Jump to content


kornthana

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 5 พฤษภาคม 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2557 23:41
-----

#724211 คนสองยุค

โดย kornthana on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:51

ผมว่า ท่าน จขกท. เปลี่ยนหัวกระทู้ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับ เนื้อหากระทู้ดีไหมครับ 

 

ถ้าพิมพ์เอง ขอชม ว่าขยันมาก

ถ้าก๊อป***มา ขอด่า ว่า นิสัยไม่ดี

 

แต่จะอะไรทั้งสองอย่างนั้น

เรื่องของคนที่พูดถึง ชั่วที่สุด 555

 

ด้วยความเคารพทุกความคิดเห็น  แต่สิ่งที่ผมสื่อทั้งหมด ผมไม่ได้คาดหวังให้คนที่มีความรู้ มีการศึกษา หรือคนที่เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ของระบบทักษิณที่ทำลายกัดกร่อนและกินประเทศอยู่จนถึงทุกวันนี้ ได้เข้าใจ เพราะคิดว่าพวกเขาคงเข้าใจดี  แล้วบางคนก็อาจมีความรู้หรือความคิดที่ดีกว่าผมเสียด้วยซ้ำ  แต่สิ่งที่ผมเขียนทั้งหมดผมต้องการให้คนยึดติดหรือคลั่งทักษิณแบบไม่ลืมหูลืมตา ได้อ่านและคิดตามบ้าง (หวังเป็นเช่นนั้น)  เพราะผมไม่แน่ใจว่า การไปตั้งหัวข้อด่าทักษิณนั้น คนกลุ่มนี้จะเข้ามาอ่านกระทู้ที่เขียนอยู่หรือไม่ มันก็เหมือนเพื่อนผมที่ต้องเสียแม่ไปเพราะนโยบายทักษิณที่หวังผลประโยชน์ส่วนตัวจนส่งผลกระทบต่อครอบครัวเขา แต่ผลสุดท้ายแทนที่จะคิดได้ กลับรีบเผาแม่ เพื่อไปเลือกตั้งให้พวกทักษิณอีก

ดังนั้นมันจึงเป็นกลยุทธหนึ่งที่ผมเจตนาเขียนเพื่อเชิญกลุ่มเป้าหมายที่ผมต้องการสื่อให้เข้ามาอ่าน ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มนั้นคงไม่ใช่ใครนอกจากคนเสื้อแดง  แต่ทั้งหมดขอบอกว่า ผมไม่ได้ต้องการเขียนกระทู้ให้เกิดความสับสน หรือทำให้เข้าใจผิด แต่มันเป็นหลักการหนึ่งของการเขียนเท่านั้น  ส่วนคนอ่านจะเข้าใจอย่างไร คงต้องใช้วิจารณ์ญาณของแต่ละคน  ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า กระทู้นี้จะทำให้คนเสื้อแดงได้ประโยชน์หรือไม่ แต่ก็หวังว่าพวกเขาจะได้เข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยอยู่  ดังนั้นการตั้งหัวข้อ ผมคาดหวังว่าคงมีคนหลงผิด ได้เข้าใจสิ่งที่ทักษิณมันทำกับบ้านเมืองไว้บ้าง ไม่มากก็น้อย

ก็ต้องขออภัยสำหรับคนที่เข้ามาอ่านหลายท่านอาจหลงประเด็นไปบ้าง แต่ผมเชื่อว่าคนที่มองระบบทักษิณออก คงเข้าใจดีอยู่แล้ว การตั้งหัวข้อแบบด่ากันตรงๆ ก็เท่ากับเขียนเพื่อความสะใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้น  เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร



#724149 คนสองยุค

โดย kornthana on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 15:51

คนที่ด่าท่านทักษิณ เคยคิดไหมว่า ถ้าประเทศนี้ไม่มีท่านทักษิณหรือคนในตระกูลชินวัตรเข้ามาบริหารประเทศ ๆ นี้จะแย่แค่ไหน

 

ดูจากนโยบายที่จับตั้งได้ จนมีคำกล่าวถึงนโยบายต่างๆ ที่ผลุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ไม่ว่า 30 บาทรักษาทุกโรค จำนำข้าว  รถคันแรก การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน การเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงแหล่งเงินกู้สารพัด  และอื่นๆ อีกมาก ที่ดูเหมือนคนทุกคนได้ประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้กันถ้วนหน้า

 

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับอนิงสงค์ส่วนบุญส่วนกุศลไปตามด้วย ก็คงมีบางคนที่ฐานะดี ถึงดีมาก ก็คงบอกว่า ฉันไม่ได้ต้องการนโยบายเหล่านี้ แต่ฉันต้องการให้ประเทศมั่นคง เงินที่เอามาจ่ายเป็นนโยบายก็ควรทำเป็นแบบสร้างคน สร้างงาน หรือสร้างสาธารณประโยชน์ ให้  คนจน คนด้อยโอกาส  การเอาเงินมาเหวี่ยงแหแบบนี้มันดูไม่มีประโยชน์ แถมอนาคตประเทศจะเกิดวิกฤติได้  อันนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะคิดเห็นอย่างไร

 

ทำให้ผมนั่งคิดเปรียบเทียบ ช่วงเวลาที่ผมเคยจนแบบดักดาน แบบไม่มีข้าวจะกิน ด้วยมีพี่น้องหลายคน พ่อซึ่งเป็นกำลังหลักของครอบครัวป่วยจนทำงานไม่ได้ มีเพียงแม่ที่ความรู้น้อยมาก ต้องทำงานหาเลี้ยงลูก 5 คนที่ต้องเรียนหนังสือกันหมด  นั่งนึกไปว่าตอนนั้นแม่ผมสอนอะไรกับลูกๆ จนลูกๆ ทุกคนตั้งใจเรียนจนจบ ปริญญาโท ปริญญาเอกกัน  แล้วผมซึ่งมีความรู้ก็มากมาย เงินเดือนสูงพอควร แต่รู้สึกลำบากถึงแม้มีลูกแค่ 2 คน   ก็พยายามนั่งนึกถึงเรื่องในอดีต  ตอนนั้นพ่อที่มีอาการป่วย ก็ต้องเข้า รพ.รักษาตัว แต่บ้านไม่มีเงิน  ทุกครั้งที่พ่อไปหาหมอ หมอก็รักษาด้วยดีและไม่เคยคิดค่ารักษาพยาบาล  ก็คงติดปัญหาเรื่องค่ายา ค่าห้องพัก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ครอบครัวก็มีตังค์ไม่พอจ่าย  นั่งคิดก็เศร้ากันทั้งแม่ลูก  พยาบาลซึ่งดูเหมือนดุหน่อย  มาเห็นก็บอกว่า ถ้าไม่มีตังค์ รพ.มีหน่วยสังคมสงเคราะห์ที่จะดูแลเรื่องพวกนี้ไม่ต้องกังวล แม่ไม่รีรอที่เข้าไปรออนุเคราะห์  ไม่น่าเชื่อใช้เวลาเพียง 10 นาที ครอบครัวเราก็ได้รับการอนุมัติเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (ไม่ได้เป็นเงินสด แต่ได้รับยาที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่คนมีเงินได้รับ เบ็ดเสร็จรวมแล้วเป็นเงินเกือบ 3 หมื่น เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว)

 

พอท่านทักษิณมาบริหารประเทศ ก็พลิกประเทศ เกิดนโยบาย 30 บาท ผมเข้าใจหัวอกคนจนที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ.  แต่เท่าที่ฟังและสัมผัสเอง ก็พบว่านโยบายนี้สร้างปัญหาให้กับคนจนมาก  เพราะนั่นหมายความว่า หน่วยสังคมสงเคราะห์ตาม รพ.คงไม่ต้องทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือคนจนอีกต่อไปแล้ว  คนจนทุกคนจะถูกผลักไปที่ 30 บาททั้งหมด ซึ่งถ้านโยบายนี้ดีก็คงช่วยให้สังคมไทยดีขึ้น แต่ผลที่ได้รับคือ นโยบายนี้ทำให้คนจนที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีกลายเป็นคนชั้นล่างสุดไปเสียแล้ว  นโยบายมีการปรับเปลี่ยน เปลียนแปลง จำกัดจำนวนยา ระบุชนิดยา ซึ่งการกำหนดเรื่องพวกนี้ถือเป็นปัญหามาก เพราะยาแรงไม่พอที่จะรักษา หรือตัวยาเสื่อมคุณภาพ (ยาทุกชนิดจะถูกกำหนดจาก สปสช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้)  ดังนั้นการที่หมอจะสั่งยาที่รักษาให้ตรงกับโรคจึงทำไม่ได้  หมอที่ดูเหมือนกระอักกระอ่วนใจ แต่เมื่อนโยบายเป็นแบบนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก  ซึ่งก็ต่างจากอดีตที่หมอมีโอกาสสั่งยาได้อิสระ ถ้าคนไข้ไม่มีตังค์ก็เข้าไปขอความช่วยเหลือได้  บางคนอาจคิดว่าหน่วยงานนี้มีเงินมากขนาดพอช่วยเหลือคนจนทั้งประเทศได้หรอ  ขอบอกว่าต่อให้คนจนในประเทศนี้มีมากกว่านี้อีก 10 เท่า เงินนี้ก็พอรับได้ เพราะเงินนี้เป็นเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากหลายหน่วยงาน รวมถึงคนที่มีจิตศรัทยามาบริจาคด้วย

 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเพื่อนแม่ผมคนหนึ่ง ป่วยเป็นมะเร็งปอด ระยะ 2  เข้ารักษาตัวใน รพ.รัฐแห่งหนึ่ง หมอทำการผ่าตัดให้อย่างดี  หลังจากนั้นหมอเรียกญาติเข้าไปพบบอกว่า ถ้าใช้สิทธิ 30 บาท ทางการระบุให้จ่ายยาชนิดนี้ แต่ถ้าให้หมอแนะนำอยากให้ใช้ยาอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งคงต้องหาซื้อเอง โดยหมอจะสั่งจ่ายยาให้  แต่ยาตัวนี้มีราคาแพงอาจต้องใช้เงินถึง 7 หมื่นบาท  ผมฟังเพื่อนเล่าผมก็บอกให้เพื่อนไปติดต่อสังเคราะห์ รพ. เหมือนตอนสมัยพ่อผม เพื่อนผมบอกว่าเขาไม่รับแล้วเพราะเขาถามว่าทำไมไม่ใช้ 30 บาท (เป็นไงละไปไม่ถูกเลยเพื่อนผม)  จึงต้องยอมรับยา 30 มากิน  กินได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์ แม่เพื่อนตาย

 

ในใจคิด ถ้าวันนั้นไม่มีท่านทักษิณมาบริหารประเทศ แล้วหาเสียงกับความตายของคนไทย ปานนี้ระบบสาธารณะสุขไทยก็คงยังให้สิทธิคนจน คนรวย ที่มีสิทธิเข้าถึงยาเท่าเทียมกัน แม้ไม่มีตังค์เลยก็ตาม  แม่เพื่อนผมก็คงไม่ตายเร็วขนาดนี้  แล้วคำถามใหญ่ในหัวตอนนี้คือ เพื่อนผมซึ่งตอนนี้อพยพครอบครัวไปอยู่เชียงใหม่ เป็นคนเสื้อแดงขนาดแท้จะรู้ไหมว่า แม่เขาตายเพราะอะไร  แต่ผมว่าเพื่อนผมมันคงไม่รู้หรอก เพราะขนาดแม่มันตายมันยังให้รีบเผาศพแม่มัน (แม่อยู่กรุงเทพ) เพื่อไปให้ทันเลือกตั้ง  กลัวเจ๊แดงญาติทักษิณไม่ได้เป็น สส.

 

ส่วนผมซึ่งพอมีพอกินอยู่บ้าง ก็คงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าร่วมกันนโยบายนี้  ที่บ้านพอใครไม่สบายก็จะไป รพ.เอกชน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าท่านทักษิณจะกรุณาคนชั้นกลางอย่างผมมาก เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนทนายท่านทักษิณก็ซื้อกว้านซื้อกิจการ รพ. นั้นไปหมดแล้ว  ทำให้ตอนนี้ค่ารักษาแพงมาก ขนาดลูกเป็นหวัด พาไปตรวจให้แน่ว่าไม่ใช่โรคร้าย หมอจับตรวจจมูกและเจาะเลือด  ผลตรวจจมูกออกมาเป็นไข้หวัด  ส่วนเลือดที่เจาะหมอบอกไม่ได้ตรวจ (เอาไปทิ้ง) จึงถามว่าแล้วทำไมไม่ตรวจจมูกก่อน ถ้าไม่เจอค่อยเจาะเลือด  หมอตอบทันทีว่ามันเป็นแพ็คเกต ที่ รพ.บังคับไว้ นั่นก็คือ ทุกคนที่ไป รพ.จะโดนกันหมด ถามว่า ระบบนี้คนที่คิดเขาเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า  แต่ผมก็ต้องยอมเพราะไม่มีทางเลือก แล้วสุดท้ายผมก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเกือบ 3 พัน เพื่อให้พวกมันได้ดูดเดือดครอบครัวผม  อันนี้ยังไม่นับรวมที่แฟนผมปวดท้องขี้ไม่ออก หมอ รพ.เดียวกัน จับส่องกล้อง หมดไปเกือบ 4 หมื่น เพื่อแลกกับคำพูดของหมอที่ว่า ดีใจด้วยคุณไม่เป็นมะเร็งลำไส้ 

 

นี่เอาแค่นโยบายเดียวผมก็ว่า ประเทศไทยถ้าไม่มีท่านทักษิณมาบริหารประเทศ คนไทยคงมีสุขภาพแข็งแรงได้มากกว่านี้ เพราะระบบต่างๆ ของ รพ.รัฐแต่ละแห่ง เขาก็ดูแลคนจนด้วยดีตลอดมา  มาวันนี้คนจนถูกหลอกว่าจะรักษาฟรี มันกลายเป็นการจำกัดคนจนให้ตายหมดประเทศไป ส่วนคนชั้นกลางที่ดูเหมือนมีปากมีเสียงมาก ก็กำลังถูกลดระดับฐานะให้เป็นคนจนอีกไม่ช้า เพราะทักษิณยึด รพ.เอกชน ผูกขาดการรักษาพยาบาลคนไทยไปแล้วนั้นเอง

 

นี่ยังไม่กล่าวถึงนโยบายอื่นที่ผมว่า ตอนนี้ผมมีลูก 2 คน ค่าใช้จ่ายเลี้ยงลูกแต่ละเดือนไม่พอกับรายรับ  ทำให้นั่งถึงแม่ผมซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ต้องดูแลสามีและลูก 6 คน ทั้งที่เงินเดือนน้อยมากแถมการศึกษาก็แทบไม่มี  ผมว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะรุ่นแม่ผมไม่มีนโยบายของทักษิณที่เอาเงินมาแห่แจกกันสนั่นเมือง แต่เขามุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนในชาติ ที่คนจนรัฐบาลให้ความช่วยเหลือมากกว่าคนรวย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ มันต่างจากทักษิณ ที่คิดว่าคนในชาติคือ แหล่งผลประโยชน์มหาศาลที่ต้องตักตวง คนจนจึงถึงบังคับให้กินยาเสื่อมคุณภาพ เพื่อเอาเปอร์เซ็นต์เข้ากระเป๋าตัวเอง คนชั้นกลางและคนรวยก็ถูกบังคับให้เข้า รพ.ของทักษิณ  อย่างงี้แล้วผมจะต้องบอกพวกคุณไหมว่า ถ้าทักษิณไม่เข้ามาบริหารประเทศ ประเทศนี้จะแย่แค่ไหน  แต่ไม่ว่าตอบกันยังไง ผมคิดว่าผมโชคดีที่ผมเป็นคนจนในสมัยที่ยังไม่มีทักษิณ  ไม่เช่นนั้นปานนี้ครอบครัวผมคงไม่ได้อยู่กันครบหน้ากันแบบนี้ ปานนี้ผมคงถูกหลอกให้ไปกู้เงินมาขับมอไซค์รับจ้างแล้วบอกว่าจะไม่ให้มีมาเฟียมาเก็บค่าคุ้มครอง แต่ผลที่ได้คือ การส่งพวกตัวเองมาเก็บแทนที่ต้องจ่ายสูงกว่าเก่า หรืออาจต้องไปขับแท๊กซี่ ซึ่งก็หลอกให้ใช้บัตรเครดิต ที่ให้แน่ใจว่าคนขับจะมีเงินจ่ายค่าแก๊สที่สูงขึ้นเท่าตัว หรือผมอาจเป็นชาวนาที่บอกว่าปลูกข้าวแล้วจะให้ราคาสูง แต่เขาก็ส่งพวกพ้องมาโกงเอาไปหน้าด้านๆ

 

ผมเป็นคนหนึ่งที่เกิดมามองเห็นภาพ 2 ยุค คือ ยุคก่อนทักษิณ ที่คนเสื้อแดงเรียกว่ายุคอำมาตย์ กับยุคทักษิณและพวก  มองเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน  ยุคก่อนทักษิณ ไทยเรามีนักการเมืองที่ถึงแม้เลว แต่พวกเขาก็ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พวกนี้จึงคิดทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศพัฒนา  โดยที่ตัวเองคอยแต่หาเศษหาเลยกับโครงการต่างๆ  ต่างกับยุคทักษิณที่ทำอะไรนึกถึงตัวเองและครอบครัวเป็นหลัก โดยให้ประชาชนไปหาเศษหาเลยกันเอาเอง จึงไม่ต้องแปลกใจว่ายุคทักษิณมีความคิดแปลกๆ ไม่ว่าการซื้อที่รัชดา  ที่ก่อนซื้อจะต้องทำราคาที่ดินให้ตก เพื่อจะได้ซื้อราคาถูก พอซื้อได้ก็ทำให้ราคามันสูง จนประชาชนไม่มีโอกาสได้ซื้อ หรือแม้แต่การที่ตัวเองใช้อำนาจกำหนดความเป็นไปของประชาชนได้หมดในประเทศนี้ ประชาชนคนไทยจึงตกเป็นคนคอยรับเศษรับเลยจากทักษิณกันไป

 

มีสิ่งหนึ่งที่อยากฝากคนรักทักษิณไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าคนเสื้อแดงเป็นทักษิณ อายุ 60 กว่าๆ รวยระดับแสนล้าน  จะมีใครสักกี่คนที่ยังคิดโกงประเทศกันอยู่อีก ผมว่าอาจไม่มีเลย เพราะอายุที่เหลืออยู่ ต่อให้ต้องยืนยาวไปอีก 100 ปี เงินที่มีอยู่คงยังใช้ไม่หมด แม้แต่จะทำตัวรวยแสนรวยอย่างไรก็ตาม  แต่ทำไมทักษิณทำไม่ได้  ถ้าไม่ใช่ทักษิณเป็นคนโรคจิตที่มีจิตใจไม่เอื้อเฟือเพื่อนคนไทยด้วยกัน แม้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองมีอยู่จะใช้มันไม่หมด  แต่ทักษิณก็เลือกที่จะไม่แบ่งให้ใคร มันก็จึงเหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า ขี้ไม่ให้สุนัขกิน อย่างงี้แล้วยังมีคนไทยยังเชื่อมันได้อีกหรือ 

 

ผมยังไม่รู้ว่าตอนนี้พวกคุณสรุปได้หรือยังว่า ถ้าประเทศนี้ไม่มีพวกทักษิณมาบริหารประเทศ ประเทศจะแย่แค่ไหน  แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนสองยุค  ฟันธงได้ว่า ถ้าวันนี้ประเทศไม่มีทักษิณและพวกมาบริหาร ปานนี้คนจนที่ยังจนดักดานเหมือนผมสมัยก่อน คงได้ลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง แต่ทุกวันนี้คนจนนอกจากจะรวยกันไม่ได้แล้ว ยังหลงติดกับดัดที่ทักษิณวางไว้ ด้วยการสร้างหนี้ให้กับคนไทย เพื่อทักษิณจะได้ผลประโยชน์จากหนี้เหล่านั้น  มันก็เหมือนการให้คนไทยไปกู้เงินมาให้ทักษิณใช้ ผลที่ได้คือ ทักษิณรวยขึ้นทุกวัน แต่คนไทยกับจนลงทุกนาที นั่นเอง




#716798 "ส้มตำ ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ส้มตำพลิกชีวิตจากเป็นหนี้ กลายเป็นเศรษฐีส่ง...

โดย kornthana on 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 01:03

รวยเพราะค้าขายหรือว่าเพราะตกใจวิ่งเข้าห้าง world trade ตอนเผา เพราะเห็นได้ข่าวว่างานนั้นเสื้อแดงอุดร รวยกันเป็นแถว

 

แล้วที่บอกว่ารวยนะ ทำไมให้เหตุผลว่ารวยคือ การส่งลูกเรียนปริญญา  ทำไมไม่ซื้อรถ เซ้งร้าน หรือทำอย่างอื่นตามประสาคนมีตังค์เขาทำกัน

 

แปลกใจทำไมข่าวนี้ทำไมไม่ออกมาตั้งนานแล้ว กองทุนหมู่บ้านมีชาติหนึ่งแล้ว คนที่ตายไปตอนนั้นกลับชาติมาเกิดกันหมดแล้ว แล้วให้ยิ่งสงสัยไปใหญ่ว่า คนขายของแผลงลอย จะมีนายทุนที่ไหนให้กู้เงินตั้งสองแสน  ผมว่าต่อให้ดอกเบี้ยร้อยละ 100 ผมยังคิดหนักเลยว่าชาติไหนมันจะใช้คืนได้ เพราะคนกู้นอกระบบแสดงว่าไม่มีทรัพย์สินอะไรแล้ว ถ้ามีคงไปกู้ในระบบ แล้วจะว่า 2 แสน รวมดอกด้วย ก็เชื่อว่าไอ้คนปล่อยกู้ก็โง่กว่าเสื้อแดง อุ้ย..ขอโทษใช้คำผิด ต้องใช้ว่า ไอ้คนปล่อยกู้ก็โง่กว่าควายแล้ว

 

สรุปรวมความอ่านแล้วก็ให้วิตกจริตไปว่า ข่าวนี้มันออกมาช่วงที่ไอ้ขวัญควายบอกจะเอาทักษิณกลับ นี่มันก็คงเป็นแผนหนึ่ง แล้วต่อไปคงมีเรื่องทำนองนี้เอามาลงกันอีกแยะ ก็ดี จะได้เอาเรื่องที่พวกมันเขียนมาวิเคราะห์ดูว่า เสื้อแดงเหมาะสมกับ คำว่า ควาย หรือไม่  เหตุเพราะ ควาย มันทำงานแบบไม่เกี่ยงงอน คนจับสนสะพายให้มันไปไถนามันก็ไป พอได้ข้าวสารมา มันก็ไม่เคยเรียกร้องกินข้าวเลย แต่มันจะก้มหน้าก้มตากินหญ้าไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะถูกคนที่สนสะพายมันจับไปเชือด เพราะหมดแรง ทำงานให้ไม่ได้แล้วเท่านั้นเอง  

 

เขียนไปก็พลานให้คิดสงสารเสื้อแดง อุ้ย...พิมพ์ผิดอีกแล้ว ต้องสงสารควาย ที่วันนี้ใครมีแรงก็เป็นควายแท้ ใครหมดแรงก็เป็นเสื้อแดงเทียม  ยิ่งพิมพ์ยิ่งสับสน สงสัยต้องไปพักสมองสักนิด เพราะตอนนี้สมองสับสนคำว่า ควาย กับ เสื้อแดง ที่แยกกันไม่ออกเลย




#713707 คนจองรถคันแรกกระอัก ราคารถปัจจุบันถูกว่าคืนภาษีแล้ว

โดย kornthana on 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 22:56

ขอถามว่านโยบายนี้รัฐบาลบังคับให้ซื้อหรือปล่าวครับ :D

ผมว่า พวกเสื้อแดง มันไม่ได้บ้าทักษิณนะ แต่เข้าขั้นคั่งไปตามลัทธิโง่นิยมไปแล้ว

 

ถ้าย้อนประวัติศาสตร์ชาติไทย พวกนี้ก็เหมือนพวกคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อน  ที่หลงเชื่อพวกแกนนำว่าจะทำให้คนหายจนได้ในพริบตาแบบไม่ต้องทำงานอะไรเลย

 

เรียกว่าเอาเงินมาแจกถึงที่บ้าน  แถมยังให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทุกคนจะได้รับแจกที่ดิน แจกข้าวสาร อาหารแห้ง จนถึงคนโสดก็ยังจะหาเมียสวยๆ ให้อีก  ประเทศไทยจะไม่มีไพร่ ไม่มีขุนนาง คือทุกคนเป็นใหญ่เท่ากันหมด

 

ตอนนั้นก็มีคนหลงเชื่อแบบนี้  แต่อย่างว่าคงไปโทษเขาไม่ได้เพราะตอนนั้นสภาพเศรษฐกิจ การเมือง มันไม่เอื้อ  คนอยากทำงานก็หางานทำไม่ได้  คนอยากเรียนก็ไม่มีหนทางได้เรียนสักเท่าไร  มันก็ทำให้คนถูกหลอกให้เชื่อกับลัทธิที่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย

 

ผมจึงว่าไม่โทษคนสมัยนั้น  แต่ตรงกันข้ามกลับสงสารพวกเขาที่โดนคนชั่วเพียงไม่กี่คนหลอกใช้ให้เอาชีวิตตัวเองและครอบครัวมาแลกกับตัญหาความอยากของพวกที่อยากใหญ่ อยากมีอำนาจ อยากคิดล้มล้างระบบการปกครองของไทย

 

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ไทยมีเศรษฐกิจดีขึ้น คนส่วนใหญ่อ่านหนังสือออก มีการศึกษาพอควร แต่ภาพเหล่านี้ย้อนกลับมาได้ยังไง ถ้าไม่ใช่ความอยากได้ใคร่ดีในขณะที่ตัวเองยังไม่คิดทำอะไร

 

ก็คงยกความเก่งให้พวกแกนนำเสื้อแดงที่เอาวิธีการของพวกคอมมิวนิสค์มาหลอกเป่าหัวกับพวกไม่มีความคิดได้ แม้แต่ใช้วิธีเดิมๆ ที่บอกว่าจะทำให้ทุกคนเสมอภาพกันได้   คนทุกคนจะได้รับความเท่าเทียมกัน และที่น่าหัวเราะที่สุดคือ จะทำให้คนไทยทุกคนรวยได้  ซึ่งประโยคหลังนี้ทำให้คนเสื้อแดงหลายคนถึงกับชื่นใจว่า อีกไม่นานกรูจะรวยแล้ว 

 

ซึ่งเรื่องนี้เรื่องนี้ถ้าเอาสมองคิดนิดเดียวก็จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะขนาดสหรัฐที่พิมพ์แบงค์ได้เอง ยังเอาเงินมาให้คนจนในประเทศไม่ได้ แล้วทักษิณจะเอาเงินที่ไหนมาให้  ยกเว้นทักษิณจะยอมจนลงเอง  อย่าลืมว่า เงินที่เราใช้อยู่มีจำนวนจำกัด  แต่ถ้าเอาเงินมาเฉลี่ยให้กับทุกคน คนในประเทศทุกคนจะพออยู่พอกินแต่ต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพ  ดังนั้นถ้าทักษิณยังคงรวยอยู่แบบนี้ จึงไม่มีทางที่พวกเสื้อแดงจะรวยได้เลยแม้แต่น้อย 

 

ในเมื่อทักษิณไม่ยอมจน แต่ยังคิดรวยขึ้นอยู่ทุกคน นั้นก็แสดงว่า เงินทุกบาทที่ทักษิณมีเพิ่มขึ้น ต้องไปเอามาจากชาวบ้านใช่หรือไม่ ก็เสมือนมีเงิน 100 บาท มีคนอยู่ 10 คน ถ้าแบ่งกันทุกคนจะได้คนละ 10 บาทเท่าๆ กัน แต่แนวคิดทักษิณ ถ้าประเทศมีเงิน 100 มีคน 10 ทักษิณจะบอกให้เอาเงินมาให้เขา 90 แล้วอีก 10 ให้ไปแบ่งกัน แล้วทักษิณก็ไปบอกให้พี่น้องทักษิณที่มีอยู่หลายคนให้เอาเงิน 10 นั้นเก็บไว้ให้มากที่สุด ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเงินที่เหลือมาให้ประชาชนกับคนเสื้อแดงมันจะเป็นเท่าไรถ้าไม่ใช่ 0  คิดว่าคงเห็นภาพ แล้วยังคิดว่าทักษิณมันทำเพื่อคนจนอีกไหม ในเมื่อทุกวันนี้มันรวยขึ้นทุกวินาที

 

ทั้งหมดถ้าคิดได้ก็ดี ถ้าคิดยังไม่ได้ ก็มีคำถามอยากให้ตอบว่าพรรคทักษิณที่เข้าบริหารประเทศมากว่า 2 ปี นี้พวกเสื้อแดงได้อะไรบ้าง

1. รวยขึ้นหรือยัง ขับรถเบนซ์ มีคฤหาสน์สวย มีครอบครัวอบอุ่น หรือยัง

2. ในช่วงทักษิณบริหารประเทศ มีญาติคนไหน ตายเพราะเข้าโครงการ 30 บาทบ้าง (อย่าบอกอีกนะว่าเขาไม่ได้บังคับให้เข้า)

3. ไอ้นโยบายของทักษิณออกมาได้ประโยชน์กับมันแค่ไหน

4. ตั้งแต่เป็นพวกเสื้อแดงมา ได้ประโยชน์อะไรกับมันบ้าง

5. แล้วชีวิตคนเสื้อแดงตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือไม่ หรือยังแค่เป็นทาสให้กับแกนนำเสื้อแดงอยู่

 

ถ้าตอบตัวเองจะเข้าใจว่า สิ่งที่ทักษิณมอบให้กับพวกเสื้อแดงนั้น ไม่ว่านโยบาย 30 บาท มันส่งผลดีขนาดไหน แล้วทำไมทักษิณถึงต้องไปกว้านซื้อ รพ.เอกชนไว้ทั้งหมด แล้วทำการผูกขาดกำหนดราคาค่ารักษาพยาบาลเอง

 

นโยบายลดภาษีให้กับบริษัทเอกชน ที่ทำให้งบประมาณแผ่นดินลดลงมหาศาล จนทำให้แถวบบ้านพัฒนาน้อยลง ถนนที่ใช้ไม่มีเงินซ่อมแซม ยาที่นำมาใช้ในนโยบาย 30 บาท ต้องเอายาหมดอายุมาใช้ ฯลฯ นั้น เงินที่มันหายไปนี้ คนเสื้อแดงเคยได้เห็นหรือได้ประโยชน์กันหรือไม่ เพราะอย่าลืมเงินที่หายไปมันต้องได้ประโยชน์กับมาไม่ว่ารูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่เท่าที่เห็นนอกจากเงินแผ่นดินหายไปจนทำให้คนไทยลำบากแล้ว เงินนี้มันไปอยู่กับผู้ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ซึ่งไม่เคยตกมาถึงพวกเสื้อแดงเลย หรือว่ามีตอบหน่อย แล้วอย่าบอกนะว่าพวกเสื้อแดงไม่รู้ว่า ทักษิณและครอบครัวมีหุ้นมากทีสุดในประเทศ แล้วเรื่องนี้ใครได้ประโยชน์ คนเสื้อแดงหรือทักษิณและครอบครัว แล้วอย่างงี้ยังถือว่าทักษิณเป็นห่วงพวกคุณหรือเป็นห่วงตัวคุณเอง  แล้วอยากให้ตั้งคำถามว่า ทำไมทักษิณไม่เอาเงินเหล่านั้นไปให้พวกคุณได้รวย อย่างที่เขาบอกมา

 

ยังคงมีอีกหลายคำถามที่จะถามพวกเสื้อแดง แต่ว่าถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้ก็คงเปล่าประโยชน์  เพราะยังยึดติดแต่คำว่าทักษิณจะทำให้พวกแสดงแดงรวยได้โดยไม่ต้องทำงาน  ถ้าเป็นอย่างงี้ไม่ต้องรอแล้ว วันไหนไม่มีตังค์ ลองเดินไปหาแกนนำ หรือเดินไปบ้านจันทร์ส่องหล้า แล้วขอเข้าไปคุยดูสิว่าเขาจะช่วยเหลือได้ยังไงบ้าง แล้วเขาจะต้อนรับคนเสื้อแดงแบบไหน  ถ้าให้เดาผมว่าพอเขาเห็นพวกเสื้อแดงมาขอ  เขาก็ไล่ไม่ต่างกับหมาตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ แล้วคิดว่าคนแบบนี้ยังหวังดีอยู่อีกหรือเปล่า  อยากให้ลองนะ แล้วอย่าลืมมาเล่าให้ฟังบ้างนะ อย่าลืมละ คนเสื้อแดงผู้อาภัพและน่าสงสาร ที่สุดของจักรวาล (เพราะแกนนำก็ไม่เห็นช่วยอะไร คนสีอื่นก็ด่าว่าเป็นควาย ก็ไม่รู้ว่ายังทนเป็นเสื้อแดงกันได้อย่างไรกัน)




#712468 คนจองรถคันแรกกระอัก ราคารถปัจจุบันถูกว่าคืนภาษีแล้ว

โดย kornthana on 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:47

บางคนที่ได้สิทธิ์ก็เล่นใช้สิทธิ์จองซะ 3 - 4 ยี่ห้อ เพราะตอนนั้นเวลามันกระชั้นชิด กะเอาว่าถ้าได้คันไหนก่อนก็ทิ้งเงินจองคันที่เหลือ เสีย 2 - 3 หมื่นค่าจองไม่เป็นไร หักลบคืนภาษีแล้วยังได้กำไร
 
แต่พวกค่ายรถยนต์นี่สิ พอได้ยอดจองมาแล้วก็ต้องเดินสายผลิต พอตัวรถขึ้นสายการผลิตไปแล้วมันก็ไปยกเลิกอะไรไม่ได้แล้วครับ เบาะนั่งก็สั่งทำแล้ว ไฟหน้าก็สั่งทำแล้ว และอีกจิปาถะชิ้นส่วนที่สั่งผลิตภายนอกก้สั่งทำไปหมดแล้ว ตามยอดที่จองเข้ามาบวกเพิ่มอีกซัมป์เปอร์เซ็นต์
 
พอตัวรถออกจากสายการผลิตมาแล้ว ทั้งโรงงานทั้งดีลเลอร์ ก็ต้องมานั่งจำทนหั่นงบกำไรปีหน้าลงเพื่อเอามาเป็นส่วนลดให้กับรถที่ถูกทิ้งใบจอง ดีกว่ามานั่งกอดรถใว้แล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวันๆโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะขายได้
 
และแล้วโอกาศทองก็มาถึงซะที ปีนี้ลูกสาวคนเล็กจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยพอดี สัญญากับลูกว่าถ้าเข้า ม.เกรดเอ ได้คณะดีๆ ก็ไปเดินเลือกรถเอาเองเลย งบ 4000k อิอิอิ ....

เห็นมั้ยนี้มันผลงาน รบ. ชัดๆ ทำให้รถยนต์ราคาถูกลง :lol:

คงเคารพต่อทุกความคิดเห็น เพียงแต่ว่าผู้ตอบสองกระทู้ที่อ้างถึง คงไม่ได้คลุกคลีกับวงการรถยนต์ เลยใช้สมองซีกขวาที่เป็นจินตนการไปสักหน่อย

ข้อแรก ที่บอกคนที่ใส่สิทธิรถคันแรกจองกันที่ละหลายคัน หรือไม่ก็หลายยี่ห้อ ผมถามว่ามันมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ผมว่าอาจแทบไม่มีเลยก็ได้ มันเป็นการวิเคราะห์ไปตามจิตนการที่ดูเหมือนไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเลย

ประการแรก การจองรถแต่ละคันต้องใช้เงินขั้นต่ำ 5 พันบาท ยิ่งในช่วงหลังๆ ได้เพิ่มวงเงินมาเป็น 1 หมื่น ถ้าจอง 3 คัน ต้องใช้เงิน 3 หมื่น นั้นหมายถึง จะเสียเงิน 2 หมื่นฟรีๆ ผมถามว่ามีใครบ้าทำแบบนั้น และอีกอย่าง การซื้อรถไม่ใช่ซื้อรองเท้าที่บอกว่าซื้อไปก่อนถ้าไม่พอใจก็ซื้อใหม่เดือนหน้า แต่การซื้อตามโครงการต้องครอบครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี ดังนั้นคนที่จะซื้อรถสักคันด้วยราคาไม่ต่ำกว่า 4.5 แสน - 9.9 แสน จะมีใครสักกี่คนที่คิดว่าเอารถอะไรก็ได้ขอให้ได้ ผมว่าคนที่คิดแบบนี้คงไม่มีในโลกนี้
ประการที่สอง ที่บอกค่ายรถต่างๆ พอรับ order แล้วก็เร่งสั่งชิ้นส่วน เปิดสายการผลิตตามใบสั่งซื้อ อันนี้ก็ผิดถนัด เพราะทุกค่ายรถรู้แล้วว่าการปล่อยให้เวลาเน้นนานไปคนจองซื้อจะเปลี่ยนใจ ด้วยเหตุปัญหายุ่งยากของโครงการรถคันแรก การเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ หรือแม้แต่คนซื้อไม่พร้อมเอง ดังนั้นพอช่วงปลายเดือนธันวา 55 แทบทุกค่ายรถหันมาผลิตรถใหญ่แทนรถเล็ก เพราะต้องการดูผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นเหตุผลที่ว่าค่ายรถประสบปัญหาจึงไม่น่าใช่ เพราะเรื่องนี้เขาคิดกันมานานแล้ว

ส่วนที่บอกว่า เพราะนโยบายนี้ทำให้ราคารถถูกลง ผมก็ว่ามั่วไปใหญ่ คนที่คิดแบบนี้แสดงว่าไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ หรือไม่ก็เป็นคนประเภทไม่ใช้สมองคิดทุกอย่างให้รอบด้าน คิดมันด้านเดียว ทำให้คิดไม่เป็น คงคิดได้แค่ 1 + 1 = 2 แต่พอถามว่า 2 x 4 ก็ตอบไม่ได้ ก็อยากจะให้ใช้สมองคิดให้ลึกกว่าที่เป็นอยู่ บางครั้งชีวิตอาจจะดีขึ้นบ้าง

จริงๆ แล้ว ราคารถถูกลง มันด้วยเหตุผลหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง และแม้แต่การเปลี่ยนโฉมรถ ทำให้ค่ายรถหลายค่ายต้องลดราคาลง หรือยอมปรับอัตราดอกเบี้ยให้ถูกลง จนบางค่ายยอมให้ส่วนลด 0% ในบางรุ่น จึงเห็นได้ว่าแม้ไม่มีโครงการนี้ วันนี้ยังไงรถทุกรุ่นก็ต้องถูกลงอยู่แล้ว แต่ถ้าให้พูดกันจริงๆ ราคารถมันต้องลดราคามาตั้งนานแล้ว แต่ด้วยโครงการนี้ทำให้ราคารถมันปรับตัวลงไม่ได้ เพราะค่ายรถคิดว่าตั้งราคายังไงก็ขายได้อยู่ดี

ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่มีส่วนทำให้ราคารถถูกลง แต่ความเป็นจริงแล้ว โครงการนี้สร้างความปั่นป่วนให้กับคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าการทำให้ราคารถเก่าปั่นป่วนอย่างหนัก คนขายรถถูกกดราคาอย่างหนัก เพราะรถมือสองล้นตลาด แต่เมื่อเห็นถูกแล้วกลับต้องซื้อในราคาแพง เพราะคนซื้อขายรถมือสองต้องการกำไรที่มากขึ้น เพื่อให้คุ้มค่าความเสี่ยง ส่วนคนที่ประกาศขายก็อ้างอิงกับราคาตลาดมือสอง ส่วนคนซื้อตรงกะว่าจะซื้อได้ถูกก็ไปดูราคาก็ไม่ได้ถูกอย่างที่คิด มันก็เลยทำให้ตลาดรถมือสองตอนนี้นิ่งสนิท ผลกระทบจะเกิดกับใครก็ลองคิดเอา

ก็คงไม่อยากพูดยาว เพียงแต่เห็นเขียนมาแบบผิดๆ แบบไม่คิดก็เลยต้องตอบให้กระจ่าง ยังไงเมื่ออ่านแล้วก็อยากฝากให้คิดต่อแล้วกันว่า จริงๆ แล้วโครงการนี้ใครได้ประโยชน์บ้าง ไม่แน่ถ้ารู้ข้อมูลแบบผม คนที่คิดแบบคนที่ตอบกระทู้นี้ อาจจะคิดสงสารคนไทยที่ถูกรัฐบาลนี้หลอกเหมือนผีจนทำให้ชีวิตเขาย่ำแย่ลงแบบไม่น่าเชื่อ เพียงแต่วันนี้ไม่ได้ใช้สมองคิดก็เลยมองไม่เห็น ถ้าไม่เชื่อลองใช้สมองคิดเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องเยอะนิดเดียวก็พอ ก็จะเข้าใจเองว่ารัฐบาลนี้เขาทำงานเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่ทำงานให้กับคนบางตระกูลเท่านั้น ซึ่งก็คงไม่ใช่คนที่ตอบกระทู้ดังกล่าวแน่นอน ผมเชื่อแบบนั้น


#711433 โควต้ารถบัส8คันขนคนมารำลึกเผาเมือง ไม่ทราบใครเป็นเจ้าภาพให้เสื้อแดง?

โดย kornthana on 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 09:29

มันเอางบประมาณแผ่นดิน คือ เงินของคนไทยทั้งประเทศ มาใช้เคลื่อนไหวกันทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ของเสื้อแดง ตอนนี้ไม่มีใครจ่ายแล้วจึงต้องเอางบประมาณมาจ่ายแทน

อย่างเช่น การขนคนไปเตะบอลที่เขมร ใช้งบประมาณของกระทรวง 300 ทั่วไทย ผ่าน ผช.รมต.เป็นอดีตนักร้อง โดยให้ข้าราชการทำการโยกงบมาให้ 3 แสนมาใช้ แล้วยังไปหาบริษัทปล้นคนไทยช่วยเสริมมาอีก 5 แสน และยังมีจากบริษัทเอกชนอีกนับไม่ถ้วน รวมแล้วไปเขมรคราวนั้นได้เงินไปร่วม 5 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวคราวก่อน ขอไปที่กระทรวงรถไฟฟ้า ผ่านทาง เลขา อันนี้ก็จัดให้เสื้อแดงรวมแล้วเป็นหลายล้านอยู่

แต่ถ้างานด่วนเร่งรีบ เอางบประมาณในกระทรวงไม่ทัน ก็มีบริษัทปล้นคนไทย พร้อมใช้งบประชาสัมพันธ์ส่งให้แบบไม่อั้น ขอให้บอกว่าเป็นเสื้อแดง ผ่านตลอด

อันนี้เป็นตัวอย่าง เรื่องนี้มันเบิกง่าย ขอให้บอกเถิดว่าจะเอาเงินมาเคลื่อนไหว รับรองไม่ผิดหวัง

เสื้อแดงมันถึงได้จัดกิจกรรมกันบ่อย เพราะการจัดครั้งหนึ่งก็หมายถึง การได้เอางบประมาณแผ่นดินมาผลาญเล่น มันจึงไม่แปลกที่ตอนนี้ใครต่อใครก็อยากเป็นประธาน นปช.กันทั้งนั้น แต่เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ ไอ้ขวาน แห่งอุดร ที่เคลื่อนไหวแต่ละครั้ง อย่างมากสุดก็ได้แค่ค่ารถไปกลับ เงินทอนจึงเหลือน้อย ต่างกับประธาน นปช. ที่ขอหน่วยงานนี้แล้ว ยังสามารถขอจากหน่วยงานอื่นได้อีก เงินทอนจึงเหลือเยอะ อาจเป็นเพราะ การเคลื่อนไหวใน กทม.จะได้ค่ารถ และรายหัว เช่น ถ้าต้องการให้มาหมื่นคน ต้องใช้รถ 170 คัน คูณ 1 หมื่น เท่ากับ 1.7 ล้าน แล้วคูณด้วยจำนวนคน ๆ ละ 500 เท่ากับ 5 ล้าน รวมเป็นเงิน 6.7 ล้าน อันนี้ยังไม่รวมค่าเวที และอื่น ซึ่งเบ็ดเสร็จก็น่าจะอยู่ราวๆ 8 ล้านบาทต่อวัน แต่พอมาจ่ายจริงพวกนี้ก็จะจ่ายค่ารถให้แกนนำจังหวัด แต่ไม่ค่อยจ่ายรายหัว โดยโยนให้ สส.ในจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ จะจ่ายเพียงพวกคนที่ไปเกณฑ์มาเท่านั้น และการจ่ายก็จะแบ่งจ่ายเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้า 200 ช่วงดึก 200 (ส่วนอีก 100 กันไว้เป็นค่าอาหาร) คนส่วนใหญ่จึงได้รับแค่ 200 บาทในช่วงเช้า ส่วนช่วงดึกมีคนได้รับน้อยมาก เงินนี้จึงเข้ากระเป๋าแกนนำไป จึงไม่ต้องแปลกใจ แกนนำรุ่นก่อน พอเลิกม็อบสิ่งที่ได้คือ บ้านหลังใหญ่ รถคันงาม เมียคนสวย ที่ดินแปลงงามให้ลูก แถมมีเงินในบัญชีอีกไม่รู้เท่าไร บางคนดวงดียังได้เป็น รมต.กับเขาอีก ก็ยิ่งรวยกันไปอีก

เราจึงไม่ต้องแปลกใจที่ นปช.จะมีการจัดกิจกรรมกันบ่อย จึงไม่ต่างจาก ประธาน นปช. หากินกับการจัดม็อบนั่นเอง แต่เงินที่จ่ายทั้งหมดคือเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่เราๆ ท่านๆ ได้เสียภาษีไป ส่วนใครบอกว่าไหนไปเอาหลักฐานมา ก็บอกมาแล้วกัน จะชี้เป้าให้ไปตรวจสอบแล้วกัน

มันคงเป็นเรื่องปกติไปแล้วมั่งสำหรับ รัฐบาลชุดนี้ ที่ได้ข่าวว่าขี้เหนียวกันสุดๆ ตอนนี้ไม่มีใครยอมจ่ายกันแล้ว ยังดีที่มีงบประมาณแผ่นดินให้เอาเงินมาสร้างปัญหาให้กับคน กทม.ได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนคนเสื้อแดงที่เข้าร่วมการชุมนุมก็อยากให้ได้รู้ข้อมูลนี้ไว้บ้างเผื่ออนาคตต้องร่วมชุมนุมกับเขาจะได้ไปติดต่อขอรับเงินกับบ้าง ไม่ใช่ไปแล้วไม่ได้อะไรเลย เพราะถ้าไม่ไปรับ เขาก็ไม่ได้คืนเงินงบประมาณเข้าหลวงนะ แต่ไปอยู่กับพวกแกนนำทั้งหมด จึงไม่แปลกว่าแม้งานเสี่ยงติดคุกติดตะรางก็มีคนยอมเสี่ยง เพื่อหวังเงินทอนที่มีมหาศาลนั้นเอง


#710474 คนจองรถคันแรกกระอัก ราคารถปัจจุบันถูกว่าคืนภาษีแล้ว

โดย kornthana on 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 13:47

ถูกครึ่งเดียวครับ

 

จริงๆ แล้วปกติค่ายรถจะมีส่วนกำไรที่เอามาส่วนลดให้กับลูกค้าทุกคนอยู่แล้ว

 

ถ้าเป็นรถเล็ก ส่วนลดน้อยที่สุดก็ราวๆ 3-5 หมื่น ที่ต้องจัดให้เป็นของแถมให้กับลูกค้า 

 

แต่เมื่อโครงการรถคันแรกออก ค่ายรถเห็นว่าลูกค้าได้รับส่วนลดแล้ว 5 หมื่น - 1 แสน ก็ไม่จำเป็นต้องทำการตลาดมาก ก็เลยแทบไม่มีส่วนลดให้ มันจึงเท่ากับว่าภาษีที่ได้คืนมันไม่ได้ๆ เต็มจำนวนอย่างที่หลายคนคิด

 

ส่วนที่ว่า คนจองรถคันแรกไม่ไปออกรถ  เรื่องนี้ค่ายรถทุกแห่งเขาคิดไว้หมดแล้วพอโครงนี้หมดลง สถานการณ์จะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นจึงได้เร่งผลิตรถเพื่อส่งมอบให้ทันก่อนที่โครงการนี้จะปิดตัวลง  ทำให้บางคนถึงกับตกใจว่าทำไมได้รถเร็วมาก จนเตรียมตัวแทบไม่ทันจนต้องไปกู้เงินมาเพื่อออกรถ 

 

ดังนั้นเหตุผลที่ว่ารถถูกลงเพราะรถล้นสต๊อกจึงไม่ใช่เหตุผลทำให้รถราคาถูกลง แต่ทั้งหมดมันเกิดจากการที่รัฐบาลไปบิดเบือนกลไกตลาดทั้งระบบ เพื่อกระตุ้นให้คนใช้รถเยอะๆ เพียงเพื่อให้ ปตท.ขายน้ำมันได้มากเท่านั้น ผลจึงตกมาที่ประชาชนที่ต้องทนแบกรับการภาระค่าใช้จ่ายและเหมือนกับโดนปล้นไปแบบไร้ร่องรอยนั่นเอง

 

หากใครยังคิดว่า โครงการนี้ให้ประโยชน์กับคนไทยมากกว่า ปตท.ก็ลองเอารถที่มีอยู่ประกาศขายดูว่าตอนนี้ราคารถมันมีมูลค่าลดลงไปเท่าไร  ไม่แน่หากวันนี้คุณผ่อนรถไม่ไหว แล้วต้องการขายรถออก ผมว่าราคาอาจไม่ถึงยอดค้างชำระกับไพแนนท์ด้วยซ้ำ  มันจึงเท่ากับว่า เงินดาว์นที่จ่ายไปไม่ได้คืนยังต้องจ่ายเงินเพิ่มไปอีก ซึ่งผมว่าหลายคนคงทำใจไม่ได้ ก็ต้องทนซูซีผ่อนต่อไป จนถึงวินาทีที่ไม่ไหวแล้ว ทางเดียวที่ทำได้คือต้องปล่อยให้ไพแนนท์ยึด เพราะจะได้ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง แต่บอกได้เลยว่าคิดผิด เพราะนั่นจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด เมื่อไฟแนนท์ยึดรถไปแล้วจะเอาไปขายทอดตลาด ซึ่งจะได้ราคาถูกมากๆๆๆ  แล้วจะมาฟ้องรองส่วนต่างกับคนเช่าซื้อต่อไป ซึ่งบางคนบอกไม่จ่ายแล้วทำไม ก็ไม่ทำไมเพียงแต่คนนั้นก็จะไปขอสินเชื่อกับสถานบันการเงินไม่ได้ตลอดชีวิตนั้นเอง แล้วผลเป็นอย่างไร เมื่อคนเชื่อรัฐบาลแล้วต้องเสียอนาคตไปแบบนี้ แล้วจะเศร้าใจมากกว่านั้นเมื่อรัฐบาลวางยาไว้ว่าต้องครอบครองรถไม่ต่ำกว่า 5 ปี ก็แน่นอนว่ารัฐบาลคิดไว้แล้วว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ผ่อนไปไม่ไหว จึงได้วางยาเรื่องนี้ไว้ ซึ่งผลทั้งหมดจึงบอกว่านโยบายต่างๆที่รัฐบาลนี้มากมา จึงเท่ากับทำให้คนในรัฐบาลเท่านั้น  ประชาชนจึงเป็นเพียงสะพานให้กับพวกนี้เหยียบหัวข้ามไปเท่านั้นเอง

ตอนนี้รถในท้องตลาดราคาลดลงเพราะอะไรง่ะครับ

ต้องการดันยอดขายให้เท่ากับช่วงรถคันแรกหรือครับ?

 

ผมว่า ช่วงนี้ยอดขายตกลงครับ เพราะสาเหตุจากนโยบายรถคันแรก คนจึงซื้อเยอะ ค่ายรถก็เลยไม่ลดราคาเท่าไรเพราะยังไงคนก็ซื้อ

พอมาถึงปีนี้ ไม่มีนโยบายนี้ คนเลยไม่ค่อยซื้อ การลดราคาเริ่มขึ้นเพราะเป็นโปรโมชั่น

แถมยิ่งบางคนไม่รับรถ รถค้างสต๊อกเพียบ เลยปล่อยราคาถูกไม่ให้ค้างสต๊อก




#710331 คนจองรถคันแรกกระอัก ราคารถปัจจุบันถูกว่าคืนภาษีแล้ว

โดย kornthana on 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 11:12

จากนโยบายรถคันแรกที่เสื้อแดงออกมาตีกลองร้องเป่าว่ามันสุดยอด ตอนนี้เริ่มส่งผลกระทบกับผู้ที่เข้าร่วมโครงการแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นการถูกตัดสิทธิในการขอเงินคืน เนื่องจากปัญหาขอทะเบียนไม่ทัน (เพราะรถเยอะมาก ทำให้บริษัทรถจดทะเบียนไม่ทันตามที่กำหนดไว้)  การทะเลาะแวะแวงระหว่างญาติด้วยกันต่อการยืมชื่อใช้สิทธิที่ตกลงกันไม่ได้ระหว่างคนซื้อกับคนที่ให้ยืมชื่อใช้สิทธิ รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่ไม่ต้องการกล่าวอ้างกัน  แต่ปัญหาเหล่านี้ก็มีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นแล้ว ยังมีปัญหาใหม่ที่กำลังสร้างความปวดหัวให้กับผู้ใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการอีกก็คือ  ราคารถที่ปัจจุบันมีส่วนลดใกล้เคียงกับคนซื้อรถคันแรกไปแล้ว

 

 

ถ้าเป็นคนที่ออกรถไปแล้วก็คงต้องทำใจกันพักใหญ่ แต่สำหรับคนที่ัเสียเงินจองรถไว้ แต่ยังไม่ได้รับ ตอนนี้ก็เริ่มลังเลว่าจะเอาอย่างไรดี ระหว่างการทิ้งเงินจอง (1 หมื่นบาท) ให้กับบริษัทรถ แล้วไปจองรถใหม่ ที่จะได้ส่วนลดทันที (ไม่ต้องรอเงินคืนภาษี ซึ่งต้องใช้เวลานาน แถมมีปัญหายุ่งยากตามมาอีก) กันดี

 

แต่ไม่ว่าจะเลือกกันอย่างไร งานนี้คนที่คิดเข้าร่วมโครงการนี้ มีแต่เสียกับเสียอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้ถ้าใครยังพอมีเวลาคงต้องคิดให้หนักแล้วว่าจะเลือกทางไหนที่จะเสียน้อยที่สุด แล้วคงต้องจำไว้เป็นบทเรียนราคาแพงแล้วว่า นโยบายรัฐบาลที่ออกมาแต่ละนโยบาย ไม่ใช่ของที่คนไทยจะคิดกันสั้นๆ ง่ายๆ เพราะรัฐบาลชุดนี้จะเข็นนโยบายต่างๆ ออกมาได้ ต้องคำนึงถึงคนในรัฐบาล ไม่ใช่ประชาชน




#710317 ...พบผู้ “เชี่ยวชาญ” ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ “โผล่เป็นดอกเห็ด”...

โดย kornthana on 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:57

ผมว่า จขกท. ให้คำจำกัดความคำว่า ผู้เชียวชาญ ไม่ถูก คำว่า ผู้เชียวชาญ มาจากภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า  specialist  ความหมายคือ คนที่มีประสบการณ์สูง   ดังนั้น การเป็นผู้เชียวชาญจึงไม่ได้เกิดขึ้นได้แค่วันสองวันอย่างที่ จขกท. คิดหรือเขียนมาแบบผิดๆ เช่นนี้

 

ดูจากข้อความที่เขียนแล้วบอกว่าสมัย นายกยิ่งลักษณ์ เกิดผู้เชียวชาญขึ้นมาก จึงไม่เป็นจริง  อยากให้ จขกท.ใช้สมองซีกซ้ายที่คิดหรือเขียนอะไรอย่างมีเหตุผลให้มากกว่านี้ เพราะดูเหมือนสิ่งที่เขียนมามีแต่การใช้สมองซีกขวา ที่มีแต่เรื่องจินตการล้วนๆ 

 

ดังเช่น การอ่าน คอนกรีต เป็น คอ-นก-รีต  ไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้เชียวชาญบอกว่าอ่านผิดหรอก แม้แต่เด็ก 7 ขวบก็รู้แล้วว่าที่นายกฯพูดมันผิด

 

แล้วยิ่งที่ผิดมากจนชาวไทยได้ขายหน้าชาวโลกมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องการกล่าวต้อนรับ คลินตัน รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ที่อ่าน welcome เป็น overcome อันนี้ผมว่าเด็กจบ ป.1 ก็รู้ว่ามันผิด ต้องอาศัยผู้เชียวชาญให้มาบอกหรือ ผมว่าไม่จำเป็น แต่ที่น่าช้ำใจคือ นายกจบ ป.โท สหรัฐ มันควรหรือที่จะอ่านผิดในงานสำคัญนี้

 

แล้วยิ่งอ่านไปก็ดูเหมือนพูดถึงเรื่องนโยบายรัฐบาล แทบทั้งหมดผมก็ไม่เห็นต้องอาศัยผู้เชียวชาญมาตอบคำถาม  อย่างเช่น รถคันแรก ถามว่าตอนออกนโยบายใหม่ๆ ก็มีเสียงทวงติงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่ารถติด ปัญหาหนี้สินครอบครัว ฯลฯ เรื่องพวกนี้หากคนที่สมองซีกซ้ายมีรอยหยักสักนิดเดียวก็นึกภาพออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ก็ไม่ต้องอาศัยผู้เชียวชาญ เพราะมันเล็งเห็นผลกันได้อยู่แล้ว

 

ดังนั้นเรื่องที่ จขกท.พูดจึงไม่ใช่เรื่องที่คนพูดต้องเป็นผู้เชียวชาญสักนิด ยกเว้นแต่ จขกท.จะเป็นคนที่ทั้งชีวิตใช้แต่สมองชีกขวาคิด ไม่เคยใช้สมองซีกซ้ายเลย ผลมันก็อาจเป็นแบบนี้คือ ใครคิดอะไรหน่อยก็ยกย่องเขาเป็นผู้เชียวชาญไปหมด เพราะตัวเองไม่มีความคิดเท่านั้นเอง ก็อยากให้ใช้สมองซีกซ้ายกันดูบ้าง เผื่อจะทำให้ตัวเองรู้ว่า ใครดี ใครชั่ว ไม่ใช่ยกย่องแต่คนชั่ว จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น เป็นทาสให้เขากดขี่ เหมือนโดนปีศาจครอบงำไปวันๆ




#710297 ซื้อข้าวถุงมีเชื้อราดู?

โดย kornthana on 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:38

ญาติ พี่น้อง ลูกหลานคนเสื้อแดงเค้าไม่กินข้าวกัน......เสียงส่วนน้อยก็ต้องก้มหน้า ก้มตากินข้าวขึ้นราไปครับ ^_^

เป็นห่วงเด็กเล็กที่เป็นอนาคตของชาติจะต้องเป็นคนอมโรค  เพราะจากข้อมูลเชื้อราเหล่านี้เมือเข้าสู่ร่างกายก่อให้เกิดโรคได้หลายชนิดเพราะมันจะแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด ส่งผลเสียที่จะเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ในร่างกายดังนี้

-  ระบบย่อยอาหาร
-  ระบบประสาท
-  หัวใจ
- ระบบการหายใจ ปอด
-  ระบบสืบพันธุ์
- กระเพาะปัสสาวะ
- ระบต่อมไร้ท่อ
- ระบบน้ำเหลือง
- กระดูกและกล้ามเนื้อ
ระบบทางเดินหายใจ

ซึ่งเท่ากับว่าเชื้อราส่งผลโดยตรงต่อระบบการทำงานของร่างกายทุกส่วน ยังไงก็ควรระวังกันไว้บ้างนะครับ 

 

แล้วบางคนบอกว่า เราไม่ได้กินข้าวสารดังนั้น เมื่อเอาเข้าไปหุงแล้ว ความร้อนจะฆ่าเชื้อราไปเองนั้น เป็นความคิดที่ผิดเพราะความร้อนไม่ได้กำจัดเชื้อราได้ทั้งหมด ทางทีดีคือ ก่อนซื้อข้าวสารก็ควรสังเกตุและดูกันให้ดีสักนิด 

 

ที่มา : http://www.pendulumt...e_candidax.html




#704643 จับตา พรรคเพื่อไทยอาจถึงครา "ถูกยุบพรรค" หนที่สาม

โดย kornthana on 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 18:33

ยุบไปมันก็ตั้งใหม่ ส่วนคนที่จะโดนให้เว้นวรรคก็ไม่ใช่ใคร เป็นคนที่ทักขี้คนชั่วมันไม่ต้องการอยู่แล้ว คือ เลี้ยงก็เสียข้าวสุก อย่างเช่น หัวหน้าพรรค วันๆ ก็ไม่เห็นทำอะไรให้ดีกับพรรค พูดทีไรพรรคบรรไลทุกที

 

แต่ที่ทักขี้คนชั่วมันต้องมีก็เพราะเหตุผลบางอย่าง หากพรรคโดนยุบคนที่นั่งหัวเราะก็คือทักขี้นั้นเอง เพราะลำพังตัวมันอยากปลดออกเสียเต็มประดา แต่ทำไม่ได้ เพราะติดบุญคุณตอนเคลื่อนไหวเมื่อปี 53 อยู่ แค่นั่นเอง (หากทำอะไรจะเสียขบวนเสื้อแดง)

 

จึงอย่าไปยุบมันเลย ปล่อยให้อยู่แบบนี้ แบบที่เรียกว่า อยู่ก็ตาย ไม่อยู่ก็ตาย ก็ให้มันตายด้วยตัวมันเองดีกว่าไปตีมันให้หลังหัก สุดท้ายพอหายมันก็มาปั่นหัวคนไทยให้แตกแยกเหมือนที่มันเคยทำสำเร็จมาแล้ว

 

ไม่รู้ว่าใครเคยศึกษาเรื่องคอมมิวนิสต์ในไทยบ้าง  สมัยแรกรัฐบาลก็เล่นบทหนัก คือจับ ฆ่า ไปทีละคนกะว่ามันคงหมดสักวัน แต่สุดท้ายมันกลับปั่นหัวคนไทยที่หลงเชื่อคำพูดของพวกคอมมิวนิสต์ว่าจะนำความศิริไลให้เกิดขึ้นในประเทศ หากพวกนี้ได้ครองเมือง แล้วก็มีคนไทยที่เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว แบบประเภทนั่งๆ นอนๆ แล้วคิดว่าพวกคอมมิวนิสต์จะบันดาล ลาภ ยศ สรรเสริญ ให้ดังใจคิด  วันๆ ก็เลยมีหน้าที่ไปหว่านล้อมหาคนมาเพิ่ม ทำเป็นเหมือนคนมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่าง ซึ่งสุดท้ายพวกนี้มันก็คือพวกที่ต้องการเหยียบศพคนอื่นเพื่อขึ้นมาเสวยสุขเท่านั้น หากนึกไม่ออกว่าคนพวกนี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ให้นึกถึงแกนนำเสื้อแดง ที่ขึ้นเวทีทุกครั้งบอกอุดมการณ์ทำเพื่อคนจน  ถ้าตัวเองได้เป็นใหญ่จะไม่มีคนจนในประเทศ แล้วเป็นอย่างไร พอได้สมปรารถนา  คนจนยิ่งจนลง คนชั้นกลางกลับโดนปล้น คนชั้นสูงยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบไม่มีถนนให้เดิน แล้วใครละที่ใหญ่ คนเสื้อแดงหรือ ก็เห็นติดคุกคอตกอยู่จนถึงวันนี้ ก็มีแต่คนตายคนเจ็บที่พอได้รับการช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ดูเหมือนเงินนั้นมันจะถูกคนทั้งประเทศสาบแช่งให้คนใช้ได้พบกับความวิบัติกันในอนาคต ซึ่งก็จริงดังที่เห็นเป็นข่าว ตอนนี้มีใครที่รับเงินไปแล้วยังอยู่สุขกันบ้าง ลองเอามาดูสักคน เรื่องนี้อย่าคิดว่าเล่น เพราะเงินที่คนสาปแช่งไม่ต้องรอนาน ไม่เท่าไรรับรอง แล้วคนที่ได้ใช้ทุกคนวิบัติทุกคนไม่มีข้อยกเว้น  แต่นั่นก็ไม่ใช่เงินช่วยเหลือของพวกแกนนำเลยแม้สักบาทเดียว  นั้นแสดงว่าอะไร ถ้าไม่ใช่พวกแกนนำเมื่อได้ดีแล้วลืมทุกอย่างที่มันเคยพูดไว้ อุดมการณ์ไปไหน มันก็คงลืมไปหมด
ใจจริงอยากให้ทุกอย่างจบเร็วๆ แต่คิดว่าทักขี้คนชั่ว ซึ่งหลายคนก็คิดว่ามันตายเรื่องทุกอย่างจบ แต่ผมกลับคิดว่าไอ้นี้มันคงมีชีวิตอยู่อีกนาน เพราะดูแล้วเวรกรรมที่มันทำไว้ คงไม่ทำให้มันตายไปง่าย ยังมีวิญญาณอีกหลายตนยังรอคิดบัญชีมันอยู่ แล้วยังมีคนเป็นที่โดนมันหลอกจนร่ำรวยอีกไม่รู้เท่าไรที่รอเห็นความหายนะของมันและครอบครัวมัน  จึงไม่มีเหตุผลที่จะยอมให้มันตายไปง่าย ยกเว้นแต่ยอมให้มันเป็นคนแต่จิตวิญญาณ มีความรู้สึกเจ็บปวด ทรมาน แต่พูดไม่ได้ ร้องไม่เป็น เป็นคนที่จะได้พบเห็นแต่วิญญาณ ปีศาจ ที่ต้องหลอกหลอนมันทุกนาทีที่ลืมตา  คนแบบนี้ คนตระกูลนี้ เชื่อเถิดมันจะเจอแบบนี้  ใครตายก่อนก็ถือว่าโชคดีมาก แต่ผมว่าทักขี้คนชั่วมันคงไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก รับรอง
 




#702744 พี่อนุดิษฐ์ครับ ผมขอแจ้งเบาะแสเว็บด่าน้องปูครับ..

โดย kornthana on 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 08:29

แล้วเฮียกรูรู้ไหม คนขายชาติ เป็นใคร

 

เฮียกรูตอบแบบไม่คิด ออกมาให้ 2 คน คนหนึ่งเป็นนาย อีกคนเป็นขี้ข้าตาเหล่

 

สมกันจริงพี่น้องตระกูลชั่ว เอ้ยไม่ใช่ตระกูลชิน ที่แม้วันๆ คิดทำดีไม่เป็น คิดจะขายชาติมันท่าเดียว นี่ถ้ามันขายชาติไม่ได้ รับรองลูก เมียลำบาก เพราะมันคิดขายแน่ๆ นี่ขนาดหลานมัน มันยังส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการให้เขมรไปแล้ว เศร้าว่ะคนตระกูลนี้

Attached Images

  • คนขายชาติ.png



#702440 ทำไมตอนนี้ชีวิตคนไทยสั้นลงเรื่อยๆ

โดย kornthana on 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 22:14

คิดอยู่นานว่าควรตั้งกระทู้เรื่องนี้หรือไม่ เพราะไม่อยากเป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง แต่เห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์สำหรับคนไทยไม่มากก็น้อย

 

เรื่องที่จะเขียนก็เป็นเรื่องระบบสาธารณสุขเมืองไทยที่นับวันจะมีปัญหาขึ้นมาก หลังจากที่เริ่มใช้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 

 

เมื่อเดือนก่อน แม่เพื่อนเสียชีวิต จากมะเร็ง ระยะที่สอง เพียงเพราะเข้าโครงการ 30 บาท แต่ขอบอกว่าที่เสียชีวิตไม่ใช่หมอทำให้ตาย หรือระบบ รพ. ไม่เอื้อ แต่ฟังจากเพื่อนเล่าแล้วมันทำให้ตัวเองรู้สึกเวทนาการเป็นอยู่ของคนไทยในปัจจุบัน

 

เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนเป็นคนครอบครัวขั้นกลาง ที่ทำธุรกิจเล็กๆ มีพี่น้องร่วมกัน 4 คน คนที่สองพิการ แต่ก็มีอีก 3 คนที่พอมีพอกินอยู่บ้าง  หลังจากแม่ที่ต้องทนเจ็บป่วยได้สักพัก ลูกพาแม่เข้า รพ.ของรัฐ เพื่อให้ใช้สิทธิ 30 บาท รักษาอยู่เดือนกว่า รพ.ไม่แน่ใจจึงส่งต่อไปยัง รพ.แห่งที่สอง  รพ.แห่งนี้วินิจฉัยว่าพบสิ่งผิดปกติที่ปอดแน่ แต่เตียงไม่มีและหมอไม่พอจึงจึงส่งต่อไปยัง รพ.แห่งที่ 3 จนสรุปผลแน่ชัดว่าเป็นมะเร็งที่ปอดต้องทำการผ่าตัด  การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่นั้นหมายถึงคนไข้เสียเวลารักษาไปแล้วร่วม 3 เดือนไม่เป็นไร มันคงผ่านมาแล้ว แต่หลังจากนั้น หมอได้เรียกเพื่อนผมเข้าไปคุยบอกว่า บอกมี 2 ทางเลือกคือ รับยาตามโครงการฯ กำหนด ซึ่งก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด กับ การไปซื้อยากินเองซึ่งจะทำให้ผลการรักษาดีกว่า แต่อาจต้องใช้เงิน 7 หมื่นบาท สำหรับการรักษาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

 

เพื่อนผมซึ่งดูแล้วก็พอมีฐานะพอรับได้กับเรื่องนี้ ตัดสินใจเลือกให้แม่กินยาตามโครงการฯ ต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน แม่เสียชีวิตแบบไม่น่าเชื่อ

 

ผมจึงว่าผมคงไม่โทษหมอหรือ รพ.แห่งใด แต่ผมกำลังคิดในแง่ของลูกคนที่พ่อก็เคยป่วยแบบนี้ ตอนนั้นถ้าเทียบกับเพื่อนผมแล้วผมจนกว่าเขาเยอะ แต่ด้วยไม่มีโครงการ 30 บาท ผมกับพี่น้องทุกคนช่วยรวบรวมเงินเพื่อรักษาพ่อแบบสุดความสามารถ จนกระทั่งวันหนึ่งเงินไม่พอ ผมได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ รพ.ว่าไม่ต้องกังวลให้ไปติดต่อขอความช่วยเหลือจาก นักสังคมสงเคราะห์ใน รพ. ที่เขาจะมีเงินช่วยเหลือคนป่วยทุกคน เพราะเงินนี้เป็นเงินบริจาคที่มีจำนวนมากมายมหาศาลอยู่แล้ว  และมันก็จริงเมื่อผมไปทำเรื่องเจ้าหน้าที่ให้ผมกรอกใบแบบฟอร์มไม่กี่บรรทัดแล้วก็จัดการเรื่องทั้งหมดให้ทันที  ผมได้รับยา ได้รับการรักษาต่อ ได้รับการดูแล อย่างเต็มที่เสมือนกับคนป่วยที่ไม่ได้ขัดสนเงินทองแต่อย่างใด

 

แต่ภาพปัจจุบัน ทำไมผมกลับเห็นภาพลูกที่คิดว่าเมื่อมีโครงการนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก เขารักษายังไงก็ปล่อยไปตามนั้น แล้วผลมันก็ออกมาอย่างที่เห็น

 

อันนี้มันคือตัวอย่างหนึ่งที่ผมเห็นแล้วก็สะเทือนใจพอควร แต่เมื่อมาโดนกลับตัวเองกลับสะเทือนใจมากกว่า เมื่อวันหนึ่ง ภรรยาผมปวดท้อง เพราะถ่ายไม่ออก เวลาถ่ายมีเลือดปน ซึ่งมันเป็นปกตินิสัยของเขาอยู่แล้ว แต่งานนี้มันปวดท้อง 2 วันติดต่อกัน จึงไปพบหมอที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง หมอบีบที่ท้องน้อยเบาๆ เพียง 2 ครั้ง แล้วพูดว่า สงสัยคุณเป็นมะเร็งลำไส้ ต้องทำการส่องกล้อง  แถมบอก ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จน่าจะอยู่ที่ 4 หมื่นบาท หลังจากนั้นให้ยาล้างลำไส้มากิน แล้วนัดวันต่อมาให้มาทำการส่องกล้องทันที  ภรรยาผมกลับมาร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรว่าตัวเองต้องตายแน่เพราะหมอบอกเป็นมะเร็งลำไส้  ผมถามถึงวิธีตรวจของหมอก็ต้องให้สงสัยว่า ทำไมหมอใช้มือกดเพียง 2 ครั้งแล้วบอกว่าสงสัยเป็นมะเร็ง ทั้งๆ ที่ผมเรียนรู้มาตลอดว่า ขั้นตอนที่ตรวจรักษามันควรมีมากกว่านี้ แล้วที่สำคัญไม่ควรบอกคนไข้ให้ตกใจ อย่างน้อยหมอต้องแน่ใจในระดับหนึ่งก่อนค่อยพูดออกมา 

 

ผมมีเวลาคิดไม่มากที่จะตอบข้อสงสัยให้ได้ว่า ภรรยาผมเป็นอะไรกันแน่  ก็ถามผู้รู้ สืบค้นหาข้อมูล ก็ทำให้ยิ่งสงสัยใหญ่ว่า มันไม่มีปัจจัยใดที่จะบ่งบอกได้เลยว่า ภรรยาผมเป็นมะเร็ง  แล้วยิ่งไปศึกษาถึงวิธีการส่องกล้องตรวจลำไส้มีความเสี่ยงระดับหนึ่งที่เกิดความผิดพลาดได้ง่ายแม้แต่หมอจะมีความชำนาญก็ตาม แถมยังได้ข้อคิดอีกอย่างหนึ่งที่น่าตกใจมากเมื่อรู้ว่า ตอนนี้วิธีการรักษาของ รพ.เอกชนใหญ่ๆ เขานิยมใช้วิธีนี้คือ รักษาแบบเอาเครื่องมือมาเป็นตัวตั้งคือ ซื้อเครื่องมืออะไรมา ก็จะรักษาแบบนั้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนแค่ถ่ายไม่ออกต้องถึงกับส่องกล้องเชียวหรือ ทำไมไม่รักษาตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น

 

สำหรับแม้จะพูดอย่างไรก็ไม่ทำให้ภรรยาเปลี่ยนใจได้ เพราะทุกอย่างเชื่อหมอไปหมดแล้ว สุดท้ายครอบครัวต้องเสียเงินไป 4 หมื่นกว่า กับคำพูดของหมอที่บอกว่าดีใจด้วยคุณไม่เป็นมะเร็ง  มันฟังดูเหมือนในหนังโฆษณา แต่ความรู้สึกของผมมันเหมือนกับการโดนหลอกที่เอาชีวิตภรรยาเป็นเดิมพันไปเสียแล้ว

 

ทั้งสองกรณี ผมถามว่ามันแตกต่างกันตรงไหน  ทำไมกรณีแรกถึงใช้เวลา 3 เดือน รู้ผล แต่กรณีหลังใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็รู้ผลแล้ว

 

ผมจึงว่าความพอดีมันอยู่ตรงไหน แล้วทำไมมันเป็นแบบนี้  ก็พยายามหาคำตอบ ก็ได้ความรู้ใหม่ว่า หลังจากมีโครงการ 30 บาท มีนักธุรกิจคนหนึ่งกว้านซื้อกิจการ รพ. ไว้ในมือ โดยผ่านไปยัง ทนายความ คนหนึ่ง ที่ตอนนี้แทบทุก รพ.จะมีเจ้าของคนเดียวกันแล้ว  มันทำให้ผมคิดว่า ตอนนี้คนไทยมีทางเลือกกับเรื่องนี้อย่างไร ในเมื่อ 1 เป็น รพ.รัฐ กับอีก 1 เป็น รพ.ของคนในตระกูลหนึ่งเท่านั้น แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนในตระกูลนี้อยากผูกขาดระบบสาธารสุขเมืองไทยขึ้นมา  ยิ่งสืบค้นยิ่งตกใจว่า ตอนนี้ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าหมอ ค่าบริการ ต่างของ รพ.เหล่านี้แพงขึ้นมาก  อย่างเช่น แค่เป็นหวัดธรรมดา ต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 2 พันบาท ไม่เท่าไรแล้วถ้าหมอเกิดอยากใช้เครื่องมือใหม่ๆ ขึ้นมาแล้วมาบอกให้ไปตรวจโน้นตรวจนี้ขึ้นมาจะเป็นอย่างไร  ยังไม่ทันไรก็ต้องเจออีก เมื่อลูกไข้ขึ้น ไปหาหมอตรวจ หมอจับเจาะเลือก กับ ตรวจจมูก ผลการตรวจจมูกเป็นไข้หวัด ทำให้ต้องทิ้งเลือดไปโดยไม่ทำอะไร  ผมสงสัยมากว่าแล้วทำไมไม่รอผลตรวจจมูกก่อน แล้วถ้าไม่เจอค่อยเจาะเลือด คำตอบที่ได้รับคือ มันเป็นแพ็คเก็ตการตรวจ ซึ่งจะคิดค่าใช้จ่ายตามแพ็คเก็ต ไม่แยกตรวจ  ผมยิ่งทำให้ผมหดหู่มากว่า ทำไมหมอปัจจุบันไม่คิดถึงเด็กที่อายุไม่ถึง 1 ขวบ ซึ่งการเจาะเลือดไม่ใช่เรื่องง่าย มันเหมือนทำร้ายเด็กแบบไม่น่าให้อภัย  หลังจากนี้มันก็เลยทำให้ผมสงสัยว่า แล้วผมจะเชื่อใจหมอคนไหนได้อีกหรือไม่ เพราะดูเหมือนทุกอย่างมันโดนบังคับไปเสียหมด

 

ผมว่าผมเขียนยาวไปแล้วก็ไว้ต่อใหม่หากมีคนสนใจ แต่อยากย้ำว่า ที่ผมเขียนมาทั้งหมดเป็นเรื่องทีผมอยากระบายจากความในใจ ที่ตอนนี้ดูเหมือนระบบสาธารณสุขไทยมีปัญหามากหลังจาก โครงการ 30 บาท เริ่มใช้มา  ผมคนหนึ่งที่คิดว่ามันก็ดีสำหรับคนไม่มีทางเลือก แต่วันนี้ผมกลับมองอีกอย่างว่า โครงการนี้มันทำให้ครอบครัวดูเหมือนว่า การรักษาพยายามเป็นหน้าที่ของรัฐที่ลูกๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร พ่อแม่จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับโครงการ ซึ่งผมก็เป็นห่วง แต่สำหรับผมซึ่งคิดว่าพอมีพอใช้ คงไม่ไปรบกวนโครงการนี้ แต่ทำไมผมกลับโดนโครงการนี้เล่นงานแบบชนิดที่เรียกว่าต้องเดิมพันชีวิตคนในครอบครัวกันเลยทีเดียว 

 

ผมเข้าใจว่าคนที่เป็นหมอคงเข้าใจสถานการณ์และคงยอมรับถึงปัญหาเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหมอที่ทนต่อ ระบบ รพ.รัฐไม่ไหว เลยปลีกตัวมาอยู่กับ รพ.เอกชน แล้วให้ รพ.เอกชนใช้หนี้แทนแล้วมาหักเงินทีหลัง มันทำให้หมอในรพ.รัฐไม่พอ ในขณะที่หมอ รพ.เอกชนกับว่างจนต้องหาคนให้มาลองเครื่องมือใหม่ๆ กันตลอด  ส่วนคนที่ไม่ใช่หมอบางคนผมว่าคงเข้าใจความรู้สึกผม แต่บางคนที่หลงไหลกับประชานิยมคงมีข้อโต้แย้ง  ผมก็น้อมรับ แต่ขอบอกว่าที่ผมเขียนมาทั้งหมดไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการด่าใคร แต่ต้องการเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังไว้เท่านั้น  ซึ่งคนอ่านจะสรุปและมีความคิดเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละบุคคล




#702355 โปรดระวังตัว!!! ลิ่วล้อ'อิเม้ย'จ้องขย้ำ โพสต์ด่านายกฯมีสิ...

โดย kornthana on 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:18

แล้วมีคุกพอขังคน 30 ล้านหรอท่าน

 

อย่าคิดว่าเสียง 15 ล้านเขาเลือกเพราะรักทักษิณหมด มากกว่าครึ่งเลือกพรรคนี้เพราะ สส. เขต นักการเมืองท้องถิ่น ที่พวกมันสังกัดอยู่ คนเหล่านี้เขาอยู่เพราะต้องการหาเงิน ไม่ต้องการมาทะเลาะกับใคร และเขาพร้อมจะเปลี่ยนขั่ว ย้ายข้าง หากเงินถึง ผลประโยชน์มี เสียงพวกนี้ก็จะสะวิงกลับ  ดังนั้นคนเสื้อแดงที่หลงทักษิณแบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเอาให้ถึงล้านก่อนเถิด ถึงได้บอกว่าแล้วมันจะมีที่ขังคนได้ขนาดนั้นเชียวหรือ  เป็น รมต.พูดต้องคิด ไม่ใช่เห็นเจ๊ดอ จะได้ขั่วตำแหน่งนายก ก็เลยเล่นบทแรงใส่อิเม้ย ให้มันเสียหายไปใหญ่

 

ถามจริงๆ ที่ออกมาพูดแบบนี้ คือต้องการให้เรื่องนี้มันใหญ่ เรียกว่าให้คนทั่วประเทศรุมด่าอิเม้ยต่อไปหรือไง เพราะรู้ทั้งรู้ว่าคนไทยยุ่งห้ามเหมือนยุ่งยุ  ก็เอาให้สมความอยากไปแล้วกัน ก็อยากจะดูด้วยว่าหลังจากนี้คนในตระกูลนี้มันจะกัดกันแรงขนาดไหน แต่เชื่อเถิดพอมันกัดกันเสร็จ คนที่เป็นนายกจากตระกูลชิตวัตรคนต่อไป สิ่งที่มันอยากทำที่สุดคือจำกัดทักษิณให้พ้นทาง หรือให้หายไปจากโลก หรือมันจะได้ไม่ต้องฟังใคร  ส่วนเรื่องจะเอาทักษิณกลับบ้านฝันไปเถิด เพราะถ้าทักษิณกลับนั่นก็หมายถึงมันต้องมาเอาทุกอย่างคืน แล้วถามว่าใครจะยอม  มันก็จะเป็นข่าวดีของคนไทยทั้งประเทศที่จะได้เห็น คนตระกูลชั่วได้ฆ่ากันเองละงานนี้




#701954 ไอ้นักโทษไปโผล่ที่มาเลเซียเพราะ

โดย kornthana on 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 14:50

ได้ข่าวมาเลย์ซื้อเสียงกันรุนแรงมาก หัวละ 3 พัน ริงกิต เทียบเงินไทย = 3 หมื่นบาท

 

คำนวณดูต้องใช้เงินจำนวนเท่าไร  ซึ่งก็คงไม่พ้นต้องขอเงินสนับสนุนจากนายทุนเห็นแต่เงิน ซึ่งก็นั่นก็คือทักษิณ คนขี้ขลาดจากไทยนั้นเอง

 

ภาพมันสะท้อนให้เห็นการเมืองในอาเซียนว่า สุดท้ายนักการเมืองมันก็แค่ต้องการเพียงเสียงจากคนเลือก ไม่ได้ต้องการทำอะไรให้กับประชาชนอย่างที่ปากมันพูด

 

มันจึงทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แม้แต่จะขายชาติ ขายแผ่นดินเกิดก็ตาม เพียงแต่แอบอิจฉาคนมาเลนิดหน่อยว่า เลือกตั้งทีรับกัน 3 หมื่น แต่ในไทย รับไม่ถึง 500

 

จึงดูเหมือนว่า เสียงคนไทยราคาถูกเหลือเกิน