kritz

ใครไปยื่นเรื่อง(ดิ้นยื่นจมูก ดมขนขี้เต่าเพื่อต่อลมหายใจ)เขาก็ต้อนรับทั้งนั้นแหละ แต่น่าสมเพซที่ฝ่ายรัฐบาลทรราชย์เป็นคนส่งไป แต่ขอโทษ..บริบทมันต่างกัน ยังไม่มีจราจล ยังไม่มีรัฐประหาร ยังไม่มีประหัตประหาร มีแต่ขี้ข้าไล่ก่อกวนผู้ก่อการดีตามจุดต่างๆ UN จะเข้ามาแทรกแซงได้อย่างไรและเพื่ออะไร? มองได้มุมเดียวคือ มันกำลังหาความชอบธรรมและทางหนีทีไล่ที่จะไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ไม่ก็ไปตั้งรกรากเหี่ยวตายอยู่ตปท.นั่นแหละ ...นรกส่งมาเกิดแท้ๆ

ผมละมึนกับข้าราชการไทยจริงๆ เจอรัฐบาลเลวหยั่งราก เลวยันโคตรขนาดนี้ ยังทนรับใช้อยู่เพื่ออะไร?

คนที่เขาไม่สนใจ ยังไงเขาก็ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว ยกเว้นเรื่องของตัวเอง ผู้ชุมนุมคิดมากไปก็ไร้สาระ พาลหงุดหงิดเสียเปล่าๆ

กระสงกระแสตีกลับอะไร ยังไง ไม่มีอะไรมากร๊อก ก็พวกแอ๊บแดงน่ะแหละ แต่ไวท์ลาย(white lie) ว่าเป็นพวกคนไม่เลือกข้าง รักสงบ จุดไฟเพื่อสันติ(แต่แปลกพวกนี้ชอบเล่นกับไฟตลอด จับถลกหนังกี่คนๆ ก็แดงแจ๋ทั้งนั้น) ...

อีตอนรัฐบาลยิ่งเละ โกงกินแทบสิ้นชาติ จะเพิ่มภาษีโน่นนี่นั่น สินค้าแพงทั้งแผ่นดิน คนพวกนี้ไม่ยักบ่น นี่ กปปส.มาเปิดเวทีให้ความบันเทิง ปนสาระเอาไว้ไฝว้กับนักการเมือง ทำดัดจริตมาเดือดร้อน คือ เอ็งไม่คิดจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดแบบพลิกวิกฤต(จริงหรือเปล่าไม่รู้?)มาเป็นโอกาสบ้างเหรอ ห้อยป้ายไปเลย เป็นแม่ค้าในห้าง เดินเร่ขายสินค้าแบรนด์หรือไม่แบรนด์ แต่ราคาจับต้องได้ เข้าไปในมวลชนเลย อย่างน้อยๆ ต้องมีเงินสะพัดกลับมาบ้างไม่มากก็น้อย เอาเวลาเล่น fb บ่นๆ ว่าทำมาหากินไม่ได้(แต่เอ็งนั่งเล่นเน็ตได้วุ้ย แปลก!)มาทำมาหากินจริงๆ จังๆ ดีกว่าไหม ...

มวลชนมาชุมนุมกันโดยนัดหมายพร้อมใจกันไล่อียิ่งเละกันเยอะขนาดนี้ นับได้ว่าเยอะติดอันดับโลกแล้ว มันยังด้านไม่ออก จะลากตั้งให้ได้ ปัญญาชนและวิญญูชนรุ่นเล็กระดับประถม ยันด๊อกเตอร์ที่ไหนก็มองออกว่าอียิ่งเละนี่หน้าด้าน ยางพิษใต้แป้งโบ๊ะหน้าก็ข้นคลั่กยิ่งกว่ายางมะตอยแล้ว จะมีก็แต่พวกแอ๊บโลกสวยนั่นแหละที่ยังงงๆ มึนๆ อยู่กับวาทกรรมหลอกตัวเอง "ไม่เลือกข้าง" ก็อยู่ตรงกลางหว่างขาระหว่าง เทพ กับ มาร นั่นแหละดีแล้ว ...

พลังเงียบ = ไม่มีพลัง

การเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบพลังเงียบ ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ ถือว่าเป็นพลังไร้ประโยชน์ กบฏไพร่แดงที่เปรียบดั่งยักษ์มารจึงทั้งตบ ทั้งปลอบ ทั้งขู่ฆ่า ทั้งแบล๊คเมล์ก็แล้ว ยังมาจุดไฟกันหร๊อมแหร๋ม เรียกได้ว่าเป็น "พลังเงิบ" ได้เต็มปากเต็มคำ ...

ต่างกับกำนันเทือกที่เริ่มตั้งทัพ ๓ ลิง(สามเสน) แล้วเปิดแนวร่วมรวมอีก ๒ ทัพลิง(๑ คปท.สันติอโศก//๑ ข้าราชการทหารและพลเรือน) พลางเกณฑ์ไพร่พลไปรบแตกหัก ที่เรียกว่าเดินแรลลี่เรียกแขก เรียกเงินสนับสนุนครัวราชดำเนินได้อย่างราบรื่น ไพร่พลลิงมากมายก่ายกองต่างกันเหลือคณานับ จึงมีพลังมาก พลังเหลือเฟือที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง งานนี้ด้านแค่ไหนผมเชื่อว่า "ยิ่งเละเอาไม่อยู่" แล้ว ...

การแอบอ้างพลังเงียบ ก็เหมือนคำกล่าวที่ว่า "รู้ว่ามี แต่ไม่เคยหาเจอ" เพราะจริงๆ แล้ว ไม่ได้เรียกว่าพลังเงียบอะไรหรอก มันก็คือพวกที่เลือกแล้วนั่นแหละ(take side) ...

อ้างอิงเมื่อวานเป็นเกร็ดสักนิด: คุณสุเทพน่าจะประกาศตั้งนานแล้ว "เรื่องสวมกอด" น่าจะบอกตรงๆ แล้วยกเลิกไปตั้งแต่เดินรอบแรกๆ แล้ว ไม่ใช่เพราะถือตัว อวดดี ไม่ง้อมวลชน ผมว่ามวลชนเข้าใจ ถ้าจะอธิบายว่า การสวมกอดนั้น สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง ที่จะถูกลอบทำร้าย เป็นเรื่องมโนฯ ที่เป็นไปในสถานการณ์ตามความเป็นจริง อย่าได้ปรามาสว่าเลื่อนลอยครับ "กบฏไพร่แดง" มีคนคิดแบบนี้แล้วจริงๆ ซิบอกไห่

ส่วนเรื่องความมั่นใจ ผมว่าลุงแกแบหน้าไพ่มาตั้งนานแล้วนะครับ ตั้งแต่ฝ่ายทหารเลือกช๊อยส์ เป็นกลาง ไม่เลือกข้างความรุนแรง คงรอทิศทางลมข้าราชการเป็นลมสุดท้ายแล้วนั่นแหละครับ มวลชนใจถึงพร้อมจนเครื่องร้อนมานานแล้ว เรื่องนี้ลุงแกเลิกห่วงไปนานแล้ว

ตัดเส้นทางท่อเงินทักษิณได้เมื่อไร ปัญหาที่ จขกท. อนุมานมาจะไม่เกิดแน่นอนครับ หากจะมีก็อยู่ในวงจำกัด ที่จะต้องไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง เช่น เผา หรือ ไล่ยิงข้าราชการ

เดี๋ยวนี้เขาทำงานระบบออนไลน์กันแล้ว เปลี่ยนสถานที่ได้ เหมือน กปปส. ไปไล่ปิดนั่นแหละ แต่ของ กปปส. คนเขาเยอะกว่า ทำให้เกิดความต่างด้านเงื่อนไขครับ

นายอภิสิทธิ์จึงตอบกลับว่า "นี่คือตัวอย่างที่ต้องปฏิรูป นี่คือรูปแบบของคู่แข่งพรรคประชาธิปัตย์" ทำให้ชายคนดังกล่าวตะโกนกลับว่า "ผมไม่ใช่คู่แข่ง ผมคือประชาชน"

มาร์ค อธิบายด้วยตรรกะให้เพื่อนร่วมพรรค ว่า "นี่คือรูปแบบของคู่แข่งพรรค" นัยยะนี้ ต้องยอมรับว่า ตรรกะดี ควบคุมอารมณ์ได้ ตีความได้แตก ว่าต้องเจอรูปแบบและสาวกในแนวนี้ หากต้องลงเลือกตั้ง ไม่ว่าครั้งใดก็ตาม จนกว่าผลไม้พิษของไอ้แม้วจะสิ้นฤทธิ์แบบสิ้นเชิง

ส่วนนายคนนี้ เข้าใจว่าคงเงิบ เห็นผิดท่า เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด(ที่มันมโนไปเองว่าเขาจะลากไปกระทืบเหมือนคนเทือกมัน) เลยตอบโต้ไปตามสัญชาตญานแบบผิดๆ ถูกๆ แถๆ ไป ว่า "ไม่ใช่คู่แข่ง ผมคือประชาชน" คือ เขาไม่ได้บอกสักนิดว่าเอ็งไม่ใช่ประชาชน เขาบอกว่าเอ็งเป็นรูปแบบของสาวกที่อาจจะต้องพบเจอ เมื่อลงสนามลากตั้งหรือเลือกตั้ง ปุ๊ดโธ่