Jump to content


naichod

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 30 มีนาคม 2552
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
*****

#528341 แก้รัฐธรรมนูญ แผนยึดประเทศของทักษิณ

โดย OSR on 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:23

แก้รัฐธรรมนูญ เป็นเป้าลวง
ข้ออ้างว่ารัฐธรรมนูญนี้มาจากการรัฐประหารจึงไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นแค่บังหน้า
เป้าหมายแท้จริงคือ ต้องการล้มองค์กรอิสระ
หลีกก็คือ เมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้ว องค์กรอิสระจะต้องสรรหาใหม่
จะด้วยวิธีการอะไรก็ตาม ทักษิณมีสส. และสว. อยู่ในกระเป๋า มากพอที่จะทำอะไรก็ได้ เขียนกติกาอย่างไรก็ได้
ถ้าปปช. อัยการสูงสุด ตำรวจ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ....เป็นคนของทักษิณ
อะไรจะเกืดขึ้น.....

ปล
เมื่อนางรังสิมาไปทำท่าอ้อร้อกับคนที่ฝันว่านอนกับตัวเอง
นี่เป็นการตบหน้าประชาชนที่ผมรับไม่ได้
ผมจึงขอกลับไปเป็นคนไม่เลือกปชป. เหมือนเดิม

กระทู้นี้ เป็นการบอกลาครับ
ขอให้ทุกท่านที่อยู่ข้างในหลวงและความเที่ยงธรรม จงประสบความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

Posted Image
ชื่นชมคุณแอมมาตลอด เป็นแฟนประจำเหนียวแน่น คุณแอม ยังจำกระทู้เรื่อง
คุณชด ได้ไหมครับ แรกๆมีพวกบ้า ปชป. (อย่าง login wewe เป็นต้น) เข้ามาหาเรื่อง
ผมเป็นไทยมุงที่รักความเป็นธรรม ตอนนั้นยังเชียร์ ปชป.ด่าแป๊ะ แต่ชักตะหงิดๆยังไงชอบกล
สงสัย ทำไม? ประเด็น ไอ้สมสากล้มเจ้า ที่คุณชดโพสต์ไป พวกบ้า ปชป. กลุ่มนี้ จึงมองข้าม
แล้วหันไปแว้งกัดกรรมการเฉยเลย ตั้งแต่กระทู้นั้นมา ผมเลยศึกษาอย่างเอาเป็นเอาตาย
จนมา ซาโตริ กับ นักการเมืองไทย เช่นเดียวกับ คุณแอม ครับ ผมโบกมือลาบอร์ดนี้ในใจ

ไปนานแล้ว แต่ที่ยังเห็นเม้นท์อยู่ ก็เพราะยังมีหวังกับบาง login ที่ไม่เล่นพรรคเล่นพวก
ก็เลยอยู่ๆไปก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมจะตาม คุณแอม ไปแน่นอน เร็วๆนี้
เจ้าที่เจ้าทางหลายคนในนี้ แตะต้องไม่ได้ครับ ปกป้องจนเกินงาม ไปจิกหัวด่าเขาว่าเป็น
ขี้ข้า ทักษิณ
ถ้าพวกคุณไม่เปิดใจกว้างแม้กับความเห็นของฝ่ายเดียวกันแท้ๆ พวกคุณก็ไม่ต่างอะไรกับ
ขี้ข้า ประชาธิปัตย์


#527941 แก้รัฐธรรมนูญ แผนยึดประเทศของทักษิณ

โดย ตะนิ่นตาญี on 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 09:19

ตะนิ่ตาญี เขียน ความเห็นในกระทู้นี้ของ คุณแอมฯ ด้วยความเสียใจ เสียใจ ที่ คนจงรักภักดี ต่อ ในหลวง กำลังจะเดินหนีไปอีกคนด้วยไม่อาจรับได้ใน การเล่นลิเก ของ นักการเมือง ตะนิ่นตาญี ไม่กล้าพูด-ไม่กล้าขอร้อง หากแต่อยากบอกให้เพื่อนร่วมรบอย่าง คุณแอมฯ ได้กรุณาพิจารณาในแง่มุมอีกแง่มุมหนึ่งนั่นก็คือ เราสู้เพื่อ ในหลวง การต่อสู้นี้ แม้อาจทำให้ นักการเมือง และ/หรือ พรรคการเมือง ได้เปรียบ-ได้ประโยชน์ จากการต่อสู้ของเรา แต่นั่นก็คือวิถีแห่งชีวิตอันไม่อาจเลี่ยงได้ ที่สำคัญที่สุด เราสู้เพื่อความถูกต้อง-สู้เพื่อพระเจ้าอยู่หัว นี่จึงเป็นหัวใจในการต่อสู้ครั้งนี้ หากคุณแอมฯจะกรุณาพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก็จักขอบพระคุณยิ่ง ตะนิ่นตาญี. หมายเหตุ ตะนิ่นตาญีเขียนหนังสือนี้ด้วยiPad จึงต้องขอประทานโทษเพื่อนเพื่อนทุกคนไว้ด้วยครับ ที่เขียนหนังสือได้ไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร


#527901 แก้รัฐธรรมนูญ แผนยึดประเทศของทักษิณ

โดย amplepoor on 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 08:46

แก้รัฐธรรมนูญ เป็นเป้าลวง
ข้ออ้างว่ารัฐธรรมนูญนี้มาจากการรัฐประหารจึงไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นแค่บังหน้า

เป้าหมายแท้จริงคือ ต้องการล้มองค์กรอิสระ

หลักก็คือ เมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้ว องค์กรอิสระจะต้องสรรหาใหม่
จะด้วยวิธีการอะไรก็ตาม ทักษิณมีสส. และสว. อยู่ในกระเป๋า มากพอที่จะทำอะไรก็ได้ เขียนกติกาอย่างไรก็ได้

ถ้าปปช. อัยการสูงสุด ตำรวจ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ....เป็นคนของทักษิณ



อะไรจะเกิดขึ้น








ปล
เมื่อนางรังสิมาไปทำท่าอ้อร้อกับคนที่ฝันว่านอนกับตัวเอง
นี่เป็นการตบหน้าประชาชนที่ผมรับไม่ได้
ผมจึงขอกลับไปเป็นคนไม่เลือกปชป. เหมือนเดิม

กระทู้นี้ เป็นการบอกลาครับ
ขอให้ทุกท่านที่อยู่ข้างในหลวงและความเที่ยงธรรม จงประสบความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป




#535300 อภิสิทธิ์ตอบผู้ดำเนินรายการ ที่ บีบีซี.....คนอังกฤษฟังแล้วเหมือนถูกเอาเท้าลูบ...

โดย 55555 on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 20:42

"ขอให้ผมพูดนะครับ ผมได้เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งทั่วโลก กรณีการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ก็มีบางคนเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ของตน และก็ต้องมีการสอบสวน การมีผู้เสียชีวิตควรถูกตัดสินหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย แต่ไม่มีที่ไหนที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมารับผิดชอบกับปฏิบัติการใดๆ ก็ตาม"........อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ


http://www.mcot.net/...b01dabf3c009da0

ลอนดอน 22 ก.ค. – กรมอัยการอังกฤษ เผยว่า จะไม่มีการตั้งข้อหาตำรวจปราบจลาจลนายหนึ่งที่ถูกบันทึกภาพขณะผลักชายคนหนึ่งล้มลงไปกลิ้งกับพื้นในระหว่างที่มีการประท้วงการประชุมกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำและเศรษฐกิจเกิดใหม่ (จี20) ที่กรุงลอนดอนเมื่อปีก่อน และชายคนนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นายเอียน ทอมลินสัน พ่อค้าหนังสือพิมพ์วัย 47 ปี เสียชีวิตหลังบังเอิญติดอยู่ในการประท้วงหน้าธนาคารกลางอังกฤษเมื่อวันที่ 1 เมษายนปีก่อนซึ่งมีการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับกลุ่มต่อต้านทุนนิยมและนักรณรงค์สิ่งแวดล้อม ภาพวิดีทัศน์ที่มีผู้บันทึกได้ปรากฏภาพตำรวจนายหนึ่งผลักนายทอมลินสันลงไปกลิ้งกับพื้นที่ด้านหลัง จากนั้นไม่กี่นาทีเขาก็หมดสติ ภาพดังกล่าวจุดกระแสเรียกร้องให้สอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องการให้ตำรวจนายนั้นถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม

นายแคร์ สตาร์เมอร์ อธิบดีกรมอัยการอังกฤษ แถลงว่า หลังจากทบทวนหลักฐานอย่างละเอียดและรอบคอบ กรมอัยการเห็นว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเอาผิดกับตำรวจนายนั้นและไม่ควรมีการตั้งข้อหาใด ๆ เพราะหลักฐานทางการแพทย์ที่ขัดแย้งกันชี้ให้เห็นว่าคดีนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้

นายสตาร์เมอร์ กล่าวว่า นายทอมลินสันกำลังกลับบ้านขณะมีการประท้วงการประชุมจี 20 เขาไม่ได้เข้าร่วมประท้วงแต่บังเอิญติดอยู่ในนั้น ต่อมาถูกตำรวจใช้กระบองฟาดและถูกดึงล้มลงไปที่พื้น ภาพวิดีทัศน์เผยให้เห็นว่าขณะเกิดเหตุเขายืนล้วงกระเป๋าอยู่และหันหลังให้ตำรวจนายนั้น ผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นชี้ว่า เขาเสียชีวิต เพราะภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย แต่ผลการชันสูตรอีก 2 ครั้งต่อมาระบุว่าเสียชีวิตเพราะเลือดออกภายใน.-สำนักข่าวไทย


http://www.guardian....ainbow-alliance

คงจำกันด้วยเมื่อครั้งมีการชุมนุมประท้วง จี 20 ที่ลอนดอน

ครั้งนั้น มีผู้ประท้วงจำนวนมากทำร้ายเจ้าหน้าที่...บุกเข้าพังร้านค้า (ไม่ใช่เซ็นทรัลเวิลด์น๊ะครับ)

แถมยังมีการเผาอาคารร้านค้า กันอีกหลายเมือง..เรียกว่าเป็นจลาจลทั่วประเทศก็ได้

ที่อังกฤษ รู้ตัวใครทำให้ตายด้วย....นายกอังกฤษ ยังไม่เคยแม้แต่จะถูกข้อหาหรือถูกตั้งคำถาม


"เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เรามีการประท้วงโดยมีประชาชนที่มีอาวุธเข้าร่วม หากนี่เป็นการประท้วงโดยสันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญ และถูกกฎหมาย สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าพวกเขาไม่มีชายชุดดำ ซึ่งมีอาวุธ ยิงตำรวจ ยิงประชาชน ยิงทหาร ก็จะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น"

ที่อังกฤษ ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธด้วยซ้ำ..มือเปล่าอีกต่างหาก :lol:

คนสัมภาษณ์มัวแต่แย่ง พูด..พอกลับไปดูเทป..คงถึงบางอ้อ..นี่ ไอ้หนุ่มไทยมันด่าประเทศกรูเองนี่หว่า... :lol:

ที่เมืองไทย..ยังหาคนยิงไม่เจอ แต่เสือกกล่าวหาอดีตนายก จงใจสั่งฆ่าประชาชน..

ฮา...กว่า เชิญยิ้มอีก..

ส่วนกระบือไทย...ไม่ต้องใข้สมองคิด...แค่รอคาบน้ำลายขี้ข้าทักษิณมาเห่าไปเรื่อย..

:lol: :lol: :lol:


#376744 สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

โดย amplepoor on 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:29

กล่าวโดยรวมสรุปก็คือ พระมหากษัตริย์ ยังทรงเป็นแกนหลักในการสร้างบ้านเมือง และสร้างประชาชนในประเทศ ให้มีความเข้าใจและมีความรู้ที่ดีพอในการยืนหยัดกับโลกาภิวัฒน์ (ซึ่งโลกาภิวัฒน์นี้มันเริ่มมานานแล้วตั้งแต่อดีต ไม่ใช่เพิ่งเริ่ม) และที่เป็นสิ่งสำคัญของประเทศเราก็คือ คำว่า จริยธรรม

ผมจะใช้ข้อความของนายชด อธิบายความตื้นเขินของจิตร ภูมิศักดิ์ในเรื่องโฉมหน้าศักดินาไทยเสียหน่อย

จิตรใช้มุมมองที่ผิดพลาดในการศึกษา คือใช้ตำรามาร์กซิสที่เขาบอกไว้แล้วว่า ยกเว้น ใช้กับเอเชียไม่ได้ เพราะมีรูปแบบวิภีการผลิตที่ต่างไปจากของฆอเคซอย...แต่เป็นธรรมดาของเด็กเห่อของใหม่ จิตรน้อยก็อยากจะเป็นนักวิชาการสายนี้อย่างรวดเร็ว ก็เลยตัดเสื้อคลุมมาร์กซิส แล้วเอาประวัติศาสตร์ไทย ยัดเข้าไป แล้วสรุปอย่างสุดเท่ว่า “ประวัติศาสตร์แทนที่จะเป็น ประวัติศาสตร์แห่งการเคลื่อนไหวก้าวหน้าของประชาชน ตรงข้ามกลับเป็นประวัติ การสืบสันตติวงศ์ของกษัตริย์”

อ่านแล้ว ผมก็ขำในใจ มันเหมือนผมจะย้อนไปวิจารณ์จิตรมั่งแหละว่า เขียนแต่แนวคิดคอมมิวนิสต์ แทนที่จะเขียนแนวเสรีนิยม...ฮา ก็เขาบอกแล้วว่า เป็น"พงศาวดาร" หมายถึงวงศ์ของพวกเจ้า จะให้นักประวัติศาสตร์เจ้า มาเขียนเรื่องชีวิตชาวนาหรือ

จิตรยังสอบตกปรัชญาประวัติศาสตร์อีก เขาไม่รู้ว่า ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องแต่ง ไม่ใช่บันทึกเหตุการณ์ อยากรู้บันทึกเหตุการณ์ต้องไปอ่านปูมโหร...ซึ่งจิตรก็จะต้องตีโพยตีพายอีกว่า ไม่ยอมบันทึกความเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าของประชาชน บันทึกแต่วันนี้ฟันหัก วันนี้น้ำป่าไหลมาแต่เหนือเป็นสีแดง....บล่าๆๆๆๆๆๆ โธ่พี่ ไอ้คำว่าความเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าของประชาชนที่พี่ใช้น่ะ มันเพิ่งเกิดสมัยรัชกาลที่ 4 ก่อนหน้านั้นไม่มีใครรู้จัก เขาจะเขียนสิ่งที่เขาไม่รู้จักได้อย่างไร

แล้วเนื่องจากประวัติศาสตร์เป็นเรื่องแต่ง มันก็ต้องมีพล็อต มีตัวละคร มีเรื่องราว....อ๋าย ขนาดพวกพี่ๆ แต่งประวัติศาสตร์การต่อสู้ของตัวเอง ไม่เห็นพี่จะพูดถึงประชาชนเลย พี่ก็พูดแต่พวกพี่ๆ พวกแกนนำทั้งนั้น ต่อให้นายปรีดีเองก็เถอะ เขียนหนังสือมากี่สิบเล่ม มีพูดถึงการต่อสู้ของประชาชนใหม...ไม่มีครับ ไม่เคยศึกษาถึงกบฎชาวนาเลย ทั้งๆ ที่อ้างตัวเองว่าเป็นลูกชาวนา แล้วลูกหลานนายปรีดีล่ะ เป็นประชาชนที่ก้าวหน้าหรือเปล่า...โธ่ เห็นขึ้นชั้นเป็นกฎุมพีก้าวหน้ามากๆ กันทุกคน

เอาละ ลองมาดูการต่อสู้ของประชาชนที่ก้าวหน้าหน่อย...เรื่องซ้องกั๋งละกัน 108 ผู้กล้าไปชุมนุมที่เขาเหลียงซานต่อต้านศักดินา แล้วงัย พรรคคอมมิวนิสต์ออกมาประกาศว่า เป็นศักดินาน้อย เป็นวีรชนเอกชน หมายความว่าไม่เจ๋ง ว่างั้นเถอะ เออ แต่ศักดินาไทยสมัยร.5 ให้แปลมาทำเป็นบทละครเว้ยเฮ้ย

อีกคดี ชาวบ้านบางระจัน จิตรเคยกล่าวถึงใหม อิอิ
อีกคดี พม่าบุกล้อมกรุงศรี ชาวบ้านทำงัย ชาวบ้านหนีครับ ไม่สู้ ไม่ต่อต้าน โหยโคตรก้าวหน้าเลย
สุดท้ายพระยาตากก็นำพลตีหักออกไปเพื่อจะไปตั้งตนเป็นใหญ่ นี่ก็กองทัพชาวบ้าน แต่ก้าวหน้าหรือเปล่าเราไม่รู้ เพราะจิตรไม่ได้เขียน

จิตรไปเขียนเรื่องสนมมีศักดินาเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องสมัยพระบรมไตรโลกนาถโน่น แล้ววันที่จิตรเขียนหนังสือ ปรีดีก็โค่นกษัตริย์ไปแล้วด้วย แถมเขายังเลิกใช้ศักดินามานานนม เพราะเปลี่ยนมาใช้ประมวลกฏหมายอาญาตามแบบสากล เท่ากับยกเลิกวิธีปรับไหมตามศักดินาไปเกลี้ยงเกลา...ทั้งหมดนี้ ชี้ว่า จิตรเอาผีศักดินามาหลอกคนอ่าน เอาเรื่องที่จบไปแล้วมาปลุกระดม เปรียบเหมือนเอาเรื่องทรมานทาสเมื่อ 100 ปีก่อนมาอ้าง เพื่อจะล้มเจ้าในวันนี้ มันไร้สาระสิ้นดี

ทุกครั้งที่ผมอ่านเจอคำพวกนี้ ยืนหยัดต่อสู้ ก้าวหน้า ล้าหลัง.....ในสำนวนฝ่ายซ้าย ผมมักจะรำคาญเพราะคำขยายมันมากกว่าตัวเรื่อง จะเรียกว่าจิตรเป็นนักประชาสัมพันธ์ก่อนเป็นนักประวัติศาสตร์ก็คงไม่ผิด

แต่ผิดที่สุดก็ตรงที่จิตร ใช้กรอบทฤษฎีอันเหลวไหล มาบอกว่าสังคมไทยต้องเดินไปตามวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ (Historical Meterialism) อย่างเคร่งครัด คือยุคสมัยของสังคมมี 5 ขั้นตอน จากสังคมบุพกาล มาเป็นสังคมทาส แล้วเป็นสังคมศักดินา สังคมทุนนิยม ปิดท้ายต้องเป็นสังคมคอมมิวนิสต์

น่าสงสารที่จิตรตายเสียก่อน จึงไม่ได้เจอสังคมหลังคอมมิวนิสต์ที่มาร์กสเองก็นึกไม่ถึง คือสังคมคอมมิวนิสต์ที่เลิกเป็นคอมมิวนิสต์







ฮา


#375557 ขออำลาเพื่อนๆ ทุกท่านไปติดคุกครับ

โดย แมว มหาภัย on 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 06:35

ทำไปทำมา น่าจะกรรมการไล่นักมวยฝ่ายแดงลงเวทีแล้วละครับ ชกไม่สมศักดิ์ศรี
ขอผมมาแค่ชื่อจริง นามสกุลจริง ผมแถมเลขบัตรประชาชนไปให้ด้วย แล้วขอร้องให้ช่วยลัดคิวให้หน่อย ไม่อยากรอนาน

พอให้ไปจริงๆ มาโพสอะไรก็ไม่รู้หน่อมแหน่ม นึกว่า ผอ.ICT หัวหน้าฝ่าย DSI มาเอง รูปมวยไหว้ครูเสียสวย ***ชกหมาไม่แดก


#376447 สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

โดย SPDZ on 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:38

Posted Image

ลงลึกคงไม่ไหว ผมตีกินฉาบฉวยแนวนี้ดีกว่า ทำแบบที่ไอ้เซียมันทำ ทำย้ำๆ ทำซ้ำๆ


#376406 สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

โดย amplepoor on 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:41

สมศักดิ์ ไอ้ตี๋ที่พร้อมจะเชื่อเรื่องที่ตัวเองชอบ
ผมเอารูปงานศพมาให้ชมก่อน เพราะเรื่องเกี่ยวกับงานสวดพระอภิธรรมนายพลคนสำคัญ ซึ่งจะต้องมีคนมากันเต็มศาลากว่านี้
รูปนี้เป็นงานศพทหารหาญทั้ง 9 กรณีฮ. ตก
Posted Image

ถามว่า งานระดับนี้ แขกที่ไปฟังสวด จะมีโอกาสคุยกันมากขนาดใหนครับ ยิ่งเป็นแขกระดับประธานพิธีด้วย นั่งเด่นเป็นสง่า ต่อให้มีคนนั่งด้วยก็คงได้แต่เอ่ยทักทายกันแล้วก็นั่งสำรวมจนเสร็จพิธี เสร็จพิธีก็ยังต้องเป็นเจ้าภาพประเคน หลังจากนั้นก็คงจะมีคนมาห้อมล้อม เสนอหน้าเพื่อแสดงตัว บอกลา...บล่าๆๆๆๆๆๆ

ถามว่า ประธานดังกล่าวจะเอาเวลาตรงใหน มาเล่าเรื่องราวยาวยืดเต็มไปด้วยรายละเอียดอย่างนี้ ขนาดเราอ่านอย่างเดียว ยังอ่านเมื่อยเลย ที่พิศดารก็คือ ช่วงเวลาที่สนทนากันได้ จะมีเสียงรบกวนจากหมู่คนในงานนับพัน แต่คู่สนทนาสามารถเก็บรายละเอียดการสนทนาได้ทุกเม็ด อัจฉริยะจริงๆ (ผมทำตัวจางเพราะไม่อยากให้ความสำคัญกับข้อความ แต่ต้องลงเพื่อให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องแต่งที่ต้องนั่งจับเข่าสัมภาษณ์กันเท่านั้นแหละ จึงเก็บความได้ขนาดนี้)

แต่สมศักดิ์ไม่เหมือนผม เขาเชื่อเรื่องนี้ครับ เอาไปแต่งบทความต่อ.....เหอๆๆๆๆ
----------------
ระหว่างสวดพระอภิธรรม ข้าพเจ้าได้คุยกับพลเรือเอกสงัด เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน คำบอกเล่าต่างๆของคุณสงัดในฐานะเป็นหัวหน้าคณะปฏิรูป 6 ตุลาคม 2519 และในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นความรู้ซึ่งคงไม่ค่อยมีคนทราบ ข้าพเจ้าจึงขอบันทึกไว้ดังต่อไปนี้....

คุณสงัดเล่าให้ฟังว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2519 มีข่าวลืออยู่ทั่วไปว่า จะมีทหารคิดก่อการปฏิวัติ เหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น ฝ่ายซ้ายกำลังฮึกเหิมและรบกวนความสงบอยู่ทั่วไป จึงได้กราบบังคมทูลขึ้นไปยังในหลวงที่เชียงใหม่ซึ่งประทับอยู่ภูพิงค์ราชนิเวศน์ในขณะนั้นว่า จะขอให้คุณสงัดซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด (กับพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการฯ) กับพลเอกบุญชัย บำรุงพงศ์ ผู้บัญชาการทหารบก พลอากาศเอกกมล เดชะตุงคะ ผู้บัญชาการทหารอากาศขึ้นไปเฝ้า แต่ในหลวงโปรดเกล้าฯให้คุณสงัดเข้าเฝ้าคนเดียว ทั้งๆที่ตั้งใจว่าถ้าเข้าเฝ้าทั้ง 3 คนก็จะได้ช่วยกันฟังนำมาคิดและปฏิบัติโดยถือว่าเป็นพรสวรรค์

เมื่อคุณสงัดไปเฝ้าในหลวงที่ภูพิงค์ราชนิเวศน์นั้นได้ไปโดยเครื่องบิน เข้าเฝ้าคนเดียวอยู่ราว 2 ชั่วโมงครึ่งในตอนบ่าย ไปวันนั้นและกลับในวันเดียวกัน คุณสงัดบอกว่าไม่เคยเข้าเฝ้าในหลวงโดยลำพังมาก่อนเลย คราวนี้เป็นครั้งแรก ได้กราบบังคมทูลให้ทรงทราบถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่าเป็นที่น่าวิตก ถ้าปล่อยไปบ้านเมืองอาจจะต้องตกอยู่ในสถานะอย่างเดียวกับลาวและเขมร จึงควรดำเนินการปฏิวัติ

คุณสงัดเล่าต่อไปว่า อยากจะได้พรจากพระโอษฐ์ให้ทางทหารดำเนินการได้ตามที่คิดไว้ แต่ในหลวงก็มิได้ทรงรับสั่งตรงๆ คงรับสั่งแต่ว่าให้คิดเอาเองว่าจะควรทำอย่างไรต่อไป

คุณสงัดเห็นว่า เมื่อไม่รับสั่งตรงๆก็คงดำเนินการไม่ได้ จึงกราบบังคมทูลว่า ถ้าทางทหารยึดอำนาจการปกครองได้แล้วก็มิได้ประสงค์จะมีอำนาจเป็นใหญ่ต่อไป จึงอยากจะให้ฝ่ายพลเรือนเข้ามาบริหารประเทศ สมมุติว่าถ้ายึดได้แล้วใครจะควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากนั้น เสร็จแล้วคุณสงัดก็ได้กราบบังคมทูลรายชื่อบุคคลที่น่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีทีละชื่อ เพื่อจะได้พระราชทานความเห็น

คุณสงัดเล่าว่า ได้กราบบังคมทูลชื่อไปประมาณ 15 ชื่อ รวมทั้งคุณประกอบ หุตะสิงห์ หลวงอรรถสิทธิสุนทร คุณประภาศน์ อวยชัย คุณเชาว์ ณ ศีลวันต์ ด้วย แต่ก็ไม่ทรงรับสั่งสนับสนุนผู้ใด

เมื่อไม่ได้ชื่อบุคคลที่น่าจะเป็นนายกได้และเวลาก็ล่วงไปมากแล้ว คุณสงัดก็เตรียมตัวจะกราบบังคมทูลลากลับ แต่ก่อนจะออกจากที่เฝ้า ในหลวงได้รับสั่งว่า จะทำอะไรลงไปก็ควรจะปรึกษานักกฎหมาย คือ คุณธานินทร์ กรัยวิเชียร ผู้พิพากษาศาลฎีกาเสียด้วย คุณสงัดบอกว่าไม่เคยรู้จักคุณธานินทร์มาก่อนเลย พอมาถึงกรุงเทพฯก็ได้บอกพรรคพวกทางทหารให้ทราบแล้วเชิญคุณธานินทร์มาพบ

คุณสงัดบอกว่าได้ถามคุณธานินทร์ว่า ได้คุ้นเคยกับในหลวงมานานตั้งแต่เมื่อใด คุณธานินทร์บอกว่าไม่เคยเข้าเฝ้าในหลวงใกล้ชิดเลย แต่อย่างไรก็ดีคุณสงัดก็ได้เริ่มใช้ให้คุณธานินทร์เตรียมคำแถลงการณ์ต่างๆและเอกสารต่างๆให้พร้อม พิจารณาแล้วก็เก็บไว้ในตู้นิรภัยอย่างเอกสารลับ เพื่อจะนำไปใช้หลังจากการปฏิวัติแล้ว

คุณสงัดบอกต่อไปว่า ได้รอคอยโอกาสที่จะยึดอำนาจการปกครองอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้จังหวะ จนในที่สุดก็เกษียณอายุต้องออกจากราชการ เมื่อ 1 ตุลาคม 2519 เพื่อนฝูงนายทหารผู้ใหญ่ก็หาว่าคุณสงัดเตะถ่วง ซึ่งความจริงจะว่าจริงก็ได้ เพราะยังไม่มีเหตุผลหรือเหตุการณ์จะให้ทำเช่นนั้นได้ง่ายๆ และในหลวงก็ไม่ได้รับสั่งสนับสนุน

โดยที่คุณธานินทร์ได้ร่วมงานก่อการมาด้วยกันดังกล่าว คุณสงัดบอกว่า จึงไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะไม่กราบบังคมทูลให้ในหลวงตั้งคุณธานินทร์เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนข่าวลือที่ว่าคุณสงัดเสนอ 3 ชื่อ คือ คุณประกอบ คุณประภาศน์ และคุณธานินทร์ และในหลวงเลือกคุณธานินทร์นั้น ก็เป็นเรื่องเล่าๆกันไปอย่างนั้นเอง
http://www.2519.net/...s_id=13&d_id=21

ด้วยมาตรฐานอย่างนี้ การที่สมศักดิ์อ้างอิงวิกิลีกอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมาตรฐานอย่างนี้ แต่งเรื่องเสียเองก็ไม่เห็นจะแปลก


#376326 สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

โดย amplepoor on 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:26

ผมว่า คนเราติดนิสัยแบบนึง คือชอบรู้เรื่องที่ลึกลับ ตัวกูรู้เรื่องที่คนอื่นไม่รู้ มันทำให้รู้สึกเหนือกว่าคนอื่น

สาวกไอ้หงอกคงคิดแบบนี้


คอมมิวนิสต์ไทย ใช้เรื่องนี้หากินมาแต่ใหนแต่ไรแล้วครับ
มันเป็นอาวุธมวลชนที่สำคัญอย่างหนึ่ง....ผมจำได้ว่าเมื่อในหลวงประชวรครั้งสำคัญสัก 20 ปีก่อน(อาจจะจำผิด) จนต้องมีการสวดมนต์ทั่วประเทศ ฝ่ายซ้ายในเมืองเล่นข่าวลือกันอย่างหนัก

กลเม็ดนี้ ใช้หากินได้ ไม่จำกัดพ.ศ. ครับ


#376320 สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

โดย amplepoor on 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:22

จัดทำงบประมาณแผ่นดิน ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2439 โดยแยกพระราชทรัพย์ของพระองค์ออกจากรายได้ของแผ่นดิน ตั้ง พระคลังข้างที่ ขึ้นสำหรับจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สำหรับรายได้ภาษีอากรของแผ่นดิน ให้พระคลังมหาสมบัติเป็นผู้ควบคุมดูแล

สมัยร.5 จะมีงบสำหรับพระคลังข้างที่ปีละ 6 ล้านบาท


ผมลืมเพิ่มรายละเอียดตรงนี้ไป ทั้งที่มีความสำคัญมาก
การทำงบประมาณแผ่นดิน ผมเคยเล่าไปแล้วว่า เพราะเราต้องกู้เงินมาทำทางรถไฟ เพื่อจะไม่ต้องให้อังกฤษมาขอสัมปทาน ซึ่งจะทำให้เกิดที่เช่าผ่ากลางประเทศเป็นเวลา 100 ปี ......ที่ปรึกษาฝรั่งก็จัดทำแผนงานสำเร็จแล้ว ขาดแต่งบดุลประเทศที่ต้องแนบไปด้วย ทำให้เกิดการทำงบประมาณเป็นครั้งแรก

สมเด็จดำรงบอกว่า ฝรั่งอึดอัดใจเพราะจะต้องลงในรายจ่ายประจำว่า เงินเดือนพระเจ้าแผ่นดินมีจำนวนผูกมัดปีละเท่าไร ไม่มีใครกล้ายกประเด็นนี้ทูลถาม จู่ๆ ก็พระราชทานลงมาเองว่า ปีละ 6 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นคิดว่าน่าจะพอ...แต่แล้วก็ไม่พอ

ประเด็นของผมก็คือ ไม่ว่าจะทรงใช้เงินไปเท่าไรในการเสด็จยุโรปครั้งที่ 2 คราวไกลบ้าน ก็เป็นเงินส่วนพระองค์ เพราะครั้งนี้เสด็จรักษาตัว อาจจะเรียกว่าเป็นซาบาตติเคิล ลีฟก็คงได้ มีการแยกส่วนของค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลออก กับที่ทรงออกเองไว้ชัดเจน

การที่ยกข่าวพวกนี้มาเพื่อจะโจมตีว่าทรงฟุ่มเฟือยนั้น หากว่าจริงก็เงินท่าน ไม่ใช่เงินแผ่นดิน คนที่อยากจะโจมตีราชสำนักเรื่องการใช้จ่าย จะต้องมีหลักคิดที่ชัดเจนถูกต้องเสียก่อน สมัยนั้นผู้ชายมีเมียมาก (เฮอะ...มาร์กส์เอง ยังมีเมียมากเลย) ก็ต้องไปหาข้อมูลมาโจมตีอย่างถูกต้องว่า ที่ท่านเลี้ยงเมียน่ะ ใช้เงินแผ่นดินหรือเงินส่วนพระองค์


#374409 ขออำลาเพื่อนๆ ทุกท่านไปติดคุกครับ

โดย แมว มหาภัย on 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:53

ได้ข่าวว่า กล็อค ที่พม่า หมื่นกว่าๆก็จับได้จริงหรือเปล่าผู้กอง หามาฝากสักลำหนึ่งซิ


#372002 สงครามนกกระสา

โดย กรกช on 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:28

เหอะ เหอะ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ไม่ใช่แบบประเทศแถวตะวันออกกลาง
ขนาดประเทศที่เป็นระบบเผด็จการ ประชาชนยังแยกเป็นสองฝ่ายเลย
แล้วประเทศประชาธิปไตย มันจะแยกเป็นกี่ฝ่าย
ถ้ามองอะไรง่าย ๆ ไม่เดินตามระบบที่เขามีไว้ มันก็เป็นได้แค่นิทาน
ในกระดาษนั่นแหละ โอกาสที่จะไปปลุกประชาชนที่ไม่เดือดร้อนจน
เลือดตากระเด็นมันยาก เสียเวลา เอาเวลาไปรวบรวมคนที่มีแนวคิด
เดียวกันตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาสู้ตามวิถีทางไม่ดีกว่าหรือ 5555555555


การมีหลายฝ่ายในเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องปกติไม่ว่จะปกครองระบอบไหน ตรงนั้นใช่

แต่ประเด็นในบทความนี้คือ ไม่ว่าฝ่ายไหน ก็นกกระสาทั้งนั้น ชาวกบมีแต่ตายกับตาย
เลือกฝ่ายหนึ่งอาจตายช้าหน่อย แต่ก็ตายแน่ ถ้าเลือกอีกฝ่ายก็ตายแบบเร่งด่วน

การจะให้คนไทยตื่นจากเรื่องนี้ถึงยาก แต่การพยายามหาทางออกก็ย่อมดีกว่าอยู่เฉยๆยอมรับสภาพ
สมัยนี้โลกออนไลน์มันสื่อสารกันได้เร็ว ก็น่าจะมีประโยชน์

แต่จากประสบการณ์ในการคุยในเว็บบอร์ดการเมืองถึงวันนี้
ทำให้ผมคิดว่า สิ่งที่ยากที่สุด ไม่ใช่การทำให้คนไทยได้รับรู้เข้าใจตรงนี้

แต่ที่ยากคือ การทำให้ชาวกบส่วนหนึ่งที่สมยอมเป็นเหยื่อนกกระสา เปลี่ยนใจมาต่อต้านนี่แหละ

ส่วนการจะรวบรวมคนที่มีความคิดแนวเดียวกันมาตั้งพรรคการเมือง
แล้วลงเลือกตั้งเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล แล้วแก้ไขปัญหา ผมว่ามันเป็นอะไรที่ยากกกกกก

การเมืองบ้านเราก็รู้ๆอยู่ว่าเป็นยังไง ทั้งเงิน ทั้งหัวคะแนน ทั้งอิทธิพล ฯลฯ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ


#371012 สงครามนกกระสา

โดย กรกช on 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 11:31

ผมเข้าใจว่า คุณ กรกช ต้องการให้ประชาชนหยุดทำตัวเป็น "เครื่องมือ" ให้เขาใช้ ผมเข้าใจถูกไหม
ในขณะที่ คุณเฮนไต เหมือนจะเสนออะไรออกมา แต่ผมจับใจความไม่ได้ รบกวนช่วย แถลงให้ชัดๆซักหน่อยนะครับ
คือผมมันคนด้อยการศึกษา รบกวนช่วยใช้ภาษาที่ ชาวบ้านแบบผมเข้าใจง่ายๆทีนะครับ


ถูกครับ แต่ผมคิดว่าแค่หยุดเป็นเครื่องมือก็ยังไม่เพียงพอ แต่ต้องรวมพลังสามัคคีกันด้วย เพื่อหาทางออกปัญหานี้

แต่ปัญหาหนึ่งที่ใหญ่หลวงก็คือ จะทำยังไงให้กบส่วนหนึ่งตื่น ตาสว่าง แล้วหันมาสามัคคีกันอย่างพร้อมใจกันได้
เพราะดูแล้วยังมีกบที่ยินดี ยินยอม ที่จะเป็นเหยื่อให้นกกระสากินอยู่ ดูตัวอย่างจากบางความเห็นในนี้ได้


#370849 สงครามนกกระสา

โดย กรกช on 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:33

วันนี้ประชาชนอย่างพวกเราถูกใช้เหมือนเป็นจิ้งหรีดที่เขาปั่นให้สู้กัน
แท้จริงแล้วความขัดแย้งทางการเมืองในวันนี้เป็นสงครามระหว่าง


กลุ่มทุนการเมือง กับ กลุ่มทุนการเมือง

จะขอขยายความตรงนี้อีกสักเล็กน้อย การเมืองไทยจะมีคนอยู่สองกลุ่ม
กลุ่มหนึ่งคืออภิมหาเศรษฐีและนักการเมืองไม่กี่ตระกูล ที่เหลือก็คือประชาชน


อย่างพวกเราทั้งหลาย ประชาชนที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพเพื่อส่งเสียมหาเศรษฐีเหล่านี้
พวกนี้แหละคือตัวที่ปล้นประชาชน ซึ่งคอยเบียดบังและเบียดเบียน
กินเนื้อและสูบเลือดประชาชนในรูปแบบที่แยบยล ซึ่งมักมาในรูปของธุรกิจผูกขาด
หรือโครงการขนาดยักษ์ ตลอดจนสัมปทานต่างๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

กระบวนการปล้นประชาชนมักมีองค์ประกอบสำคัญสามอย่าง คือ
นักการเมือง นายทุนใหญ่ และข้าราชการระดับสูง

สามอย่างนี้คือสูตรสำเร็จของคอร์รัปชั่น บางคนก็เรียกว่าสามประสาน บางคนเรียกสามชั่ว แต่ผมเรียกมันว่า

" สามเหลี่ยมทรราช "

จนกระทั่งวันหนึ่ง ไอ้สามเหลี่ยมทรราชนี้มันทะเลาะกันเอง

กลายเป็นสามเหลี่ยมสองอันรบพุ่งแย่งชิงอำนาจกันเอง
สามเหลี่ยมทรราชฝ่ายหนึ่งเป็นของเศรษฐีใหม่ คือนายทุนของไทยรักไทย เช่น ชินคอร์ป เอไอเอส เป็นต้น
ส่วนสามเหลี่ยมอีกอันหนึ่งก็คือเศรษฐีเก่า ต่างก็มีนักการเมือง และข้าราชการสังกัดฝ่ายของตน


พอเศรษฐีเก่ากับเศรษฐีใหม่รบกัน พวกเราคนที่ไม่มีโอกาสเป็นเศรษฐี
ไม่ว่าจะเป็นทั้งอย่างเก่าหรืออย่างใหม่ ก็เลยต้องออกมาตายแทน

ถ้าจะเล่าเป็นนิทานอีสป ก็พอเล่าได้ว่า


ณ กาลครั้งหนึ่ง มีนกกระสาสองตัวจิกตีกัน แต่เอาแพ้เอาชนะกันไม่ได้ ต่างจึงไปเกณฑ์เอากบมาช่วยรบ
ฝ่ายหนึ่งก็ไปเอากบมาทาสีแดง อีกฝ่ายเอากบมาทาสีเหลือง แล้วปล่อยให้กบมารบกัน

ผมขอถามว่า แล้วไอ้ที่รบกันตายกันข้างถนนนี่ เป็นนกกระสาตายหรือกบตาย?

กบตายทั้งนั้นแหละ ความจริงเรื่องมันน่าอนาถกว่านั้นอีกเพราะว่า

ถ้านกกระสาตัวใดสามารถเอาชนะนกกระสาอีกตัวได้อย่างราบคาบ
ตัวชนะก็จะกินกบทั้งสองสี หรือถ้าหากนกกระสาสองตัวเจรจากันได้

มันก็จะเอากบทั้งหมดมาแบ่งกันกินอย่างปรีดิ์เปรมยิ่ง

การต่อสู้เท่าที่เป็นอยู่วันนี้เป็นเพียงการต่อสู้กัน เพื่อตัดสินใจแทนประชาชน

ว่าควรดื่มเบียร์ช้างหรือเบียร์สิงห์ดี จะใช้โทรศัพท์เอไอเอสหรือดีแทคหรือทรูมูฟดี
เวลาเจ็บป่วยจะไปโรงพยาบาลพระรามเก้าหรือโรงพยาบาลกรุงเทพ
เวลาขึ้นเครื่องบินควรจะใช้แอร์เอเชียหรือบางกอกแอร์เวย์
และเวลาสร้างถนนควรใช้อิตาเลียนไทยหรือซิโนไทยดี

ถ้าจะต่อสู้กันเพื่อประโยชน์เพียงแค่นี้ เราจะไปต่อสู้ทำไม?

แท้จริงแล้วมวลชนทั้งฝ่ายเหลืองและฝ่ายแดงต่างก็ไม่ใช่ศัตรูของกันและกัน

แต่ศัตรูตัวจริงของมวลชนทั้งสองฝ่ายคือสามเหลี่ยมทรราช

ที่ผ่านมาประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศจะเป็นเหยื่อตลอดกาล ไม่ว่าใครจะเข้ามาปกครองประเทศ

ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมองเห็นปัญหาตามความเป็นจริงและรู้ทันทรราช
มวลชนทั้งฝ่ายเหลืองและฝ่ายแดงต่างก็มาต่อสู้กับความอยุติธรรม
ต่อสู้กับสองมาตรฐาน ต่อสู้เพื่อหาความเป็นธรรมในสังคม


และมาต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทย

โดยพื้นฐานแล้วมวลชนทั้งฝ่ายเหลืองและฝ่ายแดงจึงไม่มีความแตกต่างกัน
เพียงแต่ว่าความอยุติธรรมในสายตาของฝ่ายเหลืองเกิดจากกลุ่มทักษิณ
ทว่าความอยุติธรรมในสายตาของฝ่ายแดง เกิดจากกลุ่มประชาธิปัตย์ผนวกกับกลุ่มอำมาตย์ ซึ่งแท้จริงแล้วก็ถูกต้องทั้งคู่

เราชาวกบทั้งหลาย เคยรู้ตัวหรือไม่ว่าพวกเราชาวกบ

ล้วนถูกพวกนกกระสาที่พวกเรานับหน้าถือตาเห็นเราเป็นอาหาร พากันสูบกินกบเราจนอ้วนพี
และเมื่อนกกระสาเกิดแตกคอกันขึ้นมา เพราะแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว
พวกมันก็มายุยงพวกกบอย่างเรา ให้แบ่งสี เลือกข้าง ให้พวกเราสู้กันเองเพื่อพวกมัน

เมื่อนกกระสาตัวใดตัวหนึ่งชนะ กบทุกสีก็จะถูกกินอยู่ดี...


ทักษิณประกาศตัวสู้กับอำมาตย์ ทำตัวเป็นหัวหน้าไพร่

โธ่!! ใครจะโง่พอที่จะมองว่าทักษิณเป็นไพร่ ไพร่อะไรมีเงินเป็นแสนล้าน
แท้จริงแล้วทักษิณเป็นอภิมหาอำมาตย์ต่างหาก

ในช่วงที่ทักษิณมีอำนาจใหญ่คับฟ้า ในหมู่นักธุรกิจต่างรู้กันดีว่า
จะไม่มีโอกาสทำมาหากินได้เลย ถ้าไม่ใช่พวกทักษิณ

ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองทุกวันนี้ จึงเกิดจากการเสี้ยมของ
สามเหลี่ยมทรราชสองกลุ่ม ให้มวลชนปะทะกันเอง โดยความจริงแล้ว
สามเหลี่ยมทรราชทั้งสองกลุ่มนั่นแหละคือศัตรูของประชาชน


ทั้งกลุ่มทักษิณและกลุ่มอำมาตย์ต่างก็สร้างปัญหาให้กับประเทศพอกัน

ดังนั้น เราควรที่จะต้องร่วมกันเพื่อกำจัดสามเหลี่ยมทรราช

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเหลืองหรือฝ่ายแดง และอย่าเพียงเพื่อเปลี่ยนจากสามเหลี่ยมทรราช
ของพรรคหนึ่งไปเป็นของอีกพรรคหนึ่ง แต่ควรที่จะต้องทำแบบล้างบ้านล้างเมือง
ซึ่งไม่ใช่ทำโดยนักการเมืองกะล่อนสอพลอ หรือโดยทหารที่หลังปฏิวัติแล้วก็เอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง


แต่ต้องขับเคลื่อนโดยประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเรา
เพื่อสร้างรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงกันเสียที

ผมขอร้องท่านทั้งหลายว่า หน้าที่ของประชาชนที่สำคัญที่สุดนั้น

ไม่ใช่เพียงแต่กระทำความดี แต่ต้องขัดขวางและปราบปรามคนชั่วด้วย
แม้พวกเราคนดีนับพันคนร่วมกันทำความดีนับพันวัน
ก็จะยังไม่สามารถชดเชยความชั่วที่นักการเมืองเพียงชั่วคนเดียวทำในเวลาหนึ่งวัน

ถึงเวลาแล้วครับที่พวกเราคนไทย จะต้องมาร่วมใจกันทุบทิ้งและสร้างใหม่การเมืองไทย

ดร. วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์
กรรมการผู้อำนวยการ สถาบันสหสวรรษ


http://www.rsunews.n...8784fa884dc.pdf


#370743 สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

โดย ดราม่า on 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:16

เงินส่วนพระองค์ของพระราชวงศ์ท่านก็พากันสละมาไถ่บ้านเมืองคราว ร.ศ.112 ทำไมตรงนี้สมศักดิ์ละเว้นไม่พูดถึง?

แล้วผมไม่เชื่อว่าซื้อเยอะขนาดนั้นด้วย!

ความ เป็นมาของเงินถุงแดง มีเรื่องเล่าว่า สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงรับสั่งให้เก็บเงินไว้ในถุงแดง มีเจ้านายคนหนึ่งถามว่า จะเก็บเงินส่วนนี้ไว้ทำอะไร ทรงมีพระราชดำรัสเล่นๆ ว่า “จะเก็บเอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง” ไม่คาดฝันว่า ในที่สุดก็ได้นำมาไถ่บ้านไถ่เมืองจริงๆ

เมื่อโปรดเกล้าฯให้เอาออกมานับ ปรากฏว่าได้ถึง 3 หมื่นชั่ง หรือประมาณ 2,400,000 ฟรังก์เท่านั้น ส่วนที่ยังขาดอยู่ จำเป็นต้องหามาเพิ่มเติม ถ้าหามาไม่ได้ทันเวลาที่กำหนด บ้านเมืองสยามยามนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หมาป่าเจ้าเล่ห์จะตะครุบอะไรสวาปามเข้าไปอีก

เมื่อประชุมกันแล้ว ทางออกก็คือ รวบรวมเอาจากพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการฝ่ายใน กลางสถานการณ์คับขัน บ้านเมืองตกอยู่ในมรสุมอันบ้าคลั่ง ทุกคนต่างช่วยผ่อนคลายได้ดี ในที่สุดเงิน 3 ล้านฟรังก์ก็ได้ครบจำนวน

เงินนี้ “ต้องใช้รถม้าบรรทุกกันออกมาจากพระบรมราชวังเป็นขบวนยาวเหยียด ผ่านฝูงชนที่มามุงดูกันที่ประตูวังแน่นขนัด ต่างพากันส่งเสียงร้องไห้กันระงม เซ็งแซ่ ล้อรถม้าบดเป็นทางยาวไปบนหินปูนบนถนนในวังเป็นรอยล้อรถที่ขนเงินจำนวนมาก มหาศาลไปครั้งนั้น ซึ่งหนักมากเพราะเป็นเงินแท้ๆ หลายร้อยถุง”

รอยล้อรถม้าที่บดหินแตกด้วยความหนักของเงิน ไหนเลยจะเท่าความปวดร้าวของใจชาวสยามยามเมื่อ พ.ศ.2436 นั้น แม้เราจะสูญเสียอย่างหนักหน่วง แต่ฝรั่งเศสกลับหาได้เอมอิ่มกับน้ำตาของสยามไม่ ในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส ยังตัดพ้อขุนนางสยามด้วยว่า นำเงินใส่กระสอบป่านคุณภาพไม่ดีเอาไปให้ ทำให้ฝรั่งเศสต้องลำบากในการขนย้าย

ดังปรากฏว่าข้อในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส ฉบับวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1893 ว่า...

“เรือลูแตงของเราได้ขนย้ายเงินอันเป็นสินไหม ค่าปรับในการของเราที่ปากน้ำเป็นเหรียญเงินเม็กซิโกจำนวน 801,282 เหรียญ โดยมีน้ำหนักเหรียญละ 27 กรัม รวมทั้งสิ้น 23 ตัน แล้วในที่สุดเงินก็ถูกขนออกมาจากบางกอกโดยเรือเพียงลำเดียว...

“เมื่อมาถึงนั้น เรือเพียบหนักจนกราบเรือปริ่มน้ำหมด ทุกห้องในเรือใช้บรรทุกกระสอบใส่เงินกองเป็นภูเขาเลากา เสนาบดีคลังของสยามนี้น่าถูกตำหนิที่สุด ได้ใช้กระสอบป่านคุณภาพเลวใส่เหรียญจำนวนมากนี้ทำให้กระสอบขาดชำรุดใน ระหว่างเดินทางมา คนของเรานำขึ้นมาจากเรือไม่ได้ ต้องนำถังตวงนับร้อยใบลงเรือไปขนขึ้นมา”

http://thaiforgetit....011/06/112.html


ก่อน พ.ย.2445 เรายังใช้มาตราฐานเงินโดยใช้เหรียญเงินดอลลาร์เม็กซิโก หลัง2445 เราเปลี่ยนเป็นมาตราฐานทองคำโดยอิงเหรียญทองปอนด์สเตอร์ลิงค์

เพิ่มเติม คิดเงินที่ฝรั่งเศษปล้นไปเป็นค่าเงินพ.ศ.2555

23 ตัน = 811,301.125 ออนซ์ (881ดอลล่าห์ต่อออนซ์ตามมูลค่าพ.ศ.2555) คิดเป็นเงินประมาณ714,756,181us

คิดเป็นเงินบาทตามมูลค่าเงินปัจจุบัน 22,479,081,892.45บาท


เงินค้าขายถือเป็นเงินส่วนพระองค์ที่เป็นมรดก เงินจากจากพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการฝ่ายใน ....

ผมว่าถ้าสมศักดิ์ ยังมาจ่องจับผิดกับแค่พระองค์ท่านซื้อเพชรซื้อเครื่องประดับมาฝากฝ่ายใน

ไอ้สมศักดิ์คือลูกจีนเนรคุณแผ่นดิน โครตเตี่ยโครตอาม่ามันโล้สำเภามาสบายเมืองไทย ไม่ใช้ให้มันมาลำเลิกกับ เสด็จพ่อร.5 (นี่ผมด่าในฐานะลูกจีนด้วยกันนะครับ)