ธรรมรักษา

ฝันร้าย ฝันดีไม่รู้ ภาคจบมาแว้วว

อาจจะยังมีหวัง

มาฟังความจริงอีกด้านหนึ่ง   จาก ป๋าดัน

 

 

เถกิง สมทรัพย์

18 ชั่วโมงที่แล้ว · แก้ไขแล้ว

เขาเรียกผมว่า ป๋าดัน..

โดย เถกิง สมทรัพย์

ตั้งแต่รัฐประหาร ผมไม่ได้สนทนากับขิงและตั๊นอีกเลย จวบจนกระทั่งเช้าวันนี้...ผมได้รับ ไลน์ จากขิง...พอเปิดดูก็หัวเราะแทบตกเก้าอี้ จนผู้บริหารบลูสกายที่กำลังนั่งประชุมด้วยกันตกอกตกใจว่าหัวเราะอะไรขนาดนี้

ผมเอาภาพให้ดู...เป็นภาพขิงกับตั๊นนั่งด้วยกันที่สำนักงานอัยการ...

ถามขิงว่า ขอเอาลงเพจนะ...ขิงบอกว่า ส่งมาให้พี่ลงเพจนั่นแหละ

พอลงปั๊บ...กดไลค์กันเพียบ...คงหายคิดถึง

เพื่อนๆในเพจและนอกเพจหลายต่อหลายคนชอบเรียกผมว่า ป๋าดัน..555..หรือเป็นกามเทพคอยแผลงศรให้หนุ่มสาวชอบกัน...

ผมปฏิเสธนะครับ...ผมไม่เคยคิดจะเป็นป๋าดัน..แต่เพราะเหตุบังเอิญที่ทำให้เกิดกระแสนี้ขึ้น

เหตุบังเอิญก็คือ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ระหว่างที่ผมนั่งอยู่ในเต้นท์สวนลุมพินี..มีใครไม่รู้เอาขนมมาวางไว้บนโต๊ะสองสามกล่องและมะยงชิดปอกเปลือกเรียบร้อยในกล่องทัพเปอ์แวร์..น่ากินเชียวล่ะ...ผมก็ได้แต่มองและรอว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาเปิดจะได้ขอกิน...

สักครู่หนึ่ง ขิงกับตั๊นก็เข้ามา...ตั๊นแกะกล่องขนม ขิงก็เอามะยงชิดที่ปอกเปลือกแล้วมาเปิดฝาออก วางไว้ข้างๆ...ผมก็ถ่ายรูปด้วยไอโฟน

แล้วอัพภาพขึ้นเพจ..พร้อมกับเขียนบรรยายสั้นๆว่า

"ภาพนี้น่ารักดี. ตั๊นเปิดขนมให้ขิง. ส่วนขิงก็ส่งมะยงชิดให้ตั๊น. (ผมอธิบายถูกนะ...?) :).."

ผมบรรยายภาพแค่นี้จริงๆ....และวันนั้นก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้...(ขนมกับมะยงชิด ผมก็ไม่ได้กินเพราะมัวแต่ถ่ายภาพ)

แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องเกินคาดหมาย....เพราะถัดมาอีกหลายวัน...ขิงเดินอมยิ้มเข้ามาเล่าให้ผมฟังว่า เพจพี่เถกิงทำเอากระแสคู่จิ้นระเบิดเถิดเทิง...แชร์กันเยอะและพูดกันมาก

ผมก็แปลกใจ...เพราะไม่น่าจะขนาดนั้น แต่ขิงบอกว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคนพยายามจับคู่ขิงกับตั๊น แต่ไม่มีกระแสแรงนัก...พอพี่เถกิง เอาภาพลงในเพจวันก่อน...สะพัดไปหมดเลย..

แม้ขิงจะอธิบายแบบนั้น ผมก็ยังไม่เข้าใจว่ามันสะพัดไปแรงขนาดนั้นได้ยังไง...จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเอาภาพขิงกับตั๊นลงอีก...ปรากฏว่า มีเสียงฮือฮาในเต้นท์นักข่าวที่รอทำข่าว กปปส. เพราะทุกคนเห็นภาพที่ผมลงไป

พอนักข่าวเห็น พวกเขาก็ถามขิงและแชร์กันต่อ เขียนกันต่อ เม้าท์กันต่อ...รวมไปถึงบรรดาเพื่อนๆในเพจที่เป็นคนดัง เป็นนักการเมือง แชร์กันต่อจริงๆจังๆ

ผมก็ลืมไปว่า "เพจ เถกิง สมทรัพย์" อาจไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มีคนติดตามไม่มาก..แต่ในวงการหรือคนรอบตัว ต่างทราบว่า ผมไปนั่งอินไซด์อยู่ด้านในและคงจะจินตนาการว่า ผมคงมีข้อมูลวงในลึกๆ....เรียกได้ว่า ขนาดผู้ใหญ่ใกล้ตัวขิง ยังมองผมทุกครั้งที่ผมถ่ายภาพขิงกับตั๊น...(ฮา)

จริงๆแล้ว...ภาพที่เป็นต้นตอของกระแสทั้งหมด คือ ภาพที่นำมาลงวันนี้และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์ธรรมดา ผมเองก็ไม่เคยเขียนเชียร์หรือเขียนอะไรที่ไปเข้าตำรา "ป๋าดัน" ตามที่ว่ากัน...

แต่อาจเป็นไปได้ว่า บรรยากาศของภาพนี้มันไม่ได้แสดงความ สวีทหวานหรือแอคท่าคู่กัน...หากเป็นธรรมชาติ จนคนอ่านนึกจินตนาการไปว่า เขาเป็นแฟนกัน ตามภาษาวัยรุ่นปัจจุบันที่เรียกว่า "มโนไปเอง"

"มโน"ขนาดที่ผมก็ต้องตอบคำถามคนเยอะมากว่า..เขาเป็นแฟนกันจริงเหรอ

"มโน"ขนาดที่ผมต้องมีภาพสองหนุ่มสาวนี้ลงเพจเรื่อยๆ เพราะแฟนเรียกร้อง

"มโน"ขนาดผมต้องรับพนันกินข้าวกับเพื่อนๆว่า สงสัยจะมีงานช้าง...

ถ้ามีงานช้าง ผมได้กินข้าวฟรี 2 มื้อ
ถ้าไม่มี ผมจ่ายกาแฟแก้วเดียว
กาแฟ 3 อิน 1 เสียด้วย..ไม่ใช่ระดับสตาร์บั๊ค

http://www.thaipost....ws/280514/90922

"วัชรพล" อ้างปฏิรูปตำรวจตามข้อเรียกร้อง ปชช. ยึดโครงสร้างลดอำนาจ "ผบ.ตร." กระจายลงหน่วยปฏิบัติ เล็งแก้ กม.ตั้ง บช.เป็นนิติบุคคล ไม่ฟันธงขึ้นชั้นกระทรวง ปัดลอกพิมพ์เขียว กปปส. ขู่! ลูกน้องใครเกียร์ว่างโดนเด้งแน่ "รองโฆษก สตช." ย้ำยังใช้ชื่อเรียก "ตำรวจ" เหมือนเดิม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันที่ 27 พ.ค. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจปรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และปรับกองบัญชาการเป็นกรมต่างๆ ว่า ข้อเรียกร้องของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา นอกจากการปฏิรูปการเมือง การปกครอง ยังเรียกร้องการปฏิรูปตำรวจ อยากเห็นตำรวจกระจายอำนาจ จึงคิดทำอย่างไรถึงจะกระจายอำนาจตามข้อเรียกร้องของประชาชนได้ โดยให้หน่วยงานดูแลพื้นที่มีอำนาจบริหารจัดการได้เบ็ดเสร็จ ซึ่งหากเป็นนิติบุคคลได้จะสามารถตั้งงบประมาณได้ มีงบประมาณ คน เครื่องมือ และการบริหารจัดการเองได้ สามารถกำหนดตัวชี้วัดตามปัจจัยคุกคามในพื้นที่ได้เอง

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ปัจจุบันทุกอย่างรวมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่แนวคิดในอนาคตเมื่อกองบัญชาการ (บช.) ต่างๆ เป็นนิติบุคคล ส่วนบังคับบัญชาของ ตร.ที่เป็นส่วนอำนวยการใหญ่ มี ผบ.ตร.อยู่ จะเป็นเพียงหน่วยสนับสนุนประสานงาน คิดเรื่องยุทธศาสตร์ วางแผนการสนับสนุนงบประมาณในภาพรวม ผบ.ตร.จะถูกลดอำนาจเล็กลง จะไม่ใช้ ผบ.กองกำลัง จะเป็นการกระจายอำนาจให้หน่วยปฏิบัติมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
"เป็นแนวทางที่คิดสอดคล้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน หรือพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง ทบวง กรม เป้าหมายคือกระจายอำนาจ ลดลง ไม่ได้ใหญ่โตขึ้น ผบ.ตร.ก็จะเล็กลง ส่วนจะเปลี่ยนชื่อหรือไม่ก็ต้องรอดู เมื่อเรามีแนวทางกระจายอำนาจหน่วยปฏิบัติต่างๆ ให้มีอิสระ ก็ต้องดูว่าจะเป็นรูปแบบใด โครงสร้างจะเป็นเหมือนกระทรวงหรือไม่ อาจไม่ใช่ก็ได้ เพียงแต่กฎหมายจะเขียนชัดว่าให้กองบัญชาการเป็นนิติบุคคล" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว

รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวว่า กฎหมายเดิม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เขียนไว้ในเรื่องกระจายอำนาจ แต่เขียนว่า ผู้บัญชาการ (ผบช.) เสมือนอธิบดี ผบ.ตร.เสมือนปลัดกระทรวง ทุกวันนี้การกระจายอำนาจจึงยังไม่ชัดเจน เพราะยังเสมือน ดังนั้นการแก้ไขกฎหมาย ปรับโครงสร้างครั้งนี้ จึงทำให้ถึงที่สุดกระจายอำนาจไม่รวมศูนย์อีกต่อไป

ถามว่า โครงสร้างใหม่จะเป็นเหมือนกระทรวงที่มีกรมต่างๆ ผบ.ตร.เป็นปลัดกระทรวงหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า โครงสร้างเป็นไปได้หลายแบบ โดยมีโจทย์ว่าทำอย่างไรให้ บช.ต่างๆ เช่น นครบาล ภาค 1 มีอำนาจบริหารคนและงบประมาณได้เอง มีตัวชี้วัดของหน่วยเอง เพราะแต่ละหน่วยปัจจัยคุกคามต่างกัน มองว่าหากเป็นนิติบุคคลบริหารได้เอง ก็จะดูแลประชาชนได้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่

ซักว่า แนวคิดการปฏิรูปตำรวจเหมือนที่ กปปส. พูดบนเวทีอาจถูกมองว่าเป็นการรับลูกทำเพื่อสนองแนวคิดหรือไม่นั้น รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า จะเป็นแนวคิดของใครก็ตาม ขอแค่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่นเดียวกัน เราอยากเห็นการเมืองการปกครองที่ดี มีคุณธรรม ทุกคนอาสาเข้ามาบริหารปกครองประเทศ ตำรวจก็ต้องเป็นตำรวจของประชาชน นี่ไม่ใช่ความคิดของใคร แต่เป็นความคิดของพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า การปฏิรูปครั้งนี้จะแก้ปัญหาการเมืองล้วงลูกได้หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า การเมืองการปกครองเป็นของคู่กัน นักการเมืองที่เป็นคนดี มีความพร้อมเสียสละเข้ามาเป็นนักการเมืองทำหน้าที่นิติบัญญัติ บริหาร ก็หวังว่าเข้ามาทำอย่างไรให้สังคมรุ่งเรือง ประชาชนมั่นคงกินดูอยู่ดีปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ตำรวจทหารก็เป็นกลไกรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ อยากเห็น ไม่ได้ตอบโจทย์ใครเปลี่ยนเพื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เพื่อแข่งกับคนทั้งโลก

พล.ต.อ.วัชพลกล่าวถึงการโยกย้ายตำรวจจำนวนมากช่วงนี้ว่า เวลานี้ต้องการความสามัคคี ต้องช่วยกันทำงาน ปัญหาความแตกต่างแก้ไขได้ระดับหนึ่งแล้ว ใครทำหน้าที่เต็มที่ก็ยังสามารถปฏิบัติต่อได้ แต่หากละเลยต้องโยกย้ายสับเปลี่ยนไป

"เรื่องที่ พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ รักษาการ ผบช.ภ.5 ออกคำสั่งให้ พล.ต.ต.กริช กิตติลือ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ช่วยราชการฯ ตามคำแนะนำของแม่ทัพภาคที่ 3 ก่อนมีการถอนคำสั่งในเวลาต่อมา เพราะการได้ข้อมูลก็ต้องตรวจสอบ ห้วงนี้ข้อมูลข่าวสารมากมาย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรม หากไม่ชัดเจน ข้อมูลไม่ชัด ก็สร้างความหวั่นไหว ตอนนี้ให้ทำหน้าที่ไป วันนี้ พล.ต.ต.กริชยังทำหน้าที่ผู้การฯ เชียงใหม่อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องแจ้งแม่ทัพภาคที่ 3 เชื่อว่าเข้าใจ" รักษาการ ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงเพิ่มเติมถึงแนวคิดการจัดปฏิรูปแนวตำรวจว่า ขอยืนยันผู้บังคับบัญชายังไม่มีแนวคิดเปลี่ยนชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือจัดตั้งเป็นกระทรวงรักษาความสงบเรียบร้อยภายในตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ โดยยังคงมีตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน และใช้ชื่อ "ตำรวจ" ในการปฏิบัติราชการเหมือนเดิม

"มีความเป็นไปได้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสังกัดกระทรวง หรือ หน่วยงานอื่น ซึ่งเดิมสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็เคยสังกัดกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นไปไม่ได้" พล.ต.ต.อนุชากล่าว
รองโฆษก สตช.กล่าวว่า แนวคิดการปฏิรูปตำรวจ เป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่อยากเห็นการกระจายอำนาจลงไปในพื้นที่ให้มากขึ้น การบังคับบัญชาสั่งการต่างๆ จะเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น แต่องค์กรตำรวจยังคงมีความเป็นเอกภาพเหมือนเดิม เพราะในระดับนโยบาย หรือยุทธศาสตร์หลักๆ ยังคงอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มั่นใจว่าจะไม่ถูกแทรกแซงจากอำนาจหรือการเมืองท้องถิ่นอย่างแน่นอน.

เป็นไงบ้างครับ

เหงาๆมั้ยครับ

ไม่ได้ดูกำนัน ขึ้นเวที

เหมือนขาดอะไรไปอย่างในชีวิต

เพราะดูมาแต่ ผ่าความจริง เกือบจะ 2 ปี

อยู่ๆมันหายไปเฉย ไม่กล่าวคำอำลาสักคำ

เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ

ปู จิตกร บุษบา

เป็นจริงโดยแท้

"หากจะยอมรับว่า วันหนึ่งเราอาจถูกบังคับให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ในสยามแล้ว เราต้องเตรียมการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราต้องเรียนรู้และศึกษาด้วยตนเอง เราต้องเรียนรู้และทดลอง เพื่อให้มีความเข้าใจว่า ระบอบการปกครองแบบรัฐสภาจะดำเนินไปในรูปแบบใดในสยาม เราต้องพยายามอบรมให้ราษฎรมีความรู้สึกนึกคิดทางการเมือง ให้เข้าในส่วนได้ส่วนเสียของตน เพื่อที่จะได้ไม่ถูกหลอกลวงโดยนักปลุกระดม หรือนักอุดมคติ ถ้าเราจะมีรัฐสภา เราก็ต้องสอนให้ราษฎรรู้จักวิธีออกเสียง วิธีเลือกผู้แทนที่เห็นแก่ประโยชน์ของราษฎรเองอย่างแท้จริง"

พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7

บทบาท ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในห้วงเวลานี้ เป็นเรื่องควรค่าต่อการเก็บไปศึกษาไว้เป็นวิชาความรู้ติดตัวอย่างยิ่งจริงๆ ในเรื่องของ ภาวะผู้นำ ที่มีทั้งบู๊ ทั้งบุ๋น และ มากด้วยกุศโลบายอันแยบยล และ แน่นอนว่าคนๆเดียว คิดไม่ได้หมดทุกเรื่องแก้ไม่ได้หมดทุกปัญหาหรอก ทุกอย่างที่ปฏิบัติการออกมาอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล ..ย่อมเกิดจากการเลือกใช้คน และ เลือกใช้ทีมงานที่หลากหลายความรู้ความสามารถ เพื่อเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ..กอบกู้ชาติบ้านเมือง !!..

ทันทีที่ บิ๊กตู่ นำกองทัพ นำผู้ใต้บังคับบัญชา ออกมา “ยึดอำนาจ” เพื่อประกาศตัวเป็นเจ้าภาพผ่าทางตันจัดการปฏิรูปประเทศ หลังจากผลการเจรจากับฝ่ายการเมืองล้มเหลวไม่เป็นท่า หลังจากนั้นมาเรื่องร้ายๆก็พลันหายไปในพริบตา สิ่งดีๆเกิดขึ้นตามมารายวัน ..ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แม้แต่ เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง สิงคโปร์ และ เขมร ตอนนี้ก็ส่งสัญญาณชัดมาแล้วว่า เขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับปัญหาภายในประเทศไทย และ จะให้ความร่วมมือเหมือนเดิม !!

นี่แหละ..ที่เป็นสาเหตุว่า ทำไม ? ทักษิณ กลัว บิ๊กตู่ นักหนา กลัวมานานล่ะ ..สายทหารใครจะขึ้นมากินตำแหน่งอะไรในอนาคต ใครเป็นอย่างไร ? ซื้อได้ ซื้อไม่ได้ ..จงรักภักดีขนาดไหน ? ทักษิณ มันมีคนเก็บรายละเอียดมารายงานมันหมดนั่นแหละ ในกองทัพ หรือ ในกระทรวงกลาโหม ก็มีแตงโมลูกโตบักใหญ่วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด กว่าจะพบเอกภาพ กว่าจะสร้างเสถียรภาพภายในกองทัพได้ บิ๊กตู่ก็ต้องเข้ามาปรับเปลี่ยนอยู่นาน พอปรับทัพทหารเข้าที่เข้าทางได้แล้ว แผนล้างบ้านล้างเมืองจึงมีตามมา นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง บิ๊กตู่ ก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายทักษิณมาตลอด และ ไม่แสดงตนว่าเป็น ศัตรู กับ ทักษิณ จนทักษิณตายใจ ก่อนจะมาตายสนิทเพราะ ..ส้นคอมแบต บิ๊กตู่ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ !!

สัญญาณจากมิตรประเทศ ของ ทักษิณ ที่ทักษิณเคยเข้าๆออกๆ กลับส่งสัญญาณออกมาแบบตั้งใจทิ่มหน้าทักษิณแบบนี้ชัดเจนว่าในอนาคต ทักษิณจะเข้าๆออกๆประเทศในกลุ่มอาเซียนลำบาก อาเซียนคงไม่ร่วมบอยคอตไทยเพราะเข้าใจปัญหาภายในของเราดี แถมปีหน้าเราก็จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกันล่ะ ปัญหาของทักษิณ จะต้องไม่ขยายใหญ่กลายเป็นปัญหาของอาเซียนได้เด็ดขาด !!

อย่าได้แปลกใจ เหตุใด ? เพียงแค่การเปิดเผย รายชื่อ ทีมงานที่ปรึกษา ของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ 10 รายชื่อ ออกมาเมื่อวานนี้ก็เรียกเสียงขานรับ และ ความเชื่อมั่น จากนักธุรกิจ นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ได้อย่างมากมายทันที แม้บางรายชื่ออาจจะไม่เป็นที่ประทับใจ หรือ ยังเป็นที่คลางแคลงใจของประชาชนบางฝักบางฝ่าย แต่หากเปิดใจมองอย่างละเอียดรอบคอบ ไร้อคติ เราจะพบว่าโดยภาพรวมแล้ว ..นี่คือ ภาพดรีมทีม ฝ่ายเศรษฐกิจ และ ดรีมทีมฝ่ายความมั่นคง ของไทยเลยก็ว่าได้ .. แข็งโป๊ก แกร่งทั่วแผ่นจริงๆ !!

นี่คือ ข้อดีของรัฐประหาร คือ สามารถเลือกสรรคนเก่งๆ มีวิชาความรู้ คนมีบารมี คนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคนหลากหลายฝ่ายเข้ามาทำงานรับใช้บ้านเมืองได้ เลย ในขณะที่รัฐบาลของฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งจะมีข้อจำกัดตรงนี้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนของฝ่ายนายทุนการเมือง ที่มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองทั้งนั้น แทนที่จะเลือกคนดีๆมาทำงาน บางครั้งก็ไปเลือกเอา อันธพาลสภาโจ๊กสมองหมาปัญญาควายมาเป็นรัฐมนตรี หรือ บางทีก็ไปเอาขี้ข้าเก่าในบริษัทของตัวเองนั่นแหละ มานั่งเป็นรัฐมนตรี !!

ในอดีตที่ผ่านมา ทักษิณ ตั้งพรรคการเมืองไทยรักไทยขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับ และ ได้เสียงตอบรับมาเป็นคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์นั้นส่วนหนึ่ง ก็คือ ไปคัดสรร เอาคนเก่งๆ คนดีๆ คนมีภาพลักษณ์เป็นที่น่าเชื่อถือมากองไว้ที่พรรคของตัวเอง โดยไปตกปากรับคำ และ เชิญชวนให้มาช่วยกันทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง คนไทยเราเองตอนนั้นก็เพิ่งผ่านฝันร้าย ต้มยำกุ้งมาหมาดๆ เจอลีลาขายฝันของศรีธนญชัยหน้าเหลี่ยมจอมกะล่อนเข้าไป ก็ถึงกลับอุปาทาน..รวยแล้วไม่โกง ตาม..ไอ้หน้าเหลี่ยมไปทั่วบ้านทั่วเมือง !!

ทว่า สุดท้ายมันก็เข้ามาโกงและบ่อนทำลายชาติของมันจนแทบจะย่อยยับไปหมดทุกๆด้าน ด้านการศึกษาของลูกหลานไทยเรียกว่าแทบไม่พัฒนาขึ้นมาเลยออกไปทางตกต่ำลงไป เรื่อยๆ ประชานิยมเข้ามาทำลายความสมดุลจนหมด ทุนสามานย์ลงไปเปลี่ยนความคิดคนระดับล่างในหมู่บ้านต่างๆ ล้างสมอง เปลี่ยนความเชื่อทัศนคติ จากคนดีๆที่ขยันทำมาหากินก็กลายมาเป็น ขี้ข้าแหงนคอรอแดก อยู่เต็มไปหมด เราจึงต้องกลับมาพูดกันถึงเรื่องของ การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ และ เราต้องปฏิรูปประเทศของเราให้สำเร็จสะเด็ดน้ำในทุกๆด้านให้ได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจ สังคม การเมือง หรือ อื่นๆ ตลอดจนการพิทักษ์ปกป้องรักษาไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ที่จะให้ผู้ใดมาบ่อนทำลายไม่ได้เด็ดขาด เรื่องชาตินิยม เรื่องศูนย์รวมใจของคนทั้งชาติเนี่ยสำคัญสุด ..

สมัยนี้นักล่าอาณานิคมในโลกยุคใหม่ มันไม่ใช้แล้วเรือรบ หรือ การยกพลขึ้นบก มันใช้ขี้ข้าไส้ศึกมันไม่กี่ตัวเท่านั้นแหละ เข้ามาเป็นตัวแทนงาบผลประโยชน์ในนามของของรัฐบาลขี้ข้ามัน ที่มันหนีบกันมาแค่กระดาษไม่กี่แผ่น มีแผนสร้างความแตกแยกเปลี่ยนแปลงทัศนคติเพื่อมอมเมาความเชื่อ ให้เกลียดชังสังคมบ้านเมืองตัวเอง มีแผนล่อลวงกิเลสให้ห่างไกลศาสนา เกิดความเห็นแก่ตัว รักตัวเองไม่รักชาติ และ หลงใหลในประชานิยมที่ถมไม่เต็ม มีแผนแก้ไขกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่บางมาตราหากมันแก้ไขได้ มันก็ขายสมบัติชาติไปให้ต่างชาติหมดเกลี้ยง หรือ แม้แต่แผนออกกฎหมายจัดตั้งเขตปกครองพิเศษ เพื่อให้คนไทยเสียดินแดน !!..

ดังนั้น การรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของชาติบ้านเมือง จึงมีความสำคัญกว่าการรักษาลัทธิทางการเมือง ที่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เรามีเอกราช อธิปไตย มีความเจริญมั่งคั่ง มีความมั่นคงภายในประเทศ ก่อนที่จะมีการนำเข้า ลัทธิประชาธิปไตยเข้ามา หากชาติบ้านเมืองนี้ก่อนจะมีประชาธิปไตย มันเป็นบ้านเมืองที่ไร้ความมั่นคง ไร้เอกราชอธิปไตย ..ลัทธิประชาธิปไตยจะเข้ามาได้ไหม ?..มันไม่กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนล่มสลายไปแล้วหรือ ?

ราชอาณาจักรไทยของเรา มีระบอบการปกครองที่ดี มีความเจริญรุ่งเรือง มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรีของเรามานานแล้ว ใครจะเอาลัทธิ ประชาธิปไตยจอมปลอม คูหาเลือกตั้ง มาตัดสินเราคนไทยไม่ได้ เราอยู่กับประชาธิปไตยมา 82 ปีแล้ว ประชาธิปไตยเคยมอบสิ่งดีๆอะไรให้กับบ้านเมืองนี้บ้าง นอกจาก อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กับ ซากเดนนักการเมืองขี้โกง กับ อันธพาลฐานเสียงเต็มประเทศ ..

การเดินเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของเราในปีหน้า เราต้องเดินเข้าไปอย่างองอาจ เฉกเช่น “เสือ” อย่างประเทศที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีประวัติศาสตร์ มีเอกราช อธิปไตย และ ความเป็นตัวของตัวเอง..ไม่ใช่ ประเทศขี้ข้า ที่คลานเข้าไปอย่าง “หมา” ที่ส่ายหางดิ๊กๆเข้าไปอย่างพินอบพิเทา ..

เพื่อเอาผลประโยชน์ของคนไทยไปขาย เหมือนที่ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ คู่หูรวยคดี ..

เดินสายเร่ขายสมบัติชาติมานานหลายปีแล้ว !!..

พระอาทิตย์ทรงกลด

เหตุเกิดที่ อ.ปาย  จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ ๒๘ พค ๒๕๕๗

เวลาประมาณ ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ น.บ้านแฟน หลังจากที่ทหารได้

บุกค้นริเวอร์ร็อครีสอร์ทและยึดไม้แปรรูปมูลค่า ๑๐ ล้านบาท

ของลูกชายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ คนอัปรีย์ชาติได้ไม่กี่วัน

ขนาดพระอาทิตย์ยังแสดงความยินดีและเป็นใจให้กับ คสช 

จะบอกพวกเสื้อแดงให้เอาบุญ ทักษิณไม่มีหนีพ้นและเอาชนะ

กฎธรรมชาติได้หรอก  โกงเท่าไหร่ สุดท้ายไม่เหลืออะไรให้

คนเคารพบูชา หรือระลึกถึงเมื่อตายจากไป อ้อ ปรากฏการณ์นี้

คนทางเหนือเขาเรียก อาติ๊ดกางจ้อง

มาไม่ทันหน้าแรกอ่ะ

มัวไปไล่อ่าน ภาคแรกอยู่..http://webboard.seri...ณ์-สุเทพทวงคืน/

ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ 

ยินดีด้วย 

ตั้งกระทู้ใหม่เหรอ

แก้ไข

เสือฟีมาประเดิม ปาดหน้าเรา

อ่ะ เร็วเชียว

งั้นขอประเดิม'มู้ใหม่ด้วยอันนี้แระกัน

ภากร นครกุลเชษฐ์

ข้อความของหญิง รฐา โพธิ์งาม ให้กำลังใจทหาร