31 มีนาคม 2557 - เวลาประมาณ 11:40น. วันนี้.. สำนักงาน ป.ป.ช. ออกคำชี้แจง การไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีร้องขอถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกรณีกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อสาธารณะเกี่ยวกับการทำหน้าที่ไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีร้องขอถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกรณีกล่าวหา ว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว นั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ขอเรียนชี้แจง ดังนี้
1. การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยความเร่งรีบใช้เวลาเพียง 21 วันก็มีการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ขอเรียนว่าเรื่องนี้ เดิมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว
ซึ่งจากการไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวปรากฏข้อเท็จจริงว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้กำหนดให้มีนโยบายโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศ จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คณะอนุกรรมการไต่สวนจึงได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาและมีมติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ เป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง
โดยนำไปรวมดำเนินการกับกรณีร้องขอให้ถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว
ดังนั้น ในการไต่สวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้นับตั้งแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งให้ไต่สวนข้อเท็จจริงจนกระทั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มารับทราบข้อกล่าวหา รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 1ปี 10เดือน ดังนั้นในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงไม่ได้ใช้เวลาไต่สวนเพียง 21 วัน แต่อย่างใด
2. การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่าการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เข้ามาเป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้ทำให้กลายเป็นคู่กรณีกับผู้ถูกกล่าวหาเสียเอง แทนที่จะเป็นคนกลางที่จะอำนวยความยุติธรรมนั้น ขอเรียนว่าตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 66 บัญญัติว่า ในกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยหรือมีผู้กล่าวหาว่า ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการการเมืองอื่นร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว
ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับรายงานจากการไต่สวนข้อเท็จจริงว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามข้อ 1. จึงต้องดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.สามารถหยิบยกเรื่องขึ้นไต่สวนข้อเท็จจริงได้เอง เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อย่างไรก็ดีแม้คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเป็นผู้กล่าวหาเอง แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็จะต้องดำเนินการไต่สวนให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่ได้มีการยกเว้นในเรื่องหนึ่งเรื่องใดทั้งสิ้น
ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาทุกรายรวมถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจึงได้รับการอำนวยความยุติธรรมที่เท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายดังกล่าว
3. การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่าเมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกกล่าวหาจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง ก่อนที่จะนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณานั้น
ขอเรียนว่าตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในการการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถที่จะดำเนินการไต่สวนทั้งคณะ หรือแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน หรือมอบหมายพนักงานไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้ โดยจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับฐานะ ระดับของตำแหน่ง และการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาตามสมควร
ซึ่งในกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อคำนึงระดับตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาตามสมควร จึงได้กำหนดให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง ดังนั้น การที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าจะต้องมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนนั้น จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
และการให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริงนั้น เป็นการคุ้มครองและให้เป็นธรรมแก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีตามกฎหมาย
4. การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่าประสงค์จะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อขอตรวจสอบพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ว่ามีพยานหลักฐานใดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้ในการกล่าวหา หรือกรณีมีข้อสงสัยที่ยังไม่ชัดเจนเพื่อที่จะได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้องนั้น
ขอเรียนว่าการขอตรวจพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงนั้น ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องเข้าตรวจพยานหลักฐานด้วยตนเอง และตรวจได้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำของผู้ถูกกล่าวหา โดยต้องไม่กระทบต่อรูปคดีหรือการคุ้มครองบุคคลที่เกี่ยวข้อง สิทธิดังกล่าวได้มีการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบแล้วตามบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา
ซึ่งในกรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เคยอนุญาตให้ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาเข้าตรวจพยานหลักฐานแทนผู้ถูกกล่าวหาเนื่องจากมีพฤติการณ์พิเศษ และได้คัดถ่ายเอกสารหลักฐานในสำนวนการไต่สวนให้ไปจำนวน 49 แผ่น ซึ่งได้ครอบคลุมการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาตามที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว
ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มีหนังสือขอตรวจพยานลักฐานเพิ่มเติมจำนวน 19 รายการ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื้อหาของเอกสารทั้ง 19 รายการดังกล่าวเป็นเอกสารประกอบเรื่องตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยให้ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตรวจดูและคัดถ่ายให้แล้ว จำนวน 49 แผ่น ยกเว้นเอกสารบางรายการซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปและมีอยู่ที่ตัวผู้ถูกกล่าวหาแล้วหรือหน่วยงานที่ผู้ถูกกล่าวหาบังคับบัญชาอยู่ เช่น รายงานการวิจัยคณะกรรมการ ป.ป.ช. โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต เอกสารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มีไปถึงผู้ถูกกล่าวหา คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี เป็นต้น
ซึ่งเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารสำคัญที่จะต้องใช้ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงอนุญาตให้ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาเข้าตรวจพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ และคัดถ่ายไปจำนวน 280 แผ่น ก่อนที่จะถึงกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 3 วัน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความประสงค์ของผู้ถูกกล่าวหาเอง และไม่ทำให้รูปของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่าเพิ่มได้รับเอกสารเพียง 3 วัน ทำให้ไม่อาจชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ทันนั้น จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
5. การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระบุว่าการขอเลื่อนคดีของผู้ถูกกล่าวจะมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะมีเหตุผลมากน้อยเพียงใด นั้น
ขอเรียนว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เคยขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปอีก 15 วัน ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคม 2557 หากนับจากวันรับทราบข้อกล่าวหาถึงวันที่อนุญาตให้ขยายรวมแล้วเป็นเวลา 32 วัน
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าระยะเวลาดังกล่าว รวมทั้งเอกสารหลักฐานที่อนุญาตให้คัดถ่ายไปครั้งแรกจำนวน 49 แผ่นครอบคลุมข้อเท็จจริง ที่จะใช้ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว จึงมีมติไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไม่ว่าจะทำเป็นหนังสือหรือชี้แจงด้วยวาจาภายใ นกำหนดเดิม คือ วันที่ 31 มีนาคม 2557
ทั้งนี้หากผู้ถูกกล่าวหาประสงค์จะเพิ่มเติมพยานหลักฐานในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาก็สามารถกระทำได้โดยให้ระบุมาในคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
***********
ข้อมูลเพิ่มเติม
คำชี้แจงนี้..เกิดขึ้น หลังจาก ช่วงเช้าวันนี้ คณะกรรมการ ปปช. ประชุมกัน เนื่องจากวันนี้(31 มีนาคม) เป็นวันสุดท้าย ที่ปปช. กำหนด ให้นายกฯ ต้องเดินทางมาชี้แจง”ด้วยตัวเอง” หลังโดนร้องเกี่ยวข้องในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว/
จนนาทีนี้… ปปช.ยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝั่งนายกฯ ว่าจะเอาอย่างไร…
จะมาเอง หรือ จะให้ทนายความมา
แต่ตามหลักการแล้ว… ปปช. เคย ขยายเวลาให้นายกฯ ชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว.. แต่หากวันนี้ นายกฯ ไม่มาด้วยตัวเอง .. ปปช. ก็จะไม่ขยายเวลาต่อให้ และสามารถพิจารณา ตามหลักฐาน และเอกสาร บุคคล ที่มีได้อยู่แล้ว… ตามขั้นตอน
หากนายกฯ ไม่มาด้วยตัวเอง.. /ทาง ปปช. เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า ถือว่า นายกฯ ไม่ประสงค์จะชี้แจงเอง.. และแต่ตามกระบวนการสอบสวน ยังเดินหน้าได้ไม่มีผลกระทบ หรือ ไม่เป็นกลางแต่อย่างใด เพราะเปิดโอกาสให้มา แต่ไม่มาเอง
แต่หากมาชี้แจงด้วยตัวเอง.. นายกฯ ก็จะมีสิทธิ์ ชี้แจง..ยื่นเอกสาร หลักฐานต่างๆ จนเป็นที่พอใจได้ และปปช.เปิดโอกาสให้ยื่น และชี้แจงได้เต็มที่ ..แต่มีเงื่อนไขเดียว คือ นายกฯ ต้องมาแสดงตัวในวันนี้ก่อนเท่านั้น..
Pornsarun Multi
ไม่รู้เรื่องอะไรก็น่าจะเงียบ..เที่ยวไปพุดออกสื่อทุกวัน...วันนี้ ปปช.ตอกย้ำโดยใช่ภาษาดีมาก...จึงเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน...นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย...ขาดภาวะผู้นำ
Seenil Tongsamsee
จะเข้าใจหรือเปล่าไม่รู้ สมองอำมหิต ปดมดเท็จ บิดเบือน ปั้นแต่ง คงเข้าใจตัวหนังสือยาก อนาถมากปท ไทย และยังมีหน้าอยู่ในตำแหน่งอีก
JumFongbeer Ball
รัยหรอค่ะ ดอกก็งงอยู่ดีดอกบอก21วัน ไม่พอค่ะขอชาตอหน้าเลยได้ไหมค่ะดอกถึงเข้วจัย ประเทศเราก็เเปลกดีเนอะมีนายกโง่ในสิ่งที่ไม่ควรโง่ เเต่ฉลาดออกมาทำน้าเศร้าไปวันๆ
Nakorn Jornjarun
ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด..อีดอก นักการเมืองทำอะไรก็ไม่ผิด..ขนาดหลักฐานเห็นกันชัด ๆ ก็ไม่ผิด..แต่กับประชาชนนิดเดียวก็ผิด
ภูสิดา พิพัฒน์ภูวดล
พูดไม่รู้เรื่องจะชี้แจงได้อย่างไร สรุป ปูไม้รู้เห้ ไรเลย รู้อย่างเดียว ปู ร่านนนนนนนนนนน
Kochaphornnc Wongjaikam
มันกลัวความผิดที่มันก่ออ่ะ เลือกตั้งไม่เลื่อน แต่เลื่อนนัด ป.ป.ช.
สรุปได้ว่า E'Ngo Get Out Pls.
cr. ongard370
- เสือยิ้มยาก, Rxxxx, ongard370 and 15 others like this