Jump to content


คนไทยคนหนึ่ง

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 13 ตุลาคม 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
-----

#1194236 ระหว่าง กปปส ชนะ กับ ทหารทำรัฐประหาร แบบไหนน่าจะกำจัดระบบทักษิณจะสิ้นซากกว่ากัน

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:33

ทหารอย่างเดียว ก็ไม่สามารถขจัดระบอบทักษิณให้สิ้นซากได้

ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย ทหารแค่กดระบอบทักษิณ

ลงไปใต้ดิน ตอนนี้ระบอบทักษิณเตรียมสู้แบบยืดเยื้อแล้ว ประชาชน

ต้องคอยช่วยเหลือทหารด้านเบาะแสต่างๆ ของระบอบทักษิณด้วย

ทหารถึงจะสามารถตามไปขุดมาได้หมด




#1194231 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:26

 

โอ้วววว อย่างสวยเลย ว่าแต่มันรุ่น ยี่ห้อไรเนี่ย ?

1959391_647018302048045_5756567899005938

จับได้ที่ บ้านแพ้ว สมุทรสาคร

นี่มัน ขนาด 380 สไนเปอร์ ใครขอได้นี่แสดงว่าเส้นใหญ่น่าดู ตามรูปอุปกรณ์ครบ กล้องกำลังขยายสูง ขาทราย

 

ที่เสธแดงโดนสอย ก็กระสุนขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีหัวกระสุนที่ยิงเสธแดงอยู่หรือเปล่า

น่าจะมาเที่ยบกับหัวกระสุนที่ยิงจากปืนกระบอกนี้ด้วยนะครับ




#1194089 แนวทาง ปฎิรูป สำนักงานอัยการสูงสุด

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 07:00

แนวทางการปฏิรูปสำนักงานอัยการสูงสุด
โดย สิริอัญญา 
วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2557

หลายปีที่ผ่านมานี้ คนไทยชอกช้ำใจกับข่าวคราวในเชิงลบของพนักงานอัยการ ที่ได้ออกสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เป็นข่าวคราวเกี่ยวกับการกระทำที่คนไทยรู้สึกว่าสวนทางกับความยุติธรรมอย่างร้ายแรงหลายครั้ง 

กระทั่งเห็นว่าเป็น อุปสรรคต่อการอำนวยความยุติธรรมและการปราบปรามการทุจริต ที่มักจะมีข่าวคราวว่าการดำเนินคดีอาญาของ ป.ป.ช. จะเกิดความขัดแย้งจากทางพนักงานอัยการและสูญเสียเวลาไปเป็นอันมาก กระทั่ง ป.ป.ช.ต้องฟ้องคดีเอง และหลายคดี ป.ป.ช.ก็เป็นฝ่ายชนะคดี โดยที่ผู้เกี่ยวข้องในการไม่ยอมฟ้องคดีไม่เคยต้องรับผิดชอบใด ๆ เลย

กระทั่งมีการ
ใช้อำนาจถอนฟ้องคดีที่มีการฟ้องคดีต่อศาลแล้ว เพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้นักการเมือง มีการสั่งไม่ฎีกาในคดีที่มีปกติต้องฎีกา เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง รวมทั้งการเข้าไปเป็นกรรมการของรัฐวิสาหกิจ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน และในที่สุดก็เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่รัฐวิสาหกิจหลายครั้ง 

เหล่านี้เป็นความชอกช้ำระกำใจที่คนไทยต้องการเห็นการปฏิรูปสำนักงานอัยการสูงสุด 

ยิ่งล่าสุดนี้พฤติกรรมของอดีตอัยการสูงสุดที่ให้คำตอบต่อฝ่ายทหารว่า นาทีนี้ไม่ลาออก และก่อนหน้านั้นเล็กน้อยที่แสดงท่าทีอันส่อว่าจะกระทบต่อพระมหากษัตริย์ สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจอย่างยิ่ง 

เพราะคำพูดสุดท้ายของอดีตอัยการสูงสุดที่รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า มีความสัมพันธ์ลึกล้ำกับระบอบทักษิณ จึงทำให้เกิดคำพูดแรกสุดของฝ่ายทหารคือ ถ้าอย่างนี้ผมยึดอำนาจ และเกิดการรัฐประหารครั้งที่ 13 ขึ้นดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้ 

เราจะปฏิรูปสำนักงานอัยการสูงสุดกันอย่างไร? จะต้องรู้จักฐานะและภูมิหลังของหน่วยงานนี้เสียก่อน 

ข้อแรก แต่ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการทั้งหลายสังกัดอยู่ในกรมอัยการ ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกรมในกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่เป็นทนายแผ่นดินในการฟ้องคดีอาญาผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ที่กระทบต่อรัฐและว่าต่างแก้ต่างให้กับหน่วยราชการหรือส่วนราชการที่เป็นคดีความ 

ฐานะของ
กรมอัยการคือกลไกหนึ่งของรัฐบาลในการฟ้องผู้กระทำความผิดต่อศาล และในการเป็นทนายความว่าต่างแก้ต่างให้ส่วนราชการและข้าราชการ ฐานะดังกล่าวจึงเป็นฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาล ไม่ใช่องค์กรอิสระที่จะทำอะไรตามใจชอบก็ได้ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

นับตั้งแต่ประเทศไทยมีระบบกฎหมายขึ้นใช้บังคับเป็นต้นมา กรมอัยการและฐานะของพนักงานอัยการเป็นดั่งนี้ กระบวนการยุติธรรมขั้นกลางที่ต่อเนื่องมาจากตำรวจคือพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น จึงเป็นองค์กรหรือเครื่องมือของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่ฐานะที่เป็นอิสระ และได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดมา 

ต่อมาก็มีความพยายามที่จะยกฐานะของอัยการให้ทัดเทียมหรือเสมอกับฝ่ายตุลาการ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนละเรื่องคนละราว เพราะฝ่ายตุลาการนั้นเป็นอำนาจตุลาการ เป็นอธิปไตยหนึ่งทัดเทียมกับอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ แต่หน่วยงานระดับกรมอย่างอัยการกลับใฝ่ฝันที่จะมีฐานะองค์กรและฐานะของบุคลากรเสมอด้วยสถาบันตุลาการ 

ความพยายามดังกล่าวไม่สามารถฝ่าฝืนหลักการที่
อัยการคือกลไกหรือเครื่องมือของฝ่ายบริหาร และไม่อาจนำไปเปรียบเทียบกับสถาบันตุลาการได้ ยกเว้นเฉพาะด้านเงินเดือนก็ได้มีการเคลื่อนไหวรณรงค์จนกระทั่งบุคลากรของอัยการมีฐานะและเงินเดือนทัดเทียมกับฝ่ายตุลาการ 

เริ่มมีความแปลกเปลี่ยนเกิดขึ้นจากการวิ่งเต้นเข้าหานักการเมือง ยอมตนเป็นเครื่องไม้เครื่องมือของนักการเมืองเพื่อผลักดันให้อัยการมีฐานะทัดเทียมกับอำนาจตุลาการ และในที่สุดความแปรเปลี่ยนนั้นก็เป็นผลให้นักการเมืองแต่งตั้งให้พนักงานอัยการเข้าไปเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ โดยอ้างว่าเพื่อช่วยดูแลทางด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นคนละเรื่องเพราะหากเป็นปัญหาทางกฎหมาย
หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ต้องปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ใช่อัยการ 

ทำให้บางครั้งอัยการมีบทบาทกลายเป็นที่ปรึกษาแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปเลยก็มี การเข้าไปเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนและเกิดความเสียหายขึ้น และเมื่อมีคดีความเกิดขึ้นก็มีการเอื้อประโยชน์หรือดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ทำให้เสื่อมเสียต่อผลประโยชน์แห่งรัฐ 

แต่ครั้งหนึ่งเมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ผู้นำของอัยการคนหนึ่งมีบทบาทในการร่างประกาศคณะปฏิวัติ จึงได้ฉวยโอกาสนั้นก่อการเคลื่อนไหวเรื่อยมา เป็นผลให้มีการแยกอัยการออกจากกระทรวงมหาดไทย ตั้งเป็นสำนักงานอัยการสูงสุด และผู้บริหารสูงสุดก็คืออัยการสูงสุด ทำนองเดียวกับประธานศาลฎีกา หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายทหาร

และเมื่อมีการตรารัฐธรรมนูญในระยะหลัง ก็ได้มีการตราให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นองค์กรอิสระ และได้ก่อให้เกิดความรู้สึกที่เจ็บช้ำน้ำใจ จนก่อเกิดเป็นกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปขึ้น


ประเทศนี้ไม่สามารถปล่อยให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นอย่างนี้ต่อไปได้ แล้วจะปฏิรูปกันอย่างไร? 

ประการแรก จะต้องกลับสู่สถานะเดิม คือเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ ดังที่เป็นมาแต่เดิม ไม่ใช่เป็นองค์กรอิสระที่จะฟ้องใครหรือไม่ฟ้องใคร หรือจะถอนฟ้องใครอย่างไรก็ได้ดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นั่นคือต้องตรากฎหมายให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานระดับทบวงในสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดย ให้อัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าส่วนราชการเหมือนเดิมและโครงสร้างตามเดิม ทั้งต้องไม่ตรารัฐธรรมนูญยกฐานะเป็นองค์กรอิสระอีกต่อไป

ประการที่สอง จะต้องห้ามเด็ดขาดไม่ให้พนักงานอัยการไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ ในกรณีมีปัญหาทางกฎหมาย ต้องให้ไปปรึกษาหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เว้นแต่มีการประสานงานในระหว่างการดำเนินคดีกับส่วนราชการ ก็เป็นเรื่องของการประสานงานเท่านั้น เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับฝ่ายตุลาการที่ห้ามเด็ดขาดมิให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนในลักษณะนี้ และต้องไม่มีข้อยกเว้นเป็นช่องทางแล้วใช้ช่องทางนี้ก่อผลประโยชน์ทับซ้อนจนเกิดความเสียหายใหญ่หลวงขึ้น

ประการที่สาม จะต้องตราระเบียบการอัยการว่าด้วยการสั่งฟ้อง ว่าด้วยการดำเนินคดี ว่าด้วยการว่าต่าง แก้ต่าง ว่าด้วยการถอนฟ้อง ถอนอุทธรณ์ ถอนฎีกา ให้มีความชัดเจน และเป็นหลักปฏิบัติ ทำนองเดียวกับพระธรรมนูญศาลยุติธรรมและวิธีพิจารณาความของสถาบันตุลาการ 

ประการที่สี่ จะต้องมีผู้ตรวจการสำนักงานอัยการสูงสุด ในสังกัดของกระทรวงยุติธรรม เพื่อทำหน้าที่ตรวจราชการและการปฏิบัติของสำนักงานอัยการสูงสุดและข้าราชการอัยการเพื่อถ่วงดุลและคานอำนาจกับคณะกรรมการอัยการ เพื่อทำให้ความยุติธรรมดำเนินไปอย่างถูกต้องเที่ยงตรง 

สำนักงานอัยการสูงสุดกลายเป็นองค์กรอิสระ และเกิดผลดังที่เห็น ๆ กันอยู่ก็เพราะการปฏิวัติ ดังนั้นการกลับไปสู่สถานะเดิมเพื่ออำนวยความยุติธรรมในบ้านเมืองให้เป็นที่พึ่งของอาณาประชาราษฎรทั้งหลายก็ต้องกลับด้วยการปฏิวัติด้วยเช่นเดียวกัน!
 
 



#1194004 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:04

 

 

 

เห็นมีข่าวว่า แรมโบ้อีสาน ได้รับการปล่อยแล้ว
ออกมาแถลงทั้งนำ้ตา เลิกเล่นการเมือง จริงป่าวครัฟ

 
คุณทวด ‏@l0l93  8m  

 More


ปล่อยตัว แรมโบ้อีสาน โผกอดแม่ที่มารอรับน้ำตาซึม ประกาศเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต http://bit.ly/1mvgsS8  pic.twitter.com/1L9nJ1ZCp7
 


Boz_5KuIgAATGhn.jpg


แม่ทัพภาค2ปล่อยตัว "แรมโบ้อีสาน" แล้ว ประกาศเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต กลับไปดูแลแม่วัยชรา เมื่อ เวลา 21.00 น. กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการปล่อยตัว "แรมโบ้อีสาน" นายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำนปช. แล้ว ที่บริเวณประตูทางเข้ากองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยเจ้าตัวได้โผกอดมารดาที่มารอรับ พร้อมมีน้ำตาซึม นอกจากนี้ ยังกล่าวยืนยันว่าจะยุบ อพปช. ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต เพราะต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุข โดยขอไปเลี้ยงแม่ที่ชราภาพอยู่ที่บ้านอย่างคนทั่วไป
---------------------------------------เป็นข่าวจาก โซเชียลมีเดีย รอยืนยันจาก สำนักข่าวอีกครั้ง[/size]

สี่ห้าปีที่มันโผล่หัวออกมาทำชั่วต่างๆนานา
มันนึกว่ามันเล่นการเมืองเหรอ
น่าจะเรียกว่าก่อการร้ายซะมากกว่า
ตะกวดแม่มไม่เคยทำห่านอะไรกะไอ้ตัวนี้เลย

 

ผมเดา...เดานะครับ ว่ามันจำนนด้วยหลักฐานและข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้

พร้อมกันนี้ ความลับที่มันรู้ทุกอย่างมันจะต้องคายออกมา มันทำเพื่อเงินเท่านั้นแหละ

มีโอกาสกลับไปใช้เงินที่มันไถไอ้แม้วมา เรื่องอะไรมันจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง

 

ไอ้แม้วนะจบแล้ว จบเพราะลูกน้องแน่ๆ

 

มีโอกาสเดียวที่จะรอด เสนอตัวให้กันตัวเป็นพยาน แล้วซักทอดสาวไปถีงตัวใหญ่ ที่แอบบงการอยู่เบี้องหลัง

ไม่งั้นติดคุกหัวโตแน่นอน แต่ไม่รู้ทหารเขาจะยอมหรือเปล่า




#1193497 ฝากทั่น องค์รัฎฐาธิปัตย์พิจารณา ปตท. ด้วย

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:59

 

เอาโจทย์ง่ายๆก่อนครับ ค่อยๆทำจากง่ายไปหายาก
 
 
 

BabyAstro Piyamard[/size] shared [/size]คุยกับหม่อมกร's [/size]video.[/size]


8 hrs · 

 


50895_119534788243361_119534731576700_13

01:19




คุณมนูญ ยอมรับหน้าตาเฉยว่า “ราคาส่งออกถูกกว่าขายคนไทยเพราะส่งออกต้องแข่งขันกลับโรงกลั่นสิงคโปร์ จึงต้องขายคนไทยแพงกว่าเป็นเรื่องปกติ!!!”
คุณสุรวิทย์ เสรีชน ตอบคุณมนูญว่า "คนที่คิดแบบนี้ได้ คือ คนที่ผิดปกติ!!!" เพราะกลั่นเมืองไทย มลภาวะอยู่เมืองไทย แต่กลับต้องซื้อแพงกว่า แล้วจะกลั่นในเมืองไทยทำไม!!!

ผมว่าคุณสุรวิทย์พูดถูกนะ เพราะตามหลักเศรษฐศาสตร์ในตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์คือมีผู้ผลิตหลายราย(ไม่ใช่อย่างเมืองไทยที่ปตท.ถือหุ้นเกือบทุกโรงกลั่น) ผู้ผลิตจะขายแพงกว่าส่งออกไม่ได้ เพราะหากใครขายในประเทศสูงกว่าราคาส่งออก คู่แข่งจะตัดราคาลงมา เพราะคนที่ขายในประเทศไม่ออกก็จะต้องส่งออกไปขายต่างประเทศ
เช่น ราคาส่งออกน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 20 บาท/ลิตร หากโรงกลั่นใดขายให้คนไทย 22 บาทต่อลิตร ก็จะมีคนตัดราคาลงมาเพราะน้ำมันที่เหลือก็ต้องส่งออกที่ 20 บาท/ลิตรนั่นเอง ราคาส่งออกจึงเป็นราคาที่กำหนดราคาในประเทศสำหรับประเทศที่กลั่นน้ำมันได้ล้นเกินความต้องการอย่างประเทศไทย
สรุปให้คุณมนูญและกระทรวงพลังงานฟังชัดๆว่า การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ที่ผิดปกติก็คือราคาที่ขายให้คนไทยที่เรียกว่า ราคาหน้าโรงกลั่นนี่แหละ เพราะแพงกว่าที่ส่งออกขายพม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่ซาอุดิอาราเบีย!!!
ดังนั้น ประเทศใดขายสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศสูงกว่าราคาที่ส่งออกมากเท่าใด ก็เป็นเครื่องยืนยันว่ามีการผูกขาดตลาดในประเทศสูงขึ้นเท่านั้น แต่ดูจากสีหน้าท่าทางคุณมนูญแล้ว ผมแอบเชื่อจริงๆว่าท่านบริสุทธิ์ใจเพราะว่าท่านอาจจะอยู่กับการเอาเปรียบคนไทยด้วยกันมานานเกินไป จนเข้าใจว่าสิ่งที่ท่านพูดเป็นการเอาเปรียบที่ถูกต้อง!!! ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 84(5)อย่างชัดเจนที่ต้องสนับสนุนเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรมโดยอาศัยกลไกตลาด!!! ไม่ใช่ตลาดผูกขาดอย่างที่ ปตท.ทำ!!!
และที่สำคัญ สิ่งที่ผมพูดเป็นเศรษฐศาสตร์ของตลาดเสรีขั้นพื้นฐานที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณมนูญ ปตท และกระทรวงพลังงานไม่เข้าใจ!!!
ช่วยกันแชร์ให้ถึงคุณมนูญด้วยครับ เพื่อว่าท่านจะเกิดแสงสว่างในจิตใจขึ้นบ้าง!!!





Like ·  · =119534731576700&share_source_type=unknown]Share


 
แค่ทำให้ราคาน้ำมันที่ขายให้คนไทย เท่ากับราคาที่ส่งออกก่อนครับ

พอจะมี clip เต็มๆมั้ยครับ อยากดูตาคนนี้พูดทั้งหมด บอกตรงๆ ว่าช็อกมาก ไม่อยากเชื่อว่าพูดออกได้

 

ลิงค์ clip VDO ครับ

https://www.facebook...119534731576700

 

คนที่พูดชื่อ มนูญ ศิริวรรณ พูดในรายการ คมชัดลึก ครับ

 

คลิปเต็มทั้งรายการ เริ่มคลิปใน Facebook ประมาณนาทีที่ 57 ครับ


  • Gop likes this


#1193449 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:29

อัพเดทสถานการณ์ขณะนี้หน้า บ.ครับ

รถติดยาวเหยียดเลย

ปชช.มาโวยตำรวจที่ผิดถนนด้วยจะขอผ่านทาง

แต่..ตำรวจไม่ยอมเปิดทางให้

และผลเป็นอย่างในภาพครับ

 

 

ปอลิง...ภาพดูรกๆหน่อยน่ะครับ

ปอลิงเพิ่มเติม..ที่เห็นคืออยู่ในสภาพหยุดนิ่งน่ะครับ

จะขยับได้ก้อไม่เกินเมตรนึงแล้วก้อหยุดนิ่ง....สลับกันไป... ^_^

10418941_576646285782179_232777422373362

 

ท่าทางจะเจอตำรวจวางยา ให้ประชาชนด่าคสช 

คราวที่แล้ว ICT คราวนี้ตำรวจ 

ปิดถนนทำไม ไม่มีผู้ชุมนุมซักตัว ปิดไปก็ถูกด่าอยู่แล้ว

โดนวางยาแน่นอน

 

(เพื่มเติม)

อนุสาวรีย์ชัยฯมีความสำคัญ ขนาดจะต้องปิดถนนไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้ามาได้เลยหรือ

ถ้าเป็นทำเนียบหรือสภาก็ว่าไปอย่าง




#1193417 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:16

มุ่งหน้าจะไปอนุสาวรีย์ ขณะนี้...........โล่งโพดๆ

ไม่เข้าใจ ปิดการจราจรก่อนที่จะมีการชุมนุมทำไม

ทำไมไม่รอให้ผู้ชุมนุมมาก่อน แล้วค่อยปิด

แล้วค่อยเคลียร์คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกให้หมด แล้วค่อยปิดประตูตีแมว

 

จับมันทั้งหมด ด้วยพลาสติกรัดสายไฟ

มาเป็นร้อยก็จับทั้งร้อย มาเป็นพันก็จับทั้งพัน

ถ้าวางระบบดีๆก็จับได้หมดอยู่แล้ว

โดยแถวหน้าตั้งหน้ากระดานโล่รุกเข้าไปทุกด้าน ค่อยๆรุกจนประชิดตัวผู้ชุมนุม

แล้วจับผู้ชุมนุมทีละคน ดีงมาด้านหลังแนวโล่ แล้วก็ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลัง

จับมัดมือไพล่หลังมัดมือและมัดเท้าด้วยพลาสติกรัดสายไฟ ปล่อยให้นอนรอไปก่อน

ค่อยๆรุกคืบจับให้หมดก่อน แล้วค่อยกลับมาตักพลาสติกที่เท้าทีละคนแล้วต้อนขึ้นรถผู้ต้องหา

 

ถ้าทำแบบนี้จะเป็นระเบียบไม่มีการชุลมุน เด็ดขาดแต่ไม่รุนแรง

 

ตัวอย่างการจับด้วยพลาสติกรัดสายไฟ

arrestties.jpg




#1193392 คุณอยากให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:57

อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ รัฐบาลขิงแก่น่าจะตัวอย่างที่ดี

เมื่อลุกขึ้นมาทำแล้ว ต้องทำให้จบ เดี๋ยวจะมานึกเสียใจภายหลัง




#1193377 เขาถามว่า "ถ้าทหาร คอรัปชั่น คุณมีโอกาสรู้ หรือจะจัดการพวกนี้ยังไง"...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:47

คิดว่า วิธีการโกงคงไม่ซับซ้อนซ้อนเงื่อน เหมือนระบอบทักษิณครับ

อันนั้นโกงแบบบูรณาการณ์ โกงกันเป็นะระบบ ตอนคตส.จับโกงเขียน

ผังโยงไปโยงมาจนคนฟังอึ้งว่า ทำไมมันทำกันได้ซับซ้อนขนาดนี้

ขนาดนั้นยังหนีไม่รอด

คงไม่มีใครโกงได้เป็นระบบ และมีความซับซ้อนเท่าพวกนี้อีกแล้วครับ

ถ้ามีการโกงน่าจะถูกจับได้อยู่แล้ว และตอนนี้มีคนคอยเฝ้าระวังอยู่มาก

ถ้าทำจริงไม่น่ารอดครับ อย่าเพิ่งวิตกจริตจนเกินไปครับ




#1193063 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:57

 

 

2 ล้านล้าน กลับมาอีกครั้ง แต่..

ตั้งแต่เมื่อวานใครติดตามข่าว คสช.เศรษฐกิจ จะได้ยินว่า
จะมีการเอา "โครงการ 2 ล้านล้าน" กลับมาพิจารณา..

ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจครับว่า ตัวงาน จะมีการลงทุนต่อไปเพราะแผนมีมานานแล้ว
ส่วนสิ่งที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญคว่ำคือ ตัวเงิน หรือ กฎหมายกู้เงินนอกระบบงบประมาณ

ความจริงหากใครฟังสภาช่วงออกพรบ.กู้ 2 ล้านล้านบ่อยๆ 
หรืออ่านโพสต์ของอดีตสส.ประชาธิปัตย์ จะเห็นว่าเราย้ำเสมอมาว่า
"เราเห็นด้วยกับการลงทุน" นั่นคือ เราสนับสนุนให้เกิดตัวงาน
แต่ "เราไม่เห็นด้วยกับการใช้เงินนอกระบบ" นั่นคือสาเหตุที่เรายื่นศาลว่าการกู้มิชอบ

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาดูไส้ในของ แผนการลงทุน และโครงการต่างๆ
ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เอามาบรรจุแพคเกจ 2 ล้านล้านใหม่นั้น ก็ล้วนแล้วแต่
เป็น โครงการลงทุน ที่มีมานานแล้ว บางโครงการมีค้างอยู่แผนของคมนาคม
มาแล้วย้อนไป 7 รัฐบาล เช่น รถไฟรางคู่ ก็มีแผนมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชวน
เริ่มสร้างได้หลายร้อยกิโล แต่รัฐบาลไทยรักไทย ก็ชะงักแผนลงไป กว่าจะมา
เริ่มสรา้งใหม่อีกครั้งได้รอถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก่อนยุบสภายังอนุมัติแผนให้สร้างต่อ
แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไปชะงักแผนนั้นอีกรอบ แต่อยู่ๆ ก็ไปควักแผนที่จะต้องลงทุน
ในระบบงบประมาณออกไปใส่ในแพคเกจ 2 ล้านล้านที่เป็นเงินนอกระบบงบประมาณ

แผนรถไฟความเร็วสูงก็มีมาตั้งแต่ตอนประชุมร่วมรัฐสภา ปี 53 รัฐบาลอภิสิทธิ์
เล็งไว้แล้วว่าจะเชื่อมโลก หนองคายเชื่อมจีน ถึง ปาดังฯ เชื่อมสิงคโปร์
แต่
พอมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำแพคเกจ 2 ล้านล้าน เน้นสร้างไปถึงเชียงใหม่ก่อน
แล้วตัดสายสำคัญเหลือแค่ โคราช ถึงหัวหิน แบบนี้เชื่อมโลกตรงไหนครับ

แถมทั้งหมดในแผนโครงการลงทุน ที่ควักในระบบดีๆ ออกมากู้ 2 ล้านล้านนอกระบบ
แทบทุกโครงการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์หยิบออกมา แพงกว่าเดิมอย่างน่าสังเกต 
ไม่ใช่แค่แพงตามต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น แต่กลับเป็นค่าที่ปรึกษาที่เพิ่มอย่างน่าเกลียด

สรุปสั้นๆ ครับว่า โครงการ 2 ล้านล้านที่ คสช.จะเอากลับมาปัดฝุ่น คือ
แผนลงทุนของคมนาคมที่มีอยู่นานแล้ว ไม่ใช่ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
และขอย้ำเพื่อไม่ให้คนเข้าใจผิดว่า คสช.จะกู้ 2 ล้านล้านแบบยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ครับ
เขาแค่จะลงทุนสร้างสิ่งที่ยิ่งลักษณ์เคยจะสร้างด้วยเงินกู้นอกระบบ แต่คราวนี้มาทำในระบบ

ทั้งหมดนี้ เห็นมีหลายคนเริ่มเคลมว่าเป็นผลงานรมต.ถุงโจ๊ก เห็นแล้วก็ขำ..

.....................................................................................................................

 

ใจจริงผมคิดว่า คสช.ควรตัดคำว่า 2 ล้านล้านบาทออกไปเลยครับ และเน้นคำสื่อฯว่า 2 ล้านล้านบาทไม่มีแล้ว

 

อยากให้ใช้คำว่า จะเริ่มโครงการพื้นฐานทั้งไทยที่ควรทำทั้งหมด เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน  :)

 

 

เห็นด้วยครับที่จะเรียกชื่อใหม่ เป็น "โครงการ โครงสร้างพิ้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศ"

ฟังดูดีกว่าโครงการเงินกู้2ล้านล้าน ที่มีรายละเอียดโครงการไม่กี่แผ่นเยอะครับ




#1192846 สนับสนุนโครงการ 2 ล้านล้าน

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:51

ตอนนี้เขาเตรียม ทำงบประมาณปี58 และในงบประมาณประจำปี มันมีงบลงทุนอยู่ด้วย

ถ้าไม่เอาโครงการลงทุนทั้งหมดมาศึกษา เลือกว่าจะลงทุนในโครงการไหนดี

โครงการไหนคุ้มค่าที่สุด โครงการไหนยังไม่จำเป็นต้องรีบทำ ถ้าไม่เรียกมาศึกษาให้

ละเอียด รอแต่ให้หน่วยงานเสนอเพื่อเซ็นอย่างเดียว ก็จะถูกหลอกให้เซ็นได้นะ




#1192689 เอาใจช่วยกันหน่อยครับพี่น้อง-วัชรพลขึงขัง ปฏิรูปตำรวจ ยึดโยง‘ปชช.’

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 05:03

วสิษฐ เดชกุญชร (Vasit Dejkunjorn)  
 
ปฏิรูปตำรวจ : ปัญหาโลกแตก (1)
16 เมษายน 2014 เวลา 10:11 น.

 

ปฏิรูปตำรวจ :
ปัญหาโลกแตก (1)                                                                                  โดย
วสิษฐ เดชกุญชร

                อาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่อาภัพที่สุดอาชีพหนึ่ง  คนที่ตะเกียกตะกายอยากเป็นตำรวจนั้น โดย
หลักการก็คือผู้ที่รักการผจญภัย
เต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเสี่ยงอันตรายเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของ
ผู้อื่นให้พ้นจากโจรภัย 
ตำรวจจึงควรเป็นผู้ที่ชาวบ้านรัก แต่เอาเข้าจริง ๆ
ตำรวจกลับเป็นผู้ที่คนส่วน มากเกลียดกลัว ไม่อยากเข้าใกล้ 
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตำรวจเป็นจำนวนไม่น้อยใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตน หากินโดยมิชอบ
รีดไถบังคับเอาทรัพย์เอาประโยชน์แม้จากสุจริตชนที่ไม่มีความผิด

                ตำรวจถูกรังเกียจอยู่แล้ว
เมื่อเอาตำรวจไปใช้ในรูปของการบังคับ เช่นในการปราบจลาจลหรือ ควบคุมฝูงชน
อย่างที่รัฐบาลเคยทำมาแล้ว ประชาชนจึงยิ่งรังเกียจตำรวจมากขึ้น  รัฐบาลหลายชุด พยายามที่จะแก้ไขหรือปฏิรูปตำรวจ
แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

                ในเดือนพฤศจิกายน
พ.ศ.2549 สมัยที่ พล.อ. สุรยุทธ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี  ผมได้รับ
แต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ  คณะกรรมการชุดนั้นเป็นชุดใหญ่ มี จำนวนกรรมการถึง
28 คน 
มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทั้งในและนอกราชการร่วมเป็นกรรมการหลายคน
รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย  แบ่งออกเป็นคณะอนุกรรมการ
4-5 คณะตามลักษณะของงาน  ก่อนการประชุมมีการสำรวจและรับฟังความเห็นของประชาชนทั่วประเทศ  คณะกรรมการใช้เวลา ประชุมอยู่ประมาณหนึ่งปีก็ทำงานเสร็จ
โดยร่างเป็นกฎหมาย 2 ฉบับเสนอนายกรัฐมนตรี 
ฉบับหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน  อีกฉบับหนึ่งเป็นร่างกฎหมายว่า ด้วยคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับตำรวจ  นายกรัฐมนตรีนำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วจึงส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา
ก่อนที่จะเสนอรัฐสภา   

                ความพยายามของคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจนั้น
พอเริ่มต้นก็ได้รับการคัดค้านเสีย แล้ว 
ผู้คัดค้านก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตำรวจนั่นเอง การคัดค้านทำอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ในเดือนกรกฎาคม 2550
พันตำรวจเอกผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการคัดค้านทำหนังสือประท้วงถึงและขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี  นายกรัฐมนตรียอมให้คณะผู้คัดค้านเข้าพบ
และยอมให้มีการแก้ไขในคณะกรรมการกฤษฎีกา 
ผู้บัญชา การตำรวจแห่งชาติจึงแต่งตั้งคณะทำงาน มี พล.ต.อ.สวัสดิ์
อมรวิวัฒน์ เป็นประธาน ยกร่างกฎหมาย เสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา แข่งกันกับร่างของคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ  ในที่สุดคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงได้ร่างกฎหมายสุดท้าย
(อันเป็นผลของการยำใหญ่ร่างทั้งของคณะ กรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจแห่งชาติและร่างของคณะผู้คัดค้าน)  ซึ่งรัฐบาลได้เสนอให้สภานิติ บัญญัติพิจารณาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน
2550

                ในขณะเดียวกัน
ผู้คัดค้านยังทำการรณรงค์อย่างแข็งขัน ด้วยการวิ่งเต้นขอพบสมาชิกสภานิติ
บัญญัติแห่งชาติ เพื่อผลักดันให้ช่วยคัดค้านร่างกฎหมายตำรวจ
และเมื่อปรากฏว่าสภารับหลักการและ
ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนั้น
ผู้คัดค้านก็ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง กลาง ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินและสั่งคุ้มครองชั่วคราว
แต่ศาลยกคำร้อง ด้วยเหตุผลว่าเป็นอำนาจของ
คณะรัฐมนตรีที่จะเสนอร่างให้สภาพิจารณาได้

 

                จะเป็นเพราะการคัดค้านอย่างสุดเหวี่ยงหรือไม่ก็ตาม
ประจวบกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะหมดอายุลง
และสภายุติไม่รับพิจารณาร่างกฎหมายต่อไปอีกในตอนปลายเดือนธันวาคม 2550
ความพยายามที่จะปฏิรูปตำรวจในสมัยของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
จึงจบลงเพียงเท่านั้น

                หลังจากนั้น
พันตำรวจเอกผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการคัดค้านการปฏิรูปตำรวจได้ออกหนังสือเวียน
ถึงตำรวจตั้งแต่ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงไปจนถึงสารวัตรทั่วประเทศ  นอกจากจะ
ประณามคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจด้วยถ้อยคำหยาบคายแล้ว
ผู้ออกหนังสือเวียนยังขอรับ บริจาคเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ
“ล้มการปรับโครงสร้างตำรวจ” โดยอ้างว่าได้ออกเงินส่วนตัวไปแล้ว กว่าหนึ่งแสนบาท  มีผู้บริจาคเงินตามที่ขอหลายสิบราย รวมเป็นเงินหลายแสนบาท  ผู้บริจาคบางคนก็ คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภาค (ในสมัยนั้น) หลายคน  บางคนเป็นกรรมการอยู่ในคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจด้วย

                พอถึง
พ.ศ.2552 สมัยรัฐบาลที่มีคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
คุณอภิสิทธิ์ก็แต่งตั้ง ผมให้เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปงานตำรวจอีก  แต่คราวนี้รัฐบาลกำหนดอายุของตนเองไว้เพียง
หนึ่งปี ก่อนที่จะยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไป  คณะกรรมการจึงมิได้มีการเสนอการปฏิรูปใหม่ แต่
ได้หยิบยกเอาบางประเด็นของการปฏิรูปเดิมเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นประเด็น ๆ ไป
และแทนที่จะนำเข้า สภาผู้แทนราษฎร
คุณอภิสิทธิ์ก็รับเอาข้อเสนอบางข้อที่ท่านเห็นชอบไปสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้
รับปฏิบัติ ในฐานะที่ท่านเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ  สมัยนั้นจึงมีการ “ปฏิรูป”
ตำรวจอยู่บ้างในบางด้าน

                ในเดือนกรกฎาคม
พ.ศ.2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งพันตำรวจ
เอกผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการคัดค้านการปฏิรูปตำรวจเมื่อปี 2550-2551
เป็นประจำสำนักเลขาธิการนายก รัฐมนตรี 
ถึงตอนนั้นผมจึงได้เข้าใจว่าการปฏิรูปตำรวจที่แล้วมาไม่สำเร็จเพราะใครและเพราะอะไร.

               

ที่มา : https://www.facebook...151955809951296




#1192653 ผมว่า อเมริกา มันต้องเล่นเราแน่

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:50

ตอนนี้เมกาไม่กล้าเล่นงานเราตรงๆอยู่แล้ว แต่ให้ระวังมันจะเล่นใต้ดินนะครับ

พวก hedge fund ส่วนใหญ่สัญชาติเมกาทั้งนั้น และตอนนี้เงินในคลัง

โดนระบอบทักสินถลุงจนแทบเกลี้ยงคลัง ควรเตรียมรับมือเผื่อมันจะชกใต้เข็มขัดด้วยครับ




#1192392 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:20

10373994_697278746984796_506909261076566

adslthailand.com ‏@adslthailand 2h

สรุปแล้วเกิดจากอินเตอร์เน็ต เกตเวย์ ฝั่งสิงคโปร์ ทำงานผิดพลาด ไม่มีใครบล็อคแต่ประการใด... http://fb.me/1qAy1zGJj

 

 

อยากถามว่านักข่าว มันเคยแสดงความรับผิดชอบอะไรมั๊ยicon_soldier42.gif

ตอนนี้ฝุ่นยังตลบอยู่ครับ ยังไม่รู้ว่าใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง

รอฝุ่นจางก่อน เดี๋ยวก็รู้ครับว่าความจริง คีออะไร

 

แต่คนที่ไม่น่าเชื่อใจมากที่สุด คือคนที่พูดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาถึง 4 หนครับ 




#1192292 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:31

เห็นในเฟสฯ มีคนแชร์มาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่กล้าเอามาแปะ เพราะไม่รู้จักคนที่เริ่มแชร์

 

ข่าวด่วนคร้าาาา รอการยืนยัน '''
*****ครม.คุณภาพ.เต็มแก้ว***** และตามด้วยชื่อนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรีทั้งคณะ

 

ไม่รู้ว่าเป็นการจิ้นไปเองป่าว รายชื่อแต่ละคนเป็นที่รู้จักดี ก็อปไว้แล้ว แต่น่าจะมั่วมากกว่า มีใครได้รับบ้างไม๊เอ่ย

ยังไม่เห็นประกาศอย่าเพิ่งเชื่อครับ