จนถึงวันนี้ก็ยังเดาไม่ออกว่าน้องโจโฉอายุ 14 เป็นใคร อยู่โรงเรียนไหน ใครใจดีช่วยกระซิบมาบอกใบ้ให้หน่อยนะครับ ;-)
- ปูเค็ม likes this
tifosi hasn't added any friends yet.
โดย tifosi on 12 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 17:08
ขัดอย่างไร มิชอบอย่างไร วานบอก
เดี๋ยวนี้ศาลเขาตัดสินกันแค่ สองบรรทัดแล้วเหรอ
สงสัยคุณอยากเป็นหนี้จนตัวสั่น
มิได้ครับ เรื่องระดับนี้มันต้องมีรายละเอียดมากกว่า สองบรรทัด
มันต้องมีมาตรฐานให้สังคม ได้ตรวจสอบ ได้เรียนรู้
แล้วเอกสารประกอบตอนขอกู้อันนี้ กับ 3 แสนล้านตอนน้ำท่วมมีเอกสารกี่บรรทัด
ไม่มีวัวปนเลยจริงๆ
โดย tifosi on 6 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 14:46
เย้ เย้ ถ้าขายได้ตันละ 10,000 อีก 12 เดือนก็ได้มา 10,000 ล้านละ
เหลือเป็นหนี้ชาวนาอีกแค่ สองหมื่นหนึ่งแสนล้านเอง 130,000-10,000 = 120,000 อีก 12 ปีก็ขายหมดละ
แล้วเมื่อไหร่คนเช่านาจะมีตังมาจ่ายให้เจ้าของนาฟะเนี่ย
โดย tifosi on 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 15:04
ผมไม่เห็นด้วยครับ
ใจเขาใจเรา
คนในสำนักงบประมาณมีทั้งคนรักและคนเกลียดรัฐบาล แต่เค้าก็ต้องทำงาน เค้าก็ต้องทำตามหน้าที่
การที่ไปทำแบบนั้น มันเป็นการคุกคาม ข่มขู่
ทำแบบนั้น ไม่ต่างจากอัธพาล ผมไม่เห็นด้วย
แล้วจะให้ทำยังไงครับ ลองเสนอมาหน่อยสิครับ เอาที่ทำได้จริงแล้วเห็นผลนะ
ส่วนตัวไม่มีปัญญาไปร่วมชุมนุมกับเค้าหรอก แต่เมื่อกี้โชคดีผ่านไปตรงโรงพยาบาลรามาฯช่วงที่เคลื่่อนขบวนพอดี ได้ยินเสียงแล้วขนลุกเหมือนกัน นับถือน้ำใจคนที่เสียสละไปร่วมชุมนุมมากๆครับ สว่นตัวใครจะทำอะไรก็ให้เป็นวิจารณญาณของคนที่ไปเหนือยไปเสี่ยงอยู่ตรงนั้นครับ ไม่มานั่งเป็นพระเอกอยู่หลังคีย์บอร์ด อยากพูดอะไรก็พูดได้
ปล. ถ้าไม่ทำอะไรก็โดนด่าอีกว่าเป็นสุภาพบุรุษเกินไป น่าสงสารจริงๆ
โดย tifosi on 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 08:33
โดย tifosi on 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 17:18
ผมสงสัยมานานแล้วว่าใบอนุญาตขอมีปืนในครอบครองมันไม่ได้ง่ายๆ
แต่ทำไมร้านปืนแถวๆ ดิโอสยามถึงอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ผมเดินผ่านแถวนั้นบ่อยมาก แทบไม่เจอลูกค้าเข้าร้าน
ที่เจอแค่พวกข้าราชการตำรวจกับทหารครับ แต่นานๆ เจอที
/人◕ ‿‿ ◕人\
เวลาจะซื้อปืนมันมีขั้นตอนตามนี้ครับ เอาภาษาง่ายๆนะ จำคำเป็นทางการไม่ค่อยได้ ขี้เกียจกูเกิล อิอิ
1) ขอใบ ป.3 ใบอนุญาติซื้อปืน ขั้นตอนนี้แหละที่ต้องลุ้น ตอนขออนุญาติก็ต้องระบุชนิดและขนาดปืนที่ขอ ต่างจังหวัดก็ไปขอที่อำเภอ มีหลักฐานการทำงาน มีเงินในบัญชีพอสมควร ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่ขอปืนขนาดที่ขอยากๆ+มีค่าขนมนิดหน่อย คนที่มีงานการทำมั่นคงก็มักจะขอได้นะ
2) ใบ ป,4 ใบอนุญาติครอบครองปืน พอใช้ใบ ป.3 ไปซื้อปืนมาแล้ว ก็จะได้ใบ ป.4 มาคู่กับปืนกระบอกนั้นๆ สามารถเอาปืนเก็บไว้ที่บ้านได้ หรือเอาออกนอกบ้านถ้ามีเหตุอันควร
3) ใบ ป.12 ใบอนุญาติพกปืน ถ้าจำไม่ผิดต้องให้ รมต มหาดไทย เซ็น คนทั่วไปขอไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ
สรุปถ้ามีหน้าที่การงานมั่นคง สุจริต ขอมีปืนใช้ไม่ยากหรอกครับ แต่ที่ยากคือมันแพงน่ะ เพราะเค้าจะมีโควต้าให้ร้านปืนว่าปีนึงขายปืนสั้้นได้กี่กระบอก ปืนยาวกี่กระบอก ถ้าจำไม่ผิดจะประมาณ 30-40 กระบอกเองมั๊ง
โดย tifosi on 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:22
ความจริง .45 กับ 11 ม.ม. มันขนาดเดียวกันนี่ เหมือน .38 กับ 9 ม.ม.
เพียงแต่ปืนลูกโม่ เขาเรียกว่า .38 แต่ปืนออโต เขาเรียกหน่วยเป็น 9 ม.ม.
เช่นเดียวกัน ในลูกโม่ เขาจะเรียก .45 แต่ในปืนออโต เขาจะเรียกว่า 11 ม.ม.
ส่วนมากมือปืนรับจ้าง จะใช้ปืนออโต ขนาด 11 ม.ม.ปลายอ้อคงได้ยินบ่อยเลยอ้างขนาดนี้
ซึ่งความจริงขนาดนี้ ทางการไม่ออกใบพกพาให้หรอก พวกมือปืนน่ะใช้ปืนเถื่อนทั้งนั้น
ผมว่าปลายอ้อ ไม่เข้าใจเรื่องปืนหรอก ถึงได้ยกเอาขนาดนี้มาอ้าง
สำหรับคนไทย .45 กับ 11ม.ม. มันคือลูกชนิดเดียวกันครับ แต่คนละหน่วย .45 มันคือ .45 inch ชื่อเต็มๆก็ .45ACP อย่างที่มีคนบอกมาแล้วน่ะครับ ส่วน .38 กับ 9mm มันมีขนาดหน้าตัดกระสุนเท่าๆกันก็จริง แต่มันเป็นกระสุนคนละแบบกันเลย ถ้าจะเอาให้งงเข้าไปอีกมันยังมี .380 อีกเป็นลูกปืนกึ่งออโต อย่าง .357 magnum ก็มีขนาดหน้าตัดกระสุนเท่ากับ .38 หรือชื่อเต็มๆ .38 Special ปืนลูกโม่ .357 จะใส่ลูก .38 ยิงได้ด้วย
ส่วนจะเรียกกันเป็นนิ้วหรือเป็น มม คงขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดกระสุน หรือขึ้นอยู่กับว่าใครเรียกด้วย อย่างลูกปืน M16 มีใช้ทั้งทางทหารแล้วก็คนธรรมดา ถ้าเป็นทหารจะเรียก 5.56mm ถ้าสำหรับคนธรรมดาเรียก .223
โดย tifosi on 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:05
ผมนี่ ก็ทำบุญเหมือนกันนะนี่
ตั้งกระทุ้ให้คนสงสัย
พอสงสัย ก็ต้องไปหาข้อมูลจากกูเกิ้ล
ทำให้คนหลายคนกลายเป็นคนแสวงหาข้อมูล
ตั้งหลายเรื่อง 55555
ตอนนี้ คุณเป็นผู้ชำนาญเรื่อง พรบ.อาวุธปืนไปแล้วซิ ???
.45 กับ 11 ม.ม. อย่างไหนมีอำนาจหยุดยั้งได้ดีกว่ากันครับ ยี่ห้อไหนกลุ่มดีที่สุด ?
แนะนำด้วยนะครับ ทั้งสองแบบ งบไม่อั้น สนใจจริงๆ ครับ
ดูขนาดหัวตัด ก็รู้แล้ว
11 มม.นะมันยิงคน 45 มันยิงอย่างอื่น
โง่จริงนะเนี่ย
โดย tifosi on 30 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:11
อ้ายเดิน 30 กม. ต่อวันนี่มันยากหรือครับ
ผมว่ามันยากตรงที่เดินต่อเนื่องกันทุกวันมากกว่า
เพราะเหตุว่า คนส่วนใหญ่ ไม่มี "วินัย" ไม่กี่วัน
ก็มักจะเลิกแล้ว
ผมไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ยังพอจะเดิน 1 กม.
25-30 นาทีสบายๆ เลย คนที่ออกกำลัง หรือทำงาน
ที่ต้องเดินเยอะๆ ออกกำลังมากๆ ไม่คิดว่ามันจะยาก
เย็นแสนเข็ญตรงไหน
สำหรับวัยรุ่น 20 กว่า เดิน 10-20 กม/วัน สองสัปดาห์ติดกัน อาจไม่ใช่ปัญหามาก
แต่สำหรับคนวัย 40 กว่า อ้วนพุงพลุ้ยแบบศศิน เดินวันละ 30 กม วันสองวันแรกพอเป็นไปได้ครับ
แต่เดิน 13 วัน เกินตัวไปครับ
การจะเดิน 30 กม/วัน เป็นเวลา 13 วัน ต้องผ่านการซ้อมมานานครับ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปเดินได้คนที่ไม่เคยทำ อาจคิดว่ามันเรื่องง่าย แต่ด็อกเขารู้ดีครับ
คุณอายุ40แล้วหรือ ถึงได้รู้
สมัยผมไปภูกระดึงตอนเด็กๆ เห็นคนแก่50 บางคนเดินสบายกว่าคนหนุ่มๆอีก เป็นนักท่องเที่ยวด้วย ไม่ใช่ลูกหาบ
เดินบนพื้นถนนมันจะไปยากอะไร ถ้าไม่ใช่คนมีโรคภัยไข้เจ็บ ผมว่าถ้าตั้งใจทำ ทำได้หมดแหล่ะ
รอคุณอายุ 40 กว่า ไม่ต้องอ้วนพุงพลุ้ยแบบศศินหรอก ลองมาเดิน 30 กม/วัน สัก 2-3 วันติดกันดูก่อนไหมครับว่ามันยากง่ายยังไง
คุณจะเดิน 30 กม/วัน 13 วันติดกันต้องฟิตมากครับ และต้องซ้อมเพิ่มระยะทางมาเรื่อยๆ
ไม่ใช่แบบศศิน
ลี ได้ทดลองด้วยตัวเองหรือยังว่า ในวัย 40 กว่าๆเดินไหวไหม?
ถ้าไม่เคยลอง ผมจะกล้ามาพูดเหรอครับ
ผมฟิตกว่าศศินแน่ๆ 30 กม วันสองวัน พอไหว แต่ 13 วันมันยืนระยะไม่ได้แน่นอน
แต่ถ้าลดลงมาเหลือวันละ 10-15 กิโล 13 วันนี่พอไหวครับจะเดินแบบ 30 กม/วัน 2 สัปดาห์ติดกันนี่มันต้องซ้อมนานนะครับ
เริ่มแบบเดินวันเว้นวัน 10 กิโลให้อยู่ตัวก่อน แล้วค่อยเพิ่มระยะไปเรื่อยๆ แบบวันเว้นวัน ให้กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อมันมีเวลาฟื้นคืนสภาพ
ยิ่งแบกน้ำหนักมากแบบศศินนี้ เข่า แข้ง มันรับไม่ไหวหรอก
เดินไปบนถนนลาดยาง มันยิ่งร้อนและเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ไม่เหมือนเดินเล่นในสวนสาธารณะนะครับ
คนที่ไม่เคยลอง ไม่รู้หรอกครับ ได้แต่จินตนาการเอา
แค่ไปเดินออกกำลังกายครึ่งชั่วโมงได้ 2 กิโล แล้วจับมาคูณ 15 ได้ 30 บอกสบายๆ อันนั้นมันขี้โม้ครับ
ปล. ไม่ต้องให้ถึง 5 กม/ชม แค่รักษาความเร็วเฉลี่ยให้ได้ 4 กม/ชม ได้ก็เรียกว่าเร็วกว่ามาตรฐานแล้วหล่ะครับ
แล้วอยู่ดีๆคุณเมริงไปเดินทำเอี้ยอะไรวันละ 30 โล แล้วเดินได้กี่วันถึงได้รู้ดีไปหมด จะแต่งเรื่องก็ให้มันดูสมจริงหน่อย อย่าสักแต่ว่ามีปากไว้เห่า
โดย tifosi on 30 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:52
เผยแท็บเล็ตช่วยให้เด็ก 67.9% เรียนดีขึ้น
ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า สกศ.ได้สำรวจความคิดเห็นเพื่อติดตามผลนโยบายแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนชั้น ป.1 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา โดยสำรวจ 5 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1.นักเรียน ป.1-ป.6 จำนวน 34,257 คน ในจำนวนนี้เคยใช้แท็บเล็ต 7,916 คน 2. ครูการศึกษาขั้นพื้นฐาน 7,916 คน 3. ผู้บริการสถานศึกษา 1,424 คน 4. ผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา 367 คน และ 5. ผู้ปกครอง จำนวน 25,762 คน พบว่าร้อยละ 90.2 ของนักเรียนที่เคยใช้แท็บเล็ตชอบแท็บเล็ตที่แจกไป โดยนักเรียนภาคกลางรู้สึกชอบมากที่สุดถึงร้อยละ 93.9 ขณะที่นักเรียนภาคเหนือชอบน้อยที่สุด ร้อยละ 87.2 ถ้าแยกตามสังกัด พบว่านักเรียนมัธยมในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ชอบแท็บเล็ต 100%, นักเรียนเอกชนชอบร้อยละ 98 และนักเรียนในโรงเรียนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชอบร้อยละ 64.3
ดร.ศศิธารา กล่าวต่อไปว่า นักเรียน ร้อยละ 89.7 รู้สึกว่าแท็บเล็ตใช้งานง่าย โดยนักเรียนภาคกลางร้อยละ 93.1 รู้สึกว่า แท็บเล็ตใช้งานง่าย ในขณะที่นักเรียน กทม. ร้อยละ 81.7 ที่รู้สึกว่าแท็บเล็ตใช้งานง่าย และเมื่อแยกตามสังกัด พบว่านักเรียนมัธยมใน สังกัด สพฐ. 100% รู้สึกแท็บเล็ตใช้งานง่าย ส่วนนักเรียนจากโรงเรียนสังกัด อบจ.เพียงร้อยละ 69 ที่รู้สึกว่าแท็บเล็ตใช้งานง่าย
"ผลสำรวจยังพบว่านักเรียนร้อยละ 67.9 ผลการเรียนดีขึ้นหลังใช้แท็บเล็ต เมื่อแบ่ง ตามภาคพบว่านักเรียนภาคกลาง ร้อยละ 76.8 มีผลการเรียนดีขึ้น, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 65.2, ภาคเหนือ ร้อยละ 66.4, กรุงเทพฯ ร้อยละ 63.8 และภาคใต้ ร้อยละ 61 หากแยกตามสังกัดพบว่านักเรียน รร.ตชด. มีผลการเรียนดีขึ้นมากที่สุดถึงร้อยละ 89.3 รองลงมาเป็น รร.เอกชน ร้อยละ 87.1, รร.ประถมศึกษา สพฐ. ร้อยละ 66.2, รร.กทม.ร้อยละ 64.6 และรร. สังกัดเทศบาลนคร ร้อยละ 62.7" เลขาธิการ สกศ. กล่าว
สำหรับกลุ่มครู ระบุว่าการนำแท็บเล็ต มาใช้ทำให้พฤติกรรมนักเรียนเปลี่ยนไป กระตือรือร้น ขยันเรียนมากขึ้น ขยันทำการบ้านและมีการช่วยเหลือให้คำแนะนำแก่เพื่อน สอดคล้องกับความเห็นของผู้ปกครองที่ระบุว่านักเรียนขยันเรียน ขยันทำการบ้านมากขึ้น สนใจเนื้อหาในแท็บเล็ตและรู้จักปรึกษาหารือและแก้ปัญหาในการเรียนรู้บทเรียน ร่วมกับเพื่อน ในขณะที่กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา ระบุว่ามีปัญหาในการดูแลรักษาเครื่อง.--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 30 ก.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--
แปลกๆ แจกเด็ก ป1 แล้วไปสำรวจเด็ก ป1-ป6 ทำพ่องเมริงเหรอ ทำไมไมสำรวจเฉพาะคนที่ได้รับแจกไปเลย มั่วโคตร
โดย tifosi on 6 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:56
กระทู้ล็อกอิน " ม็อบถ่อย" ไม่รู้กระทู้ไหน เลยเอาผลของการกระทำของ "ม็อบถ่อย" กับ " สส. ถ่อย" มาให้ดูแทน
มีแต่รูป
คุณดอนบรรยายด้วยว่ารถใคร ใครเผา ตำหนวดหาได้ยังว่าใครเผา ตำหนวดพูดหรือยังว่าใครเผา
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. เกี่ยวกับสถานการณ์การปะทะกัน ระหว่าง
กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า กรณีนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด แต่เนื่องจากเส้นทาง อ.บางสะพาน จุดเกิดเหตุดังกล่าว เป็นจุดยุทธศาส์สำคัญที่จะเชื่อมระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถยอมให้ผู้ชุมนุมมีการปิดเส้นทางดังกล่าวได้ และพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ถือว่าไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ เพราะได้มีการเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีการเตรียมยางรถยนต์และสิ่งของที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ มาเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าเคลียร์เส้นทาง แต่ถูกต่อต้าน ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บกว่า 10 ราย และสามารถจับกุมผู้ชุมนุมได้กว่า 10 ราย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวันนี้ ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มีการประชุมด่วน ศปก.ตร. เกี่ยวกับการปะทะกันในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ ตนได้สั่งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งถอนกำลังตำรวจออกมา เนื่องจากว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธ โดยเฉพาะ ปืน น้ำกรด สิ่งเทียมอาวุธอื่นๆ จำนวนมาก ซึ่งอาจจะสร้างอันตรายให้กับเจ้าหน้าที่ได้ จึงต้องสั่งถอนกำลังออกมาดูท่าทีก่อน ส่วนม็อบนั้นจะปิดถนนต่อไป ก็เป็นเรื่องของกลุ่มผู้ชุมนุม แล้วในวันนี้ จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง โดยผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
มีแต่คำพูดของตะกวดมาอ้าง ใครเชื่อก็ควายเราดีๆนี่เอง
โดย tifosi on 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 22:40
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net