คนเล็กของเล่นใหญ่

รันกันเป็นสิบกว่าหน้าแค่วันเดียว ไล่อ่านกันไม่ทัน 

แต่ไม่รู้ทุุกคนรู้สึกเหมือนผมสักกี่คนนะ

คือมีความรู้สึกว่า มันไม่มีส่วนร่วมเหมือนตอนลุงกำนัน เหมือนเราเป็นกองเชียร์ทหารอย่างเดียว

บอกตรงๆ ผมคิดถึงมวลมหาประชาชน และ กปปส มากๆ ผมไม่อยากให้ทหารออกมาแนวนี้เลย อยากให้พวกเขาแค่แสดงตัวว่าสนับสนุนประชาชนก็พอแล้ว ไม่อยากให้ออกมาลงมือเองแบบนี้

ตอนนั้นถ้าท่านประยุทธ์บอกว่าทหารจะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน แล้วจะสนับสนุนกำนันสุเทพโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ให้ กปปส ตั้งสภาปฏิรูป แล้วหานายกฯคนกลาง 

ทหารก็ไม่ต้องออกมาเป็นเป้าแบบนี้แล้ว

ผมยังเชื่ออีกว่า ทหารจะควบคุมสถานการณ์ได้แค่ช่วงแรกๆนี้เท่านั้น เมื่อใดที่พวกเสื้อแดงจุดกระแสติด คนมาเยอะขึ้น ทหารเอาไม่อยู่แน่นอน นอกจากจะยิงพวกมัน

สู้ให้มวลมหาประชาชนออกมาอยู่หน้าทหารจะดีกว่า พวกเสื้อแดงมันไม่กล้าแน่นอน อย่างดีก็ลอบกัดเหมือนที่ผ่านๆมาเท่านั้น 

ผมสังหรณ์ใจนะ ว่าระยะยาวมันไม่สวยงามและไม่ง่ายเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านมาแน่นอน การสั่งปิดเฟซบุค และเหตุการณ์ที่อนุสาวรีย์วันนี้มันเพียงแค่ซ้อมย่อย

รอดูกันครับ

เรื่องเข้าเว็บ Facebook ไม่ได้ เพราะ มีปัญหามาจาก Gate way นั้น คนในวงการ internet นั่งหัวเราะจนฟันหลุดไปแล้ว

 

เพราะ ถ้า Gateway ล่ม เว็บอื่นมันก็ต้องเข้าไม่ได้ ด้วย แต่นี่มันเข้าไม่ได้ที่เดียว

 

ดังนั้นใครๆ ก็พอเดาได้ ว่ามันมาจากความพยายาม ในการทำอะไรบางอย่าง กับ facebook ของใครบางคน เพื่อ วางยา คสช.

 

ผมอยากให้ คสช. เรียกผู้เชี่ยวชาญด้าน ไอที จาก ที่อื่นๆ มาสอบสวนกรณีนี้ เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงทางเทคนิค ว่ามันเกิดจากอะไรได้บ้าง

 

อย่าฟังแต่ พวก ผู้บริหาร เพราะ พวกนี้ไม่ได้ มีความรู้ทางเทคนิค พอที่จะอธิบายอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลได้ !!!!

มีปัญหาที่เกทเวย์ ก็ข้ามไปที่เมเจอร์ก็ได้นี่ครับ อยู่ไม่ไกลกัน เดินนิดเดียว

หรือจะไปหาความรู้ที่ท้องฟ้าจำลอง หรือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ก็ได้ ไม่เห็นจะยาก 

ว่าแต่คงไม่ใช่ที่ดิจิตอลเกทเวย์ใช่มั้ยครับ

 

MT“@UDD_English: UDD co-leaders well being - tk - but aren't u suppose to released them tmr? 7 days? pic.twitter.com/GDOPczhUxc”

เอม นภพัฒน์จักษ์ ‏@noppatjak 15m

คุยกับหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยึดอำนาจ และถูกควบคุมตัวชั่วคราว ไว้โอกาสเอื้ออำนวยคงได้เผยแพร่เต็มที่

เอม นภพัฒน์จักษ์ ‏@noppatjak 30m

ศิริโชคเล่าว่าช่วงก่อนยึดอำนาจ ประยุทธ์-สุเทพ-จตุพร แยกคุยสามคน พอทุกคนหันไปดู พล.อ.ประยุทธ์ก็หันมาบอกว่า

"ไม่มีอะไรคุยเรื่องห้องน้ำเหม็น"

 

 

ผมสนใจมากว่า 3 คนนี้คุยอะไรกัน ก่อน ผบ.จะประกาศยึดอำนาจหลังจากนั้น

แต่คิดว่า เราอาจไม่มีโอกาสได้รู้ตลอดชีวิตนี้ก็เป็นได้(ก็ไม่แน่ อยู่ที่ว่าเป็นสัญญาลูกผู้ชายหรือไม่)....

ถ้าคางคกมีลูกตุกติก รัฐประหาร 57 แม้วก็จะเจอตู่x2, หลังจากปี 49 เจอ สนธิx2

 

 

อ้าวเฮ้ย  อำมาตย์เต้นได้นอนห้องแอร์(เห็นมีผ้าห่มคลุม)  .. ทีกำนัน และพวก กปปส. นอนห้องธรรมดาและบ่นว่าร้อน

...

 

ผมน่ะ สงสัยและคิดว่า ในกลุ่มเสื้อแดง หรือในกลุ่มแกนนำรัฐบาล จะต้องมีสักคนที่เป็นสายให้ กปปส. เรียกง่ายๆคือเป็นจารชนที่แฝงตัวแบบเนียนมากอยู่ในพวกชินวัตร ตามการคาดเดาของผมน่าจะเป็นหนึ่งในสามคนนี้ คือเฉลิม ธาริต และตู่จตุพร ตลอดมาผมจะให้น้ำหนักที่เฉลิมมากท่สุด แต่เจอชอตที่ศิริโชคเอามาเปิดเผย ก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่แน่ อาจเป็นจตุพร

ต่อจากนี้ พี่ตู่คงมีอะไรที่ทำแล้วถูกใจ หรือไม่ถูกใจกันบ้าง ก็ขอให้อดทนกันไป ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจริงๆ ผมว่าต้องให้กำลังใจและรอดูฝีมือกันไปแหละ

ส่วนตัวผมคงฝากความหวังแค่เรื่องล้างบางระบอบชินวัตรก็พอ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ผมไม่หวังอะไร ถ้าทำได้ดีก็ถือว่าเป็นกำไรของประเทศไทย

อ่อ แล้วก็รอเรื่องปฏิรูปด้วย ท่ีสำคัญที่สุดคือเรื่องสภาปฏิรูป ต้องไม่เข้าอีหรอบเดิมประเภทสภานิติบัญญัติแห่งชาติสมัย คมช. เพราะประชาชนแทบไม่มีส่วนร่วมอะไรเลย 

 

 

บริบทที่คล้ายๆกัน

 

ใครยังจำปี 49 ได้มั้ยครับ เริ่มที่สนธิลิ้ม จบที่สนธิบัง 

 

มา่ปี 57 เริ่มที่สุเทพ จบที่ประยุทธ์ 

 

แต่สิ่งที่แตกต่างคือ สนธิลิ้ม มีความเกี่ยวข้องกับทักสินก่อนที่จะแตกคอกันภายหลัง ส่วนสนธิบังมาเป็นขี้ข้าทักสินภายหลังการรัฐประหาร

 

แต่คู่ สุเทพ + ประยุทธ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบอบทักสินเลย

 

และที่สำคัญที่สุด คือวิธีการ การปฏิบัติ คู่หลังเรียกว่าได้ใจประชาชนเต็มๆ ไม่มีสักชอตเลยที่ทำออกมาแล้วถูกด่า หรือถูกวิจารณ์ว่าไม่เข้าท่า

 

แต่คู่แรกนี่ทำอะไรก็ไม่สุดสักอย่าง แป๊ะลิ้มนั้นโหนเจ้า ดึงสถาบันลงมาจนเปรอะไปหมด จนทำให้สถาบันถูกโจมตีไม่หยุดหย่อนในทุกวันนี้ (ผมน่ะเคยคิดว่าแกรับงานทักสินมาเพื่อล้มล้างสถาบันเลยด้วยซ้ำ) แล้วก็ผลักมิตรไปเป็นศัตรูเยอะแยะ ขนาด ดร.สมเกียรติแกยังรังเกียจ ไม่เอาด้วย ตอนนั้นผมก็มอง ดร.สมเกียรติในทางลบ แต่เมื่อเห็นแกออกมาเคลื่อนไหวกับ กปปส.แล้ว ผมเชื่อแกอย่างสนิทใจ ตอนนั้นแกพูดถึงแป๊ะลิ้มยังงัย้าง ต้องรีบกลับไปหามาดูเลยทีเดียว

 

ส่วนสนธิบัง รัฐประหารแล้วก็ไม่เด็ดขาด ทำอะไรไม่สุดสักอย่าง ผมไม่ตำหนิเรื่องรัฐบาลสุรยุทธ์ เพราะเมื่อเลือกให้เขามาเป็น นายกฯแล้ว บิ๊กบังก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอะไรในสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นสนธิบัง มีอำนาจเพียงพอที่จะกวาดล้างระบอบทักสินได้ แต่ก็ไม่ทำ ก่อนที่จะตั้งรัฐบาลสุรยุทธ์ขึ้นมา

 

แต่ก็อย่างว่า ถ้ามองให้เป็นธรรมสักหน่อย ตอนนั้นก็คงไม่มีใครคิดว่าทักสินมันจะระยัมตำบอนขนาดนี้ ตอนนั้นยังไม่มีเสื้อแดง ยังไม่มีเหตุการณ์ปี 52 53 พวกระบอบทักสินชั่วๆก็ยังไม่แสดงตัวสุดๆขนาดนี้ ผมว่าถ้าลุงตู่ประยุทธ์ไปอยู่ตรงนั้นแทนบิ๊กบัง ก็คงทำไม่ต่างกันในตอนนั้น 

 

เพราะไม่มีใครคิดว่าทักสินมันจะดื้อด้านขนาดนี้ ปกติทั่วไปที่ผ่านๆมา การเมืองไทยเขารู้ว่าจุดไหนเขาแพ้ เขาก็จะหยุดสู้ จะไม่ยอมให้มีประชาชนตายหรือประเทศชาติเสียหายเด็ดขาด เจอทักสินนี่ พลิกตำราสู้กันไม่ทัน 

 

ถึงเวลานี้ผมว่าเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะกวาดล้างระบอบทักสิน ผมยังไม่ขอบคุณบิ๊กตู่นะครับ เพราะใจนึงผมก็ยังกลัวว่าบิ๊กตู่จะทำอะไรไม่สุดเหมือนเดิม ที่สำคัญ แหวนของมอรอนวงนี้ที่เรียกว่าอำนาจ จะเปลี่ยนบิ๊กตู่ไปเหมือนบิ๊กจ๊อด หรือบิ๊กสุหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ เพราะส่วนตัวมีความคิดเสมอว่า ใครก็ตามที่เข้ามาได้ลิ้มรสอำนาจ ไม่มีทางที่จะกลับออกไปเหมือนตอนที่จะเข้ามา 

 

ก็หวั่นไอ้ตัว "อำนาจ" นี่อยู่เหมือนกัน...

แต่ยังเชื่อว่าคนดีจะไม่มีวันหมดไปจากกรุงศรีอยุธยาฉันใด... 

ข้าก็ยังจะหวังอีกครั้งกับ บิ๊กตู่ ว่า คนนี้ล่ะ ใช่แล้ว... 555

 

สมเพชพวกปั้นนําเป็นตัวว่ะทุเรศสิ้นดีถ้าสนธิขี้ข้าแม้วจริงสนธิคงไม่ออกมาต้านแม้วแล้วตอนนั้นใครกล้าจะมาต้านแม้วไม่มีสนธิลิ้มก็ล้มแม้วไม่ได้หรอกแล้วไอ้พวกที่หาว่าสนธิบังเยี่ยวไม่สุดเพราะสนธิลิ้มเอ๊งก็ไปดูอดีตมั่งรายการเมืองไทยรายสัปดาห์พอเห็นว่้าไอ้สนธิบังกับขิงเน่าเยี่ยวไม่สุดสนธินี่แหละด่าสนธิบังและขิงเน้าเป็นคนแรกแล้วพวกปชปและส่าวกตอนนั้นไปมุดรูไหน

 

สมเพชเวทนาไอ้พวกเสี้ยมแบบอคติจังว่ะ

 

ผมดีใจมากเลยครับที่ได้รับเกียรติจากท่านพัด คนดังแห่งบอร์ดเสรีไทย เห็นหายกระบาลไปนาน แล้วมาโควทของผมเนี่ย ดีใจจริงๆครัช 

บริบทที่คล้ายๆกัน

ใครยังจำปี 49 ได้มั้ยครับ เริ่มที่สนธิลิ้ม จบที่สนธิบัง 

มา่ปี 57 เริ่มที่สุเทพ จบที่ประยุทธ์ 

แต่สิ่งที่แตกต่างคือ สนธิลิ้ม มีความเกี่ยวข้องกับทักสินก่อนที่จะแตกคอกันภายหลัง ส่วนสนธิบังมาเป็นขี้ข้าทักสินภายหลังการรัฐประหาร

แต่คู่ สุเทพ + ประยุทธ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบอบทักสินเลย

และที่สำคัญที่สุด คือวิธีการ การปฏิบัติ คู่หลังเรียกว่าได้ใจประชาชนเต็มๆ ไม่มีสักชอตเลยที่ทำออกมาแล้วถูกด่า หรือถูกวิจารณ์ว่าไม่เข้าท่า

แต่คู่แรกนี่ทำอะไรก็ไม่สุดสักอย่าง แป๊ะลิ้มนั้นโหนเจ้า ดึงสถาบันลงมาจนเปรอะไปหมด จนทำให้สถาบันถูกโจมตีไม่หยุดหย่อนในทุกวันนี้ (ผมน่ะเคยคิดว่าแกรับงานทักสินมาเพื่อล้มล้างสถาบันเลยด้วยซ้ำ) แล้วก็ผลักมิตรไปเป็นศัตรูเยอะแยะ ขนาด ดร.สมเกียรติแกยังรังเกียจ ไม่เอาด้วย ตอนนั้นผมก็มอง ดร.สมเกียรติในทางลบ แต่เมื่อเห็นแกออกมาเคลื่อนไหวกับ กปปส.แล้ว ผมเชื่อแกอย่างสนิทใจ ตอนนั้นแกพูดถึงแป๊ะลิ้มยังงัย้าง ต้องรีบกลับไปหามาดูเลยทีเดียว

ส่วนสนธิบัง รัฐประหารแล้วก็ไม่เด็ดขาด ทำอะไรไม่สุดสักอย่าง ผมไม่ตำหนิเรื่องรัฐบาลสุรยุทธ์ เพราะเมื่อเลือกให้เขามาเป็น นายกฯแล้ว บิ๊กบังก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอะไรในสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นสนธิบัง มีอำนาจเพียงพอที่จะกวาดล้างระบอบทักสินได้ แต่ก็ไม่ทำ ก่อนที่จะตั้งรัฐบาลสุรยุทธ์ขึ้นมา

แต่ก็อย่างว่า ถ้ามองให้เป็นธรรมสักหน่อย ตอนนั้นก็คงไม่มีใครคิดว่าทักสินมันจะระยัมตำบอนขนาดนี้ ตอนนั้นยังไม่มีเสื้อแดง ยังไม่มีเหตุการณ์ปี 52 53 พวกระบอบทักสินชั่วๆก็ยังไม่แสดงตัวสุดๆขนาดนี้ ผมว่าถ้าลุงตู่ประยุทธ์ไปอยู่ตรงนั้นแทนบิ๊กบัง ก็คงทำไม่ต่างกันในตอนนั้น 

เพราะไม่มีใครคิดว่าทักสินมันจะดื้อด้านขนาดนี้ ปกติทั่วไปที่ผ่านๆมา การเมืองไทยเขารู้ว่าจุดไหนเขาแพ้ เขาก็จะหยุดสู้ จะไม่ยอมให้มีประชาชนตายหรือประเทศชาติเสียหายเด็ดขาด เจอทักสินนี่ พลิกตำราสู้กันไม่ทัน 

ถึงเวลานี้ผมว่าเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะกวาดล้างระบอบทักสิน ผมยังไม่ขอบคุณบิ๊กตู่นะครับ เพราะใจนึงผมก็ยังกลัวว่าบิ๊กตู่จะทำอะไรไม่สุดเหมือนเดิม ที่สำคัญ แหวนของมอรอนวงนี้ที่เรียกว่าอำนาจ จะเปลี่ยนบิ๊กตู่ไปเหมือนบิ๊กจ๊อด หรือบิ๊กสุหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ เพราะส่วนตัวมีความคิดเสมอว่า ใครก็ตามที่เข้ามาได้ลิ้มรสอำนาจ ไม่มีทางที่จะกลับออกไปเหมือนตอนที่จะเข้ามา 

ข่าวคุณอี้นี่ ตัวจริงแกหรือเปล่าที่ทวีต 

ถ้าจริงก็น่าเสียดายนะครับ ผมมองว่าแกมีอนาคตไกลมากแท้ๆ

ถ้าจริง ก็แสดงว่า แกไม่เข้าใจอะไรเลยว่าทำไมบ้านเมืองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

เสียดายจริงๆครับ เสียดายมาก

มันเศร้าตรงที่ ยังไม่ได้ร่ำลากับพี่น้อง และแกนนำเลย มันหักมุมหักอารมณ์กันไปหน่อย 

คิดแล้วใจหาย สู้กันมาเกือบจะเจ็ดเดือน บทสรุปเป็นแบบนี้ บอกตรงๆ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยเลย แต่บิ๊กตู่ทำถูกแล้ว ถ้าต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย

สิ่งสำคัญคือต่อจากนี้ ทหารมีแนวทางอย่างไรกับเผือกร้อนก้อนนี้ กำนันน่ะแกสบายแล้ว หมดหน้าที่แกแล้ว 

การยึดอำนาจ มันออกได้สองหน้า แม้จะล้มอำนาจรัฐบาลชั่วได้ แต่ก็อย่าลืม ทักสินก็ได้ประโยชน์ด้วยมากมาย แต่ยังดีที่คดีความไปอยู่ที่ศาลอาญาของนักการเมืองไปเยอะแล้ว 

หวังว่าทหารคงเอาบทเรียนสมัยปฏิวัติ 49 มาใช้นะครับ งานนี้ต้องเด็ดขาด ต้องจับกุมแกนนำ ยึดทรัพย์ พวกเสื้อแดงและตระกูลชินวัตร นักการเมืองขี้ข้าให้หมด 

สำคัญคือตำรวจ ต้องเอาพวกตำรวจชั่วออกไปให้หมด

หวังว่าจะไม่สูญเปล่า แต่ผมเชื่อว่า ประยุทธ์จันท์โอชา แกวางแผนไว้ทุกขั้นทุกตอนแล้ว และคงจะเป็นไปในทางที่ดี

แต่งานนี้พูดกันได้ไม่เต็มปากแล้วล่ะครับ ว่าเป็นชัยชนะของประชาชน (ถ้าจะจบแบบนี้ น่าจะปฏิวัติไปตั้งแต่ต้นปีแล้วไม่ดีกว่าหรือ)

วันนี้ผมไปภูเก็ตมา ตอนไปนั่งทานข้าว ได้ยินคนที่นั่นพูดกันว่า ทหารทำแบบนี้เหมือนหาทางลงให้กำนันมากกว่า ทำนองว่าถึงยังงัยก็คงไม่ชนะอย่างแน่นอนเนื่องจากลำพังตัวกำนัน และ กปปส. เอง ถึงตั้งนายกคนกลางขึ้นมา ก็คงไม่ได้รับการยอมรับและความวุ่นวายก็ไม่จบ

ทหารก็เลยหาทางออกให้กำนันยุติบทบาทไป ส่วนจะแตะมือแล้วดำเนินการต่อหรือเปล่านั้น ก็ยังต้องรอดูกันไป

นี่แกะออกมาจากสำเนียงใต้น่ะนะฮะ

ผมไปภูเก็ตหนนี้ เจอรถแปะสติกเกอร์ลายธงชาติ เยอะมากๆ ผมว่าถ้าเฉลี่ยแล้ว จะเยอะกว่า กทม หลายเท่านัก ขนาดที่ อบต เทพกษัตรีที่ผมไปติดต่อเรื่องงาน ยังมีติดที่รถต่างๆของ อบต เยอะแยะเต็มเลย 

ส่วนผมเองเอาริบบิ้นผูกติดไว้กับกระเป๋าสะพายตลอด รู้สึกอุ่นใจสามารถแสดงออกได้เต็มที่ รู้สึกดีจริงๆครับ

ต้อม นักเดินทาง
06.40 น. เสื้อแดงโวย ! ทหารปิดสถานีโทรทัศน์ในเครือ แต่ปล่อยช่องบลูสกายออกอากาศได้ ล่่าสุด ! พนักงานวอยส์ทีวี ไม่สามารถเข้าตึกได้ เนื่องจากถูกทหารบล็อค

ต้องปิดสื่อที่มีทีท่าว่าจะบิดเบือนข่าวสารก่อน ทหารทำถูกต้องแล้วครับ ไปฟังช่อง 9 ช่อง 11 ก็ได้ ถ้ายังอยากดูข่าวจากสื่อเสื้อแดง

อยากให้เขาประกาศห้ามไปทำงานสักสองอาทิตย์จัง ฮิฮิ

จริงๆตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรัฐประหารเลย เพราะรัฐบาลนั้นเป็ดง่อยอยู่แล้ว การประกาศกฎอัยการศึกจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น 

สงสัยพี่ตู่ยุทธ์คงเห็นแล้วจากสถานการณ์เมื่อวาน ที่สว.หารือกับรัฐบาลเป็ดง่อยไม่ลงตัว และสัญญาณจากทักสินที่บอกว่าผมไม่ถอย และการข่าวคงมีกลิ่นอะไรตุๆด้วย เลยตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึก

การที่ทหารไปขอเกี่ยวสัญญาณทางทีวีเนี่ย ทำไมมันดูง่ายกว่าตอนมวลมหาประชาชนไปขอเกี่ยวสัญญาณนักล่ะ อั้ยพวกสื่อพวกนี้สงสัยต้องให้ติดอาวุธถึงจะยอมร่วมมือ

       
       ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกในทุกท้องที่ของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ไปแล้วนั้น
       
       เพื่อให้มาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พุทธศักราช 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดำเนินการดังนี้
       
       1.จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(กอ.รส.) ดังนี้
       1.1 ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ผอ.รส.)
       1.2 ให้ กอ.รส. มีหน้าที่ความรับผิดชอบดังนี้
        1.2.1 ป้องกัน ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ ในทุกท้องที่ของประเทศ
       1.2.2 มีอำนาจบังคับใช้กฏหมายทุกมาตราในพระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พุทธศักราช 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว
       1.2.3 มีอำนาจในการเชิญบุคคลมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ หรือมาให้ถ้อยคำ หรือส่งมอบเอกสาร หรือหลักฐานใด เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบได้
       
       2. ให้หน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้
        2.1 ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศเรื่องพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2557 ยุติการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 0300 และให้กำลังของหน่วยต่างๆ ตามโครงสร้าง การจัดของ ศอ.รส. (เว้น กำลังของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ) เคลื่อนย้ายกลับที่ตั้ง เพื่อไปปฏิบัติภารกิจของแต่ละหน่วย
        2.2 ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ส่งมอบกำลังในอัตราให้ขึ้นควบคุมทางยุทธการกับ กอ.รส. เมื่อได้รับคำสั่ง เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชน ทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว
       
        ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
        ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
       
        พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
        ผู้บัญชาการทหารบก

ต้องเปิดกฎหมายกันดูครับว่ากฎอัยการศึก มีข้อห้าม และข้อที่จะต้องปฏิบัติอย่างไร (กรณีของประชาชน)  และจะส่งผลถึงการชุมนุมของทั้งสองกลุ่มอย่างไร เพราะถ้าเป็นเคอร์ฟิว การชุมนุมในยามวิกาลก็ถือว่าผิดแล้ว แต่กฎอัยการศึกนีไม่แน่ใจ ผมเองก็รู้แค่ว่า ทำให้อำนาจของทหารในการปฏิบัติงาน มีอำนาจเต็มขึ้นมา สามารถใช้กำลังได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย 

ผมอยากจะเริ่มการต่อต้านอำนาจรัฐและข้าราชการที่เป็นรูปธรรมในสัปดาห์หน้า ใครพอมีไอเดียอะไรบ้างครับ

ก็ต้องตัด"อำนาจ" ของข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินก่อนครับ ส่วนราชการที่สำคัญก็มีตำรวจ ฝ่ายปกครอง การคลัง การต่างประเทศ การศึกษา เช่น ถ้าสามารถลดอำนาจตำรวจ หรือทำให้การปฏิบัติงานของตำรวจกลายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ ก็เรียกว่าอำนาจของรัฐก็เสียแขนขวาไปข้างนึง (แต่จริงๆประเทศคงจะวุ่นวายสุดๆครับ ต้องมีหน่วยงานอื่นรองรับการปฏิบัติหน้าที่แทนตำรวจได้ เช่นทหาร ) 

ก็เหมือนอย่างที่ผมบอกไปเรื่องการเงินการคลังของส่วนราชการ ถ้า กปปส. "ควบคุม" การเบิกจ่ายเงินต่างๆได้ รัฐบาลก็ง่อยกินครับ คนเราทำงานน่ะ จะเชื่อฟังใครที่สุดถ้าไม่ใช่คนที่จ่ายเงินเดือนเรา 

แต่จะทำยังงัยอันนี้ผมไม่รู้นะครับ และมันก็เป็นยาที่แรงมากๆ แต่ผมเชื่อว่าถ้าทำได้ ก็ปิดเกมเลย