Lumtakong

เหอ เหอ เหอ ตำรวจมีข้อจำกัดมากมายแน่นอน รถที่ใช้ก็น่าจะเป็นรถส่วนตัว
แต่น้ำมันฟรี เสียหายซ่อมฟรี แต่ก็ถือว่าเสียสละแหละ เพราะถ้าเป็นเราก็คงไม่
ยอมเอารถส่วนตัวไปใช้แบบนี้แม้จะมีน้ำมันฟรี ซ่อมฟรี

การยิง ก็รับผิดชอบพอได้ เพราะอยู่ที่โลตัสก็ดูเหมือนยิงยางรถอย่างเดียว แต่
แปลกที่ยางมันไม่เป็นอะไร เป็นเพราะยิงไม่โดนหรือยางมันซ่อมตัวมันเองได้ไม่รู้

ตอนไล่คนร้าย ก็ระวังพอได้ สังเกตจากบางครั้งรถคนร้ายทิ้งห่างไปเลย นั่นคือ
ตำรวจเองก็ขับรถระมัดระวัง

ประเด็นก็คือ ตำรวจอาจมีความรับผิดชอบต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของประชาชนอยู่
พอสมควร แต่ตำรวจคิดหรือไม่ว่า ไอ้สองตัว นั่นมันคิดเหมือนตำรวจ

ไอ้สองตัวนั่นหนีไม่คิดชีวิต รถเป๋ไปทางขวาหลายครั้งจนรถที่สวนมาต้องหลบออก
กลางถนน

ช่วงที่ตำรวจขับรถตามหลังไอ้สองตัวนั่น ก็ยิงตามหลังไอ้รถที่ไล่ตาม แม้อาจจะดูแล้ว
ว่าไม่มีคนอื่นอยู่บริเวณนั้น แต่สงสัยว่า ยิงทำไม จะยิงยางก็ไม่น่าใช่ จะยิงขู่ให้มันหยุด
ก็คงไม่ใช่ เพราะถ้ามันจะหยุดมันคงหยุดตั้งแต่โลตัสแล้ว ที่สำคัญก็คือ ไอ้สองตัวนั่น
ไม่มีการยิงสวนกับตำรวจ แต่ถามว่า ถ้ามันมีการยิงสวนกับตำรวจ ตำรวจจะตัดสินใจอย่างไร
ระหว่าง ยิงใส่กันเละตลอดทางแบบใครดีใครอยู่ ใครซวยถูกลูกหลงก็ช่วยไม่ได้ หรือปล่อย
มันไปก่อน เพราะดูแล้วอันตรายอาจมีการพลาดไปโดนคนบริสุทธิ์ ใช้วิธีประสานงานให้
หน่วยงานในพื้นที่ช่วยสกัดกั้นดีกว่า

ถ้าเราลองนึกถึงตัวเราว่ากำลังใช้ถนนอยู่ในเส้นทางนั้น เราจะรู้ไหมว่ารถสองคันนี่มันทำอะไรกัน
ลองนึกถึงเด็กนักเรียนกำลังข้ามถนนเป็นกลุ่มระหว่างรถสองคันนี้ไล่กัน ลองนึกถึงชาวบ้านขี่จักรยาน
หรือมอเตอร์ไซค์ เอาลูกซ้อนท้ายกลับจากโรงเรียน ลองนึกถึงวัวควายหมูหมากาไก่เกิดวิ่งข้ามถนน
ระหว่างการไล่ล่า

นึกถึงภาพเหล่านี้แล้ว โชคดีที่รถของ ไอ้เหียก สองตัวนี่มันลงข้างทางไปก่อน 5555555555

ทำไมใจร้ายกับตำหนวดจังครับ คุณพูดหลังเหตุเกิด ก็พูดได้ซิ ดีตรงไม่ดีตรงนี้

ใครๆก็รู้ ตำหนวดไทย มีแต่เยี่ยมๆทั้งนั้น

ใครที่สงสัยเรื่องที่ไฟวับวาบ ไม่ได้ติดเพราะมันไม่มี สิ้นเปลือง ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าให้หลบ แบบในหนังก็ได้ ส่วนเรื่องหน่วยประสาน"งา"นั้น คนร้ายขับวีออสหนีไม่ได้หรอกครับมันเร็วไป ทำไมโจรนิสัยไม่ดีชอบเอาเปรียบตำหนวดเนี้ย โจรมันต้องขี่ช้างถึงจะสู้สีกันซิ

จะเอาแบบตำหนวนอเมริกาไม่ได้หร๊อก ปิดล้อมไล่ล่ากันคุณภาพสูงขนาดนั้น เราสู้เขาไม่ไหว แต่นี่ไม่ได้หมายว่าบ้านเราห่วยกว่านะ แค่ดีไม่เท่าเอง ห่างกันนิ๊ดดเดียววว จริงๆเราทำแบบตำหนวนอเมริกาก็ได้ แต่อย่างทีนายตำหนวด หรืออดีตนายตำหนวด กล่าวไว้ "ตำหนวนมีน้อย.. งบก็น๊อยน้อย"

อีกทั้งต้องแบ่งกำลังตำหนวดไปขับรถให้นายตำหนวดทั้งหลาย เพราะว่านายตำหนวดเค้าขับรถกันไม่เป็นกันทั้งนั้น คิดดูนะ ถ้าไม่มีคนขับรถให้ จะให้ท่านๆเค้าเดินไปทำงานกันรึไงหึ

ที่สำคัญนายตำหนวดเค้ารักลูกน้องทุ๊กกคนนจริ๊งๆ เพราะมันจะพูดเสมอว่า
" ผมรักลูกน้องเหมือนลูกๆของผม "
และ
" สามีคุณเป็นตำรวจที่กล้าหาญ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้อง เดี๋ยวผมจะดูแลให้ลูกชายเขา ได้เข้าบรรจุเองนะ คุณไม่ต้องห่วง"

แม้แต่ลูกน้องเสียสละชีวิตไปแล้ว คิดดูซิท่านนายตำหนวดยังเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ แต่ถ้าตำหนวดคนไหนยังไม่ตาย ก็ดูแลสวัสดิภาพกันเองไปก่อนนะ ปืนแจ่มๆ เสื้อเกราะเยี่ยมๆ ออกเองไปก่อน ถ้าไม่มีก็ไปกู้สหกรณ์ซะ ตรงนี้ต้องเข้าใจด้วยนะ งานของท่านๆเยอะ จะให้ไปดูทุกรายละเอียดคงไม่ได้

เห็นถึงความเสียสละของตำหนวด & นายตำหนวดของประเทศไทยหรือยังหล่ะ ถ้าเห็นแล้วช่วยเงียบเสียงด้วย ไม่เจอเจออุ้มแน่....

อย่างกับดูหนังบู๊เลยค่ะ
ที่มา:I Support PM Abhisit
http://www.youtube.com/watch?v=pZuILnpo5GI&feature=player_embedded

เมื่อไหร่คุณหมูจะมาครับ..เอาเป็นว่าผมรอคำตอบถึงสีี่ทุ้ม.ถ้าไม่มาตอบ.ผมติดต่อหลังห้องเป็นการส่วนตัว..แล้วถ้าติดต่อหลังห้องแล้วเงียบจนถึงห้าทุ้มไม่ตอบ..ผมถือว่าคุณหมูไม่ใช่คน..ถ้านัดกันได้ไม่ต้องมีอะไรมาก..ผมจะเขียนป้ายติดเลยว่า.kon_thai ตัวโตๆๆ.แค่คุณหมู.เดินเข้ามาทักก็พอ...ดีหรือเปล่าครับ..

แต่ละเพลงของท่านโจโฉ..รุ่นลายครามทั้งนั้น 5555555

ขึ้นศาลมีได้กี่รอบอะท่าน? ขายตั๋วผ่านไทยทิกเก็ตรุยทีเดียว เอิ๊กๆ

รบกวนใจดีช่วยพิมพ์ใบแจ้งความ, ใบนัดศาลเยอะๆหน่อยนะ
แบบว่าจะได้ขึ้นศาลหลายๆรอบไปอวดศักดากับสลิ่มไง..ดีปะ?

งานนี้เชียร์ไอ้ใจดี..ขาดจายยย ฮ่าาาาาาาาาาาาาา

จริงๆได้รอบเดียวถ้ากระแสตอบรับดีก็จะยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีต่อ

ว่าแต่สรุปใบแจ้งความนี่ใช้พิมพ์จาก A4 ใช่ไหมครับ

ขอประทานโทษ คือว่าตกข่าวอ่ะท่านโจโฉ ไอคางคูดจะฟ้องท่านด้วยข้อหาอะไรหรือ???

ข้อหาเปิดเผย "ไอพี แอดเดรส" ของใจดีครับ

โดยเจ้าตัวกล่าวว่าเป็นไอพีปลอม ผมทำขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีใจดี

ภาพไอพีไม่ขอเปิดเผยนะครับ เพราะยังอยู่ในช่วงฟ้องร้องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

และเจ้าตัวบอกว่าจะฟ้องร้องผมแน่ ให้ทนายรวบรวมหลักฐานไว้แล้ว

จากจดหมายส่วนตัวล่าสุดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

เห็นวันนี้ "jaidee20" ตั้งมาหลายกระทู้ คาดว่าคงเข้ามาอ่านแน่

และเห็นว่าอีกสามวันจะครบหนึ่งเดือนหลังจากที่ใจดีประกาศ

ฟ้องร้องผมในชั้นศาล บางครั้งผมเห็นจดหมายสีแดงก็แอบดีใจว่าจะได้

จดหมายจากใจดี ดันเป็นเพื่อนสมาชิกท่านอื่นซะงั้น

กลายเป็นดีใจเก้อมาตลอดเกือบหนึ่งเดือนมานี้

ขั้นตอนไปถึงไหนแล้วบอกกล่าวกันบ้างดิครับ

คนเราก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาคอย เพราะมีคนประกาศจะฟ้องร้องเรา

มันก็ต้องรอคอยแล้วรอคอยเล่า เรื่องมันค้างๆคาๆ

ถ้าเดือนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ครบวันที่ 24 เดือนถัดไปผมขอทวงถาม

อีกครั้งนะครับ ได้เรื่องเช่นไร กรุณาบอกกล่าวด้วย

จะได้แต่งตัวหล่อๆไปรอพบใจดี เอ๊ย ขึ้นศาล

ด้วยความคิดถึง "โจทย์" เสมอ

จาก "จำเลย" โจโฉ นายกตลอดกาล

ถ้าถามว่า..ใครยิง...ตอบยากค่ะ
แต่ถ้าถามระยะยิง...คนยิงอยู่ไม่ไกลค่ะ
ประมาณเองจากประสบการณ์..ที่สนามค่ะ

เพราะ...ตอนซ้อมเป้ากระดาษ..ติดกล้อง ยังยาก
แต่นี่...เข้าเป้า มุมเฉียงขื้น (แม้จะไม่มาก)
และยังมีคนเดินไปเดินมา..
ไม่น่าจะยิงจากระยะไกล...

98 ศพมันต่ำกว่าเป้าที่หน้าเหลี่ยมตั้งไว้มากมาย
เฉพาะคืนที่ พ.อ ร่มเกล้าตาย..หน้าเหลี่ยมและพวก กะให้มีคนตายหลักพันศพขึ้นไป
คืนนั้นพวกมันใช้อาวุธสงครามยิงถล่มฆ่าทหาร เพื่อบีบบังคับให้ทหารใช้อาวุธตอบโต้ฆ่าเสื้อแดง (ที่โดนหลอกมาเป็นเหยื่อ)
ช่วงเวาลาเดียวกัน ก็ให้คนวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงที่จ่ายไฟใฟ้กรุงเทพ
หวังให้กรุงเทพตกอยู่ในความมืด และ โกลหล เพื่อง่ายต่อการปฏิบัติชั่ว

แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้า เนื่องจาก เสาไฟฟ้าไม่ได้ล้ม และ นายกอภิสิทธิ์ สั่งทหารถอยไปก่อน


ลองคิดดู ถ้าคืนนั้น ทั้งทหารและเสื้อแดงตายเป็นพัน..นายก อภิสิทธิ์ อยู่ไม่ได้แน่นอน คงประกาศลาออกในไม่กี่วัน
และคงหนีไม่พ้นถูกใส่ร้ายเป็นผู้สั่งฆ่าคนนับพันศพ แน่นอน..

DSI เผยประวัติเสื้อแดงรับเงินเยียวยา อึ้ง!แต่ละคนมีข้อหาเพียบ

จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยากลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างปี2548 – 2553 ซึ่งหากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบดังกล่าว จะได้รับเงินถึงเยียวยา7.75 ล้านบาท และเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับเงินไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำการรวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ.2553 รวม 89 คน เพื่อประกอบการรับค่าเยียวยา ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) พบว่า มีรายชื่อของคนเสื้อแดงที่มีการแจ้งประวัติถูกตั้งข้อหาถึง 23 ราย ได้รับเงินดังกล่าว อาทิ เช่น

1. นายบุญจันทร์ ไหมประเสริฐ ต้องโทษ พ.ร.บ.การพนัน สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
2. น.ส.สัญชะนา สรรพศรี ต้องโทษ พ.ร.บ.การพนัน สน.พญาไท
3. นายบุญทิ้ง ปานศิลา ข้อหาอนาจาร ที่ สน.สามเสน
4. นายทิพเนตร เจียมพล ข้อหาซ่องโจร สน.ลุมพินี และยังมีข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ สำนักงานตำรวจเศรษฐกิจ ข้อหายาเสพติด สน.พญาไท
5. นายเหิน อ่อนสา ข้อหาลักทรัพย์ สน.ดินแดง ข้อหาขัดขวางการจับกุม สน.โคกคราม ข้อหาจำหน่ายยาบ้า สน.โคกคราม
6. นายมนูญ ท่าราด ข้อหาการพนัน สน.โชคชัย
7. นายธันวา วงศ์ศิริ ข้อหาเสพยาบ้า สน.บางโพลพาง
8. นายอุทัย อรอินทร์ ข้อหาทำร้ายร่างกาย สน.จักวรรดิ์ ข้อหาละเมิดเครื่องหมายการค้าฯ สน.จักรวรรดิ์
9. นายชาญณรงค์ พลศรีลา ความผิด พ.ร.บ.การพนัน สน.บางซื่อ และข้อหาขับรถชนแล้วหนี สน.บางโพงพาง
10. นายคนึง ฉัตรเท ข้อหาการพนัน
11. พลทหารภูริพัทธ์ ประพันธ์ ข้อหาครอบครองยาบ้า สภ.ขอนแก่น
12. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล พบประวัติการกระทำความผิด รวม 10 รายการ
13. นายปรัชญา แซ่โค้ว กระทำผิด พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ สน.บางมด
14. นายมานะ แสนประเสริฐศรี ข้อหาพรากเด็กและกระทำชำเราเด็ก
15. นายพรสวรรค์ นาคะไชย ข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
16. นายเกรียงไกร เลื่อนไธสงค์ ข้อหาขับรถขณะเมาสุรา
17. นายสุวัน ศรีรักษา ข้อหาใช้สารระเหยฯ สภ.เมืองอุดรธานี
18. นายอัครเดช ขันแก้ว ข้อหาลักทรัพย์ สน.พระโขนง และข้อหาจำหน่ายสื่อลามก สภ.เทวะ
19. นายจรูญ ฉายแม้น ข้อหาขับรถประมาทฯ สภ.กุดรัง จ.มหาสารคาม
20. นายสยาม วัฒนกุล ข้อหาทำร้ายร่างกาย สน.บางซื่อ
21. นายอำพล ตติรัตน์ หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ข้อหาหนีราชการทหาร
22. นายบุญธรรม ทองผุย ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน สน.พญาไท
และ 23. นายสมศักดิ์ แก้วสาน ข้อหาเสพยาบ้า สน.วัดพระยาไกร

สิงห์ว่าสกู๊ปนี้โกหกสิ เพราะเขาบอกว่ารถของศูนย์นเรนทร์เป็นผู้นำร่างผู้การเข้ามา


http://th-th.faceboo...id=318406988635
"วันนี้หนัก อย่าเข้ามานะ อยู่รอบนอกไว้ ระวังตัวเองให้ดีด้วย" เสียงปลายสายของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หรือ "พี่เปา" รองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รองเสธ.พล.ร.2 รอ.) บอกสั้นๆให้รับรู้ถึงสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับทหาร ซึ่งเปิดปฏิบัติการ"ขอคืนพื้นที่"บริเวณ สี่แยกคอกวัว เมื่อเวลาประมาณ 19.05 น. วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 53

ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00 น. เป็นต้นมา ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามีทหารและพลเรือนซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปะทะถูก ส่งเข้ารับการรักษาเป็นระยะ จากปฏิบัติการที่เริ่มมาตั้งแต่ ช่วงบ่าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำเปลสนาม มาทำเป็นเตียงเสริมรองรับจำนวนผู้บาดเจ็บที่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"มีข่าวไม่ดี พี่เปาโดนระเบิด ไม่รู้อยู่โรงพยาบาลศิริราชหรือพระมงกุฎฯ ช่วยเช็กให้หน่อย แล้วโทร.บอกด้วย" เป็นน้ำเสียงร้อนรนของ พ.ท.วิรัตน์ คำวิลัย ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 9 (ผบ.ร.9 พัน 3) ซึ่งประจำการอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 2 แจ้งมายังปลายสายเมื่อเวลา 21.43 น. ท่ามกลางความโกลาหลของแพทย์และพยาบาลที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากหลายรายที่เข้ามาเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

23.15 น. รถกู้ชีพของศูนย์นเรนทรวิ่งเข้า มาจอดที่หน้าตึกอย่างรวดเร็ว โดยมีทีมช่วยชีวิตเข้าไป รอรับพร้อมเตียงเข็น บนเตียงคือร่างชายคนหนึ่งมีบุรุษพยาบาลร่างใหญ่ปั๊มหัวใจอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสียงตะโกนขอทางและให้เปิด ประตูลิฟต์



เขาเป็นชายรูปร่างสันทัด ตัดผมสั้นเกรียน บริเวณใบหน้า จมูก ปาก และศีรษะมีรอยเลือดเกรอะกรัง เครื่องแบบสนามถูกถอดออกเหลือเพียง กางเกงในสีขาว ท่อนขาซ้ายและขวาถูกพันด้วยผ้าสีขาวในลักษณะเหมือนผ่านการปฐมพยาบาลเบื้อง ต้นมาแล้ว

จากใบหน้าที่เห็นทำให้รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างที่เพิ่ง ถูกเข็นเข้าลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 2 คือพ.อ.ร่มเกล้า หรือ "พี่เปา" ของน้องๆนักข่าวหลายคนที่มีความคุ้นเคยกันมานานตั้งแต่ยังเป็นนายทหารยศพัน ตรีอยู่ในสังกัดกองกำลังบูรพาที่ จ.สระแก้ว ผู้ซึ่งทำงานได้ทั้งบู๊และบุ๋น ในสมัยที่แก๊งโจรกรรมรถยนต์กำลังฮึกเหิมด้านชายแดนกัมพูชา รอยต่อเขต จ.สระแก้ว ปราจีนบุรี หรือการถมดินของประเทศเพื่อนบ้านรุกพื้นที่เข้ามายังฝั่งไทย หรือแม้แต่การต่อต้านการเปิดบ่อนตามแนวชายแดยไทย-กัมพูชา "พี่เปา" ก็พานักข่าวเข้าไปลุยมานับครั้งไม่ถ้วน

"ตอนนี้พี่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ที่นิด้า ยากมากเลย"
"สถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไปเนี่ย"
"ตอนนี้พี่มาอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมินะ มีอะไรก็โทร.มา"
"มีความเคลื่อนไหวอะไรแจ้งให้พี่ทราบด้วย แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน"

เหตุการณ์ ชุมนุมเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว พ.ท.ร่มเกล้า(ยศในขณะนั้น) เพิ่งเดินทางกลับมาจากภาคใต้ หลังจากลงไปรับตำแหน่งผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 35 ดูแลพื้นที่ อ.แว้ง และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เป็นเวลากว่า 1 ปี

ผลการปฏิบัติงาน ในครั้งนั้นเจ้า ตัวเคยบอกเล่าด้วยความภูมิใจว่าตั้งแต่เข้าไปอยู่ 2 อำเภอนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในพื้นที่เลย อีกทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เนื่องจากทหารทุกนายใช้วิธีเดินเข้าหาประชาชนทุกคน ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน จนทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อกัน ทำให้สัมพันธภาพระหว่างเจ้าหน้าที่และชาวบ้านดีขึ้นเป็นลำดับ

กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงช่วงเมษาเลือดปี ที่แล้ว "พี่เปา" ก็มีเรื่องเล่าเช่นกัน

"สลาย ม็อบตรงสามเหลี่ยมดินแดง ทหารพี่เองไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย การทำงานมันต้องเด็ดขาด เวลารบกันพี่ไม่มีหรอกอยู่ข้างหลัง แล้วให้ลูกน้องออกหน้า" เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจผ่านสายโทรศัพท์หลังจบสิ้นภารกิจใน ครั้งนั้น

เดือนเมษายนปีนี้ พ.อ.ร่มเกล้า กลับมากรุงเทพฯอีกครั้ง

"ปิด ไทยคมวันแรก(สถานีดาวเทียมไทยคม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี) พี่นำกำลังไปเอง เสร็จแล้วก็ถอนกลับ คนเสื้อแดงเลยเข้าไปยึดได้อีก" เป็นคำตอบเมื่อถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไทยคม

"พี่นำกำลังเดินทาง สมทบ ไปไม่ทันเลยเกิดเหตุการณ์(บุกยึดสถานีดาวเทียม)ซ้ำอีก ไม่เป็นไร ขอให้ประชาชนอดทนอีกนิด เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น" คือคำพูดเปรยๆ เมื่อถูกถามถึงการทำงานที่ไม่เข้าตาของเจ้าหน้าที่ เพราะถูกกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ายึดสถานีดาวเทียมไทยคมได้อีกรอบ

แต่ภารกิจของทหารยังไม่จบ และ พ.อ.ร่มเกล้า ก็คุมกำลังออกปฏิบัติการที่สี่แยกคอกวัว

นาย ทหารรุ่นน้องซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ถ่ายทอดให้ฟังว่า ขณะที่กำลังทหารผลักดันผู้ชุมนุมเข้าไปยังบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯและเข้า พื้นที่สี่แยกคอกวัว ขณะนั้น พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) พ.อ.ร่มเกล้า และ พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 (ร.12 พัน2) และนายทหารอีกจำนวนหนึ่งกำลังหารือเรื่องการถอนกำลังกลับแล้ว เสียงระเบิดก็ดังขึ้นตูมสนั่น

"คนอื่นโดนแค่สะเก็ด แต่พี่เปาโดนไปเต็มๆแล้วก็นิ่งไปเลย นาทีนั้นทุกคนคิดว่าแกเสียแล้ว ก็พยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ ให้รถพยาบาลมาส่งแต่ก็ติดม็อบแดง กว่าจะผ่านไปได้ พี่ไก่ (พ.ท.เกรียงศักดิ์) ก็ถูกยิงที่หัวอาการยังโคม่า"

24.00 น. หลังจากแพทย์และพยาบาลเร่งช่วยกันปั๊มหัวใจ สัญญาณชีพของ พ.อ.ร่มเกล้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง แพทย์จึงตัดสินใจนำตัวเข้าห้องผ่าตัดด่วน แต่เนื่องจากแผลที่ถูกระเบิดบริเวณศีรษะค่อนข้างลึกและเสียเลือดมาก เวลา 03.00 น. ของวันที่ 11 เม.ย. กองทัพบกก็ต้องสูญเสียนายทหารผู้มากความสามารถไปอีก 1 คน


ภาพจาก AFP : จุดสีเขียว - แดงในภาพ หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นเลเซอร์ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีชี้ เป้านายทหารก่อนยิง M79

ลองอ่านบทความนี้ของคุณอิทรายุธ ดูนะครับ
เผื่อบางท่านยังไม่ได้อ่าน

บทวิเคราะห์พิเศษ/แผนฆ่ามวลชนตนเองรีเทิร์น

by อิทรายุธ » Fri Nov 20 2009

บทวิเคราะห์พิเศษนี้เรื่องแผนการฆ่ามวลชนตนเอง ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่การวิเคราะห์อะไรมากมาย เพราะแผนการฆ่ามวลชนตนเองของแกนนำเสื้อแดงนั้น เป็นที่รู้กันดีพอควรอยู่แล้ว เพียงแต่ขอนำมาเรียบเรียงอีกครั้ง เพราะเขากำลังจะนำแผนนั้นมาใช้อีกแล้ว และคราวนี้เขาทบทวนจุดผิดพลาดของครั้งที่ผ่านๆมา มันจึงมีแนวโน้มน่ากลัวกว่าครั้งก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อเขาใช้แผนนี้ครั้งแรกช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว 52

วิธี การคือปลุกปั่นมวลชนให้บ้าคลั่งถึงขีดสุด ปิดเมือง เผาเมือง เผารถ และไล่ฆ่าคน เขาคำนวณเป็นแม่นมั่น ว่าก่อความรุนแรงถึงขนาดนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆคือโดนทหารปราบปรามอย่างรุนแรง มวลชนจะต้องล้มตายจำนวนไม่น้อย เมื่อถึงจุดนั้นทัพหลวงของม๊อบที่รอเวลาอยู่หน้าทำเนียบ นำโดยวีระ ก็จะเคื่อนออกมากดดันหาความชอบธรรม ให้เสียงสาธารณะบีบรัฐบาลให้ลาออก ในช่วงนาทีเช่นนั้น ทักษิณซึ่งตอนนั้นแอบอยู่ข้างชายแดนเขมรก็จะโผล่หัวมานำทัพทันที

แต่แผนเขาพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ก่อความรุนแรงขนาดนี้แล้วฝ่ารัฐไม่ตอบโต้ ด้วยความรุนแรง มีแต่คนบาดเจ็บไม่มีตาย ศพเดียวก็ไม่มี จะว่าไปแล้วช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียด้วยซ้ำ เพราะแม้ตั้งใจมั่นว่าจไม่ปราบรุนแรง แต่ก็น่าพลั้งมือพลาดไปจนมีตายบ้าง แต่กลับไม่มีเลย แรงสุดคือสาหัส

แผนของแกนนำแดงที่จะฆ่ามวลชนตัวเอง ในครั้งแรกนี้จึงเหลวเป่า นำมาสู่ความผิดหวังอย่างใหญ่หลวง ทักษิณรีบชิ่งหนีทันที จักรภพก็เปิดตูดหาย ความผิดหวังนั้นฉายชัดอยู่ในสีหน้าและแววตาของจตุพร ช่วงแรกเขาจึงพยายามปล่อยข่าวลือเท็จว่ามีคนตายมากแต่โดนเก็บศพ เพราะใจจริงเขาอยากให้มวลชนตนเองตายเยอะๆ แต่ที่สุดเมื่อไร้หลักฐานก็ค่อยๆเงียบเสียงไป หันไปสร้างข่าวลือเท็จเรื่องอื่นๆต่อไปตาม***

แผนฆ่ามวลชนตนเองถูกนำ มาทบทวนหาจุดผิดพลาด พวกเขาพบว่าจุดผิดพลาดคือไปหวังให้ฝ่ายรัฐบาลฆ่าม๊อบ เมื่อรัฐบาลไม่ยอมฆ่า แผนนี้จึงไม่สำเร็จ ด้วยเหตุนี้เขาจึงปรับปรุงแผนนี้ โดยจะดึงเอาเสื้อแดงส่วนหนึ่ง ไปอำพรางตัวเป็นฝ่ายรัฐ แล้วฆ่ามวลชนตนเอง ในลักษณะคล้ายๆกับที่โจรใต้แต่งชุดทหารฆ่าชาวบ้านมุสลิมนั่นเอง คือฆ่ามวลชนตนเองเพื่อป้ายสีคู่ต่อสู้ ซึ่งงานแบบนี้คนอย่างจิ๋ว พัลลภ และเศษแดงมีความช่ำชองเป็นอย่างดี แต่การพยายามนำแผนนี้มาใช้ในช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมายังหาจังหวะเหมาะไม่ ได้ ถูกฝ่ายรัฐบล็อคได้หมด ขนาดขนกำลังนักฆ่ามาเตรียมไว้แล้วแถวสวนลุมพินี ก็ยังไม่สามารถลงมือได้

มาในคราวนี้โดยสภาพแวดล้อมของการต่อสู้นั้น ทักษิณอยู่ในสภาพจนตรอกยิ่งขึ้นทุกที ไพ่ในมือแทบไม่เหลือให้เล่น เขาจึงไม่อาจรอได้อีก แผนนี้จะต้องนำมาปฏิบัติให้จงได้ปลายเดือนนี้และรอบนี้ต้องรัดกุมขึ้นและ ต้องแรงกว่าเดิม

โดยสภาพของแผนจะคล้ายของเดิม คือทักษิณจะมาแอบอยู่ชายแดน มวลชนที่บ้าคลั่งจะออกเผาเมืองเผารถ แต่ครั้งนี้จะเพิ่มด้วยการเผาสถานที่ราชการ เผาอาคารบ้านเรือนเอกชน โดยเฉพาะที่เขาพบว่าไม่ยืนข้างแดงจะโดนก่อน และหมัดเด็ดก็คือการฆ่ามวลชน โดยจะฆ่าทั้งมวลชนตนเองและประชาชนทั่วไปให้มากเท่าที่จะทำได้ ยิ่งตายมากยิ่งสยดสยองมากก็ยิ่งดี

เมื่อทุกอย่างปั่นป่วนสุดๆ เขาจะนำมวลชนทัพหลวงซึ่งน่าจะนำโดยวีระอีกครั้งออกทำการปฏิวัติยึดอำนาจรัฐ โดยร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธสีแดงที่บางส่วนเป็นกำลังฝ่ายรัฐเอง เขาจึงต้องระดมมวลชนให้ได้หลักล้าน หรือหลายๆแสน เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะต้องชนะ เนื่องจากมีจุดอ่อนที่กำลังติดอาวุธไม่มากพอจะเป็นกำลังหลัก จึงต้องใช้กำลังมวลชนเป็นหลักในการปฏิวัติ ซึ่งเมือชนะก็จะอ้างต่อสากลได้ด้วยว่าเป็นการปฏิวัติของประชาชน เหมือนการปฏิวัติฝรั่งเศสในอดีต หรือการปฏิวัติล้มราชวงศ์โรมานอฟ ดังที่แกนนำเสื้อแดงเผลอหลุดปากออกมา

แน่นอนเมื่อสถานการณ์ถึงจุดนี้ ทักษิณก็จะโผล่หัวมานำทัพทันที เป็นการยึดอำนาจได้ทันท่วงทีก่อนถูกยึดทรัพย์

ตามการกะคำนวณของพวกเขา แผนในครั้งนี้ไม่น่าพลาดไปได้ ไม่ว่ารัฐจะตอบโต้หรือไม่ เขาก็เดินแผนได้ทุกขั้นตอน เขาจึงมั่นใจยิ่งนักว่าครั้งนี้ต้องชนะเพียงสถานเดียว

แผนฆ่ามวลชนตนเอง เป็นแผนการรบอย่างหนึ่งของการทำสงครามมวลชน บรรดาคนที่ทำสงครามมวลชน หรือสู้รบโดยใช้มวลชนเป็นกำลัง จะรู้จักแผนนี้กันเป็นอย่างดี แต่ปกติแล้วแผนนี้จะไม่ถูกนำออกมาใช้เว้นแต่ผู้นำเห็นว่าถึงจุดจำเป็นจริงๆ ซึ่งสำหรับการต่อสู้ของเสื้อแดงนี้ พื้นฐานเดิมๆแกนนำก็ย่อมไม่อยากฆ่ามวลชนตนเองมาก่อน แต่เพื่อสถานการณ์สู้รบพัฒนามาถึงขั้นนี้ เขาจึงหยิบออกมาใช้ตั้งแต่สงกรานต์ทีผ่านมา

ผมขอขยายความด้วยว่า สำหรับคนที่ทำการสู้รบ หรือมีความรู้ด้านการสู้รบนั้น เมื่อเขาเห็นการสู้รบของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เขาจะมองออกทันทีว่าว่าฝ่ายนั้นกำลังรบอยู่ด้วยแผนการณ์ใด เหมือนๆกับที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลมองออกว่าทีมคู่แข่งกำลังเล่นด้วยแผนใด และทีมของตนจะแก้เกมด้วยแผนใด ในกรณีการรบนี้ก็เช่นกันเมื่อมองออกว่าฝ่ายตรงข้ามจะรุกมาด้วยแผนใด ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องหาทางแก้เกมกันไป ซึ่งที่จริงแล้วในการรบที่ยืดเยื้อติดพัน เขาก็จะประเมินด้วยว่าในการรบครั้งถัดไปคู่ต่อสู้จะรบด้วยแผนใด ดังนั้นแผนฆ่ามวลชนตนเองที่ถูกปรับปรุงนำมาใช้ใหม่นี้ ฝ่ายรัฐบาลเองก็รู้อยู่ครับ

การทำสงครามมวลชนนั้นจะมีอยู่สามระดับ ผมขอเรียกอย่างให้เข้่าใจง่ายๆว่า ขันธรรมดา ขั้นกว่า และขั้นสุด

ขั้นธรรมดาคือจัดมวลชนประท้วงธรรมดา เช่น ม๊อบสมัชชาคนจนเป็นต้น

ขั้น กว่าคือยั่วยุให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายเริ่มก่อความรุนแรงก่อนเพื่อให้สูญเสีย ความชอบธรรม (ในการสงครามฝ่ายใดเสียความชอบธรรมฝ่ายนันจะแพ้เสมอ) แผนระดับนี้เคยนำมาใช้อย่างได้ผลในการต่อสู้เดือน พ.ค. 2535 นำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายประชาชน และในการต่อสู้ของพันธมิตรก็นำมาใช้สองสามครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผลที่ชัดเจน เนื่องจากแผนระัดับนี้เป็นที่รู้กันดีของคู่ต่อสู้ทุกฝ่ายแล้ว จึงมักแก้เกมกันได้หมด

ขั้นสุด คือฆ่ามวลชนตนเองแต่ผลักให้ฝ่ายตรงข้ามเสียความชอบธรรม แผนนี้ที่ชายแดนใต้ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนใช้หลายครั้งในช่วงสองสามปีแรกๆ และได้ผลเป็นอย่างมาก แต่มาถึงระยะหลังๆทั้งฝ่ายรัฐและประชาชนดูจะรู้ทัน เลยไม่ค่อยมีการใช้กันอีก โดยปกติแผนนี้จะมีสองระดับคือ

ระดับแรกบีบ คั้นให้ฝ่ายตรงข้ามฆ่ามวลชนตนเอง เช่น ที่โจรใต้ทำสำเร็จอย่างงดงามในกรณีกรือเซะและตากใบ และฝ่ายเสื้อแดงนำมาใช้เมื่อสงกรานต์ แต่ไม่สำเร็จ
ระดับสองคือฆ่ามวลชน ตนเองด้วยฝ่ายตัวเองที่อำพรางเป็นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นที่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายเสื้อแดงจะนำแผนระดับนี้มาใช้ โดยพยายามหาช่องนำมาใช้สองสามเดือนมาแล้ว จนถึงการประท้วงใหญ่ที่กำลังจะกิดขึ้นนี้ ก็คือมุ่งแผนนี้เป็นหลัก
(แผนระดับนี้ถ้าไม่ใจดำจริงจะทำไม่ได้)
แต่แนนอนว่ามันจะต้องไล่ระดับไปจากขั้นธรรมดาก่อนในวันแรกๆ จากนั้นจะยกระดับไปสู่ขั้นกว่า และไปสู่ขั้นสุด ชนะได้ที่ขั้นไหนก็อยุดที่ขั้นนั้น

ผมคงไม่สามารถเสนอหลักฐานอะไรได้ ชนิดมีใบเสร็จ ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณเอาเอง แต่ขอบอกเพิ่มเติมว่าในบรรดาแกนนำของทั้งแดงและเหลืองนั้นมีพวกที่เรียกว่า "ซ้ายเก่า" คืออดีตพลพรรคอมมิวนิสต์ไทยอยู่ด้วย และแม้แยกฝ่ายกันรบแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ยังติดต่อ โทรหา นัดพูดคุยกันอยู่ตลอด ผมเองก็ทำเช่นนั้น เมื่อตอนสงกรานต์ผมก็โทรหาเพื่อนที่เป็นซ้ายเก่าถึงกลางม๊อบแดงตลอดเวลา ซึ่งพวกนี้พื้นฐานจิตใจจะรักมวลชน จึงไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจกับแผนฆ่ามวลชน ข้อมูลต่างๆจึงรั่วออกมาจากพวกนี้เอง (การฆ่ามวลชนตนเองนั้นปกติเป็นพฤติกรรมของพวกขวาจัด) ครั้งนี้ก็เช่นกัน

คุณกรกช ผมเอามาลงกระทู้นี้นะครับ

หลักฐานความรุนแรงจากเสื้อแดง นี่รวบรวมอย่างหยาบๆ นะครับ
--------------
ลองของ'อนุพงษ์'ยิงเอ็ม79ถล่มทบ.-กลาโหม
เวลา 03.00 น. ของเช้ามืดวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กองบัญชาการกองทัพบก ได้มีลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงเข้ามาในตัวอาคาร 1 ชั้น 6 ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นสำนักงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ส่งผลให้ผนังและเสาเกิดเป็นหลุม และจากสะเก็ดระเบิดทำให้กระจกแตกไป 1 บาน
---------------
15 มีนาคม 2553 ถล่มเอ็ม79ค่ายทหารยิงขณะรถวิ่งบนโทลล์เวย์
จากการตรวจสอบพบจุดระเบิดเอ็ม 79 เพียง 2 ลูกเท่านั้น คือ กิ่งไม้ห่างจากแนวกำแพงค่ายทหาร 10 เมตร กับจุดที่สองต้นไม้ห่างจากกำแพงไป 20 เมตร
เขา อธิบายเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบวิถีกระสุนจากจุดระเบิดทั้ง 2 ลูก สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายยิงเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 มาจากบนโทลล์เวย์ โดยยิงมาจากในรถ แต่เบื้องต้นนี้ยังไม่ทราบว่าคนร้ายขึ้นโทลล์เวย์มาจากด่านไหนก่อนจะมาถึงหน้า ร.1 พัน.1 รอ.
--------------
บึ้มปริศนาที่พรรค ปชป.
6 เม.ย.53 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น.ระหว่างที่ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงบางส่วนเคลื่อนผ่านที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ทางถนนพระราม 6 พร้อมโห่ร้องประกาศชัยชนะ ได้เกิดเหตุมือมืดยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ แต่ระเบิดตกใส่รถควบคุมผู้ต้องหา ซึ่งจอดอยู่บริเวณลานจอดรถด้านหลังที่ทำการพรรค จนทำให้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.บางเขนซึ่งมาดูแลความปลอดภัย ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ คาดว่าคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 มาจากทางด่วนพระราม 6 บริเวณโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย โค้งผ่านรพ.วิชัยยุทธมาตกบริเวณที่เกิดเหตุ โดยต่อมา เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดได้เข้าตรวจหลักฐานในพรรคแล้ว
----------------------------
ดาราดัง เมธี สารภาพแล้ว ยิงทหาร เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 มีคนสั่งมา
จับเอ็ม79ในม็อบเสื้อแดงพร้อมกระสุน
นครบาล"แถลงรวบอาวุธปืน"เอ็ม 79 พร้อมกระสุน 1 นัด"เตรียมพร้อมยิงซ้ำ ขณะเกิดเหตุชุลมุนแยก"คอกวัว" ผบช.น.เชื่อเป็น"มือที่ 3 " เข้าแทรกแซงสถานการณ์ ยิงถล่มม็อบแดง-จนท.ทหาร ระบุ โชคดีที่สายสืบเข้าแย่งไว้ได้จาก " ชายชุดดำสวมหมวกไหมพรม "
นครบาล-เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 10 เม.ย.พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันแถลงผลตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล 1 จับกุมอาวุธปืนเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอกและเครื่องกระสุนปืน 1 นัดบริเวณแยกคอกวัวจุดที่มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ทหารเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา
--------------------
ยิงเอ็ม79ถล่มศาลรธน. ทหารได้รับบาดเจ็บ1
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันนี้ (13 เม.ย.) ได้เกิดเหตุคนร้าย ยิงปืน เอ็ม 79 เข้าไปภายในศาลรัฐธรรมนูญ ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร จำนวน 3 ลูก ส่งผลให้มีทหารรักษาการณ์ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
------------------
ผู้ก่อการร้าย ถล่ม เอ็ม 79 ศาลาแดง สีลม ตายแล้ว 3 เจ็บ 75 โคม่ากว่า 10 ราย
วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนย่านสีลม รวมถึงพนักงานห้างร้านต่างๆ และคนที่สัญจรไปมาผ่านสีลมได้มารวมตัวกันประมาณ 1,000 คน อยู่บริเวณใกล้เคียงรถไฟฟ้าใต้ดินสีลม หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยต่างโบกธงชาติพร้อมทั้งตะโกนขับไล่ และด่าทอกลุ่มเสื้อแดงเป็นระยะ
DSIจับลูกน้องเสธ.แดงโยงยิงBTS
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษDSI เผยรวบตัวอดีตทหารพราน อายุ29ปี มือยิงM79เข้าใส่รถไฟฟ้าBTSและกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อหลากสี
ที่บริเวณแยกศาลาแดง ชุดสืบสวนสะกดรอยดีเอสไอได้จับกุมตัว นายเจมส์ สิงห์สิทธิ์ อายุ29ปี อดีตทหารพราน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีก่อการร้าย ทั้งนี้ นายเจมส์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.น้ำคำ อ.เมือง จ. ศรีสะเกษ เคยเป็นอดีตทหารพราน ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงได้เข้าร่วมเป็นการ์ด นปช. อยู่ในกลุ่มที่ทำงานใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และจากการสืบสวนสอบสวนมีข้อมูลระบุว่านายเจมส์ เป็นหนึ่งในมือยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่รถไฟฟ้าและกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อหลากสีที่แยกศาลาแดง
------------
14 พฤษภาคม 2553
เเดงยิง M79ที่ แยกศาลาแดง 14-5-53

--------------
เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 18 พ.ค. 2553 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ธนาคารนครหลวงไทย ใกล้แยกราชปรารภ ตรงข้ามโรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค ต่อมาเจ้าหน้าที่ระดมดับเพลิง จนเวลาประมาณ 23.00 น.เพลิงก็ได้สงบลง
เวลา 01.30 น. วันที่ 19 พ.ค. 2553 ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณหน้าภัตตาคารจันทร์เพ็ญ ซอยงามดูพลี ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย คือ นายธวัช ฉวีวัฒน์ อายุ 54 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่หลัง นายสนธยา ไชยชมพู อายุ 27 ปี ถูกระเบิดบริเวณขาขวา ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเลิดสิน นายบุญยืน เรืองเถื่อน อายุ 46 ปี และนายพายุ พาสะโก อายุ 23 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 ระหว่างปฐมพยาบาล เจ้าหน้าที่พบลูกแก้วและหนังสติ๊กอยู่ในตัวนายสนธยา เจ้าหน้าที่พยายามขอเก็บไว้ แต่นายสนธยาไม่ยอม จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามปาระเบิดปิงปองใส่ทหาร ระหว่างนั้นมีระเบิด ซึ่งคาดว่าจะเป็นเอ็ม 79 ยิงมาจากสวนลุมพินีตกใส่กลุ่มผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 4 คน
--------------
24 พ.ย. 53 - ที่รัฐสภา พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการจับกุมตัว นายวัลลภ พิธีพรม พร้อมพวก รวม 5 คน ในคดียิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ในสถานที่ต่างๆ ในระหว่างที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า เชื่อว่าจะมีโอกาสสาวไปถึงตัวผู้บงการและผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่นๆ ซึ่งการที่ผู้ต้องหารับสารภาพ เพราะจำนนต่อหลักฐาน หลังจากนี้ จะส่งเรื่องไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อไป แต่ในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบสวนหาพยานหลักฐานไปพลางๆ ก่อน ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการจับกุมผู้ต้องหาได้มากขึ้นในช่วงเวลานี้ เป็นผลมาจากการทำงานอย่างเป็นระบบของตำรวจ ทั้งภูธรภาค 5 ภาค 1 และนครบาล เมื่อถามว่า จากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ชุดนี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดก่อนหน้านี้ เช่น สมานเมตตาแมนชั่น จ.นนทบุรี หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร ตอบว่า ยอมรับว่ามีความเชื่อมโยง แต่ต้องสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงในคดีก่อการร้ายใช่หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า “ใช่ครับ” เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมีกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ต้องติดตามจับกุมอีกจำนวนเท่าไหร่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ยังมีอีกพอสมควรที่ต้องติดตามจับกุม
----------

ศอฉ.สรุปยอดยิงเอ็ม 79 ตั้งแต่ 13-17 พ.ค. จำนวน 56 นัด
กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) – ผู้สื่อข่าวรายงาน ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้มีการแจกจ่ายเอกสารสรุปการใช้อาวุธ เอ็ม 79 ที่ใช้ในการยิงประชาชเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 13 -17 พ.ค.รวมทั้งสิ้น 56 นัด โดยแบ่งเป็น
วันที่ 13 พ.ค. เวลา 19.25 น. เกิดเหตุระเบิดเอ็ม 79 บริเวณแยกศาลาแดง จำนวน 2 นัด
วันที่ 14 พ.ค. จำนวน 21 นัด เวลา 18.45 น.เกิดเหตุระเบิดเอ็ม 79 จากบริเวณ แยกศาลาแดงจำนวน 8 นัด เวลา 19.50 น. บริเวณ บ่อนไก่ ถนนพระรามสี่ จำนวน 3 นัด เวลา 20.20 น. บริเวณ บ่อนไก่ ถนนราชปรารภ สี่แยกประตูน้ำ จำนวน 4 นัด เวลา 22.05 น.บริเวณแอร์พอร์ตลิงค์ จำนวน 4 นัด เวลา 22.50 น. ตกหน้าแนวทหาร ม.พัน. 5 บ่อนไก่ 1 นัด เวลา 23.15 น. บริเวณ แยกสามเหลี่ยมดินแดง 1 นัด
วันที่ 15 พ.ค. จำนวนทั้งสิ้น 19 นัด เวลา 05.15 น. ตกบริเวณหน้าแนวทหาร ม.พัน 5 หน้าสนามมวยลุมพินี จำนวน 1 นัด เวลา 16.40 น. เหตุระเบิดเอ็ม 79 ตกทางด่วนพระรามสี่ มาที่สนามมวยลุมพินีจำนวน 10 นัด เวลา 17.05 น. เหตุระเบิดเอ็ม 79 จากทางลงด่วนพระรามสี่ จำนวน 15 นัด เวลา 17.45 น.ตกหน้าแฟลต 5 สน.ลุมพินี จำนวน 1 นัด เวลา 18.45 น. ตกหน้า สน.ลุมพินี 1 นัด และสวมลุมพินีอีก 1 นัด
วันที่ 16 พ.ค. เวลา 17.00 น.ตกบริเวณบ่อนไก่ จำนวน 5 นัด
วันที่ 17 พ.ค. เวลา 00.30 น.ตกที่หน้าโรงแรมดุสิตธานี 1 นัด และอาคารอื้อจือเหลียงจำนวน 3 นัด เวลา 19.35 น.เหตุระเบิดเอ็ม 79 บริเวณใต้ทางด่วนพระรามสี่จำนวน 4 นัด 21.30 น.ตกใต้ทางด่วนพระรามสี่ อีก 2 นัด

5 วัน 56 นัด

จุดนี้สำคัญที่สุด >>>> ไม่มีอาวุธ






ไม่มีคนที่มีความสามารถในการใช้อาวุธ





“เสธ.แดง” คลั่งรุนแรง สติแตกพล่ามไม่เลิก นำทหารพรานติดอาวุธพร้อมรบ ร่วมชุมนุมเสื้อแดง ปากดีเตือนกองทัพอย่านำกำลังเผชิญหน้าไม่เช่นนั้นอาจเกิดสงครามกลางเมือง อ้างทหารพรานเหล่านี้ต้องการออกมาสู้เพื่อตอบแทนบุญคุณ “จิ๋ว-นช.แม้ว” ขณะที่ โฆษก กอ.รมน.เหน็บ “เสธ.แดง” นำทหารพรานเพ่นพ่านกลางเมือง สมควรหรือไม่อยู่ที่จิตสำนึก ด้าน “ป๊อก” ปิดปาก ไม่กำชับอะไรพิเศษ

วันนี้ (2 ธ.ค.) พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ระบุว่า เตรียมกองกำลังทหารพรานค่ายปักธงชัย สปก.315 ที่เคยเป็นของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย รวมตัวปกป้องกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย เรียกตนไปพบ เพราะขณะนี้ทหารพรานค่ายปักธงชัยที่ถูกยุบกำลังรวมตัวออกมาเป็น 1,000 คน และขณะนี้มีการเตรียมอาวุธหนักพร้อมรบ เพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความเป็นธรรมเกิดสองมาตรฐาน ซึ่งตอนที่พันธมิตรฯ ออกไปชุมนุมกันที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งปิดล้อมท่าอากาศสุวรรณภูมิและดอนเมือง แต่เห็นมีทหารออกไปปราบปราม แต่พอกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะออกมาล้อมทำเนียบรัฐบาล อย่างเหตุการณ์ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางทหารกลับออกมาปราบปรามใช้อาวุธปืนยิงใส่ ทั้งที่ทหารพรานเหล่านี้ต้องการแค่ออกมาแฝงเป็นการ์ดคนเสื้อแดงเท่านั้น โดยเวลามีการชุมนุมคนเสื้อแดง ทหารพรานเหล่านี้ก็จะเข้าไปแฝงตัว ดังนั้นจึงขอเตือนว่า ทหารอย่าออกมาช่วงนี้ เพราะจะถูกทหารพรานที่มีอาวุธพร้อมรบติดมือมาด้วย อาจทำให้เกิดสงครามกลางเมืองได้ ที่สำคัญ ทหารพรานเหล่านี้ใช้อาร์พีจีเก่งกว่าทหารหลัก

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวอีกว่า การที่ พล.อ.พัลลภ เรียกตนไปพบ เพราะต้องการไปเคลียร์ว่าอย่าเพิ่งให้ทหารพรานเข้ามา ปล่อยให้เป็นการต่อสู้กันเองของรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งนี้ การที่ทหารพรานนี้ออกมาเป็นเพราะ พล.อ.ชวลิต เป็นคนตั้งค่ายนี้ขึ้นมา เมื่อ พล.อ.ชวลิต ลงเล่นการเมืองเขาจึงอยากจะออกมา และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีบุญคุณขึ้นเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงให้

“ผมพยายามบอกทหารว่าอย่าออกมา แต่กลับมีคนมาด่าว่าผม และหาเรื่องปลด ถอดยศ ทั้งที่ไม่มีความผิดด้านวินัย ตกลงกองทัพบกอยู่ใต้คำสั่งของนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หรือของใคร เพราะแค่เขาบอกให้สั่งสอบก็จะทำการสอบผมทันที หากปลดผมก็เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะไม่มีความผิดอะไร จะมาถอดยศผมได้อย่างไร คนที่ถอดยศผมได้มีเพียงพระองค์เดียว ผมมาปกป้องกองทัพ หากปลดผมระวังออกจากกองทัพไม่ได้” พล.ต.ขัตติยะ กล่าว

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า กองทัพเวลานี้เกรงทำนิ่งเฉยไม่สนใจปัญหาชายแดน ทั้งที่กองทัพทำให้เสียชายแดนเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งทหารกองกำลังภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา เขานำทหารกลับไปฉลองชัยชนะที่สามารถยึดดินแดนไทยได้ และทำถนนลาดปูนอย่างดี โดยมีสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นประธานที่ อ.เสียมราฐ กัมพูชา ซึ่งบริเวณนั้นไทยไม่สามารถเดินทางข้ามเข้าไปได้แล้ว ขณะนี้ขอท้าว่าทหารไปลาดตระเวนถนนนั้นได้หรือไม่ เวลานี้ตนอายแทนกองทัพ ที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต และ พล.อ.พัลลภ ถูกหาว่าขายชาติ แต่เวลานี้กองทัพภายใต้อำมาตยาธิปไตย กำลังทำให้คนไทยสิ้นชาติ ความจริงสมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่ต้องการทะเลาะกับคนไทย แต่เขาไม่พอใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ไปดูถูกเขาว่าเป็นคนต่ำต้อย

ด้าน พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุว่าศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) วิเคราะห์อาจมีการก่อวินาศกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า เป็นการพูดกันไว้ก่อน ซึ่งเมื่อวันขึ้นปีใหม่ 2550 ก็เคยเกิดเหตุการณ์ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด รวมถึงหลังปีใหม่กลุ่มคนเสื้อแดงก็จะชุมนุมอีกครั้ง ดังนั้น รองนายกฯอาจจะพูดในลักษณะป้องปรามไว้ก่อน ซึ่งเป็นการยกตัวอย่างไม่ให้เจ้าหน้าที่ประมาท ทั้งนี้ ในทุกเทศกาลตำรวจตรวจเข้มข้นกว่าปกติ เพราะประชาชนจำนวนมากออกเที่ยวสถานที่ต่างๆ ก็ต้องระวัง

เมื่อถามว่า สถานการณ์ช่วงปีใหม่น่าเป็นห่วงหรือไม่ พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า ใช่ เพราะเราไม่รู้ใครเป็นใคร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น แต่หน่วยงานด้านการข่าวยังไม่พบว่าจะมีเหตุอะไรรุนแรง เมื่อถามว่า เกรงว่ามือที่สามจะก่อเหตุวุ่นวายหรือไม่ พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า เหมือนกับสองคนทะเลาะกันอยู่ แล้วมีอีกคนมาจากไหนไม่รู้ เข้ามาเขกหัวคนที่ทะเลาะกันแล้วหนีไป ทำให้สองคนยิ่งระแวงทะเลาะกันหนักขึ้น เราเป็นห่วงคนที่มาเขกหัวแล้วหนีไปมากกว่า เพราะไม่สามารถจับมือใครดมได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ ทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ ทั้งนี้ หลังยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคง เจ้าหน้าที่ก็ติดตามและเฝ้าระวังข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ไม่ได้กำชับอะไรพิเศษ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่ามีกำลังทหารพรานกว่า 1,000 คน เป็นแนวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า คงไม่มีอะไรเป็นการเปิดแนวร่วมฝ่ายเขา แต่กองกำลังทหารพรานปัจจุบันอยู่ในระเบียบวินัย มีผู้บังคับบัญชาทำความเข้าใจตลอดเวลาถึงผลตอบแทนที่ได้รับทุกคนเหมือนกัน ผู้บังคับบัญชาทำความเข้าใจอยู่แล้ว อย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือกลุ่มคนปลุกกระแสสร้างความเข้าใจผิด จนเกิดความแตกแยกในกองทัพ ทั้งนี้ สิ่งที่ พล.ต.ขัตติยะ ทำเป็นเรื่องของจิตสำนึกแต่ละคน เราเข้าใจกันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร

หากจะอ้างว่า ทหารพราน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การ์ด นปช. โดยอ้างบทสัมภาษของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่พูดว่าไม่มีทหารพรานในผู้ชุมนม นั้น ในความจริงแล้ว ทหารพราน ถือว่าเป็น อาสาสมัคร ที่สามารถจะลาออก ปลดออก ไล่ออกจากราชการเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การ ลาออก ปลดออก ไล่ออก นั้น ไม่สามารถจะละลายความสามารถในการ รบ การใช้อาวุธ ออกจากตัวเองไอ้อย่างเด็ดขาด

มาตัวเปล่า(พร้อมความสามารถในการสังหาร)+ อาวุธจัดหามาบางส่วน ที่เหลือหาเอาข้างหน้า = กองกำลังติดอาวุธ

มีเงินท่วมหัว...แต่หาความสุขไม่ได้...นายใหญ่...รู้ดี

คิดถึงคำพูดนี้ครับ

จะใครยิงก็แล้วแต่... แต่งานนี้ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ผิด ไม่ผิดที่ใช้ทหาร แต่ผิดที่ปล่อยมีการนำกระสุนจริงไปใช้ในการปราบปรามต่างหาก ผู้นำควรจะมีการวางแผนให้รัดกุมกว่านี้ หากเป็นไปได้ผมก็อยากจะเห็นคุณอภิสิทธิ์ขอโทษญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บในคราวนั้น งานนี้มันเกี่ยวที่ความเป็นลูกผู้ชาย

มันมองได้สองแง่นะครับ
ลองมองแง่ผมมั่งนะ

1 กรณี 10 เมษา ทุกคนที่ตาย ตายจากอะไร
ทหาร 5 มวลชนอีก 10 กว่า.......ทั้งหมดมาจากคำสั่งใช้กระสุนจริงหรือเปล่า
และทั้งหมดที่ตาย ตายจากทหารยิงหรือ ใคร ยิง

2 เมื่อเกิดความสูญเสียในกรณี 10 เมษา ถ้าคุณเป็นอภิสิทธิ์ จะให้ทำอย่างไร
- รู้ทั้งรู้ว่าทักษิณไม่ต้องการปรองดอง วันที่เจรจาออกทีวีแล้วกำลังจะตกลงกันได้ ใครโทรเข้ามาแล้วจตุพรล้มโต๊ะ
- คุณสั่งทหารออกไปตาย แล้วเรื่องไม่จบ คุณจะจบได้หรือ เกิดคุณยอมทหารยึดอำนาจอีก ประเทศจะเป็นอย่างไร
- ที่สำคัญ เสื้อแดงสูญเสียแล้วกลับฮึกเหิม อันนี้มันมนุษย์หรือ ได้ศพมาทีก็เฮที

3 หลังจากนั้น ความรุนแรงลดลงใหม เสื้อแดงสำนึกใหมว่าชีวิตมวลชนต้องสูญเสีย

4 จนถึง 19 พค. มีความรุนแรงเกิดขึ้นเท่าไหร่ ถ้านับตั้งแต่ปีใหม่มา M79 ถล่มไปกี่ร้อยลูก คุณได้ตามข่าวหรือไม่

5 อภิสิทธิ์ควรขอโทษใครครับ
- ทหารที่ออกมาทำหน้าที่แล้วตายไปเกือบสิบ เจ็บอีกร่วมครึ่งพัน
- คนกรุงเทพ ที่โดนเสื้อแดงข่มขืนใจสองเดือนกว่า
- คนที่ทรัพย์สินสูญเสีย กิจการล้มระเนระนาด ราชประสงค์สยามสแควร์ อนุสาวรีย์ชัย....
พวกนี้ควรต้องเดือดร้อนจากการชุมนุมหรือครับ

6 อภิสิทธิ์ไม่ยอมขอโทษเสื้อแดง ได้สส. ในกรุงเทพมาท่วมท้น
นึกหรือว่าขอโทษแล้วจะได้เสียงจาก 15.7 ล้านหรือ

7 ขอร้องเลย เก็บคำว่าลูกผู้ชายไปเลย ทักษิณและนปช. มันหน้าตัวเมียทั้งแก๊งค์
ลูกผู้ชายเขามีให้ลูกผู้ชายด้วยกันเท่านั้น

8 แกนนำไม่ตาย มวลชนตายเพราะทหารไป ไม่น่าจะถึง 10 คน
ถ้าอภิสิทธิ์ไม่ใช่ลูกผู้ชาย น่าจะตายระดับหลายพันศพที่สุภาพบุรุษหน้าตัวเมียมันทำกับพลเมืองไทยนะครับ

9 อย่าเอาคำว่าประชาชนมาใช้กับนปช. ครับ พวกนี้ไม่ใช่คน
แม้แต่ลูกสมุนชั้นสวะ ยังเอาเด็กมาล่อกระสุนได้