Jump to content


ลิ้มนัลโด้

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 30 ตุลาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2555 17:17
-----

Posts I've Made

In Topic: งามหน้า! สื่อนอกประจานไทย สร้างสนามฟุตซอลไม่เสร็จทันกำหนดฟีฟ่า แต่ดันโบ้ย...

9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:53

เมื่อกี้ไปถามที่กระทู้อีกกระทู้ที่คุยเรื่องนี้ เลยขอยกมาที่นี่ด้วย เผื่อใครที่ตามข้อมูลอยู่มีข้อมูลมาแลกเปลี่ยนจะได้คุยกันครับ

ผมมีคำถามนิดเดียว ที่ยังหาหลักฐานมาตอบข้อสงสัยผมไม่ได้ (timeline เป็นแบบย้อนเวลาจากผลไปสู่เหตุนะครับ)

1. การก่อสร้างระยะเวลานาน ต้องมีการเบิกจ่ายเงินเป็นงวดๆ

2. จากป้ายประกาศซึ่ง กำหนดการก่อสร้าง เริ่ม 14 ม.ค. 55 ถึง 7 เม.ย. 56 ดังนั้นเดาได้เลยว่าในปีงบ 55 ต้องมีการเบิกจ่ายหลายงวดซึ่งเกิน 1 ล้านบาทแน่นอน

3. แล้วทำไมในเมื่อ กทม. ได้งบมาแค่ 1 ล้านในปีงบ 55 จึงกล้าทำสัญญาก่อสร้างที่ต้องจ่ายเงินเกิน 1 ล้านบาทได้
และ ทำไมตอนนั้น(และจนถึงตอนนี้) ไม่มีการโวยวายจาก กทม. เลย

ผมกำลังคิดถึงประเด็นความเป็นไปได้ที่ทำให้ กทม. กล้าเซ็นสัญญา 2 ประเด็น คือ การโยกงบประมาณ กับ การใช้งบนอก แต่ยังหาหลักฐานรองรับไม่ได้ครับ



การทำงานก่อสร้าง ก่อนจะมีแผนการก่อสร้างหลักหรือ masterplan ออกมา มันต้องมีการทำ cash flow เพื่อพล้อต s-curve แล้วถึงเอาตรงนี้มาเป็นข้อมูลในการทำแผนหลัก
เพราะผู้รับเหมาเอง ด้วยขั้นตอนเบิกจ่ายของราชการที่ช้า จำเป็นต้องใช้บริการ factoring จากธนาคาร หรือการขายบิลนั่นแหละ
จึงต้องมีแผน s-curve ออกมาประกอบการพิจ่ารณาของธนาคารด้วย ซึ่งแผนประกอบดังกล่าว ต้องได้รับการรับรองจากผู้ว่าจ้างว่าถูกต้อง
เพราะงั้น ข้ออ้าง ไม่มีงบให้เบิก ผู้รับเหมาทำงานไม่ได้ ไม่มี

ส่วนกรณีเงินรัฐบาลให้เบิก 1 ล้าน ไร้สาระมาก
ระเบียบการว่าจ้างระหว่างภาครัฐกับเอกชนของกรมบัญชีกลาง เค้าระบุชัดเจนอยุ่แล้วว่า วงเงินโครงการต้องโดนจัดตั้ง 100% ถึงจะสามารถทำสัญญากับเอกชนได้
กรณีเดียว ที่รัฐบาล หรือกรมบัญชีกลางให้เบิกไม่ครบจำนวน หรือ 1 ล้าน มันเกิดได้กรณีเดียวคือ
งาน ไม่เรียบร้อยตามงวดเบิก
ยกตัวอย่าง โดยปกติแผนงานก่อสร้าง เมื่อทำ cash flow แล้วจะซอยย่อยงวดเบิกออกไป ตามมูลค่าผลงานที่ทำ
ตอกเสาเข็ม เบิกได้ สิบล้าน / ทำ footing ขึ้นฐานรากเบิกได้อีก 5 ล้าน ประมาณนี้
ถ้าบัญชีกลางอนุมัติ งวดเบิกไม่ครบตามจำนวน แปลว่า progress งานไม่ได้ตามสัญญา
มันไม่มีหรอกครับ ไอ้ประเภท ของบปี 54 สร้างได้ครึ่งตึก ปี 55 ของบสร้างอีกครั้งตึก

ภาครัฐมีระเบียบปฏิบัติอยู่แล้ว คือ บัญชีกลางจะต้องถือเงิน 100% ไว้ กทม ถึงจะสามารถไปทำสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาได้ แต่จะให้เบิกรึเปล่า มันมีระเบียบ และสัญญาว่าจ้างคุมอยู่
ถ้าคุณทำได้ตามสัญญา แล้วรัฐไม่ให้เบิก ก็ฟ้องได้เลยครับ

คำถาม

1. ในเมื่อทราบอยู่แล้วว่าการแข่งมีในเดือนพฤศจิกายน ใครหน้าไหนมันไปอนุมัติแผนงานก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จเดือนเมษายน ปี 56 ??????
ไม่ต้องบอกว่า ขอขยายกรอบนะครับ เพราะ นี่คือกำหนดแผนหลัก ที่ต้องแนบท้ายสัญญาว่าจ้าง ที่ กทม. ลงนามกับคู่สัญญา

ส่วนตัวนะครับ ในฐานะที่ทำงานในวงการก่อสร้างกับภาครัฐมา
ข้ออ้างที่ผู้รับผิดชอบออกมาบอกประชาชนแต่ละข้อ ไร้สาระ และดูถูกภูมิปัญญาคนฟังมาก
ผมจะโอเคเลยนะครับ ถ้าตั้งแต่แรกท่านผู้ว่า หรือ กทม ออกมายอมรับว่า งานก่อสร้างล่าช้ามีอุปสรรค์ เสร็จไม่ทันตามกำหนด
มันคือเรื่องปกติ
แต่ไอ้การขายฝันว่าเสร็จแน่ ทั้งๆที่มันยังไม่เสร็จ พอถึงเวลาก็ออกมาอ้างสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบ หรือไม่เข้าใจข้อเท็จจริง มันน่าเกลียดมาก

โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ เพราะหลักการก็คือ ครม.อนุมัติงบก่อสร้างดังกล่าวไปตั้งแต่ ปี54 ปีงบประมาณ 55 แล้ว
งบเมื่ออนุมัติผ่าน ครม. แล้วเป็นสิทธิขาดของบัญชีกลางที่จะให้เบิกไม่ให้เบิก ตามสัญญาว่าจ้างเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นงบนอกเหนือสัญญา เช่น งานเพิ่ม-ลด
แล้ว กทม ไปตกลงกับคู่สัญญาให้ทำงานเพิ่ม-ลด ทั้งๆที่ ครม ไม่อนุมัติ - กทม ต้องหาเงินมาจ่ายเอง
นี่คือหลักการข้อเท็จจริง

In Topic: ถ้าม็อบท่านเสธ.อ้ายอยากจะประสบความสำเร็จในการกู้ชาติ พี่พี่ในเสรีไทยนี้คิดว่า...

9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:15

ประสบความสำเร็จยังไงละครับ?
สมมุติขนออกมาล้านคนมาไล่รัฐบาล รัฐบาลอยุ่ไม่ได้ เปลี่ยนขั้วการเมือง
ฝั่งรัฐบาลก็ขนออกมาอีกล้านคน มาไล่อีก มันก็สลับกันยังงี้

ข้อเท็จจริงมันก็คือ ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องมานั่งบลัฟว่าคนฝ่ายไหนเยอะกว่า มันก็มีพอๆกันนั่นแหละ
อยากประสบความสำเร็จ ก็อย่างที่หลายๆคนบอกไปตอนต้น มันต้องใจเย็นๆใช้เวลา่สร้างฐาน

จริงๆ นโยบายประชานิยม มันก็ทำลายตัวรัฐบาลเองอยุ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ค่าแรง 300 บาท เงินเดือน 15000 การจำนำข้าว ฯลฯ

แต่ในเมื่อรอกันไม่ได้ อยากเห็นผลทันตา ขนคนมาไล่ สุดท้ายถึงไล่สำเร็จ รัฐบาลใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน? อันนี้สิน่าสนใจ

In Topic: "สุขุมพันธุ์" เดือดจ่อฟ้องกลับ"ฟีฟ่า"ทำกทม.เสียหาย

8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:01

ผมว่าควรฟ้อง

เพราะหลังอ่านรายละเอียดหลายๆอย่าง

อย่างแรกตอนเสนอตัว เราไม่ได้เสนสนามใหม่ สนามใหม่ไม่มีในแผนเลย และฟีฟ่ามาคุยที่หลังให้สร้างใหม่ มีหลักฐานจำนวนมากเรื่องนี้
จะว่าไปถึงไม่มีสนามหนองจอกเราก็ยังจัดได้ สนามพอ
ให้ส้างเพิ่มทำไม?

อย่างที่ 2 การไม่ให้ผ่านทำผิดธรรมเนียมมาก คือไม่มีการแจ้งก่อนต่อทางกทม ไม่มีเอกสารหรืออะไรใดๆเลย แต่ใช่แถลงข่าวแทน และมีความไม่ชัดเจน บอกไม่ปลอดภัยแต่อธิบายไม่ได้ว่าเรื่องไหน อะไรบ้าง

สนับสนุนให้ฟ้อง


1. ฟีฟ่าไม่ได้ขอให้เราสร้างสนามใหม่ครับ ตอนเรา bid เรายื่นไม่มีสนามใหม่ แต่ภายหลังจากประกาศผลแล้ว เราเองนั่นแหละที่ไปยื่นขอสร้างสนามใหม่เพื่อใช้เพิ่มเติม

2. มันไม่ต้องมีธรรมเนียมปฏิบัติหรอกครับ ระเบียบที่ฟีฟ่าเค้าให้สัมภาษณ์ตอนแรกเค้าก็บอกอยุ่แล้วว่าโดยปกติ สนามต้องเสร็จเรียบร้อย และทดสอบก่อนเริ่มแข่งอย่างน้อย 1-2 เดือนแค่นี้เค้าก็ยืดหยุ่นให้เยอะแล้วนะ ผมว่า

สุดท้ายคือใครผิดไม่รู้ แต่ที่จะไปฟ้องฟีฟ่า นี่ ปัญญาอ่อนมาก
ผมกลัว ฟีฟ่ามันจะฟ้องเรามากกว่านี่สิ ที่ทำไม่ได้ตาม proposal ที่นำเสนอไป

In Topic: ^^^^ คำถามที่คนเสื้อแดงไม่กล้าตอบ ^^^^ (คำถามที่ไม่กล้าตอบของแท้ ไม่เหมือนพวก...

5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:38


ขอตอบทีละท่านนะครับ เยอะเชียว ถ้าช้าหกตกหล่นก็ขออภัยด้วย ขอไม่quoted นะครับเดี๋ยวจะยาวไปกันใหญ่

คุณ ant ครับ

- ขบวนการล้มเจ้า ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์มันมีมานานนม พอๆกะปัญหาโจรใต้นั่นหละครับ เพียงแต่ที่ผ่านมามันไม่มีพลังเพียงพอจะสร้างความปั่นป่วน
แต่ที่มันกลับมามีพลังได้ ต้องมองลึกไปว่า ใครเป็นคนสร้างเงื่อนไขให้มันกลับมา
อยากจะเรียนว่าพอจำตอน ป.ว. 49 ได้มั๊ยที่ทหารผูกผ้าพันคอกับเรียกตัวเองว่า"ทหารพระราชา" รวมถึงสนธิลิ้มสมัยขับไล่ ร.บ. สมัคร ที่กล่าวอ้างถึงการต่อสู้เพื่อความจงรักภักดี รวมถึงวาทกรรมยอดฮิต "ราชบุตรเขย" ได้มั๊ย
ต้องเรียนก่อนว่า โดยเนื้อแท้แล้วคนเสื้อแดงเอง ก็มีหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มจงรักภักดีจริง กลุ่มเฉยๆ เฉกเช่นคนเสื้อสีอื่น
แต่การสร้างเงื่อนไข และผลักคนเหล่านั้นไปอยู่ฝั่งตรงข้ามสถาบัน มันเกิดจาก พวกคุณ รึเปล่า?
มันก็เป็นช่องทางให้ผีล้มเจ้าคอมมิวนิสต์ทั้งหลาย กลับมาปลุกปั่นจนมีพลังกลับมาได้
ด้วยแนวทางที่กลุ่มต่อต้านแม้วดำเนินการข้างต้น ส่วนตัวผมมองว่า ไม่ฉลาด และไม่ส่งผลดีกับสถาบันซักนิด เพราะคุณทำให้ลัทธิล้มเจ้ากลับมาได้ด้วยการผลักประชาชนไปอยู่ข้างพวกมัน
มันก็เลยส่งผลอย่างที่ คุณ ant กล่าวถึงนั่นหละครับ

คุณ whiskypeak ครับ

ผมเห็นด้วยกับแนวทางเมินเฉย และใช้กฎหมายบังคับ
ก่อนหน้านี้มีประเด็นกับเรื่อง ม.112 พวกล้มเจ้าอยากให้เลิก ฝั่งตรงข้ามไม่อยากให้เลิก
ส่วนตัวผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเลิก แต่ควรต้องแก้ไขให้ชอบธรรมในหลัก ตรรกกะ โดยกำหนดกระบวนการวิธีพิจารณาคดีความ 112 ให้ชัดเจน กำหนดบทลงโทษให้ชัดเจน และกำหนดหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นโจทก์แทนสถาบันให้ชัดเจน และทำความเข้าใจกับสาธารณะชนให้ทราบ
เพราะตราบใดที่ 112 ไม่ชัดเจน มันก็เป็นที่ครหาว่า ยุติธรรม เพียงพอหรือไม่? และกลายเป็นเครื่องมือของคนบางกลุ่มที่ไม่รู้ว่าจงรักภักดีจริงหรือไม่ เอามาใช้หาประโยชน์ให้ฝ่ายตนเอง และเป็นแรงผลักให้มีการต่อต้าน หรือภาพลบกับสถาบันมากขึ้น

คุณอย่าลืมว่าวันที่คุณจับ 1 คนด้วยมาตรา 112 เค้ามีญาติ 10 คน คุณไปจับญาติเค้าต่อ มันก็ต่อออกไปเป็น 100 คน นี่คือข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่
สุดท้ายก็ต้องใช้เวลา่ อย่าลืมว่าเรากระตุ้นกระบวนการล้มเจ้ากลับมา 6 ปี จะคาดหวังให้มันหายไปภายใน 3 วันมันเป็นไปไม่ได้
เหมือนโบราณเค้าพูดว่า อยากให้บริวารรักใคร่ ต้องมี ทั้ง พระเดช และ พระคุณ ครับ

สรุปคือแนวทางที่ผมมองว่าแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่การปราบปรามแต่ประกอบด้วย 3 ข้อ
1. ยุติการนำสถาบันไปเกี่ยวข้องในข้อพิพาท หรือผลประโยชน์
2. ปรับมาตรา 112 ให้มีความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติ และยอมรับได้
3. เวลา

คุณ ikegators ครับ
เหตุผลที่ผมขับไล่ทักษิณ ก็เช่นเดียวกับพวกคุณ คือปัญหาคอรัปชั่นในช่วงรัฐบาลนั้นครับ โดยเฉพาะบริวารทั้งหลายของทักษิณในยุคนั้น
เหตุผลที่สนับสนุน นปก. อย่างที่เรียนไปตอนต้น
ผมแยกแยะ ระหว่างคำว่า ประชาธิปไตย กับ ศีลธรรม
ผมเชื่อว่า ในตอนนั้น มีการประกาศยุบสภาและทักษิณอยุ่ในภาวะที่เสื่อมแล้ว มีกระบวนการหลายอย่างที่ถูกต้องที่สามารถดำเนินการได้
แต่ การใช้คำว่าศีลธรรม มาเป็นข้ออ้างแล้วทำการปฏิวัติ ทำลายประชาธิปไตย มันคนละเรื่อง
เพราะฉะนั้น เมื่อ นปก ชูธง ต่อต้านปฏิวัติ ผมก็สนับสนุน ไงครับ
แต่การสนับสนุน นปก ไม่ได้แปลว่า ผมสนับสนุนทักษิณ
มันคือ แนวคิด ไม่ใช่บุคคล ครับ

คุณ อู๋ ฮานามิ ครับ

ก็อย่างที่เรียนตอบคุณ ant ไปในเมื่อฝ่ายหนึ่งพยายามทำให้ข้อพิพาทกลายเป็น สงครามชนชั้น มันก็เป็นแบบนั้นแหละครับ
ต่างฝ่ายต่าง เกี่ยงกันที่จะหยุดกล่าวอ้างสถาบัน มันก็รบกันอยู่แบบนี้แหละครับ ไม่มีวันจบหรอก
ส่วนเรื่องที่มีคนต้องการให้สถาบันลงมายุติข้อพิพาท มันก็ยึดตามมาตรฐานที่สถาบันเคยมีบทบาทตอน พฤษภาทมิฬ นั่นแหละครับ
จะด้วยเหตุผลกลใดที่สถาบันไม่ลงมายุ่งเกี่ยวในรอบนี้ผมไม่ทราบ แต่มันก็เพียงพอจะทำให้ฝ่ายเสื้อแดงรู้สึกการโดนกีดกันไปเป็นคนนอกรีตของประเทศครับ

คุณ pingping ครับ

ไอ้คำว่ารัฐไทยใหม่ที่พูดๆกันของแกนนำเสื้อแดง ผมยังไม่เห็นแนวคิดที่เป็นรูปธรรมซํกอย่างเดียว มันก็มีค่าแค่ กิมมิค แค่นั้นสำหรับผม
ถูกครับที่หลายๆคนเรียกผมแดงเทียม แต่อย่างที่เรียน ผมไม่ชอบ กิมมิคเรียกแม่ยก หรือ คำพูดเพ้อเจ้อที่ปฏิบัติไม่ได้

มีคนมาพูดกับผมมั๊ยเรื่องนี้ มีเยอะนะครับ แต่จะให้ผมเชื่อในแนวคิดรัฐไทยใหม่ ผมไม่ตอบว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย แต่คนพูดต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ทำยังไง?
คนมองกันแต่ โมเดลการปฏิวัติฝรั่งเศส
แต่คนรู้รึเปล่าหลังจากปฏิวัติฝรั่งเศส เกิดสงครามกลางเมืองทั้งภายในฝ่าย ป.ว. เอง และฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์ที่ยังคงอยู่ จน ฝรั่งเศสแทบล่มสลาย
จนนโปเลียน ตั้งตัวมาปราบปรามนั่นแหละ ถึงจบ

เพราะฉะนั้นสำหรับผม แนวคิดรัฐไทยใหม่ มันก็เป็นได้แค่แนวคิดที่ไม่มีทางปฏิบัติได้จริงในยุคนี้
แทนที่จะคิดเรื่องรัฐไทยใหม่ ควรไปคิดว่า ฝ่ายเอาเจ้ากับฝ่ายล้มเจ้าจะอยู่ร่วมกันได้ยังไง มันน่าจะเข้าท่ากว่า

คุณบาดทะยัก ครับ

ทำไมผมต้องไปสนใจถึง รสช. ละครับ เพราะ รสช. ปี 34
แต่ก่อน ป.ว. ปี 49 ประเทศไทยใช้ รธน. ปี40 สมัย รัฐบาล บรรหารพรรคชาติไทย ครับ


คุณได้คิดหรือไม่ว่า การที่คุณได้เข้าร่วมกับขบวนการเสื้อแดง (ทั้งล้มเจ้าและไม่ล้มเจ้า) ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ที่ทำให้ก็จะมีอีกพวกที่ไม่เห็นด้วยกับคุณแล้วก็ออกมาต่อต้าน
ทำไมกรณีนี้คุณกลับ ไม่เลือก "ที่จะเมินเฉย" แล้วใช้กฏหมายในการคลื่คลายปัญหาบ้างล่ะครับ..


กฎหมายข้อไหนละครับ ในเมื่อ รัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 309 ระบุว่า
“บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”

ลงรายละเอียดในมาตรา 36 ว่า
“บรรดาประกาศและคำสั่งของคณะปฏิรูปการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือคำสั่งของหัว หน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปใดและไม่ว่าจะประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทาง นิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปและให้ถือว่าประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศหรือคำ สั่งนั้นจะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นประกาศหรือคำสั่ง หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ”

เท่ากับมันรับรอง 1.) ประกาศ คปค. 2.) คำสั่ง คปค. 3.) การปฏิบัติตามประกาศ หรือตามคำสั่ง คปค. ไม่ว่าก่อนหรือหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550


แล้วท่านจะให้ผมเอากฎหมายฉบับไหนไปคลี่คลายปัญหาละครับ ในเมื่อพวกท่านใช้ัรฐธรรมนูญ 50 ที่ระบุว่า คณะปฏิวัติไร้ความผิดด้วยประการทั้งปวง

In Topic: ^^^^ คำถามที่คนเสื้อแดงไม่กล้าตอบ ^^^^ (คำถามที่ไม่กล้าตอบของแท้ ไม่เหมือนพวก...

2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:43



คุณ ลิ้มนัลโด้ ดูเป็นคนมีความคิด ต่างจากแดงดาด ๆ ที่มักถูกเปรียบเทียบกับอุปกรณ์การเกษตร ไม่ทราบว่าคุณอยู่แค่หน้าจอคอม หรือไปร่วมต่อสู้ ร่วมชุมนุมอะไรกับเขาหรือเปล่า

คำถามสำหรับคุณน่าจะเป็น 1 คุณยอมรับได้หรือกับความกาก ความโกหกตอแหลของพวกแกนนำที่ไม่เคยเอาความจริงมาสู้ ความพยายามล้างสมองมวลชนด้วยความเท็จ ปลุกปั่น ปลุกระดมให้มีความโกรธแค้นชิงชังตลอดเวลา 2 การต่อสู้ด้วยอาวุธของชายชุดดำ ซึ่งมีอยู่จริงแต่พวกแกนนำพยายามบิดเบือนทำเป็นมองไม่เห็น คุณเห็นด้วยกับแนวทางนี้รีเปล่า มีคนบริสุทธิ์ที่ตาย (แบบไม่รู้ตัวว่าเป็นเหยื่อของทักษิณ) จำนวนมาก ทั้งผู้ชุมนุม พยาบาลอาสา ฯลฯ คุณยอมรับได้หรือไม่ หรือจะบอกว่า “สงครามมันโหดร้าย” 3 คุณบอกเองว่ายิ่งลักษณ์ไม่มีโปรไฟล์อะไรให้คุณเชื่อถือ ทั้งนโยบายจำนำข้าว หลอกลวงซื้อเสียงซื้อเวลาไปวัน ๆ ที่องค์กรทั้งในประเทศ ต่างประเทศออกมาพูดตรงกันว่า จะทำให้ประเทศเสียหายแบบฟื้นตัวยาก ถ้าคุณยังสติดีอยู่ คุณน่าจะไม่มีตัวเลือกใด ๆ ในเวลานี้ แต่คุณก็ยังสนับสนุนเสื้อแดง???


ผมร่วมชุมนุมตั้งแต่ นปก. สนามหลวงครับ วันที่เสธแดงโดนยิง ผมก็อยู่ที่นั่น วันรุ่งขึ้นที่มีเหตุปะทะกันที่บ่อนไก่ ผมก็อยุ่ที่นั่น
แต่ ผมเป็นคนดี ไมไ่ด้เผาอะไรนะ 55+

ตอบคำถามครับ

1. แกนนำก็คือฝ่ายการเมือง ก็คือนักการเมืองครับ คนฟังแต่ละคนมีวิจารณญาณไม่เท่ากัน ผมไปบอกให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อไม่ได้
แต่ผมตัดสินใจได้ว่า อะไรที่ควรเชื่อ ไม่ควรเชื่อ ไม่ได้แปลว่าแกนนำพูดอะไรผมเชื่อทุกอย่างครับ
แต่เค้าก็ไมไ่ด้โกหกทุกอย่างครับ

2. เหตุตายเจ็บที่เกิดขึ้น ในสายตาผมขอออกความคิดเห็นตามนี้ครับ
- ส่วนของแกนนำหนีไม่พ้นหรอกครับกับคำว่า พาคนไปตาย คนออแกไนซ์ม้อบมันก็ต้องรับผิดชอบผู้มาชุมนุม
- ส่วนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็ต้องรับผิดชอบกับการแก้ไขปัญหาแล้วทำให้คนตายครับ เพราะคุณคือรัฐบาล ดำเนินการด้วยเงินภาษีประชาชน
คนอยู่บ้านก็เสียภาษี คนไปชุมนุมก็เสียภาษี ไม่เกี่ยวว่าสนับสนุนฝ่ายไหน
ในเมื่อรัฐบาลเลือกแก้ปัญหาด้วยกำลัง พอมีคนเจ็บ ตาย เกิดขึ้น จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่าย มันก็มีส่วนต้องรับผิดชอบทั้งคู่นั่นแหละครับ
เรื่องชายชุดดำก็ปล่อยเค้าเถียงกันในสภาไปเถอะครับ

3. ผมสนับสนุนแนวคิดคนเสื้อแดง ไม่ได้เป็นหัวคะแนนพรรคเพื่อไทยครับ
เสื้อแดงเค้าชูธงว่า บ้านเมืองมันไม่เป็นประชาธิปไตย ผมเห็นด้วย ผมก็สนับสนุน
แต่ฝ่ายตรงข้ามเค้า ชูธงอย่างเดียว คือ กวาดล้างเสื้อแดง กวาดล้างทักษิณ ผมก็ไม่รู้จะสนับสนุนอะไรอ่ะครับ

ยิ่งลักษณ์ห่วยมั๊ย สายตาผม ห่วยครับ แต่อย่างที่เรียนไปต้นๆกระทู้ ก็ระบบการเลือกตั้งมันไม่ได้เลือกนายก โดยตรง มันก็ได้แบบนี้แหละครับ
พอจะใช้ระบบการเลือกตั้งนายก โดยตรง ก็จะไปเซนซิทิฟ บางกลุ่มว่าอยากเปลี่ยนเป็นระบบ republic หรือประธานาธิปดีอีก
ถ้าถามถึงการบริหารประเทศ มันก็ห่วยหมดแหละครับ นาทีนี้ ทั้งรัฐบาลนี้ ทั้งฝ่ายค้าน ยิ่ง ส.ว.ที่ฝ่ายการเมืองยัดคนเข้ามายิ่งห่วย
แต่ทำไงได้ครับ เงื่อนไขมันโดนสร้าง โดนผูกกันอีรุงตุงนังไปหมด


ก็ยังน่าดีใจที่กล้ายอมรับความจริงครับ
แต่ผมขอวิจารณ์ว่า คุณต้องแยกให้ออก ระหว่างการเห็นด้วยในหลักการ
กับการสนับสนุนแนวทางในการปฏิบัติ

การที่คุณไปร่วมชุมนุมกับเขา และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
แต่กลับปฏิเสธว่าไม่เห็นด้วยกับการพาคนไปตายของแกนนำก็ดี
การใช้ความรุนแรงตั้งแต่ครั้ง นปก. ก็ดี
ผมว่า คนทั่วไปย่อมไม่สามารถเข้าใจได้ถึงเหตุผลตรรกะของคุณ
ว่าทั้งๆ ที่รู้ ที่เห็น แต่ก็ยังไปชุมนุมกับเขา
แล้วก็ย่อมทำให้สงสัยได้ว่า สรุปว่า ที่บอกว่า ไม่เห็นด้วย ไม่ชอบ นั้น ไม่เห็นด้วยจริงๆ
หรือแค่พูดไปอย่างนั้นเอง -_-


มันน่าแปลกตรงไหนละครับ ?? เวลาแต่ละฝ่ายเค้าประกาศเป้าหมายการชุมนุม เค้าไม่ได้มี agenda แนวทางปฏิบัติออกมาหนิครับ
ก็ผมมองประเทศว่ามันไม่ประชาธิปไตย
แดง เค้าบอกเค้าก็จะเรียกร้องประชาธิปไตย และต่อต้านปฏิวัติ ผมเห็นด้วย ผมก็สนับสนุนเค้าไงครับ
แต่พอเค้าให้ไปทำอะไรที่ผมไม่เห็นด้วย ผมก็ไม่ทำไงครับ
แต่ธงเดิม แนวคิดเดิมเค้ายังอยู่ ผมก็ยังโอเคกับเค้าอยู่ไง

มันก็เป็นเสรีภาพแต่ละคนอยู่แล้วที่จะไปชุมนุมงานไหน
ตอนพันธมิตรทวงคืนเขาพระวิหาร ผมก็ไป แปลว่าผมต้องเป็นเสื้อเหลืองด้วยรึเปล่าละครับ?
การไปร่วมชุมนุม ก็ไปอัพเดทข่าวสาร ไปฟังเค้านำเสนออะไรบ้าง
เข้าท่าก็ฟังต่อ ไม่เข้าท่าก็กลับบ้าน ก็แค่นั้นเอง

ใครจะไปชุมนุมฝั่งไหนมันก็ไม่ผิดทั้งนั้นแหละ ขอแค่พกสมองไปชุมนุมด้วยก็แค่นั้น
ผมว่าไอ้ตรรกกะที่คิดว่า โห ไอ้นี่ไปชุมนุมมา แปลว่ามันต้องเป็นลูกโปกทักษิณ มันต้องเผาเซ็นทรัลเวิร์ล มันต้องเป็นชุดดำ มันต้องเลือกเพื่อไทย
ไอ้แบบนี้สิ ประหลาดกว่าในสายตาผม
ตรรกกะแบบนี้ ผมเรียก ตรรกกะแบบ อาชีวะตีกัน คือไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น เค้าบอกให้ไปตีคู่อริที่ไหนก็ไปตีกับเค้า