Jump to content


littlerock

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 5 เมษายน 2553
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 20:39
-----

#1186310 เปิดชีวิต “แกนนำคู่ขัดแย้ง” ในค่ายทหาร – อยู่อย่างไรเมื่อไม่มี “โทรทัศน์-อินเ...

โดย ต้นหอม on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:06

จากกิจกรรมยามว่างของแกนนำแต่ละฝ่าย 

-อ่านหนังสือพิมพ์ ออกกำลัง

-เล่นไพ่ นอนเอกเขนก

ช่างเป็นตัวแทนผู้สนับสนุนได้ดียิ่งนัก




#1183409 ระวังกระแสต้านจุดติด

โดย Mr.Best on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 19:20

กปปส. และ ปชช. อยู่เฉยๆดีกว่าครับ อย่าออกมา ลดภาระโดยการไม่เพิ่มภาระ... :)




#1180584 เรื่องเล่าจาก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ

โดย KKKKK on 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:25

5555555555555555

 

สม

 

 

อ่อนหัด !!!!!!!!!!!!!!!!




#1181894 "อี้ แทนคุณ" ประกาศต้านรัฐประหาร ลั่นท้าทายอำนาจเผด็จการ จะจับก็เชิญ

โดย phoebus on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 06:55

โดยหลักการแร้ว ก็ต้องไม่เห็นด้วยทั้งนั้นแระกับการรัฐประหาร

 

หยั่งปี 49 ปชป.โดยอภิสิทธิ์ รวมถึงแม้กระทั้ง พธม. สมศักดิ์ โกศัยสุข ต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการต้านรัฐประหารทั้งนั้น อภิสิทธิ์บ่องว่า เสียใจที่มีวันนี้ ส่วนสมศักดิ์เคยให้สัมภาษณ์ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ว่า ไม่เห็นด้วย แต่มันเกิดขึ้นแร้วจะให้ทำไงได้ 

 

นี่ก็คือหลักการหรือจะเรียกว่า จุดยืน ของทั้งคู่ก็ว่าได้

 

 

ส่วนไอ้การต้านนั้น ต้านยังไง ถ้าแขวนป้ายขึ้นหน้าบ้าน ทำนองว่า ต้านรัฐประหาร หรือ เราไม่รับรัฐประหาร มันก็ถือว่าต้านแร้ว ทหารเขาก็คงไม่ว่ากระไรหรอก

 

 

-_-  -_-




#1181814 "อี้ แทนคุณ" ประกาศต้านรัฐประหาร ลั่นท้าทายอำนาจเผด็จการ จะจับก็เชิญ

โดย dek-harte on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 02:07

ผมว่าหลายคนไม่แฮปปี้กับการรัฐประหารครั้งนี้...แต่ทำความเข้าใจได้ ยอมรับได้

รัฐประหารครั้ง 2549 คนกทม.มีความรู้สึกดีกว่านี้...แต่ผลของมันขื่นคอ เข็ดเขี้ยวกันหมด คิดแล้วก็แหยง

 

การรัฐประหารครั้งนั้น สร้างความทุกข์ใจให้คนไทยในเวลาต่อมามาก สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก เพราะ ไม่มีสักคนที่รู้ว่ากำลังเผชิญกับ ปัญหาอะไรกันแน่

มันมีคำว่าระบอบทักษิณ แต่ก็ยังคงงงงวยอยู่ว่า จริงๆแล้วระบอบทักษิณ ลึก ใหญ่ กว้าง ขนาดไหน

 

มาปี 2557 ผมหนึ่งคนที่เชื่อว่า รัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว และประชาชนตื่นรู้เรื่อง ระบอบทักษิณมากขึ้นแล้ว

มากกว่า 2549 หลายเท่าตัว และการอดทนของเรา ชักนำให้คนในระบอบทักษิณ ทยอยแสดงตัวออกมา เราเริ่มเห็นภาพโครงสร้างระบอบทักษิณจริงๆ

ว่า มันทั้ง กว้าง ใหญ่ ลึก ขนาดไหน...เรารู้ว่า หลักการโกงของมันคือ เปิดท่อน้ำเลี้ยงจากเงินภาษีของเราระบายไปยัง แขนขาของมัน...เอาเงินเรามาฆ่าเรา มาซื้อเพื่อนเรา เพื่อมาขายเรา

 

ผมเคยเชื่อว่ามันจะจบง่าย เหมือนที่ลุงกำนันบอกในช่วงแรก ผมคิดว่าคนเป็นล้านออกมา มันต้องจบสิ

คนที่ถูกข้ามจากคนในระบอบทักษิณต้องแอบโกรธมันบ้างสิ คนฝ่ายดีต้องมีแฝงตัวอยู่บ้างสิ

และเขาต้องเข้าร่วมกับประชาชนแน่ๆ เมื่อถึงเวลา...แต่เราคอยแล้ว คอยเล่า...จนครึ่งปี ผ่านไป

 

คนตายไป 23 บาดเจ็บเข้าเลข 800 และลุงกำนันกำลังนัดชุมนุมใหญ่มากกก และทุกคนกำลังจะไปตามนัด

กฎอัยการศึกก็มา...และอาวุธที่ถูกจับได้ก็ทะยอยออกมา เรื่อยๆ แค่ 2 วันที่มีกฎอัยการศึก...จริงๆแล้วมีอาวุธซ่อนในกรุงเทพ เท่าไหร่กันแน่

ถ้าตำรวจทำงานไม่ได้ หรือทำมองไม่เห็นเพราะระบอบทักษิณมันบังตา

 

ผมว่าจะมีคนตายมาก มากจนเราร้องไห้กันไม่ไหว เอาจริงๆผมก็เตรียมตัวเต็มที่เหมือนกัน คิดเสียว่าอยู่ที่ไหนถ้าจะตายก็ตาย

และผมว่า เราคนไทย จำนวนไม่น้อยคิดแบบผม เพราะวันที่ไปเดินๆกัน เห็นชัดเจนว่าทุกคนรู้ว่า อาจจะเจออะไร แต่ไม่มีคนกลัว

และ ท้ายที่สุดเหมือน หลายๆคอมเม้นท์ว่าไว้ ต่อให้วันที่ 26 พค. คนออกมาเป็นสิบๆล้าน แล้วยังไงถ้ามันไม่ออก สว.ก็ไม่กล้า ถ้าทหารไม่มายืนข้างหลัง

เพราะมันไม่มีกฎหมายรองรับ มันไม่มี....อำนาจไม่ได้มาเพียงเพราะมันมีปืนในมือ แต่เพราะมีความชอบธรรมด้วย

 

การรัฐประหารครั้งนี้มีความชอบธรรม เพราะทางมันตันแล้ว ต้องพังกำแพงลงและประชาชนอยากพังกำแพงนี้ด้วย

 

รัฐประหารเสียก็ดี ถอนรากมันให้หมด จากที่ดูๆมา 2 วันนี้ น่าจะเก็บกวาดเช็ดล้างกันขนานใหญ่มาก

เดาคร่าวๆ น่าจะปีครึ่งถึงสองปี...แต่ ประชาชนต้องยอมรับนะ

และแจ้งไปยังกองทัพเลยว่า "ประชาชนจับตามองท่านอยู่"

 

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาที่ให้เวลากับการชุมนุมคราวนี้ ผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรหยุดประชาชนได้

ต่อให้เป็น ปืนหรือรถถังก็ตามที อย่าดูถูกประชาชน และกองทัพควรฟังร่างทรงของประชาชนดีๆ

ตอนนี้ ท่านยังเก็บตัวเขาไว้อยู่ และเขายังเป็นร่างทรงอยู่นะ ฟังเขาให้มากกกกกก ฟังร่างทรง อย่าไปฟังนายสุเทพ เพือกสุบรรณ

แล้วกองทัพ จะมีประชาชนหนุนหลังและการรัฐประหารนี้จะมีความชอบธรรม

 

แต่ถ้าไม่ทำตามใจประชาชน หรือหลงไหลในอำนาจวันใด

เราจะได้เห็นกัน

ตอนนี้ประชาชนพักเหนื่อย ยืมมือท่านโค่นทรราชย์ หากท่านทำได้ดี ท่านเป็นวีรบุรุษชาติ

แต่ถ้าเวลาผ่านไปแล้วท่านไม่ทำตามที่ประชาชนต้องการ

 

"เราจะเจอกัน วันที่ชาติต้องการ"

 

ขอบคุณครับ

 

เพิ่มเติม

อี้แทนคุณ สำหรับผม ผมว่าโอเคนะ ซื่อๆ เชยๆหน่อย จิตใจดี

พูดบนเวทีได้โหลยโท่ยมาก น่าหลับมาก (ชอบคู่อาจารย์กบอาจารย์ปิงมากกว่าเยอะ)

แต่ก็ดูจริงใจ คือดูว่าเขาคิดของเขาอย่างนี้จริงๆ

ไม่ได้แสดงละครหลอกคนดู...แต่นั่นแหละ...จบ :)




#1181804 "อี้ แทนคุณ" ประกาศต้านรัฐประหาร ลั่นท้าทายอำนาจเผด็จการ จะจับก็เชิญ

โดย bluefox101 on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:45

กรณีนี้ ผมคิดต่างกับ อี้แทนคุณนะ เพราะบอกตรง ๆ ว่า จากความรู้สึก และความรู้สึกส่วนตัวเลย ผมเองก็ไม่คิดว่า กำนันสุเทพ และกปปส. จะสามารถชนะได้ในการต่อสู้ครั้งนี้ ที่ผ่านมา เปรียบเหมือนว่า ที่ กปปส. และมวลมหาประชาชน ต่อสู้มาทั้งหมดนั้น มันได้เต็มที่ 99% แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาหมัดไหนมาน๊อคได้ เพราะรัฐบาลเองก็หน้าด้าน ยื้ออำนาจสุดตัว และพร้อมจะใช้อาวุธ เข่นฆ่า ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ใยดี

 

ถ้าทหารไม่ยึดอำนาจ ผมก็ยังมองไม่ออกว่า วันที่ 26 พ.ค. จะประกาศชัยชนะได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลไม่ยอมลาออกซะอย่าง ถึงแม้ สว. จะพิจารณาตั้งนายกคนกลางขึ้นมา แต่ในทางปฏิบัติ ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าจะสามารถทำได้ เพราะข้อกฎหมายต่าง ๆ ในรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ชัดเจนพอที่จะบอกว่าทำได้ ขนาดประกาศกฎอัยการศึก แล้วรัฐบาล ก็ยังหน้าด้าน ไม่ลาออกอยู่ดี

 

ความรู้สึกของผมกลับคิดว่า การที่ บิ๊กตู่ ตัดสินใจยึดอำนาจนั้น คงเพราะพิจารณาแล้วว่า ทหารต้องเข้ามาช่วยเติม 1% ที่ขาดไป เพื่อเป็นหมัดน๊อค ให้กับ กปปส. ในการน๊อครัฐบาลชุดนี้

 

และการที่ บิ๊กตู่ กล้าที่จะเอาคอตัวเองเข้ามาแขวน เพื่อยึดอำนาจนั้น น่าจะเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น บิ๊กตู่ น่าจะเห็นแล้วว่า

 

1. รัฐบาลนี้ ล้มเหลวในทุกอย่าง ทำผิดกฎหมายแทบทุกอย่าง เข้ามาเพียงเพื่อผลประโยชน์ของแม้วอย่างเดียว และโกงทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ ชาวนา ที่เป็นฐานเสียงของตัวเอง

2. ประเทศมีความแตกแยก ร้าวลึก

3. ขบวนการล้มเจ้า เติบโต อย่างมาก เพราะรัฐบาลหนุนหลัง

4. ประเทศเกิดความเสียหาย ในทุก ๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม

5. ระบอบทักษิณ เติบโต หยั่งรากลึก มากขึ้นทุกวัน ๆ เครือข่าย ขยายไปแทบทุกภาคส่วน ทั้งราชการ ตำรวจ เอกชน นักวิชาการ และอื่น ๆ 

6. การต่อสู้ของ กปปส. และ มวลมหาประชาชน จากทุกสาขาอาชีพ อย่างอดทน สันติ เป็นฝ่ายถูกกระทำ ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย หลายอย่าง อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน

 

ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของบิ๊กตู่ ครั้งนี้ ส่วนหนึ่่งเป็นเพราะมีประชาชนจำนวนไม่น้อย หนุนหลังอยู่ ประชาชนที่ต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณ ปฏิรูปประเทศ แล้วพาประเทศก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง และเรียกร้องให้ทหาร เข้ามามีส่วนร่วม

 

ดังนั้นสำหรับการยึดอำนาจครั้งนี้ ผมคิดว่า ทหาร และ ผบ.ทบ. คงได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และคิดว่าทางออกนี้ เป็นทางออกเดียวที่ดีที่สุด สำหรับสถานการณ์ในเวลานี้ และถ้า บิ๊กตู่ ผลักดัน ให้เกิดการปฏิรูป กวาดล้างระบอบทักษิณให้หมดไปได้จริง ๆ ก็อาจจะถือได้ว่า บิ๊กตู่ เป็นตัวแทนของ มวลมหาประชาชน ที่มารับไม้ต่อแล้วทำให้สำเร็จเป็นจริงได้ตามเป้าหมายที่มวลมหาประชาชนตั้งใจไว้

 

ตอนนี้ก็หวังแค่ว่า การยึดอำนาจครั้งนี้ จะไม่เสียเปล่าเหมือนปี 49 ซึ่งก็คงต้องรอดูกันต่อไป




#1169186 ขอความรู้เรื่อง กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ด้วยครับ

โดย ไนติงเกล on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:11

เอาสรุปมาให้เจ้าของกระทู้อ่านละกันค่ะ เคยสรุปให้เวบอื่นอ่าน

 

หนี้ไอเอ็มเอฟเกิดขึ้นในยุครัฐบาลชวลิต สมัยรัฐมนตรีคลังชื่อ "ทนง พิทยะ" ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีโดยการสนับสนุนของ "ทักษิณ ชินวัตร" เดือน มี.ค. 2540 สถาบันการเงินในประเทศจำนวนมากอ่อนแอ แต่รัฐบาลในขณะนั้นกลบเกลื่อน เลือกปิดเพียง 16 แห่ง พยายามอุ้มสถาบันการเงินที่มีสายสัมพันธ์กับพรรคพวกตนเอง ต่อมาภายหลัง เดือน มิ.ย. จึงปิดสถาบันการเงินเพิ่มอีก 42 แห่ง เกิดความปั่นป่วน ไม่เชื่อถือไปทั่ว ในที่สุด เมื่อลดค่าเงินบาท 2 ก.ค. 2540 เงินทุนสำรองหร่อยหรอ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยไปเก็งกำไรต่อสู้ค่าเงินบาทจนหมดหน้าตัก รัฐบาลชวลิตก็ไปขอกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฉบับที่ 1 (Letter of Intent : LOI) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2540 .....



1. เงินกู้ไอเอ็มเอฟ ทางผู้ให้กู้เขาประเมินและตกลงให้กรอบประเทศไทยเป็นหนี้ได้ทั้งหมด ประมาณ 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อหักลบหนี้ที่รัฐบาลไทยกู้จากต่างประเทศและสถาบันการเงินระหว่างประเทศอื่นๆ แล้ว ปรากฏว่า ประเทศไทยได้กู้จากไอเอ็มเอฟจริงๆ ประมาณ 14,200 ล้านเหรียญสหรัฐ 


2. เงื่อนไขและวิธีการรับเงินกู้ไอเอ็มเอฟ คือ ไอเอ็มเอฟจะทยอยส่งเงินให้เป็นงวดๆ 3 เดือนต่อหนึ่งงวด โดยแต่ละงวด รัฐบาลไทยก็จะต้องลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง หรือ Letter of Intent : LOI เป็นเงื่อนไขพันธะผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตาม พูดง่ายๆ ว่า ยื่นหมู ยื่นแมว จะเอาเงินจากเขา ก็ต้องทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับเขา 


3. หนังสือแสดงเจตจำนง หรือ Letter of Intent : LOI ฉบับที่หนึ่ง ลงนามสมัยรัฐบาลชวลิต เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2540 ตกลงผูกมัดไว้หมดแล้วว่า รัฐบาลไทยจะต้องรัดเข็มขัดอย่างไร ควบคุมนโยบายการเงินอย่างไร ควบคุมนโยบายการคลังอย่างไร ห้ามขึ้นเงินเดือนราชการอย่างไร ต้องมีนโยบายรัฐวิสาหกิจอย่างไร ฯลฯ และเมื่อจะเอาเงินกู้งวดที่สอง (3 เดือนต่อมา) ก็ต้องยื่นเงื่อนไข LOI ฉบับที่สอง รัฐบาลชวลิตก็ไปตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟแล้ว เซ็นต์กันเมื่อวันที่ 14 พ.ย.40


4) เงื่อนไขและวิธีการจ่ายคืนเงินกู้ไอเอ็มเอฟ คือ เงินกู้แต่ละงวดแต่ละก้อน จะต้องจ่ายคืนเมื่อครบกำหนด 3 ปี ยกตัวอย่าง ก้อนที่ได้มา 14 พ.ย. 40 ก็มีกำหนดจ่ายคืน 14 พ.ย. 43 (นับไปอีก 3 ปี) เป็นต้น ดังนั้น ตามแผนการที่เจรจากรอบการกู้ไอเอ็มเอฟไว้เดิม วางแผนกันว่า ประเทศไทยจะรับเงินกู้จากไอเอ็มเอฟไปอย่างนี้ ทุกๆ 3 เดือน จนครบยอดเงินกู้ทั้งหมด ซึ่งตามแผนเดิม เงินกู้งวดสุดท้ายจะได้รับประมาณกลางปี 2544 ซึ่งทำให้กำหนดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก้อนสุดท้าย ก็ต้องชำระกลางปี 2547 (นับไปอีก 3 ปี) 


เมื่อรัฐบาลชวลิตออกไป รัฐบาลชวนก็เข้ามา (หลัง 14 พ.ย. 2540) หลังจากนี้ คือ ช่วงที่ประเทศไทยจะต้องทำตามเงื่อนไขพันธะที่ไปตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟ และเริ่มทยอยใช้หนี้ไอเอ็มเอฟตามกำหนด ระหว่างนี้ ประชาชนคนไทยในประเทศต้องเดือดร้อนกับ "ยาขมหม้อใหญ่" ที่ต้องรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า แต่ในที่สุด เมื่อค่าเงินบาทต่ำลง การส่งออกดีขึ้น ภาคธุรกิจเอกชนในประเทศปรับตัวได้ กลับมาแข่งขันได้ ภาคการเงินในประเทศดีขึ้น ดอกเบี้ยต่ำ การลงทุนเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ทุนสำรองของประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ ฯลฯ เมื่อสถานการณ์ประเทศไทยดีขึ้น 


จนถึงช่วงกลางปี 2543 (รัฐบาลชวน) จึงได้ตกลงเลิกกู้จากไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด 1 ปี จากเดิมที่เคยกำหนดว่าจะทยอยรับเงินกู้เรื่อยๆ ไปจนถึงงวดสุดท้าย ณ กลางปี 2544 ที่จะทำให้มีกำหนดชำระหนี้งวดสุดท้าย ณ กลางปี 2547 (กำหนดชำระ 3 ปี) แต่เมื่อกู้เงินน้อยลง โดยเลิกรับเงินกู้เร็วขึ้น 1 ปี กำหนดการชำระเงินกู้งวดสุดท้ายย่อมเร็วขึ้น 1 ปี ตามไปด้วย เพราะฉะนั้น กำหนดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ งวดสุดท้าย จึงเร็วขึ้น จากกลางปี 2547 เหลือเพียงกลางปี 2546 ประเทศไทยก็จะหมดหนี้ไอเอ็มเอฟ (ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล) 


5. กลางปี 2546 เมื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" คุยโอ่ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่าตนเองเป็นผู้ช่วยให้ประเทศไทยปลดหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดถึง 2 ปี และมีการนำไปขยายผลว่าถ้าไม่ใช่ทักษิณประเทศไทยจะไม่มีทางใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้เช่นนี้ จึงเป็นเพียงลูกไม้ เล่ห์เหลี่ยม ปลุกระดม หาเสียงทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง อย่างน่าเวทนา ประชาชนคนไทยที่ทนทุกข์ตลอดช่วงเวลาวิกฤติต่างหาก คือ วีรบุรุษ ช่วยกันกอบกู้วิกฤติของชาติ ในขณะที่ "ทักษิณ" ซึ่งมีสัมพันธ์เชิงลึกกับรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ประกาศลดค่าเงินบาทนั้น กลับไม่ได้รับผลกระทบเหมือนคนอื่นๆ เพราะได้ล่วงรู้ข้อมูลสำคัญล่วงหน้า 


6. ที่ไม่รู้จักอายก็คือ จนถึงบัดนี้ ก็ยังมีการพยายามลวงหลอกประชาชนคนไทยด้วยเรื่องลวงๆ พรรค์อย่างนี้ต่อไปอีก เพียงหวังจะสร้างภาพลวงว่า ทักษิณเก่งกาจ เลอเลิศ ต่างๆ นานา เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวของคนที่หลบหนีคดีทุจริตโกงกินบ้านเมือง เลิกคิด เลิกคุย เลิกโกหก เพื่อสร้างความสับสนวุ่นวายในประเทศได้แล้ว ความจริง คือ ไม่มีทักษิณ ประเทศไทยก็รอดพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 และไม่มีทักษิณ ประเทศไทยก็สามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ 


b8.gif เดี๋ยวว่างๆจะมาเล่าต่อเรื่องการกู้เงิน ADB ของญี่ปุ่นแล้วมีผลทำให้ 4 กระทรวงหลักต้องออกนอกระบบราชการ...มีกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวัทยาลัย ปรับโครงสร้างภาคเกษตรกรรม....

b32.gif ตรงนี้ต่างหากที่มีปัญหามาจนทุกวันนี้ก็คือเงินกู้ ADB ไม่ใช่ IMF




#1169191 ขอความรู้เรื่อง กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ด้วยครับ

โดย ไนติงเกล on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:16

 การกู้หนี้จาก ADB 


ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศไทยระหว่างปี 2540-2541 ภายหลังจากที่ประเทศไทยได้กู้เงินจากไอเอ็มเอฟ ไปแล้วจำนวน 17,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเวลาไม่นาน ประเทศไทยก็ต้องกู้เงินจากเอดีบีอีกระลอกหนึ่ง เอดีบีได้อนุมัติวงเงินกู้แก่ประเทศไทยภายใต้โปรแกรมเงินกู้ของไอเอ็มเอฟ เป็นจำนวนเงิน 1,200 พันล้านเหรียญสหรัฐ 


ในปี 2541 เอดีบีได้อนุมัติเงินกู้ไปแล้วในด้านการปรับโครงสร้างภาคการเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับโครงสร้างภาคสังคม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และระดมทุนร่วมกับสถาบันการเงินต่างประเทศให้กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยเป็นเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อปล่อยกู้ต่อแก่ภาคเอกชน และในปี 2542 รัฐบาลได้เจรจาขอกู้เพิ่มเติม เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรเป็นจำนวนเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และสมทบจาก OECF อีก 300 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมเป็นเงิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ 


ขณะที่รัฐบาลไทยมองเอดีบีไม่ต่างจากไอเอ็มเอฟ และธนาคารโลก ว่าคืออัศวินขี่ม้าขาว ที่เข้ามาช่วยอุ้มชูประเทศไทยให้รอดพ้นจาก "วิกฤติเศรษฐกิจ" แต่ในความเป็นจริงภายใต้เงื่อนไขเงินกู้ ไม่ว่าธนาคารไหน ๆ ในโลกก็ไม่ต่างกัน เมื่อให้ ก็ย่อมหมายถึง ต้องได้ "กำไร"คือทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้ประเทศนั้น ๆ คืนเงินมาพร้อมกับดอกเบี้ย ที่สำคัญคือ เงินกู้เอดีบีอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 8 สูงที่สุดในบรรดาเงินกู้ที่ประเทศไทยเคยกู้มา 


b8.gif การให้เงินกู้ของเอดีบีจึงแถมพกมาด้วย "เงื่อนไข" ที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตาม ภายใต้ชื่อโครงการที่ดูดีว่า 
"แผนความช่วยเหลือประเทศ" หรือ CAP 


แผนความช่วยเหลือได้กำหนดเงื่อนไขสำคัญ ๆ ที่ทำให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามดังนี้


1. ปรับโครงสร้างภาคการเงิน และพัฒนาตลาดทุน 

2. แปรรูประบบการศึกษา (โดยเอากระทรวงศึกษาธิการและทบวงมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ)

3. แปรรูประบบสาธารณสุข (โดยการเอากระทรวงสาธารณสุขออกนอกระบบ และเกี่ยวเนื่องกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค)

4. ปรับโครงสร้างภาคเกษตรกรรม ( ตรงนี้แหล่ะที่ช้ำใจที่สุด)


(ยังมีต่อค่ะ)




#1169193 ขอความรู้เรื่อง กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ด้วยครับ

โดย ไนติงเกล on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:17

จะสังเกตเห็นว่าสมัยที่ทักษิณได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมัยแรกในปี 2544 มีนโยบายหลักที่ฮิตที่สุดก็คือ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค


นโยบายนี้เองทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องบริหารตัวเองอย่างยากลำบาก...เพราะมีเงินมาลงเป็นรายหัวซึ่งไม่พอในการบริหารโรงพยาบาล และตามมาด้วยประสิทธิภาพในรักษาที่ห่วยมากในช่วงแรก...จึงเป็นที่มาของการรวมตัวของกลุ่มแพทย์ชนบทในยุคนั้น.....


นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค มันเป็นผลพวงที่มาจากเงื่อนไขในการกู้แบงค์ ADB นั่นเอง แต่ทักษิณก็ฉลาดที่นำมันมาใช้หาเสียง ทั้งที่มันต้องทำอยู่แล้ว เพราะภาครัฐสมัยนายกฯชวน ได้นำมาตรการนี้มาปรึกษาและมีการทำการวิจัยในระบบที่ต้องบริหารตัวเอง...โดยมี รพ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาครเป็นตัวนำร่อง...

เมื่อได้ผลลัพธ์ออกมาจากภาครัฐในเรื่องการนำ โรงพยาบาลของรัฐออกนอกระบบ...ทักษิณก็จัดแจงขโมยผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง...ทั้งที่ตัวเองเป็นคนที่เริ่มต้นก่อหนี้ขึ้นมาทั้งสิ้นตั้งแต่ต้น....โดยชูนโยบายสวยหรู....แต่ผลักภาระมาที่ โรงพยาบาลของรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และประชาชนเป็นผู้รับกรรมและแบกภาระในการประคองตัวเองให้อยู่รอด....




#1169194 ขอความรู้เรื่อง กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ด้วยครับ

โดย ไนติงเกล on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:18

ผลกระทบที่เจ็บช้ำจากการกู้ ADB ที่มีผลต่อเกษตรกรชาวรากหญ้าที่ไม่เคยรู้เลย

b38.gif เงินกู้เอดีบี : ผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย และคนจน

มาตรการสำคัญที่คาดว่าจะสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยและโครงสร้างการจัดการทรัพยากรของประเทศอย่างรุนแรง ได้แก่


1. มาตรการเก็บค่าน้ำเกษตรกร จากแนวทางกฎหมายทรัพยากรน้ำ และการจัดการน้ำ 


2.มาตรการด้านการปฏิรูปการถือครองที่ดิน และการจัดการ 


3. มาตรการสนับสนุนเกษตรพาณิชย์เพื่อการส่งออก และปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันทางการค้าด้านการเกษตร 


มาตรการเก็บค่าน้ำเกษตรกร จากแนวทางกฎหมายทรัพยากรน้ำ และการจัดการน้ำ 

เงินกู้จากเอดีบี และกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเล (Overseas Economic Cooperatipn Fund -OECF) จำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรกรรม โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือจะมีการออก พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ หรือ "การเก็บค่าน้ำเกษตรกร" 


จากร่าง พรบ.น้ำ ที่อาศัยการจัดการแนวทางเดียวกับป่า และที่ดิน ซึ่งให้อำนาจรัฐควบคุมน้ำอย่างเบ็ดเสร็จ และสนับสนุนสิทธิปัจเจกในการจัดการน้ำ โดยยกระดับให้น้ำมีสถานะเป็นสินค้ามากขึ้น น้ำกลายเป็น "ทรัพยากร" หรือปัจจัยการผลิตเชิงการค้าและอุตสาหกรรมในสายตาของรัฐและธุรกิจเอกชน ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับวัฒนธรรมในสังคมไทย ที่น้ำเป็นของสาธารณะ เป็นทรัพยากรร่วม 


b38.gif ที่ผ่านมาความต้องการใช้น้ำของเมือง ธุรกิจ อุตสาหกรรม และเกษตรพาณิชย์ในภาคกลางที่ขยายตัวมากเกินกว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ ได้ก่อให้เกิดวิกฤตแย่งชิงน้ำรุนแรงมาก ยิ่งเมื่อรัฐใช้ระบบรวมศูนย์อำนาจจากกรรมสิทธิ์ของรัฐ และให้สิทธิปัจเจกเพื่อการพาณิชย์ การแย่งชิงน้ำระหว่างประชาชน รัฐ และเอกชนจะชัดเจน และรุนแรงขึ้น กฎหมายถูกที่ใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มอำนาจรัฐให้ประชาชนมีหน้าที่ ขณะที่ภาคเอกชนได้อาศัยการสนับสนุนจากรัฐในฐานะ "ผู้จ่ายค่าน้ำ" เข้าแย่งชิงเบียดบังทรัพยากรน้ำจากชุมชนได้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเกษตรกรรายย่อยที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงอยู่แล้ว ก็ต้องประสบภาวะยากลำบากหนักขึ้นไปอีกจากต้นทุนค่าน้ำที่เพิ่มเข้ามา 


มาตรการด้านการปฏิรูปการถือครองที่ดิน และการจัดการ 

มาตรการการเร่งรัดออก สปก. โดยละเลยการให้มีนโยบายการกระจายการถือครองที่ดิน การปฏิรูปการใช้ที่ดิน การออก พรบ.ป่าชุมชน และการใช้มาตรการทางภาษีอื่น ๆ ก็จะนำไปสู่ปัญหาเกษตรกรไม่สามารถรักษาที่ดินไว้ได้ มาตรการสปก.ประการเดียวจึงเป็นการเร่งให้ที่ดินหลุดจากมือเกษตรกรมากขึ้น


มาตรการสนับสนุนเกษตรพาณิชย์เพื่อการส่งออก และปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันทางการค้าด้านการเกษตร 

b38.gif b37.gif มาตราการของเอดีบี นี้ เมื่อรวมกับข้อตกลงทางการเกษตร และเงื่อนไขของธนาคารโลกแล้ว เกษตรกรรายย่อยจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง คือ


1. การเปิดตลาดให้สินค้าเกษตรจากต่างประเทศเข้ามาอย่างเต็มที่ จะสร้างความเสียหายต่อเกษตรกรรายย่อยของไทย เพราะสินค้าเกษตรหลายประเภท เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มะพร้าว กาแฟ และอื่น ๆ จากประเทศผู้ส่งออกสำคัญ หรือแม้แต่ประเทศอื่น ๆ ที่มีราคาถูกกว่าจะเข้ามาตีตลาด หรือแม้แต่ข้าวก็จะถูกตีตลาด เพราะต้นทุนการผลิตข้าวในประเทศอื่นที่ต่ำกว่า ด้วยเทคโนโลยีเหนือกว่า จะเข้ามาแทน นอกจากนี้ผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ แม้จะผลิตเพื่อขายภายในประเทศก็อาจได้รับผลกระทบจากการที่สินค้าเกษตรราคาถูกจากต่างประเทศมาตีตลาด ทำให้ราคาต่ำลง ดังนั้นการเปิดเสรีทำให้เกษตรกรรายย่อยประสบปัญหาไม่สามารถแข่งขันได้จนต้องล้มละลายสูญพันธุ์ไปในที่สุด 


2. การส่งเสริมการผลิตพืชเพื่อส่งออก โดยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมการผลิต แปรรูป ส่งออก เกษตรกรจะถูกผลักดันเข้าสู่ระบบเกษตรพันธสัญญา ขึ้นต่อบริษัทเกษตรอุตสาหกรรม ต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลูกพืชตามโควต้า ขณะที่เกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ไม่ได้ปลูกตามโควต้าจะถูกบังคับให้ขายผลผลิตแบบคละเกรดในราคาต่ำ หรือไม่ได้รับการสนับสนุน แม้การเปิดเสรีสินค้าเกษตรจะดูสร้างโอกาสให้ประเทศไทยขยายตลาดด้านการเกษตรมากขึ้น แต่ผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกแก่บริษัทอุตสาหกรรมเกษตร ผู้ประกอบการ พ่อค้าส่งออก มิได้ตกถึงเกษตรกรรายย่อย 


3. เกษตรกรต้องพึ่งพาปัจจัยการผลิต ปุ๋ย ยาและเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศมากขึ้น เพราะเป็นทำการเกษตรขนาดใหญ่ ผลประโยชน์จะตกอยู่กับบรรษัทข้ามชาติ 


4.เกษตรกรมีหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะไม่อาจพึ่งตนเองได้ในการผลิต ต้องลงทุนสูงขึ้น เพราะต้องจ่ายแม้กระทั่งค่าน้ำ ราคาสินค้าพืชผลต้องผูกกับราคาตลาดโลก อีกทั้งรัฐบาลก็ลดการช่วยเหลือลงด้วย ตามเงื่อนไขการค้าเสรี 


5. มีแนวโน้มสูญเสียที่ดินทำกินมากขึ้น เนื่องจากการเร่งออกกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่มิได้มีมาตรการสนับสนุนใด ๆ รองรับ เมื่อชาวบ้านเป็นหนี้สิน ที่ดินก็หลุดมือง่ายมากขึ้น 


6. ที่ดินเสื่อมโทรม เพราะการทำการเกษตรแผนใหม่ จะต้องมีการใช้ปุ๋ย ยาเป็นปริมาณมาก จะทำให้ดินเสื่อมสภาพ เมื่อต้องเร่งปลูกพืชเพื่อขายอีกโดยไม่มีการฟื้นฟูสภาพ ดินก็ยิ่งมีสภาพแย่ลงเรื่อย ๆ 


7. พึ่งตัวเองไม่ได้ในด้านอาหาร เพราะระบบการเกษตรเพื่อการค้า จะทำให้ทรัพยากรดิน น้ำ ป่าวิกฤติมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออาหารจากธรรมชาติที่เกษตรกรเคยเก็บหามาได้ ขณะเดียวกันพืชเศรษฐกิจก็จะทำลายเมล็ดพันธุ์ข้าวและอาหารหลากหลายชนิดในไร่นาไปอีก 


8. มีแนวโน้มว่าชาวนาชาวไร่ในประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ยังมีระบบการผลิตแบบพออยู่พอกิน และยังไม่เข้าสู่ระบบ "ตลาด" เฉพาะอย่างยิ่งคนป่าคนดอยเขตเกษตรที่สูง จนถึงชาวประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนระบบการผลิตไปเป็นการทำการเกษตรขนาดใหญ่ เป้าหมายคือการผลิตเพื่อการค้าและการส่งออก 


b2.gif เป้าหมายของเอดีบีที่บอกว่าจะลดทอนความยากจนในภาคเกษตรกรรม ก็ยิ่งทำให้คนจนยิ่งจนลง คนรวยยิ่งรวยขึ้น และยังเป็นการเหยียบย่ำภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศให้หมดหนทางยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

b8.gif นี่คือสาเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวเกษตรกร และผู้ยากจน...ไม่ใช่อำมาตย์หรือไพร่ในการแบ่งแยกความรวยและความจน...แต่เป็นเพราะผลพวงในการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดตั้งแต่สมัยนายกฯชวลิต และทักษิณเป็นรองนายกฯ ต่างหากเล่าที่ทำให้คนจนนั้นจนลงๆกว่าเดิม.....แต่กลับชูนโยบายแก้ไขความยากจน....โดยการตั้งกองทุนหมู่บ้านแจกเงิน...ตัวเองก็ได้คะแนนและได้ใจว่าเป็นผู้ที่แก้ไขความยากจน...


b38.gif ทักษิณเป็นพ่อค้าที่ค้ากำไร 2 ต่อ 3 ต่อ โดยที่พี่น้องเกษตรกรที่เข้ามาประท้วงยากจน จนร้องหาความเป็นธรรม....เกิดขึ้นเพราะใคร...เพราะอภิสิทธิ์หรือที่ทำให้เกิดเหตุการณ์พวกนี้...ตอนนี้มันเลยการเป็นเหวงไปหมดทั้งแผ่นดินไงเล่า
 




#1169198 ขอความรู้เรื่อง กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ด้วยครับ

โดย ไนติงเกล on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:20

 ถ้าอ่านจนจบที่โพสต์มา...ทุกคนคงเข้าใจเลยใช่ไหมว่าเหตุใด อดีตนายกฯ ชวลิต ยงใจยุทธ ถึงกระโดดเข้ามาปกป้องทักษิณอย่างเต็มตัว....

b18.gif ก็เพราะทั้ง 2 คนนี้มันทำผิดด้วยกันมาตั้งแต่ต้นแล้วไง....




#1169215 ขอความรู้เรื่อง กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ด้วยครับ

โดย ไนติงเกล on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:38

ไม่ทราบว่าเจ้าของกระทู้จะอ่านโดยละเอียดหรือเปล่า....ดิฉันสรุปมาเองกับมือเลยค่ะไม่ต้องไปหาอ่านหลายๆเล่ม




#1163095 ศัพท์ใหม่ยิ่งลักษณ์ "I am Virgin" พูดจริงหรือไม่ครับ ?

โดย คนไทยคนหนึ่ง on 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:52

ถ้าจะพูดว่า "ผมบริสุทธิ์" ภาษาอังกฤษต้องใช้คำอะไรบ้างครับ ในกรณี ที่โดนกล่าวหานะครับ

มี 2 อย่าง ครับ innocent บริสุทธิ์  not guilty ไม่มีความผิด

2คำนี้มีความหมายต่างกัน innocent นี้ไม่ได้กระทำจริงๆ แต่not guilty อาจจะทำ

แต่สามารถชนะคดีได้ด้วยข้อกฎหมายครับ  

 

(เพิ่มเติม)

 innocent = ไม่ได้กระทำความผิด

not guilty = ไม่ผิด




#1112392 ปชป ห้ามลงเลือกตั้ง

โดย คลำปม on 21 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 19:33

ผมคิดว่าถ้าจะให้ประเทศเดินทางสู่ความสงบ ปชป.ต้องลงครับ

 

แต่เงื่อนไขคือ ปชป.ต้องประกาศชัดแจ้งเลยว่าจะตั้งสภาประชาชนปฏิรูปการเมือง

 

อย่าทำซื้อเวลาแบบยิ่งลักษณ์นะครับ  ทำจริงจัง

 

 

ประกาศชื่อบุคคลที่จะเข้าร่วมสภาปฏิรูปบางส่วนไปเลย

 

เอาแต่คนเด่นๆ  คนที่ประชาชนยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย ไอ้นิธิ ไอ้เอกชัย  หรือไอ้แก้มบูดปริยวงศ์ก็ไปเชิญมันมาเข้าร่วม

(ไอ้พวกนี้เชิญให้มันได้มีตำแหน่งรับรองมันรับหมดแหละ)

 

แล้วก็เอาฝ่ายเราจำนวนพอๆกัน  จากนั้นก็เอานักวิชาการคุณภาพๆอีกจำนวนนึง

 

เอาให้ได้สัก 40-50 รายชื่อประกาศไปเลยครับ 

 

 

ตั้งเป็นสภาที่ปรึกษาให้มันไปเถียงกันให้ตาย  จะได้ไม่ต้องมาลงกันที่ข้างถนน

 

ส่วนประเด็นที่จะทำปฏิรูปก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญโดยทำประชามติอย่างเปิดเผยโปร่งใส

 

เรื่องบอยคอตเลิกคิดไปเลยครับ  ทำไปมันก็ไม่ใช่ทางออก

 

 

ทางออกขณะนี้คือต้องเอาแนวคิดของ กปปส.มาทำให้เป็นความจริงแล้ว

 

ใครจะเหน็บแนมด่าว่า ปชป.ลงทำไมยังไม่ปฏิรูปเสียหน่อยอย่าไปสนครับ

 

คนที่เขาจะโจมตีเรา   ลงหรือไม่ลงก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว

 

 

เป็นพรรคการเมือง  อาสาเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง

 

ถ้าพรรคตัวเองพอมีโอกาสหาทางออกให้ประเทศได้ยังไงก็ต้องทำครับ

 

คราวที่แล้วถือว่ากระแสปฏิรูปก่อนเลือกตั้งรุนแรง  อารมณ์ประชาชนกำลังคุกรุ่น

 

ลงไปตอนนั้นประชาชนส่วนนึงจะรู้สึกว่านักการเมืองเลวหมด  พึ่งหวังไม่ได้

 

มันจะเกิดวิกฤตศรัทธากับพรรคการเมืองทุกพรรค  ดังนั้นไม่ลงก็เหมาะสม

 

 

แต่ตอนนี้ถ้า ปชป.สื่อกับประชาชนผ่านบูลสกายให้ดีๆ

 

ชี้แจงกับสังคมให้เห็นทางออกร่วมกัน

 

ผมว่าสู้เพื่อไทยได้ครับ  มันไม่เท่าไหร่หรอก  คนก็ยี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

2-3 ปีแล้ว  พิสูจน์ความโง่ของปูกันมาพอแล้ว  ปล่อยชีไปเถอะครับ




#1108309 ประเทศไทยเหมาะกับการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหรือไม่?

โดย คลำปม on 17 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 20:22

คำถามว่าประเทศไทยเหมาะกับการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหรือไม่?

 

ผมขอตอบว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะครับ  

 

แต่อนาคตเมื่อคุณภาพประชาชนดีกว่านี้คงเหมาะ

 

 

ถ้าไม่เหมาะควรปกครองด้วยระบอบอะไร?

 

สมบูรณาญาสิทธิราชย์ครับ