Jump to content


50satang

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2557 16:41
-----

#1001069 เครือข่าย 2เอา2ไม่เอา

โดย 50satang on 11 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:43

เลื่อนช่องดูช่องไทยพีบีเอสเมื่อ 11 โมงที่ผ่านมา มีถ่ายทอดสดแถลงข่าวเปิดตัวเครือข่าย 2 เอา 2 ไม่เอา ที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และเห็นฟรีทีวีบางช่องเริ่มเล่นข่าวนี้แล้ว

 

0010009314.jpg

 

 

สำหรับผมนะ ไม่ต้องย้ำหรอกเรื่องคัดค้านรัฐประหาร ผมคัดค้านอยู่แล้ว ส่วนเรื่องคัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบน่ะ หลายคนในเครือข่ายความรู้สึกช้าตั้งสองสามปี ผมมองว่าเป็นการดิ้นรนเพื่อหาพื้นที่สื่อด้วย

 

ออกตัวก่อน ไม่ได้แย้งท่านนะ เพียงแต่อยากแสดงความคิดเห็น

 

1. เราว่าทุกคนในประเทศไม่มีใครอยากให้มีการรัฐประหารแน่ ใครจะอยากให้ปกครองแบบเผด็จการกันล่ะ ประชาธิปไตยก็ดีอยู่แล้ว " เพียงแต่บางคนอาจคิดว่า ให้มีการรัฐประหาร ก็ยังดีกว่าให้ระบอบทักษิณบริหารประเทศก็เท่านั้น ขอย้ำว่าอาจมีบางคนคิดนะ"

 

2. คนกลุ่มนี้อาจกังวลว่าเมื่อเหตุการณ์มันรุงแรงและหาทางออกไม่ได้ อาจเป็นเหตุให้กลุ่มปฏิวัตินำไปเป็นช่องทางในการดำเนินการ

 

3. เราเห็นคนที่มีความคิดต่างมารวมกันได้ เราว่าดีนะ "แอบมองไปว่า เสื้อแดง เสื้อเหลือง กปปส. และกลุ่มต่างๆ อาจรวมตัวกันได้"

 

4. ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ (ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ถูกมั้ย) ถ้าจำไม่ผิด ศาลเคยเบิกตัวเป็นพยานในคดีแปรสัมปทานโทรศัพท์ที่ คตส. ฟ้องทักษิณ "ตอนนั้นเราได้ความรู้จากท่านนี้พอสมควร" ตอนนี้มาอยู่กลุ่มนี้ "เราไม่มองว่าโดนทักษิณซื้อนะ" แต่เราแอบเดาเองว่า "ในช่วงปฏิวัติทักษิณ ท่านนี้น่าจะมีส่วนร่วมในการตรากฎหมายบางอย่าง และได้รับรู้การต่อรองผลประโยชน์กันของคณะปฏิวัติ (เราเคยดูท่านน่าจะพูดเรื่องทีวีสาธารณะ หรืออะไรนี่ล่ะ) แทนที่กฎหมายนั้นจะทำให้ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด กลับต้องยอมให้กลุ่มต่อรองผลประโยชน์ เพื่อให้สามารถออกกฎหมายได้" มันเป็นความจริงที่ว่ากลุ่มใดก็ตามที่ได้อำนาจ ไม่วายที่จะออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ยิ่งอำนาจปฏิวัติไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยแล้ว

 

5. ยังไงซะประเทศไทยก็ต้องมีการเลือกตั้ง (อาจจะไม่ใช่วันที่ 2 ก.พ.นี้) แต่สักวันต้องเลือกอยู่ดี เพราะมันเป็นวิถีทางประชาธิปไตย "ใจเราก็อยากไล่ระบอบทักษิณให้พ้นไปนะ แต่เนื้อหาของการปฏิรูปที่นำเสนอมาจาก กปปส. น้อยไปนิดนึง หากชัดเจนกว่านี้ อาจได้แนวร่วมเพิ่มเยอะพอสมควร"




#999546 โครงสร้างระบอบทักษิณในภาคอีสาน จากใจผมเสื้อแดงครับ

โดย 50satang on 10 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:48

สวัสดีอีกครั้งครับ . .  . ขอย้ำอีกครั้งว่าผมเป็นเสื้อแดงจริงๆและเชื่อมั่นในรัฐบาลจากฝั่งทักษิณครับ

 

วันนี้ผมจะมาวิเคราะห์ให้ฟังว่าทำใมคนอีสานบ้านผมถึงได้ชื่นและชอบระบอบทักษิณกันมากมายนัก. . . อยากให้คนกรุง คนในเมืองหลายๆท่านได้อ่าน

 

ขอจำแนกคนส่วนใหญ่ในภาคอีสานแบ่งย่อยๆออกมาตามอาชีพนะครับ

1. คนอาชีพเดียว 

1.1ชาวนา---------------------> แดงแจ๊สแน่นอน

1.2 พ่อค้า/มนุษย์เงินเดือน----> อันนี้เค้าจะออกแนวทำมาหากินไม่ค่อยสนใจกับการเมืองมากนัก

1.3 ข้าราขการ ------------> ข้าราชการส่วนนี้มีน้อยเพราะส่วนใหญ่จะเป็นข้อ 2.3 ซะมากกว่า

2. คนหลายอาชีพ

2.1ลูกครึ่งชาวนาพ่อค้า --> อันนี้จะทำงานตามฤดูกาลคือ ฤดูทำนาก็จะทำส่วนฤดูที่ว่างจากการทำนาก็จะค้าขาย หรือปลูกพืชสิ้นค้าเกษตรกรรมเพื่อค้าขาย

2.2 ลูกครึ่งชาวนาข้าราชการ --> อันนี้คือเวลาราชการก็ไปทำงานเลิกงงานสี่โมงครึ่งกลับมาจับรถไถออกไปลุยทำนา

2.3 ลูกครึ่งพ่อค้าข้าราชการ --> อันนี้คือเค้ามีร้านค้า/ธุรกิจของตนเองส่วนใหญ่จะจ้างคนดูแลเพราะเวลากลางวันต้องไปทำงานประจำ 

 

เอาหละครับพูดมาพอสมควรแล้วกับบทบาทของแต่ละอาชีพในท้องถิ่นของผม .. . .   ทีนี้เรามาดูกันว่าระบอบทักษิณที่พวกคุณบอกว่าหยั่งรากลึกๆ มันหยั่งรากลงไปได้อย่างไร .. . . . . . แน่นอนว่าชาวนานั้นได้ประโยชน์เต็มๆจากการจำนำข้าว ทำให้เค้ามีสินทรัพท์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนข้าราชการก็ได้ทั้งรถคันแรก+เงินเดือน15000..... 

 

ถามทำใม ขรก./รัฐวิสาหกิจภาคอีสานถึงเป็นแดงหละ  

ตอบ ขรก.ภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่จะเป็นลูกครึ่งชาวนาครับ ได้สองเด้งทั้งนโยบายที่ตกกับชาวนาและนโยบายที่ตกกับชนชั้นกลางเอง จะเห็นได้ว่ามันดีกับตัวเขาเองจริงๆ  จะเห็นได้ชัดๆเลยว่าข้าราชการส่วนใหญ่นั้นทำนานควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ครู /ตำรวจ /พนักงานฝ่ายปกครอง ต่างก็ทำนาเป็นหมด  ยกเว้น อาชีพหมอเพราะคุณหมอเค้ารายได้ดีอยู่แล้ว เคสนี้เป็นเคสที่ชัดมากเลยเพราะคุณหมอส่วนมากจะเป็นเหลืองเพราะไม่ได้สองเด้งเหมือนขรก.ชนิดอื่น แถมยังโดนตัดด้านสวัสดิการจากรบ. นี้อีกมันก็ไม่แปลกที่เค้าจะไม่ชอบ . . .. 

 

 

                 ทีนี้มาถึงบทที่ว่าคุณจะทำอย่างไร? ที่จะถอนระบอบทักษิณของไปจากสังคมของผมมันเลยเกิดคำถามว่า : ถ้าทำตามแนวทางที่พวกคุณบอกแล้ว สิ่งที่ผมเคยได้จากทักษิณจะหายไปไหม ?  อะไรจะเข้ามาทดแทน ?  ความยากจนแล้งแค้นถูกกดขี่แบบเก่าหนะหรือ ?  และ ถ้าตอบได้ว่าหลังจากการปฏิรูปแล้วผมจะได้อะไรจากระบอบใหม่และสิ่งนั้นดีกว่าสิ่งที่ทักษิณให้ วันนั้นผมจะเลิกเป็นเสื้อแดงแน่นอน ......ขอบคุณสำหรับพื้นที่แสดงความคิดเห็นครับ

 

ข้อมูลของคุณถูกหลายอย่าง แต่ไม่ทั้งหมด

 

1. ชาวนาไม่ได้แดงทุกคน " อย่าเหมารวม "

2. ข้าราชการภาคอีสาน หรือแม้แต่ลูกครึ่งชาวนาข้าราชการ ไม่ได้แดงทุกคน " อย่าเหมารวม "

3. นโยบายจำนำข้าวอาจดูเหมือนทำให้ชาวนามีรายได้มากขึ้น " แต่อย่าลืมว่าค่าต้นทุนก็เพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลเช่นเดียวกัน" ระยะเวลาของโครงการจำกัดเกินไป และอีกอย่างที่สำคัญมาก ถึงแม้จะมีนโยบายจำนำแต่จำนวนร้านค้ารับซื้อที่เข้าร่วมโครงการมีน้อยเกินไป ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงโครงการได้ ผลประโยชน์ตกอยู่กับพ่อค้าคนกลาง อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า ให้เราเทียบกับนโยบายประกันรายได้ของ ปชป. แม้มีการทุจริต แต่ทุจริตน้อยกว่า จำนำ และเป็นการช่วยเหลือชาวนาได้มากกว่าด้วยซ้ำ

4. นโยบายรถคันแรก " ข้าราชการอาจได้ประโยชน์จริง" แต่เราไม่คิดว่าโครงการเพียงเท่านี้จะสามารถซื้อใจข้าราชการส่วนใหญ่ได้ ไหนจะผ่อนรถ ไหนจะค่าครองชีพที่มันสูงขึ้น

5. คำถามสุดท้ายอยากให้คุณตอบ " คุณได้อะไรบ้างจากทักษิณ " คิดแต่เรื่องได้ คุณได้ลบผลเสียไปบ้างหรือยัง มองบ้างมั้ยผลเสียน่ะ




#996566 จากคาถา "ทุกคนมี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่ากัน “ ทำไมวิศวกรอย่างผม กลายเป็นพลเ...

โดย 50satang on 8 มกราคม พ.ศ. 2557 - 22:31

คุณสตางค์ครับ อยู่มานานก็น่าจะรู้ว่าที่นี่มันเถื่อน

 

ข้อนี้รู้ดีแน่นอน หลายต่อหลายครั้ง หลายต่อหลายกระทู้ ที่ใช้หลักฐาน ใช้เหตุผล จนบางคน บางกระทู้ แทบกระอัก " นั่นคือความหมายของคำว่าเถื่อนของบอร์ดนี้"

 

ทุกวันนี้เริ่มเปลี่ยน ใช้ข้อความแรงขึ้น เราไม่อยากเห็นความหมายของคำว่า " เถื่อนของบอร์ดนี้เปลี่ยนไป"




#996261 จากคาถา "ทุกคนมี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่ากัน “ ทำไมวิศวกรอย่างผม กลายเป็นพลเ...

โดย 50satang on 8 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:16

 

 

จากคาถา "ทุกคนมี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่ากัน" ---> (เครื่องหมายทางตรรกศาสตร์นะครับ)
- รถคันแรก ผมก็มี 1 สิทธิ 1 เสียง ทำไมผมไม่มีสิทธิได้
- จำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาด เหมือนผมจะไม่ได้มั้ง "ยางพารา" เขามาขอก็ไม่ได้
- 15000 ถ้าผมใช้วุฒิ .โท ก็ไม่ได้ .ตรี ก็ผ่านมาแล้ว ข้อนี้เหมือนผมไม่ได้อีก
- บัตรเครดิตเกษตร บัตรเครดิตพลังงาน Taxi วิศวกรจนๆ อย่างผมก็อยากได้เหมือนกันนะ
- กองทุนต่างๆ การพักหนี้ บลา ไม่พูดถึงก็แล้วกัน

คราวนี้
- ใช้หนี้เงินกู้จำนำข้าว เอาเป็นว่าใช้หนี้เท่ากันหมดทุกคน (ก็ได้) เหมือนผมจะเสียเปรียบ (เลี้ยงด้วยอาชีพวิศวกรอย่างเดียวไม่มีนา…มีแค่นาผืนน้อยในบ้านแค่นั้น 555)

เอาข้อเดียวพอ สรุปแล้ว เสียงเดียวของผมนี้มันสุดแสนจะทุเรศ ไม่ได้อะไรเลย แถมเหมือนจะเสียหายมากกว่าอีก ไม่ได้ว่าการเลือกตั้งไม่ดี ประชาธิปไตยไม่ดี นะครับ แต่อยากเรียกร้องความเท่าเทียมกัน
ผมก็ 1 สิทธิ 1 เสียง ทำไมไม่เป็นแบบนี้
- ทุกคนซื้อรถได้คืนภาษี 1 คัน ทุกคน
- ทุกคนได้รับการ การันตี รายได้หมดไม่ว่าจะอาชีพไหน
- ทุกคนได้รับบัตรเครดิต หรือการพักหนี้หมด

เอาเป็นว่า บ่น ระบาย นะครับ ไม่มีสาระอะไรหรอ
ปล.
ถ้าจะแย้งว่า ได้เรียนเกินชาวบ้านเขา มีงานมีการที่รายได้น่าพอใจพอสมควร ไม่ควรคิดเยี่ยงนี้!!
ผมขอชี้แจงว่า ไม่มีกฎหมาย ข้อไหน ห้ามคนเรียนหนังสือ เพื่อให้ได้ทำงานตามที่ตั้งใจ ข้อนี้ทุกคนเท่าเทียมกัน ห้ามเอามาแย้ง อีกอย่างคนที่เรียนมาก แล้วจบมาได้ทำงาน ไม่บ้าไม่เพี้ยนไปเสียก่อน ถือว่าโชคดีเอามาก นะครับ
จริงๆ ก็อยากอยู่เฉย มีโครงการนั้น โครงการนี้ มาหาเลี้ยงเหมือนกันนะ
ปล.2
เครดิต…นี่เป็นเสียงครวญจากชนชั้นกลางหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความสุจริต และเสียภาษีถูกต้องคนหนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นน้องในที่ทำงานผม ระบายความน้อยเนื้อต่ำใจในการเกิดมาเป็นชนชั้นกลางในสังคมไทยในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา


1 สิทธิ์ 1 เสียง เค้าหมายถึง " การเลือกผู้แทนหรือเปล่า?" การจะให้ทุกคนเท่าเทียมกันทุกอย่างนั้น "เป็นแนวคิดคอมมิวนิสต์"

เราเคยได้ฟังเรื่องหนึ่งมาอยากพูดต่อ ครั้งนึงมีผู้แทนประเทศประเทศนึงมาเยือนไทย ผู้แทนประเทศไทยพานั่งรถไฟดูสภาพความเป็นอยู่ของคนไทย
- ขบวนรถไฟแล่นผ่านทุ่งนา ทั้งๆที่ตอนนั้นฝนตก " ชาวนายังคงดำนาตากฝน" ผู้แทนประเทศตั้งคำถาม " คนเหล่านี้ทำงานหนักและขยันขนาดนี้ ต้องร่ำรวยแน่นอน
ผู้แทนไทยตอบกลับไปว่า " ไม่ ผู้คนเหล่านี้เป็นคนยากจน มีรายได้น้อย จึงต้องทำงานหนัก "
- ขบวนรถไฟแล่นอีกสักพักฝนหยุดตก ผ่านสนามกอล์ฟ นักกอล์ฟกำลังตีกอล์ฟกันอยู่ ผู้แทนประเทศตั้งคำถาม " คนเหล่านี้ทำไมไม่ทำงาน ขี้เกียจแบบนี้ ต้องจนแน่นอน "
ผู้แทนไทยตอบกลับไปว่า " ไม่ คนเหล่านี้คือคนร่ำรวย มีฐานะทางสังคม ไม่ต้องทำงานหนัก ก็มีเงินใช้

" ผู้แทนประเทศตั้งคำถามสุดท้ายว่า " ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมคนทำงานหนัก เหน็ดเหนื่อยกว่า ถึงไม่รวย แต่คนที่ทำงานสบาย มีเวลาว่างเยอะ ถึงได้ร่ำรวย มีฐานะทางสังคม ระบบแบบนี้ไม่ยุติธรรม ถ้าเป็นประเทศเราไม่เป็นแบบนี้แน่นอน คนที่ทำงานหนักย่อมมีรายได้มากกว่าแน่นอน"

- โครงการรถคันแรกมีสิทธิเท่าเทียมกันทุกคน " ทุกคนที่คุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์" คุณไม่ได้โดนเอาเปรียบเรื่องสิทธิ์ แต่คุณมีคุณสมบัติไม่ตรงตามเกณฑ์
ในทางกลับกันคนจนรายได้น้อย " หากอยากได้ผ่อนรถยนต์สักคัน ไฟแนนซ์อาจไม่ผ่าน ไม่มีหลักค้ำประกัน แต่ถ้าเป็นคุณอาจผ่าน คุณเป็นวิศวกร"

- จำนำข้าว ยางพารา เกษตรกรทุกคนย่อมได้สิทธิ์ตามหลักเกณฑ์ " ไม่น่าอิจฉาหรอก ถึงได้จำนำข้าว 20,000 รายได้เค้าก็ยังน้อยอยู่ดี ฐานนะทางสังคมยังไงเขาก็เป็นชาวนาอยู่ดี "
ไม่มีใครอยากทำงานหนัก อยากแบกหาม ทุกคนอยากทำงานสบาย มีเงินเยอะทั้งนั้น แต่คนเลือกเกิดไม่ได้ ชาวนาส่วนใหญ่ขยัน แต่เกณฑ์คิดผลตอบแทนความขยันของเค้า ถูกตีราคาที่ต่ำเหลือเกิน

- ป.ตรี 15,000 " ตอนนี้ ณ เวลาปัจจุบัน ยังไม่มีใครได้เงินเดือน 15,000 กันจริงหรอก ไม่เชื่อท่านเปิดดูประกาศรับสมัครงานของส่วนราชการต่างๆได้ ตอนนี้น่าจะอยู่ 13,000 กว่าบาทมั้ง" ที่ได้คือค่าครองชีพ และความแตกต่างตรงหลักเกณฑ์ สมัครเข้าทำงานใช้วุฒิต่ำกว่า ป.ตรี ทำงานตำแหน่งต่ำกว่า ป.ตรี ถึงตอนหลังจะจบ ดร. ยังไง ฐานเงินเดือนก็ใช้ต่ำกว่า ป.ตรี อยู่ดี เป็นแบบนี้ทั้งประเทศ มันเป็นที่ระบบ

- ไม่มีใครห้ามใครไม่ให้เรียนสูงหรอก ฐานะ การเงิน ไม่มีความเท่าเทียมกันหรอก แม้แต่คุณที่เป็นวิศวกรเองก็ตาม "วิศวกร 2 คน เป็นเพื่อนกัน เรียนห้องเดียวกัน คนนึงเป็นลูกเจ้าของกิจการ อีกคนเป็นลูกชาวนา คนแรกเรียนจบมีประสบการณ์สักพัก ก็ได้บริหารงานกิจการของครอบครัว แต่อีกคนที่เป็นลูกชาวนา ยังทำงานเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนต่อไป ดีไม่ดีก็กลายเป็นลุกจ้าง กลายเป็นลูกน้อง เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันด้วยซ้ำไป "

เราไม่ได้บอกว่า " คนจนจะรวยไม่ได้ คนจนถ้าขยัน สักวันต้องรวยแน่ ถึงจะใช้เวลานาน ชั่วอายุคน"
แต่เรามีคำพูดนึงที่อยากพูดต่อ " มีแต่คนรวยเท่านั้น ที่หาเงินได้ง่ายๆ"

แต่เดี๋ยวก่อน!!! ความคิดของท่านก็ไม่ผิดหรอก ท่านเป็นผู้เสียภาษี ท่านมีสิทธิตรวจสอบการใช้ภาษีของท่าน มันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว

มันเป็นวัฎจักรหมุนวนกันไป เปรียบท่านกับชาวนา ก็เห็นความแตกต่าง เปรียบท่านกับนายจ้างของท่านก็มีความต่าง

ทุกคนในประเทศนี้เสียภาษีเหมือนกันทุกคน ไม่มีใครไม่เสียภาษีหรอก อยู่ในครรภ์ก็เสียภาษีแล้ว

" สิทธิที่ทุกคนได้เท่าเทียม คือการเลือกผู้แทน ที่ไปบริหารเงินภาษีที่เก็บจากเราไปต่างหาก จะไว้ใจใครไปใช้เงินก็ต้องเลือก ถึงแม้เลือกแล้วก็ต้องตรวจสอบ เลือกแล้วทำชั่ว ต่อไปก็อย่าเลือก "


ตรรกะแบบแดง..คนเช่นนี้เป็นแดงหนักแผ่นดิน..(ร้องเพลงลอยๆคับ)

จะชอบอ้างเป็นธรรมแบบปลอมๆ และเท่าเทียมแบบเทียมๆ...ขึ้นกับว่าฝ่ายตนจะได้ประโยชน์จากอันไหน

1.จำนำข้าวอ้างเพื่อสร้างความเป็นธรรมช่วยคนยากจนช่วยชาวนา..
แต่พอทำโครงการแม่มอ้างต้องเท่าเทียม
-ชาวนาจริงๆ ลำบากอยากจน
-ชาวนาร่ำรวย
-ไม่ใช่ชาวนาแต่มีเงินมีที่ นักการเมือง นักธุรกิจ
ให้จำนำ15,000หมด แล้วมันเป็นธรรมกับชาวนาจนๆมั้ย อย่าถามถึงพืชอื่นนะ แถมพวกที่ไม่ทำนาอีกแต่เอาภาษีเค้าไปจ่ายให้พวกคนรวยทำนา เป็นทำแบบ ครวยๆของคุณมรึงใช่มั้ยคับ

2.รถคันแรก ใครเข้าเกณฑ์ได้หมด แล้วพวกมีรถเก่าๆ ไม่มีตังค์ เค้าอยากเปลี่ยนรถทำไมเค้าไม่ได้ เป็นธรรมกับเค้ามั้ย พวกคนจนอยากมีรถมอเตอร์ไซด์บ้างทำไมไม่ได้รถมอไซด์คันแรก รถสามล้อคันแรก รถตุ๊กๆคันแรก

การแก้ปัญหาประเทศที่มีความเลิ่อมล้ำสูง ต้องยุดหลักความเป็นธรรมมาก่อน ต้องมีแต้มจ่อให้เค้า และค่อยพิจารณาความเท่าเทียม...

เอาหัวแม่เท้าตรองดูนะว่านโยบายที่แม่มทำมัน เป็นธรรมจริงๆหรือไม่ คนด้อยโอกาสคนจน ได้รับแต้มต่อเท่านั้นมั้ย หรือมีเลือบทากัดกินก้อนใหญ่กว่าไปด้วย...

ตรองดูดีๆ...

ปล.ถ้าจะกระจายรายได้จริงๆเรื่องภาษี มรดก ที่ดิน มาถกกันอีกยาว..เวรกรรมคุณมรึงคิดว่าระบอบแม้วกับขี้ข้ามันจะทำมั้ย...เซ็งว่ะ เจอตรรกะ ควายๆ เท่าหางอึ่งแบบนี้ วัยรุ่นเซ็ง

 

 

เราแค่แสดงความคิดเห็นอีกมุมมองหนึ่งเท่านั้น และมั่นใจว่าข้อความสุภาพทุกคำพูด กลับโดนด่าซะงั้น

เราไม่ได้แดง เป็นเพราะการเมืองหรือ จึงทำให้คนแบ่งแยกคนเป็นอีกฝ่ายได้ง่ายขนาดนั้น

เราสิงอยู่ในบอร์ดก็นานพอควร " ตั้งแต่บอร์ดแรกจนเปลี่ยนมาเป็นบอร์ดนี้"  ถึงแรกๆจะไม่ใช่สมาชิก

เราชอบบอร์ดนี้เพราะข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผล หาหลักฐานอ้างอิงได้ และใช้เหตุผลโต้แย้งกัน

ทุกวันนี้เริ่มเปลี่ยน " หรือเพราะการเมือง"

 

เราไม่ได้เห็นด้วยกับโครงการต่างๆ การดำเนินโครงการเต็มไปด้วยการโกง ข้อมูลในบอร์ดนี้ก็มีมากมาย

 

เราคิดต่างกับเจ้าของกระทู้ เพียงแค่ เขาเปรียบเทียบ วิศวกร กับ ชาวนา

เราเพียงแต่บอกว่า " ถึงเขาได้โครงการจำนำข้าว 20,000 คนเหล่านั้นก็ไม่น่าอิจฉาหรอก ยังไงเขาก็จนอยู่ดี"

โครงการรถคันแรกก็ไม่เกี่ยวกับสิทธิกับเสียง " มันเป็นที่เจ้าของโครงการกำหนดหลักเกณฑ์ไม่เป็นธรรมกับทุกคน" เพราะคนที่เข้าหลักเกณฑ์ก็มีสิทธิเหมือนกันก็เท่านั้น

 

และข้อสุดท้าย " ถึงเราไม่ได้เป็นผู้รู้ เป็นผู้มีปัญญามากมาย แต่เราพร้อมที่จะใช้เหตุผลโต้แย้ง ถึงแม้บางอย่างเราคิดผิด แต่นั่นจะเป็นความรู้ใหม่ที่เราได้รับ"




#989022 สนใจแนวคิดคุณTypeYourMind ที่บอกว่า"ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต .. บัณฑิตจะล...

โดย 50satang on 3 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:05


ความจริง ประชาธิปัตย์ ไม่ได้แพ้เพราะการซื้อเสียง
 
แต่พรรคประชาธิปัตย์แพ้ " เพราะซื้อใจคนไม่ได้ต่างหาก"

ซื้อใจคนโดยการบอกว่า

ไม่เลือกไม่ได้เงินจำนำข้าว??

ไม่เลือกไม่ได้ค่าแรง 300??

 

 

ท่านเข้าใจถูกต้อง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดหรอก สาเหตุที่มีคนเลือกเพื่อไทยเยอะ อาจเป็นได้ว่า

1. ประเทศไทยนั้นมีจุดด้อยคือ " คนจนเยอะกว่าคนรวย มากถึงมากที่สุด" ทักษิณทำจุดด้อยนั้นให้กลายเป็นประโยชน์ " ซื้อใจคนจนได้ ก็ได้ชัยชนะแล้ว " ต้องยอมรับว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่เก่ง เขาอาจมองประชาชนเป็นฐานลูกค้า ลูกค้ารู้จักเขาเยอะ ด้วยโครงการประชานิยม แต่เมื่อก่อนไม่สุดขั้วขนาดนี้ เช่น กองทุนเงินล้าน OTOP 30 บาทรักษาทุกโรค และอืนๆ ( อย่าเยอะ เดี๋ยวกลายเป็นโปรโมทพรรคซะงั้น) สิ่งเหล่านี้ออกมาในรูปนโยบายพรรค และถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ดี มีพรรคการเมืองใดเสนอสิ่งที่ดีกว่าหรือไม่ คำตอบคือ " ไม่มี " หากจำนำข้าวไม่ดี แล้วอะไรล่ะที่ดีกับชาวนา ค่าแรง 300 ไม่ดี มีพรรคใดเสนอทางเลือกที่ดีกว่านี้มั้ย คำตอบคือ " ไม่มี " มีเพียงการโจมตีนโยบายเหล่านี้เท่านั้น ไม่มีนโยบายทางเลือกอื่นที่ดีกว่าให้คนเลือกเลย

 

2. การรัฐประหาร ทำให้เป็นนำประเด็นปลุกระดม ประชาชนถูกริดรอนสิทธิ สร้างคนเห็นต่างมากมายไม่ว่าจะเป็นประชาชนธรรมดา หรือนักวิชาการ

 

3. การยุบพรรค อย่าลืมว่านักการเมืองแต่ละคนย่อมมีฐานเสียงของตัวอยู่แล้ว ยิ่งตัดสิทธิ์นักการเมืองเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการสร้างฐานเสียงให้พรรคเพื่อไทยมากขึ้นเท่านั้น

 

4. นี่สำคัญ เรามองว่า " การใช้คำพูดแบ่งแยกคน แบ่งแยกความเห็นต่าง แบ่งแยกชนชั้น แบ่งแยกการศึกษา " นี่ล่ะก็ใช่  บางคนที่เห็นต่างกับการรัฐประหาร บางคนที่เห็นต่างเรื่องกฎหมาย บางคนที่เป็นประเภทหัวก้าวหน้าเกินเหตุ แค่ใครที่มีความเห็นต่างก็โดนมองเป็นอีกฝ่ายแล้ว บางสถานการณ์บีบให้คนเป็นอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว คำพูดเรื่องชนชั้น คำพูดเรื่องอาชีพ บางคำพูดถึงขนาดแยกคนมีประสิทธิภาพ ไม่มีประสิทธิภาพ การมีสิทธิมีเสียงไม่เท่ากัน เสียงใครน้ำหนักเยอะกว่า 

 

5. เรามองว่าประชาธิปัตย์ยังเข้าถึงคนส่วนใหญ่ไม่ได้เลย และมองไม่เห็นเลยว่าจะชนะใจคนได้อย่างไร ทั้งนโยบาย ทั้งภาพการไม่ทุจริต และยิ่งตัดสิทธิ์ ถอดถอน ยุบพรรค มากเท่าไหร่ อีกพรรคจะยิ่งมีคะแนนเสียงเพิ่มมากเท่านั้น

 

6. ชัยชนะไม่ได้อยู่ที่การล้มอีกพรรค ยุบอีกพรรคได้ แต่อยู่ที่การดึงคนเห็นต่างมาเข้าร่วมให้มากที่สุดต่างหาก แต่สิ่งที่เห็นทุกวันนี้ " ประชาธิปัตย์กำลังสร้างคนเห็นต่างเพิ่ม " ทั้งวาทะกรรมต่างๆ การสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน ถึงจะมีสภาประชาชน มีการปฏิรูปยังไง " เรายังมองไม่เห็นทางที่ประชาธิปัตย์จะชนะได้เลย "




#988836 สนใจแนวคิดคุณTypeYourMind ที่บอกว่า"ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต .. บัณฑิตจะล...

โดย 50satang on 3 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:46

 

 

 

นี่เป็นอีกแนวความคิดนึง ที่เราขอต่อต้านเป็นอย่างมาก และยังมีหลายคำพูด หลายถ้อยคำ หลายประโยค ที่อาจส่งผลให้ประเทศล่มจม

- คำพูดแบบนี้ล่ะ ที่ส่อให้ประเทศไม่มีวันเจริญ คำพูดที่ดูแคลนคนด้อยกว่า อาจจะเรื่องการศึกษา ฐานะ หรือเรื่องอื่นๆอีกมาก บัณฑิตที่ร่ำเรียนมาที่เรียกว่าบัณฑิตย่อมหมายถึงผู้รู้ แล้วท่านเป็นผู้รู้แบบไหนกันที่ดูถูกคนอื่น แม้เราจะไม่ชอบทักษิณ เบื่อหน่ายกับการเมืองยังไง เราก็ไม่เห็นด้วยกับวาทะกรรมเหล่านี้

- คำพูดเหล่านี้เป็นไปในลักษณะแบ่งแยกคน ยิ่งทุกวันนี้ต่างสีเสื้อต่างพยายามแบ่งแยกคน บางสีสร้างวาทะกรรม รากหญ้า ไพร่ หาคนเข้าพวกด้วยแล้ว คำพูดเหล่านี้ล่ะ ที่่ช่วยให้คนเหล่านั้นเชื่อเรื่องชนชั้น และหันหน้าเป็นอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

- หากท่านรู้จริง ท่านย่อมรู้ว่า ประเทศไทยนี้ อัตราส่วนคนจนมากกว่าคนรวยหลายเท่าตัวนัก แล้วท่านจะทำยังไงกับความแตกต่างเหล่านี้ ท่านทำได้เพียงช่วยแบ่งแยกคนงั้นหรือ

- บัณฑิตผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รู้ที่ดี ย่อมต้องบอกต้องชี้ทางให้ผู้ไม่รู้ หรือรู้น้อยกว่า รู้ตาม ไม่ใช่ใช้คำพูด ใช้วาทะกรรม ดูแคลนอย่างนั้น หากท่านไม่ชักนำ ไม่ชี้ชวน ใช้คำพูดเหล่านี้แล้ว ใครจะเชื่อตามท่านกันล่ะ

- บัณฑิตผู้รู้ ท่านย่อมต้องรู้ว่า ประเทศนี้ ไม่มีวันเป็นประเทศได้ หากขาดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป ไม่ว่าจะบัณฑิต ชาวนา ชาวไร่ คนเก็บขยะ คนกวาดถนน ทุกคน ทุกกลุ่มต่างหาก ที่ทำให้ประเทศกลายเป็นประเทศได้

- หากท่านผู้รู้ ไม่ยอมชี้นำผู้อื่นไปในทางที่ดี ท่านก็อย่าใช้วาทะกรรมเหล่านี้ มาแบ่งแยกคนเลย เพราะเรากำลังมองว่า " ท่านต่างหากคือผู้ที่โง่เขลาที่สุด"

 

ถ้าไม่แบ่งแยกกลุ่มคนออกไปแล้วจะรู้ได้ไงหรอครับว่าเราต้องช่วยกลุ่มไหน จะให้หว่านแห พอคนรวยได้ มันก็เอาไปต่อยอด+กับของที่มันมีก็ว่าเอาเปรียบอีก

 

การแบ่งแยกกลุ่มคือการกระทำที่ถูกครับ เพราะมันจะช่วยให้เราเข้าไปช่วยกลุ่มที่มีปัญาได้จริงๆ ได้

 

 

การแบ่งแยกคนน่ะทำได้ท่าน แต่ให้แบ่งแยก " ถูก หรือ ผิด "  " ชั่ว หรือ ดี "

มิใช่การยกตัวเป็น " บัณฑิต หรือ ผู้ที่ด้วยกว่า " " รากหญ้า กับ ชนชั้นกลาง " เพราะนี่คือการแบ่งแยกที่ผิด

 

ท่านไม่ตะขิดตะขวงใจเลยหรือกับคำพูดเหล่านี้ 

" คนเก็บขยะ คนกวาดถนน คนทำนา ทำสวน จบ ป.4 ป.6 หรือไม่ได้เรียนเลย " คนเหล่านี้จะช่วยไล่ระบอบทักษิณอย่างสนิทใจได้อย่างไร

 

สิ่งที่แบ่งแยกคน ไม่ใช่การศึกษา ฐานะทางสังคน แต่เป็นความรู้ ผิดชอบ ชั่วดี ต่างหาก

 

 

งั้นโจร  9 เสียงกับพระ 1 เสียงล่ะ จะโหวตให้ชนะได้ยังไง เทศน์จนกว่าโจรจะกลับใจเหรอ พระพุทธเจ้ายังทำไม่ได้เลย

 

 

ใจร่มๆ ท่าน โจร ก็คือโจร คือคนที่เห็นผิด ทำความผิด " โจรไม่จำเป็นต้องเป็นคนจน กุ๊ย หรือ บัณฑิต " บัณฑิตเป็นโจรก็เยอะแยะไป ไม่เกี่ยวกับการศึกษา

พระ ก็คือ พระ หากพระดีก็ดีไป พระชั่วก็มีถมไป " แฟนคลับเณรคำ "

 

นี่ล่ะคือความแตกต่างที่อยากให้เปรียบเทียบ " เปรียบที่การกระทำ ไม่ใช่เปรียบการศึกษา ชนชั้น "




#988829 สนใจแนวคิดคุณTypeYourMind ที่บอกว่า"ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต .. บัณฑิตจะล...

โดย 50satang on 3 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:42

 

 

หลาย ๆ กระทู้ของ เจ้าพระยาอาบอบนวด

 

ผมก็จะมองข้ามไม่ให้ราคา แต่ในเมื่อให้เกียรติผมในชื่อหัวข้อกระทู้เลยเข้ามาตอบซะหน่อย

 

ผมสงสาร เข้าใจว่าปีใหม่ เจ้าพระยาอาบอบนวด คงใช้เงินหมด เลยเข้ามาปั่นกระทู้หาเงิน เลยสงเคราะห์เขาสักหน่อย

คนคอนหวันป่าวครับเนี่ย รูปจักที่เที่ยวในตำนานของคอนหวันด้วย หุหุ

 

 

ไม่ใช่ครับ ผมคนกทม. แต่เมื่อก่อนทำงานต้องนั่งรถผ่าน สถานที่นี่ตรงถนนศรีอยุธยาครับ

 

 

นี่เป็นอีกแนวความคิดนึง ที่เราขอต่อต้านเป็นอย่างมาก และยังมีหลายคำพูด หลายถ้อยคำ หลายประโยค ที่อาจส่งผลให้ประเทศล่มจม

- คำพูดแบบนี้ล่ะ ที่ส่อให้ประเทศไม่มีวันเจริญ คำพูดที่ดูแคลนคนด้อยกว่า อาจจะเรื่องการศึกษา ฐานะ หรือเรื่องอื่นๆอีกมาก บัณฑิตที่ร่ำเรียนมาที่เรียกว่าบัณฑิตย่อมหมายถึงผู้รู้ แล้วท่านเป็นผู้รู้แบบไหนกันที่ดูถูกคนอื่น แม้เราจะไม่ชอบทักษิณ เบื่อหน่ายกับการเมืองยังไง เราก็ไม่เห็นด้วยกับวาทะกรรมเหล่านี้

- คำพูดเหล่านี้เป็นไปในลักษณะแบ่งแยกคน ยิ่งทุกวันนี้ต่างสีเสื้อต่างพยายามแบ่งแยกคน บางสีสร้างวาทะกรรม รากหญ้า ไพร่ หาคนเข้าพวกด้วยแล้ว คำพูดเหล่านี้ล่ะ ที่่ช่วยให้คนเหล่านั้นเชื่อเรื่องชนชั้น และหันหน้าเป็นอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

- หากท่านรู้จริง ท่านย่อมรู้ว่า ประเทศไทยนี้ อัตราส่วนคนจนมากกว่าคนรวยหลายเท่าตัวนัก แล้วท่านจะทำยังไงกับความแตกต่างเหล่านี้ ท่านทำได้เพียงช่วยแบ่งแยกคนงั้นหรือ

- บัณฑิตผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รู้ที่ดี ย่อมต้องบอกต้องชี้ทางให้ผู้ไม่รู้ หรือรู้น้อยกว่า รู้ตาม ไม่ใช่ใช้คำพูด ใช้วาทะกรรม ดูแคลนอย่างนั้น หากท่านไม่ชักนำ ไม่ชี้ชวน ใช้คำพูดเหล่านี้แล้ว ใครจะเชื่อตามท่านกันล่ะ

- บัณฑิตผู้รู้ ท่านย่อมต้องรู้ว่า ประเทศนี้ ไม่มีวันเป็นประเทศได้ หากขาดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป ไม่ว่าจะบัณฑิต ชาวนา ชาวไร่ คนเก็บขยะ คนกวาดถนน ทุกคน ทุกกลุ่มต่างหาก ที่ทำให้ประเทศกลายเป็นประเทศได้

- หากท่านผู้รู้ ไม่ยอมชี้นำผู้อื่นไปในทางที่ดี ท่านก็อย่าใช้วาทะกรรมเหล่านี้ มาแบ่งแยกคนเลย เพราะเรากำลังมองว่า " ท่านต่างหากคือผู้ที่โง่เขลาที่สุด"

 

ใจเย็น ๆ ครับท่าน อ่านโค้ดลายเซ็นต์ผมดี ๆ ครับ อย่างที่ตอบในข้างต้น ความหมายผมไม่ได้ดูถูก หรือแบ่งชนชั้นครับ

 

โทดทีๆๆๆ มีอารมณ์ร่วมเยอะไปหน่อย




#988782 สนใจแนวคิดคุณTypeYourMind ที่บอกว่า"ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต .. บัณฑิตจะล...

โดย 50satang on 3 มกราคม พ.ศ. 2557 - 16:24

 

นี่เป็นอีกแนวความคิดนึง ที่เราขอต่อต้านเป็นอย่างมาก และยังมีหลายคำพูด หลายถ้อยคำ หลายประโยค ที่อาจส่งผลให้ประเทศล่มจม

- คำพูดแบบนี้ล่ะ ที่ส่อให้ประเทศไม่มีวันเจริญ คำพูดที่ดูแคลนคนด้อยกว่า อาจจะเรื่องการศึกษา ฐานะ หรือเรื่องอื่นๆอีกมาก บัณฑิตที่ร่ำเรียนมาที่เรียกว่าบัณฑิตย่อมหมายถึงผู้รู้ แล้วท่านเป็นผู้รู้แบบไหนกันที่ดูถูกคนอื่น แม้เราจะไม่ชอบทักษิณ เบื่อหน่ายกับการเมืองยังไง เราก็ไม่เห็นด้วยกับวาทะกรรมเหล่านี้

- คำพูดเหล่านี้เป็นไปในลักษณะแบ่งแยกคน ยิ่งทุกวันนี้ต่างสีเสื้อต่างพยายามแบ่งแยกคน บางสีสร้างวาทะกรรม รากหญ้า ไพร่ หาคนเข้าพวกด้วยแล้ว คำพูดเหล่านี้ล่ะ ที่่ช่วยให้คนเหล่านั้นเชื่อเรื่องชนชั้น และหันหน้าเป็นอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

- หากท่านรู้จริง ท่านย่อมรู้ว่า ประเทศไทยนี้ อัตราส่วนคนจนมากกว่าคนรวยหลายเท่าตัวนัก แล้วท่านจะทำยังไงกับความแตกต่างเหล่านี้ ท่านทำได้เพียงช่วยแบ่งแยกคนงั้นหรือ

- บัณฑิตผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รู้ที่ดี ย่อมต้องบอกต้องชี้ทางให้ผู้ไม่รู้ หรือรู้น้อยกว่า รู้ตาม ไม่ใช่ใช้คำพูด ใช้วาทะกรรม ดูแคลนอย่างนั้น หากท่านไม่ชักนำ ไม่ชี้ชวน ใช้คำพูดเหล่านี้แล้ว ใครจะเชื่อตามท่านกันล่ะ

- บัณฑิตผู้รู้ ท่านย่อมต้องรู้ว่า ประเทศนี้ ไม่มีวันเป็นประเทศได้ หากขาดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป ไม่ว่าจะบัณฑิต ชาวนา ชาวไร่ คนเก็บขยะ คนกวาดถนน ทุกคน ทุกกลุ่มต่างหาก ที่ทำให้ประเทศกลายเป็นประเทศได้

- หากท่านผู้รู้ ไม่ยอมชี้นำผู้อื่นไปในทางที่ดี ท่านก็อย่าใช้วาทะกรรมเหล่านี้ มาแบ่งแยกคนเลย เพราะเรากำลังมองว่า " ท่านต่างหากคือผู้ที่โง่เขลาที่สุด"

 

ถ้าไม่แบ่งแยกกลุ่มคนออกไปแล้วจะรู้ได้ไงหรอครับว่าเราต้องช่วยกลุ่มไหน จะให้หว่านแห พอคนรวยได้ มันก็เอาไปต่อยอด+กับของที่มันมีก็ว่าเอาเปรียบอีก

 

การแบ่งแยกกลุ่มคือการกระทำที่ถูกครับ เพราะมันจะช่วยให้เราเข้าไปช่วยกลุ่มที่มีปัญาได้จริงๆ ได้

 

 

การแบ่งแยกคนน่ะทำได้ท่าน แต่ให้แบ่งแยก " ถูก หรือ ผิด "  " ชั่ว หรือ ดี "

มิใช่การยกตัวเป็น " บัณฑิต หรือ ผู้ที่ด้วยกว่า " " รากหญ้า กับ ชนชั้นกลาง " เพราะนี่คือการแบ่งแยกที่ผิด

 

ท่านไม่ตะขิดตะขวงใจเลยหรือกับคำพูดเหล่านี้ 

" คนเก็บขยะ คนกวาดถนน คนทำนา ทำสวน จบ ป.4 ป.6 หรือไม่ได้เรียนเลย " คนเหล่านี้จะช่วยไล่ระบอบทักษิณอย่างสนิทใจได้อย่างไร

 

สิ่งที่แบ่งแยกคน ไม่ใช่การศึกษา ฐานะทางสังคม แต่เป็นความรู้ ผิดชอบ ชั่วดี ต่างหาก




#988725 สนใจแนวคิดคุณTypeYourMind ที่บอกว่า"ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต .. บัณฑิตจะล...

โดย 50satang on 3 มกราคม พ.ศ. 2557 - 15:57

นี่เป็นอีกแนวความคิดนึง ที่เราขอต่อต้านเป็นอย่างมาก และยังมีหลายคำพูด หลายถ้อยคำ หลายประโยค ที่อาจส่งผลให้ประเทศล่มจม

- คำพูดแบบนี้ล่ะ ที่ส่อให้ประเทศไม่มีวันเจริญ คำพูดที่ดูแคลนคนด้อยกว่า อาจจะเรื่องการศึกษา ฐานะ หรือเรื่องอื่นๆอีกมาก บัณฑิตที่ร่ำเรียนมาที่เรียกว่าบัณฑิตย่อมหมายถึงผู้รู้ แล้วท่านเป็นผู้รู้แบบไหนกันที่ดูถูกคนอื่น แม้เราจะไม่ชอบทักษิณ เบื่อหน่ายกับการเมืองยังไง เราก็ไม่เห็นด้วยกับวาทะกรรมเหล่านี้

- คำพูดเหล่านี้เป็นไปในลักษณะแบ่งแยกคน ยิ่งทุกวันนี้ต่างสีเสื้อต่างพยายามแบ่งแยกคน บางสีสร้างวาทะกรรม รากหญ้า ไพร่ หาคนเข้าพวกด้วยแล้ว คำพูดเหล่านี้ล่ะ ที่่ช่วยให้คนเหล่านั้นเชื่อเรื่องชนชั้น และหันหน้าเป็นอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

- หากท่านรู้จริง ท่านย่อมรู้ว่า ประเทศไทยนี้ อัตราส่วนคนจนมากกว่าคนรวยหลายเท่าตัวนัก แล้วท่านจะทำยังไงกับความแตกต่างเหล่านี้ ท่านทำได้เพียงช่วยแบ่งแยกคนงั้นหรือ

- บัณฑิตผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รู้ที่ดี ย่อมต้องบอกต้องชี้ทางให้ผู้ไม่รู้ หรือรู้น้อยกว่า รู้ตาม ไม่ใช่ใช้คำพูด ใช้วาทะกรรม ดูแคลนอย่างนั้น หากท่านไม่ชักนำ ไม่ชี้ชวน ใช้คำพูดเหล่านี้แล้ว ใครจะเชื่อตามท่านกันล่ะ

- บัณฑิตผู้รู้ ท่านย่อมต้องรู้ว่า ประเทศนี้ ไม่มีวันเป็นประเทศได้ หากขาดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป ไม่ว่าจะบัณฑิต ชาวนา ชาวไร่ คนเก็บขยะ คนกวาดถนน ทุกคน ทุกกลุ่มต่างหาก ที่ทำให้ประเทศกลายเป็นประเทศได้

- หากท่านผู้รู้ ไม่ยอมชี้นำผู้อื่นไปในทางที่ดี ท่านก็อย่าใช้วาทะกรรมเหล่านี้ มาแบ่งแยกคนเลย เพราะเรากำลังมองว่า " ท่านต่างหากคือผู้ที่โง่เขลาที่สุด"




#960956 พรรค CPT ชูนโยบายแก้ ม.112

โดย 50satang on 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:07

ด้วยความสงสัยจากใจจริง >> คือไม่เข้าใจกับผู้ที่เรียกร้องเรื่อง ม.112

 

1. ท่านเดือดร้อนเพราะมาตรานี้อย่างไร >> ความจริงวิจารณ์สถาบัน วิจารณ์ได้ปกตินะ แต่เค้าห้ามหมิ่น มิใช่หรือ ถามด้วยความไม่รู้จริงๆนะ หรือเพราะเราไม่เคยเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้จึงไม่เข้าใจ ถามจริงๆเหอะ มีเวลาไปวิพากษ์ วิจารณ์ขนาดนั้นเลยหรือ ความจริงทำมาหากินตามปกติ ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรือเปล่า เราเองก็พูดถึง ก็วิจารณ์ แต่มันก็อยู่ในวงแคบๆ ไม่ได้แสดงตัวให้โลกรู้ขนาดนั้น คนที่หมิ่นแล้วแสดงตัวให้โลกรับรู้ ถามหน่อยเหอะ ว่างขนาดนั้นเลย? หรือเพราะเราไม่ได้อยู่ใน กทม. เลยไม่เข้าใจหว่า???

2. บางคนตั้งคำถามว่าทำไมวิจารณ์ไม่ได้ ทำไมมีสิทธิเหนือกว่าคนอื่น ทำไมไม่เท่าเทียม >> เพราะเป็นสถาบันหลักของประเทศ เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องปกป้อง เมื่อมีคนจาบจ้วง เลยมีโทษหนักกว่าทั่วไป บุคคลทั่วไปก็หมิ่นไม่ได้นะ แจ้งความก็โดนข้อหาหมิ่นประมาทไงล่ะ แต่โทษอาจน้อยกว่า ท่านลองมองธงชาติไทย ที่ท่านยืนตรงเคารพวันละ 2 เวลาดูอีกที ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เว้นแต่สีธงชาติไทยจะเปลี่ยน หรือท่านจะไม่ยืนตรงเคารพธงชาติกันล่ะ ไม่ลองนึกถึงบางชนชาติที่ไม่มีประเทศอยู่ ดังเช่น มอญ โรฮิงญา เป็นต้น หรือท่านจะลองหนีตายอย่าง ชาวโรฮิงญา เผื่อท่านจะรักและหวงแหนประเทศมากกว่านี้

3. วันเฉลิมพระชนม์ ก็ได้หยุดงาน นักโทษก็ได้ลดหย่อนโทษทุกปี ยิ่งในเวลาที่ต่างคนขัดแยังทางความคิด คงมีเพียงสถาบันหลักเท่านั้น ที่ยังเป็นศูนย์รวมใจคนไทยได้ หรือท่านอยากเปลี่ยนให้ นายกรัฐมนตรี หรือคนอื่น มาเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยกันล่ะ จะมีใครหน้าไหนมีบารมีเทียบเท่า จะมีใครที่มีคนศรัทธาเพียงนั้น

4. หากอัดอั้นตันใจมาก ท่านก็วิจารณ์ไปคนเดียวสิ มาวิจารณ์ มาหมิ่น มาชักชวนคนอื่น เกลียด ไม่เคารพตามท่านทำไม อยากด่าก็ด่าไป เหตุใดต้องมาด่าออกสื่อ ออกหน้าออกตา ให้ชาวโลกรับรู้ขนาดนั้น




#939721 ยิ่งยืดเยื้อ ไทยเฉยยิ่งเกลียดม๊อบ

โดย 50satang on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:56

1. เป้าหมายการชุมนุมไม่ชัดเจน จะไล่รัฐบาล ให้ยุบสภา ให้ลาออก ก็ไม่บอกตรงๆ นี่อะไร สภาประชาชน " มันยากกว่าไล่รัฐบาลอีก "

2. ตอน Cat ล่ม ไม่มีแถลงการณ์ชัดเจน ว่ายอมรับ หรือ ปฏิเสธ " คนต้านยิ่งเพิ่ม "

3. ยึดสื่อ ถึงจะขอร้องดีๆ ก็เป็นการกดดัน " คนต้านเพิ่ม สื่อเอียงหนักเข้าไปอีก "

4. ตอนนี้รัฐบาลมีมุขเด็ดในมือเรื่องงานเฉลิมพระเกียรติ " อีกแค่ 4 วัน "

5. ถึงตอนนี้ไม่มีเงื่อนไขให้รัฐบาลหนักใจเลย " ก็รู้มันหน้าด้าน " ที่เดือดร้อนก็คนใช้ถนน " ไทยเฉย " คนเล่นเน็ต "

6. วิเคราะห์เป้าหมายสูงสุดของการชุมนุมที่เป็นไปได้ " และหาทาลงไว้ด้วย " เพราะการไม่มีทางลงยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลาย




#901156 เห็นข่าวเอ็กซ์แล้ว รำพึงว่าสังคมไทยเป็นอะไรกันไปหมด

โดย 50satang on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 17:46

ถูกทำร้าย ก็ฟ้องหย่า ให้ศาลตัดสินว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกันอีก ถ้าไม่ฟัง ยังตามรังควานก็แจ้งจับ หมอก็ใช่ว่าลูกตาสีตาสา กลับไปอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัวก็ได้นี่นา

 

มันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า  บางทีถึงจะโดนทำร้ายแต่ยังรักตัดใจจากกันไม่ได้ แต่แม่แค้นแทนลูก ก็เลยทำแบบนั้น หรือไม่

 

นั้นแหล่ะ ผิดทั้งสองฝ่าย อีกฝ่ายทำร้าย อีกฝ่ายโดนทำร้ายแต่ไม่ยอมตัดให้มันขาด




#901095 เช้าวันนี้เสียงรถบัสมารับชาวบ้าน( แดง ) ตั้งแต่เช้า ได้ข่าววันละ 600

โดย 50satang on 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 17:26

ไอ้เราก็นึกว่ารถบัสมารับนักเรียน ที่ไหนได้มารับ สีเลือดนี่เอง วันละ 600 แน่ะ ไปด้วยซะดีมั้ยเนี่ย เยอะกว่าเงินเดือนเราอีกแน่ะ เหอๆๆๆ

 

เตรียมอพยบอยู่น่ะ ชาวบ้านแถวนี้เร่งเกี่ยวข้าว ขายข้าวกันใหญ่ ติดตามข่าวตลอด เตรียมอพยบทุกเมื่อ

 

คงไม่รบหรอกมั้ง  ถ้ายิ่งลักษณ์ยังเป็น นายกอยู่ เค้าเกี่ยวดองกันขนาดนั้น

 

แต่ถ้าเปลี่ยนขั้วคงไม่แน่

 

สงครามไม่ค่อยกลัว เพราะคราวก่อนก็อพยบรอบนึงแล้ว

 

กลัวแต่ไทยฆ่ากันเองนี่ล่ะ

 

แค่แจ้งข่าวเฉยๆ ว่าแดงเค้าขนกันไปแล้วเน่อ  ไม่รู้มีแผนอะไรอีก ชาวนกหวีดระวังตัวกันด้วย




#890489 **ใช้โอกาสที่เสียงนกหวีดยังหวีดอยู่ ช่วยกันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน...

โดย 50satang on 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 08:09

เสนอเข้าสภาได้ ก็ต้องผ่านคณะ กรรมาธิการ ต้องมาแปรญัตติในสภาอีก และเสียงข้างมากในสภาก็รู้กันอยู่ว่าเป็นฝ่ายใด หากเสียงข้างมากเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนผู้ชุมนุมจริง คงไม่ต้องออกมาประท้วงอย่างทุกวันนี้หรอก 

 

ในความคิดอยากให้ ปชป. เป็นฝ่ายเสนอร่างด้วยซ้ำว่าจะนิรโทษให้กลุ่มใดบ้าง จะได้เห็นชัดๆกันไปเลย แต่คิดหรือว่า เสนอไป 1 จะออก 1

บางทีเสนอไป 1 อาจออกมา 10 ก็ได้  เพราะมันต้องผ่าน กรรมาธิการ ผ่านสภาเสียงข้างมากอีก ไม่รู้จะแปลงไปเป็นแบบไหนอีกเหมือนเดิม

 

เหมือนอย่างฉบับ นายวรชัย ที่หลายฝ่ายก็เห็นด้วยอยู่แล้ว พอออกมาเป็นไงล่ะ  ย้อนไปยันปี 47 นุ่น  ไม่รู้ใครชุมนุมปี 47

 

อนาถแท้"""""ประเทศไทย




#686492 "ทูตวีรชัย" - ยัน "นพดล"ไม่ทำเสียดินแดน -

โดย 50satang on 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 20:57

ส่วนกระแสที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า แถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก หรือ เอ็มโอยู ปี 2551 ที่ทำในสมัยนพดล ปัทมะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งทางฝั่งกัมพูชายกมาเป็นหลักฐานซึ่งส่งผลเสียและเป็นการขายชาตินั้น นายวีรชัย กล่าวว่า ฝั่งกัมพูชาได้ยกเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อสู้ในศาลโลก ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงในถ้อยแถลงกลับไปแล้วว่า แถลงการร่วมของคุณนพดลที่ให้กัมพูชาทะเบียนปราสาทพระวิหารให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท เป็นไปตามเส้นเขตแดนตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2505 ไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรแต่อย่างใด

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

แมลงสาปเงิบ  :D

 

1362747570-1362672223-o.gif

 

 

หากคุณติดตามประเด็นเรื่องนี้อย่างจริงจัง จะรู้ว่า

 

สิ่งที่ นพดล ออกมาแก้ตัวเสมอ คือ การนำพื้นที่ 4.6 ตร.ม. ร่วมขึ้นทะเบียนพร้อมกับ กัมพูชา ที่ขอขึ้นทะเบียนตัวปราสาท

โดยบอกว่าเป็นการปกป้องพื้นที่ของไทย เมื่อกัมพูชา ขึ้นทะเบียนตัวปราสาท ไทยขอขึ้นทะเบียนพื้นที่โดยรอบด้วย จริงเท็จประการใดไม่รู้ รู้แต่นี่เป็นคำแก้ตัวของนพดล

 

และถ้าคุณได้ชมการถ่ายทอดสดการแถลงต่อศาลโลก คุณย่อมรู้ว่า

 

รมต.ต่างประเทศ กัมพูชา ได้พูดว่า การขอขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหาร ต่อ ยูเนสโก้ นั้น ได้แนบแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไปด้วย

และการแถลงการร่วมกับ นพดล ซึ่งเป็น รมต. ต่างประเทศ ของไทย ขณะนั้น  นายนพดล มิได้โต้แย้งเรื่องแผนที่ดังกล่าวแต่อย่างใด

จริงเท็จประการใดไม่รู้

 

แต่สิ่งที่รู้แน่ๆ เมื่อกัมพูชาได้อ้างว่า นายนพดล รมต.ต่างประเทศของไทย ยอมรับแผนที่ของกัมพูชา ที่กล่าวอ้าง

ด้วยความเป็นคนไทย เป็นทนายไทย เป็นทูตไทย และกำลังสู้คดีกับกัมพูชาต่อศาลโลก

 

ก็ย่อมต้องปฏิเสธอยู่แล้วว่า ไทยไม่ได้ยอมรับแผนที่นั้นเด็ดขาด ย่อมต้องบอกว่า นายนพดลนั้น ยอมรับแค่ตัวปราสาท ไม่ได้ยอมรับแผนที่ของกัมพูชา

ซึ่งรวมพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตร.กม. ไปด้วยแต่อย่างใด

 

แน่นอนด้วยความเป็นคนไทย การสู้คดีต้องยืนยันอย่างเดียวเลยว่า นายนพดล ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยในฐานะ รมต. ต่างประเทศ ขณะนั้น

 

เพราะถ้าคนไทยไปบอกว่า นายนพดล ยอมรับแผนที่กัมพูชา ในการแถลงการร่วมแล้ว  ไทยมิต้องแพ้คดีกับศาลโลก เลยหรือ

 

โปรดติดตามโดยรอบคอบ........