Jump to content


zeedzaad

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 18 พฤษภาคม 2553
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 19:05
-----

#1192176 สั่งโยกเข้ากรุ 16 ตำรวจมะเขือเทศอีกระลอก-รรท.ผบ.ตร.ดึง “อำนวย นิ่มมะโน” นั่งร...

โดย zeedzaad on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 19:36

อยากถามสั้น ๆ ว่า  ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ .........หาคนดีมีฝีมือ ที่เหมาะสมกว่า  "นวยนิ่ม"  ไม่ได้แล้วหรือ  -_-


นวยนิ่ม ตร.จริงๆ นะครับ ทำงานในหน้าที่จริงๆ

ไม่มีนวยนิ่ม ดา ตอร์ปิโด กง sms หรือ คนอื่นๆ ไม่โดนจับครับ

นวยนิ่มคุมคดี สำนวนล้มเจ้าเองทักสำนวน ถึงไม่หลุด


#1191957 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย zeedzaad on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:39

เจ๊ปองแกเป็นอะไร เฉ่งใหญ่เลย หลังจากแต่งตั้งคณะที่ปรึกษา
บางทีเราก็มองว่าเจ๊แกก็เยอะไป

เมื่อก่อนตอนเจ๊อยู่เอเอ้ทีวี ก็ด่าคุณสาทิต ผู้ใหญ่บ้าน กะ ลุงกำนัน ตอนเป็น รบ ซะเละเหมือนกัน
พอได้มาทำงานกัน ได้ยินเจ๊แกชมผู้ใหญ่บ้านด้วยนี่ แถมตอนนี้เจ๊ก็ปลื้มลุงกำนันมากด้วย

บางทีคนเราถ้าไม่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน ก็จะไม่รู้ว่าเค้าเป็นคนยังไง

ความสามารถในการพูดสูง แต่ความถูกต้องของเนื้อหาอีกเรื่อง

ชีพูดเก่ง นำม้อบได้ เร้าอารมณ์ม้อบได้

แต่สาระ หายาก เต้าเรื่องก็หลายครั้ง

พอเค้ายื่นโนติสะฟ้อง เงียบเลิกด่า


#1191316 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...

โดย zeedzaad on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:37

ตั้งแต่ 29 จะบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรง


#1190242 คิดเห็นกันเยี่ยงไรกับสิ่งที่สรรพากรเสนอ คสช. ครับ ?

โดย zeedzaad on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:10

ข้าราชการสรรพากร ยื่นเสนอปูมาสองปีแล้ว โดนตีตก เพราะอำมาตย์เสียรายได้

ตอนนี้สบช่อง จึงยื่นให้ ผบ.ทบ. ใหม่

คนเสียน้อยลง แต่มีคนเข้าระบบมากกขึ้น ได้เงินมากขึ้น


#1189796 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:32

เอาน้ำลายแตะไว้หน่อย

ว่าเคยมาสังเกตการณ์


#1188540 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 22:43

แทคติก ปจ รอบนี้ คล้ายๆของเกาหลี




#1187412 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:43

จากผู้พัน ส.ห. ท่านเดิม


คุณกำลังจะได้เห็น ในสิ่งที่คุณไม่เคยได้เห็นในประเทศไทย...เป็นสิ่งที่คนไทยคนหนึ่งเขียนขึ้นมา ซึ่งผมคิดว่าคงตรงใจของคนหลายๆคนครับ

ผมกำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ประวัติศาสตร์ชาติไทย
ถ้า ท่านประยุทธ์ กำลังทำในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น แม้กระทั่ง พ่อตาผมอายุ 84 ปี มีชีวิตผ่านมา 3 รัชการ ( 7- 8 -9 ) ท่านก็ยังอดที่จะชื่นชมไม่ได้

ณ เวลา นี้ ทาง คสช. กำลังเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับภาคการเมือง ทุกคน ทุกเพศ มาเข้ารายงานตัวทั้งหมด!!!

ล่าสุด เรียกทนาย ที่ทำถุงขนมตก 2 ล้านบาทที่หน้าศาล ก่อนที่ทักษิณจะบินไปดูโอลิมปิก
เรียก เลขา ของพจมาน มารายงานตัว
เรียก โอ๊คอ๊าค เข้ารายงานตัว
และกำลังจะเรียกอีกหลายๆคนรายงานตัว

พูดง่ายๆ ทหารต้องการทราบถึง "จิ๊กซอว์" ทุกชิ้น ในระบอบทักษิณ

มันน่าสนุกตรงไหนรู้ไม๊ครับ มันน่าสนุกตรง
ไอ้พวกกลุ่มแรก มันพูดอะไรไปแล้วบ้าง ไอ้กลุ่มหลังๆ จะพูดอะไร แมร่งจะย้อนแย้ง กลุ่มแรกป่าวว๊ะ?? แค่คิดก็โคตรสนุกแล้ว!!!

พรุ่งนี้ ก็มีการเรียกผู้บริหาร "สื่อ" หลักทั้งหมด เข้าประชุม

เรียก ผู้ประกอบการด้าน "พลังงานเชื้อเพลิง" เข้ามาคุย

ระงับการดำเนินการของ ร้านรับแลกเงินที่ใหญ่อันดับต้นๆของไทยอย่าง Super Rich

ย้าย อดุลย์ / ธาริต / นิพัทธ์ เข้ากรุ
เอก อังสนานนท์ + วินัย ทองสอง + พงศพัศ พงษ์เจริญ สามคนนี้ ไม่รู้จะนั่งร้องไห้ที่ไหน เพราะแต่ละคนกำลังลุ้นตำแหน่ง ผบ.ตร คนใหม่ หลัง อดุลย์ เกษียณ แต่แล้วท่านประยุทธ์ ก็ไม่ทำให้คนส่วนใหญ่ผิดหวัง

ระบบ ตำรวจที่เป็นปัญหาหลักของบ้านเรามานาน
"รัฐตำรวจ" กำลังจะโดนล้างเป็นที่แรก

อย่าได้แปลกใจนะครับ ถ้าคำสั่งย้าย จะปลิวว่อนยิ่งกว่าการโปรยไปรษณียบัตร ชิงโชค บอลโลก

ประชา พรหมนอก ถูกจับ คาสนามบินสุวรรณภูมิ
ระงับ ธุรกรรมทั้งหมดของ จารุพงศ์ - จาตุรนต์

เด๊๋ยวถ้าเปิดมาวันจันทร์ ผมเชื่อว่า การจัดระเบียบจะเข้มข้นกว่านี้

ข้าราชการที่เกียร์ว่าง
ข้าราชการที่อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ
ข้าราชการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

กำลังจะโดนล้างบาง

เชื่อผมสิ ถึงช่วงวันจันทร์เป็นต้นไป ช่วงวันทำการ เราไม่มีทางเห็นพวกจุดเทียน พวกตามหานกพิราบ พวกที่จะมาแดก McDonald ฯลฯ มาประท้วง หรอกครับ

เพราะทหารจะจับตัวขังเล่นๆสัก 2 วัน นอนห้องพัดลมให้ยุงแดก แล้วปล่อยตัวไปอีก 2-3 วันถัดไป ให้เจ้านายที่ทำงาน เค้าถามเล่นๆว่า

"มึงขาดงานไปไหนมา"

ถ้าตอบว่า โดนทหารจับ แมร่งก็คงเจอ "ซองขาว" ตามมาแน่นอน

ผมถึงอยากถามอีกครั้ง ถึงพวกที่มาบอกว่า
" รัฐประหารทำประเทศล้าหลัง"
ผมอยากถามว่า ตรงไหน?

ยิ่งมาด่าว่าทหารเผด็จการ!! ผมก็จะถามว่า ในการใช้ชีวิตประจำวันของพวกมึง นอกจากเวลา 4 ทุ่มที่ต้องเข้านอนที่บ้านแล้ว

พวกมึงโดนบังคับขืนใจ ตรงไหนบ้าง?
การ์ตูนกลับมาแล้ว
ละครแย่งผัวกลับมาแล้ว
เกมส์โชว์กลับมาแล้ว
ทอร์กโชว์ ที่อวยกันจนKวยแฉะก้กลับมาแล้ว
เล่าข่าวหน้าง่าว ก็กลับมาแล้ว
มึงจะ กิน ขี้ *** นอน ไม่มีใครมาจัดระเบียบตรงนี้ให้พวกมึงเลยนะ

ชีวิตพวกมึงโดนเบียดเบียนตรงไหนว๊ะ??

ล่าสุดไปอ่าน ความคิดเห็นของคนกลุ่มนึง
เอาความที่เป็น "รัฐศาสตร์ + นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์" มาอ้าง ว่ารัฐประหาร นี้ไม่ชอบด้วยกฏหมาย กำลังจะระดมกลุ่มคนที่มีความคิดแนวนี้มารวมตัว

ผมอยากจะถุยใส่เบ้าตา แล้วบอกว่า

ณ Moment ก่อนที่ ท่านประยุทธ์จะประกาศยึดอำนาจ

ท่านแมร่ง Balance ทั้ง นิติศาสตร์ และ รัฐศาสตร์ หมดทุกอย่างแล้ว

การถอนฟ้องทุกคดี ให้กับแกนนำ เพื่อจะได้มานั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว นี่คือ ศาสตร์ของ "รัฐศาสตร์" ล้วนๆ

แต่พอเข้าที่ประชุม ทุกคนแมร่ง พูดแต่เรื่อง "ทำไม่ได้ ผิดกฏหมาย"

แมร่งเอานิติศาสตร์นำธง ไม่ยอมทั้งหมดทั้งมวล
เอาหลักกฏหมายมาอิง

จนเป็นที่มาของประโยคที่ว่า

"ผมขอโทษ ผมต้องยึดอำนาจ"

ผมเลยละเหี่ยใจชิบหาย อ้าง นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ กันให้วุ่นวาย
ทั้งๆที่พ่อนักการเมืองที่พวกมึงบูชานั่นแหละ ที่ไม่ยอมใช้หลัก นิติศาสตร์ ควบคู่กับรัฐศาสตร์

ที่สำคัญ ขาดจริยธรรมเป็นที่สุด

สุดท้ายแล้วก็เจอ

"พลศึกษาศาสตร์" เข้าไป

จนชายที่กล่าวกันว่า เป็น "รัฐมนตรี ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" ยังต้องยอมศิโรราบ

หึหึหึ


#1187384 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:31

เพลโต้ ปรมาจารย์ทฤษฎีประชาธิปไตยตะวันตก บรรยายว่า
ทหารแท้ เป็นชนชั้นผู้พิทักษ์แห่งชาติ (Guardian Class)
มีลักษณะแกล้วกล้าสามารถ (Courage of Characters and Brave)
มีมัชฌิมาปฏิปทา (Moderation) แต่มิใช่และมิใช้คำว่าเป็นกลางเด็ดขาด
มีวินัยและปราศจากความทะเยอทะยาน (Disciplined and No Ambition)
หาไม่แล้วจะปฏิบัติภารกิจผู้พิทักษ์มิได้

*************************
คัดมาจาก หนังสือ "กองทัพ กับ ประชาธิปไตย" เรื่อง "ทหารแท้ไม่มีวันตาย" โดย
ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ


#1187381 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:28

จากเฟสบุคนายทหารผู้อัญเชิญพระบรมราชโองการวันนี้


ขุนกำแหง ขุนกำแหงหาญสงคราม หาญสงคราม


May 24
ลุกออกมาช่วยกันพัฒนาชาติกับทหารเถอะครับพี่น้องประชาชน .... อ่านสรุปสิ่งที่ ผบ.ทบ. ที่พูดคุยกับข้าราชชั้นผู้ใหญ่ดูนะครับ การบริหารราชการในห้วงต่อไปจะเป็นแบบบริหารโดยข้าราชการโดยการกำกับดูแลชั่วคราวโดยกองทัพ เดินหน้าต่อไปให้ได้ และเน้นการคิดถึงประชาชนเป็นศูนย์กลางในการตั้งเป้าหมายเป้าหมายในการบริหาร ซึ่งโครงสร้างการกำกับดูแลแบ่งเป็น7กลุ่ม
สำหรับประโยคบางประโยคที่ หน คสช พูดกับข้าราชการ ได้แก่
"เราไม่เข้าข้างใคร ต้องรักษาความสามัคคี ต้องสร้างขึ้นใหม่"
"เรารับผิดชอบทุกอย่างด้วยชีวิต ทุกประการ จะต่องเดินไปข้างหน้าให้สำเร็จ"
"วันนี้มีอำนาจมากเท่าไหร่ยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง"
"ออกจากบ้านใส่รองเท้าเงยหน้าขึ้นแล้วคิดเลยจะทำอะไรต่อไปเดินหน้าเลย ไม่มานั่งคิดถึงตัวเอง ถ้าคิดถึงแต่ตัวเองอย่ามาเป็นข้าราชการ"
"ผมต้องยอมเสียเสียเอง เพื่อให้ข้าราชการทำงานได้ จำเป็นต้องเสี่ยงอย่างใคร่ครวญ ไม่ใช่ทหารบ้าอำนาจอย่างที่สื่อเอาไปเขียน"
"ผมรับผิดชิบแต่เพียงผู้เดียว อย่าคิดว่าทหารนิ่งนอนใจ ทุกข์ทรมานมานานเป็นสิบปีแล้ว เหมือนคนคนปวดท้องหายใจไม่ออกมานาน หรือมีใครในที่นี่สบายใจอยู่บ้าง"
"เราต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ต้องรู้เจตนารมย์ และวัตถุประสงค์ ข้าราชการเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน เราต้องอึดอัด หรือท่านปร้บตัวอยู่ได้ ผมต้องขอร้องท่านแกลมบังคับด้วยความเคารพ"
"มองเกาหลีเมื่อ10 ปีก่อน กับ 10ปีต่อมา ความฝันของผมอยากเห็นทุกคนได้ใช้แม่นำ้เจ้าพระยาโดยเท่าเทียมกัน มีถนนสิงฝั่งแม่นำ้มีสวนสาธารณะ ต้องคิดให้เวอร์ไว้นิดๆ ฝากท่านไว้ด้วย"
"อยากให้ข้าราชการทำงานได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลต่อการเมืองมีอิสระในการทำงาน รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีให้ได้ แต่ไม่ใช่ไม่มีแผน"
"อะไรที่เป็นปัญหาต้องเร่งช่วยกันแก้ ปัญหาของประชาชนเป็นอันดับแรก"
"ไม่มีชนชั้น ทบทวนด้วยว่าเราทำให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องคิดถึงคนที่อยู่ข้างล่างด้วย"
"ทุกอย่างทำได้หมดถ้าเราช่วยกัน คสช ผมขอตั้งเป็นครั้งสุดท้าย ไม่อยากตั้งอีก ขอให้แก้ปัญหาโดยเร็ว มีการกำกับดูแล สื่อสาร2ทาง ให้เกียรติผม ซึ่งผมก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกัน มาตรฐานจะต้องตั้งไว้เพื่อประเมิน และเช็คงาน ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องปรับเปลี่ยนด้วยความเคารพ"
"ไม่มีใครสั่งผมได้ นอกจากประชาชน"
"ตายเพื่อประชาธิปไตย แล้วได้ไหม ที่มีอยู่มันไม่ใช่หรือ แบบไทยมันเสียหายตรงไหน มันผิดหรือ หรือต้องไปตามใคร"
"กระบวนการหมิ่นต้องระงับโดยเร็ว"
"กฎหมายต้องบังคับได้ ถ้ากฎหมายแรงสุดบังคับไม่ได้ อย่าหวังว่ากฎหมายอื่นจะบังคับได้ ต้องเด็ดขาด ถ้าต้องการปะทะกันด้วยอาวุธต้องตายกันไปข้าง และเรียกร้องอะไรไม่ได้"
"ขอให้ยึดมั่นอย่ารักง่ายหน่ายเร็ว วันนี้ตบมือ พรุ่งนี้เกลียด"
"ปัญหาเรื่องหาเงินได้ เครดิตดี ประมาณ20วัน อาทิตย์หน้าเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องข้าว G to G ให้ระงับไปก่อน"
"ต้องการให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระดับล่าง และดูแลราคาสินค้า รวมพลังานเชื้อเพลิง แต่อย่าเอากันให้ตาย"
"ช่วยกันพูดให้ดี อย่าไปพูดตามคนอื่น"
"ท่านช่วยกันปฏิรูปถ้าเสร็จเร็ว ผมก็ลงเร็ว ขึ้นอยู่กับท่าน"
......มาช่วยกันด้วยการปกป้องทหาร ให้กำลังใจทหาร เพื่อให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติแตกแยกที่ร้าวลึกมานานโดยทุนสามานย์ที่สร้างมันขึ้นมาให้จบไปโดยเร็ว ขอบคุณครับ

Attached Images

  • image.jpg
  • image.jpg
  • image.jpg



#1185757 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:35

สมมุติ

ขึ้นศาลทหาร จะมีขั้นตอนอย่างไร แบบไหน เรียกทนายได้ไหม ผู้รู้อธิบายที





http://www.tambol.co...ary_court16.asp

การตั้งทนายให้จำเลย

จำเลยมีสิทธิแต่งทนายแก้ต่างในศาลทหารในเวลาปกติ และศาลทหารในเวลาไม่ปกติได้
แต่ศาลอาญาศึกหรือศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีแทนศาลอาญาศึก ตามมาตรา ๔๐ และ
มาตรา ๔๓ นั้น ห้ามแต่งทนาย ทั้งนี้เป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา ๕๕ แห่งพระราช -
บัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ฯ

นอกจากนั้น กฎหมายยังกำหนดเงื่อนไขการตั้งทนายให้จำเลยในศาลทหารไว้ดังต่อไปนี้

“มาตรา ๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๕๕

(๑) ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป ก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถามจำเลย
ว่ามีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้

(๒) ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินห้าปี แต่ไม่ถึงสิบปี ถ้าจำเลยแถลงต่อศาลก่อน
เริ่มพิจารณาว่า จำเลยยากจน และต้องการทนาย ก็ให้ศาลตั้งทนายให้ ในการนี้ศาลอาจ
ไต่สวนเพื่อให้ได้ความว่า จำเลยเป็นคนยากจนจริง

ให้ศาลจ่ายเงินรางวัลแก่ทนายที่ศาลตั้งตาม (๑) และ (๒) ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด”

การตั้งทนายให้แก่จำเลยในศาลพลเรือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๗๓ ต่างกับการตั้งทนายในศาลทหาร ตรงเงื่อนไขการตั้งทนาย ซึ่งในศาลพลเรือน
คดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิตนั้น หากจำเลยไม่มีทนาย ศาลต้องตั้งทนายให้จำเลย และในคดี
ที่มีอัตราโทษจำคุกมากน้อยเท่าใดก็ตาม หรือคดีที่จำเลยอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ในวันถูกฟ้อง หาก
จำเลยไม่มีทนายและต้องการทนาย ศาลก็ต้องตั้งทนายให้เช่นกัน

ทนายที่แก้ต่างให้จำเลย ไม่ว่าจะเป็นทนายที่ศาลตั้งให้ หรือทนายที่จำเลยแต่งเข้ามาใน
คดีเอง มี ๒ ประเภท คือ

๑. ทนาย ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยทนาย พ.ศ.๒๔๙๙ ได้แก่ ข้าราชการ
กระทรวงกลาโหมที่มีพื้นความรู้นิติศาสตร์บัณฑิตโดยไม่จำกัดชั้นยศ และผู้บังคับบัญชา
อนุญาตให้ทำหน้าที่ทนายได้

๒. ทนายความ ตามพระราชบัญญัติทนายความ ฯ ซึ่งได้แก่ ทนายความพลเรือนที่ได้รับ
ใบอนุญาตว่าความจากสภาทนายความ

การโอนคดี

ในเรื่องการโอนคดีนั้น ศาลทหารกับศาลพลเรือนมีหลักการคล้ายคลึงกัน โดยพระราช -
บัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ฯ บัญญัติว่า

“มาตรา ๕๗ เมื่อมีเหตุผลที่อาจเป็นการขัดขวาง หรือไม่สะดวก หรือไม่อาจดำเนินคดี
ในศาลทหารท้องถิ่นได้ ถ้าโจทก์หรือจำเลยยื่นเรื่องราวต่อศาลทหารสูงสุด ขอให้โอนคดีไปยัง
ศาลทหารแห่งอื่น และศาลทหารสูงสุดอนุญาตตามคำขอนั้น ก็ให้สั่งโอนคดีไปยังศาลดั่งที่
ศาลทหารสูงสุดระบุไว้ คำสั่งของศาลทหารสูงสุดนี้ให้เป็นอันถึงที่สุด”

บทบัญญัติเกี่ยวกับการโอนคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในมาตรา ๒๖
ได้บัญญัติเหตุของการโอนคดีไว้ทำนองเดียวกันว่า หากลักษณะความผิด ฐานะของจำเลย
จำนวนจำเลย ความรู้สึกของประชาชนส่วนมาก หรือเหตุผลอย่างอื่นอาจมีการขัดขวางการ
ไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณา หรือน่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่น โจทก์
หรือจำเลยอาจยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกาให้โอนคดีไปยังศาลอื่นได้เช่นกัน

ข้อแตกต่างของเหตุผลในการโอนคดีของศาลทหารที่ต่างออกไปจากศาลพลเรือนประการ
หนึ่งก็คือ กรณีที่ไม่อาจดำเนินคดีในศาลทหารท้องถิ่นได้ เช่น ขณะฟ้องคดีจำเลยมียศจ่าสิบเอก
ถูกดำเนินคดีในศาลจังหวัดทหาร แต่ในระหว่างพิจารณาคดี จำเลยได้เลื่อนยศเป็นนายทหาร
ชั้นสัญญาบัตร ซึ่งศาลจังหวัดทหารไม่มีอำนาจพิจารณาคดีที่จำเลยมียศทหารชั้นสัญญาบัตร
ดังนี้ ต้องโอนคดีไปยังศาลมณฑลทหารหรือศาลทหารกรุงเทพที่มีอำนาจพิจารณาตามกฎหมาย

นอกจากกรณีดังกล่าว ในส่วนของศาลทหาร ยังมีการโอนคดีก่อนฟ้อง โดยส่งตัวผู้ต้องหาไป
ดำเนินคดีในศาลทหารแห่งอื่นได้ ตามบทบัญญัติในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญ
ศาลทหาร ฯ ซึ่งบัญญัติไว้ว่า

“มาตรา ๑๘ เมื่อมีคำร้องของอัยการทหาร หรือผู้ต้องหา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
มีอำนาจสั่งให้ส่งผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในศาลทหารตามที่ร้องขอได้”

การปฏิบัติตามความในมาตรานี้ มักจะเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำความผิดอาญาในพื้นที่ที่มี
เขตอำนาจศาลต่างกัน เช่น จำเลยหนีราชการไปจากหน่วยต้นสังกัดซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ศาล
มณฑลทหารบกที่ ๑๔ จังหวัดชลบุรี และได้ไปกระทำความผิดอาญาอีกฐานหนึ่งในกรุงเทพ
มหานคร และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำทหารที่กรุงเทพมหานคร ดั่งนี้ อัยการศาลมณฑล
ทหารบกที่ ๑๔ อาจร้องขอให้ส่งสำนวนคดีหนีราชการ ไปดำเนินคดีที่ศาลทหารกรุงเทพได้ โดย
รายงานเสนอผ่านไปทางสำนักงานอัยการทหาร เพื่อนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
สั่งให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในศาลทหารกรุงเทพได้

การอุทธรณ์ฎีกา

ข้อกำหนดในการอุทธรณ์ฎีกาของศาลทหาร แตกต่างไปจากศาลพลเรือนหลายประการ
พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ฯ บัญญัติว่า

“มาตรา ๖๑ ภายใต้บังคับมาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓ คำพิพากษาหรือคำสั่งของ
ศาลทหารในเวลาปกติ โจทก์หรือจำเลยอุทธรณ์หรือฎีกาได้ภายในสิบห้าวัน ผู้มีอำนาจ
แต่งตั้งตุลาการ ตามมาตรา ๓๐ หรือผู้มีอำนาจสั่งลงโทษอุทธรณ์หรือฎีกาได้ภายใน
สามสิบวัน ทั้งนี้นับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษา หรือคำสั่งให้จำเลยฟัง

คำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลทหารในเวลาไม่ปกติ และศาลอาญาศึก หรือศาลที่
พิจารณาพิพากษาคดีแทนศาลอาญาศึก ตามมาตรา ๔๐ และ มาตรา ๔๓ ห้ามอุทธรณ์
หรือฎีกา”

หลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์ฎีกาของศาลทหาร แยกพิจารณาได้ดังนี้

๑. คำพิพากษา หรือคำสั่งที่อุทธรณ์ฎีกาได้นั้น ต้องเป็นคำพิพากษา หรือคำสั่งของ
ศาลทหารในเวลาปกติเท่านั้น

๒. ผู้มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้นั้น นอกจากโจทก์และจำเลยแล้ว ผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการ
และผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ ตามมาตรา ๖๕ ก็มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ด้วย

๓. อายุอุทธรณ์ฎีกานั้นกำหนดไว้แตกต่างกัน คือ โจทก์และจำเลยอุทธรณ์หรือฎีกาได้
ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษา ส่วนผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการ
และผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ อุทธรณ์หรือฎีกาได้ภายใน ๓๐ วัน

หลักเกณฑ์ดังกล่าว แตกต่างไปจากหลักเกณฑ์ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ตรงที่ในศาลพลเรือนนั้น คู่ความเป็นผู้มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา และมีอายุอุทธรณ์และฎีกาภายใน
กำหนด ๑ เดือน นับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ตาม
มาตรา ๑๙๘ และมาตรา ๒๑๖

นอกจากนี้ยังมีหลักเกณฑ์กรณีห้ามมิให้อุทธรณ์หรือฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมายหรือในกรณี
ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไว้โดยเฉพาะในมาตรา ๖๒ และ ๖๓ อีกด้วย

การบังคับตามคำพิพากษา

การบังคับตามคำพิพากษาของศาลทหาร กฎหมายบัญญัติไว้ว่า

“มาตรา ๖๔ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๔๖ ถึงมาตรา ๒๔๘ แห่งประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา และมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติเรือนจำทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเรือนจำทหาร (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๐๐ คำพิพากษาของ
ศาลทหารเว้นแต่ศาลอาญาศึก หรือศาลที่มีพิจารณาพิพากษาคดีแทนศาลอาญาศึก
ตามมาตรา ๔๐ เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษจัดการให้เป็นไปตามคำ
พิพากษา ...

ส่วนคำพิพากษาของศาลอาญาศึก หรือศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีแทนศาลอาญาศึก
ตามมาตรา ๔๐ ให้ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษจัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้ทีเดียว เว้นแต่
ผู้ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิตเป็นหญิงและมีครรภ์อยู่ ให้รอไว้จนคลอดบุตรเสียก่อน
แล้วจึงประหารชีวิต

ในคดีที่อุทธรณ์ได้ตามพระราชบัญญัตินี้ ศาลทหารชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนคดีที่
พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตไปยังศาลทหารกลางในเมื่อไม่มีการ
อุทธรณ์คำพิพากษานั้น และคำพิพากษาเช่นว่านี้ยังไม่ถึงที่สุด เว้นแต่ศาลทหารกลางจะได้
พิพากษายืน”

จากบทบัญญัติดังกล่าว นอกจากจะกำหนดให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญา มาตรา ๒๔๖ ถึง มาตรา ๒๔๘ มาใช้บังคับแล้ว ยังกำหนดให้ “ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ”
เป็นผู้จัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาเมื่อคดีถึงที่สุด ซึ่งเป็นข้อแตกต่างไปจากการปฏิบัติ
ของศาลพลเรือน พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ฯ บัญญัติเรื่อง “ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ”
ไว้ว่า

มาตรา ๖๕ ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ คือ

(๑) นายทหารผู้บังคับบัญชาจำเลยซึ่งมีตำแหน่งตั้งแต่ชั้นผู้บัญชาการกองพลขึ้นไป หรือมี
ตำแหน่งตั้งแต่ชั้นผู้บังคับกองพันขึ้นไป ที่อยู่ต่างท้องถิ่นกับผู้บังคับบัญชาตำแหน่งชั้นผู้
บัญชาการกองพลขึ้นไป เป็นผู้มีอำนาจสั่งลงโทษตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดทหาร
ศาลมณฑลทหาร หรือศาลทหารกรุงเทพ

(๒) ผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลทหารชั้นต้นเป็นผู้มีอำนาจสั่งลงโทษในกรณีที่จำเลย
อยู่ต่างท้องถิ่นกับผู้บังคับบัญชา หรือไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของทหาร

(๓) ผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลประจำหน่วยทหาร หรือศาลอาญาศึกเป็นผู้มีอำนาจ
สั่งลงโทษตามคำพิพากษาของศาลนั้น ๆ”

การกำหนดว่า ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษคือผู้ใดนั้น ต้องพิจารณาว่า จำเลยรับโทษในท้องถิ่น
ใดประกอบด้วย หากจำเลยต้องรับโทษตามคำพิพากษาอยู่ต่างท้องถิ่นกับผู้บังคับบัญชา
ก็จะมีผลทำให้บุคคลผู้มีอำนาจสั่งลงโทษตามคำพิพากษาที่จะต้องดำเนินการให้จำเลย
รับโทษตามคำพิพากษา เปลี่ยนแปลงไปด้วย คำว่า “ท้องถิ่น” ตามมาตรานี้ หมายถึง
จังหวัดในการทางปกครองของฝ่ายพลเรือน ตามแนวคำพิพากษาศาลทหารสูงสุดที่ ๖/๒๕๓๐
ซึ่งการกำหนดตัวผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ อาจแยกพิจารณาเป็นกรณี ๆ ได้ดังนี้

๑. หากท้องถิ่นที่จำเลยต้องรับโทษเป็นท้องถิ่นที่มีผู้บังคับบัญชา ตำแหน่งผู้บัญชาการ
กองพล หรือเทียบเท่าขึ้นไปประจำอยู่ ผู้บังคับบัญชาของจำเลยผู้นั้นเป็นผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ
กรณีที่ไม่มีผู้บัญชาการกองพลก็จะต้องเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งสูงกว่าขึ้นไปเป็นผู้มี
อำนาจสั่งลงโทษ

๒. หากในท้องถิ่นที่จำเลยรับโทษไม่มีผู้บังคับบัญชาตำแหน่งผู้บัญชาการกองพล หรือ
เทียบเท่าขึ้นไปประจำอยู่ แต่มีผู้บังคับบัญชาจำเลยซึ่งมีตำแหน่งตั้งแต่ชั้นผู้บังคับกองพัน หรือ
ผู้บังคับการกรมประจำอยู่ ก็ให้ผู้บังคับบัญชานั้นเป็นผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ

๓. ในกรณีที่ในท้องถิ่นที่จำเลยรับโทษไม่มีผู้บังคับบัญชาประจำอยู่ หรือมีแต่ตำแหน่งไม่ถึง
ชั้นผู้บังคับกองพัน กรณีนี้ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลทหารชั้นต้นที่มีเขตอำนาจ
ครอบคลุมท้องถิ่นที่จำเลยรับโทษ เป็นผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ

๔. กรณีที่จำเลยต้องรับโทษตามคำพิพากษาของศาลประจำหน่วยทหาร หรือคำพิพากษา
ศาลอาญาศึก (ไม่ว่าจำเลยจะต้องรับโทษในท้องถิ่นใดก็ตาม) ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ ได้แก่
ผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลประจำหน่วยทหาร หรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งตุลาการศาลอาญาศึก
ตามแต่กรณี

ในทางปฏิบัติ เมื่อศาลทหารมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยแล้วจ่าศาลทหาร จะ
ดำเนินการออก “หมายแจ้งโทษเด็ดขาด” เพื่อบังคับโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยใน
ตอนท้ายของแบบพิมพ์หมายดังกล่าว จะมีข้อความที่ให้ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ สั่งให้เรือนจำที่
จำเลยรับโทษอยู่ จัดการให้เป็นไปตามหมาย ทั้งนี้ เมื่อผู้มีอำนาจสั่งลงโทษลงชื่อแล้ว จึงส่ง
หมายดังกล่าวให้เรือนจำปฏิบัติต่อไป

มีข้อสังเกตว่า ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษนี้นอกจากจะเป็นผู้จัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาแล้ว
ยังเป็นผู้มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา ตามมาตรา ๖๑ อีกด้วย ดังได้กล่าวมาแล้วในเรื่องการอุทธรณ์ฎีกา

โดยสรุปจึงอาจกล่าวได้ว่า ในกระบวนยุติธรรมทหารนั้น ผู้บังคับบัญชาทหารมีส่วนเข้ามา
เกี่ยวข้องตั้งแต่เริ่มต้นในการตั้งผู้สอบสวนดำเนินคดี การควบคุมตัว การเป็นองค์คณะในการ
พิจารณาพิพากษา ตลอดจนการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาอันเป็นขั้นตอนสุดท้ายของ
กระบวนการ อันมีลักษณะแตกต่างไปจากกระบวนยุติธรรมของศาลพลเรือน ที่มีความสำคัญ
ในอันที่จะเป็นการผดุงความยุติธรรมให้แก่สังคมและประเทศชาติ อีกกระบวนการหนึ่งทีเดียว



อ่านเพิ่มเติม. http://www.tambol.co...itary_court.asp


#1185742 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:30


ใครรู้บ้างฮะว่า สื่อนี้ฉบับไหน :huh:






1920258_10204285992695690_22164731499741



Metro Vancouver หนังสือพิมพ์แทปลอยด์แบบแจกฟรี

ตามสถานี หัวมุมตึก

Attached Images

  • image.jpg



#1185626 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:43

Oh ม่ายนะ ประกาศ ฉ.๓๗/๒๕๕๗
ขึ้นศาลทหารนะจ๊ะ แกนตามทั้งหลาย

 
 

1.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.107 - ม.112 ได้ขึ้นศาลทหาร,
2.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.113 - ม.118 ได้ขึ้นศาลทหาร ข้อนี้ยกเว้นการกระทำผิดในพื้นที่ พรบ.มั่นคง หรือ พรก.ฉุกเฉิน
ยินดีกับแก๊งหมิ่นเจ้าทั้งหลายด้วยนะฮะ

 
 

ศาลทหารเป็นยังไงครับ มันน่ากลัวกว่าศาลปกติตรงไหน เกิดมาก็เห็นแต่ในหนัง :)

 
ชะอุ๋ยประกาศตัวใหม่
ความผิดหมิ่น ฯ  ขึ้นศาลทหาร หมายถึงมีศาลเดียวไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา 
กระนั้นพวกลายจุ่ดเขียนปงเขียนป้าย
จะมาลองลีฟ..อะไรไม่ได้เด้อ

ไม่ถูกต้องนัก ยังไม่ได้มีกำหนดขอบเขตการรบ หรือ ยุทธบริเวณ




การแบ่งประเภทของศาลทหาร

การแบ่งประเภทของศาลทหาร

ในเรื่องที่เกี่ยวกับประเภทของศาลทหารนั้น ได้มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติธรรมนูญ

ศาลทหาร ฯ ตั้งแต่มาตรา ๖ ถึงมาตรา ๙ กล่าวคือ

ศาลทหาร แบ่งออกเป็น ๓ ชั้น คือ

ก. ศาลทหารชั้นต้น ได้แก่

๑) ศาลจังหวัดทหาร

๒) ศาลมณฑลทหาร

๓) ศาลทหารกรุงเทพ

๔) ศาลประจำหน่วยทหาร

ข. ศาลทหารกลาง

ค. ศาลทหารสูงสุด

การแบ่งชั้นของศาลทหารดังกล่าวนี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับศาลยุติธรรมของฝ่ายพลเรือน

ที่แบ่งเป็น ๓ ชั้น คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา แต่ศาลทหารต่างไปจากศาล

พลเรือนตรงที่ว่า ศาลทหารนอกจากจะมีประเภทที่แบ่งเป็น ๓ ชั้นแล้ว ยังมีศาลทหารที่มี

ลักษณะพิเศษอีกประเภทหนึ่ง คือ “ศาลอาญาศึก” ซึ่งอาจจะตั้งขึ้นได้เมื่อหน่วยทหาร

เข้าทำการรบโดยมีกำหนดเขตยุทธบริเวณ เป็นศาลทหารชั้นเดียวที่มีบทบัญญัติไว้โดยเฉพาะ

ในมาตรา ๓๙ ถึงมาตรา ๔๔

ศาลทหารชั้นต้น

ตามความในมาตรา ๗ จะเห็นได้ว่า ศาลทหารชั้นต้นนั้นแยกออกเป็น ๔ ประเภท คือ

๑) ศาลจังหวัดทหาร

๒) ศาลมณฑลทหาร

๓) ศาลทหารกรุงเทพ และ

๔) ศาลประจำหน่วยทหาร

ในสามประเภทแรกเป็นศาลทหารที่มีอยู่เป็นการถาวร มีที่ทำการศาลตั้งอยู่ ณ สถานที่

ที่แน่นอน ส่วนศาลประจำหน่วยทหารในประเภทที่ ๔ เป็นศาลทหารที่ตั้งขึ้นเฉพาะกาล มิได้คง

สภาพถาวรอยู่ดังเช่นสามประเภทแรก

ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ฯ บัญญัติไว้ว่า

“มาตรา ๘ วรรคแรก ทุกจังหวัดทหารให้มีศาลจังหวัดทหารศาลหนึ่ง เว้นจังหวัดทหารที่ตั้ง

กองบัญชาการมณฑลทหาร และทุกมณฑลทหาร ให้มีศาลมณฑลทหารศาลหนึ่ง เว้นมณฑล

ทหารที่ตั้งศาลทหารกรุงเทพ”

ในปัจจุบันนี้ จังหวัดทหารซึ่งเป็นจังหวัดทหารบกที่มีอยู่ มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๖ จังหวัดทหารบก

ในจำนวนนี้เป็นจังหวัดทหารบกอันเป็นที่ตั้งกองบัญชาการมณฑลทหารบกเสีย ๑๓ แห่ง คงเหลือ

จังหวัดทหารบกที่ต้องมีศาลจังหวัดทหาร จำนวน ๒๓ แห่ง แต่ปรากฏว่าศาลจังหวัดทหารบกที่มี

อยู่ในขณะมีเพียง ๑๒ ศาล

สำหรับมณฑลทหาร ซึ่งเป็นมณฑลทหารบกทั้งหมด จำนวน ๑๓ มณฑลทหารบก แต่มณฑล

ทหารบกที่ ๑๑ เป็นที่ตั้งศาลทหารกรุงเทพ คงเหลือมณฑลทหารบกที่ต้องมีศาลมณฑลทหารบก

จำนวน ๑๒ แห่ง ซึ่งปัจจุบันมีศาลมณฑลทหารบกครบทั้ง ๑๒ แห่ง

ดังนั้น ศาลทหารชั้นต้นที่มีลักษณะถาวรจึงมีรวมทั้งสิ้น ๒๕ ศาล เป็นศาลทหารกรุงเทพ

ศาลหนึ่ง เป็นศาลทหารส่วนภูมิภาค คือ ศาลมณฑลทหารบก ๑๒ ศาล และศาลจังหวัดทหารบก

๑๒ ศาล ดังนี้ คือ

๑) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๑๒ ตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี มีศาลจังหวัดทหารบกฉะเชิงเทรา กับ
ศาลจังหวัดทหารบกสระแก้ว อยู่ในเขตพื้นที่ แต่ยังมิได้เปิดทำการทั้งสองแห่ง

๒) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๑๓ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี มีศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี อยู่ในเขต
พื้นที่ และเปิดทำการแล้ว

๓) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๑๔ ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ไม่มีศาลจังหวัดทหารบกใดอยู่ในเขตพื้นที่

๔) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๒๑ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา มีศาลจังหวัดทหารบกสุรินทร์ ซึ่ง
เปิดทำการแล้ว และมีศาลจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ซึ่งยังไม่เปิดทำการ อยู่ในเขตพื้นที่

๕) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๒๒ ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี มีศาลจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด
อยู่ในเขตพื้นที่และเปิดทำการแล้ว

๖) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๒๓ ตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น มีศาลจังหวัดทหารบกเลย อยู่ในเขต
พื้นที่ แต่ยังมิได้เปิดทำการ

๗) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๒๔ ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี มีศาลจังหวัดทหารบกสกลนคร กับ
ศาลจังหวัดทหารบกนครพนม อยู่ในเขตพื้นที่ แต่ยังมิได้เปิดทำการทั้งสองศาล

๘) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๓๑ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ มีศาลจังหวัดทหารบกพิษณุโลก กับ
ศาลจังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ซึ่งเปิดทำการแล้วทั้งสองศาล และศาลจังหวัดทหารบกตาก ซึ่ง
ยังมิได้เปิดทำการอีกศาลหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่

๙) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๓๒ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปาง มีศาลจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ ซึ่งเปิด
ทำการแล้ว กับศาลจังหวัดทหารบกพะเยา และศาลจังหวัดทหารบกน่าน ซึ่งยังมิได้เปิดทำการ
ทั้งสองศาล อยู่ในเขตพื้นที่

๑๐) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๓๓ ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย
อยู่ในเขตพื้นที่ และเปิดทำการแล้ว

๑๑) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๔๑ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีศาลจังหวัดทหารบกชุมพร
ซึ่งเปิดทำการแล้ว กับศาลจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี และศาลจังหวัดทหารบกทุ่งสง ซึ่งยัง
มิได้เปิดทำการทั้งสองศาลอยู่ในเขตพื้นที่

๑๒) ศาลมณฑลทหารบกที่ ๔๒ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลา มีศาลจังหวัดทหารบกปัตตานี อยู่ใน
เขตพื้นที่และเปิดทำการแล้ว

สำหรับศาลทหารกรุงเทพนั้น ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบกที่ ๑๑ จึงไม่มีศาล

มณฑลทหารบกที่ ๑๑ และจังหวัดทหารบกกรุงเทพเป็นที่ตั้งกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๑๑

จึงไม่มีศาลจังหวัดทหารบกกรุงเทพ แต่เนื่องจากมณฑลทหารบกที่ ๑๑ มีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัด

ทหารบกอีกสามแห่งนอกเหนือไปจากจังหวัดทหารบกกรุงเทพ ซึ่งได้แก่ จังหวัดทหารบกราชบุรี

จังหวัดทหารบกเพชรบุรี และจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี ซึ่งจังหวัดทหารบกดังกล่าวอยู่ใน

หลักเกณฑ์ตามมาตรา ๘ ที่ต้องมีศาลจังหวัดทหาร จึงมีการจัดตั้งศาลจังหวัดทหารบกราชบุรี

ศาลจังหวัดทหารบกเพชรบุรี และศาลจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี ซึ่งเปิดทำการแล้วทั้งสามศาล

อยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลทหารกรุงเทพอีกชั้นหนึ่ง ส่วนความเกี่ยวพันระหว่างศาลมณฑล

ทหารบกกับศาลจังหวัดทหารบกที่อยู่ในเขตศาลมณฑลทหารบก และระหว่างศาลทหารกรุงเทพ

กับศาลจังหวัดทหารบก ที่อยู่ในเขตพื้นที่ของมณฑลทหารบกที่ ๑๑ นั้น จะได้กล่าวถึงต่อไปใน

เรื่องของอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหารชั้นต้น

ส่วนศาลประจำหน่วยทหาร เป็นศาลทหารชั้นต้นที่มิได้ตั้งขึ้นมาอย่างถาวร จะตั้งขึ้นได้
ภายใต้เงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙ คือ

ก) เมื่อหน่วยทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่นอกราชอาณาจักร หรือกำลังเดินทางเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่
นอกราชอาณาจักร และ

ข) หน่วยทหารนั้นมีกำลังทหารไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน

ค) ได้มีการอนุมัติให้ตั้งศาลประจำหน่วยทหารขึ้นมาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

การกำหนดว่า กำลังทหารกองทัพใดมีจำนวนเท่าใด จึงจะถือว่าไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน
ที่จะตั้งศาลประจำหน่วยทหารได้นั้น เป็นไปตาม “ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยกำหนด
กำลังทหารเพื่อการตั้งศาลประจำหน่วยทหาร พ.ศ.๒๔๙๙” ซึ่งมีหลักเกณฑ์ดังนี้

ก) หน่วยทหารซึ่งอัตรากำลังได้จัดเป็นหน่วยตั้งแต่หนึ่งกองพันขึ้นไป

ข) หน่วยทหารซึ่งอัตรากำลังได้จัดเป็นหน่วยตั้งแต่หนึ่งฝูงบินขึ้นไป

ค) หน่วยเรือของกองทัพเรือ

๑) เรือชั้นหนึ่ง ตั้งแต่หนึ่งลำขึ้นไป

๒) หมู่เรือ หรือหมวดเรือ ซึ่งมีจำนวนเรือตั้งแต่สองลำขึ้นไป

ง) กำลังทหารซึ่งมิได้จัดตามข้อ ก) ข) และ ค) เมื่อได้จัดเป็นหน่วยมีจำนวนทหารรวมได้
ไม่น้อยกว่า ๕๐๐ คน และผู้บังคับบัญชาของหน่วยทหารนั้นมีตำแหน่งไม่น้อยกว่าผู้บังคับ
กองพัน ผู้บังคับการเรือชั้นหนึ่ง ผู้บังคับฝูงบิน หรือเทียบเท่า

การตั้งศาลประจำหน่วยทหารนั้น ไม่จำเป็นว่าหน่วยทหารจะต้องเดินทางออกไปเพื่อทำ
สงคราม หรือทำการรบ แต่อาจเป็นการเดินทางออกไปนอกประเทศเพื่อภารกิจอื่น เช่น ออกไป
เพื่อร่วมในการซ้อมรบกับประเทศหนึ่งประเทศใด ออกไปเพื่อรักษาที่มั่นแห่งหนึ่งแห่งใด ตาม
มติขององค์การสหประชาชาติ หรืออาจไปเพื่อปฏิบัติภารกิจอย่างหนึ่งอย่างใดตามมติของ
องค์การสหประชาชาติก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ตราพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร ฯ ออก
ใช้บังคับเป็นต้นมา ยังไม่เคยมีการก่อตั้งศาลประจำหน่วยทหารขึ้นมาเลย ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก
การจัดตั้งศาลประจำหน่วยทหารในดินแดนประเทศอื่นนั้น เท่ากับเป็นการใช้สิทธิสภาพนอก
อาณาเขตในประเทศนั้น โดยจะต้องมีการตกลงกันในระดับรัฐบาล กับรัฐบาลของต่างประเทศ
ซึ่งจะต้องมีการตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐที่ชัดเจน การดำเนินการจะต้องขอให้กระทรวงการ
ต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย


#1184165 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 22:52






1606976_542589789187829_1870599663_s.jpg


Cathay Mee



9 นาที
10313322_573983389381802_837019486660009

ใช่ปราบดา หยุ่น ไหมครับ


ไม่น่าใช่ครับ คงเปนแก๊งไอติมกันมั้้ง

แก๊งที่ไปไหว้กรวย มากกว่า เห็นมีอ้วนๆ

แก๊ง มธ เพื่อนสมัยเรียน ตอนนี้มาช่วยทำวอยซ์ทีวี


#1182795 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:42


คนในสมัยจอมพลสฤษฎิ์ มีแต่คนชม น้อยมากที่ด่า บ้านเมืองสงบสุข เดินไปไหนไม่ต้องกลัวโจร

ไม่มีตีกัน ไม่มีปล้น วิ่งราว ด่ารัฐไม่ได้ แต่ถามจริงเถอะ

ระหว่างได้ด่าเอามัน แลกกับการที่ต้องระวังตัวจากโจรภัย

อะไรมันคุ้มค่ากว่ากัน

เกาหลีเหนือเลยครับ มีทุกข้อที่ท่านกล่าวมา แนวนี้

เข้าใจผิดแล้ว เกาหลีใต้ต่างหาก เกาหลีเหนือคือเผด็จการแบบปากท้องไม่พอกิน

ภาพ ตระกูลคิม มันคือสื่อตะวันตกนำเสนอ รับข่าวชั้นสามสี่ห้ากว่าจะถึงไทย



เอาเรื่องเกาหลีใต้ดีกว่า หาคนเกาหลีที่สนใจการเมือง แล้วถามเขาเปิดอก

จะรู้ว่าทุกวันนี้คือเผด็จการในคราบ ปชต ของจริง

เขามี ซ้าย ขวาแบบไทย คล้ายๆเหลืองแดงนี่แหละ

คนในชาติรู้ ต่างชาติไม่เคยเห็น

สื่อไม่ต้องถาม ทุกอย่างรัฐชี้ให้เป็น ไม่มีหรอกมาเดินทำรูปปิดปากปิดตา

อยากทำ ทำได้ ตร.ปราบจลาจล หิ้วหมด

แกนนำหัวรุนแรงตาย สูญหายไม่ทราบสาเหตุ

รัฐบาลปัจจุบัน โปรญี่ปุ่น ถึงขนาดเปลี่ยนแบบเรียน.

ญี่ปุ่นมิได้รุกรานเกาหลีใต้ แต่มาช่วยกอบกู้/ฟื้นฟูชาติ

หุหุหุ ภาพที่เห็นมันมายา

แต่ก็ชัดเจนว่า ผลของเผด็จการแบบเกาหลีใต้ คนไทยหลงไหลได้ปลื้ม

หกสิบปีก่อน เกาหลีชาติยากเข็ญ แทบสิ้นชาติ เจอเผด็จการทหาร ชาติเติบโต

มาดูไทยบ้าง 60 ปีหลังสงครมมเกาหลีเราวิ่งๆๆ จะเป็น NiCS

เจอพิษนักการเมือง ยืนนิ่งมาเท่าไร

ดูซะ ภาพเก่าๆของเกาหลี เทียบกับไทยปี 2500

ถนนกลางโซลยังลูกรัง ไทยเเมืองฟ้าอมร แสงสีลีลาศ

ตึก เมือง วิถีชีวิต คนไทย/เกาหลี ต่างกันอย่างไร

เอาแค่ 30 ปีก่อน คนเกาหลีกินข้าวขาวโดนครูด่า เพื่อนตำหนิ สิ้นเปลือง ต้องเร่งสร้างชาติ

คนไทย ฟุ้งเฟ้อ จับจรด รักสบาย ผลาญจนหมดชาติ

ประชานิยม สนองตัณหา กิเลส ความโลภ ถูกใจไทย


สงครามเกาหลี 2493-2496 (1950-1953) ย้อมสีใหม่ คุ้มที่จะดู.

ดูช่วงที่พูดถึงโซล อินชอน ดูเมือง ดูถนน เทียบกับกรุงเทพ

ปี 2503 หลังสงครามเกาหลี ที่นี่เมืองไทย


ปี 2485 ก่อนสงครามเกาหลี http://youtu.be/1VhX9gTBPKA

เอ้าลองดู ตจว ไทยปี 2500 เทียบกับของเค้า http://youtu.be/T_6X9sAKlKY


#1182745 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย zeedzaad on 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:22

อย่าใจร้อน รอบนี้จบ แรง หนัก

เช้คบิลย้อนหลัง 9 ปี

สลายขั้ว โดนหมดทุกกลุ่ม

ใครใช้ความรุนแรง คดีไหนค้างคา โดนหมด

ปชช อยู่เฉยๆ กำลังแยกปลาจากน้ำ

ปลาดิ้นปิดปาก เดินถนน ปลาจะหัวแบะ