Jump to content


ซุ่มเงียบ

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 2 กันยายน 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 00:30
-----

Topics I've Started

นังดอกไม้ของขึ้นเจอนักข่าวถาม จะเอาอะไรไปเรียกความเชื่อมั่นประเทศไทย

10 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 22:17

 

ถ้าลิ่วล้อไม่ช่วยเปลี่ยนคำถามสงสัยนังดอกไม้งับหัวนักข่าวแน่ๆ


แม่น้องเกดโวยทหารเลือกปฏิบัติกับ สปป.ล้านนา

5 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 11:29

เสธ.ต๊อด เผย แม่น้องเกดมาพบ โวยทหารออกมาตั้งบังเกอร์ได้ไง ไม่มีตร.ร่วม ติงเลือกปฏิบัติ ฟ้องแต่สปป.ล้านนา pic.twitter.com/2XsS2kMAB3

 

Bh77R41CAAAzPQ4.jpg

 

หรือแม่น้องเกดจะเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกบฏแบ่งแยกประเทศ?

 

วันก่อนเจอวิทยุเสื้อแดงโวยวายด่าบิ๊กตู่เรื่องแยกประเทศ ออกอาการน้อยใจว่าทำไมกบฏเทือกทำร้ายธงชาติไทยทหารไม่เห็นจะเดือดร้อน

 

ส่วนนักวิชาการแดงบอกว่าบริบทเหมือนสามจังหวัดชายแดนใต้ทำไมทหารเลือกปฏิบัติ-->คือป้ายแยกดินแดนภาคใต้น่ะถ้ามีหลักฐานว่าใครทำหรือใครสนับสนุนทหารเขาก็แอ็คชั่นแบบที่ทำกับพวกกบฏล้านนาล่ะครับ


"สิทธิในการใช้ชื่อสถาบันในการประท้วง...เป็นของทุกสี" ดร.พร วิรุฬห์รักษ์ อาจารย...

3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 12:40

 
1544356_595963980474505_463660979_n.jpg
 
 
 
 
 
 
1118910_100001827256362_1093462790_q.jpg

พร วิรุฬห์รักษ์ 

ดร.พร วิรุฬห์รักษ์ อาจารย์คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ เขียนได้โดนมากครับ ......................... 
"สิทธิในการใช้ชื่อสถาบันในการประท้วง...เป็นของทุกสี" 
วันนี้ขอตบด้วยเรื่อง อาจารย์จุฬาฯหน่อยครับ ผมเคยเขียนเรื่องนี้แล้วนะ ที่มีคนมากระแนะกระแหนว่า ไม่ควรใช้ชื่อสถาบัน มาเคลื่อนไหวเรื่องการเมือง ผมจะบอกอย่างนี้ละกัน....
"ชื่อสถาบันเป็นของทุกคนที่เป็นชาวสถาบันครับ....ใครๆ ก็มีสิทธิยกธงการเมืองได้ เรื่องอะไรก็ได้" 
ประเด็นคือ เวลาที่คุณยกธงแล้ว มีใครไปยืนอยู่ข้างหลังธงนั้นกี่คน....พอสังคมเห็นจำนวนเขาจะตัดสินเองครับ ว่ามัน Represent สถาบันได้หรือไม่. 
อีกอย่างคือ ตัวผู้บริหารมหาวิทยาลัยเข้ามาอยู่ใต้ธงนั้นหรือไม่ อันนี้สำคัญมาก จะมาในนามส่วนตัวหรือไม่ ไม่สำคัญ 
แต่ถ้ามา น้ำหนักจะชัดทันที ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในวันที่พวกเราใส่สีชมพูกันหลายพันคน เดินไปทำเนียบ 
ดังนั้นเชิญเลยครับ ชาวจุฬาฯเสื้อแดง ยกธงของท่านขึ้นมาเลยครับ ...
"นปช. จุฬาฯ"... แล้วเราจะได้รู้กันครับ ว่าจะมีคนมาชุมนุมกับคุณกี่คน 
ให้ผมเดานะ น่าจะมี....3 คนมั้ง....
เอาที่เป็นอาจารย์นะ เจ้าหน้าที่ผมไม่รู้ ผมไม่ขอเดา... 
ชั่วโมงนี้....ผมไม่คิดว่ามีอาจารย์เสื้อแดงคนไหน ที่กล้า ออกมาโบกธง นปช. แล้วเดินขบวนตอนนี้ครับ...กลางมหาวิทยาลัย 
รับรองได้ว่าโดนเป่านกหวีดแน่ๆ เหตุผลก็เป็นทั้งเรื่องความผงาดของ กปปส. 
ความโง่ของยิ่งลักษณ์ ความถ่อยของแกนนำเสื้อแดง ปนๆกัน ผสมกับความทรงจำเผาเมือง แถวสยาม นั่นละครับ Brand มัน "***" ครับ (ใช่เป็น Adjective บรรยายลักษณะ ไม่ใช่คำหยาบ) 
แล้วอีกอย่าง อาจารย์เหล่านี้ มีที่ใหม่ เท่ห์ๆ ให้ยืน.... 
ตอนนี้ อาจารย์จุฬาฯเหล่านี้ ไปเนียน อยู่ใต้แสงเทียน ของอาจารย์ เจษฎาหมดแล้ว เพราะมันเทห์กว่าเยอะ ทิ้ง Brand ถ่อยสถุลย์ไปเลย แถม มีลูกศิษย์แนวโลกสวย ล้อมรอบอีกต่างหาก ดูดีมีสกุล รักสันติค่า... 
แล้วก็จบด้วยเป้าหมายเดียวกันมาเลือกตั้งกันเถอะ.....เวรกรรม แต่รวมๆ....ผมว่าก็ Fair ออก 
อาจารย์เจษฎาก็ใช่ชื่อจุฬาฯ ก็ไม่เห็นมีใครไปด่าแกเลย (อาจจะด่าเรื่องอื่น แต่ไม่ใช่เรื่องนี้) 
เสื้อแดงก็ควรมีสิทธิใช้..... อาจารย์เจษฎา....ผมคงต้องรบกวน อาจารย์ พูด Password เหล่านี้ บ่อยๆ หน่อยว่า มีเสื้อขาวปลอม มาปนกับกับอาจารย์บ้างไหม เดี๋ยวอาจารย์จะแปดเปื้อนนะครับ 
"อีโง่" "ระบอบทักษิณ" "ชินวัตรขายชาติ" "ควายแดง" "แดงถ่อย" ประมาณนี้ละครับ พูดเป็นระยะๆ ระหว่างจุดเทียน เอาสัก Three Times ก็น่าจะโอเค 
ผมเชื่อว่าจะช่วยกรอง ขาวเทียมแดงแท้ ออกจากกลุ่มขั้วที่ 3 ของอาจารย์ ได้นะครับ ส่วนเสื้อแดง Hardcore เชิญเลยครับ ใช่ชื่อสถาบันจุฬาฯของเราไปเลย....ท่านได้สิทธินั้นมาตั้งนานแล้ว.....ท่านก็ชาวจุฬาฯคนหนึ่ง กล้าๆ หน่อยครับ นกหวีดผมพร้อมแล้ว...

 

 

 

https://www.facebook...elevant_count=1

 

 


ผลสอบจำนำข้าว ฉบับ สตง.! ยิ่งทำชาติยิ่งเสียหาย - "ยิ่งลักษณ์" ต้องยุติ!

3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 10:24

ผลสอบจำนำข้าว ฉบับ สตง.! ยิ่งทำชาติยิ่งเสียหาย - "ยิ่งลักษณ์" ต้องยุติ!

 

BfcG0SLIEAIxUoM.jpg

 

"..การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลตั้งแต่ปีการผลิต 2554/55 เป็นต้นมา มีความเสี่ยงความไม่โปร่งใสและน่าเชื่อว่ามีการทุจริตสูง และยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนจำนวนหลายแสนล้านบาท ..ทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินและเกษตรกรความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ.."

 

ereruuuu.jpg

 

หมายเหตุ : เป็นรายละเอียดในหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ฉบับล่าสุด  ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐให้พิจารณา  เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557  ที่ผ่านมา  หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สตง. ได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบไปให้พิจารณาแล้ว 3 ฉบับก่อนหน้าที่ 

 

----------

 

เรื่อง การตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล 

 

กราบเรียน นายกรัฐมนตรี

 

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลตั้งแต่ ปีการผลิต 2554/55 เป็นต้นมา ซึ่งคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติกรอบวงเงินทุนหมุนเวียนเพื่อดำเนินโครงการต้องไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ประกอบกับการศึกษา วิเคราะห์จากผลการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2548/49 และ 2549/50 และโครงการประกันรายได้เกษตรกร ของปีการผลิต 2552/53 และ 2553/2554 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ผ่านมา ข้อเสนอและความเห็นจากสถาบัน องค์กรต่างๆ เกี่ยวกับโครงการ ตลอดจนรายงานการปิดบัญชีโครงการของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจากการตรวจสอบดังกล่าว สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มีความเห็นและข้อเสนอแนะดังนี้

 

1. การดำเนินงานโครงการมีจุดอ่อนหรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอนตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนำไปสู่การสวมสิทธิ์การจำนำและการทุจริตในโครงการ

 

จากการตรวจสอบที่ผ่านมา ทั้งโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2548/49 และ 2549/50 และโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเช่นเดียวกัน พบว่า การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไม่ถูกต้อง เกินความเป็นจริง ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่เป็นช่องทางนำไปสู่การสวมสิทธิ์เกษตรกรและการทุจริตได้ การตรวจสอบรับรองข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบได้อย่างทั่วถึง และการใช้การประชุมประชาคมเป็นเครื่องมือในการรับรองความถูกต้อง ความครบถ้วน ของข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผล สำหรับผู้แทนเกษตรกรและตัวแทนข้าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ประจำจุดรับจำนำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำจุดรับจำนำขององค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรไม่สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมทั้งด้วนคุณภาพข้าว (กรมข้าว) การหักลดความชื้นและสิ่งเจือปนเกินความเป็นจริง

 

เนื่องจากส่วนใหญ่ยังขาดความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพข้าว (กรมข้าว) ชนิดข้าวน้ำหนักข้าว นอกจากนี้ การจัดเก็บรักษาข้าวของโครงการเกิดการสูญหายหรือขาดบัญชี สำหรับการระบายข้าวตามโครงการดำเนินการได้น้อยและล่าช้ามาก ส่งผลทำให้ข้าวสารคุณภาพเสื่อม ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้สรุปประเด็นปัญหาและความเสี่ยงสำคัญที่พบจากการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกแจ้งให้นายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดพิจารณาให้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานโครงการ ตามหนังสือที่เคยแจ้งถึงนายกรัฐมนตรี มาแล้ว 3 ฉบับ

 

สำหรับการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2554/55 เป็นต้นมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ติดตามขอข้อมูลผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับผลการดำเนินงานการรับฝากข้าวเปลือก การออกใบประทวน การเก็บรักษาข้าวสาร การระบายข้าวตามโครงการ และผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือของโรงสี และโกดังกลางที่เข้าร่วมโครงการ ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2556 รวมทั้งข้อมูลและรายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายรัฐบาล

 

แต่ปรากฏว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับข้อมูลดังกล่าวเพื่อประกอบการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ล่าช้า และไม่ครบถ้วน เช่น ข้อมูลการระบายข้าวตามโครงการของกระทรวงพาณิชย์ และผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือของโรงสีและโกดังกลางที่เข้าร่วมโครงการ ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2556

 

จากข้อมูลรายงานผลการปิดบัญชีโครงการฯ ซึ่งจัดส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2557 คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ ได้ให้ข้อสังเกตว่า องค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร มีการรายงานข้อมูลปริมาณข้าวสารคงเหลือในคลังสินค้าไม่ถูกต้องครบถ้วน ล่าช้าไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งมีการแก้ไขข้อมูลบ่อยคลัง ทำให้ไม่สามารถปิดบัญชีได้ทันเหตุการณ์ อีกทั้งยังมีการขอปรับเพิ่มปริมาณข้าวสารคงเหลือ ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2556 จำนวนสูงมากถึง 2.98 ล้านตัน แต่ไม่สามารถตรวจสอบยืนยันความถูกต้องได้

 

นอกจากนี้ การระบายข้าวตามโครงการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพบว่าการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ สนับสนุนว่าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่ง ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐได้รับมอบหมายจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และไม่มีการส่งออกข้าวออกนอกราชอาณาจักรจริง

 

2.ผลกระทบจากการดำเนินโครงการก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดิน และเกษตรกร ความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ และไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน ดังนี้

 

2.1 การดำเนินโครงการมีผลขาดทุนจำนวนสูงมาก จากการรายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของรัฐบาล โดยคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเลือกตามนโยบายรัฐบาล โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี การผลิต 2555/56 (ครั้งที่ 1 ) พบว่า สิ้นสุด วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 มีผลขาดทุนจำนวน 332,372.32 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสูงกว่ายอดการปิดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2556 (ซึ่งมีผลขาดทุนจำนวน 220,968.78 ล้านบาท) จำนวนมากถึง 111,403.54 ล้านบาท ชี้ให้เห็นแนวโน้มผลการขาดทุนสูงขึ้น

 

ทั้งนี้หากดำเนินการระบายข้าวคงเหลือในคลังสินค้ากลางได้ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี และล่าช้าจะส่งผลทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพและมีมูลค่าลดลง รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาเก็บรักษาไว้ เช่น ค่าเช่าคลังสินค้ากลาง ค่าใช้จ่ายรมยารักษาคุณภาพข้าว ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 ตามรายงานผลการปิดบัญชีโครงการตั้งแต่ปี การผลิต 2554/55 จนถึงปีการผลิต 2555/56 (ครั้งที่ 1) มีปริมาณข้าวสารคงเหลือในคลังสินค้ากลางรวมจำนวน 13,001,470.58 ตัน ซึ่งจะส่งผลให้โครงการมีผลขาดทุนเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลต้องรับผิดชอบผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจากโครงการทั้งหมด รวมทั้งภาระเงินต้นและดอกเบี้ยจากเงินกู้

 

2.2 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จ่ายเงินให้แก่เกษตรกรที่นำใบประทวนสินค้ามาจำนำโครงการล่าช้าเพราะมีเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ เนื่องจากรัฐบาลระบายข้าวล่าช้ามาก โดยพิจารณาจากผลการดำเนินการระบายข้าวตามแผนการระบายข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2554/55 และ 2555/56 จำนวน 220,415 ล้านบาท เพียงวันที่ 30 กันยายน 2556 พบว่า สามารถระบายข้าวได้จำนวน 128,373 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 58.24 ของแผนการระบายข้าว หากรัฐบาลยังไม่สามารถระบายข้าวเพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนในโครงการอาจจะต้องกู้เงินเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มสูงขึ้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ รวมทั้งก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจากการจำนำข้าว

 

2.3 เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่มีฐานะร่ำรวยและฐานะปานกลาง ทั้งที่การดำเนินโครงการต่างๆ ของภาครัฐเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรนั้น ควรให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรยากจนหรือมีรายได้น้อยเป็นลำดับแรก จากผลงานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) โดย ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร และคณะ พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าร่วมโครงการทุกรายได้รับประโยชน์จากโครงการมีรายได้เพิ่มขึ้นจริง แต่ปรากฏว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีฐานะร่ำรวย (ร้อยละ 30 ของครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว) ได้รับประโยชน์จากโครงการร้อยละ 39 ของมูลค่าการจำนำ และเกษตรกรที่มีฐานะปานกลาง (ร้อยละ 40) ได้รับประโยชน์ร้อยละ 43 ขณะที่เกษตรกรที่มีฐานะยากจน (ร้อยละ 30) ได้รับประโยชน์เพียงร้อยละ 18

 

2.4 การดำเนินโครงการไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของการผลิตข้าว และไม่ทำให้เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งปัญหาการผลิตข้าวที่แท้จริงคือ ปัญหาด้านการผลิตและด้านการตลาด โดยปัญหาด้านการผลิต ได้แก่ ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ การขาดแคลนน้ำหรือปัญหาน้ำท่วม คุณภาพดิน ปัจจัยการผลิตไม่เพียงพอและราคาแพง การระบายของโรคและแมลง ทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ในอัตราที่ต่ำข้าวมีคุณภาพต่ำ และขายได้ในราคาถูก สำหรับปัญหาด้านการตลาด ได้แก่ การถูกกดราคารับซื้อ การปลอมปนข้าว ขาดมาตรฐานการรับซื้อโดยไม่ได้ซื้อตามขั้นคุณภาพ ทำให้เกษตรกรขาดแรงจูงใจในการปรับปรุงคุณภาพให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด อีกทั้งนโยบายรับจำนำข้าวมีส่วนทำให้เกษตรกรไม่ให้ความสนใจกับการปรับปรุงคุณภาพข้าว

 

อีกทั้งผลงงานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) โดย ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร และคณะยังพบว่าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ทุกเมล็ดส่งผลให้ระบบการค้าข้าวแบบแข่งขันของภาคเอกชนถูกทำลายและทดแทนด้วยระบบการค้าข้าวของรัฐ และเกิดการสูญเสียตลาดส่งออกข้าวของไทย เนื่องจากรัฐบาลไม่มีความสามารถในการขายข้าวเหมือนพ่อค้าส่งออก รวมทั้งเกิดการสูญเสียในคุณค่าข้าวไทย

 

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลตั้งแต่ปีการผลิต 2554/55 เป็นต้นมา มีความเสี่ยงความไม่โปร่งใสและน่าเชื่อว่ามีการทุจริตสูง และยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนจำนวนหลายแสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลต้องรับผิดชอบตั้งงบประมาณชดเชยผลการขาดทุนและภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่เกิดขึ้นจากโครงการทั้งหมด ทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินและเกษตรกรความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ และขาดความยั่งยืนในการพัฒนาการผลิตข้าว อีกทั้งการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกถือเป็นนโยบายแทรกแซงตลาดและสร้างภาระต่อเนื่องให้รัฐบาลต้องจัดเก็บรักษาข้าวสารไว้ในคลังสินค้ากลางและกลายเป็นพ่อค้าขายข้าวแข่งขันกับเอกชน ซึ่งนำไปสู่ช่องทางการทุจริตในขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น

 

เพื่อให้การดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือหรือแก้ไขความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จึงมีข้อเสนอแนะขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติโปรดพิจารณาดำเนินการดังนี้

 

1. พิจารณาทบทวนและยุติการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลต่อไป โดยอาจพิจารณาใช้มาตรการหรือแนวทางการช่วยเหลือในลักษณะอื่นแทน เช่นการสนับสนุนปัจจัยการผลิต และให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรยากจนหรือมีรายได้น้อยเป็นลำดับแรก รวมทั้งให้มีการจัดทำฐานข้อมูลที่มีความครบถ้วน ถูกต้อง ครอบคลุมทุกกิจกรรมสำคัญที่ต้องดำเนินการและเป็นฐานข้อมูลเดียวกัน ในแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีกระบวนการติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงานตามโครงการอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับภาพรวมของโครงการทั้งประเทศเพื่อสามารถนำไปสู่การวางแผนการดำเนินงานตามโครงการในระยะต่อไปให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

2. กรณีการจ่ายเงินจำนำตามโครงการล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบและความเสียหายต่อเกษตรกรให้พิจารณาจ่ายเงินจำนำตามโครงการให้แก่เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องตลอดจน ขั้นตอนการดำเนินงานที่ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกำหนดมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบและความเสียหายให้แก่เกษตรกรดังกล่าวด้วย

 

3. การรายงานผลการดำเนินงานโครงการ พิจารณาเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบายรัฐบาล เพื่อจัดทำรายงานปิดบัญชีและรายงานผลการดำเนินงานในทุกโครงการตั้งแต่ปีการผลิต 2547/48 เป็นต้นมา ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบโดยเร็ว

 

4. เพื่อให้การบริหารจัดการข้าวตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่าย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ควรให้ความสำคัญต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาการผลิตข้าวที่แท้จริง คือ ปัญหาด้านการผลิตและปัญหาด้านการตลาด ควบคู่ไปกับการดำเนินงานโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามนโยบายของรัฐบาล โดยพิจารณาให้มีการบูรณาการแก้ไขปัญหาหารกผลิตข้าวอย่างเป็นระบบครบวงจรภายใต้กิจกรรมการส่งเสริมสนับสนุนของหน่วยงานรัฐ การยกระดับมาตรฐานคุณภาพการผลิตสินค้าข้าวไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงและส่งเสริมการพัฒนาตลาด การวิจัยมูลค่าเพิ่มของสินค้าข้าว

 

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินต่อไป

 

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

 

นางสาวประพีร์ อังกินันทน์

รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน

รักษาราชการแทน ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน

 

http://www.isranews....27008-sson.html


#SuthepTourLiveinBKK2014 โอปป้าสุเทพ

15 มกราคม พ.ศ. 2557 - 21:47

โอปป้าสุเทพเปิดคอนเสิร์ตใหญ่มาได้ 2 คืนแล้วนะครับ

 

 #SuthepTourLiveinBKK2014

 

 https://twitter.com/...KK2014&src=tren

 

Bd_WQYACUAAmavV.jpg

 

R U Ready!!!!!!

 

Bd9UXWHCMAAimeG.jpg

 

 

BeBE8D6CcAENXxI.jpg

 

 

จะมีศิลปินซักกี่คนที่ใกล้ชิดกับแฟนคลับแบบนี้ครับ แอนตี้แฟนเลิกเถอะ

 

Bd8N9lKCUAA9m23.jpg

 

แฟนคลับทยอยมาคอนโอปป้าสุเทพอย่างต่อเนื่อง

 

Bd6z7eOCAAAnyFa.jpg

 

BeBbwALCMAAVrLs.jpg

 

BeBm1kfCQAEkxvl.jpg

 

BeBJfoUCcAAFVu-.jpg

 

อย่าลืมติดตามผลงานของโอปป้านะครับ

 

Bd75j1qCcAAtWXV.jpg

 

เกือบลืม!!!!!!  

 

พวกเสื้อแดงชุบแป้งทอดที่กล่าวหาว่าโอปป้าทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ดูไว้ซะโอปป้านำสันติสุขมาให้บ้านเมือง

 

BeBDRenCEAACYlZ.jpg