Jump to content


ประชาธิปด

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 28 สิงหาคม 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
-----

Topics I've Started

ไทยออกแถลงการณ์ประณามซีเรียใช้อาวุธเคมี

2 กันยายน พ.ศ. 2556 - 18:01

c7fcb70321d95d00eaf02c8d273.jpg

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เพื่อประณามพฤติกรรมที่เกิดเหตุการณ์ในประเทศซีเรียอย่างรุนแรง โดยกลุ่มผู้ที่ใช้อาวุธเคมีทำลายล้างผู้บริสุทธิ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 คน โดยทางประเทศไทยรับไม่ได้กับการกระทำเช่นนี้ และเราขอให้มีการจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด

รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า จากนี้จะติดตามสถานการณ์ว่า สหประชาชาติ และประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีมาตรการใดออกมา ซึ่งประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกพร้อมที่จะปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พร้อมมองว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องยับยั้งชั่งใจในการที่เข้าไปใช้กำลังทางทหารเข้าไปในซีเรีย อย่างไรก็ตาม หากมีการโจมตีจริงก็ไม่ส่งผลต่อไทย เพราะขณะนี้ไม่มีคนไทยอาศัยอยู่ในซีเรียแล้ว

 

เพื่อไทย แขวะ "ปชป." ถึงยุคตกต่ำที่สุด แนะเร่งปฏิรูปพรรค

31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 18:28

รองโฆษกเพื่อไทย เหน็บ ปชป.ถึงยุคตกต่ำที่สุด เล่นการเมือง 2 ระบบ ทั้งรัฐสภา และฟุตบาธ แนะเร่งปฏิรูปโครงสร้างพรรคก่อนทำระบบรัฐสภาเสียหายมากกว่านี้ บอกประชาชนยังให้อภัยได้ หากตัดสินใจเข้าร่วมเวทีปฏิรูปประเทศ
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ( 31 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศปรับปรุงโครงสร้างพรรคว่า ความพยายามดังกล่าวน่าจะมาจากกรณีที่สื่อระดับโลกวิเคราะห์จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง และเสียหายในหลายประเด็น แต่คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดระเบียบพรรคใหม่ เพราะวันนี้กระบวนการทำงานค่อนข้างเลอะเทอะ หัวหน้าไปทาง ลูกพรรคไปทาง สิ่งแรกที่ต้องทบทวนอย่างเร่งด่วนคือจุดยืนของพรรค ระบบรัฐสภาที่เคยบอกว่าเชื่อมั่น แต่การกระทำกลับสวนทาง ทำตัวเป็นเผด็จการเสียงข้างน้อยป่วนสภา ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรื และรมว.กลาโหม ชวนคนมาแก้ปัญหาประเทศ แต่นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับชวนคนมาสร้างปัญหาเพิ่มให้กับประเทศ เดินหน้ารวบรวมม็อบ เล่นการเมืองข้างถนน ประสานทั้งกองทัพประชาชน กองทัพธรรม พันธมิตรฯ เด็กอาชีวะ และยังจุดไฟหลังม็อบสวนยาง แต่ที่ในที่สุดก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
 
 
“วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าอยู่ในยุคที่ตกต่ำที่สุดแล้ว เพื่อไทยอยากเห็นแนวทางใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ มากกว่ามุ่งเล่นการเมือง 2 ระบบ คือระบบรัฐสภา และระบบฟุตบาธ อย่างการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็พยายามยื้อ ตีรวน ใช้แท็คติกประท้วงซ้อนประท้วง ใช้เวลามาเป็นสัปดาห์จนทำให้ระบบรัฐสภาเสียหาย จึงขอเอาใจช่วยให้ประชาธิปัตย์ปรับปรุงโครงสร้างพรรคให้สำเร็จ เพื่อทำตัวให้เป็นที่หวังได้ และไม่ทำให้ระบบรัฐสภาเสียหายไปมากกว่านี้”
 
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต่อเวทีปฏิรูปการเมืองว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่เข้าร่วมเวทีปฏิรูปการเมือง โดยพยายามสร้างเงื่อนไขให้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ตอนหลังก็ทำเป็นลดเงื่อนไขให้ชะลอการพิจารณาแทน แต่ตนเชื่อว่าแม้รัฐบาลจะทำตามเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์กำหนด แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะเข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมือง แถมยังไปจัดเวทีเสวนาปฏิรูประเทศแข่งกับรัฐบาลอีก อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยยังหวังลึก ๆ ว่าด้วยกระแสสังคม และความเห็นของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์จะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และส่งตัวแทนเข้าร่วมในเวทีครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่อยากจะเห็นประเทศปรองดองอย่างแท้จริง ประชาชนยังรอให้โอกาส และให้อภัยได้เสมอ ถ้าอยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ก็มาคุยกันดีกว่า ไม่มีปาหี่อะไรในเวทีนี้

“แมลงสาบ” หน้ามืด ถล่มพันธมิตรฯ กวาดต้อนมวลชน

31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 17:55

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-แม้จะเป็นที่ชัดเจนอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ แล้ว สำหรับการประกาศยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ที่ประกอบด้วยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า นายศรัณยู วงศ์กระจ่างและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผ่านแถลงการณ์ฉบับสุดท้ายและคำเปิดใจของแกนนำ ทุกคนทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี แต่ถึงกระนั้นก็ดีการเล่นเกมการเมืองเพื่อใส่ร้ายป้ายสีและดิสเครดิตแกนนำพันธมิตรฯ ก็ยังคงดำเนินต่อไป
       
       โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก “พรรคแมลงสาบ”
       
       ทั้งนี้ แม้เปลือกนอกแมลงสาบตัวเล็กตัวน้อยไล่เรื่อยไปจนถึงหัวหน้าแมลงสาบจะแสดงความชื่นชมโสมนัส แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเล่นเกมเพื่อกวาดต้อนมวลชนของพันธมิตรฯ ให้ย้ายไปสังกัดแมลงสาบก็เป็นไปอย่างหนักหน่วงรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสื่อมวลชน ทั้งเว็บไซต์ สถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ที่ชัดแจ้งแล้วว่า เป็นเครือข่ายของแมลงสาบ
       
       ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะดำรงความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) โดยไม่ยอมประกาศลาออก เลือกที่จะสู้ในรัฐสภาทั้งๆ ที่รู้ว่าแพ้ และเลือกที่จะ “ฮั้ว” กับระบอบทักษิณเพื่อรับรองความชอบธรรมของระบอบเผด็จการทางรัฐสภาให้ดำรงอยู่ต่อไป เนื่องเพราะไม่คุ้นชินกับสถานภาพประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ได้มีเอกสิทธิของ ส.ส.คุ้มกะลาหัว
       
       “นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 24 ส.ค.บนเวทีผ่าความจริง “หยุดกฎหมายล้างผิด” ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดขึ้นบริเวณลานเยื้องโลตัสวังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ที่ระบุว่า “กรณีที่แกนนำพันธมิตรฯ แนะนำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อลงมาต่อสู้เพื่อการปฏิรูปประเทศ ผมเคารพความคิดและข้อเสนอแนะดังกล่าว แต่พวกผมเห็นต่างว่า เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา นอกจากนี้ ผมยังต้องการให้มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบของประชาธิปไตยที่ดีกว่าปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ได้มาอย่างไร เมื่อนั้นพวกผมก็พร้อมที่จะเสียสละ”
       
       อย่างไรก็ดี แม้การประกาศยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรฯ หลายคนจะมองว่า เป็นการปลดล็อกมวลชนให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่โดยข้อเท็จจริงก็คือ มวลชนพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ดังนั้น โอกาสที่จะเป็นไปตามความฝันของ “นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ประกาศตั้งแต่ไก่โห่ว่า “มวลชนกลุ่มพันธมิตรประมาณ 80% จะเข้าร่วมชุมนุมกับ ปชป. หรือกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านระบอบทักษิณ” จึงเกิดขึ้นได้ยาก
       
       และเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย การเล่นเกมทั้งบนดินและใต้ดินก็อุบัติขึ้น
       
       ยกตัวอย่างเช่น กรณีของนายสนธิที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศโดยระบุว่า ถ้าเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณ ชินวัตรและก้าวข้ามเรื่องสถาบันกษัตริย์ไปได้ก็พร้อมจะร่วมมือ
       
       สิ้นเสียงให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ขบวนการแมลงสาบโดยเฉพาะตามเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยแมลงสาบไปสุมหัวกันอยู่ก็สำแดงอาการทุรนทุรายออกมาว่า นายสนธิพร้อมจะจับมือกับคนเสื้อแดง พร้อมระบุว่า นี่คือใบเสร็จที่เป็นหลักฐานชัดเจนว่า นายสนธิรับเงินนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ขณะที่หนังสือพิมพ์สัญชาติแมลงสาบก็พาดหัวว่า “สนธิแย้มจับมือแดง” เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
       
       นอกจากนี้ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ยังได้ปรากฏข้อเขียนของ “นายชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า แถลงการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับสุดท้ายเป็นเท็จ ซึ่งสังคมรู้ดีกว่านายชูชาติสวมเสื้อสีอะไร
       
       ประเด็นที่นายชูชาติพยายามโจมตีมี 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ แกนนำพันธมิตรฯ ใส่ร้ายป้ายสีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยหยิบยกข้อมูลมาอธิบายเป็นฉากๆ ว่า การฟ้องคดีเกิดขึ้นในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เพราะประกาศยุบสภาในเดือนพฤษภาคม 2554 ประเด็นที่สองคือ กรณีที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ลาออก แล้วพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมการชุมนุมภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเข้าทางระบอบทักษิณ
       
       แต่ข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น
       
       คดีที่กลุ่มพันธมิตรถูกฟ้องคือ คดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 โดย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเอง และแจ้งข้อกล่าวหาครั้งที่สองเมื่อวันที่ 26 สิ่งหาคม 2553 โดย พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งมาทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนแทน พล.ต.ท.วุฒิ ซึ่งทั้งสองครั้งนี้อยู่ในสมัยของนายอภิสิทธิ์ทั้งสิ้น
       
       ต่อมาพันธมิตรฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายครั้งว่า ขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งนอกจากนายอภิสิทธิ์จะไม่เปลี่ยนโดยอ้างว่าไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของตำรวจแล้ว การยื่นร้องเรียนไปแต่ละครั้งก็จะมีการเพิ่มผู้ต้องหาและข้อกล่าวหากลับมาทุกครั้งจากครั้งแรกที่มีผู้ถูกกล่าวหา 36 คน จนรวมกันเป็น 114 คนในที่สุด แต่สุดท้ายก็สามารถตามตัวมาดำเนินคดีได้เพียง 96 คน
       
       ส่วนข้อเรียกร้องให้ ส.ส.ปชป.ลาออกนั้น นายชูชาติกล่าวว่า “เป็นการหลอกให้ ส.ส.ปชป. ลาออก เพื่อต้องการให้ประชาชนทั่วประเทศด่า เกลียดชัง หมดความเชื่อถือ และกลายเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนสาปแช่ง ปชป .ที่มีอายุเกือบ 70 คงถึงกาลอวสานแน่นอน ใช่หรือไม่ ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือทักษิณ ชินวัตร กับญาติพี่น้อง พรรคพวกและบริวาร เพราะจะไม่มีพรรคการเมืองใดมี ส.ส.มาขัดขวางการโกงกินชาติบ้านเมืองทั้งในและนอกสภาอีกต่อไป ประเทศไทยก็จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลชินวัตร ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่”
       
       แต่ข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะแถลงการณ์ตลอดรวมถึงความเห็นของแกนนำระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ต้องการให้ออกมาต่อสู้นอกสภาเพื่อยืนยันว่าไม่ยึดติดกับตำแหน่งหรือการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ถ้า ปชป.กระทำเช่นนั้น แม้จะติดเงื่อนไขศาล พันธมิตรฯ ก็พร้อมจะร่วมต่อสู้ถ้าการต่อสู้นั้นเป็นการสู้เพื่อปฏิรูปประเทศ
       
       อย่างไรก็ตาม ถามว่า สำหรับการประกาศยุติบทบาทแกนนำพันธมิตรฯ ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองอะไรหรือไม่ และสถานการณ์นับจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
       
       คำตอบก็คือเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
       
       ประการแรกที่เปลี่ยนแปลงก็คือ ประชาชนและสังคมไทยจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพรรคแมลงสาบได้ชัดเจนขึ้นว่าพวกเขาจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ หรือยังคงมุ่งหวังที่จะต้องการอำนาจรัฐเหมือนเช่นเดิม ซึ่งคำตอบก็ชัดแจ้งในระดับหนึ่งจากท่าทีของนายอภิสิทธิ์ดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้และ 2 แกนนำพรรคคือนายนิพิฏฐ์ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต 
       
       ทั้งนี้ นายนิพิฏฐ์ระบุชัดเจนว่ากำลังพูดคุยกับกลุ่มการเมืองทั้ง 12 กลุ่ม อาทิ กลุ่มเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ สันติอโศก หน้ากากขาว ฯลฯ ซึ่งแปลความได้ว่า ปชป.กำลังรวบรวมสรรพกำลังในการเคลื่อนไหว ใช่หรือไม่
       
       ส่วนนายชวนนท์ก็ประกาศชัดว่า “พรรคจะเคลื่อนไหวทั้งในสภาและนอกสภาอย่างเข้มข้นจนกว่ากฎหมายนิรโทษกรรมจะตกไป โดยเมื่อถึงจุดที่ต้องเคลื่อนไหวนอกสภา ส.ส.แต่ละคนจะพิจารณาเองว่า บทบาทของตนเองจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ เนื่องจากหากประเทศชาติไม่เหลืออะไรแล้ว การเป็น ส.ส.ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ซึ่งแปลความได้ว่า โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะยังคงเล่นเกมในสภาโดยไม่ยอมลาออกจากความเป็น ส.ส.และปล่อยให้ภาคประชาชนเคลื่อนไหวนอกสภามีความเป็นไปได้สูง ใช่หรือไม่
       
       ขณะที่การเปลี่ยนแปลงประการที่สองจะทำให้การเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรฯ แต่ละคนจะมีพลวัตรและมีพลังทะลุทะลวงไปในอีกมิติหนึ่ง เพราะต้องไม่ลืมว่า แกนนำแต่ละคนเต็มไปด้วยประสบการณ์ทางการเมืองและมีศักยภาพในการนำประชาชนที่ไม่อาจประมาทได้
       
       ที่สำคัญคือ การประกาศยุติบทบาท ก็ไม่ได้หมายความว่าแกนนำทุกคนจะยุติบทบาททางการเมือง แต่แกนนำจะยิ่งมีความคล่องตัวและเป็นอิสระในการเคลื่อนไหวมากขึ้น และการรวมตัวหรือการจับมือกันเป็นกลุ่มใหม่ได้ตลอดเวลา
       
       ดังนั้น นี่อาจจะเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจที่จะต้องแสวงหาข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่นว่า แกนนำแต่ละคนจะเดินเกมรุกในรูปแบบไหนบ้าง ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน


'แทมมี่'ส.ส.หญิงไทยในสภาสหรัฐฯพบนายกฯ

29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 14:49

c95cfh85k7jafhj9jjh5h.jpg "แทมมี่ ดักเวิร์ธ"ส.ส.หญิงไทยในสภาสหรัฐพบนายกฯบ่ายนี้ -"ยิ่งลักษณ์"ถกเตรียมเดินทางไปจีน2-3ก.ย.

 

 
          วันที่ 29 ส.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในวันนี้ว่า ในเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีได้บันทึกเทปสปอตโทรทัศน์ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ “น้องอิ่มท้อง สมองแจ่มใส” ที่ีห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
 
          จากนั้นในเวลา 10.00 น.นายกฯเป็นประธานการประชุมเตรียมการด้านสารัตถะในการเดินทางไปร่วมงาน "ไชน่า-อาเซียนเอ็กซโปร์" ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน (นครหนานหนิง) ระหว่างวันที่ 2-3 ก.ย.นี้ และต่อจากนั้นเวลา 11.00 น. เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
 
          ส่วนกำหนดการช่วงบ่ายในเวลา 14.00 น. พันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 8 รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกาและผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า

 

http://www.komchadlu...ml#.Uh77GNLI0_Y


"โทนี แบลร์" ลั่น!! ไม่สนม็อบต้าน ยันร่วมเวทีปาฐกถาเมืองไทยแน่นอน

29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 12:52

tnews_1377742705_7844.jpg
รมว.ต่างประเทศ เผยถึงกรณีกลุ่มคนไทยยื่นหนังสือคัดค้านการมาร่วมในเวทีเสวนาที่เมืองไทยของนายโทนี แบลร์ โดยยืนยันแบลร์จะเดินทางมาประเทศไทยอย่างแน่นอน

 
 

วันนี้ ( 29 ส.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางมาปาฐกถาพิเศษของนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย หลังมีกลุ่มคนไทยผู้ที่ตื่นตัวยื่นหนังสือคัดค้านผ่านตัวแทนสถานทูต ว่า นายโทนี แบลร์ ยังยืนยันเดินทางมาประเทศไทยแน่นอน ซึ่งตนไม่อยากพูดว่ากลุ่มคนที่คัดค้านและยื่นหนังสือต่อสถานทูตอังกฤษนั้นเป็นกลุ่มคนที่ปิดกั้นสังคมไทย การที่กระทรวงการต่างประเทศจัดเวทีเสวนาหรือปาฐกถาขึ้นมานั้นก็เป็นเวทีทางวิชาการ เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้ประสบการณ์ของผู้นำที่มีประสบการณ์ในประเทศต่างๆ ที่มีความขัดแย้ง แล้วมีการร่วมกันแก้ไขปัญหา ตนไม่เข้าใจบุคคลที่ไปคัดค้านไม่ต้องการให้นายโทนี แบลร์ มานั้นกำลังคิดอะไร แทนที่จะช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศไทยให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้

 


          
"วันนี้ถ้าสังคมไทยสงบ เศรษฐกิจไทยก็จะเดินหน้า ความวุ่นวายทางการเมืองเป็นสิ่งที่หลายประเทศไม่ต้องการเห็น อยากให้บุคคลที่ออกมาต่อต้านให้กลับไปดูที่ประเทศอียิปต์ เป็นตัวอย่างว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ผมจึงไม่รู้ว่าคนไทยกลุ่มดังกล่าวต้องการอะไรในชีวิต ขอให้คิดถึงประชาชนและประเทศบ้าง" นายสุรพงษ์ กล่าว

 

 

 

http://www.tnews.co....งไทยแน่นอน.html