Jump to content


Victor

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 12 กรกฎาคม 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2556 18:10
-----

Posts I've Made

In Topic: ข้อมูลอะไร ที่ทำให้โฆษกพรรคพท. เชื้อว่าหนี้ครัวเรือนดีกว่า ปชป.

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 16:44

หนี้ครัวเรือนพุ่ง12%ทุบสถิติสูงสุดรอบ5ปี

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจพบหนี้ครัวเรือนพุ่ง 12% ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี เร่งตัวเร็ว-กว่าครึ่งพึ่งแหล่งเงินกู้นอกระบบ

นายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลการสำรวจ สถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน ว่า กลุ่มตัวอย่าง 64.6% ตอบว่า มีหนี้สิน โดยจำนวนหนี้เฉลี่ยครัวเรือนของปี 2556 ขึ้นมาอยู่ที่ 188,774.54 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 12% จากเฉลี่ยของปี 2555 ที่อยู่ที่ 168,517.16 บาทต่อครัวเรือน เป็นอัตราการเพิ่มด้วยตัวเลข 2 หลัก และสูงที่สุดตั้งแต่การสำรวจช่วง 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2551-2556 ในจำนวนหนี้ 188,774.54 บาท เป็นหนี้ในระบบ สัดส่วน 50.4% และ หนี้นอกระบบ 49.6% โดยมีการผ่อนชำระเดือนละ 11,671.93 บาท

 

"จำนวนหนี้ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12% ถือว่าเป็นการขยายตัวในอัตราที่เร่งพอสมควรจากที่เคยขยายตัวด้วยตัวเลขหลักเดียว และพบว่าเป็นหนี้นอกระบบที่เพิ่มมากขึ้น" นายวชิร กล่าว

ทั้งนี้ ปี 2551 หนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือน 135,166.34 บาท เป็นหนี้ในระบบ 65% นอกระบบ 35%, ปี 2552 เฉลี่ย 147,542.15 บาท เป็นหนี้ในระบบ 52.4% นอกระบบ 47.6%, ปี 2553 เฉลี่ย 151,432.74 บาท เป็นหนี้ในระบบ 53.4% นอกระบบ 46.6%, ปี 2554 เฉลี่ย 159,432.23 บาท เป็นหนี้ในระบบ 54.2% นอกระบบ 45.8%, ปี 2555 เฉลี่ย 168,517.16 บาท เป็นหนี้ในระบบ 53.6% นอกระบบ 46.4% และ ปี 2556 เฉลี่ย 188,774.54 บาท เป็นหนี้ในระบบ 50.4% นอกระบบ 49.6%

นายวชิร กล่าวว่า เมื่อถามถึงการเป็นหนี้สินและการเปลี่ยนแปลงของหนี้ พบว่าในปี 2555-2556 มีการก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10% จากตัวเลขสถิติในปีที่ผ่านมาไม่พบว่ามีการก่อหนี้เพิ่มเมื่อเทียบกับปีก่อน และเมื่อจำแนกกลุ่มผู้ก่อหนี้ตามรายได้ จะพบว่ากลุ่มที่รายได้ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือน จะมีสัดส่วนการก่อหนี้นอกระบบถึง 50% ขณะที่กลุ่มรายได้ 5,000-15,000 บาท จะมีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบใกล้เคียงกันที่ 442-44% ส่วนกลุ่มที่รายได้เกิน 15,000 บาท พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ในระบบ 43-46%

สาเหตุที่ทำให้หนี้เพิ่มขึ้น อันดับแรก มาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น มีถึง 23.3% รองลงมาค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน 22% การซื้อสินทรัพย์ถาวร เช่น บ้าน รถ 13.5% ซึ่งเมื่อเปรียบค่าครองชีพกับรายได้ในปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่าง 72.1% ระบุว่าค่าครองชีพสูงเกินไป โดยข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการแก้ไขหนี้ครัวเรือน อันดับแรกให้ลดค่าครองชีพลงมา ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยบัตรเครดิต และดูแลราคาก๊าซและน้ำมันไม่ให้สูงเกินไป

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่า ขณะนี้มีสัญญาณชี้ชัดว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลง ซึ่งจากผลสำรวจฯ พบว่า มีประชาชนถึง 80-90% ระบุว่าซื้อสินค้าน้อยลงหรือซื้อเท่าเดิม แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากสินค้าแพงขึ้น ขณะเดียวกัน การก่อหนี้ใหม่ปีนี้ที่เพิ่มขึ้นถึง 10% และเป็นหนี้นอกระบบมากขึ้น ทำให้น่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีสัญญาณการชะลอตัวลงไปเรื่อยๆ หากไม่มีมาตรการใดๆ มากระตุ้น การบริโภคจะชะลอไปถึงไตรมาส 4 ยิ่งจะส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงไปอีก ซึ่งศูนย์ฯ จะมีการแถลงปรับตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 8 ก.ค. จากที่คาดว่าจะขยายตัว 4-5% และหากรัฐบาลจะมีมาตรการใดๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ควรจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 เพื่อพยุงไม่ให้เศรษฐกิจตกต่ำไปมากกว่านี้

นายธนวรรธน์ กล่าวถึงกรณีที่ รัฐบาลจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การปรับ ครม. มี 2 กรณี คือ กรณีแรก ปรับเพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลนี้ดีขึ้น และ กรณีที่สอง ปรับเพื่อสลับสับเปลี่ยนตำแหน่ง ให้คนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังในพรรคได้ขึ้นมาเป็นผู้บริหารบ้าง

อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังมานี้ คะแนนนิยมในตัวรัฐบาลน้อยลง โดยเฉพาะจากปัญหาจากโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐบาลมีคะแนนนิยมลดลงจริง และเมื่อมีการปรับลดราคารับจำนำ ยังสร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มชาวนาอีก ซึ่งแน่นอนว่า การปรับ ครม. ครั้งนี้ เกี่ยวเนื่องจากนโยบายจำนำข้าว และหากจะมีการเปลี่ยน รมว.พาณิชย์ จาก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ก็มาจากปัญหาจำนำข้าว ซึ่งต้องรอดูว่ารัฐบาลจะปรับหรือไม่ และคนใหม่ที่เข้ามา จะเป็นใคร

"เชื่อว่า...รัฐบาลปรับ ครม. รอบนี้ คงปรับแบบสุดๆ จริงๆ เพื่อให้ประชาชนยอมรับ แต่ถ้าปรับแล้วเกิดเสียง "ยี้" อีก ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้าจะปรับแล้วคงต้อง "ถูกฝา ถูกตัว" ทุกกระทรวง" นายธนวรรธน์ กล่าว

 

ขอบคุณ http://breakingnews....p?newsid=688583


In Topic: ไม่ต้องถามแล้วนะครับ ว่ากำลังรบกับใคร

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 16:19

ข้อมูลท้ายๆของวิกิ เป็นข้อมูลที่รวบรวมไว้ โดยยึดเนื้อหาเก่า ซึ่งระบุปีชัดเจนครับ

อันพอจะอนุมานในความขัดแย้งทางสังคมขณะนั้นในอีกรูปแบบหนึ่ง

 

แต่พฤติกรรม และการก่อการร้ายของโจรในพื้นที่ในห้วงปัจจุบัน มีบางอย่างที่ขัดแย้งกัน

กับข้อมูลในอดีตของวิกิอยู่ โดยดูจากองค์กรที่เรียกตัวเองว่า บีอาร์เอ็น ในมาเลย์เซีย และ

โจรที่ปฎิบัติการจริงในพื้นที่ การใช้สรรพนามเรียกพี่น้องไทยมุสลิมในพื้นที่ว่า

เป็นมาเลย์มุสลิม 

ทำให้ผมพอประเมินข้อมูลบนความรู้สึก และความเข้าใจ ของแหล่งที่มาในวิกิได้ 

มันไม่ได้ต่างอะไรกับการที่โจรใต้เรียกประเทศไทยว่า รัฐไทย 

 

อยากให้ใช้สรรพนามกันให้ถูกต้องครับ ประเทศไทย ไม่ใช่รัฐไทย มุสลิมไทย ไม่ใช่ มาเลย์มุสลิม

อ่าครับ ผมเป็นคนเหนือ อยากรู้เกี่ยวกับภาคใต้ของไทยที่มีปัญหาความขัดแย้งก็หาอ่านเอาตามเว็บแต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆสักที ว่าปัญหาเกิดจากอะไร อ่านWIKIPEDIA น่าสนใจดีน่าครับ ก็ขอขอบคุณ คุณ kaidum มากครับที่ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งของ3จังหวัดชายแดนภาคใต้ครับ


In Topic: สหรัฐฯส่อแบนเลือกตั้งเขมร

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:06

เอเซียเริ่มมีความสำคัญและเป็นเป้าหมายของมหาอำนาจอย่างเมกา ในการเข้ามาลงทุน ค้าขายเพราะมีทรัพยากรเพียงพอต่อความต้องการ มีแรงงานคน มีทักษะ มีพื้นที่ในการตั้งฐานผลิต แต่ยังไงก็ตามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังขาดผู้มีความรู้ความชำนาญ เทคโนโลยีต่างๆ จึงมีชาติมหาอำนาจคอยควบคุม และเป็นผู้นำ การเข้ามามีบทบาทของเมกาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงมีมา เพราะพื่นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านทรัพยากรต่างๆ นั้นน่าสนใจ

 

จริงๆเมกามีบทบาทมากในไทย สังเกตสื่อและโฆษณาต่างๆ มีนโยบายครอบครองการตลาดและครอบงำความคิดของประชาชนในประเทศโดยใช้กฏระเบียบโลกใหม่และลัทธิการค้าเสรีเป็นเครื่องมือในการบุกรุกตลาดการค้า ใช้ระบบอเมริกันนิยม สร้างผู้นำทางความคิดแบบอเมริกันผ่านสื่อ วัฒนธรรม และการศึกษาเป็นเครื่องมือในการครอบงำความคิดของประชาชน

 

นับตั้งแต่ไทยเปิดเสรีภาพทางการเงิน ช่วงปี 2536  ก็อย่างที่รู้ๆกันว่ามันมีปัญหา และปี2540เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น รัฐบาลกู้ยืม IMF ซึ่งมันสวนทางกันหลายๆอย่าง ภาวะเช่นนี้ อเมริกาได้ยื่นเงื่อนไขต่างๆในการให้สิทธิ พิเศษต่อชาติของตน เช่นให้เปิดเสรีมากขึ้น แก้กฏหมายให้ต่างชาติประกอบธุรกิจอย่างเสรีทุกประเภท ซึ่งไทยก็ได้ทำหนังสือเจตจำนงยอมรับ มันเป็นแผนการล่าอนานิคมแบบใหม่ที่ใช้กลไกเศรษฐกิจและองค์การระหว่าประเทศเข้าควบคุมซึ่งไทยก็ต้องยอมรับในจุดนี้แม้จะถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างมากก็ตาม ภายใต้การอุปถัมป์ของเมกามีการหวังผลอยู่เสมอ เช่น การอวยพวกเมกาของประชาชนไทย,สิทธิพิเศษของคนอเมริกาเมื่อมาเมืองไทยไม่ต้องมีวีซ่า แต่เราจะไปประเทศมันนี่ขอวีซ่ายากเย็นเหลือเกิน  

 

ขอโทษที่นอกเรื่องจากกระทู้นี้ 


In Topic: สหรัฐฯส่อแบนเลือกตั้งเขมร

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 14:51

ฮุนเซนกับอดีตผู้นำไทยบางคน บ้าอำนาจคล้ายๆกัน


In Topic: ไม่ต้องถามแล้วนะครับ ว่ากำลังรบกับใคร

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 14:31

มูลเหตุแห่งปัญหา

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลางกับภูมิภาคนี้เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองมาใช้ระบบมลฑลเทศาภิบาลในสมัยรัชกาลที่ 5 ยกเลิกตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครรวมทั้งเจ้าเมืองทั่วประเทศ ส่งผลให้กลุ่มอำนาจเก่าที่เรียกอ้างตนว่าสืบเชื้อสายมาจากสุลต่านเดิมในพื้นที่ไม่พอใจ

 

ในสมัยนโยบาย บูรณาการ แห่งชาติที่รัฐบาลไทยกำหนดใช้ พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2464 มีผลบังคับให้บุตรหลานของคนทุกหมู่เหล่าที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ต้องเข้าสู่ระบบโรงเรียนชั้นประถมศึกษาซึ่งได้รับการรับรองจากรัฐบาลไทย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่คนบางกลุ่มมองว่าความพยายามในการส่งเสริมการใช้ภาษาไืทยและ ส่งเสริมให้ทุกคนสามารถอย่างออกเขียนได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานในอนาคต เป็นการกีดกันชนชาติมาเลย์มุสลิมออกจากภาษาและวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเอง ต่อมารัฐบาลไทยสั่งปิดบรรดาโรงเรียนต่าง ๆ ที่มิได้สอนภาษาไทยอย่างถูกต้องตามหลักสูตรของรัฐทั้งหมดลงทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2466 ซึงรวมไปถึงโรงเรียนของชาวมาเลย์มุสลิมด้วย เป็นผลให้เกิดการชุมนุมประท้วงและการจลาจลขึ้นในพื้นที่อย่างรุนแรง

 

อย่างไรก็ตามก่อนการมาตั้งถิ่นฐานของชาวมาเลย์มุสลิมนั้น (เป็นข้อมูลจากมุมมองของฝ่ายไทย) พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัย และอาณาจักรลังกาสุกะมา

ก่อน โดยประชาชนส่วนใหญ่นับศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธ

 

ปี พ.ศ. 2482 มีการประกาศใช้ระเบียบวัฒนธรรมไทยโดยเผด็จการจอมพล ป.พิบูลสงคราม ให้ชาวไทยต้องใส่เครื่องแต่งกายและประเพณีนิยมแบบไทย ผู้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับดังกล่าวนี้จะต้องถูกปรับไหมและรับโทษอย่างเข้มงวด ทั้งนี้รวมไปถึงชาวไทยมุสลิมด้วย สถานการณ์ก็เลวร้ายหนักขึ้นเมื่อการใช้ภาษามาเลย์และวัตรปฏิบัติบางอย่างทางศาสนาอิสลาม ถูกรัฐบาลไทยภายใต้เผด็จการจอมพล ป.พิบูลสงครามกำหนดให้เป็นเรื่องผิดกฎหมายในปี พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944)

ปี พ.ศ.2504 รัฐบาลไทยได้ประกาศใช้แนวนโยบาย "ปฏิรูปการศึกษา" ขึ้นในพื้นที่จังหวัดของชาวมาเลย์มุสลิม รัฐบาลให้การยอมรับโรงเรียนสอนศาสนาแบบดั้งเดิม (ปอเนาะ) โดยให้มีการขึ้นทะเบียนเป็นโรงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม ประยุกต์ระบบการศึกษาไทยเสียใหม่ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวมาเลย์มุสลิม เหล่านี้ก็เพื่อสร้างจิตสำนึกและปลูกฝังความจงรักภักดีในสถาบันหลักอันประกอบด้วยชาติ ศาสนา (ทุกศาสนาในประเทศไทยได้รับความเคารพอย่างเท่าเทียมกัน) และพระมหากษัตริย์

อย่างไรก็ตาม ชาวมาเลย์มุสลิมบางกลุ่มในภาคใต้กลับมองว่า นโยบายบูรณาการแห่งชาตินั้นมีเป้าหมายในการหลอมรวมชนชาวมาเลย์มุสลิมเข้ากับศูนย์อำนาจที่กรุงเทพ เป็นการท้าทายต่อวิถีศรัทธาและอัตลักษณ์ของชุมชนมาเลย์มุสลิมภายใต้ระบอบการปกครองที่หมายมุ่ง"วิวัฒน์"เกิดการยุยงจากผู้ไม่หวังดีทั้งภายในและภายนอกประเทศให้ชาวมาเลย์มุสลิมดำเนินการตอบโต้ในหลากหลายวิธีการรวมไปถึงรูปแบบการต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนออกจากระบอบการปกครองไทย โดยมิได้มองว่าประเทศไทยนั้นมีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม คนบางกลุ่ม บางวัฒนธรรม อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่าชาวมาเลย์ในภาคใต้ด้วยซ้ำไปและก็ไม่ใช่ว่าคนทุกกลุ่มเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลไทย แต่เพื่อความสงบและปรองดองของคนไทยด้วยกัน คนทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่าในประเทศไทยทำทุกอย่างเพื่อให้ตนสามารถอาศัยร่วมกันภายใต้กฎหมายเดียวกันด้วยความสงบ หากกลุ่มใดไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐ กลุ่มคนเหล่านั้นมักจะแสดงออกด้วยการชุมนุมประท้วง

ขอบคุณ WIKIPEDIA