Jump to content


10APR10

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 27 เมษายน 2553
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 23:38
-----

#700982 ใครไปกินข้าวฟรี หน้าศาลบ้าง

โดย Bookmarks on 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:46

เค้าแจกข้าว หรือแจกหญ้าครับ  :lol:

 

post-4679-0-86610700-1367463997.jpg




#699059 การปฏิวัติ - บททดสอบความอดทนในการรอคอยของผู้ใหญ่

โดย eAT on 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:45

ตอแหลกันเห็นๆ ปากบอกว่าอดกลั้น

แต่ดันเข้าเว็บมาหาหอยอะไร ทำไมไม่รอ

ไปเลือกตั้ง อย่างที่ตัวเองบอกไว้

เบื่อพวกหาเพศตัวเองไม่เจอ




#698302 หิวกันไหมฮะเพื่อนๆ

โดย yenmanovic on 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 19:30



ไม่ได้มีความหมายแอบแฝงอะไรเลยนะฮะ แค่หิว เลยเอามาฝากเพื่อนๆฮะ

 

df24a4d4ba.jpg




#687998 ทำไมผมจึงเรียกพี่น้องเสื้อแดงว่า "โจรก่อการร้ายเสื้อแดงขายชาติ"

โดย เช never die on 24 เมษายน พ.ศ. 2556 - 08:03

 

ขอบคุณสมเด็จฮุนเซ็น ที่ให้แผ่นดิน ถิ่นเกิด ....  :blink: :blink:

 

กุว่าแล้ว ไอ้พวกคนไทยใจเขมรพวกนี้ มัน เกิดในเขมร นี่เอง




#688077 แบบนี้กองเชียร์แดงปรับตัวไม่ทันเลย

โดย kokkai on 24 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:16

รูปรถไฟเป็นภาพตัดต่อครับ

 

ขำๆ.gif




#688072 แบบนี้กองเชียร์แดงปรับตัวไม่ทันเลย

โดย พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน on 24 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:15

รูปรถไฟเป็นภาพตัดต่อครับ

 

ขอหลักฐานที่ว่าเป็นภาพตัดต่อครับ  :lol:




#686174 ขออนุญาตเสนอให้มีการสมัครสมาชิกด้วยบัตรประชาชนครับ

โดย คนสับปรับ on 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 16:17

อย่างนี้พวกเขมรก้อเข้าไม่ได้อ่ะดิครับ 




#686149 ขออนุญาตเสนอให้มีการสมัครสมาชิกด้วยบัตรประชาชนครับ

โดย ชามู on 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 16:02

ถ้าทำจริง...  ผมคงต้องย้ายที่เล่น..

 

:D

 

 

เอ่อ... ถ้าน้องการ์ตูนจะย้ายเพราะเหตุนี้

 

มอดครับ พิจา่รณาทำเลยเถิดครับ ได้ตามที่โควทข้างบนก็ึึคุ้มแล้วครับ


:lol: :lol: :lol:




#683926 ใครเจอคนประเภทนี้ในเวบบอร์ดเราบ้างคะ!!!???

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 20 เมษายน พ.ศ. 2556 - 21:24

เห็นมี 3 คนนะครับ

อีกคนหายหัวไปแล้ว นานๆโผล่มาที

อีกสองคน เสมือนเป็นผัวเมียกัน

ชมกันเอง  ถ้าเมียพลาด ผัวจะเข้ามาช่วยทันที เหมือนพีเอ็มเรียกกันมา




#683195 คนไทยต้องรู้ไว้... ใครทำอะไรให้แผ่นดินนี้...

โดย wat on 20 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:05

540686_183201758497030_1815825241_n.jpg

 

สิ่งที่คนไทยต้องรู้...

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปลด อัษฎา ชัยนาม ออกจาก ปธ.เจบีซี, ปลด ทูตวีรชัย พลาศรัย จากที่ปรึกษา เจบีซี หลังนายกฯเข้ารับตำแหน่งแค่เดือนเดียว...

ในขณะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังโหนกระแสเอาหน้ากับผลงานทีมกฎหมายไทยที่มีทูตวีรชัย พลาศรัย เป็นหัวหน้าทีม จากการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง เพรียบพร้อมไปด้วยน้ำหนักของหลักฐาน ข้อเท็จจริง และความชาญฉลาดในการหักล้างข้อ...กล่าวหาของกัมพูชา และคนไทยก็กำลังปลาบปลื้มกับผลงานของทีมกฎหมายไทย แม้ว่าจะยังไม่มีคำตัดสินจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งคงจะต้องรออีกประมาณ 6 เดือนกว่าจะรู้ผล

แต่การต่อสู้อย่างเข้มแข็งของทีมกฎหมายไทยที่มีการเตรียมการกันมานานตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการรักษาอธิปไตยของประเทศ เพราะยังมีกลไกอื่น ๆ ที่ต้องขับเคลื่อนอย่างเป็นเอกภาพไปพร้อม ๆ กันด้วย โดยเฉพาะในระดับนโยบายที่จะเป็นผู้กำหนดแนวทางให้ฝ่ายปฏิบัติคือไปดำเนินการ

กลไกสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา คือ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ซึ่งในรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่งตั้งให้ อัษฎา ชัยนาม อดีตอธิบดีกรมการระหว่างประเทศเป็นประธาน ถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ปลดจากตำแหน่ง ตั้ง บัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ในหลายประเทศ ซึ่งมีปูมหลังเคยรับใช้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจมาดำรงตำแหน่งประธานเจบีซีแทน โดยมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนี้ในวันที่ 13 ก.ย.54 หลังจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียงเดือนเศษเท่านั้น...

... ไม่เพียงเท่านั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังเปลี่ยนที่ปรึกษา เจบีซีจากนายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ แล้วตั้งนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุง มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ มาทำหน้าที่แทน...

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีความสำคัญยิ่ง เพราะเจบีซีคือกลไกในการเจรจาเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาตามกรอบของเอ็มโอยู 43 หากฝ่ายไทยไม่มีความเข้มแข็งปฏิบัติตามนโยบายฝ่ายการเมืองโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง สุดท้ายประเทศชาติก็ยังหนีความเสี่ยงในเรื่องอธิปไตยบริเวณรอบปราสาทพระวิหารไม่พ้น

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือยอดที่งอกจากต้นไม้ ทักษิณ และแนวทางที่ ทักษิณ ยึดมาโดยตลอดเกี่ยวกับเขตแดนไทย-กัมพูชา คือการโอนอ่อนตามความต้องการของเขมรบนความสมประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่ความสมประโยชน์ของสองชาติ แต่เป็นความสมประโยชน์ร่วมกันของผู้นำมากกว่า

อย่าลืมว่าการสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวมีจุดเริ่มต้นจากรัฐบาลทักษิณและมาปิดจ๊อบในรัฐบาลสมัคร โดยนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น ไปลงนามออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียวจนสำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ ได้ดำเนินการคัดค้าน พร้อมกับเสนอให้มีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา จนทำให้ในปี 2550 คณะกรรมการมรดกโลก ไม่กล้ามีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตามข้อเสนอของกัมพูชา จนต้องเลื่อนการประชุมออกไป

แต่เมื่อนพดลไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทยกัมพูชา สนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปี 2551 จึงมีมติรับรองให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตามเป้าประสงค์ของกัมพูชา แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะ แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งมติของคณะกรรมการมรดกโลกได้


... ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทนายความกัมพูชาได้หยิบยกเอาการสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลสมัครไปใช้ประโยชน์ในการสู้คดีที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อโน้มน้าวให้ศาลเข้าใจว่าไทยเคยยอมรับว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาจึงไม่มีการคัดค้านการขึ้นทะเบียนดังกล่าวที่จะต้องมีการพัฒนาพื้นที่ในส่วนนี้เพื่อให้การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้อย่างสมบูรณ์...

... จนถึงวันนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศมาแล้วเกือบสองปี ไม่เคยมีคนในรัฐบาลแม้แต่คนเดียวที่จะประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวของกัมพูชา เพื่อต่อยอดจากรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร เดินหน้าพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร โดยไม่คำนึงถึงผลในทางพฤตินัยว่าจะกลายเป็นการยอมรับอธิปไตยของกัมพูชาเหนือพื้นที่ปราสาทพระวิหารไปโดยปริยายหรือไม่...

... ประเด็นที่สังคมไทยต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อจากนี้ไป จึงไม่ใช่เพียงแค่การรอคอยคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในอีก 6เดือนข้างหน้าเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายแนวรบที่ไทยต้องยืนยันสิทธิและอธิปไตยของประเทศที่จะไม่ให้กัมพูชาเข้ามาปล้นแผ่นดินไทย... เพราะแนวรบสำคัญคือ คณะกรรมาธิการ เจบีซี ที่ไทยเคยมี อัษฎา ชัยนาม และทูตวีรชัย เป็นขุนพลหลักในการปกป้องเขตแดนไทยได้ถูกปลดออกจากการเป็นแนวหน้าปกป้องชาติจากความกลับกลอกและเล่ห์เหลี่ยมของเขมรไปเสียแล้ว...

หน้าที่ของทูตวีรชัยได้ทำอย่างสมบูรณ์ในการปกป้องอธิปไตยชาติและรักษาเกียรติภูมิของชาติไทยในเวทีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจบแล้ว แต่หน้าที่ของคนไทยยังไม่จบเพราะยังต้องเกาะติดเพื่อไม่ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปฝักใฝ่ผลประโยชน์กัมพูชายิ่งกว่าผลประโยชน์ประเทศไทย เหมือนที่นพดล ปัทมะ ถูก ป.ป.ช.ฟ้องต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จากการไปออกแถลงการณ์ร่วมกับเขมรมาแล้ว...
 
 
-_-  เก็บไว้เป็นหลักฐาน เกิดเวลาเห้จะเห่าเอาหน้า... จะได้เอาไว้ตบหน้าพวกมันขอรับ...



#680885 ศาลโลก จะเป็นศาลพระภูมิหรือไม่ก็งานนี้แหละมั้ง....

โดย phoebus on 18 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:27

ขอบคุณ MOU 43 

 

เพราะงานนี้ไม่ใช่ได้เฉพาะคดีนี้เท่านั้น

 

แต่ยังได้สำแดงให้เห็นธาตุแท้คนรักชาติอีกหลายคนอีกด้วย

 

 

:lol:  :lol:  :lol: 




#681883 จนวันนี้ เว็บเหลืองยังคร่ำครวญไม่เลิกถึงผลเสียของ MOU อยู่เลย...เฮ้อ

โดย eAT on 19 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:59

ก็รอดูศาลโลกตัดสินแล้วกัน ผมใจกว้างนะถ้าศาลตัดสินให้ไทยชนะ ผมเลือก ปชปและเลิกเป็นพันธมิตร

 

แต่ถ้าไทยแพ้ก็ขอให้สาวก ปชปเลิกเป็นสาวก ปชปและอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุเทพ ชวน สุขุมพันธ์ เก็บข้าวของไปอยู่ ลอนดอนเลยไป๊    เพราะผมถือว่าเตือน ปชปมาตลอดแต่ ปชปไม่เคยฟังพันธมิตรสักข้อ

 

 

ไม่เอาครับ เลิกเป็น "คน" ไปเลยดีกว่า

คิดว่าหลายๆ คนไม่ยอากได้แพรด

เพราะจะไปถ่วงความเจริญเขา




#682124 ประวัติศาสตร์บอกเหตุที่เขมรเกลียดไทย...

โดย eAT on 19 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:48

ผมของเสนอทฤษฎีของ นายเมฆ มณีวาจา ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกวาชื่อ

ไมเคิล ไรท์ ก็จะมีคนถึง "บางอ้อ" ได้ เขาเสนอว่า กรุงศรีอยุธยาอาจจะมาจาก

"ขอม" ที่อพยพหนีโรคระบาดมา มาตั้งเมือหลวงใหม่ แต่เมื่อนานไป ญาติที่ให้

ครองเมืองขอม แข็งเมือง ก็เลยยกทัพไปสั่งสอน เนื่องจากย้ายเมืองมานานไป

ก็ผสานตัวเข้ากับคนพื้นเมือง และเมืองรอบนอก กลายเป็น "คนไทย" ไป ทำให้

ทุกวันนี้ "ราชาศัพท์" จึงเต็มไปด้วยคำขอม

 

เอามาเล่าให้ฟังสนุกๆ ไม่แน่นะ ทุกวันนี้ที่โกรธไทยมากกว่าประเทศอื่น มากกว่า

คนที่ต้อนไปฆ่าเป็นล้านๆ เพราะว่าคิดว่าตัวเองเป็น "ลูกเมียน้อย" ก็ได้




#682117 ประวัติศาสตร์บอกเหตุที่เขมรเกลียดไทย...

โดย wat on 19 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:37

ในโลกนี้มีชนชาติที่เกลียดชังกันอยู่หลายชนชาติ เพราะคนบางชาติติดหล่มอยู่ ในประวัติศาสตร์แต่หนหลังที่เจ็บแค้น เช่น อาหรับกับยิว เกาหลีกับญี่ปุ่น อินโดนีเซียกับสเปนและฮอลแลนด์ และเขมรกับไทย เป็นต้น

 

กรณีเขมรกับไทยนั้น ดูเหมือนจะเป็นเขมรฝ่ายเดียวที่ชิงชังไทยไม่รู้เลิก ถึงขั้นรัฐบาลจัดให้มี “วันเกลียดชังไทย” ขึ้นโดยมีกิจกรรมสาปแช่งคนไทยในวันดังกล่าว  สาเหตุที่เขมรเกลียดชังไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะเขมรเคยมีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และยาวนานในภูมิภาคแห่งนี้เป็นเวลาหลายพันปี แต่แล้วกลับถูกอาณาจักรไทยที่เกิดใหม่แค่ 700 ปีทำลายจนเกือบสิ้นชาติ...

 

ความรุ่งเรืองของขอมหรือเขมรผ่านมาหลายยุค สรุปได้อย่างกระชับย่อ ดังนี้...

 

ยุคโบราณ เรียกว่า อาณาจักรฟูนัน  รุ่งเรืองอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 6 ถึงศตวรรษที่ 11
 

ยุคสอง เรียกว่า อาณาจักรเจนละ  รุ่งเรืองอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 11 ถึงพุทธศตวรรษที่ 13
 
ยุคสาม เรียกว่า อาณาจักรขอมหรืออาณาจักรอังกอร์ (Angkor Kingdom) รุ่งเรืองอยู่ระหว่าง พ.ศ. 1345 หรือ ค.ศ.802 จนถึง พ.ศ.1975 หรือ ค.ศ.1432 ตลอดระยะเวลา 631 ปี เป็นห้วงเวลาที่อาณาจักรอังกอร์รุ่งเรืองที่สุดในภูมิภาคนี้ เห็นได้จากปราสาทขอมที่สร้างกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินที่ตนครอบครองอย่างมากมาย เช่น ตะวันตกไปถึงกาญจนบุรีติดพม่า เป็นต้น...

 

แต่แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.1893 เป็นต้นมา กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเริ่มรบชนะอาณาจักรอังกอร์มาตลอด จนกระทั่งถึงแผ่นดินเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ.1975 หรือ ค.ศ.1432 ก็ได้ยกทัพไปเผาทำลายเมืองหลวงชื่อ “เมืองพระนคร” ของอาณาจักรอังกอร์จนราบคาบ ทำให้อาณาจักรขอมหรืออาณาจักรอังกอร์ล่มสลายหรือสิ้นชาติตั้งแต่บัดนั้น... ยุคอาณาจักรเขมร  เขมรหรือขอมสิ้นชาติไปถึง 2 ปีเต็มๆ แล้วในปี พ.ศ.1977 หรือ ค.ศ.1434 คนเขมรรุ่นใหม่จึงได้สร้างประเทศขึ้น ซึ่งก็คือเขมรในปัจจุบัน แต่ตั้งประเทศได้ไม่นาน ก็ถูกไทยไล่ล่าเป็นเมืองขึ้น เขมรต้องส่งเครื่องบรรณาการมาสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาอย่างต่อเนื่อง...

 

... แต่ครั้งใดที่มีศึกพม่ามาประชิดเมืองเขมร เขมรก็จะแข็งข้อยกพวกมาชิงเมืองชายแดน ต้อนคนไทยไปเป็นทาส... ดังนั้น ในยุคสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งตรงกับยุคพญาละแวกเป็นกษัตริย์เขมร พระนเรศวรจึงยกทัพไปเหยียบย่ำเขมรจนแหลกราญ แล้วให้นำตัวกษัตริย์เขมรมาหมอบราบอยู่ “ใต้เกย” ส่วนพระนเรศวรนั่งอยู่ “เหนือเกย” เมื่อเพชรฆาตตัดคอกษัตริย์เขมรแล้ว ได้เอาถาดทองรองโลหิตนำขึ้นไปให้พระนเรศวรชำระพระบาท ซึ่งในโลกนี้ไม่เคยปรากฎมาก่อนว่า กษัตริย์ที่พ่ายศึกจะถูกตัดคอนำเลือดมาล้างเท้าผู้ชนะ...

 

... หลังจากนั้นเขมรก็เป็นเมืองขึ้นของไทยมาตลอด จนกระทั่งถึงยุคปีศาจตาน้ำข้าวจากยุโรปออกไล่ล่าเมืองขึ้น เขมรก็หลุดจากไทยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส... ทุกวันนี้ เขมรหาได้เกลียดชังฝรั่งเศสที่มาไล่ล่าเอาตนเป็นเมืองขึ้นไม่ แต่กลับเกลียดชังไทยอย่างอภัยไม่ได้ โดยเฉพาะผู้นำเขมรถึงขั้นเกลียดชังคนไทยอย่างเข้ากระดูกดำ ไม่แพ้เกาหลีเกลียดชังญี่ปุ่นและอาหรับเกลียดชังยิว...

 

... แต่น่าแปลกใจ พี่น้องตระกูลซุกและเหล่าสาวกทั้งหลายกลับรักเขมรยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก...

 

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม

เลียบวิภาวดี

แนวหน้า

 

 

-_-  องค์พระเนรศท่านคงเกลียดไอ้ชนชาตินี้น่าดู เพราะเท่าที่อ่านประวัติศาสตร์มา มันทำตัวเป็นหอกข้างแคร่กับไทยมาโดยตลอดขอรับ ไม่เคยเห็นประวัติศาสตร์หน้าไหนบอกว่ามันจะทำอะไรให้เราอย่างจริงใจ เต็มใจ... เห็นแต่มีก็ขอแบ่ง เผลอก็ซ้ำให้จม... ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน สันดอนนี้ก็ไม่เปลี่ยน... สมเด็จฯท่าน และเหล่าบรรพบุรุษฯหากได้เห็นลูกหลานกระทำย่ำยีกันเยี่ยงทุกวันนี้ คงจะเจ็บช้ำระกำใจยิ่งนักนะขอรับ...

 

 




#681808 "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์"เขียนบทกลอนเป็นอุทธาหรณ์ ที่ยังนำสมัย

โดย ดอกปีบ on 19 เมษายน พ.ศ. 2556 - 07:39

 
"ม.ร.ว.คึกฤทธิ์"เขียนบทกลอนเป็นอุทธาหรณ์"ลูกหลานเขมรเนรคุณ"
 

เห็นนักข่าวเขมรเหิมหยามไทยเขียน "หมาเห่าไม่กัด" แล้วทำให้นึกถึงบทกลอนอาจารย์ "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์" ที่ได้เขียนลงไว้ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2502 ว่า เป็นเจ้าไม่มีศาลเข้ามาพึ่งใบบุญไทยแล้วลูกหลานกลับ "เนรคุณ" 

     จากกรณีที่เมื่อเช้าวันที่ 31 ม.ค.54  มีผู้รายงานว่า ขณะที่กองทัพกัมพูชานำขบวนรถถังและรถเกราะวิ่งผ่านเมืองต่างๆได้มีประชาชนชาวเขมรออกมายืนโบกมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้อง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหารกัมพูชาที่เคลื่อนรถถังหุ้มเกราะเข้าประชิดชายแดน โดยสื่อกัมพูชายังรายงานอีกว่าทหารกัมพูชาทุกคนจะปกป้องแผ่นดินกัมพูชาไม่ให้ทหารไทยเข้ามาบุกรุกหรือรุกรานอย่างเด็ดขาด 

     ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ชาวเขมรในฝั่งปอยเปต จำนวนมากแห่เข้าไปในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เพื่อเข้าไปดูเวปไซด์ www.dap-news.com  ของหนังสือพิมพ์เดิมอัมปรึล(หนังสือพิมพ์ต้นมะขาม)ของกัมพูชา เพื่อเข้าไปอ่านบทความของ "นายซอย  โซะเพียบ" นักข่าว น.ส.พ.เดิมอัมปรึล ที่เขียนบทความคอลัมภ์ “หมาเห่าไม่กัด” โดยเขียนเปรียบเปรยว่าประเทศไทยเปรียบเสมือนหมาที่เห่าแต่ไม่กัด กรณีประเทศไทยขนทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์มาซ้อมรบบริเวณใกล้ชายแดนปราสาทพระวิหาร ส่วนกัมพูชาเปรียบเสมือน หมาที่ไม่เห่า แต่กัด และจะกัดแบบสุด ๆ ด้วย 

     จากบทความดังกล่าวทำให้นึกถึงบทกลอนที่ "อาจารย์ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช"  อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเขียนบทกลอนเอาไว้ในหนังสือพิมพ์ สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์  เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2502 ชื่อ “ถกเขมรปี 2502” ว่า

 

          “สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่                ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล

          เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน                  ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน

          กะลาครอบมานานโบราณว่า                     พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน

          คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน                        ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป

          อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม             เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้

          ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย                     ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด

          เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู                   ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด

          สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร                  แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี

          ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ                         เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่

          คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี                     ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน

          หากไทยจำลำเลิกบ้างอ้างขอบเขต             เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น

          ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน                    องค์ด้วง นั้นคือใครที่ไหนมา

          เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง                 ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า

          ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา                    สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง

          ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว                          จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่าจองหอง

          เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง                        ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา

          ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์                         ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา

          ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา                        เพราะทรงพระกรุณาประทานไป

          มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ                   ถึงลูกหลาน กลับเนรคุณได้

          สมกับคำโบราณท่านว่าไว้                         อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย"

 

ที่มา http://www.siamrath....b/?q=node/28128

 

พี่ปอง อัญชลี พึ่งพูดถึงกลอนนี้ ในรายการร้อยข่าวบลูสกาย เช้าวันนี้ค่ะ