สร้างแต่อกุศลตายไปก็คงดิ่งลงนรก
- marrykate, หน้าตาไม่ดี แต่เร้าใจ, คนกรุงธน and 12 others like this
โดย วิท
on 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 21:10
โดย phoebus
on 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 18:59
พี่น้องทักษิณมีทั้งหมด 10 คน
10 คนนะถ้าน้องคนเล็กเป็นน้องจริง ๆ หาใช่เป็นญาติอย่างอื่นแบบที่บางข้อมูลเขาว่า
10 คนนี่ตายดับไปแร้ว 4 นะ
4 นะ กว่าครึ่งแร้ว
คือ คนโต (เยาวลักษณ์) คนที่ 4 คือคนนี้ คนที่ี 5 อุดร และคนที่ 9 ทัศนีย์
คนเราไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี และหนีไม่พ้นจริง ๆ นะ คนรอง
โดย Bourne
on 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 18:50
สมเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ ไม่เหมือน นายอภิสิทธิ์ สลายคนตาย แอบหนุนรัฐประหาร ด่าผู้อาวุโส ขโมยเก้าอี้ ไม่มีคำขอโทษใดๆจากปาก นายคนนี้ทั้งสิ้น
เหมือนขุนโชค ทำผิดก็ยอมรับผิด ผิดกับ พ่อเลี้ยงภูมิน อภิสิทธิ์ ขนาดจะตายยังบอกตัวเองไม่ผิด
ถุย
จะให้มาร์คขออภัยทำวรนุสอะไร ไอ่ควาย
ฆ่าโจรเพื่อรักษาความสงบให้บ้านเมือง มันผิดตรงไหนมิทราบ o_O
"แอบหนุนรัฐประหาร ด่าผู้อาวุโส ขโมยเก้าอี้" หลักฐานอยู่ไหน มีปาก ก็เอาแต่พ่นเอามัน
สงกรานต์ทั้งที ลงความเห็นให้คนมาด่าเล่น ชีวิตคงเจริญล่ะมืง คราวนี้ 555555+
โดย หนูอ้อย
on 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 18:20
ระบอบประชาธิปไตย ภายใต้รัฐบาลทักษิณเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบอำนาจนิยม (authoritarian democracy) อันหมายถึงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเสียงข้างมาก ทว่าใช้อำนาจเกินเลยไม่จำกัด ไปล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นโดยมิชอบนั่นแหละที่เป็นตัวขับดันประเทศให้ไปสู่รัฐประหาร
เมิ่อยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลวันนี้จะได้รับแรงกระแทกจากผู้ต่อต้านมากกว่ารัฐบาลทักษิณ ทั้งผู้ต่อต้านเก่าที่ทวีจำนวนเพิ่มขึ้น และยังเกิดมวลชนเสื้อแดงเป็นฐานพลังสนับสนุนที่ยิ่งแพ็คตัวกันแน่นเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์จากการพลีกายสู้เพื่อนายใหญ่
รัฐบาลโคลนนิ่งทักษิณจึงต้องการทั้งรอมชอมกับศัตรูเก่าดังจะเห็นการส่งน้องสาวเข้าบ้านสี่เสาและเอาใจมวลชนเสื้อแดงไปพร้อมกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายอำนาจการเมืองและการทวงคืน
แต่หากต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง คงง่ายกว่าที่รัฐบาลโคลนนิ่งทักษิณจะโน้มไปในทางเลือกรอมชอมกับศัตรูเก่า แทนที่จะตอบสนองมวลชนเสื้อแดงอย่างเต็มที่ (ดังคำกล่าวของทักษิณช่วงเลือกตั้งในทำนองว่าคนที่เจ็บกว่าใครเพื่อนต้องยอมลืมและให้อภัยก่อน)
มาวันนี้ทักษิณคิดว่า "จัดให้" เสื้อแดงตามสมควรโดยการอุดเงินภาษีแก่คนตายและแจกจ่ายยศตำแหน่งแก่ลิ่วล้อ จึงหันมาใช้ลิ้นสาริกาฉวยโอกาสใช้ประเพณีเก่าแก่เกลี้ยกล่อมให้ศัตรูเก่าหลงกลมาเกี้ยเซี่ยะกับมัน
ศัตรูประชาชน ..หากปราบปรามไม่สำเร็จก็ใช้วิธีหลอกลวง
เป็นสันดาn และสูตรสำเร็จของทรราชทุกยุคทุกสมัย
โดย wat
on 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 20:32
ขอรณรงค์งดตอบกระทู้ของพวกจิต เด รัจ ฉานเหล่านี้ขอรับ เหมือนตั้งทู้มาล่อเป้าให้สะใจเอายอดคนเข้ามาด่า ยิ่งเข้ามาตอบโต้กันมากๆ... เหมือนยิ่งส่งเสริมจิตต่ำช้าของมันให้ตกต่ำไปได้เรื่อยๆนะขอรับ...
น่าจะพวกเดียวกับหงอกสมสัด... ถ้าเป็นพ่อเป็นแม่มันเองตายงี้... มันคงด่าได้พ่อกรูเป็นสัตว์ แม่กรูเป็นกะหรี่ได้เหมือนกันขอรับ... ไม่ต้องให้คนอื่นมาด่า... ต่ำช้ายิ่งนัก...
โดย คนดื่มเบียร์
on 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 19:35
ทักษิณ ชินวัตร
คือตัวการแห่งปัญหาทั้งปวงในสยามประเทศ
ตั้งแต่พุทธศักราช 2549 จวบจนปัจจุบัน
ไม่ควรที่ ม รึ ง จะหน้าด้านแถให้มากความ
ให้เป็นที่ระอาแก่ชาวบ้านร้านตลาดอยู่เช่นนี้เลย
ทักษิณเป็นนักธุรกิจ ที่อิงกับประชาชน
ส่วนนัีกธุรกิจเก่า อิงแอบกับพวกอำมาตมาช้านาน กำลังจะแพ้พ่้าย เลยรวมหัวกับอำมาต กำจัดนักธุรกิจรุ่นไหม่อย่างทักษิณ
เรื่องมันก็มีอยู่แค่นี้ อย่ากระแดะ ไปหน่อยเลย 555
แล้วที่ไอ้ทากสิน คุณพ่อ ของเอ็ง ไปกราบไข่เผด็จการเพื่อได้สัมปทานนี่น่ะ โ ค ต ร อิงกับประชาชนเลย
โดย ม่านน้ำ
on 13 เมษายน พ.ศ. 2556 - 19:30
ทักษิณ ชินวัตร
คือตัวการแห่งปัญหาทั้งปวงในสยามประเทศ
ตั้งแต่พุทธศักราช 2549 จวบจนปัจจุบัน
ไม่ควรที่ ม รึ ง จะหน้าด้านแถให้มากความ
ให้เป็นที่ระอาแก่ชาวบ้านร้านตลาดอยู่เช่นนี้เลย
โดย phoosana
on 12 เมษายน พ.ศ. 2556 - 14:04
ส่วนใหญ่เขารดน้ำผู้สูงอายุกัน อายุ 60 ปีขึ้นไปถึงเรียกว่าผู้สูงอายุ
แต่สมัยนี้ชอบรดน้ำผู้บังคับบัญชากันซะมากทั้งที่ผู้บังคับบัญชาเอง
บางครั้งอายุน้อยกว่าคนที่มารดน้ำซะอีก
โดย baezae
on 12 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:34
หลัก ๆ จีนต้องการเส้นทางเชื่อมจากดินแดนของตน ผ่านไทย และเปิดประตูไปยังกลุ่มประเทศที่โปรอเมริกามากกว่าจีนทางด้านใต้ของเรามากกว่า กับประเทศเราอย่างเดียวเค้าไม่ได้อะไรมากเท่าไรหรอก
แต่การเชื่อมต่อระบบขนส่งทั้งคนและสินค้าจากจีนไปยังประเทศเหล่านั้นได้โดยตรง มันเป็นทั้งการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและทางด้านการเมืองของจีน ไปยังกลุ่มประเทศที่สนับสนุนอเมริกา ซึ่งตรงนี้ คุ้มกับเขาเสียยิ่งกว่าคุ้ม
โดย whiskypeak
on 11 เมษายน พ.ศ. 2556 - 22:28
คุณเฮ็นอาจหมายถึงว่า ถ้ารถไฟเร็วสูงผ่านตรงไหน ก็จะมีนักกินเมืองไปซื้อที่ดินไว้รอแล้ว นอกจากงาบ 30-40% จากการก่อสร้างแล้ว ยังได้เงินต่อยอดจากธุรกิจอสังหา ธุรกิจปลีกย่อยต่างๆอีก
เป็นการเพิ่มเงินให้ตระกูลเ อี้ ย แล้วจะได้มีเงินเยอะ ให้เหลือเศษเงินมาแจกประชาชนคนไทยอีกมั้งครับ เลยมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า น่าลอง..
จินตนาการล้วนๆนะครับ..
โดย ปุถุชน
on 11 เมษายน พ.ศ. 2556 - 22:13
66766_372245852888026_1559814504_n.png
กนก วงศ์ตระหง่าน โพสต์ เอฟบีแฉ ชัชชาติ ยอมรับกลางกรรมาธิการฯกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน ค่ารถไฟความเร็วสูง ไม่คุ้มการลงทุน หวังพัฒนาจากเส้นทางรถไฟผ่าน ห่วงสถานะ อาจารย์ ของชัชชาติพัง ระบุ... กู้เงินมโหฬาร ไม่ใช่ความกล้าหาญแต่เป็นความบ้าบิ่น
กนก วงษ์ตระหง่าน (Kanok Wongtrangan) ส.ส.ระบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์
... รัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิพันธุ์ยอมรับแล้วว่า ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงไม่คุ้มกับการลงทุน ส่วนค่าโดยสารจะคิดเพียงให้คุ้มค่าเดินรถเท่านั้น
นั่นหมายความว่า เงินลงทุน เช่น สายกทม.-เชียงใหม่ กว่า 380,000 ล้านจะใช้คืนได้จากรายได้อื่นที่เป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจตามเส้นทางที่รถไฟผ่าน ดังนั้นเราต้องไปดูว่าเมืองที่รถไฟผ่านรัฐบาลมีแผนการอะไรบ้างที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต คำตอบคือยังไม่มีครับ ถ้าจะปล่อยให้เอกชนลงทุนตามสภาพเอง วันนี้รัฐบาลมีอะไรที่สร้างความมั่นใจต่ออนาตคให้เอกชนบ้าง คำตอบคือยังไม่มีครับ
รัฐบาลกำลังใช้สถานะอาจารย์ของรัฐมนตรีชัชชาติมาอธิบายความถูกต้องเหมาะสมของแผนการลงทุน 2 ล้านล้าน แต่จากคำอธิบายของท่านยิ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อมต่อการลงทุนขนาดมหาศาลนี้ ยิ่งฟังคำอธบายของท่าน ยิ่งยืนยันคำสรุปที่ผมกล่าวไปแล้วในสภาผู้แทน คือ "การลงทุน 2 ล้านล้านนี้ไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่เป็นความบ้าบิ่นของรัฐบาล"
ผมอดเห็นใจและเป็นห่วงอาจารย์ชัชชาติไม่ได้จริงๆ แต่ที่ผมเห็นใจและเป็นห่วงมากกว่า คือประเทศไทยและประชาชนไทยครับเจริญฮวบๆกันล่ะงานนี้... ควายที่อยากได้... ช่วยยกเลิกภาษีพวกกรู แล้วให้เค้าไปเก็บภาษีพวกเมริงทำแทนได้มั้ย... สัญญาว่าจะไม่ขึ้นให้เป็นเสนียดแก่ชีวิตเล๊ย... ถ้ามันสร้างเสร็จน่ะนะ...
กนก วงษ์ตระหง่าน
ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และคณะกรรมการขับเคลื่อนวาระประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ ด้านเศรษฐกิจและการศึกษา
ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน เกิดที่จังหวัดพิจิตร จบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ได้เหรียญนักเรียนดีเด่น ก่อนจะสอบเข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเหตุการณ์ 14 ตุลา เป็นรองเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) จึงย้ายไปเรียนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแทน จากนั้นจึงไปศึกษาปริญญาโทต่อที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และได้ทุนศึกษาต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ ด้วยคะแนนเป็นที่หนึ่งของมหาวิทยาลัย และในปี พ.ศ. 2539 ได้ผ่านการศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (ว.ป.อ.) รุ่นที่ 37
ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน สมรสกับ ดร. เฉลยลัคน์ ธนะสิริ บุตรสาวของนายแพทย์เฉก ธนะสิริ อดีตรองปลัดกรุงเทพมหานคร มีบุตร 3 คนคือ นางสาวแหวนยอด วงษ์ตระหง่าน นายปิ่นรัฐ วงษ์ตระหง่าน และ นายมกุฏชัย วงษ์ตระหง่าน
การทำงานดร.กนก วงษ์ตระหง่าน เป็นอาจารย์ ระดับ 4 ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่หลายปีจนได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ 10 ในปี พ.ศ. 2534 และจากนั้นจึงโอนย้ายไปรับราชการที่ทบวงมหาวิทยาลัย โดยดำรงตำแหน่งเป็น รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย (นักบริหาร ระดับ 10) ในยุคที่มี ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2537
จากนั้นจึงเข้าสู่แวดวงธุรกิจ ด้วยการเป็นกรรมการบริหารสายปฏิบัติการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซ็นทรัล รีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด และได้รับการทาบทามเป็น ประธานบริหารสานปฏิบัติการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน มีบทบาทสำคัญในการร่วมพลิกฟื้นสถานะของโรบินสันให้คงอยู่ต่อไป จากนั้นจึงเข้าเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท แฟมิลี่มาร์ท จำกัด ในปี พ.ศ. 2546 และเป็นประธานกรรมการ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด(ซีอีโอ) ในปี พ.ศ. 2547 ถึงปัจจุบัน
งานการเมืองดร.กนก เป็นประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมการขับเคลื่อนวาระประชาชน ในช่วงการรณรงค์เลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดยรับผิดชอบทางด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ
ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ได้รับหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเงา ในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเงาของพรรคประชาธิปัตย์ [1] ต่อมาได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์[2] และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกสมัย
สามารถ ราชพลสิทธิ์ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธาและจราจร หนึ่งในทีมบริหารกรุงเทพมหานครชุดเริ่มต้นของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เกิดวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496 ที่ ตำบลปากพะยูน อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เป็นบุตรของ นายจบ ราชพลสิทธิ์ และนางละม้าย ราชพลสิทธิ์ สำเร็จการศึกษาปริญญาโท วิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมจราจรและขนส่ง และปริญญาเอก วิศวกรรมโยธา สาขาการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง
ดร.สามารถ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบจราจรเมืองใหญ่ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาโครงการ รถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที (Bus Rapid Transit หรือ BRT) ของ สำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวข้องกับจราจรและขนส่ง ทั้งในและต่างประเทศหลายประเภท เช่น รถไฟฟ้า ทางด่วน สนามบิน และท่าเรือ โดยเป็นที่ปรึกษาโครงการ ให้กับองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ธนาคารโลก องค์การสหประชาชาติ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) และกองทุนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจโพ้นทะเล (โออีซีเอฟ) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น "เจบิก" หรือ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น
ระหว่างดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเวลาสั้นๆ ระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ. 2547 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ดร.สามารถ ได้รับผิดชอบดูแลโครงการด้านการจราจรหลายโครงการ ที่สำคัญเช่น โครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที (Bus Rapid Transit หรือ BRT) และยังรับผิดชอบควบคุมดูแลโครงการต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังฝั่ง ธนบุรี
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 ดร.สามารถ ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบสัดส่วน กลุ่มที่ 1 ลำดับที่ 2 สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็นประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ดร.สามารถ ลงรับสมัครเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 27 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์[1] และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกสมัย
สามารถ ราชพลสิทธิ์ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนพัทลุง และเข้าศึกษาในชั้นมัธยมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ จิระนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรต์ ต่อจากนั้นจึงได้เข้ารับการศึกษาในระดับปริญญาตรี ที่วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระดับปริญญาโท วิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมจราจรและขนส่ง สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) โดยทุนยูเสด (USAID) และระดับปริญญาเอก วิศวกรรมโยธา สาขาการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
ประสบการณ์ด้านวิศวกรรมจราจร
เรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูงของรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ลำบากแน่ ถ้าไม่ 'เข้มพอ' หนาวแน่......
พรรคประชาธิปัตย์มอบหมายให้ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ และ ดร.กนก วงศ์ตระหง่านวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบ พรบ.เงินกู้ 2,000,000 ล้านบาท.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net