sorrow

รายงานตัวคร้าบบบบ

ดีใจฝุดๆ บอร์ดเปิดแล้วววววว
 

 

 

 

คสช. ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทุกท่านทราบว่า ในขณะนี้มีการเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน และข่าวลือต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีซึ่งมุ่งสร้างความสับสน ความเข้าใจผิด และความตื่นตระหนกในสังคม รวมทั้งมุ่งทำลายความเชื่อมั่นและความเข้าใจอันดีระหว่างพี่น้องประชาชนกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทั้งทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน 
ดังนั้น คสช. จึงขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านได้ติดตามข่าวสารที่ถูกต้องผ่านการแถลงหรือชี้แจงของทีมงานโฆษก คสช. ทางสื่อโทรทัศน์, สื่อวิทยุ, สื่อ facebook "กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย" หรือสื่ออื่นๆ ที่เชื่อถือได้
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนท่านใดมีข้อสงสัย หรือต้องการแจ้งข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับ คสช. ทราบ สามารถแจ้งได้ตามช่องทาง ดังนี้
1. โทร. 094-1286273 ถึง 9 และ 094-2349312 ถึง 4
2. อีเมล์ : ncpo.2014@gmail.com
จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
……

ที่มา: https://www.facebook...ntainingCommand

ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงาน คสช.แต่งตั้งที่ปรึกษา7คน: พล.อ.ประวิตร-พล.อ.อนุพงษ์-มรว.ปรีดิยาธร-สมคิด-ณรงค์ชัย-วิษณุ-ยงยุทธ ยุทธวงศ์

27/05/2014 - 19:19 น.

http://www.thaipbs.or.th/

 

แล้วไง ยังไม่มีประกาศจากคสช เลย ขนาดโทรไปถามแล้ว

ทางปลายสายก็ยืนยันว่า ต้องมีประกาศออกมาก่อน ถึงจะเชื่อได้

จะเอาอย่างไรกันอีก จะเชื่อสื่อ หรือจะเชื่อทาง คสช

 

ผมเข้าใจว่า เขายังไม่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เขาถึงยังไม่ตอบ แต่สื่อข่าวเขารู้มาอย่างไม่เป็นทางการ

 

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถือว่าเป็นการคาดเดา (speculation) ของสื่อครับ

ในสถานการณ์สงครามข่าวสารแบบนี้ ถ้าไม่มีการประกาศเป็นทางการก็ยังไม่สามารถนับเป็นข่าวที่เชื่อถือได้ครับ

มีเนชั่นเครือเดียวที่บอกว่าได้ข่าวมา เพิ่งฟังเมื่อกี๊ แต่ยังไม่เห็นประกาศไม่เชื่อค่ะ

ซ้ำยังบอกทีมคลังมี หม่อมอุ๋ย กับ วีรพงษ์ รามากูรอะไรเนี่ย 2 คนนี้เค้าเข้ากันได้หรือคะ งง

มีคนอื่นๆ ที่ฝีมือสูงส่งกว่าสองคนนี้อยู่อีกไม่น้อยนะครับ

แล้วเรื่อง ภาษีนิติบุคคล 20 % ถาวรล่ะครับ คิดเห็นกันยังไงครับ ?

ผมว่าบ้านเรามีแนวทางหาเงินมากกว่าที่จะมาง้อกับนักลงทุนเพียงอย่างเดียว

เช่นการท่องเที่ยว อาหาร สินค้าเกษตร สนับสนุนให้ถูกจุดจะได้ไม่ต้องไปง้อนักลงทุนมาก

ถ้าอยากจะสนับสนุนนักลงทุนก็ไปปรับทาง boi ให้มันดึงดูดแทนที่จะมานั้งลดกรอบภาษี

แนวคิดแบบที่ว่ามาไม่รู้ว่าเคยเป็นใหญ่ได้โดยจับฉลากรึเปล่า

ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนว่า สนับสนุนคนรวยแล้วมารีดเอากับคนจนชัดๆ

 

ถ้าเป็นผมนะ จะกลับไปใช้ฐานภาษีแบบเดิม[สูงสุด 37%] คงvat 7% ไปก่อนจนกว่าเศรษฐกิจจะเข้าที่

แล้วจะเพิ่มค่าต่างๆที่หักภาษีได้ตามที่ GOD_satan เขียนไว้ก็น่าสนใจแต่ผมคงต้องจำกัด

ว่าต้องรายได้ไม่เกิน 300000 บาทเท่านั้นเพราะสูงกว่านี้ผมถือว่ารายได้เยอะแล้วน่าจะมีจ่าย

แล้วก็จะหาแหล่งเงินทางอื่นเข้ามาแทน 

ภาษีนิติบุคคลนี่ก็เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งนะครับ ถึงเวลาทำบัญชีจะคิดภาษีจากกำไรก็ตาม

หลายประเทศในอาเซียนเก็บภาษีนิติบุคคลในอัตราต่ำกว่าร้อยละ 30 ที่บ้านเราเก็บกันอยู่เดิม

ต้นทุนรวมๆ ของบริษัทฯ ในประเทศพวกนี้มักจะถูกกว่าของเรา

ผมมองว่าภาษีนิติบุคคลที่ไม่แพงเกินไปนี่จะช่วยให้เราแข่งขันกับธุรกิจแบบเดียวกันจากประเทศอื่นได้ง่ายขึ้น

ฝันร้าย ฝันดีไม่รู้ ภาคจบมาแว้วว

 

ตีเหล็กต้องตีตอนนี้หละ ตีตอนร้อน ๆๆๆ

 

ด้วยระบบภาษีปัจจุบันนั้น ล้าหลัง ขาดความเป็นธรรมกับมนุษย์เงินเดือนอย่างมาก 

คนกินเงินเดือนหักค่าใช้จ่ายได้น้อย และต้องเสียภาษีเต็มที่ แต่ผู้ประกอบการหลายรายสามารถเลี่ยงภาษีได้

เพราะเงินได้ไม่อยู่ในข่ายต้องหัก ณ ที่จ่าย ทำให้แจ้งเงินได้ไม่ครบ หรือเลี่ยงภาษีได้ 

กรรมจึงตกกับชนชั้นกลางที่ต้องเสียเต็ม ๆ อีกทั้ง ระบบภาษีไม่สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพและเศรษฐกิจในขณะปัจจุบันด้วยเช่น

 

1.หักค่าใช้จ่ายรายปีได้ไม่เกิน 60000 บาท 

ไม่ว่าจะหามาได้เท่าไหร่ กรมสรรพากรให้ใช้ได้เท่านี้ 

และใช้อัตรานี้มาเกิน 20 ปีแล้ว ปัจจุบันควรเพิ่มค่าใช้จ่ายส่วนนี้

ตามรายได้ที่เขาหามาได้ และจำกัดเพดานให้สูงขึ้นเช่น 300,000 บาทต่อปี

 

2.ค่าเลี้ยงดูบุตร ก็เช่นกัน ให้เลี้ยงได้แค่ 17000 บาท/ปี 

ใช้ตัวเลขนี้มา 20 ปีแล้วเช่นกัน เอาปีละ 50000 บาทก็ยังดี

 

3.ค่าเลี้ยงดูบุพพการี ให้ได้แค่ 30000 บาท/ปี ทั้งที่คนอายุมาก

มีโรคภัยไข้เจ็บตั้งเยอะแยะ เอาปีละ 60000 บาท

 

4.ค่าเลี้ยงดูภรรยา อันนี้ควรปรับเลย อันนี้ตัวกินเงินเลย 

เอาไปเลยปีละ 100000 กรณีที่ไม่มีรายได้ แต่ถ้ามีรายได้ ไม่ให้เอามาหัก

 

5.ค่าเล่าเรียน รัฐพยายามบอกว่าปัจจุบันการเรียนมันฟรี ถ้ามั่นใจเช่นนั้น 

อย่าให้มีการหักลดภาษีส่วนนี้เลย แต่ในความเป็นจริง ทุกโรงเรียนหาช่องว่าง

ในการเก็บเงินจากผู้ปกครองเทอมนึงร่วมหมื่นถึงหลานหมื่น 

รัฐควรเข้าไปจัดการว่าจะเอายังไงกับระบบการศึกษา

 

โดนใจ ใช่เลยครับ ขอแถมไว้ตรงนี้ด้วย

ข้อ 1. หักค่าใช้จ่ายไม่เกิน 60,000 บาท (เท่ากับใช้เดือนละไม่เกิน 5,000 บาท!) นี่ใช้กันมานานจริงๆ ถ้าจะเพิ่มให้เป็น 120,000 บาท ก็เพิ่มไปเลย ไม่ต้องมาใช้ใบกำกับภาษี เงิน 120,000 บาท นี่ ถ้าคิดร้อยละ 40 ของเงินได้พึงประเมิน ก็เท่ากับมีเงินได้ฯ ปีละ 300,000 บาท หรือเดือนละ 25,000 บาทเท่านั้น

ข้อ 4. สรรพากรบังคับให้ผู้หญิงไทยที่มีลูกมีผัวต้องออกไปทำงานครับ ถ้าอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน หักค่าใช้จ่ายไม่ได้ สามีจะหักลดหย่อนได้อีก 30,000 บาท หรือตกเดือนละ 2,500 บาทเท่านั้น

เรื่อง LTF & RMF มนุษย์เงินเดือนไม่ได้มี providence fund กันทุกคนนะครับ หลายๆ คนที่ซื้อกองทุนพวกนี้ ได้ประโยชน์จากการออมเงินด้วย ผมว่ายังไม่ควรเลิก แถมยังน่าจะส่งเสริมให้คนออมเงินไว้สำหรับชีวิตหลังเกษียณให้มากขึ้นด้วย

กว่าจะมาถึงร้านใหม่ ใปตั้ง 7  หน้าแว้ววววว

ลงชื่ออ่านครบแล้ว

ฝากไว้ 2 รูป ก่อนไปเจอกันที่ร้านใหม่

ออกไปเต้นแร้งเต้นกาต้านรัฐประหารนี่ คงไม่รู้ตัวว่านอกจากเป็นภาระให้คนที่เขามาเก็บกวาดบ้านเมืองให้สะอาดแล้ว ยังเป็นเบี้ยราคาถูกให้ตระกูลชั่วใช้สร้างความวุ่นวายตามแผนของมันด้วย รู้จักใครที่จะไปห้ามได้ ก็ห้ามเถอะครับ

ข้อมูลจาก

https://www.facebook...201064054643110

Anthony Cartalucci

WARNING - BEWARE OF SHINAWATRA'S SNIPERS!!!

The most important thing for the West and their ousted proxy Shinawatra regime is to make sure the bloodless coup does NOT remain bloodless. They have US State Department-funded organizations fielding a small mob in the street they are trying to use to provoke the army.

I would seriously be on the look out for the MYSTERY GUNMEN - these are snipers hired by Shinawatra & Co. that will start shooting at people on both sides to trigger a bloodbath. They used them in Thailand in 2010, and the West has used them around the world during the "Arab Spring" and the Nazi-led "Euromaiden."

BEWARE! If you are a useful idiot filling the ranks of Shinawatra's "anti-coup" mob - realize your life is in danger by the very people you are supporting.

Link บทความของ Tony Cartalucci เกี่ยวกับแผนชั่วที่ว่า

ที่คุณคิดว่าเก่งจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่ในภาคปฏิบัติเก่งจริงๆ ลองลิสกันเล่นๆ ครับ ทั้งเรื่อง เศรษฐกิจ การเมือง การเงินการคลัง การต่างประเทศ พานิชย์ ฯลฯ

 

ใจผมอยากได้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาทำงาน และอีกหลายๆ คน 

เห็นต่างเรื่อง ดร. สมคิด ฝีไม้ลายมือนั้นยังห่างจากที่สร้างภาพให้ตัวเองไว้มาก ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นแบบไหนลองนึกถึง "ไม้บรรทัดงอ"

ลองลบ cookies ทั้งหมดดูก่อนครับ

อีกอย่างลองดู link ของกระทู้ ว่ามีอะไรยาวเกินนี้ไหม

http://webboard.seri...วงคืน/page-1380

/page-1380 จะบอกว่าไปหน้า 1380 (หรือหน้าอื่นๆ ตามเลขหน้า) ถ้าไม่มีตรงนี้จะไปหน้าแรกของกระทู้

ถ้ามีมากกว่านี้ให้ลองลบส่วนที่เกินออกไป

ประยุทธ์แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการแยกตัวเขาเองออกจากการขัดแย้ง เขาตั้งตัวเองเป็นคนกลางประสานการเจรจาเท่านั้น จากพฤติกรรมนี้มีความเป็นไปได้ว่าถ้าสถานการณ์บีบบังคับให้เขาต้องเป็นผู้ตัดสินฟันธงเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ประยุทธ์มีแนวโน้มที่จะเลือกเข้าข้างหลักการและความถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองในอนาคต แม้จะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการก็ตาม

แมงดาโลกล้านปี อ่าน พรบ. กฎอัยการศึกหรือยัง

http://webboard.seri...ม/#entry1174343

 

อย่างเก่งก็ดีแต่เห่าแบบนี้ ไอ้จาตุรนต์ ไอ้คอมเก่า

 

คอมเก่า ไม่ยอมอัพเกรด... รุ่นไหนหรือครับ สงสัย CPU 80486

 

ใหม่เกินไปครับ ระดับไอ้อ๋อยต้อง Z80

ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าอาจารย์โคทมควรกลับไปสอนวิชาไฟฟ้าจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่า

มาบัดนี้ต้องคุกเข่าโขกศรีษะสามครา ขอขมาลาโทษที่จำเป็นต้องล่วงเกิน

เพราะคงต้องเชิญอาจารย์ไปทำปุ๋ยเสียแล้ว

อาจมีปัญหาทางกฎหมาย คือนักวิชาการท้วงว่ากองทัพประกาศกฎอัยการศึกได้เฉพาะบางพื้นที่ เช่นในสามจังหวัดภาคใต้

แต่การประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศนั้น เกินอำนาจของกองทัพ เป็นอำนาจของรัฐบาล

ดังนั้นที่ประกาศออกไปแล้วนั้น น่าจะเป็นโมฆะ เพราะเกินอำนาจหน้าที่

สรุปง่ายๆ (ตามที่ผมเข้าใจ) 

ถ้าเขมรบุก กองทัพอาจประกาศกฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนที่เกิดเหตุปะทะได้

หรือถ้ากรุงเทพฯเกิดจลาจล ทหารอาจประกาศกฎอัยการศึกในเขตกรุงเทพได้

แต่การประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศ ต้องทำโดยรัฐบาล กองทัพไม่มีอำนาจ

มโนเอาเองนี่หว่า มีตรงไหนใน พรบ. กฎอัยการศึกที่ให้อำนาจรัฐบาล เคยอ่านเองหรือเปล่า

http://www.ratchakit.../2457/A/388.PDF

เอาไปอ่านซะให้พอ มาตรา 4 เมื่อมีการสงครามหรือจลาจลขึ้น ณ แห่งใด ให้ผู้บัญชาการทหาร ณที่แห่งนั้น ซึ่งมีกองกำลังใต้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหาร มีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก เฉพาะเขตอำนาจหน้าที่ของกองทหารนั้นได้ แต่ต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด

แถมอีก link ครับ อันนี้จัดหน้าอีกแบบหนึ่ง น่าจะอ่านง่ายขึ้น

http://www.library.c...a/A2-01-001.pdf

 

อาจมีปัญหาทางกฎหมาย คือนักวิชาการท้วงว่ากองทัพประกาศกฎอัยการศึกได้เฉพาะบางพื้นที่ เช่นในสามจังหวัดภาคใต้

แต่การประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศนั้น เกินอำนาจของกองทัพ เป็นอำนาจของรัฐบาล

ดังนั้นที่ประกาศออกไปแล้วนั้น น่าจะเป็นโมฆะ เพราะเกินอำนาจหน้าที่

 

 

สรุปง่ายๆ (ตามที่ผมเข้าใจ) 

ถ้าเขมรบุก กองทัพอาจประกาศกฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนที่เกิดเหตุปะทะได้

หรือถ้ากรุงเทพฯเกิดจลาจล ทหารอาจประกาศกฎอัยการศึกในเขตกรุงเทพได้

แต่การประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศ ต้องทำโดยรัฐบาล กองทัพไม่มีอำนาจ

 

ไม่ต้องมโนครับ

 

เรื่องกฏอัยการศึกนี่ ตราขึ้นในสมัย ร.6 (พ.ศ.2450) ครับ

สมัยนั้นมีรัฐบาลแล้วหรือครับ ถึงได้มีกฏหมา บอกว่ารัฐบาลมีสิทธิ์แบบนั้น

 

อ่านเยอะๆนะครับ

สื่อเอามาลงเยอะแยะ

เดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็นสัตว์ไถนาสมองไม่มีวิวัฒนาการนะครับ

เตือนด้วยความหวังดีนะฮะ

   

 

 

 

ไอ้นีคงไม่ได้เป็นสัตว์ไถนาสมองไม่มีวิวัฒนาการหรอกครับ น่าจะเป็นแมงดาโลกล้านปีมากกว่า เพราะชื่อโลจิ้นมันน่าจะมาจากชื่อ

Arctinurus boltoni ที่เป็นแมงสามหยิบ (Trilobite) ชนิดหนึ่ง