kritz

เป็นเองไปเถอะครับ

ไหนๆ ก็บอกไปแล้วว่า "ผมขอรับผิดชอบคนเดียว" อยู่แล้วนี่ !!!

ถ้าไปลากคนอื่นมาเป็นแทน...การตัดสินใจ ที่เด็ดขาด อยู่แล้ว ( เหมือนตอนนี้ ) จะหายไปเปล่าๆ...น่าเสียดาย !!

สนับสนุน ให้เป็นเองครับ....ควบ กห. ไปด้วยเลยก็ยังไม่น่าเกลียดครับ....สนับสนุนเต็มที่ครับ ...!!

 

จะปีที่แล้วหรือปัจจุบัน ก็เป็นการแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย

 

หรือว่าปีที่แล้วแสดงได้ ปีนี้แสดงไม่ได้

ถ้าให้เราตอบนะ

สั้นๆ

คือ ธรรมชาติ

 

เดี๋ยว พวกที่อ้างอิงคัมภีร์ก็ไม่เห็นด้วยอีก

(ค ห ส ต)

เปิดชีวิตแกนนำในค่ายทหารภาค2"แปลกมึนฮาน้ำตานอง"

 

Posttoday : 29 พฤษภาคม 2557 เวลา 11:48 น.

 

 

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

บรรยากาศการอยู่รวมกันในค่ายทหารยังคงได้รับการพูดถึงต่อเนื่อง แม้แกนนำสองฝ่ายผ่านสังเวียนข้างถนนมาโชกโชน แต่ก็ยอมรับว่านี่เป็นประสบการณ์แปลก มึน ฮา

 

โดยเฉพาะค่ายกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือว่ามีแกนนำ กปปส. กลุ่มเพื่อไทย และเสื้อแดง ถูกควบคุมตัวไปรวมกันมากที่สุดร่วม 50 คน

ที่แห่งนั้นมีแกนนำ กปปส. 9 คน อาทิ นิติธร ล้ำเหลือ เสรี วงษ์มณฑา อัญชะลี ไพรีรัก สุริยะใส กตะศิลา พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ส่วนพรรคเพื่อไทย-เสื้อแดง ส่วนใหญ่เป็นอดีตรัฐมนตรีและแนวร่วม เช่นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ชลน่าน ศรีแก้ว ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดิศร เพียงเกษ

ค่ายแห่งนี้ กปปส.อยู่แค่ 3 คืนก็ได้รับการปล่อยตัว ส่วนเพื่อไทย-เสื้อแดง ทยอยปล่อยตัวเป็นกลุ่มๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง

ย้อนกลับไปวันแรกที่ถูกเรียกมารายงานตัว ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. กล่าวต้อนรับสั้นๆ ว่า ขอให้ทุกคนร่วมมือและขอโทษที่ทำให้พวกท่านไม่สะดวกสบาย ทั้งหมดก็เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งก็มีคำถามจากหลายคน เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่าจะต้องอยู่กี่วัน แต่ก็ไม่มีคำตอบ

ข้อห้ามสำหรับผู้ถูกควบคุม งดโทรศัพท์ ห้ามญาติมาเยี่ยม ห้ามส่งเสียงดัง ใครมีโรคประจำตัวต้องการยาให้บอกทหารจะจัดให้หรือประสานทางบ้านให้

ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงค่ายช่วงบ่าย 3 รวมกว่า 50 ชีวิต เมื่อไปถึงทหารให้รวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกันก่อน หลายคนอยู่ในสภาพมึนงง เก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก บ้างก็ทักทายตามประสาคนการเมือง แต่มีหลายคนที่นั่งนิ่ง อาทิ สมชาย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ส่วนแกนนำเสื้อแดงบางคนยังไม่กล้าทัก กปปส. เว้นแต่พวกที่เคยเป็น สส.ที่ยอมพูดคุยกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ค่ายทหารที่พระนครศรีอยุธยาแห่งนี้อยู่กลางทุ่งและอากาศค่อนข้างร้อน อีกทั้งบ้านพักรับรองที่เดิมเป็นที่ฝึกโครงการวิวัฒน์พลเมืองสำหรับเด็กที่มีปัญหามาก่อน เมื่อไปถึงมีแต่ห้องโล่งที่เพิ่งผ่านการเช็ดถูพื้นไม่นาน ทหารเอาเตียงพับพร้อมเบาะมาให้ในช่วงเย็น และเพิ่มบ้านพักสองชั้นอีก 3-4 หลัง ให้กับฝ่ายเพื่อไทยและเสื้อแดงอยู่หลังละ 8 คน ส่วน กปปส.อยู่หลังเดิมใหญ่กว่าทุกบ้าน

แกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวเล่าบรรยากาศว่าอึดอัดที่สุดคือวันแรกที่มาถึง เพราะต้องรวมอยู่ด้วยกัน แม้จะไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ก่อนจะแยกบ้านในช่วงค่ำ บางคนดูดบุหรี่แก้เครียด บ้างจับกลุ่มใครกลุ่มมัน ฝ่าย กปปส.แหย่ผู้บังคับการค่ายให้เอาคาราโอเกะมาแข่งกันร้องจะได้ลดบรรยากาศตึงเครียด แต่ผู้การค่ายฯ ก็ดูมึนๆ เพราะเพิ่งมาทราบเรื่อง กระนั้นก็เป็นโอกาสอันดีที่สองขั้วขัดแย้งได้เจอตัวเป็นๆ จึงได้พูดคุยถึงปัญหาการบริหารงานยุคยิ่งลักษณ์

กปปส.บางคนถาม อำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม. ว่า ทำงานสมัยยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร เรื่องการบินไทยทำไมถึงบริหารขาดทุน แล้วจะโดน คสช.ปลดหรือไม่ แต่ “ดร.กบ” ดูยังงงไม่หาย ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน

เสรี วงษ์มณฑา เล่าว่า เมื่อไปถึงมีการแจกขันน้ำ สบู่ และยาสีฟัน ให้ทุกคน เหมือนฝึกวิชาทหารในค่าย จะมีทหารที่เรียกว่าพ่อบ้านมาสอบถามต้องการอะไรบ้าง ถ้าจะติดต่อทางบ้านขอให้แจ้ง ซึ่งเขาจะอำนวยความสะดวกให้หมด ถ้าต้องการรับประทานอะไรก็จะขับรถไปซื้อที่ร้านเซเว่นฯ

“เสียอย่างเดียวอากาศร้อนไปหน่อย เพราะเราเคยอยู่กับห้องแอร์มาก่อน เราจึงบอกทหารขอติดต่อลูกน้องช่วยซื้อพัดลมไอน้ำมาให้ก็ทำให้คลายร้อนไปได้” เสรี กล่าว

แว่วว่าเหตุที่ฝ่าย กปปส.ไม่ยอมซื้อแอร์มาติดเหมือนกับซีกเพื่อไทยที่ทุ่มทุนซื้อมาติดกันทุกหลังทุกห้อง รวมถึงซื้อทีวีมาอัพเดทข่าวสารตลอดก็เพราะเสียดายเงิน โดยเชื่อว่าจะได้รับการปล่อยตัวเร็ว แต่สุดท้ายก็กลับช้ากว่าแกนนำเพื่อไทย

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ละหลังมีทหารนายสิบดูแล 5 คน กางเต็นท์นอนด้วยกันชั้นล่าง ส่วนด้านนอกมีทหารถือปืนเดินลาดตระเวนตลอด เป็นมาตรการที่เข้มกว่าปกติ

เมื่อแยกบ้านกันอยู่ กปปส. 1 หลัง “เพื่อไทย-เสื้อแดง” 4 หลัง อยู่ไม่ไกลนัก มองเห็นกันได้ ก็มีแวะเวียนไปมาหาสู่กันบ้าง

สุริยะใส กตะศิลา แกนนำ กปปส. เล่าว่า ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาพงงเพราะไม่เชื่อว่าทำไมถึงถูกจับ แต่ไม่มีใครตอบได้ บางคนทำใจอยู่ยาวถึง 7 วัน โดยรวมทหารดูแลดีและแม้สองฝ่ายจะแยกบ้านกันอยู่แต่ก็ยังข้ามมาพูดคุยกัน เช่น กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ อดีต รมช.คมนาคม พรรคเพื่อไทย ปั่นจักรยานมาดูดวงให้ นิติธร ล้ำเหลือ โดยถามว่าเกิดปีไหน เมื่อไร พอทราบก็บอกว่ามิน่าถูกจับข้อหากบฏ และยังดูลายมือให้ ทยา ทีปสุวรรณ โดยไม่รู้ว่าคนที่ยืนข้างๆ ซึ่งก็คือ ณัฏฐพล เป็นสามี กิตติศักดิ์ทำนายว่า ถ้าไม่เลิกกับสามี สามีก็จะขอเลิก มารู้ทีหลังว่าเป็นสามีภรรยากันก็หัวเราะกันลั่น

“ที่ตลกคือบ้านที่ ศันสนีย์ นาคพงศ์ อยู่ พวกผมเห็นเขากำลังกลับตอน 2 ทุ่ม เลยบอกทหารให้ไปยกทีวีฝั่งนั้นที่เพิ่งซื้อเอามาติดไว้ที่บ้านเราเพราะไม่มีใครดูแล้ว เพราะฝ่ายเราเองก็หงุดหงิด ไม่มีทีวี หนังสือพิมพ์ที่ทหารซื้อมาให้ข่าวมันดีเลย์ แต่จู่ๆ ก็เห็นพวกเพื่อไทยกลับมาอยู่ที่บ้านกัน เอาไงวะ เราไปเอาทีวีมาแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้เอาคืน เพราะเพื่อไทยกลุ่มนี้ได้กลับตอนเช้าอยู่ดี”สุริยะใส เล่าติดตลก

 

ชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. เล่าว่า ฝ่ายเราอยู่ด้วยกันตามอัตภาพ ไม่มีทีวีดู ถูกห้ามใช้มือถือ แต่ทหารซื้อหนังสือพิมพ์มาให้อ่านตลอดเวลาที่อยู่ในค่าย ซึ่งวันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร ที่ประทับใจคงเป็นที่มีทหารยศ พ.อ.พิเศษนายหนึ่ง ท่าทางแข็งแรงมาก จะมาคอยดูและตรวจตรา ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอยู่โรงเรียนประจำ เพราะในชีวิตก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน

“อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาอยู่ค่ายเดียวกันประกอบด้วย นิสิต สินธุไพร ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเล่นดนตรี บันเทิง ตลอดเวลา ต่างจากพวกเราจะอยู่ตามปกติ แต่ก็มีข้ามไปหากันบ้าง พูดคุยกันปกติ”ชุมพล กล่าว

มีเรื่องเล่าด้วยว่า ตกดึกฝั่งเพื่อไทยมักเฮฮาคลายเครียด โดย วิทยา บุรณศิริ อดีต รมว.สาธารณสุข และ สส.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นคนพื้นที่จะคอยดูแลพรรคพวก สั่งทหารไปซื้อเหล้าแบล็ก เลเบิ้ล พ่วงกับแกล้มตอนตี 2-3 เล่นเอาผู้บังคับการค่ายกังวลว่าถ้าดื่มกันหนักอาจช็อกในค่ายได้ ยิ่งอากาศร้อนเป็นทุนเดิม พลอยให้เจ้าของพื้นที่ลำบากเพราะต้องดูให้ปลอดภัย มิฉะนั้นอาจมีการขยายผลกระทบ คสช. ขณะที่ทหารเวรในบ้านฝั่งเสื้อแดงก็อยากย้ายมาดูแลที่บ้าน กปปส.แทนเพราะเหนื่อย แทบไม่ได้หลับได้นอน

คนที่อาการหนักที่สุดคือผู้สูงวัย อย่าง บุญรื่น ศรีธเรศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ที่ไม่สบาย ขอกลับก่อน เช่นเดียวกับขวัญชัย ไพรพนา อาการย่ำแย่หนัก แต่ทหารก็คอยดูแลเต็มที่ ผิดกับ สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง นั่งสมาธิอยู่หน้าบ้านตลอด ในชุดกางกางเล เสื้อขาวตราห่านคู่ ซึ่งเป็นชุดที่ซื้อใส่กันแทบทุกบ้าน

ไม่เว้นแม้แต่ฝ่าย กปปส. เสรี วงษ์มณฑา ร้องไห้เกือบทุกคืน เพราะทำใจไม่ได้ที่ถูกควบคุมตัวและต้องมาอยู่ค่ายเดียวกับเสื้อแดง บ้างไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายตรงข้าม สมชาย ศันสนีย์ ถูกปล่อยตัวออกไป ทั้งที่ กปปส.ไม่ได้เผาเมืองหรือพาดพิงสถาบัน

การข้ามฝั่งของฝ่ายเพื่อไทยมาคุยกับแกนนำ กปปส. ยังแอบตัดพ้อว่าพวกเขามีอำนาจแต่ใช้ไม่เป็นเอง ความจริงน่าจับ พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมชาย จะได้จบๆ ไม่ใช่มาเหวี่ยงแหอย่างนี้

 

ก่อนกลับทหารได้แจกใบประเมินผลในค่ายและความรู้สึกให้แกนนำทุกกลุ่มกรอก มีคำถาม 4 ข้อ อาทิ รู้สึกอย่างไรที่ถูกเรียกมารายงานตัว ระหว่างนำตัวได้รับการปฏิบัติอย่างไร ดีหรือไม่ และให้เขียนข้อเสนอต่อกองทัพ มีรายงานว่า แม้แต่ฝ่าย กปปส.ก็ยังเขียนดุเดือดทุกคน เช่น ตั้งคำถามว่านักโทษยังได้โอกาสเจอญาติ แต่กรณีนี้ไม่ได้เจอ และยังไม่รู้ว่าเจอข้อหาอะไร

“ตอนออกเขาให้จดที่อยู่ปัจจุบัน ให้วาดแผนที่บ้านตัวเอง เบอร์มือถือให้หมด ดังนั้น แกนนำแม้จะพ้นจากการควบคุมตัวแล้วแต่ก็ยังอยู่ในสายตา คสช.ที่จะเรียกกลับได้ตลอดเวลา” แกนนำ กปปส.รายหนึ่ง กล่าว

 

สุเทพ  สวมเสื้อ “บูรพาพยัคฆ์”

ฝ่ายแกนนำกปปส. 5 คน ประกอบด้วย   สุเทพ เทือกสุบรรณ  เอกณัฐ พร้อมพันธุ์  สาทิตย์  วงศ์หนองเตย  สมบัติ ธำรงค์ธัญญวงศ์ และ สมศักดิ์ โกศัยสุข ถูกนำขึ้นรถตู้เก่าๆ ปิดกระจกรถให้ทึบเพื่อไม่ให้รู้เป้าหมาย มุ่งหน้าตรงไปยังค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งกว่าจะไปถึงที่หมาย เล่นเอาทุกคนเมื่อยก้นไปตามกัน  เพราะพลขับดันขับรถหลงค่าย  ก่อนจะรู้ภายหลังเป็นค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี

ครั้นไปถึงค่าย ทุกคนก็ไม่มีเสื้อผ้ามาสับเปลี่ยน เพราะไม่รู้ระแคะระคายมาก่อนว่าจะถูกควบคุมตัว ทางทหารจึงนำเสื้อผ้า มาให้สวมใส่ แต่ด้วยความที่ “กำนันสุเทพ” เป็นคนรูปร่างใหญ่ จึงต้องใส่กางเกง เสื้อยืด คับติ้ว และที่ทุกคนพากันอมยิ้มเพราะหลังเสื้อกำนันสุเทพ สกรีนคำว่า “บูรพาพยัคฆ์”

เท่านั้นยังไม่พอ  ในบ้านที่ใช้ควบคุมตัว มีเครื่องปรับอากาศที่อยู่ในสภาพที่ไม่สมประกอบ  “กำนันสุเทพ” เปรยในช่วงกินข้าว ว่า  “ต้องซ่อมแอร์กันวันละ 3 รอบ และที่ต้องเจ็บใจก่อนกลับออกจากค่ายทุกคนต้องถูกปิดตาหมด เพื่อไม่ให้รู้ว่าที่ตั้งของค่ายทหารแห่งนี้อยู่ใด

อยากถามสั้น ๆ ว่า  ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ .........หาคนดีมีฝีมือ ที่เหมาะสมกว่า  "นวยนิ่ม"  ไม่ได้แล้วหรือ 

นวยนิ่ม ตร.จริงๆ นะครับ ทำงานในหน้าที่จริงๆ

ไม่มีนวยนิ่ม ดา ตอร์ปิโด กง sms หรือ คนอื่นๆ ไม่โดนจับครับ

นวยนิ่มคุมคดี สำนวนล้มเจ้าเองทักสำนวน ถึงไม่หลุด

อย่าไปยึดติดกับอเมริกามากนัก

 

เห็นข่าวเขาว่า มีการคาดโทษว่าถ้าตุกติกจะโดนอายัดธุรกรรมการเงินนี่คะ
ถ้าพูดเรื่องเงิน พวกแดงนี่ไม่น่าจะหือหรอกค่ะ 

ผมบอกแล้ว ว่า ให้จัดการ ปลัดกระทรวงไอซีที คนที่เกี่ยวข้องในกระทรวงนี้

 

ไม่เช่นนั้น มันจะมีเหตุการณ์วางยา แบบนี้อีกบ่อยๆ แล้ว สร้างกระแสความเกลียดชังต่อ คสช. ในประเด็นการปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน

 

มันไม่ใช่ อะไรเสีย หากคนเข้าจาก TOT มันจะชึ้นข้อความว่า "ระงับโดยคำสั่งของ คสช."  แล้วใครล่ะที่สั่ง TOT ได้

 

นี่มันพึ่งเริ่มต้น การวางยา คสช. เท่านั้น 

 

ผมเป็นห่วงจริงๆ ครับ คสช.

ผมบอกแล้ว ว่า ให้จัดการ ปลัดกระทรวงไอซีที คนที่เกี่ยวข้องในกระทรวงนี้

 

ไม่เช่นนั้น มันจะมีเหตุการณ์วางยา แบบนี้อีกบ่อยๆ แล้ว สร้างกระแสความเกลียดชังต่อ คสช. ในประเด็นการปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน

 

มันไม่ใช่ อะไรเสีย หากคนเข้าจาก TOT มันจะชึ้นข้อความว่า "ระงับโดยคำสั่งของ คสช."  แล้วใครล่ะที่สั่ง TOT ได้

 

นี่มันพึ่งเริ่มต้น การวางยา คสช. เท่านั้น 

 

ผมเป็นห่วงจริงๆ ครับ คสช.

ยืนยันอีก 1 เสียง

เป็นไปไม่ได้ครับที่เสียที่ gateway แล้วคนใช้เน็ต TOT จะขึ้นหน้าคำสั่งคสช.

แล้วเป็นไปไม่ได้ครับที่จะเสียที่ gateway พร้อมกันทุก ISP

คสช. พวกคุณต้องสอบปลัด ICT โดยด่วนครับ เพราะมันเริ่มวางยาพวกคุณแล้ว

หรือเพื่อนๆ ว่า ควรจะตอบยังไงดี ?    

 

บังเอิญไปเจอที่คุณปู -จิตกร บุษบาว่าไว้ที่เพจแก ว่า...

 

ได้เวลาตอบคำถามแระ

----------------------------
ยุ เชฟโซนิค โซบูล
:: ทหารเอาเงินมาจากไหน ก็กู้เหมือนกัน แล้วทำไมเวลารัฐบาลกู้ ถึงกู้ไม่ได้ ผมก็คิดนะครับ แต่แค่สงสัยว่าทำไม ทหารกู้ไม่ต้องใช้หนี้ใช่มั้ย หรืออย่างไร รัฐบาลชุดต่อไปไม่ต้องใช้หนี้ใช่มั้ย หรืออย่างไร อย่าบอกนะครับว่ารัฐบาลโกง ผมเห็นมันก็โกงทุกรัฐบาล หรือไม่จริงครับ แค่แชร์ความเห็นนะครับ
----------------------------
1) โง่น่ะ ไม่ผิด คนเราไม่อาจรู้เสียทุกเรื่อง แต่โง่แล้วอย่ากวนตีน ถามกันดีๆ คนอื่นเขาจะได้เมตตา และช่วยโปรดสัตว์ให้พ้นจากระดับบัวเต่าถุย ดูจากคำถามแล้ว ตั้งใจกวนตีนมากกว่าตั้งใจถาม แต่เราตั้งใจตอบนะ เขาว่าช่วยคนให้หายโง่ ได้บุญยิ่งกว่าสร้างโบสถ์วิหาร 555 ครั้งนี้ จะถือว่าเสมือนได้ไถ่สมองโค-กระบือ ก็ละกัน

 

2) เหตุที่รัฐบาลสารเลวนั่นกู้ไม่ได้ เพราะไม่มีใครเขาให้กู้ เนื่องจากเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย และเสี่ยงต่อการชวดเงินคืน ก็ขนาดชาวนาซึ่งเป็นฐานเสียงที่เลือกมันมาแท้ๆ มันยังโกงเขาได้อย่างอำมหิต แถมออกทีวีตอแหลว่าโครงการประสบความสำเร็จ ในขณะที่ชาวนาทวงเงินอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ ***มั้ยล่ะคะ คนแบบนั้น หากคุณเป็นเจ้าของเงิน คุณจะให้มันกู้มั้ย ถามหน่อย และก่อนจะยุบสภา ไม่คิดมั่งล่ะว่า ยังติดหนี้ชาวนาอยู่ ต้องรับผิดชอบนะ จะกู้ก็ต้องกู้ก่อน แล้วค่อยยุบ นี่คนมันไม่มีใจห่วงใยเขา มันห่วงแต่ตัวมันเอง น่ารักไหมล่ะ ถ้าน่ารัก ทำรูปจำลองไว้ที่บ้าน แล้วกราบตีนมันเช้าเย็นเลยก็ได้

 

3) พยายามจะออกพันธบัตร ก็ไม่มีธนาคารมาจองซื้อเลย เพราะเขาไม่เชื่อในเครดิตของรัฐบาลชั่ว

 

4) พนักงานธนาคารกับประชาชน พยายามขัดขวางการกู้ด้วยในตอนนั้น เพราะอยากให้มันมี "ความรับผิดชอบ" เพราะก่อนทำโครงการจำนำข้าว เขาท้วงติงกันทั้งบ้านทั้งเมือง มันไม่เชื่อ ก่อนทำคุยโวว่าโครงการดี ไม่เคยบอกเลยว่าจะเจ๊ง ไม่เคยบอกเลยว่าต้องกู้เพิ่ม ดังนั้น มันต้องรับผิดชอบ ต้องขายข้าวเอาเงินมาจ่าย ไม่ใช่ซื้อข้าวไปเก็บไว้ ไม่ขาย ดังนั้น เราซึ่งเป็นประชาชนที่มีศักดิ์ศรี มีใจรักความถูกต้อง ทำกินด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเอง ไม่ได้รอกินน้ำคาวผักคาวปลาของอีปู ย่อมต้องต่อสู้เรียกร้องความรับผิดชอบ มากว่านั่งอวยนั่งเลีย เหมือนปรนนิบัติเมียตัวเอง

 

5) พอทหารเขายึดอำนาจ เขาเป็นห่วง รู้ถึงความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสของชาวนา เขาก็ให้สำนักงบประมาณกับสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังคิดหาทางออก ไม่ใช่เขาคิดเอง สองหน่วยงานดังกล่าวประสานกับ ธกส. เขาเชื่อมั่นในเครดิต และไม่ติดข้อกฎหมาย ก็ปล่อยกู้ จึงมีเงินไปจ่ายชาวนา ชาวนาพ้นทุกข์ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ต้องผูกคอตายเพิ่มอีก น่ายินดีไหมครับ จะเข้าใจง่ายขึ้นเลย ถ้าพ่อคุณผูกคอตาย เพราะมีแต่ใบประทวนที่ขึ้นเงินไม่ได้มาครึ่งปี ขณะที่เจ้าหนี้ทวงเงินยิกๆ และลูกต้องไปโรงเรียน

 

6) อ้างอิงให้เห็นว่า แค่หาข้อมูลจากกูเกิ้ล ซึ่งหาง่ายกว่าเฟอร์บี้เค้กที่มึงซื้อมาแดกนั่นอีก ก็จะเจอรายงานข่าว เช่น ไทยรัฐระบุว่า "ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง สั่ง สบน.ให้เร่งกู้เงินจากสถาบันการเงินมาจ่ายให้กับชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าว ปัจจุบันค้างอยู่ประมาณ 80,000-90,000 ล้านบาท โดยเห็นว่าขณะนี้สถาบันการเงินมั่นใจปล่อยกู้ให้กระทรวงการคลังแล้ว หลังจากที่ คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ ไม่เหมือนที่ผ่านมาที่ไม่กล้าปล่อย เพราะไม่มั่นใจอำนาจรัฐบาลรักษาการ ซึ่ง สบน.ยืนยันว่า จะเร่งกู้เงินจำนำข้าวที่ยังขาด เพื่อมาจ่ายหนี้ให้ชาวนาจากสถาบันการเงินทันทีที่ได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายนโยบาย เพราะไม่มีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นอำนาจรัฐ จนทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยกู้เหมือนที่ผ่านมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการคำนวณจำนวนเงินที่ต้องกู้ว่า เมื่อใช้เงินจากการระบายข้าว และเงินจากกองทุนช่วยเหลือชาวนาของ ธ.ก.ส.ส่วนหนึ่ง จะทำให้หนี้ที่ค้างจ่ายชาวนาเหลืออยู่เท่าไร เพื่อให้ได้ตัวเลขแท้จริงที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงิน"

 

7) การกู้ครั้งนี้ จึงไม่ใช่ทหารกู้ แต่เป็นกลไกของกระทรวงการคลัง ซึ่งแน่นอน รัฐบาลใหม่ต้องใช้หนี้ ต่อให้ไม่มีหมาที่ไหนมากู้ รัฐบาลใหม่ก็ต้องใช้หนี้อยู่ดี เพราะเป็นหนี้ผูกพัน ที่เกิดจากทำโครงการที่คนเขาท้วงแล้ว แต่ไม่ฟัง พอฉิบหายแล้ว แสดงความรับผิดชอบอะไรไหม ไม่เลย คนเขาถึงอยากปฏิรูปไง การหาเสียงแล้วทำไม่ได้หรือสร้างผลกระทบ ต้องยุบพรรค ยึดทรัพย์แม่งมาใช้หนี้คืนให้ประเทศ บ้านเมืองต้องการประชาชนที่มุ่งปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ไม่ใช่คอยยกก้นนักการเมืองเหมือนขี้ข้า

 

8) ไอ้ที่บอกว่า มันก็โกงกันทุกรัฐบาลนั้นไม่เป็นไร แค่อย่านั่งลูบไข่ตัวเองแล้วท่องประโยคนี้เพื่อให้ท้ายนักการเมืองชั่วที่ตัวเองเชียร์เป็นใช้ได้ ใครโกงก็ต้องเอาผิดมันทั้งนั้นแหละ มึงจะพูดทำเxี้ยอะไรว่าโกงทุกรัฐบาล เพราะโกงทุกรัฐบาล เลยให้อีดอกทองนี่โกงด้วยได้ ไม่เป็นไร ว่างั้น?!?

 

9) เอาล่ะ นั่งแดกเฟอร์บี้เค้กของมึงต่อไปนะ น่ารักโคตรๆ เลย ก่อนนอนคืนนี้ อย่าลืมกราบอีปูอีก 3 ทีนะ แล้วมาตั้งคำถามกวนตีนๆ กันใหม่

รักนะ ไอ้อ้วนชลบุรี จุ๊ฟๆ

https://www.facebook...korn?ref=stream

 

อูยยย...เน้นไป เน้นมา ผมว่า

มันจะต้องเน้นทุกบรรทัดของคำตอบน่ะเนี่ย...      

 

แต่ยาวๆ แบบเนี๊ยะ...มันจาอ่านเหร๋อ...  

คำถามของมัน มันยังเอาพอดีแค่ 3 บรรทัดเบยยย...   

อย่างที่ผมเคยพูดถึงในกระทู้เรื่องรากเหง้าปัญหาความขัดแย้งของคนในฃาติไปแล้วครับ...

 

อันที่จริงกรณีศึกษาเรื่องการดำเนินนโยบายรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัดนี้มีตัวอย่างของสวิสเซอร์แลนด์สมันสงครามโลกครั้งที่ 2.ให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วนะครับ ของสวิสฯนั้นปัจจัยพื้นฐานลำบากกว่าเราในตอนนี้มาก เพราะคนแต่ละภาคพูดกันคนละภาษาเลย แต่ส่วนกลางของสวิสยุคนั้นมีวิสัยทัศน์มองความเจริญเติบโตอย่างฮวบฮาบของพรรคนาซีในประชากรกว่าร้อยล้านคนในตอนเหนือของสวิสฯ มองไปทางทิศใต้ อังกฤษกับฝรั่งเศษก็เตรียมตั้งรับพรรคนาซีด้วยประชากรรวมกันเกือบร้อยล้านคน แล้วสวิสฯ.ทำไง ....

 

อันดับแรกสร้างความเป็นหนึ่งของคนในชาติด้วยนโยบายการทหาร ประกาศให้ประฃาฃนทุกคนต้องเป็นทหาร จากนั้นก็เข้ารับการฝึกทหารผลัดละสามเดือนหกเดือนก็ว่ากันไป (เดี๋ยวนี้สวิสฯก็ยังใช้กฏหมายนี้อยู่ ประชากร 10 ล้านคน ปืนที่จดทะเบียนยี่สิบล้านกระบอก คาดว่าที่ไม่ได้จดทะเบียนอีกราวๆยี่สิบล้านกระบอก เฉลี่ยคนสวิสทุกคนมีปืนคนละสี่กระบอกทุกคน แต่สถิติอาวญากรรม การเสียชีวิตจากการใช้ปืนต่ำเตี้ยติดดิน เพราะทุกคนใช้ปืนเป็น) ประชาชนทุกคนตั้งแต่เด็กหญิงเด็กชายที่เริ่มคอนปืนเป็นไปเป็นถึงคนชราที่ยังมีแรงคอนปืนไหว ทุกคนต้องไปเข้าคอร์สฝึกยิงปืน นอกจากนั้นทุกคนต้องฝึกเดินทางในตำบลในอำเภอเขตของตัวเองในคืนเดือนมืดโดยปราศจากแสงไฟให้คล่อง ประมาณนี้ ....

 

และกับอะไรอีกหลายอย่าง ทำให้สวิสฯสามารถประกาศวางตัวเป็นกลางท่ามกลางไฟสงครามโลกครั้งที่ 2.ที่แผดเผามอดไหม้ไปทั่วยุโรป มองเราในอนาคตอีกไม่ใกล ความขัดแย้งระดับโลกในเรื่องการแย่งชิงแหล่งพลังงานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านเราของเหล่าชาติมหาอำนาจจอมละโมภจากทั่วโลก ถ้าเราไม่เตรียมการรับมือให้ดี ก็มีโอกาศที่การแอบอ้างการส่งออกลัทธิอาณานิคมแอบแฝงในคราบของประชาธิปไตยเลื่อนลอย(ที่มีแค่การเลือกตั้ง)จะชักพาให้แผ่นดินของชนชาติเราลุกไหม้จากไฟสงครามแย่งชิงผลประโยชน์ได้ ต้องมองดูว่ามีอะไรที่เอาของสวิสฯที่เคยทำใว้มาใช้ได้บ้าง เรื่องการรวมหมู่ความคิดด้วยการให้ประชาชนทุกคนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเข้าเป็นเกณฑ์ทหารทุกคน อันนี้ผมเห็นด้วย เพื่อที่เราจะสามารถสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางความคิดในการต่อสู้กับจักรวรรดิทุนนิยมสุดโต่งได้

 

เรื่องเมกาถอนการฝึกร่วมนี้ ถ้าไทยเล่นเป็นอีกนิด ให้ลุงประยุทธฃ่วยส่งทูตทหารระดับสูงหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลไปเยือนจีน-รัสเซียอย่างเป็นทางการ ออกเป็นข่าวไปทั่วโลก แค่นี้เมกก็ถือเป็นการตอบโต้ทาเงการทูตต่อเมกาในแบบฉบับผู้ดีมีชาติตระกูลมีความเป็นผู้ใหญ่ แบบนี้เมกาจะเถียงไม่ออกมากกว่า

 

เห็นต่างนะครับ เราจะเสียดุลย์สถานะความเป็นกลางไปเลย ยักษ์ใหญ่ตีกัน เราคนธรรมดาต้องอยู่ให้เป็นครับ

 

 

ขออนุญาตเห็นต่างเหมือนกัน เราจำเป็นต้องรักษาดุลย์ฯ ความเป็นกลางหรือ

ในกรณีที่เมื่อรักษาไว้แล้วจะทำให้ถูกชาติอื่นข่มขู่อยู่ตลอดเวลา

กรณีที่คุณเชพูด อันนั้นหมายถึงการตอบโต้ทางการทูต ซึ่งจะนิ่มนวลกว่า

บิ๊กป้อมถ้าได้อ่านจากหนังสือลุงกำนัน จะเห็นได้ชัดเลยนะครับว่าแกนี่มิตรแท้ ตอนทุบรถที่มหาดไทย แกหนีออกไปได้แล้ว แต่แกยังย้อนรถกลับเข้ามาช่วยลุงกับเฮียมาร์คอีกรอบ

และให้ทหารติดตามยิงปืนขึ้นฟ้าขู่พวกสัตว์นรกแดง จนทำให้รถคุณลุงกับเฮียมาร์คหนีไปได้ ส่วนลุงป้อม แกต้องติดอยู่ในกระทรวงถึงเที่ยงคืน

บิ๊กป้อม หลายคนอาจจะวิจารณ์ได้ว่าอย่างนู้นอย่างนี้

 

แต่อย่าลืมนะว่า ในสายทหารคุมกำลังพลห่ะนี้ คือ บูรพาพยัคฆ์ เขายกให้แกเป็นพี่ใหญ่นะ

 

ไล่เรียงมาเรย

 

 

ประวิตร

 

อนุพงษ์

 

ประยุทธ์

 

 

 

อ่านทั้งหัวกระทู้และทุกความเห็น

 

ไม่เห็นเกี่ยวกะการเมืองเลยสักนิดเดียว

 

ขอแจ้งให้ MOD ลบกระทู้นี้ครับ.......

 

การเมืองชัดๆ