Jump to content


baezae

Member Since 18 February 10
Offline Last Active 26 August 13 07:09
-----

#682794 อะไรคือผลของค่าเงินบาทที่กำลังแข็งตัว

Posted by เคนอิจิ-นามิ on 19 April 2013 - 22:40

อ้าว

ตกลงมีใครสอนผมได้มั้ยครับ ว่าผมเข้าใจผิดหรือถูก อยากปรับปรุงตัวเองน่ะครับ

ผมคิดว่า prediction ability ควรจะเป็น predictive ability มากกว่า

ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ??

 

 

เดี๋ยวรอเคนนะ

:D

อ้าว... อันนี้ไม่มีเฉลยนะ จะตอบได้ไหม อิอิอิ 

 

ability เป็นคำนาม ส่วนใหญ่ จะใช้เป็น ability of Noun 

a·bil·i·ty  (schwa.gif-bibreve.giflprime.gifibreve.gif-temacr.gif)

n. pl. a·bil·i·ties
1. The quality of being able to do something, especially the physical, mental, financial, or legal power to accomplish something.
2. A natural or acquired skill or talent.
3. The quality of being suitable for or receptive to a specified treatment; capacity: the ability of a computer to be configured for use as a file server.See Usage Note at able.

 

หรือจะใช้ able to Verb

 

 

โดยปกติแล้ว N สองตัวจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ต้องเปลี่ยน 1 ตัวเป็นคำขยาย

 

 

Predictive ability จะเป็นคำขยาย ability หมายถึง สามารถคาดเดาได้ ได้ หรือเทียบเท่า Predictability

 

คำขยายที่นิยมใช้ทั่วไปคือ present participle (verb + ing)

 

ส่วน Prediction ability ซึ่งน่าจะหมายถึง ความสามารถ ในการคาดเดา (ability of Prediction) มากกว่านะครับ แต่ถ้าจะฟังพริ้วๆ ก็ต้องเป็น Predicting skill หรือ computer skill / driving skill อะไรแบบนี้ไงฮะ 

 

 

 

อ้อ ลืมบอกไป noun ขยาย noun ก็มีครับ เช่น rain forest / teacher assistant / application consultant 

คิดว่า น่าจะแล้วแต่ สไตล์ ว่า จะขยายอะไรแบบไหน 

แต่ Predictive ability กับ Prediction ability คนละความหมายนะครับ 




#682719 อะไรคือผลของค่าเงินบาทที่กำลังแข็งตัว

Posted by เคนอิจิ-นามิ on 19 April 2013 - 21:34

เคนเรียน AUA มาเหรอ เก่งแฮะ  :D

 

ลองข้อนี้ซิ

 

FYI, I am not ashame for that, as it is what I am, not someone or something I pretend to be.

 

ผิดตรงไหน

บอกแล้วว่า ข้อสอบรั่ว 5555 

 

FYI, I am not ashameD for that, as it is what I am, not someone or something I pretend to be.

 

ความรู้สึก ต้องเป็น past participle / i'm interested / i'm bored

มีครั้งนึง เพื่อนผม(คนไทยที่เรียนด้วยกันนี่แหละ) พูดว่า "I bore you!!" น้ำลายผมแทบพุ่ง 5555555

แทนที่จะบอกว่า มันเบื่อผม แต่ประโยคนี้ มันคือ มันทำให้ผมเบื่อ :D 




#682711 อะไรคือผลของค่าเงินบาทที่กำลังแข็งตัว

Posted by เคนอิจิ-นามิ on 19 April 2013 - 21:25

 

 

 

 

 

 

ข้าบอกเอ็งไม่รู้กี่ทีแล้ว...เวลาจะโคว๊ดความเห็นข้า แล้วตอบโต้

ให้กล้บไปดูความเป็นมาก่อน...ไอ้เคน...

:lol:

ผมบอกกี่ครั้งแล้ว
ให้อ่านกี่รอบ ผมก็ไม่เห็นเหมือนคุณ ^^
อย่าคาดหวังความเข้าใจ หากการสื่อสารยังบกพร่องส์ ^0^

"แต่มันเชี่ย ที่เจือกมาดูถูกคนไทยว่ะ
เอ็งไม่รู้สึก ก็เรื่องของ แต่ข้ารู้สึกโว้ย"

ลืมบอกไป ผมว่า ผมรู้สึกก่อนคุณนะ และคนในเวบนี้ ก็มีตั้งหลายคนที่ดูถูกคนไทยด้วยกัน
แต่คงทำดัดจริต มองไม่เห็นตามเคยสินะ ^0

 

แต่ความจริง ไม่ได้แค่บอกว่า เค้ามีการศึกษาสูง

เค้าบอกว่า คนจบปริญญาตีเมืองไทย มันยังโง่กว่า เด็กอนุบาลอเมริกัน

ถ้าเอ็งไม่รู้สึกว่าเค้าดูถูก...นั่นก็เรื่องของเอ็งแล้วไอ้เคน

 

มันแกล้งหลับตาไม่เห็นตรงนี้ นี่คือความตอแหลของกลุ่ม 3 แต๋ว

 

 

อนุบาลถูกแล้วครับ ผมเห็น

แต่คนที่ไม่เห็น คือเกย์เฒ่าขำกลิ้ง ไม่เห็นว่าสลิ่มดกหลายคนดูถูกรากหญ้าว่าควาย ไร้ความรู้
แต่ดัดจริต ว่าคนดีว่า ดูถูกคนไทย
^^
ถ้าเอ็งอ่านแล้ว ไม่คิดว่าไอ้สารเลว(ที่เขียนหยาบ ๆ คาย ๆ ใส่ บุคคลที่คนไทยเคารพ)ดูถูกคนไทย ก็แล้วแต่เอ็งอีกตามเคย..
 
:lol: 

 

ผมไม่เข้าใจแค่ว่า ทำไม คนเรียกคนเป็นควาย คุณอยู่เฉย เท่านั้นเอง 
แต่ถ้าจะไม่บอก มันก็แล้วแต่คุณ เพราะผมคิดว่า คงไม่มีเหตุผลในโลกหรอก นอกจาก "มันเรื่องของคุณ"   :rolleyes:

 

 
 
เวลาใครด่าพ่อล่อแม่เคน... เคนก็ด่าพ่อล่อแม่เค้ากลับ...มันก็พอสมเหตุสมผล
 
แต่ถ้าเวลาใครด่าพ่อล่อแม่เคน....เคนไปก่นด่าโคตรเง่า เค้า....อันนี้ก็ถือว่าเลวทรามไปหน่อย..
 
:D 

ถ้าผมโกรธ ที่เขาด่าพ่อแม่ผม ผมจะไม่ด่าพ่อแม่เขา เพราะผมถือการไม่ด่าพอแม่ใคร ถ้าผมด่า แปลว่าผมไม่ถือ 
 
คุณจะว่าผมเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ ผมไม่ถือ แต่ผมไม่อยากจะเรียกตอบ เพราะผมให้เกียรติทุกเพศ โดยเฉพาะเพศตัวเอง 
แต่ถ้าไม่มีใครให้เกียรติกัน ผมก็คงไม่จำเป็นต้องยักอะไร
 
แต่คนที่ด่าพ่อแม่คนอื่น ไม่ว่าจะโดนด่ากลับหรือไม่ ถือว่าเลวทรามต่ำช้าในสันดาล อยู่แล้ว 
ไม่ใช่ถ้ามีคนโต้ทรามกว่าแล้วเขาจะไม่ทราม 
 
 

ใครรู้บ้างว่าประโยคนี้ผิดตรงไหน?
 
In fact, I cannot help using this style in any types of communication, whether it would be formal or not.

 
 
ผิดตรงที่มันไม่เกี่ยวกับทู้ไง..
 
โง่ป่าวคิดไม่เป็น...นี่ยังไม่รู้สึกทุเรศตัวเองมั่งรึ
 
เปิดประเด็นใหม่ ๆ ไปเรื่อย...

 
In fact, I cannot help using this style in any types of communication, whether it would be formal (or not.) 
 
:) 

จริงๆ คำว่า whether ด้วยพื้นฐานของรูปประโยคมันแล้ว ไม่ต้องมีคำว่า or not ก็ได้นะครับ :)

 

อ้อ....... เพิ่มเติมให้ว่า จุด (.) full stop ถ้าท้ายประโยคเป็น วงเล็บ ต้องอยู่ข้างในวงเล็บนะครับ เห็นผิดกันเยอะ 




#594180 Albert Einstein: "มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ แต่กลับหวังผลลั...

Posted by Gop on 9 February 2013 - 00:29


ถ้าไอน์สไตน์ผิด อิทัปปัจจยตาก็ผิดหล่ะครับ :-)


ปัญหาคือ คุณเข้าใจผิดครับ!!
ถ้าไอน์สไตน์ถูก หลักความไม่เที่ยงจะผิดครับ!!!!
 
คือจริง ๆ ไอน์สไตน์แกก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียวนะครับ
 
เพราะแกบอกว่า ถ้าทดลอง "เหมือนเดิม" ทุกครั้ง ต้องได้ผลเหมือนเดิมทุกครั้ง
 
ทีนี้ในความเป็นจริง เหตุการณ์ที่เกิดซ้ำ ๒ ครั้ง องค์ประกอบมันไม่มีทางที่จะ "เหมือนเดิม" กันได้แบบเป๊ะ ๆ
 
ไอน์สไตน์แกเลยเซฟตัวเองด้วยคำอ้างที่ว่า "ถ้าผลมันไม่เหมือนเดิม แปลว่ามันมีสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม ที่เราไม่รู้"
 
เรียกว่า หาทางรอดให้ตัวเองไว้เรียบร้อย

ผมยืนยันว่าไม่ใช่ครับ อย่างที่คุณ Ridkun บอกนั้นถูกแล้วครับ!!

ฟังดูเหลือเชื่อ แต่การทดลองล้วนสนับสนุนหลักการพื้นฐานของ quantum mechanics ครับ

คือตัวทฤษฎี สามารถทำนายได้เพียงแต่สิ่งที่เรียกว่า wave function ซึ่งใช้คำนวณหาความน่าจะเป็นของผลการทดลองอีกที แม้ว่าเราจะระบุสถานภาพเริ่มต้นของอนุภาคหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ ( เช่นกำหนดโดยจินตนาการของเราเลย ) แต่ตัวคณิตศาสตร์จะให้ผลทำนายเหตุการณ์ต่อจากนั้นออกมาแบบนับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าผลที่เป็นไปได้แต่ละอย่างนั้นจะมีความน่าจะเป็นไม่เท่ากัน สิ่งที่เราวัดได้ที่ดูเหมือนเที่ยงนั้น ความจริงแล้วเป็นเพราะความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นสูงมากครับ ( ใกล้ 1 )

เรื่องบางอย่างในวิทยาศาสตร์ ฟังแล้วอาจจะดูเหลือเชื่อกว่านิยายอีกครับ แต่มันเป็นความจริง!!


#482635 40 ข้อเท็จจริงการสร้างสนามฟุตซอล

Posted by Leonet for VENDETTA on 8 November 2012 - 10:23

>> อันนี้ก็ต้องรอว่า รัฐบาลจะแก้ตัวอย่างไร... แต่.. กทม ไม่ได้อับจนถึงขนาดสร้างเองไม่ได้..
>> งบอนุมัติแล้ว... ยังไงก็ต้องได้... แต่อาจไม่ทัน... มันก็เหมือนหมุนเงินไม่ทัน... ไม่ใช่เงินไม่มี...
>> แค่ ขาดสภาพคล่อง... ถามว่า ทาง ธุรกิจเค้าทำกันอย่างไร... เมื่อ หมุนเงินไม่ทัน...
>> เรื่องนี้ ใครทำธุรกิจแก้ปัญหานี้ไม่เป็น... ไม่แค่เสียโอกาส ดีไม่ดี เจ๊ง....


ที่เหลือ มีแต่น้ำ... เป็น ปัญหา เทคนิคทั่วไปในการก่อสร้าง... ของมาช้า.. ของไม่ครบ..
คนในวงการเค้าไม่เอามาอ้างหรอกครับ.... อายเค้า... :D

ต้นฉบับ จากนี่...
http://web.parliamen...php?prid=350374


ใครว่า ASTV รับเงินแม้วหว่า... :D


ผมขอขยายความใหม่นะครับ...ผมว่ามันจริงนะ


#456765 ทหารบนรางรถไฟฟ้า 19 พค. คลิบมะเขือเทศลวงโลก

Posted by นารายณ์สังหาร on 19 October 2012 - 12:27

ไม่นี่ครับ มันก็ยังอยู่ในประเด็นนะ และถ้ามันเป็นวันที่ 19 จริง มันก็คือวันที่ 19 ครับ "ความจริง" คือสิ่งที่คนที่นี่ใช้ ไม่ใช้ตั้งธงไว้แล้วทุกอย่างต้องไปตามธงเหมือนที่ราชดำเนิน ถูกผิดก้ว่ากันไปตามนั้น เพราะ ณ จุดนี้ ทุกอย่างยังเป็น "ข้อสันนิษฐาน" จากทั้งสองฝ่าย ที่ต้องเอาหลักฐาน หลักการ ต่างๆมาวัดกัน ไม่ใช่จินตนาการแบบในราชดำเนินครับ

อย่าเอาตัวเองเป็นมาตรฐานครับสิงห์ที่พอกระทู้ไหนพวกตัวเองเสียเปรียบก็ลากออกทะเลไปเรื่อง รัฐประหารบ้างอะไรบ้าง มันทุเรศ


#442095 อยากเล่า...เช้าวันนี้

Posted by ter162525 on 8 October 2012 - 09:29

ตัวพาลีเอง ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของบทเรียนที่ว่า ความยะโสโอหังในความสามารถตน มันทำให้เลินเล่อ ขาดไปซึ่งความระมัดระวังได้อีกอันหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้พาลีสิ้นชีพเอง

ท้าวความถึงว่า พาลีได้รับพรมาจากพระอิศวรว่า ถ้าสู้กับใคร ให้คนที่สู้ด้วยกำลังลดลงครึ่งหนึ่ง แล้วกำลังนั้นมาเพิ่มให้กับพาลี ทำให้ไม่ว่าสู้กับใครก็ตาม พาลีก็ได้เปรียบเสมอ

ตอนที่สู้กับสุครีพก็เช่นกัน มั่นใจว่ายังไง ๆ น้องก็สู้ตนไม่ได้ โดยลืมนึกไปว่า กับคนที่ไม่ได้สู้กับตนโดยตรงพรนั้นจะไม่มีผล เลยโดนศรพระรามตายเสีย

จริงก็อีหรอบเดียวกันกับทศกัณฐ์แฮะ


ไม่ใช่ครับ อันนี้ต้องแย้งนิด พาลีเป็นแบบท่คุณตะนิ่น ว่าไว้แหละ ครับ จริงแล้ว เรื่องโกธรเคลืองกัน ของ 2 พี่น้อง มาจาก 2 สาเหตุ ครับ
สาเหตุ 1 คือ ตอนทีพาลีสู้กับทรพี ได้ สั่งเสีย น้องชายไว้ว่า เวลาที่เขาสู้ ให้ไปดูหน้าถ้ำ ว่าเลือดที่ไหลออกมามันข้นหรือจางถ้าจางเป็นเลือดเขาให้ปิดปากถ้ำ ทันที เลือดนะเป็นของทรพี แต่เทวดาทั้งหลายดัน อวยพรพาลี โปรยฝนลงมา ฝน+เลือด ทรพี ก็จางดิครับ ไอ้น้องก้ไม่รุ้เห็นจางก้ปิดปากถ้ำเลย
สาเหตุ 2 ตอนที่เขาพระสุเมณ เอียง น้องชายเป็นคนเสนอ วิธี โดยให้ พระยานาคโอบรัด เสาพระสุเมณ แล้วช่วยกันดึง จนเขาพระสุเมณ ตั้งตรง คนเสนอน้องพาลีไปทำได้รับความสำเร็จ พระอิศวร เลยให้พรว่า พาลีสู้กับใครจะได้ พละกำลัง ของคนๆ นั้นมาครึ่งหนึ่ง ส่วนน้องชาย ได้ นางฟ้า ชึ่งพาลีอาสานำกลับ แต่พระอิศวร ไม่ค่อยเชื่อพาลี พาลีจึงให้ สัตย์ว่า ถ้า ตนเองเอาเมียน้อง ขอให้ ถูกพระนาราย์สังหาร ผลคือ แย่งเมียน้องจริงๆ

ที่นี้กลับมาตอนสู้กัน พระรามนั้น เป็นคนยิงศร แต่พาลีรับไว้ได้ และเห็นพระราม จึงเข้ามาต่อว่าเพราะพาลีกับพระราม ไม่เคยโกธรแค้น แถมยังถุกซุ้มทำร้าย แต่พระรามได้ แสดงร่าง พระนาราย์ ให้เห็นแล้วถามถึงคำสัตย์สาบานที่พาลีให้ไว้กับพระอิศวร พาลีสำนึกในสัตยืตน จึง เอาศรนั้น ปักอกตัวเอง ครับ


#441099 อยากเล่า...เช้าวันนี้

Posted by ตะนิ่นตาญี on 7 October 2012 - 11:59

ตะนิ่นตาญี ได้รับการแจ้งจาก ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งใน เสรีไทย ให้ช่วยแก้ไข

ข้อความที่มาที่ไปของ ทรพี ซึ่ง ตะนิ่นตาญี ได้เขียนไว้ว่า

"พ่อของ ทรพี ชื่อ ทรพา แต่ก่อนนั้นสัญชาติของ ทรพา ไม่ใช่ ควาย นะครับ

หากมีสัญชาติดั้งเดิมเป็น ยักษ์ ทำหน้าที่เฝ้าประตู เหมือน ยักษ์วัดแจ้ง กับ ยักษ์วัดโพธิ์ นั่นประไร"


ผู้ใหญ่ท่านนั้น ท่านได้แจ้งมาว่า “เราใช้พญายักษ์เฝ้าประตูทั้งนั้น ของวัดแจ้งคือทศกรรฐ์ และ สหัสเดชะ

ไม่ใช่พวกยักษ์ชั้นต่ำเลย อยากให้แก้ เดี๋ยวคนจะจำไปผิดๆ ครับ”


ซึ่ง ตะนิ่นตาญี ก็ได้เรียน ขอโทษ ท่านไปแล้ว ที่เขียนหนังสือ ห้วนห้วน-สั้นสั้น

จนอาจทำความเข้าใจผิดแก่เพื่อนเพื่อนได้ ตะนิ่นตาญี เรียนท่านไปว่า

“ขอบพระคุณ คุณ..... มากครับ

ต้องขออภัย คุณ..... ที่เขียนหนังสือ ห้วน และ สั้น มากเกินไป

ทรพี นั้นดั้งเดิมเป็น พญายักษ์ จริงจริง อย่างที่ คุณ..... เล่าให้ฟัง

ชื่อ นนทกาลอสูร หรืออย่างไรนี่แหละครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ เป็น เจ้าแห่งยักษ์ เช่นเดียวกับ

ทศกรรฐ์ และ สหัสะเดช นี่แหละครับ

ขอบพระคุณ คุณ..... ที่กรุณา ต่อ ตะนิ่นตาญี มาก

ขอบพระคุณ จริงจริง ครับ

ตะนิ่นตาญี

วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๑๑.๑๕ นาฬิกา


ดังนั้น ตะนิ่นตาญี จึงใคร่ขออภัยเพื่อนเพื่อนทุกท่านอีกครั้งหนึ่งที่

เขียนหนังสือ ห้วน-สั้น เกินไป ไม่ได้อธิบายใจความให้กระจ่างชัด

อันอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับ เพื่อนเพื่อน-พี่พี่-น้องน้อง ที่ เสรีไทย นี้ได้

ขออภัยจริงจริงครับ และขออนุญาตทำความเข้าใจกับเพื่อนเพื่อน ถึง ที่มา-ที่ไป

ของ ทรพี ดังที่ ผู้ใหญ่ ท่านนั้นได้แจ้งมา และ ตะนิ่นตาญี ได้เพิ่มเติมไว้แล้วแต่เบื้องต้น

ขออภัยเพื่อนเพื่อนทุกท่านด้วยครับ และขอขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ท่านนั้นที่ได้ กรุณา ต่อ ตะนิ่นตาญี ตลอดมา

ขอบพระคุณทุกท่านมากครับ

ตะนิ่นตาญี

วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๑๑.๕๙ นาฬิกา


#258004 มันพูดในสภาด่า สส.ฝ่ายตรงข้ามว่า "ไอ้นี่...จบรามคำแหง โง่จริงๆ"...

Posted by voodoo on 17 May 2012 - 19:11

เป็ดไม่ได้จบราม แต่ได้รับปริญญาจากรามมา


#123287 === กระทู้สลิปเงินเดือน

Posted by MOD X on 31 January 2012 - 16:25

ผมว่าพอสมควรกับการตอบโต้หลักฐานกันไปกันมาแล้วนะครับ ต่างฝ่ายต่างก็เอาหลักฐานมาแสดงกันเยอะพอสมควรแล้ว ผมคิดว่าควรจะปิดกระทู้นี้ได้แล้ว (รบกวนMOD พิจารณาด้วยครับ)

ต่อไปผมขออนุญาตไม่พูดถึงเรื่องหน้าที่การงานของผมอีก เรื่องทั้งหมดผมขอให้เราหยุดกันไว้ที่กระทู้นี้ ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ ถือว่าเราชนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย ชนะในเรื่องที่เราไม่ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้กันไปกันมา กระทู้นี้จะเป็นกระทู้ตัวอย่างให้สมาชิกรุ่นหลังได้นำไปเป็นแบบอย่างในการนำหลักฐานมาชี้แจงซึ่งกันและกัน สำหรับผม จบคือจบครับ และขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้แง่คิดดีๆกับผมมากมาย ขอบคุณครับ

อาจจะทำให้ ใจดี20 ต้องผิดหวัง แต่คงไม่ปิดดีกว่านะครับ จะได้เป็นแบบอย่างของคนรุ่นหลัง


#49126 ...ที่ดินรัชดา ประสาชาวบ้าน...

Posted by bird on 19 November 2011 - 10:43

จากประเด็นปัญหา..เรื่องคำพิพากษา ประสาชาวบ้าน
มาจบลงที่ ประเด็นปัญหา มติขององค์คณะผู้พิพากษา...

เท่าที่อ่านมาพอจับใจความได้ว่า จขกท โต้แย้งการลงมติขององค์คณะผู้พิพากษาตามมาตรา 184
ไม่ว่าจะเป็น ประธาน หรือ เจ้าของสำนวน ลงคะแนนเป็นคนสุดท้าย และ ข้อความสุดท้ายของ
มาตรา 184 ที่ว่า
ถ้าปัญหาใด มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาที่เห็นเป็นผลร้าย
แก่จำเลยมากกว่า ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า

ขออธิบายอย่างนี้ค่ะ

เริ่มจากการแต่งตั้งองค์คณะผู้พิพากษา ในการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
รัฐธรรมนูญ 2550 ระบุไว้ในมาตรา 219 (วรรค 4) ความว่า
ให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา โดยองค์คณะผู้พิพากษา
ประกอบด้วย ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือ
ผู้พิพากษาอาวุโสซึ่งเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวนเก้าคน ซึ่งได้รับ
เลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยวิธีลงคะแนนลับ และให้เลือกเป็นรายคดี

และถ้าจะโต้แย้งว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เชื่อถือไม่ได้ ในรัฐธรรมนูญ 2540 ได้บัญญัติไว้ในหมวด
ที่ 8 (ศาล) ส่วนที่ 3 ว่าด้วยศาลยุติธรรม ในมาตรา 272 ความว่า

มาตรา ๒๗๒ ศาลยุติธรรมมีสามชั้น คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา เว้นแต่ที่มีบัญญัติ
ไว้เป็นอย่างอื่นในรัฐธรรมนูญนี้หรือตามกฎหมายอื่นให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง
การเมืองในศาลฎีกา โดยองค์คณะผู้พิพากษาประกอบด้วยผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่ง
ไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา จำนวนเก้าคน ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยวิธีลง
คะแนนลับ และให้เลือกเป็นรายคดีอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
ทางการเมืองและวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้
ในรัฐธรรมนูญนี้และในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
ทางการเมือง

ดังนั้น ประเด็นที่ว่า ทำไมต้องมีองค์คณะผู้พิพากษา 9 คงตกไป ไม่น่านำมาเป็นประเด็นโต้แย้ง

หลังจากแต่งตั้งองค์คณะผู้พิพากษาตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว องค์คณะผู้
พิพากษาทั้ง 9 ท่านจะเลือกประธานองค์คณะผู้พิพากษา จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณา
คดี โดยยึดหลักระบบการไต่สวน ภายใต้ พรบ. วิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ประเด็นก็ไม่น่าจะมีปัญหาให้ต้องชีแจงมากกว่านี้

ที่นี้ในประเด็น การพิพากษาและคำวินิจฉัย รัฐธรรมนูญ 2550 ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 278 (วรรคแรก)
ความว่า

การพิพากษาคดีให้ถือเสียงข้างมาก โดยผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนต้องทำความเห็น
ในการวินิจฉัยเป็นหนังสือพร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ

แล้วก็ใน รัฐธรรมนูญ 2540 ก็ได้บัญญัติในประเด็นการพิพากษาไว้ใน มาตรา 311 ความว่า

“การพิพากษาคดีให้ถือเสียงข้างมาก โดยผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนต้องทำ
ความเห็นในการวินิจฉัยคดีเป็นหนังสือพร้อมทั้งต้องแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมก่อนการลงมติ


แปลความว่า ทั้ง 2540 และ 2550 บัญญัติไว้เหมือนกันคือ องค์คณะทั้ง 9 ท่านต้องมีความเห็น
ก่อนการประชุมลงมติ (ประธานองค์คณะ คือ 1 ในองค์คณะผู้พิพากษาเช่นเดียวกัน)

ที่นี้ก็มาถึงประเด็นการลงมติ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 184 ที่ว่า

ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ อธิบดีผู้พิพากษา ข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้า
ผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน ให้ออก
ความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย

การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก

ถ้าในปัญหาใดมีความ เห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไปจะหาเสียงข้างมากมิได้
ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากยอม เห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็น
ผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า

คือ การแถลงคำวินิจฉัยส่วนตัวขององค์คณะผู้พิพากษาตามมาตรา 278 ของรัฐธรรมนูญ 2550 หรือ ตาม
มาตรา 311 ของรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ใช่มาลงมติกันสด ๆ วันนั้นเดียวนั้น

แต่เป็นการมาสรุปว่าแต่ละท่านมีคำพิพากษาส่วนตัวว่าแต่ละประเด็นในคำฟ้องผิดหรือไม่ผิด..
ในประโยคที่ว่า

" หัวหน้าผู้พิพากษาในศาลนั้น หรือเจ้าของสำนวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาทีละคน
ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็น สุดท้าย "

หมายความว่า ในการประชุมเพื่อลงมติ ให้ผู้พิพากษาแต่ละท่านแถลงคำวินิจฉัยที่ละท่าน โดยประเพณี
ส่วนใหญ่จะเริ่มจากผู้พิพากษาทีมีอาวุโสน้อยที่สุด เรียงตามลำดับ ประธานที่ประชุม ถือเป็นตำแหน่ง
ใหญ่ที่สุดในที่ประชุม จึงสมควรแถลงคำวินิจฉัยเป็นท่านสุดท้าย

ตัวอย่างเช่น...ในที่ประชุมของบริษัท ส่วนใหญ่ บรรดาหัวหน้าแผนก ก็จะแสดงความเห็นต่าง ๆ ตาม
ความคิดเห็นของแต่ละคน สุดท้ายเจ้าของบริษัทถึงจะแถลงความเห็น เพราะอะไรรู้มั้ย

เพื่อจะได้ตัดปัญหา ข้อครหาว่า ลงมติเอาใจเจ้านาย ไง ในประเด็นนี้ก็คล้ายกัน ประธานแถลงคำวินิจฉัย
เป็นท่านสุดท้ายเพื่อจะได้ไม่มีข้อกล่าวหาว่า วินิจฉัยเอาใจประธาน รัฐธรรมนูญถึงกำหนดว่าแต่ละท่าน
ต้องมีคำวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนการลงมติ เพื่อเป็นหลักฐานการวินิจฉัย ไม่ใช่มาวินิจฉัยในวัน
ประชุมลงมติ

ส่วนที่ว่า หากหาเสียงข้างมากมิได้ ตามหลักจริยธรรมคือ ใช้หลักให้คุณต่อจำเลย ส่วนใหญ่ปัญหาจะ
เกิดในกรณีมีผู้พิพากษาในองค์คณะฯ ลาออก หรือ ถอนตัว ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งโดยปกติจะไม่มี
การแต่งตั้งใหม่ ก็จะทำให้มีจำนวนองค์คณะเป็นเลขคู่ ที่อาจจะมีคำวินิจฉัยส่วนตัวออกมาเท่า ๆ กัน
ประเด็นนี้ให้ใช้หลักกฎหมายที่เป็นคุณต่อจำเลย...คือ

ถ้าวินิจฉัยว่า...ยกฟ้อง...เท่ากับ มีความผิด....ให้ถือว่ายกฟ้อง แต่ผู้พิพากษาที่มีความเห็นแย้งอาจนำ
สำนวนคำพิพากษารวบเข้าไว้ในสำนวนได้

ถ้าวินิจฉัยว่า...มีความผิด ด้วยเสียงข้างมาก และกำหนดบทลงโทษไว้แตกต่างกัน เช่น

ให้ลงโทษสูงสุด 10 ปี 4 ท่าน และให้ลงโทษ 2 ปี 4 ท่าน ก็จะถือว่า มีความผิดและให้ลงโทษ 2 ปี

ที่นี้ในประเด็นของ ที่ดินพิพาท พิพากษาว่าผิดด้วยเสียงข้างมาก ประเด็นเดียวเท่านั้น คือ มีความผิด
ตาม พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พศ. 2542 มาตรา 100 และ
มีบทกำหนดโทษ ตาม พรบ. มาตรา 122

ถ้ายังไงลองไปหาคำวินิจฉัยส่วนตัวของทั้ง 9 ท่านมาอ่านและวิเคราะห์ดู

หวังว่าข้อมูลข้างต้น จะให้ความกระจ่างได้บ้าง