอง มาฝากที่วัดเพื่อร่ำเรียนวิชา เขากับพวกมักหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับจ้อยเสมอ ท่านจึงตัดสินใจหนีออกจากวัดขึ้นไปทางเหนือ โดยไม่ได้บอกพ่อแม่และอาจารย์ เดินตามลำน้ำน่านไปเรื่อยๆ จนถึงวัดบ้านแก่ง ท่านได้พบกับครูฝึกมวยคนหนึ่ง ชื่อ เที่ยง จึงฝากตัวเป็นศิษย์แล้วท่านเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ทองดี” ครูเที่ยง มักเรียกท่านว่านายทองดี ฟันขาว เนื่องจากท่านไม่เคี้ยวหมากพลูเหมือนคนสมัยนั้น ด้วยความขยันขันแข็งเอาใจใส่การฝึกมวย ทำให้ลูกหลานครูเที่ยงอิจฉาท่านมาก จนหาทางกลั่นแกล้งต่างๆ นานา ท่านจึงกราบลาครูขึ้นเหนือต่อไป
เมื่อเดินถึงบางโพ ได้เข้าพักที่วัดวังเตาหม้อ (ปัจจุบันคือวัดท่าถนน) แล้วต่อไปที่ท่าเสา ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ ครูเมฆ ซึ่งมีชื่อเสียงในการสอนมวยมาก ครูเมฆ รักนิสัยใจคอท่าน จึงถ่ายทอดวิชาการชกมวยให้จนหมดสิ้น ขณะนั้นท่าน อายุได้ 18 ปี ต่อมาได้มีโอกาสชกมวยในงานไหว้พระแท่นศิลาอาสน์ กับนายถึก ศิษย์เอกของครูนิล นายถึกถูกท่านเตะสลบไปนาน ประมาณ 10 นาที ครูนิลอับอายมาก จึงท้าครูเมฆชกกัน ทองดี ได้กราบอ้อนวอน ขอชกแทนครูเมฆ และได้ตลุยเตะต่อย จนครูนิลฟันหลุดถึง 4 ซี่ เลือดเต็มปากสลบอยู่เป็นเวลานาน
ชื่อเสียงนายทองดี ฟันขาว กระฉ่อนไปทั่วเมืองทุ่งยั้ง ลับแล พิชัย และเมืองฝาง ต่อมาท่านก็ขอลาไปศึกษา การฟันดาบ ที่เมืองสวรรคโลก ด้วยความฉลาดมีไหวพริบ เขาใช้เวลาเพียง 3 เดือน ก็เรียนฟันดาบสำเร็จ เป็นที่พิศวงต่อครูผู้สอนยิ่งนัก จากนั้น ก็เดินทางไปต่อที่เมืองสุโขทัย และเมืองตาก ระหว่างทางได้รับศิษย์ไว้ 1 คน ชื่อบุญเกิด (ต่อมาเป็นหมื่นหาญณรงค์) เพราะเมื่อครั้งที่บุญเกิดถูกเสือคาบไปนั้น ทองดีได้ช่วยบุญเกิดไว้ โดยการแทงมีดที่ปากเสือจนหนีไป จนเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว
เมื่อท่านเดินทางถึงเมืองตาก ขณะนั้นได้มีพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาที่วัดใหญ่ เจ้าเมืองตาก จึงจัดให้มีมวยฉลองด้วย นายทองดี เข้าไปเปรียบมวยกับครูห้าว ครูมวยมือดีของเจ้าเมืองตาก และมีอิทธิพลมาก นายทองดี ใช้ความว่องไวใช้หมัดศอก และเตะขากรรไกร จนครูห้าวสลบไป เจ้าเมืองตาก ถามว่าสามารถชกนักมวยอื่นอีกได้หรือไม่ นายทองดี ตอบรับ เจ้าเมืองตากจึงให้ชกกับครูหมึก ครูมวยร่างสูงใหญ่ ผิวดำ นายทองดี เตะซ้ายเตะขวา บริเวณขากรรไกร จนครูหมึกล้มลงสลบไป
เจ้าเมืองตากพอใจมาก ให้เงิน 3 ตำลึง และชักชวนให้อยู่ด้วย นายทองดี จึงได้ถวายตัวเป็นทหารของเจ้าเมืองตาก ตั้งแต่บัดนั้น รับใช้เป็นที่โปรดปรานมาก ได้รับยศเป็น "หลวงพิชัยอาสา" ต่อมาเมื่อเจ้าเมืองตาก ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาวชิรปราการ ครองเมืองกำแพงเพชร หลวงพิชัยอาสา ได้ติดตามไปรับใช้อย่างใกล้ชิด และเป็นเวลาเดียวที่พม่ายกทัพล้อม กรุงศรีอยุธยา พอดี
พระยาวชิรปราการ พร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสา และทหาร ได้เข้าปะทะต่อสู้จนชนะ ได้ช้างม้าอาหารพอสมควร และเข้าสู้รบกับทัพพม่าหลายคราวจนได้รับชัยชนะ ได้รับการต้อนรับจากประชาชน และยกย่องขึ้นเป็นผู้นำ คือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อกอบกู้เอกราชได้แล้ว พระองค์ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงธนบุรี และได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงพิชัยอาสา เป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็นทหารเอกราชองครักษ์ในพระองค์
ในปี พ.ศ. 2311 พม่าได้ยกทัพมา 1 หมื่นคน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พร้อมด้วยหมื่นไวยวรนาถ ได้เข้าโจมตีพม่าจนแตกพ่าย และได้มีการสู้รบปราบก๊กต่าง ๆ อีกหลายคราว จึงทรงโปรดตั้งเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็น "พระยาสีหราชเดโช" มีตำแหน่งเป็นนายทหารเอก ราชองครักษ์ตามเดิม เมื่อปราบก๊กพระเจ้าฝางได้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ปูนบำเหน็จความชอบให้พระยาสีหราชเดโช ให้เป็นพระยาพิชัย ปกครองเมืองพิชัย อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่เยาว์วัยของพระยาพิชัย
ในปี พ.ศ. 2313 - 2316 ได้เกิดการสู้รบกับกองทัพพม่าอีกหลายคราว และทุกคราวที่กองทัพพม่าแตกพ่ายไป ก็สร้างความอัปยศอดสูแก่แม่ทัพนายกองเป็นทวีคูณ พอสิ้นฤดูฝนปีมะเส็ง พ.ศ. 2316 โปสุพลา แห่งพม่า ยกกองทัพมาหมายตีเมืองพิชัยอีก ศึกครั้งนี้พระยาพิชัย จับดาบสองมือคาดด้าย ออกไล่ฟันแทงพม่าอย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ วัดเอกา จนเมื่อพระยาพิชัยเสียการทรงตัว ก็ได้ใช้ดาบข้างขวาพยุงตัวไว้ “จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน" ในที่สุดก็ชนะพม่า กองทัพโปสุพลา ก็แตกพ่ายกลับไป เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2316
พระยาพิชัยดาบหัก ได้สร้างมรดกอันควรแก่การยกย่องสรรเสริญ ให้สืบทอดมาถึงปัจจุบันได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความกตัญญูกตเวที ความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดกล้าหาญ รวมถึงความรักชาติ ต้องการให้ชาติเจริญรุ่งเรืองมั่นคง ท่านได้รับความเคารพนับถือจากคนอุตรดิตถ์ และคนไทยจำนวนมาก เป็นที่กล่าวขานในความศักดิ์สิทธิ์ว่า ดาบของท่านยังคงปัดเป่าทุกข์ภัยให้ลูกหลายตลอดมา
และแล้วบัดนี้ อิทธิปาฏิหาริย์ของพระยาพิชัยดาบหัก ก็ปรากฏให้ประจักษ์ชัดต่อสายตาอีกครั้ง เมื่อแก๊งค์เนรคุณป่วนชาติ (นปช.) ที่มีเป้าหมายโค่นล้มสถาบันเบื้องสูง และเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทยเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ภายใต้การแอบอ้างชื่อว่า “ประชาธิปไตยแบบเท่าเทียม” ไปจัดม็อบเสื้อแดง ที่สนามกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์ หมอนไม้ ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
ก่อนการชุมนุม ได้มีการสั่งการอำนาจรัฐ ให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. ให้ขนประชาชนมาฟังแกนนำ นปช.ปราศรัย หมิ่นและให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง คุยโวว่าครั้งนี้เป็นการชุมนุมใหญ่ของ นปช.ภาคเหนือ เป้าหมาย คือ 15,000 คน โดยมี รองนายก อบจ.อุตรดิตถ์ และนาย ป. ประธาน นปช.อุตรดิตถ์ เป็นผู้ระดมมวลชน แต่ปรากฏว่าทำอย่างไรประชาชนก็ไม่ยอมมา เพราะกลัวว่าพระยาพิชัย จะลงโทษที่ไปสนับสนุนขบวนการล้มเจ้า จนแกนนำระดมมวลชนปั่นป่วนไปหมด ต้องไปขอระดมคนเสื้อแดง จากจังหวัดใกล้เคียง คือ จ.แพร่ น่าน สุโขทัย พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์ ให้เดินทางมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย
ทันทีที่แก๊งค์เนรคุณป่วนชาติ (นปช.) ประกาศว่าจะมาชุมนุมที่อุตรดิตถ์ ช่วงดึกๆ ทุกคืน ก็เกิดอาเพศพายุอย่างหนัก พายุพัดถล่มทุกอำเภอ ทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์หลายรอบ โดยเฉพาะ 3 อำเภอ ที่โดนอ่วมหนัก คือ “พิชัย” ตรอน และเมือง อุตรดิตถ์ จนต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าดับหลายแห่ง พายุอาเพศถล่มอุตรดิตถ์ จนบ้านพังไปแล้วกว่า 700 หลัง..จนวุ่นวายกันไปทั้งทั้งหวัด..โรงเรียนอนุบาลมีชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มี ผอ.เสื้อแดงเคยเกณฑ์ให้เด็ก นักเรียนไปเดินรณรงค์สนับสนุนการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ถึง 2 ครั้ง 2 ครา..ปรากฎว่าหลังคาอาคารโรงเรียนนั้น..ลมพายุพัดกระจุยหายไปทั้งแผง..แม่เจ้า
ที่แปลกก็คือ ที่วัดหนองกาย ตำบลป่าเซ่า อำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ศาลาการเปรียญของวัด อายุเกือบ 150 ปี ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลังได้พังคลืนลง เพราะถูกกระแสลมพัดเข้าใส่ จนไม่หลือซากของศาลา ท่ามกลางความงุนงงของพระ และประชาชนในพื้นที่ ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมายืนมุงดูพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ ว่าจะต้องเกิดอาเพศหนัก เจ็บ ตาย จำนวนมาก กับคนเสื้อแดงเร็วๆ นี่แน่ๆ และ รู้สึกเสียดายโบสถ์เพราะเป็นเป็นศาลาวัดที่เก่าแก่ คู่กับหมู่บ้านมาแต่ดั้งเดิม และยังไม่รู้จะดำเนินการอย่างไรต่อ เพื่อชาวบ้านมีที่ทำพิธีทางศาสนาต่อไป
พายุพิโรธยังไม่หยุดเท่านั้น เหตุการณ์ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นซ้ำอีก เมื่อคืนก่อนการชุมนุมวันที่ 29 เม.ย. เวลา 23.00 น. ได้เกิดอาเพศ พายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกรุนแรง มากที่สุดในรอบหลายสิบปีอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในเกือบทุกอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่งผลทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นระเนระนาด บ้านเรือนชาวบ้านพังกระจุยเป็นจำนวนมาก บางบ้านถูกต้นไม้ใหญ่หักโค่นลงมาทับกลางหลังคาบ้าน (เหมือนดาบของพระยาพิชัยที่หักเป๊ะ) กระเบื้องแตกละเอียดตกลงมาใส่หัวของชาวบ้าน ที่นอนหลับอยู่บนที่นอน ได้รับบาดเจ็บ ส่งไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลกันชุลมุน
อาเพศพายุลมแรงพิโรธโกรธา ยังพัดกระหน่ำต่อไปไม่ยอมหยุดหย่อน พัดถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ดึกๆ ทุกคืน จนราบเป็นหน้ากลอง จนถึงเช้ามืดวันที่ 30 เมษายน โดยเฉพาะที่บริเวณ ประตูทางเข้าสนามกีฬาฯ ที่เป็นที่จัดชุมนุมขบวนการล้มเจ้า คอมมิวนิสต์แดง นปช. ขนาดต้นไม้ใหญ่มาก ยังถูกลมพายุพัดจนโค่นล้มทับสายไฟฟ้า ที่เป็นเสาคอนกรีตแข็งแรง หักกลางลงมาอย่างง่ายดาย เหมือนไม้เสียบลูกชิ้น..คล้ายดาบของพระยาพิชัยไม่มีผิดเพี้ยน !! จนทำให้ทางการไฟฟ้าฯ ต้องทำการตัดไฟไว้ก่อน เพื่อป้องกันไฟฟ้าช็อตคนเสื้อแดง ที่จะมาชุมนุมช่วงเย็นตายคาสนามทุกคน
ส่วนพื้นที่ตำบลบ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ชาวบ้านบอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอพายุรุนแรงที่สุด และไม่เคยเกิดเคยในพื้นที่มาก่อนแบบนี้ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ถูกต้นไม้ล้มทับ ซ้ำร้ายเป็นลาง คือ ต้นไม้ขนาดใหญ่ ต้นสักอายุ 300 ปี ราว พ.ศ.2257 ( พอๆ กับช่วงที่พระยาพิชัย อายุเป็นวัยฉกรรจ์รุ่นหนุ่มพอดี ) ที่ปลูกตามสองข้างถนนสายหลักอายุกว่า 300 ปี กว่า 20 ต้น ล้มชนิดถอนรากถอนโคนเป็นแนว ทับสายไฟฟ้า ส่งผลเสาไฟโค่นตามด้วยระเนระนาด บางต้นล้มทับบ้านเรือน ร้านค้าประชาชน หลังคาสังกะสีบ้าน ถูกแรงของพายุโกรธ พัดปลิวยกกระบิ หายไปทั้งหลังคา
ส่วนบริเวณกลางสนามกีฬาฯ ซึ่งมีการตั้งเวทีปราศรัยแดง นปช.ขนาดใหญ่ และด้านข้างเวที กางเต็นท์ไว้จำนวน 15 หลัง ถูกลมพายุพัดถล่มจนเสียหายพังยับเยิน พัดโต๊ะ-เก้าอี้-เต็นท์สนาม และเวทีกลางที่ได้มีการเตรียมไว้ ล้มกระจัดกระจาย เสาไฟฟ้าบริเวณทางเข้าชุมนุม ที่หักโค่น “กีดขวางทางเข้า – ออก” ..เหมือนพระยาพิชัย ท่านไม่ต้อนรับ และขับไล่ผู้มาจัดงาน ท่านจึงกระโดดเตะด้วยความโกรธ จนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ล้มพับ โค่นคาเท้าท่าน เหมือนในอดีตกาล
จนราวช่วงสายถึงเที่ยง คนเสื้อแดงที่รู้ข่าว บอกลือต่อๆ กันไปเริ่มเหวอหนัก กลัวกันมาก วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าถ้าไปร่วมกับขบวนการล้มเจ้าเสื้อแดง ต้องตาย และครอบครัวฉิบหายวายป่วงแน่ๆ จึงมีการปฏิเสธกับแกนนำว่าจะยกเลิกไปแล้ว ทำเอาแกนนำสายจัดม็อบปั่นป่วนอย่างหนัก จึงสั่งเกณฑ์ระดมคนลาว ที่อยู่ในพื้นที่ ( อุตรดิตถ์ ติดชายแดนลาว ที่ อ.บ้านโคก ) มาร่วมให้ได้มากที่สุด ส่วนถ้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ขู่ว่าจะไม่จ่ายเงินเดือนให้
ส่วนผู้นำชุมชน ให้ไปข่มขู่ประชาชนพื้นที่ตนเองว่า คนที่ไม่ไปร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงล้มเจ้า จะถูกยกเลิกบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค , ยกเลิกเบี้ยยังชีพคนแก่ , ไม่ให้กู้กองทุนหมู่บ้าน , ไม่ให้พักหนี้ ธกส, ไม่จ่ายเงินค่าจำนำข้าวทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ค้างไว้ มากกว่าหมื่นล้านบาท , โรงสีจะไม่รับซื้อข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ ที่ตอนนี้เหลือราคาเพียง 4,000 บาทต่อตันเท่านั้น
ต่อมาช่วงบ่าย ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเกรงกลัวคำขู่ ยินยอมรับเงินค่าจ้าง 150-200 บาทต่อคน เดินทางจากจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือล่าง ทยอยเดินทางมาที่สนามกีฬาฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแม่ค้าพ่อค้า ที่มาตั้งเต็นท์ขายของที่ระลึกของคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่ คือเสื้อยืด เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาว ผ้าพันคอ และผ้าคาดหัว ที่มีรูปของปูเน่า และ ชายดูไบ..นี่อาจเป็นคำเฉลย ว่าทำไมพายุอาเพศ ถึงถล่มอุตรดิตถ์ เพราะภาพปูเน่าไปที่ไหน ที่นั่นเป็นโดนถล่มยับเยิน ขนาดไปโรงเรียนชายชุดดำ ไม่กี่วันตกเครื่องบินมาตาย 2 คนรวด, ไปเยี่ยม รมต.พีรพันธ์ ป่วย..ต่อมาไม่กี่ชั่วโมงตายทันทีเลย..คนพาความซวยแท้ๆ
แกนนำได้ ต้องสั่งทุยแดง ให้ไปขนเก้าอี้พลาสติกสีแดง 5,000 ตัว ที่ถูกลมพัดกระจาย ไปทั่วบริเวณ มาตั้งใหม่ไว้รองรับผู้ที่มาร่วมชุมนุมช่วงเย็น โดยมีชายชุดดำภูธรอุตรดิตถ์กว่า 200 คน มาคอยทำหน้าที่การ์ดรอบๆ บริเวณ รวมถึงมีการตั้งด่านตรวจ ผู้ที่จะมาเข้าร่วมชุมนุมด้วย
การชุมนุมของเสื้อแดง ที่สนามกีฬาฯ ช่วงเย็นถึงค่ำ แปลกมาก คือ ลมพายุกลับเปลี่ยนเวลาซะงั้น รีบมาแต่หัวค่ำ ที่ชุมนุมจึงเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องอาเพศพระยาพิชัยมากมาย เสื้อแดงที่มาจากจังหวัดอื่น ต่าง “จิตตก” สีหน้าอมทุกข์ วิตกจริต หวาดหวั่นภัยร้ายที่มีมาถึงตนเองและครอบครัว จนคนเสื้อแดงหลายคน ทนความกลัวไม่ไหว ขอกลับออกไปก่อน แต่การ์ด นปช. ที่ปิดทางเข้าออกไว้แน่นหนา ไม่ยอมให้ออกไปจากสนามกีฬาฯ
17.00 น. มีมวลชนที่ถูกบังคับมา และจ้างมา ถูกขังอยู่ในสนามกีฬาฯ ประมาณไม่เกิน 1,000 คน แต่ แกนนำอับอายมาก กลัวว่าจะโดนเช็คบิลจากเจ้าของท่อน้ำเลี้ยง เลยแถออกข่าวว่าเสื้อแดงมา 12,000 คน..(ฮา)..ช่วยลือบอกไปถึงชายดูไบ ว่าขาด 12,000 คน ไปแค่ 11,000 คนเอง..ไอ้ที่แดงๆ ที่ทีวีเอเชียอาบแดดถ่ายหนะ มันคือ “เก้าอี้เปล่า” ที่ไม่มีคนนั่ง..เพราะที่เหลือมัน อมแบ่งเงิน รับเงินมา 1,000 บาทต่อหัว จำนวน 15,000 ราย แต่จ่ายจริง 150-200 บาท และจ่ายเพียง 1,000 กว่าคนเท่านั้น เงินที่เหลือแกนนำ อมกันแหลกลาญ เข้ากระเป๋าไปแล้ว..ดังนั้นเจ้าของท่อน้ำเลี้ยงไป “สอย” เอาเงินคืนได้ที่แกนนำ นปช.ได้เลย
เสื้อแดงที่อยู่ในสนาม จึงตกอยู่ในสภาพเหมือนถูกขังคุก ท่ามกลางพายุพิโรธ ลมแรงพัดกรรโชกล้อมรอบที่ชุมนุมเหมือนตกอยู่ในนรกก็ไม่ปาน เสียงลมพายุดึงหึ่งๆ อื้ออึงไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงคำรามจากลมหายใจโกรธของพระยาพิชัย ..
ในขณะที่แกนนำกำลังปราศรัย โจมตีเฉี่ยวไป เฉี่ยวมา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอยู่นั้น สิ่งเลวร้ายลางความตายของคนเสื้อแดงก็เกิดขึ้น เมื่อพายุโกรธกรรโชกแรงขึ้นอย่างผิดปกติ เสียงดังปานสายฟ้าฟาด ดังสนั่นหวั่นไหว เปรี้ยงๆๆ โครม ครืน ลมพัดตัวแกนนำปราศรัยบนเวที จนยืนโยกทรงตัวแทบไม่อยู่ ทรงผมหลุดลุ่ย โดยเฉพาะนกแสก ถึงกลับเห็นหัวล้านหมดทั้งหัวเหมือนไม่มีผมเลยที่เดียว..และถ้าดูดีๆ คล้ายคนไม่มีเงาหัว และเหมือนผีจูออนมากๆ..
และแล้วสิ่งที่พระยาพิชัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ เตือนมาก่อนหลายวัน แต่ไม่มีเสื้อแดงฟังก็เกิดผล เมื่อมีพายุลูกหนึ่ง พัดจงใจพุ่งเข้าใส่มวลชนเสื้อแดง ลักษณะเป็นมวลใหญ่เหมือนกำปั้นพระยาพิชัย ชกดัง “ โครม “ เข้ากระแทกใส่โคมไฟในสนามกีฬาฯ จนหล่นแตกกระจาย ฟาดหัวคนเสื้อแดงจนบาดเจ็บกันจำนวนมาก ที่หนักๆ คือ หัวแตกเลือดอาบโชก 1 คน บาดเจ็บเลือดสาด 3 คน และบาดเจ็บเล็กๆ น้อยอีกระนาว ร้องโหยหวนกันระงม วิ่งกันกระเจิดกระเจิง หงายเงิบ หน้าเหวอ..น่ากลัว ไม่ไหวแล้วโว้ย !!
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!
แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินไทยก็ยังไม่มีความเป็นธรรม ไม่เห็นแก่ประชาธิปไตย แถมยังมีอยู่ที่ไทยที่เดียวที่ประเทศอื่นไม่เห็นมีแบบนี้ นี่ไงคะ! เราสมควรแบ่งแยกประเทศเพื่อไม่ให้เป็นไทย จะได้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ยุติธรรมค่ะ!
Posted by mr.patton on 1 May 2014 - 23:49
Posted by mr.patton on 1 May 2014 - 23:43
ตำรวจภาค 4 ทั้งภาคจะลาออก หากกำนันสุเทพชนะ
เป็นเรื่องดีอีกเรื่องหนึ่ง และผมขอให้กล้าทำจริง
ลูกผู้ชาย พูดแล้วต้องกล้าทำ
แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้นอีกมาก
และจะได้รับสมัครตำรวจดีๆ ที่มีสมอง และไม่ได้เป็นขี้ข้า
มารับใช้ประชาชนต่อไป !!!
"ลูกผู้ชาย ไม่ใช่หมาจริงไหมครับ ที่จะกลับไปกินขี้ "
( 3 ม.ค.57) ที่ลานอนุสรณ์สถานแห่งความเสียสละ หน้ากองกำกับกา ภ.จว.ขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น พล.ต.ต.อุดม จำปาจัน อดีต ผบก.ภ.จว.สกลนคร เป็นแกนนำนัดหมายอดีตนายตำรวจเกษียณราชการ และผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 4 ประกอบด้วยข้าราชการตำรวจในจังหวัดต่าง ๆประมาณ 1,000 นาย ถือป้าย “ตำรวจภูธรภาค 4 รวมพลังเพื่อปกป้องศักดิ์ตำรวจไทย ตำรวจประชาร่วมกันต้านภัยพิชิตชัยอาชญากรรม เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตำรวจไทย พร้อมให้กำลังใจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.และเพื่อนตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ได้มีการยืนไว้อาลัยให้กับ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.จร.สน.ตลาดพลู กรุงเทพฯ ที่ถูกยิงเสียชีวิตจากการปะทะกับกลุ่มคปท. ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมาด้วย
พล.ต.ต.อุดม จำปาจัน อดีต ผบก.ภ.จว.สกลนคร กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 4 จะรวมพลังสามัคคีปกป้องศักดิ์ศรีตำรวจไทย และเพื่อปกป้ององค์กรตำรวจไทย พร้อมกับยึดมั่นในความจงรักภักดี เชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา โดยความศรัทธาต่อประชาชนและยังมีประชาชนอีกมากที่หวังพึ่งพาอาศัยและคาดหวังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอให้ทุกคนมีกำลังกายและใจให้เข็มแข็งเพราะเราเป็นตำรวจตั้งใจทำงานให้ประเทศชาติและแผ่นดินไทยต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.ภาดล จันทร์ดอนสว.กก.2 ทล.ขอนแก่น ซึ่งมาร่วมชุมนุมด้วยกล่าวว่า นักการเมืองใช้พวกเราที่เป็นข้าราชการตำรวจเป็นเครื่องมือโดยตลอด ไม่ว่าจะเหลือง จะแดง กล่าวหาตำรวจ เพียงเพื่อแย่งอำนาจกัน จึงขอระบายออกบ้าง นักการเมืองแย่งอำนาจกันตำรวจเดือดร้อนทุกครั้ง เราเป็นตำรวจรักษาหน้าที่ตำรวจไทย จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา สั่งให้ไประงับเหตุปกป้องสถานที่ราชการ ไม่ให้มีอาวุธติดตัวไป เป็นอย่างนี้รู้ว่าไปตายก็ยังต้องไป ถ้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาเป็นใหญ่ และมีปรับโครงสร้างข้าราชการตำรวจไทยเมื่อไร พวกเราที่เป็นตำรวจทั่วภาค 4 จะขอลาออก และจะทำหน้าที่เป็นแกนนำนำตำรวจภาค 4 ไปชุมนุมเรียกร้องขับไล่นายสุเทพเอง
ที่มา
http://board.postjung.com/734226.html
Posted by mr.patton on 1 May 2014 - 01:35
อิ อิ ผมเตือนพวกคุณตรงนี้ !!!!!!!
อย่าดูถูกพวก ลุงๆ ป้าๆ เสื้อเเดงพวกนี้นะครับ การตอเเหลที่หน้ากลัวที่สุดคือการตอเเหลอย่างมียุทธวิธี ก็เหมือนๆส่ง ไฟให้เด็กเล็กๆนั้นละ ติดตามกันครับเพจนี้ น่าสนใจ น่าสนใจ อิ อิ
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net