ท้อป

ตอบกระทู้ 55

 

ผมว่าการกระจายอำนาจ เป็นการสอนให้คนรู้จักระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง...ประชาชนจะได้ในสิ่งที่เขาเลือก และก็รับผลกรรมในสิ่งที่เขาทำ...เรื่องการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมกันไม่ต้องห่วง ครับ...เมื่อประชาชนเห็น ผลของการเลือกนักการเมืองมาเป็นผู้ว่าแล้ว...ไปเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่น ที่มีผู้ว่าที่ดีกว่า แล้วถ้าเขายังไม่คิดเปลี่ยนแปลงก็ต้องรับกรรมต่อไป...

 

หลายท่านกังวลว่า ถ้าให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ แล้วผู้ว่ามีอำนาจมาก พวกอันธพาลมาเฟีย จะครองจังหวัดนั้น...แต่ตอนนี้อันธพาล มาเฟีย ครองประเทศแล้วนะครับ...ฆ่ากัน ในเมือง กลางวันแสกๆ จับใครไม่ได้เลย...อย่างที่ว่าไว้ จังหวัดไหนอยากเลือก อันธพาลไปเป็นผู้ว่าฯ เอาโจรไปเป็นตำรวจ ก็ให้ประชาชนจังหวัดนั้นเลือกและรับกรรมเอง...แต่อย่างน้อยประชาชนของจังหวัดที่ต้องการเลือกคนดี มาปกครอง ต้องมีโอกาสครับ...

 

เรื่องการพัฒนาประเทศอย่าห่วงมากครับ ปล่อยให้คนในท้องที่ ช่วยคิดกันเองครับ...บางหมู่บ้านอาจจะดูเหมือนยากจน แต่ประชาชนอาจจะมีความสุขก็ได้ ถ้าเขาจัดการกันเองดี...คนในเมืองดูผิวเผิน อาจจะมีรายได้สูง เจริญทางวัตถุ แต่คุณภาพชีวิตแย่ มีปัญหาสลัม ยาเสพติด โจรขโมยชุกชุม...แม้แต่ประเทศอเมริกา บางเมืองก็พัฒนามาก บางเมืองก็พัฒนาน้อย เป็นเรื่องปกติ...เราไม่จำเป็นไปคิดแทนคนท้องถิ่นเขามากเกินไปครับ...ถ้าคนชอบกินปลาร้า ก็ให้เขากินปลาร้า ไม่ต้องไปครอบงำว่า ต้องกินแต่ปลาเค็ม หรือปลานึ่ง ปลาทอด ถึงจะดี...

เรื่องความรู้ในรอบอบปชต.ผมว่าคนท้องถิ่นน่าจะเห็นได้จากการเลือกอบต.อบจ....ได้แล้วนะครับ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่เดาเอาว่าอบx.ทั้งหลายว่าเหมือนเลือกสส. นักการเมืองไม่ใช่ปัจใจหลักของการพัฒนาท้องถิ่นในความเห็นผม ที่เป็นห่วงคือท้องถิ่นที่มีแหล่งทรัพย์ที่ดีจะพัฒนาได้ ท้องถิ่นที่ไม่มีอะไรถึงเลือกนักการเมืองดีก็ไม่น่าจะมีโอกาสหาภาษีได้ เช่น. เขตพื้นที่กันดานไม่มีแหล่งท่องเที่ยว เขตนั้นไม่มีอะไรให้เป็นภาษีได้ก็ไม่มีโอกาสพัฒนา นานไปอาจจะกลายเป็นท้องที่ร้างได้

ส่วนสองนี้ไม่ได้ห่วงเลยครับ ผมก็ว่าน่าจะดีที่เลือกผู้ว่ากันเอง

ส่วนนี้ที่คุณยกตัวอย่างสิผมว่าน่าห่วงอยู่ ความยากจนไม่ได้แปลว่าไม่มีความสุข แต่ความยากจนจะกลายเป็นทุนสร้างโจรได้ ตัวอย่างที่เห็นด้วยตัวเองเลยก็เมืองสองเมืองอยู่ไม่ไกลกันมาก เมืองนึงพัฒนาไปดีมีทรัพย์มีแต่คนฐานะดี อีกเมืองไม่พัฒนามีแต่ตกต่ำไปเลื่อยๆ นานไปกลายเป็นแหล่งโจรเพราะตำรวจหายากที่ซ่องสุมหาง่าย เมืองคนมีตังเลยกลายเป็นเป้าหมาย ความเหลื่อมล้ำนี้ทำให้ปัญหาอาชญากรรมในถิ่นที่พัฒนาดีกว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ออกเพราะคนร้ายไม่ได้มาจากถิ่นแต่ไกล้พอ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้พยายามคิดให้คนท้องถิ่นครับ เป็นการเสนอข้อคิดว่ามันมีทั้งผลดีและเสีย จะไปทางไดก็ควรระวัง

การโกงเลือกตั้งแก้ยากครับ...เพราะ

 

มันเป็นวัฒนธรรมส่วนหนึ่งของการเมืองไทยไปแล้ว พวกผู้สมัครแถวอิสาน ไปเดินหาเสียง บางทีชาวบ้านเดินมาขอเงินดื้อๆ เลย ถ้าไม่ให้ก็ถูกด่าว่าเป็นพวกงก พวกขี้เหนียว...สมัยก่อนแจก กะปิ น้ำปลา แจกขันน้ำ ถังน้ำ จนเดี๋ยวนี้ แจกเงิน แจกรถ (แจกรถสำหรับหัวคะแนน) เพราะเป็นการสมยอมกันทั้งผู้ให้และผู้รับ ปราบลำบาก...

 

จากการเอาเงินนักการเมืองมาแจก พัฒนาเป็นนโยบายประชานิยม แจกเงินอย่างถูกกฎหมาย แต่เอาเงินภาษีประชาชนมาแจก...สัญญาว่าจะปลดหนี้ชาวนา ล้างหนี้นักศึกษา ขายข้าวตันละหมื่นห้า...ต่อไปคงสัญญาแจกครอบครัวละ 1 ล้านบาทเลยมั๊ง...ปราบไม่ได้อีก...

 

ความโลภของคนมีเยอะครับสู้ลำบาก...ไปสกัดที่ต้นทางดีกว่า...

 

กฎหมายปราบคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความ ตั้งศาลตัดสินคดีคอร์รัปชั่น ไม่มีนิรโทษ ไม่มีรอลงอาญา ประชาชนฟ้องได้ ไม่ต้องรอรัฐบาลมาฟ้อง

 

กระจายอำนาจบริหารและการเก็บภาษีไปแต่ละจังหวัด ให้มีผู้ว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่งตั้งตำรวจเอง...ถ้างบประมาณน้อยลง อำนาจน้อยลง ช่องทางทำมาหากินแคบลง ก็คงช่วยลดการโกงกิน ถ้าคนจังหวัดไหน นิยมเลือกนักการเมืองเลว มาบริหารประเทศ ก็ให้คนจังหวัดนั้นรับกรรมไปเอง...ถ้าอยากจำนำข้าวตันละ 100,000 บาทก็ไม่ว่ากัน หาเงินกันเองก็แล้วกัน อยากแต่งตั้งโจรมาเป็นตำรวจ ก็ทำไปเลย ชาวบ้านจังหวัดนั้นก็รับกรรมไป...กรรมใครกรรมมัน...

 

แค่ทำ 2 อย่างนี้ได้ ประเทศไทยก็น่าจะสงบร่มเย็น พัฒนาได้อีกเยอะ...

การกระจายการเก็บภาษีไปเป็นระบบท้องถิ่นก็เป็นระบบที่ไม่เลว แต่อาจจะการเพิ่มปัญหาในประเทศที่ยังพัฒนาไม่เพียงพอ ก็ต้องระวังและหาระบบถ่วงดุลให้ดีนะครับ

 

 

1. คนไทยที่ทำงานแต่ไม่เสียภาษีก็เยอะ (คนตกงานเพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ดีก็มี)

2. คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองแต่ไม่เป็นกลางก็เยอะ คนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่มีความเป็นกลางก็อาจจะมี

3. เห็นด้วยครับ ... jury duty เป็นความภูมิใจของประชาชน

 

คนไม่มีความรู้ แต่ขวนขวายทำงานเป็นประชาชนที่ดีก็เยอะ คำถามพวกนี้ผมเสนอให้ข้อคิดเพิ่มเติมเผื่อคุณลืมกลุ่มคนพวกนี้ไป

 

อันนี้เราไม่ได้มาเถียงเอาชนะกันนะครับ เราต่างเสนอความเห็นเท่านั้น

1.ถ้าทำงานมีรายได้ ก็ควรเสียภาษีเพราะเป็นหน้าที่ และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมครับ ตกงานก็ต้องยืนแบบผู้เสียภาษีไม่ใช่หรรือครับ

2.มันเป็นการตรวจสอบที่ทำได้ครับ

3. 

คนมีความรู้มันกว้างนะครับ ชาวนาเขาก็มีความรู้ในวิชาชีพของเขา ที่แน่ๆให้ผมปลูกข้าวเองมีหวังตายยกแปลง แต่ผมก็คงไม่ให้ชาวนามาว่าความแก้ต่างให้ผมในศาล     

 

1. ตรงนี้ไม่รู้ครับ ผมย้ายไปต่างประเทศตั้งแต่รุ่นๆ ถ้ามีแบบผู้ไม่ต้องเสียภาษีก็ครอบคลุมได้แล้วครับ

2. อันนี้ไม่ถกเถียงครับ

ครับเห็นด้วยไม่ได้แสดงความเห็นเพื่อเอาชนะ ต้องการถกเพื่อให้ได้ระบบที่ดีเท่านั้น

 

1.คนที่เสียภาษีและทำงาน แสดงว่ามีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นขั้นหนึ่ง

2.กรรมการ ต้องเป็นกลาง

3.คนที่ถูกเลือกมีสิทธิ์ปฎิเสธแน่นอน เป็นหน้าที่ที่ต้องเสียสละเพื่อส่วนร่วม แต่ผมว่าน่าจะภูมิใจมากกว่า

 

ส่วนเรื่องความรู้ อันนี้ไม่เข้าใจว่าถามทำไม

ท่านต้องการ คนที่นั่งๆนอนๆ วันๆไม่ทำอะไร เกาะคนอื่นกิน มาทำการตรวจสอบทุจริต แทนท่านหรือครับ

 

1. คนไทยที่ทำงานแต่ไม่เสียภาษีก็เยอะ (คนตกงานเพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ดีก็มี)

2. คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองแต่ไม่เป็นกลางก็เยอะ คนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่มีความเป็นกลางก็อาจจะมี

3. เห็นด้วยครับ ... jury duty เป็นความภูมิใจของประชาชน

คนไม่มีความรู้ แต่ขวนขวายทำงานเป็นประชาชนที่ดีก็เยอะ คำถามพวกนี้ผมเสนอให้ข้อคิดเพิ่มเติมเผื่อคุณลืมกลุ่มคนพวกนี้ไป

อ่านทั้งหมดแล้ว สุดท้าย ถ้าซื้อจนท.ได้ทุกอย่างก็จบ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน

การเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อช่วยให้คนบางคนที่ไม่สามรถไปใช้สิทธิ์ใด้ในวันเลือกตั้งจริง แต่คนเผ้าก็เป็นจนท. คนดูกล้องก็เป็นจนท.

มันคงไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ น่าจะลองให้ปชช.ทั้วไปมีส่วนร่วม เหมือนการสุ่มเลือกปชช.ของอเมริกามาเป็นลูกขุน

แต่เราเลือกมาคุมจนท.อีกที เรียกว่ากกต.ภาคประชาชน มีอำนาจในการชี้ผิดพอๆกับกกต. มีอะไรแจ้งต่อศาลปกครองโดยตรง

ระบบของเรา ตามกฎหมายต้องมีจนท.ร่วมด้วย หรือให้ปชช.ไปร่วมกับจนท. ซึ่งสุดท้ายก็ไม่อยากมีเรื่อง ปล่อยให้จนท.โกงต่อหน้า

ฉะนั้นกกต.ภาคประชาชน ต้องเป็นปชช.ล้วนๆ และเป็นการมอบอำนาจเสมอจนท.ชั่วคราว

ส่วนการสุ่มเลือก ไม่ใช่ให้จนท.เลือก อาจสุ่มจากบัตรประชาชนโดยคอม กำหนดช่วงอายุ ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆ มีการยื่นเสียภาษี(อย่างน้องแสดงว่ามีงานทำ) มีสิทธ์เลือกตั้ง ไม่เคยต้องโทษ ฯลฯ

แต่คงต้องมีคนมีความรู้มาประกอบ อาจให้สภาทนายความโวตเลือกคนมาเป็นตัวแทน มาช่วย(ไม่ใช่กรรมการเลือกมา) 

อะไรประมาณนี้ ขั้นตอนคงมีเยอะพอควร แต่น่าจะช่วยได้ 

ช่วยอธิบายหลักความคิดเหตุผลว่าทำไม 1.ต้องเป็นมีความรู้ 2.เสียภาษี และ3.ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ด้วยครับ?  สงสัยว่าคุณวุฒิเหล่านี้จะช่วยให้การเลือกตั้งโปร่งใสได้อย่างไร  แล้วถ้าสุ่มเลือกปชช.แล้วคนที่ถูกเลือกไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ปชช.คนนั้นเลี่ยงภาระนี้ได้มั้ยครับ?

มีใครทราบบ้างว่าทำไมถึงนับคะแนนที่จะลงคะแนนเลยไม่ได้ครับ? ต่างประเทศก็มีปัญหาเรื่องหีบบัตรหายและโกงคะแนนหลังจากส่งหีบแล้ว การมีการสรุปยอดน่าจะช่วยได้บ้างแต่ไม่น่าจะป้องกันได้ถ้าคนเริ่มชินกับระบบใหม่

จริงๆ มันควรจะเสียหลายๆ อาชีพแล้วหล่ะครับ
-วินมอเตอร์ไซค์งี้ (รายวันรับกันหลายร้อย-เกินพันบาท/ ค่าเสื้อวินขายกันตัวเป็นแสนถึงหลายแสน)
-คนขับรถตู้ รถแท๊กซี่งี้ (รายรับมากกว่าคนทำงานกินเงินเดือนอีก)
-คนขายกาแฟ บนทางเท้า
-คนขายก๋วยเตี๋ยว บนทางเท้า
-คนทำไร่ ทำนา  
ฯลฯ
ปล.อย่าบอกว่าเสียแวต เสียภาษีที่ดินที่นา โรงเรือนนะครับ
แต่อยากให้หมายถึงเฉพาะภาษีเงินได้
 
ไม่อยากให้รู้สึกว่าขูดรีดกับปูนะครับ แต่อยากให้เสีย
เสียน้อย เสียมากตามรายได้ แค่อยากให้มีส่วนร่วมต่อ
ภาษีของประเทศ ไม่ให้นักการเมืองหรือใครมาโกงกิน
นำภา๊ษีของประชาชนไปใช้สุรุ่ยสุร่าย ไม่เกิดประโยชน์
 
ประชาชนจะได้หวงแหนและเข้าใจในระบบภาษีมากขึ้น

ครั้งนี้ช่างมันโดนเปลี่ยนผลคะแนนอยู่แล้ว ออกแบบเผื่ออนาคต

 

พิมพ์ซีเรียลนัมเบอร์ด้านในบัตรเลือกตั้งทุกใบ กาเสร็จ ฉีกเก็บไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนลงกล่อง 

ปชช.มีหลักฐานว่าบัตรใบนี้มีคนใช้จริงๆ

เวลาขานคะแนนให้ใช้เครื่องสแกนอ่านซีเรียลนัมเบอร์ขานคะแนนไปกี่ล้านใบต้องมีรันให้ดูเรียลไทม์เลย

 

โดยแต่ละหน่วยนับเสร็จสิ้นจะต้องมีซีเรียลโชว์ไว้ ปชช.สามารถมาเช็คได้ว่าหมายเลขที่ตัวเองเก็บไว้ กับที่ขานคะแนนมันยังอยู่

หรือถ้ามีเบอร์ซ้ำ หรือขาดหายก็โกง ไม่ต้องทุกคนเช็คเอาแค่10%มาเช็คทั้งประเทศก็ต้องเจอแล้ว

 

แก้ปัญหาเปลี่ยนคะแนนยกหน่วย 99%

ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการโหวดต้องเป็นความลับก็ไม่เลวครับ เห็นด้วย

ยังไงก็ขอบคุณคุณท้อปครับที่แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ

ผมออกตัวนะครับว่าผมไม่ได้กฎหมายขนาดนั้น เป็นข้อมูลที่รับมา ผมก็พิจารณาจากคำอธิบายครับ

เหมือนกันครับ ยินดีเสมอ

 

 

 

 

ก็พอเข้าใจจุดประสงค์ที่เอาม.7 "...ให้ทำไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย..." ไปประกบนะครับ ผมก็ไม่คิดว่าจะเกี่ยวเรื่องนายกพระราชทานถึงงงอยู่กับข้อเรียกร้องให้ลาออกจากรักษาการณ์นายก เพราะเท่าที่เข้าใจตำแหน่งนี้มันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว จะเบิกค่าอาหารกลางวันยังไม่ได้เลย ผมว่าม.7นี่น่าจะเป็นความพยายามตีความหมายให้ตั้งสภาประชาชนแต่ในอดีตที่ผ่านมา ที่ใกล้เคียงที่สุดที่ฟังมาช่วงนี้ก็มีสภาสนามม้า แต่ถ้าเข้าใจไม่ผิด ตอนนั้นได้มีการปฏิวัติไปแล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอ้างรธน. ส่วนนี้ถึงยังไม่เข้าใจว่าสภาประชาชนจะอยู่ในกรอบกฏหมายขณะนี้ได้ยังไง

 

 

 

แล้วถ้าไม่มีนายกรักษาการณ์ สภายังเปิดไม่ได้

 

จะเอานายกมาจากไหน ??

 

 

 

ถ้าไม่มีนายกรักษาการณ์ สภาเปิดไม่ได้ ก็ไม่มีนายก แต่อย่างว่านะ มีหรือไม่มีก็ไม่ได้ต่างอะไร

 

 

 

แล้วควรเอานายกมาจากไหน ?

 

ถ้าไม่ใช่ ม.7

 

 

 

ตกลงเค้าจับตัวมาสอบสวนได้ยังครับ?

จขกท. อย่าเพิ่งรู้สึกท้อสิครับ งานยังไม่เลิกผลยังไม่ออก ถึงวันนั้นค่อยนั่งพัก นั่งคิดกันใหม่

 

 

 

 

 

 

ดีแล้วค่ะ เป็นมาตรการที่รัดกุม ปลอดภัยดี

 

แปลกนะคะ ถ้าปรกติเห็นหน้าการ์ดหน้าตาแบบนี้คงกลัวและขยาด

แต่ทำไมในสภาวะชุมนุมแบบนี้ ดิฉันกลับรู้สึกปลอดภัย อบอุ่นใจ เมื่อผ่านการ์ด

 

รสนิยมเปลี่ยนโดยไม่รู้ตัวรึป่าวครับ?

 

 

พี่ทำสันดานแบบนี้ ไม่นุ่งกระโปรงเหอะพี่ ไปแปลงเพศก็ได้

คุณช่อไม่ได้เป็นกระหรี่ได้น้ำเหมือนนายกที่พี่บูชานะฮะ

อย่ามาทำสันดานกร่างแถวนี้ 

 

คิดจะมาเล่นบอร์ดนี้กรุณาให้เกียรติผู้เหญิงด้วย

 

นุ่งอยู่บ้างแล้วแต่อารมณ์นะครับ ผมยังไม่ได้คิดแปลงเพศ เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นพวก bisexual อยู่ รู้ได้ไงครับว่าผมกราบไว้นายก?

 

ไม่ได้คิดว่าเป็นการดูหมิ่นครับ แต่ถ้ามันออกมาทางนั้นก็ขออภัยด้วย เห็น login พี่เค้าเก่าแก่ก็จะแหย่เล่น ทำความรู้จัก ไม่นึกว่าจะก่อจราจนกับผู้ชมในห้องนี้

 

แหย่เล่นกับผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักเห็นหน้ากันมาก่อน  เค้าแหย่กันอย่างนี้???คนปกติคิดไม่ได้นะนี่      

 

ผมว่าไม่น่าจะเป็นพวก bisexual นะ ถ้าหน้าเพศเมียจะเหมาะสมมากกว่า  

 

จราจน

 

 

โอ๊ะ ดิฉันไม่ได้เข้ามาอัพเดท ขอบคุณทุกท่านที่ห่วงใยและออกรับหน้าแทนมากนะค่ะ

 

คิดว่าคุณท๊อปคงแหย่ดิฉันเล่นมั๊งค่ะ ?. ดิฉันไม่โกรธและถือสาหรอกค่ะ

แค่แสดงความรู้สึกว่า พี่ๆน้องๆที่มาเป็นการ์ด หน้าตาขึงขัง ตรวจค้นอยากละเอียด ดิฉันก็รู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยดี

ไม่เกี่ยวกะการเปลี่ยนรสนิยมหรอกนะคะ  

 

สวัสดีครับคุณมัลลิกา หาโอกาสทำความรู้จักอยู่เห็นว่าเป็นศิษย์เก่าที่นี่ ได้คุยกับหลายๆท่านมาสองสามวัน ส่วนใหญ่จะชอบรับน้องแรงๆ ผมก็ไม่นึกว่าคุณจะมี body guards เยอะ ขอบคุณและขอโทษนะครับ คิดว่ารุ่นใหญ่ที่นี่น่าจะดูออกมาใครแหย่ ครั้งแรกเข้ามาได้ปะคารมกับรุ่นใหญ่ที่นี่ท่านนึง กลายเป็นชาวนามีกระบือเลี้ยงทั้งคู่ แต่ก็คุยกันได้ดีหลังจากนั้น

 

 

 

จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่อยากให้คนจนได้ที่ดินจากรัฐเลย เพราะเดี๋ยวก็เอาไปขายให้แก่นายทุนถูกๆ หรือโดนโกง เหมือนตอน สปก 4-01
แล้วสุดท้ายที่ดินก็ถูกเก็งกำไร จนไม่ได้ใช้งาน
ทั้งที่รัฐเหนื่อยแทบตายกว่าจะหาที่ดินมาให้ได้
 
น่าจะมีวิธีรูบแบบอื่นที่ให้คนจนมีทำกิน และปกป้องกันการขายต่อไปเก็งกำไร
 
ที่ดินที่เพื่อการเกษตรก็จะได้เป็นที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างแท้จริง

โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในทางออกของปัญหานี้ เเละต้องทำเป็น turnkey ที่ครบวงจรการผลิต ในเเต่ละชุมชน

น่าสนใจ แต่ครบวงจรขนาดไหนครับ? เอาตัวอย่างข้าวกับยางน่าจะดี ท่าทางจะคลอบคลุมได้เยอะ ส่วนโฉนดชุมชนนี่เป็นยังไงครับ

ขอ cut&paste นะครับ...

รัฐบาลชุดที่แล้วได้นำเอาแนวความคิดในการจัดการที่ดินของชุมชน เช่น การให้สิทธิในการบริหารจัดการที่ทำกินเพื่อการอนุรักษ์ หรือการอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐได้โดยไม่ต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ด้วยการมีหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนปฏิบัติแปรเป็นรูปธรรม เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินของรัฐ โดยไม่ถูกขับไล่หรือจับกุมเหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถ ตกทอดถึงลูกหลานของคนในชุมชนได้

รูปธรรมอย่างหนึ่งของการจัดการที่ดินตามแนวคิดดังกล่าวก็คือ โฉนดชุมชน หรือ โฉนดที่ดินชุมชน ซึ่งถือเป็นการสรุปบทเรียนการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรไทยที่ผ่านมา และทำให้รัฐมีความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาในหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันในทางภูมิประเทศ ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น

การจัดทำโฉนดชุมชนจะก่อให้เกิดการร่วมมือกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชุมชน โดยมีกติกาที่ชัดเจนและจะต้องถูกกำกับโดยชุมชนซึ่งมีหลักการสำคัญคือ เป็นการดำเนินการในพื้นที่ของรัฐที่มีความขัดแย้งในการถือสิทธิครอบครอง ชุมชนที่จะได้รับโฉนดชุมชนควรเป็นชุมชนที่มีอยู่ก่อนไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การให้การรับรองในสิทธิทำกิน โดยคุ้มครองให้ทำเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า“โฉนดชุมชนทั้งผืน” โดยมอบให้ชุมชนเก็บรักษา แต่จะไม่ให้สิทธิดังกล่าวกับปัจเจกหรือเฉพาะบุคคล นอกจากนี้ชุมชนที่ได้สิทธิในที่ดินต้องร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม หากมีสมาชิกของชุมชนดำเนินการผิดระเบียบและเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ หน่วยงานกำกับดูแลอาจดำเนินการเพิกถอนได้

ข้อดีหรือประโยชน์ที่คาดจะได้รับจากโฉนดชุมชนก็คือประชาชนที่ถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ จะได้รับการรับรองให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินภายใต้กำกับของรัฐ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาพื้นที่และการผลิตที่ยั่งยืน แทนที่จะรีบใช้ทรัพยากรให้มากที่สุดจากความไม่มั่นคงในการถือครองที่ดิน ภาครัฐจะได้เปลี่ยนบทบาทจากการจัดการดูแลประชาชนมาเป็นผู้คอยกำกับดูแลชุมชนให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยมอบภาระหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นของชุมชน นอกจากนี้ชุมชนที่ได้โฉนดชุมชนยังมีความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง เช่น ป่าต้นน้ำ หรือป่าชุมชน เพราะอาจมีผลกระทบกับการใช้ที่ดินของตนเองได้

หลักการที่สำคัญของโฉนดชุมชน คือ

1. ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งหมด
2. ที่ดินนั้นเป็นมรดกตกทอดถึงลูก – หลาน
3. ห้ามทำการขายที่ดินแก่บุคคลภายนอกชุมชน
4. สมาชิกทุกคนต้องใช้ประโยชน์ในที่ดิน อย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างว่างเปล่า
5. สามารถทำการขายเปลี่ยนมือที่ดินให้แก่คนในกลุ่มได้โดยต้องผ่านคณะกรรมการ
6. โฉนดชุมชนไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ ในการรักษาที่ดินไว้สำหรับชุมชนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเอกสารในการจำนองกู้ยืมเงิน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางเกษตรและครัวเรือนได้อีกด้วย โดยจะช้กู้ยืมจากกองทุนออมทรัพย์ที่จัดตั้งขึ้นภานในกลุ่มปฏิรูปที่ดินของแต่ละชุมชนเป็นการแก้ปัญหาความต้องการ การจำนองที่ดินกับสถาบันการเงินภายนอกที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อยและชุมชน

http://www.naewna.co.../columnist/1779

 

ขอบคุณครับ น่าจะยังไม่ได้ใช้ใช่มั้ยครับ? แต่ก็งงเพราะเป็นที่ดินของทุกคนแต่เหมือนกับว่าแบ่งเป็นสัดส่วนให้แล้ว ซึ่งขายต่อให้"เพื่อนบ้าน"ได้

แล้วถ้ามีนายทุน proxy ชาวบ้านไปหนึ่งคนแล้วเริ่มกว้านซื้อจนหมดทั้งชุมชนเพราะกฏหมายไม่ได้ห้าม แล้วเอาไปทำเป็น resort เพราะก็ไม่ได้ห้ามว่าจะเอาไปทำอะไร ก็จะเป็นปัญหาเดิมมั้ยครับ?

 

 

ที่ราชมังคลาเดือนที่แล้วก็เต็มสนามและก็เกือบเต็มอัฐจรรย์นั่นก็หลายหมื่นอยู่ (ราชมังคลามีความจุประมาร 50000 ที่นั่ง+เต็มสนามล่าง) ทำไมคิดว่าเค้าจะหมดแรงศรัทธาไปในช่วงเวลานิดเดียวละครับ? แต่เห็นด้วยครับแหล่งเศรษฐกิจอยู่ริมทะเลกับกทม. แต่ผมว่าภาคกลางน่าจะอดน้ำตายเพราะแหล่งน้ำมาจากเหนือทั้งนั้น แต่ก็ไม่แน่อาจจะสั่งเข้าได้

 

 

ผมไม่คิดว่าเสื้อแดงที่ราชมังคลาเขาจะหมดแรงศรัทธานะครับ  แต่อย่าลืมว่านั่นคือ  "มวลชนเชิงสันติ"

 

แต่ทางเดียวที่จะรุนแรงได้  ก็คือทหารออกมาทำรัฐประหาร  เพราะการนำอาวุธออกมายึดอำนาจ  นั่นเท่ากับ

 

อีกฝ่ายสามารถที่จะใช้อาวุธได้เช่นกัน  

 

 

แต่ถ้าสมมติว่า  รัฐบาลถูกกดดัน  จนข้าราชการไม่เชื่อฟัง  องค์กรเอกชนเลิกสนใจรัฐบาล

 

การบริหารบ้านเมือง  ปั่นป่วน คนไปล้อม  สถานที่ต่าง ๆ  จนนายกอยู่ไม่ได้  นายกลาออก

 

ทำให้เกิดสูญญากาศตาม  ม7  แล้วเกิดมีคนไม่พอใจนายกคนใหม่  เกิดการต่อต้านโดยใช้อาวุธ

 

แบบเดียวกับที่กองกำลังชุดดำ  ออกมาปฏิบัติการปี 53  ฝ่ายต่อต้านก็จะถูกปราบปราม

 

โดยเจ้าหน้าที่ครับ

 

คิดเหมือนกันทั้งสองหัวข้อเลยครับ ไม่ค่อยอยากเห็นสงครามกลางเมืองเท่าไหร่ แต่ก็มองไม่ออกว่าเมืองไทยจะเดินต่อไปยังไง นายกลาออกคุณสุเทพจัดแต่งตั้งรบ.รักษาการ ผมก็เดาๆเอาว่าเสื้อแดงไม่น่าจะยอม ออกมาก็ปะทะกันแน่ หน่วยรุนแรงเค้าผมว่าน่าจะมีประสิทธิภาพกว่าตอนโจมตี HQ ของพ.อ.ร่มเกล้าเป็นแน่ ทหารก็ต้องออกมาช่วย ถ้าไม่ลาออกเลือกใหม่หาทางออกกม.จนมีรัฐบาลได้ ปชปกับม๊อปสุเทพก็ไม่น่าจะยอม น่าจะต้องป่วนไปเรื่อยๆจนต้องใช้กำลัง... เฮ้อ ผมว่าทางตันๆอยู่