Jump to content


momentum

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 18 พฤษภาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2556 10:47
-----

#541716 เอกกษัตริย์

โดย momentum on 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:08

ตอนหนึ่งจาก หนังสือ ภปร. ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้จัดทำเพื่อทูลเกล้าฯถวาย สำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึกแก่ผู้มาเฝ้าฯถวายพระพร ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใน พ.ส.2511 ตอนหนึ่ง มีความว่า

ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ ทรงรับขึ้นครองราชย์ สืบต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐานั้น

เดิมทีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ว่า พระองค์จะทรงครองราชสมบัติ เพียงชั่วขณะเวลาจัดงานพระบรมศพ ให้งดงามสมพระเกียรติเท่านั้น

เพราะพระชนมายุ 18 พรรษา ไม่ทำให้ทรงรู้สึกว่าจะมีกำลังพระทัย เป็นพระเจ้าแผ่นดินไปได้ตลอด

การสูญเสียพระบรมเชษฐาธิราชที่ทรงรักและใกล้ชิดสนิทสนมกันมาตลอดเวลาอย่างกะทันหัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ไม่เคยเตรียมพระราชหฤทัย และกำลังพระวรกายมาสำหรับหน้าที่นี้เลย

แต่แล้วมีเหตุการณ์หลายครั้งหลายคราว ที่ประชาชนแสดงความจงรัก ภักดีต่อพระองค์ ดังเช่นในวันเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศสวิตฯ ขณะประทับรถพระที่นั่งไปสู่สนามบินดอนเมือง ทรงได้ยินเสียงตะโกนดังๆ ว่า
“ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน”

ทำให้ทรงนึกตอบบุคคลผู้นั้นในพระราชหฤทัยว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้”

จิรภา อ่อนเรือง เขียนไว้ในหนังสือ พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (ในหลวงของเรา) ว่า ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัวจะทรงรับครองราชสมบัติแล้ว แต่ประชาชนก็ยังลังเลใจ ไม่แน่ว่าพระองค์จะครองแผ่นดินไปโดยตลอดหรือไม่

ระหว่างงานพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 ในทุกวันที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ได้เสด็จพระราชดำเนินไป ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะมีประชาชนมารอรับเสด็จอย่างแน่นขนัด ที่ 2 ข้างทาง

ขณะนั้นมีข่าว ในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกนี้ สมเด็จพระราชชนนีไม่สนพระทัยไยดีแม้ต่อพระกระยาหาร ยิ่งได้เห็นภาพพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ทรงพระกันแสงอยู่เกือบตลอดเวลาในงานพระบรมศพ

ประกอบกับข่าวพระเจ้าอยู่หัวผู้ล่วงลับถูกลอบปลงพระชนม์ ก็ยิ่งมีแต่ทำให้คนไทยทั้งปวง เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจหนัก

มีอยู่วันหนึ่งได้มีประชาชนคนหนึ่งที่มารอเฝ้าฯอยู่ ได้กราบถวายบังคมทูลขึ้นว่า “ต่อไปนี้ไม่มีในหลวงแล้ว”

พระองค์จึงทรงมีรับสั่งตอบ ปลอบใจประชาชนไปว่า “ในหลวงยังอยู่...พระอนุชาต่างหากไม่มีแล้ว “

มีข้อมูลที่บันทึกไว้ว่า ก่อนวาระแห่งความโศกเศร้าเหล่านั้น...9 มิ.ย.รัฐสภาได้เปิดประชุมในเวลากลางคืน ลงมติเห็นชอบว่า ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบพระราชสันติติวงศ์

ให้สมเด็จพระอนุชา เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่

ในขณะนั้นหลายฝ่ายต่างวิตกกังวลกันว่า สมเด็จพระราชชนนีอาจจะไม่ทรงยินยอมให้สมเด็จพระอนุชารับราชสมบัติ จนเมื่อเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้า

กราบบังคมทูลสมเด็จพระราชชนนีว่า สมเด็จพระอนุชามีสิทธิในราชบัลลังก์นั้น สมเด็จพระราชชนนีก็ได้ตรัสถามพระราชโอรสว่า “รับไหมลูก”

สมเด็จพระราชโอรส ตรัสสั้นเพียงว่า “รับ”

บรรดาผู้อยู่ในที่ประชุมนั้น จงพร้อมใจกราบถวายบังคม

นี่คือบางส่วนของเรื่องราวในบทที่ 21 จากหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ (พิมพ์ครั้งที่ 1 ส.ค.2553 พิมพ์ครั้งที่ 2 มิ.ย.255 รวม 105,000 เล่ม) ที่วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย รวบรวมและเรียบเรียงเอาไว้

หนังสือเล่มนี้ แท้จริงแล้วเป็นบันทึกประวัติศาสตร์การเมืองไทย เริ่มแต่วันเปลี่ยนแปลงการปกครองจนปัจจุบัน...มีเจตนาให้คนไทยทุกคนได้อ่าน...จึงหาอ่านได้ จากโรงเรียน วัด ห้องสมุด และหน่วยราชการสำคัญทุกแห่ง...

อ่านแล้วความเคลือบแคลงสงสัย บางประการ ที่เคยมี ก็จะคลี่คลาย จนกระจ่างสว่างใจ...ประเทศไทยเรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ผ่านหนาวร้อนเคียงคู่มากับประชาชน

อ่านแล้วจะยิ่งแน่ใจ พระเจ้าอยู่หัวของคนไทย ไม่เคยทิ้งประชาชน ไม่ว่าเวลาใด เวลาที่ทรงมีพระพลานามัยเข้มแข็ง หรือเวลาที่ทรง พระประชวร.

กิเลน ประลองเชิง

ไทยรัฐออนไลน์

โดย กิเลน ประลองเชิง
4 ธันวาคม 2555, 05:00 น.