เค้าแจกข้าว หรือแจกหญ้าครับ
Posted by yenmanovic
on 2 May 2013 - 19:30
Posted by เช never die
on 24 April 2013 - 08:03
Posted by kokkai
on 24 April 2013 - 09:16
Posted by พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน
on 24 April 2013 - 09:15
Posted by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่
on 20 April 2013 - 21:24
Posted by wat
on 20 April 2013 - 11:05
Posted by phoebus
on 18 April 2013 - 09:27
ขอบคุณ MOU 43
เพราะงานนี้ไม่ใช่ได้เฉพาะคดีนี้เท่านั้น
แต่ยังได้สำแดงให้เห็นธาตุแท้คนรักชาติอีกหลายคนอีกด้วย
Posted by eAT
on 19 April 2013 - 09:59
ก็รอดูศาลโลกตัดสินแล้วกัน ผมใจกว้างนะถ้าศาลตัดสินให้ไทยชนะ ผมเลือก ปชปและเลิกเป็นพันธมิตร
แต่ถ้าไทยแพ้ก็ขอให้สาวก ปชปเลิกเป็นสาวก ปชปและอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ ชวน สุขุมพันธ์ เก็บข้าวของไปอยู่ ลอนดอนเลยไป๊ เพราะผมถือว่าเตือน ปชปมาตลอดแต่ ปชปไม่เคยฟังพันธมิตรสักข้อ
ไม่เอาครับ เลิกเป็น "คน" ไปเลยดีกว่า
คิดว่าหลายๆ คนไม่ยอากได้แพรด
เพราะจะไปถ่วงความเจริญเขา
Posted by eAT
on 19 April 2013 - 12:48
ผมของเสนอทฤษฎีของ นายเมฆ มณีวาจา ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกวาชื่อ
ไมเคิล ไรท์ ก็จะมีคนถึง "บางอ้อ" ได้ เขาเสนอว่า กรุงศรีอยุธยาอาจจะมาจาก
"ขอม" ที่อพยพหนีโรคระบาดมา มาตั้งเมือหลวงใหม่ แต่เมื่อนานไป ญาติที่ให้
ครองเมืองขอม แข็งเมือง ก็เลยยกทัพไปสั่งสอน เนื่องจากย้ายเมืองมานานไป
ก็ผสานตัวเข้ากับคนพื้นเมือง และเมืองรอบนอก กลายเป็น "คนไทย" ไป ทำให้
ทุกวันนี้ "ราชาศัพท์" จึงเต็มไปด้วยคำขอม
เอามาเล่าให้ฟังสนุกๆ ไม่แน่นะ ทุกวันนี้ที่โกรธไทยมากกว่าประเทศอื่น มากกว่า
คนที่ต้อนไปฆ่าเป็นล้านๆ เพราะว่าคิดว่าตัวเองเป็น "ลูกเมียน้อย" ก็ได้
Posted by wat
on 19 April 2013 - 12:37
ในโลกนี้มีชนชาติที่เกลียดชังกันอยู่หลายชนชาติ เพราะคนบางชาติติดหล่มอยู่ ในประวัติศาสตร์แต่หนหลังที่เจ็บแค้น เช่น อาหรับกับยิว เกาหลีกับญี่ปุ่น อินโดนีเซียกับสเปนและฮอลแลนด์ และเขมรกับไทย เป็นต้น
กรณีเขมรกับไทยนั้น ดูเหมือนจะเป็นเขมรฝ่ายเดียวที่ชิงชังไทยไม่รู้เลิก ถึงขั้นรัฐบาลจัดให้มี “วันเกลียดชังไทย” ขึ้นโดยมีกิจกรรมสาปแช่งคนไทยในวันดังกล่าว สาเหตุที่เขมรเกลียดชังไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะเขมรเคยมีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และยาวนานในภูมิภาคแห่งนี้เป็นเวลาหลายพันปี แต่แล้วกลับถูกอาณาจักรไทยที่เกิดใหม่แค่ 700 ปีทำลายจนเกือบสิ้นชาติ...
ความรุ่งเรืองของขอมหรือเขมรผ่านมาหลายยุค สรุปได้อย่างกระชับย่อ ดังนี้...
ยุคโบราณ เรียกว่า อาณาจักรฟูนัน รุ่งเรืองอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 6 ถึงศตวรรษที่ 11
ยุคสอง เรียกว่า อาณาจักรเจนละ รุ่งเรืองอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 11 ถึงพุทธศตวรรษที่ 13
ยุคสาม เรียกว่า อาณาจักรขอมหรืออาณาจักรอังกอร์ (Angkor Kingdom) รุ่งเรืองอยู่ระหว่าง พ.ศ. 1345 หรือ ค.ศ.802 จนถึง พ.ศ.1975 หรือ ค.ศ.1432 ตลอดระยะเวลา 631 ปี เป็นห้วงเวลาที่อาณาจักรอังกอร์รุ่งเรืองที่สุดในภูมิภาคนี้ เห็นได้จากปราสาทขอมที่สร้างกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินที่ตนครอบครองอย่างมากมาย เช่น ตะวันตกไปถึงกาญจนบุรีติดพม่า เป็นต้น...
แต่แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.1893 เป็นต้นมา กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเริ่มรบชนะอาณาจักรอังกอร์มาตลอด จนกระทั่งถึงแผ่นดินเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ.1975 หรือ ค.ศ.1432 ก็ได้ยกทัพไปเผาทำลายเมืองหลวงชื่อ “เมืองพระนคร” ของอาณาจักรอังกอร์จนราบคาบ ทำให้อาณาจักรขอมหรืออาณาจักรอังกอร์ล่มสลายหรือสิ้นชาติตั้งแต่บัดนั้น... ยุคอาณาจักรเขมร เขมรหรือขอมสิ้นชาติไปถึง 2 ปีเต็มๆ แล้วในปี พ.ศ.1977 หรือ ค.ศ.1434 คนเขมรรุ่นใหม่จึงได้สร้างประเทศขึ้น ซึ่งก็คือเขมรในปัจจุบัน แต่ตั้งประเทศได้ไม่นาน ก็ถูกไทยไล่ล่าเป็นเมืองขึ้น เขมรต้องส่งเครื่องบรรณาการมาสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาอย่างต่อเนื่อง...
... แต่ครั้งใดที่มีศึกพม่ามาประชิดเมืองเขมร เขมรก็จะแข็งข้อยกพวกมาชิงเมืองชายแดน ต้อนคนไทยไปเป็นทาส... ดังนั้น ในยุคสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งตรงกับยุคพญาละแวกเป็นกษัตริย์เขมร พระนเรศวรจึงยกทัพไปเหยียบย่ำเขมรจนแหลกราญ แล้วให้นำตัวกษัตริย์เขมรมาหมอบราบอยู่ “ใต้เกย” ส่วนพระนเรศวรนั่งอยู่ “เหนือเกย” เมื่อเพชรฆาตตัดคอกษัตริย์เขมรแล้ว ได้เอาถาดทองรองโลหิตนำขึ้นไปให้พระนเรศวรชำระพระบาท ซึ่งในโลกนี้ไม่เคยปรากฎมาก่อนว่า กษัตริย์ที่พ่ายศึกจะถูกตัดคอนำเลือดมาล้างเท้าผู้ชนะ...
... หลังจากนั้นเขมรก็เป็นเมืองขึ้นของไทยมาตลอด จนกระทั่งถึงยุคปีศาจตาน้ำข้าวจากยุโรปออกไล่ล่าเมืองขึ้น เขมรก็หลุดจากไทยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส... ทุกวันนี้ เขมรหาได้เกลียดชังฝรั่งเศสที่มาไล่ล่าเอาตนเป็นเมืองขึ้นไม่ แต่กลับเกลียดชังไทยอย่างอภัยไม่ได้ โดยเฉพาะผู้นำเขมรถึงขั้นเกลียดชังคนไทยอย่างเข้ากระดูกดำ ไม่แพ้เกาหลีเกลียดชังญี่ปุ่นและอาหรับเกลียดชังยิว...
... แต่น่าแปลกใจ พี่น้องตระกูลซุกและเหล่าสาวกทั้งหลายกลับรักเขมรยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก...
กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม
เลียบวิภาวดี
แนวหน้า
องค์พระเนรศท่านคงเกลียดไอ้ชนชาตินี้น่าดู เพราะเท่าที่อ่านประวัติศาสตร์มา มันทำตัวเป็นหอกข้างแคร่กับไทยมาโดยตลอดขอรับ ไม่เคยเห็นประวัติศาสตร์หน้าไหนบอกว่ามันจะทำอะไรให้เราอย่างจริงใจ เต็มใจ... เห็นแต่มีก็ขอแบ่ง เผลอก็ซ้ำให้จม... ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน สันดอนนี้ก็ไม่เปลี่ยน... สมเด็จฯท่าน และเหล่าบรรพบุรุษฯหากได้เห็นลูกหลานกระทำย่ำยีกันเยี่ยงทุกวันนี้ คงจะเจ็บช้ำระกำใจยิ่งนักนะขอรับ...
Posted by ดอกปีบ
on 19 April 2013 - 07:39
เห็นนักข่าวเขมรเหิมหยามไทยเขียน "หมาเห่าไม่กัด" แล้วทำให้นึกถึงบทกลอนอาจารย์ "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์" ที่ได้เขียนลงไว้ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2502 ว่า เป็นเจ้าไม่มีศาลเข้ามาพึ่งใบบุญไทยแล้วลูกหลานกลับ "เนรคุณ"
จากกรณีที่เมื่อเช้าวันที่ 31 ม.ค.54 มีผู้รายงานว่า ขณะที่กองทัพกัมพูชานำขบวนรถถังและรถเกราะวิ่งผ่านเมืองต่างๆได้มีประชาชนชาวเขมรออกมายืนโบกมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้อง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหารกัมพูชาที่เคลื่อนรถถังหุ้มเกราะเข้าประชิดชายแดน โดยสื่อกัมพูชายังรายงานอีกว่าทหารกัมพูชาทุกคนจะปกป้องแผ่นดินกัมพูชาไม่ให้ทหารไทยเข้ามาบุกรุกหรือรุกรานอย่างเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ชาวเขมรในฝั่งปอยเปต จำนวนมากแห่เข้าไปในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เพื่อเข้าไปดูเวปไซด์ www.dap-news.com ของหนังสือพิมพ์เดิมอัมปรึล(หนังสือพิมพ์ต้นมะขาม)ของกัมพูชา เพื่อเข้าไปอ่านบทความของ "นายซอย โซะเพียบ" นักข่าว น.ส.พ.เดิมอัมปรึล ที่เขียนบทความคอลัมภ์ “หมาเห่าไม่กัด” โดยเขียนเปรียบเปรยว่าประเทศไทยเปรียบเสมือนหมาที่เห่าแต่ไม่กัด กรณีประเทศไทยขนทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์มาซ้อมรบบริเวณใกล้ชายแดนปราสาทพระวิหาร ส่วนกัมพูชาเปรียบเสมือน หมาที่ไม่เห่า แต่กัด และจะกัดแบบสุด ๆ ด้วย
จากบทความดังกล่าวทำให้นึกถึงบทกลอนที่ "อาจารย์ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเขียนบทกลอนเอาไว้ในหนังสือพิมพ์ สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2502 ชื่อ “ถกเขมรปี 2502” ว่า
“สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน
กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป
อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด
เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี
ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน
หากไทยจำลำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น
ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วง นั้นคือใครที่ไหนมา
เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง
ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่าจองหอง
เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา
ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา
ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป
มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลาน กลับเนรคุณได้
สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย"
ที่มา http://www.siamrath....b/?q=node/28128
พี่ปอง อัญชลี พึ่งพูดถึงกลอนนี้ ในรายการร้อยข่าวบลูสกาย เช้าวันนี้ค่ะ
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net