Jump to content


Photo
- - - - -

สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ


  • Please log in to reply
564 ความเห็นในกระทู้นี้

#101 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:08

มาฟัง เฉยๆ :)
แต่หากน้าเปิ้ลอยากได้อะไรเพิ่มเติม ก็บอกมา
ไอ้สากกะเบือเนี่ย ถึงจะปากหมานอย่างไร ถ้าเจอผมก็หางจุกตูด ไม่ว่าจะในบอร์ด หรือ ชีวิตมันจริงๆ


ลุงชดเล่าเรื่องเด็กสวนเข้าป่าหน่อยดิ
หมอมิงค์อยู่เขตงานใหนหว่า

ไอ้นี่คือคนที่ดึงเด็กสวนรุ่น 6 ตุลา 19 มาเลียตรีนนายทุน
แล้วก็เลยต้องสร้างทฤษฎีเปลี่ยนผ่านว่า จากนายทุนจะกลายเป็นสังคมนิยม....ฮา
ไอ้เด็กพวกนี้ เหมือนลูกกำพร้า พอป่าแตก หาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้

จากอนุบาลคอมมิวนิสต์ กลายพันธุ์ไปเป็นนายทุนน้อยซะงั้น.....

#102 pigazzo

pigazzo

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 52 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:20

เห็นหน้าแล้วรู้สึกว่า คนคนนี้น่าอายที่เกิดมาในประเทศนี้แล้วเป็นอาจารย์สอนในมหาลัยฯ อีก

#103 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:07


มาฟัง เฉยๆ :)
แต่หากน้าเปิ้ลอยากได้อะไรเพิ่มเติม ก็บอกมา
ไอ้สากกะเบือเนี่ย ถึงจะปากหมานอย่างไร ถ้าเจอผมก็หางจุกตูด ไม่ว่าจะในบอร์ด หรือ ชีวิตมันจริงๆ


ลุงชดเล่าเรื่องเด็กสวนเข้าป่าหน่อยดิ
หมอมิงค์อยู่เขตงานใหนหว่า

ไอ้นี่คือคนที่ดึงเด็กสวนรุ่น 6 ตุลา 19 มาเลียตรีนนายทุน
แล้วก็เลยต้องสร้างทฤษฎีเปลี่ยนผ่านว่า จากนายทุนจะกลายเป็นสังคมนิยม....ฮา
ไอ้เด็กพวกนี้ เหมือนลูกกำพร้า พอป่าแตก หาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้

จากอนุบาลคอมมิวนิสต์ กลายพันธุ์ไปเป็นนายทุนน้อยซะงั้น.....


มันเป็นไปได้หรอครับ? แล้วประชานิยมนี่ถือเป็นสังคมนิยมหรือเปล่า?
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#104 naichod

naichod

    ?

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,476 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:27

*
POPULAR

ฮี่ๆๆๆๆ

สมัยนู้นนะ

ยัยเหงี่ยม กะ ผม ต้องมานั่งโรเนียวแจกใบปลิว

ยัยเหงี่ยมมันถนัดพิมพ์ ผมถนัดโรเนียว กับ วาดรูปประกอบ

ไอ้ที่วาดรูปประกอบนั่นแหละที่มันแพง เพราะมันโรเนียวไม่ได้ มันต้องถ่ายเอกสาร ต้องไปถ่ายแถวหลังกระทรวงโน่น มันจะถูกหน่อย อีกอย่างลูกเจ้าของร้าน ก็เรียนแถวนั้นแหละ

ทำงานกันอยู่ มีไอ้ตี๋เกรียนคนหนึ่งหัวโตๆ ผมตั้งๆเหมือนไม้กวาด ใส่เชิ๊ตสีขาวๆอมเหลืองสกปรก มาด้อมๆมองๆ

"พี่ครับ ผมจะมาสมัครอาสาช่วยครับ"

ยัยเหงี่ยมมันรับเอาไว้ บอกว่า เอาไว้ให้มันวิ่งไปถ่ายเอกสาร ซื้อโอเลี้ยง ซื้อถั่วตัด และ ตบกระโหลกเล่น ยามพวกเราเซ็ง

ทุกวันนี้ มันก็คือ ไอ้สากกะเบือ นั่นแหละ น้าเปิ้ล


ทุกวัน ผมไม่รู้นะว่ามันกินอะไร แต่สงสัยว่ามันกินแมงโม้มากไปหน่อย ชอบคุยว่าเป็นพวกคอมฯ คอมฯห่านอะไร เด็กวิ่งโอเลี้ยงล่ะไม่ว่า

เคยเห็นมันพ่นแมงโม้อยู่หอประชุมเก่ากะเด็กๆรุ่นลูก

พอมันเห็นผม เท่านั้นแหละ เดินหนีเลย เำพราะเสือกโม้กะเด็ก ว่าอยู่ ภูพาน เขตงาน 5

(แม่มมีซะที่ไหนล่ะ เขตงาน 5)



ไอ้ถ่อยนี่ เจอจังหน้าที่ไหน หากไม่มีควายเป็นฝูงๆล้อม ก้มหน้าหนีผมงุดๆ

เคยเจอกันหน้าบอร์ดเก่านี่ หลายปีแระ หายหัวไปเลย

ตี๋วิ่งโอเลี้ยงเนี่ยนะ

......................เด็กรุ่นหลังชื่นชมกันจัง อยากจะบอกว่า ขนาดคอมฯตัวพ่อ ยังเคยประกาศเลยว่า สิ่งที่ในหลวงวางรากฐานไว้่ให้เกษตรกรไทยน่ะ นั่นล่ะคือสิ่งที่ประชาชนจะลืมตาอ้าปากได้


.......................ใครก็ได้ที่บอกว่าเก่งทางลีทธิหรือระบอบสังคมนิยม ลองมองให้ลึกๆสิ

ในหลวงท่านน่ะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ทำให้ดู แล้วผลก็ออกมาให้เห็นจริง

คอมฯจริงๆในสมัยโน้น ทุกคนรักในหลวงหมด ยกเว้น พวกคอมฯแอบอ้างแบบไอ้ตี๋ส่งโอเลี้ยงนั่นแหละ
Nul plus que nous. À moins que nous sommes à genoux à la sienne.No one higher than us. Unless we kneel to his own.

#105 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:28

เอามาโพสให้ดูครับว่ามันไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรเลย มีแต่ความเกลียดชังมีแต่อคติ

Posted Image
(ขอถอนคำแช่งแล้วกัน อโหสิกรรมวันพระ)

Edited by ดราม่า, 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 22:43.

"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#106 คลำปม

คลำปม

    สลิ่มเต็มขั้นจ้า

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,657 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:15

เอามาโพสให้ดูครับว่ามันไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรเลย มีแต่ความเกลียดชังมีแต่อคติ

Posted Image
ขอให้มันตายเร็วๆด้วยมะเร็งยิ่งเร็วยิ่งดี


เนี่ยผมถึงว่ามันกากเกรียนไปวันๆไม่เป็นโล้เป็นพายจนผมไม่ค่อยได้สนใจติดตามบทความมันเลย

มันต้านเจ้าด้วยแนวทางขี้อิจฉาในหลวงยังไงพิกล

ความจริงถ้าจะต่อต้านระบอบกษัตริย์
(ซึ่งตั้งแต่ ร.7สละราชบัลลังก์ก็ไม่มีระบอบนั้นแล้ว แต่คนไทยยังรักและศรัทธาในหลวงจากพระราชกรณียกิจที่เราพิสูจน์ได้)

มันน่าจะหาหลักการ เหตุผลดีๆมาอธิบายทางวิชาการได้ไม่ยาก
งานวิชาการถ้าไม่ใช้อคติ ผมว่ามันก็มองข้อดีข้อด้อยได้หลายมุมอยู่แล้วนะครับ

แต่นี่มันมาจ้องจะอิจฉา กระแนะกระแหน ระบอบที่ไม่มีอยู่แล้วชาตินี้มันจะไปทำอะไรได้สำเร็จ
ผมว่ามันก็กากเกรียนไปจนตายแหละ

แล้วตกลงว่านายผี กับปรีดีนี่มันก็ไม่นับถือหรือครับ
เวรกรรมสงสัยเราจะเจอกับพวกตัวเองดีวิเศษสุดขอบโลกอยู่คนเดียว
เก่งขนาดด่าพ่อล่อแม่ตัวเองโชว์เก๋าได้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ

วิธีการยุติระบอบทักษิณ

ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"


#107 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:19

Posted Image
http://www.facebook....&type=1


ไอ้สมศักดิ์ เจียมฯ มันโรคจิตอย่างหนึ่งคือยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าใครลดตัวไปโต้ตอบกับมันแล้วคำตอบไม่ตรงกับที่มันต้องการ มันจะแปลว่าเราไม่มีตรรกะ และจะโดนข้อหาคลั่งทันที -*-


ลองเข้าไปดูมันโต้ตอบในกระทู้สิครับ เจียมฯเลือกโต้กับคนที่ไม่ได้ศึกษาเรื่อง สนงฯทรัพย์สินอย่างจริงจัง แล้วก็ไปสับเขาละเอียด(ก็โทษเขาไม่ได้นะก็คนไม่เคยอ่านมาก่อน) แต่พอเจ้าของกระทู้มา และท่าทางว่าเขาจะรู้จริงรู้ลึก มันเผ่นหายทันที่....

ผมดูหลายทีแล้ว มันชอบโต้กับคนที่มันคิดว่าได้เปรียบกว่า

(รอรุ่นใหญ่มาสับสมศักดิ์ เจียมฯต่อครับ ส่วนผมลงไปลุยขี้เอาไอ้เจียมฯมาให้สับ)


ขอมูลเรื่องที่ดิน สนงทรัพย์สินไม่เห็นจะปิดลับตรงไหน เขาก็รู้กันวงกว้างตั้งนานนมแล้ว
http://www.gotomanag...s.aspx?id=31530

Edited by ดราม่า, 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:22.

"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#108 คลำปม

คลำปม

    สลิ่มเต็มขั้นจ้า

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,657 posts

ตอบ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:36

*
POPULAR

อีกนิดนะครับ

ส่วนตัวผมเชื่อว่าสมศักดิ์คงเข้ามาอ่านบอร์ดนี้แหละ

ผมขอถามคุณอย่างสุภาพไม่ใช้อารมณ์
ถามคุณ 2-3 ข้อขอให้คุณตอบอย่างตรงไปตรงมาจะที่นี่หรือที่โน่นก็ตามสะดวกนะครับ


1.คุณรู้สึกยังไงครับที่ไม่ว่าคุณจะตั้งข้อสงสัย กล่าวหาพระองค์ท่านในเรื่องราวใดๆ
พระองค์ท่านไม่เคยถือสา หรือกระทั่งโต้แย้งคุณเลย
บางปีพระองค์ยังตรัสว่า "คิงก็ทำผิดได้" ด้วยซ้ำ

ในชีวิตคุณเคยตามจิกกัดใครมานับ 10 ปีแล้วเขาไม่ถือสาหาความคุณขนาดนี้ไหม?

2.คุณเคยเห็นสุนัขปัสสาวะใส่ภูเขาทองไหมครับ
ภูเขาทองก็ไม่สะดุ้งสะเทือนหรือสึกกร่อน
แต่สุนัขตัวนั้นก็ประกาศศักดาขับของเสียเรี่ยราด เห่าหอนประกาศขอบเขตของมันอยู่มุมโน้นมุมนี้
ชาวบ้านเขารำคาญนักก็เอาน้ำร้อนราดเสียทีนึง

เรื่องนี้ มรว.คึกฤทธิ์เคยเปรียบเทียบไว้กับคนที่เป็นพวกชอบติติง ผู้มีคุณธรรม ไม่ถือสา ไม่ตอบโต้
แต่พวกนี้ไม่กล้าไปติติงพวกที่ตอบโต้เอาเรื่องหรอกครับ

เช่นลองไปด่าว่าทักษิณหนักๆหน่อย ไปเจอคนเสื้อแดงจับกลุ่มกันเผลอๆถูกกระทืบตาย
คุณว่าจริงไหม?

3.คุณไม่ชอบอะไรในหลวงครับ
ในหลวงทำอะไรให้คุณทุกข์ใจหรือ?
โปรดชี้แจง

ขอฝากถาม 3 ข้อเพียงนี้ก่อนครับ

วิธีการยุติระบอบทักษิณ

ก็แค่เพียงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ "ฉลาด"


#109 Huligan

Huligan

    ดาวพยศนภา

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,880 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:11

Posted Image


แล้วไอ่ Nithiwat มันเคยมาลองดีเบตในนี้มั้ย? หรือว่ามันเก่งแต่นินทาในบอร์ดควายแดงด้วยกัน?
*แต่ผมเชื่อว่ามันคงลองเข้ามาบ้างแล้ว(โดยอาจใช้ชื่อเป็นอย่างอื่น) แต่คงโดนต้อน(ควาย)จนไปไม่เป็น เลยต้องลงไปเห่าในรู...เหมือนไอ้หงอกนั่นแหละ <_<

*เสียดายเมื่อก่อน ตอนที่ไอ้หงอกมันยังพ่นอยู่ในบอร์ดหมาลัยเที่ยงคืน หรือบอร์ดฟ้าเดียวกัน(ช่วงก่อนปี 2550) ยังไม่เคยมีคนที่แม่นด้านกฎหมายและตรรกะ(เช่นท่านแอมป์ฯหรือ อ.บวร) เข้าไปจับมันแก้ผ้าโชว์(แบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้) ไม่งั้นผมคงตาสว่างเร็วกว่านี้ B)

Edited by Huligan, 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:12.

ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้*สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง แต่สิ่งที่มองเห็นได้นั้นน่าเชื่อถือมากกว่า*

#110 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 01:07

มาดูความรู้แบบครึ่งสุกครึ่งดิบของสมศักดิ์ต่อ
ไอ้เจ๊กเนรคุณคนนี้ กระแนะกระแหนเปรมในเรื่องประวัติศาสตร์อังกฤษ โดยที่ตัวมันเองก็รู้ไม่จริง
มันยกคำของป๋ามาดังนี้

ทุกคนต้องรู้จักมิสเตอร์วินสตัน เชอร์ชิล เป็นนายกฯของอังกฤษ สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มาที่ไปก็คล้ายๆ กับคุณสุรยุทธ คือไม่ได้เป็นผู้แทนราษฎร แต่ถูกเชิญมาเพราะควีนเห็นว่าเหมาะสม คุณเชอร์ชิลพูดเรื่องเสียสละ ที่แสดงให้เห็นว่าจำเป็นต้องเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง นายกฯสุรยุทธก็เหมือนกัน คล้ายกับเชอร์ชิล มาเป็นนายกฯโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เพื่อชาติบ้านเมือง

แล้วมันก็บอกว่าป๋าสอบตก....เหอๆๆๆๆๆ ยังกับว่ามันสอบผ่าน
http://somsakwork.blogspot.com/

ความรู้ประวัติศาสตร์อังกฤษของเปรม อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า “สอบตก” เพราะความจริง เชอร์ชิล ได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎรเป็นเวลานานติดต่อกันถึง 40 ปี รวมทั้งในระหว่างสงครามโลก(13) มิหนำซ้ำ ขณะที่เขาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น อังกฤษมีกษัตริย์ (คิง) เป็นประมุข ไม่ใช่ราชินี (ควีน) คือ พระเจ้าจอร์ชที่หก แต่การที่เปรมแสดงความรู้น้อยเรื่องประวัติศาสตร์อังกฤษนี้ เพราะเขาอาจจะมัวแต่กำลังนึกถึงปัจจุบันของอังกฤษ (“ควีน” เป็นประมุข) แล้วเลยนึกไปถึงปัจจุบันของไทยกรณีการตั้งรัฐบาลรัฐประหาร ใช่หรือไม่?
---------------
(13) ดูประวัติเชอร์เชิลจากเว็บไซต์ “หอจดหมายเหตุเชอร์ชิล” (Churchill Archive) ที่เป็นทางการ ที่นี่ http://www.chu.cam.a..._chronology.php
เขาได้รับเลือกตั้งเป็น สส.ของเขต Epping ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Essex ตลอดช่วง 1924 ถึง 1945 (ซึ่งครอบคลุมช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรียามสงคราม ระหว่าง 1940 ถึง 1945) หลังจากนั้น ก็เป็น สส.เขต Woodford จากปี 1945 ถึง 1964 (เรียกได้ว่าจนถึงแก่กรรม เขาตายเมื่อ 24 มกราคม 1965) ช่วงเป็น สส.เขต Woodford นี้ เขาได้เป็น นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ระหว่าง 1950-1955

แล้วเรื่องจริงๆ มันเป็นอย่างไร
ตอบว่าป๋าทั้งผิดและทั้งถูก มันเองก็ทั้งผิดและทั้งถูก
ในส่วนของป๋านั้น อาจจะจำอะไรตกหล่น คือเรื่องเชอร์ชิลไม่ได้เป็นสส. กับตอนนั้นอังกฤษมีคิง ไม่ใช่ควีน

โธ่ถัง ท่านจะเก้าสิบอยู่แล้วนะตอนที่พูดเรื่องนี้ ความรู้ที่มี ก็มาจากสมัยรับราชการ ซึ่งนายทหารทุกคนจะต้องเรียนประวัติเชอร์ชิล เพราะเชอร์ชิลแม้จะนำอังกฤษรบชนะฮิตเลอร์ แต่ก็เคยนำทัพพ่ายแพ้ยับเยินต่อเติ๊ร์กที่ยุทธการ Gallipoli หมายความว่า รัฐบุรุษคนนี้ เป็นแม่ทัพด้วย

และข้อเท็จจริงที่สมศักดิ์อาจจะไม่รู้ก็คือ ตลอดทศวรรษ 1930' เชอร์ชิลแม้จะเป็นสส. แต่ก็เหมือนไม่ได้เป็น เพราะตั้งแต่แพ้สงคราม มีการสอบสวนถึงสาเหตุ เชอรชิลในฐานะผู้บังคับบัญชาขณะนั้น โดนลดชั้นทางการเมือง แม้ว่ามีชื่อในพรรค ก็ไม่มีงานทำ อย่างที่วิกิเขาสรุปว่า
Out of office and politically "in the wilderness" during the 1930s, Churchill took the lead in warning about Nazi Germany and in campaigning for rearmament.

การที่รัฐบาลเลือกเชอร์ชิลกลับมาเป็นนายกจึงเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจมาก แต่มันก็มีสองเหตุผลที่รองรับ
1 ระหว่างที่ต้องเข้าเงียบ เชอร์ชิลเดินสายด่าฮิตเลอร์อย่างเปิดเผย ซึ่งขัดแย้งกับท่าทีของเชมเบอเลน นายกขณะนั้นจากพรรคเดียวกัน ที่อ่อนข้อให้เยอรมันอย่างถึงที่สุด จนกระทั่งเยอรมันยึดครองโปแลนด์ จึงจำใจประกาศสงคราม
2 เชมเบอเลนรู้ตัวว่า เป็นนายกในยามสงครามไม่ไหว เพราะตัวเองเป็นสายพิราบ แต่อังกฤษต้องมีรัฐบาลแห่งชาติ เขาจึงต้องเชิญเชอร์ชิลกลับมา...แน่นอนก็ต้องในนามของพระเจ้าจอร์ชที่ 6 ตรงนี้ป๋าจึงเล่าไม่ผิด แต่คงลืมไปว่าขณะนั้นมีควีนปกครอง

โดยข้อใหญ่ใจความแล้ว ป๋าไม่ได้เล่าถูกต้องตามประวัติศาสตร์เป๊ะๆ แต่โครงเรื่องนั้นเป็นความจริง
คือเชอร์ชิล ว่างงาน(แต่เป็นสส.อยู่ ผมไม่รู้ว่าเลือกตั้งปีใหนอย่างไร ถึงเป็นต่อเนื่องได้อย่างนั้น) ถูกเชิญเข้ามาเป็นนายกถือว่าเป็นการเสียสละจริง เพราะอังกฤษรบแพ้เยอรมันจนต้องหนีตายกลับมาจากฝรั่งเศส ทหารสามแสนสามเกือบจะถูกทำลายที่ชายหาดเมืองดันเคิร์ก เชอร์ชิลใช้การปราศัยทางวิทยุปลุกเร้าชาวอังกฤษให้เอาเรือทุกลำที่ใช้การได้ ข้ามฟากไปขนย้ายทหารกลับมาจนสำเร็จ

และที่ตลกก็คือ พอรบชนะ มีการเลือกตั้ง วีระบุรุษสงครามอย่างเชอร์ชิล ก็ตกเก้าอี้ เพราะพลเมืองอังกฤษรู้ว่า เอาคนนี้มาบริหารยามสงบ อังกฤษคงจะแย่

ดังนั้น เราก็คงเข้าใจได้ว่า ที่ป๋าพูดถึงสุรยุทธ์โดยเปรียบกับเชอร์ชิล ไม่ใช่เรื่องตอแหล ท่านเชื่อตามประวัติศาสตร์จริง แต่ท่านไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ขนาดต้องเล่าถูกต้องทุกเม็ด

เรื่องนี้ จึงแสดงความใจแคบของลูกเจ๊กเนรคุณคนนี้ได้อย่างชัดเจน



ปล
เรื่องสงคราม ต้องไปเชิญคุณอารยามา ขานั้นเหมือนห้องสมุดเดินได้
ผมเองเป็นแค่เด็กน้อยมายืมหนังสือ....ฮา

#111 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:33

ดันไว้
คุณแอมเป็นแค่เด็กน้อยมายืมหนังสือ
งั้นรุ้งเป็นเด็กจัดชั้นหนังสือ
อันไหนน่าสนใจ
เอามาไว้หน้าสุด

#112 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:42

*
POPULAR

ระหว่างรอคุณampมาถอนหงอก ขอนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ

Posted Image

Posted Image
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#113 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:50

คุณบวร กลับมาสับสมสักอีกรอบ

ช่วยๆกัน

อยากให้สำเร็จโทษซักที คราวนี้หวังผล

ไม่อยากให้เป็นเหมือนที่ผ่านมาค่ะ

#114 mr.cheepchai

mr.cheepchai

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 178 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:11

ได้หงอกนี้มันไม่น่ารอดตายจาก 6 ตุลา 19 นอกจากนี้ไม่ทราบว่า ธรรมศาสตร์ รับเป็นข้าราชการในสังกัดได้อย่างไร เพราะคุณสมบัติข้อหนึ่งในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 30 ระว่า จะต้อง "เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครอบระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ" แต่ไอ้นี่กลับทำตรงกันข้าม

พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535

มาตรา 30


ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังนี้
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี
3. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครอบระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ
4. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง
5. ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารหรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.พ.
6. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งให้พักราชการหรือถูกไล่ออกจากราชการไว้ก่อน ตาม
กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
7. ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม
8. ไม่เป็นกรรมการพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
9. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
10. ไม่เป็นผู้ต้องเคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเพราะกระทำความผิด
ทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุ
โทษ
11. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก จากรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่น
ของรัฐ
12. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือปลดออกเพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมาย ว่าด้วย
ระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
13. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก เพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
ข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
14. ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ

ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ซึ่งขาดคุณสมบัติ ตาม (7) (9) (10) หรือ (14) ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ ส่วนผู้ที่ขาดคุณสมบัติตาม (11) หรือ (12) ถ้าผู้นั้นได้ออกจางานหรือออกจากราชการไปเกินสองปีแล้วหรือผู้ที่ขาดคุณสมบัติตาม (13) ถ้าผู้นั้นได้ออกจากงานหรือออกจากราชการไปเกินสามปีแล้ว และมิใช่เป็นกรณีออกจากงานหรืออกจากราชการเพราะกระทำผิดในกรณีทุจริตต่อหน้าที่ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ มติของ ก.พ. ในการประชุมปรึกษายกเว้นเช่นนี้ ต้อได้คะแนนเสียงสี่ในห้าของจำนวนกรรมการในที่ประชุม การลงมติให้กระทำโดยการลับ
การขอยกเว้นและการพิจารณายกเว้นในกรณีที่ขาดคุณสมบัติทั่วไป ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.พ. วางไว้
ผู้ที่เป็นข้าราชการพลเรือนต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามวรรคหนึ่งตลอดเวลาที่รับราชการเว้นแต่คุณสมบัติตาม (6) หรือได้รับยกเว้นในกรณีขาดคุณสมบัติตามวรรคสอง

Edited by mr.cheepchai, 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:13.


#115 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:40

บอร์ดสะดุด ยาว

มีใครได้ไปถามอธิการบดีเรื่องขาดคุณสมบัติข้อนี้ รึยังคะ

#116 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:45

ม.ธรรมศาตร์ ปล่อยให้หนอนหนังสือ อยู่อาศัยมากจนเกินไป อยู่นานจนกลายร่างเป็น ปลวก เลยกัดกินที่อาศัยตนของเอง

แต่นิดนึง ผมไม่ชอบเลยครับ เอาข้อความพวกเขามาวิเคราะห์ มันเหรียญหลายด้าน แต่ด้านนึงที่กังวล การแตกประเด็นข้อผู้ที่ได้รับข้อมูลที่อาจมาจาก เขาเอามาบอกต่อ

#117 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:49

แต่นิดนึง ผมไม่ชอบเลยครับ เอาข้อความพวกเขามาวิเคราะห์ มันเหรียญหลายด้าน แต่ด้านนึงที่กังวล การแตกประเด็นข้อผู้ที่ได้รับข้อมูลที่อาจมาจาก เขาเอามาบอกต่อ


ผมไม่เข้าใจเลยภาษาคุณ

แปลหน่อยดิ

#118 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:54

คนที่นี่มีภูมิคุ้มกันดีค่ะ

เอามาแฉกันที่นี่ ไม่ใช่แค่ได้บอกต่อ แต่เป็นการระดมสมอง หาแนวทางสุดท้ายที่เชื้อโรคนี้ จะถูกทำให้จบไปเสียที

มันหลายปีและหลายหนมาก

ตอนนี้คนวงนอกที่ไม่เคยสนใจการเมืองมาก่อน

ก็ได้เห็นสิ่งที่สมสักพยายามแพร่เชื้อโรคออกไป

พวกแยกแยะได้ ก็เพิ่งได้เห็น

พวกแยกแยะไม่ได้ ไม่สนใจมานานแล้วค่ะ ถ่วงเวลาปล่าวๆ

ค่อยๆสืบสาวไปเรื่อยๆ

บางทีอาจเห็นอะไรที่นึกไม่ถึงมาก่อนก้ได้ นะคะ

อยากนึกเหมือนหนังสืบสวน ว่า ถ้าสมสักไม่เพี้ยนหมกมุ่นคุ้มคลั่ง ก็ต้องรับเงินใครซักคนมาทำแบบนี้

#119 Gregor Samsa

Gregor Samsa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 293 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:57

หลอกใช้คนอื่น
ปากกล้าขาสั่น
ขี้ขลาดตาขาว
ปั้นน้ำเป็นตัว
มักใหญ่ใฝ่สูง
แก่กะโหลกกะลา

สมเพชพวกนักศึกษาที่ชาบูหงอกเจียมฮะ ยังกะขี้ข้า อาจานว่าไรว่าตาม อาจานใช้ให้ทำไรก็ทำ ใครด่าอาจานก็คาบไปฟ้อง
วันนึงคงได้ติดคุกแทนอาจานนะฮะ
“One morning, as Gregor Samsa was waking up from anxious dreams, he discovered that he had been changed into an adorable kitten.” — Franz Kafka

#120 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:09

หลอกใช้คนอื่น
ปากกล้าขาสั่น
ขี้ขลาดตาขาว
ปั้นน้ำเป็นตัว
มักใหญ่ใฝ่สูง
แก่กะโหลกกะลา

สมเพชพวกนักศึกษาที่ชาบูหงอกเจียมฮะ ยังกะขี้ข้า อาจานว่าไรว่าตาม อาจานใช้ให้ทำไรก็ทำ ใครด่าอาจานก็คาบไปฟ้อง
วันนึงคงได้ติดคุกแทนอาจานนะฮะ

หลอกใช้คนอื่น
ปากกล้าขาสั่น
ขี้ขลาดตาขาว
ปั้นน้ำเป็นตัว
มักใหญ่ใฝ่สูง
แก่กะโหลกกะลา

สมเพชพวกนักศึกษาที่ชาบูหงอกเจียมฮะ ยังกะขี้ข้า อาจานว่าไรว่าตาม อาจานใช้ให้ทำไรก็ทำ ใครด่าอาจานก็คาบไปฟ้อง
วันนึงคงได้ติดคุกแทนอาจานนะฮะ


ได้แต่สงสารและสงสัยในลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลาย

ว่า

เหตุผลในการแยกแยะคนพาล คนบัณฑิต นี่ ไม่มีจริงๆหรือ

สมสัก ทำคุณอะไรแก่แผ่นดินบ้าง นอกจากพยายามเสนอขายไอเดียมั่วๆว่าต้องแนวนี้แบบนี้จึงจะเป็นปชต จึงจะ เป็นก้าวหน้า จึงจะเป็น.......

เป็นใครมาจากไหนมากะเกณฑ์ กรอบ อะไรให้คน

Edited by overtherainbow, 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:10.


#121 naichod

naichod

    ?

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,476 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:43

*
POPULAR

รอน้าเปิ้ลมาต่ออยู่ งั้นผมขออนุญาตต่อเรื่องเกร็ดของไอ้ตี๋ส่งโอเลี้ยงหน่อย

ไอ้นี่ชอบแอบอ้างเรื่องการเข้าป่ามาก ทั้งที่มันเองถูกจับอยู่ในกรุงนี่แหละ เพราะมันโง่ไง

ตอนนั้น อดีตคนสนิทของอ.คำตันก็ส่งคนมาบอกแล้วล่วงหน้่า 2 วันว่าให้หลบมาก่อน แต่มันก็แบบว่าทำเป็นเก่ง เก่งเกินคนอื่นๆด้วยก็เลยเกมไป กร๊ากกก

ยังมีหน้าเที่ยวคุยกะเด็กรุ่นหลังว่าเคยทำงานงั้นงี้ เข้าป่าไปอยู่เขตโน้นนี้ เพื่อนๆที่เข้าป่าด้วยกันก็ไม่อยากให้มันเสียหน้าเพราะอย่างน้อยมี***ตัวนึงไว้หลอกใช้ทำงานก็เลี้ยงไว้หน่อย

เคยคุยกะพี่จี๊ด พี่แว่น ไอดอลสองสาว(สมัยนั้น)ของผม เรื่อง จาบจ้วงสถาบัน แกก็บอกว่า ปล่อยมันไปชด ให้มันบ้าไปแบบนั้นแหละ


หากคนรุ่นนั้นยังจำกันได้ นักศึกษาที่เดินขบวนทุกครั้ง จะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสองพระองค์นำหน้า ครับ

ไอ้พวกระยำทำตัวเป็นคอมแบบเท่ๆสมัยนี้ มันคงไม่รู้หรือ โง่ดักดานจนโดนพวกเฮงซวยหลอกเล่า ล้างสมองผิดๆ จึงไม่รู้เรื่องอะไร


เราไม่เอาเผด็จการทหาร ทรราชย์ แต่เรารักสถาบัน เพราะสมัยนั้น ทหารเลวเรืองอำนาจและทำแต่เรื่องไม่ดีกับนายทุน



.........โดยเฉพาะ.............กลุ่มที่พวกควายแดงหลงบูชานักหนาว่าเป็นคอมตัวพ่อ สมัยนั้น ก็เดินถือพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสองพระองค์ดาหน้าหาทหารเลว ตำรวจชั่ว เพื่อหวังให้ทหารและตำรวจไม่ทำร้ายตนเอง ด้วยพระบารมีเพียงพระบรมฉายาลักษณ์

แล้วไหงมาปัจจุบัน จึงมาโมเมว่า คอมฯในอดีตไม่เอาสถาบัน

หลายคนไม่พอใจที่เล่นเรื่องนี้ โดยเฉพาะ ผรท.รุ่นแรก ไม่นับ ผรท.จอมปลอมที่สวมสิทธิคนตายมาเป็นลูกหลานแล้วมาขอเงินใช้จากป๋าเปรม

รายชื่อที่มีของ ผรท. ทั้งหมด มันก็มีตกหล่นไปบ้างเพราะทำกันหลายคนแล้วส่งให้ทางการ บางคนมีชื่อไม่มีสกุล ไม่มีบ้าน จะไปหาตัวที่ไหน สวมสิทธิกันเอิกเกริกเชียวว่าเป็น ผรท. ..........


คอมฯที่คนเข้าใจผิดมาตลอดก็คือ คุณคำตัน หรือ อาจารย์ (ผมไม่เรียกและพวกเราแท้ๆ ไม่มีใครเรียกกันเองว่า สหาย เราเรียกกันว่า คุณ ส่วนสหายนั้น มีแต่ในหนังหลอกเด็ก กะนิทานแบบไอ้หงอกเจียม) เรื่องนี้ ไว้ให้บ้านเมืองสงบๆนิ่งๆ ผมอาจเอานิทานมาเล่าสู่ แต่ท่านคือ ผู้เสียสลเพื่อประเทศชาติและมองการณ์ไกลอย่างหวังดีต่อประเทศมากๆ และมีส่วนในแนวคิด 66/23 อีกด้วย


ไอ้สมศักดิ์มันก็แค่พวกมีปมด้อยในส่วนลึก ไม่ได้มีอะไรที่มีคุณค่าต่อสังคมและตัวมันเองสักนิด แถมไม่มีค่าพอจะเป็นครูสอนคนได้ด้วย


...................
แนวคิดของพระองค์ท่าน กล่าวได้ว่า เป็นเอกอุและถือเป็นคดีศึกษาในแนวสังคมนิยมอย่างแท้จริง หากเจาะลึกลงไปตั้งแต่เรื่องสหกรณ์ การพลิกฟื้นป่า การผสมผสานการเกษตร ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ทำให้ชุมชนเข้มแข็งได้ด้วยตนเอง มีการจัดสรร แบ่งสรร อย่างเป็นสัดส่วน

วิถีพอเพียงคือสังคมนิยมแบบยั่งยืนและคือสุดยอดของทฟษฎีสังคมนิยมที่ปฏิบัติได้จริง บรรลุผลจริง

หากท่านประธานเหมายังอยู่และได้เห็นทุกอย่างของพระองค์ ผมมั่นใจเลยว่า ท่านประธานเหมาจะต้องชื่ชมพระองค์ท่านเป็นที่สุด

................................

คนไทยที่อ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ ผมว่ามันทั้งโง่ ทั้งน่าสมเพช ที่ไม่เคยทำความเข้าใจในระบอบ ระบบ หรือทฤษฎีที่ถูกเอามาปลกฝังแบบผิดๆ เอาแต่บูชาไอ้แม้วกะพวก โดยไม่รู้ตัวว่า กำลังบูชาซาตาน


พ่อของเราแท้ๆใกล้ตัวที่สุด "ให้" สิ่งที่ประเสริฐที่สุดแก่ลูกๆในแผ่นดิน แต่ลูกมันชั่ว โง่ เองที่ไม่เคยสนใจ ทำความเข้าใจ เอาแต่ไปหลงลมซาตาน

ไม่มีการปกครองใดในโลกที่ดี ไม่ว่าจะระบอบใด หากผู้นำเป็นซาตาน

ประเทศไทย แม้จะไม่มีผู้นำที่ดีนัก แต่เรามีพระประมุขที่เป็นเสาหลักแห่งวิทยาการที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีเสาหลักแห่งจริยธรรม
แต่คนไทยโชคร้ายนัก ที่น้อยคนจะเข้าใจ กลับไปกราบไหว้ซาตาน

Edited by naichod, 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:44.

Nul plus que nous. À moins que nous sommes à genoux à la sienne.No one higher than us. Unless we kneel to his own.

#122 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:31

*
POPULAR

โอ้....ลุงชด
เม้นท์นี้ขอติดดาวให้เลย

ถ้าจำไม่ผิด เติ้งเสี่ยวผิงเองก็ชื่นชมสถาบันของเรามาก
สมเด็จพระเทพก็แทบจะเป็นเจ้าหญิงจีนด้วยอีกตำแหน่ง

สำหรับคนที่ทำงานให้ประชาชนจริงๆ จะมีแต่ความรัก
ไม่มีความเคียดแค้น มีแต่การให้ ไม่มีการกอบโกย

แต่พอสังคมเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร ทุกอย่างจะกลับตาละปัตรหมด
ดูง่ายๆ ก็คือ หนังสือพิมพ์ต้องมาอ้างข้อมูลจากเว็บบอร์ด....อันนี้เรียกว่าฟายนะ
มันก็เลยเป็นช่องให้คนอย่างทักษิณผงาดขึ้นมาในการเมืองไทย

และทำให้คอมฯหลงยุค กลายเป็นหัวหอกประชาธิปไตยไปได้

ในแง่ของประชาธิปไตย สมศักดิ์แทบจะไม่เคยเสนออะไรที่เป็นประโยชน์ต่อมวลชนเลย
เขาท่องจำจากหยุดแสงอุทัยว่า สถาบันห้ามพูด เพราะไม่มีแอคเค้าท์อบิลิตี้.....หึหึ แปลเป็นไทยยังทำไม่เป็นเลย
ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ผิด เพราะหยุดรับใช้จอมพลป. และจอมพลป. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เหมือนปรีดี หรือพระยาพหล
ถ้าในหลวง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงตรัสสดไม่ได้ พวกนี้ก็พูดสดไม่ได้เหมือนกัน

แต่ที่จริงแล้ว ทั้งรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 ได้รับการโหวตเสียงในสภา
จึงทรงมาจากประชาชน เหมือนนายปรีดี นายแปลก หรือนายพจน์........ไม่ได้มีศักดิ์ศรีในรัฐธรรมนูญด้อยกว่ากันเลย





ฮา

#123 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:13

ไอ้เจียมฯหลอกเด็กด้วยทฤษฎีมั่วๆอีกแล้วครับ ถามพี่ที่แม่นประวัติศาสตร์ เป็นไปได้หรือที่ปรีดีจะจับมือกับจอมพล แปลก????

ใครรู้จัก ดร.คณิต ณ นคร ช่วยไปบอกหน่อยว่า



ที่ปรีดี ไม่กลับประเทศ ไม่เกี่ยวกับเรื่อง "เสียสละ เพื่อความสงบของบ้านเมือง" อะไรหรอกครับ



วันก่อน ผมเพิ่งเขียนไปหยกๆว่า ยังมีข้อมูลสำคัญบางเรื่องเกี่ยวกับปรีดี ที่เสียดายว่า ยังพูดไม่ได้



วันเดียวกับที่ผมเขียนไป ประชาชาติธุรกิจ ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ คณิต ณ นคร ที่พูดตอนหนึ่งว่า



............




ถาม : เคยพูดไว้ว่าคุณทักษิณคือชนวนหลักที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคม .....

คณิต : คือมนุษย์เรา ผมคิดว่าการเสียสละเรื่องใหญ่ ถ้าเราคิดถึงคนที่เกี่ยวข้องการเมืองในอดีต ทุกคนต้องนึกถึงท่านปรีดี พนมยงค์ ท่านเสียสละ อย่างนั้นทำได้ไหมล่ะ ท่านตายเมืองนอก ท่านกลับเข้ามาก็ไม่ต้องติดคุกนะ เพราะเรื่องต่าง ๆ เคลียร์หมดแล้ว แต่ท่านไม่ยอมเข้า เพราะถ้าเข้ามาอาจทำให้บ้านเมืองไม่สงบก็ได้ จนกระทั่งตาย ทำอย่างนี้ได้ไหม

..............

ความจริง "มุข" แบบนี้ ที่ยกปรีดีมาด่าทักษิณ มีคนพูดมาก่อน ถ้าจำไม่ผิด ประเวศ ก็เคย

ผมเองไม่เคยคิดจะเปรียบเทียบกรณีปรีดีกับทักษิณ ไม่ใช่เพราะผมเห็นว่า ใครดี ใครเลว (ปรีดี ดี ทักษิณ เลว หรือ กลับกัน) แต่เพราะมันมีรายละเอียดและปริบทที่ต่างกันเยอะ เปรียบเทียบกันไม่ได้

แต่เฉพาะกรณีปรีดี ไม่กลับบ้าน ผมอยากให้ใครช่วยไปบอก ดร.คณิต ว่า

(1) โดยความเป็นจริง 20 ปีแรก หลังกรณีสวรรคต 2489-2509 ปรีดี ไม่สามารถกลับเมืองไทยได้ เพราะมีความเสี่ยงเรื่องโดนจับ โดนเล่นงานทางกฎหมายจริงๆ (คดียังไม่หมดอายุความ) ตอนที่มีการพิพากษาประหารชีวิต ชิต บุศย์ เฉลียว คำพิพากษาของศาล ก็ตัดสินในลักษณะที่ว่า 3 คนนั้น ผิด ร่วมฆ่า ร.8 ตามการวงแผนของปรีดี (ทนายจำเลย ได้ประท้วงประเด็นนี้ด้วยว่า ไม่ถูกต้องที่ ดำเนินคดีและตัดสินในลักษณะกล่าวหาปรีดี ทั้งๆที่เจ้าตัว ไม่อยู่ ไม่สามารถมาปกป้องตัวเองได้)

อันที่จริง ในช่วงทศวรรษ 2490 ถ้าปรีดีกลับเข้ามา ไม่เพียงแต่เสี่ยงโดนเล่นงานทางกฎหมายเท่านั้น มีโอกาสจะถูกยิงทิ้งสูงมาก ดูจากการที่ หลังจากปรีดี กลับเข้ามาและล้มเหลวในการพยายามยึดอำนาจคืนด้วยอาวุธ ในกรณี "วังหลวง" ต้องหนีกลับออกไปอีก ลูกน้องปรีดีหลายคน ถูกจับไปยิงทิ้ง (เตียง, 4 อดีต รมต. ฯลฯ) ถ้าปรีดีเอง ไม่หนีออกนอกประเทศอีก มีหวังถูกยิงทิ้งแน่นอน

(2) ต่อให้ "มองข้าม" กรณี "วังหลวง" 2492 (ซึ่งความจริง เฉพาะกรณีนี้ ก็สะท้อนว่าที่ คณิต พูดแบบนั้น ไม่ถูกแล้ว) - ในช่วงปี 2500 ปรีดี ได้พยายามกลับเข้ามาจริงๆ อย่างสำคัญมากๆด้วย ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วว่า ตอนนั้น ปรีดีได้วางแผนร่วมมือกับ จอมพล ป จะกลับมารื้อฟื้นคดีสวรรคตขึ้นใหม่ และนี่เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ในที่สุด อเมริกา สฤษดิ์ และ พวกเครือข่ายเจ้า ร่วมมือกันทำรัฐประหารล้มจอมพล ป ลงไป (ดูบทความผมทีนี่http://prachatai.com...l/2010/10/31599 )


(3) ช่วงทศวรรษ 2500 ที่ปรีดีอยู่ในจีน จนถึงเดินทางไปพักในฝรั่งเศส ในปี 2513 นั้น ความจริง ปรีดี ได้ทำอะไรบางอย่าง ที่ถ้ามีการพูดเปิดเผยกันออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ไม่เพียง คณิต จะ "หน้าแตก" เทานั้น บรรดาคนรักเจ้า ที่ชอบอ้างปรีดี จะ "หนาว"

แต่นี่เป็นช่วงที่ผมบอกว่า มีข้อมูลบางอย่าง ทียังไม่สามารถพูดคุยกันอย่างเต็มที่ได้

ผมเองพอมีข้อมูลช่วงนี้อยุ่ แต่ทียังไม่พูด เพราะมันมีผลกระทบไปถึงครอบครัวปรีดีด้วย (ไมนับว่า ข้อมุลพวกนี้ ในทางกฎหมาย ยังมีข้อจำกัด ที่จะพูดเต็มที่)



(4) ถ้าจะบอกว่า มีอยุ่ช่วงเดียว ที่ปรีดี "อาจจะ" มีประเด็น "กลับได้ แต่ไม่กลับ" อย่างที่ คณิต ว่า ก็คือ ช่วงหลังจากปรีดี เดินทางไปอยู่ฝรังเศสแล้ว เพราะอย่างน้อย ช่วงนั้น คดีหมดอายุความแล้ว

แต่จริงๆ ตลอด 13 ปีทีปรีดีอยู่ในฝรั่งเศส (2513-2526) ข้อกล่าวหาที่ว่า เขามีส่วนในกรณีสวรรคต ก็ยังแพร่หลายอยู่ เพิ่งจะมา "จาง" ลงก่อนเขาตายเพียงปีเดียว ดังนั้น ถ้าปรีดี กลับมาในช่วงนี้ ก็ยังมีความเสี่ยง จะโดนเล่นงาน ถึงไมใช่ในทางกฎหมาย ก็ในทางอื่น

หลัง 14 ตุลา 2516 มีช่วงหนึง มีข่าวลือว่า ปรีดี อาจจะกลับมาเมืองไทย ปรากฏว่า ช่วงนั้น (ประมาณมิถุนายน 2517) มีหนังสือเกียวกับกรณีสวรรคต ออกมาหลายเล่ม โดยเฉพาะคือ หนังสือของพวกโปรเจ้า ชื่อ "กรณีสวรรคต 9 มิถุนายน 2489" ที่เขียนโดย สรรใจ แสงวิเชียร และ วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย ซึงใส่ความปรีดีว่า มีส่วนเกียวข้องกับกรณีสวรรคต (ไม่กล้ากล่าวหาตรงๆ แต่พูดเป็นนัยๆ)

ผมเคยเล่าเรื่องนี้ไปแล้วว่า มีการพูดๆกันในตอนนั้นว่า ที่พวกโปรเจ้า ออกหนังสือกรณีสวรรคตออกมา ก็เพราะกลัวข่าวลือที่ว่า ปรีดี อาจจะกลับเข้ามานี่แหละ (ดูบทความผม ที่นี่ โดยเฉพาะ 2 ย่อหน้าแรกhttp://somsakwork.bl.../blog-post.html )

พูดง่ายๆ แค่มีข่าวลือว่า ปรีดี อาจจะกลับเข้ามา พวกนิยมเจ้า ยังเดือดเนื้อร้อนใจเป็นการใหญ่ พยายาม "ดักคอ" ปรีดี ไม่ให้กลับ

ในสถานการณ์แบบนี้ ปรีดี จะกลับมาได้ยังไง?

กว่าที่ข้อกล่าวหาของพวกนิยมเจ้า ที่ว่า ปรีดี มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีสวรรคต จะ "จาง" ลงไป (ต้องนับว่า เป็นคุณูปการของคนอย่างคุณสุพจน์ ด่านตระกูล และตอนท้ายๆ ของ Sulak Sivaraksa ด้วย) ตอนนั้น ก็สายมากแล้ว คือ เพียงประมาณปีเดียว ก่อนปรีดีถึงแก่กรรม)


ศรุปแล้ว ดร.คณิต หรือใครก็ตาม ควรหยุดเล่น "มุข" ปรีดี ไม่กลับประเทศ เพราะ "เสียสละ เพื่อความสงบของบ้านเมือง" ได้แล้วครับ

กล่าวโดยรวมแล้ว พวกนิยมเจ้า พวกใกล้ชิดราชสำนักไทยนี่แหละ ที่ทำให้ปรีดีกลับไม่ได้



(เอามาจากเฟสบุ๊ค สมศักดิ์ เจียม)


"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#124 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:28

ถ้าจะร่วมมือกันดังสมศักดิ์พูด แสดงว่าได้พูดคุยเรื่องคาใจกันมาแล้ว ถ้างั้นหลังจอมพล ป. ลี้ภัยไปญี่ปุ่นจะเขียนจดหมายไปขออโหสิอีกทำไม?

ดุษฎีเล่าว่า "เมื่อ จอมพล ป. ถูกรัฐประหารและได้ไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นได้เขียนจดหมายเป็นการ์ดแข็งถึงปรีดี แต่เสียดายมากที่ตอนนี้ได้หายไปแล้วตอนที่จะย้ายจากจีนไปฝรั่งเศส โดยเขียนว่า ได้โปรด อโหสิกรรม"

"จอมพล ป.กับคุณพ่อนั้นเป็นเพื่อนร่วมดื่มน้ำสาบานกันเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 จึงทำให้ความผูกพันทั้งคู่ก็ยังมีอยู่"

ถามว่า "ปรีดี" เคยมีแนวคิดจะกลับมาเมืองไทยเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยอีกหรือไม่นั้น

ทายาทผู้นำคณะราษฎรส่ายหน้าก่อนตอบว่า "คุณ พ่อก็คงเห็นว่าเป็นการยากเพราะประเทศไทยอยู่ได้ต้องมีกำลังทหารอย่างแข็งแรง ดังนั้น คุณพ่อจึงมุ่งให้ความรู้เขียนหนังสือให้ความรู้ประชาธิปไตย"

ยิ่งหากให้สรุปถึงเหตุการณ์ที่ "รัฐบุรุษอาวุโส" เคยเสียใจที่สุดนั้น
http://www.konthaiusa.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%9B/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1-%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5/764-pridi.html


"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#125 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 15:42

ผมขอแย้งคณิตก่อน ที่บอกว่าปรีดีเสียสละไม่กลับประเทศน่ะ
ไม่จริงครับ

ปรีดีพยายามกลับเข้ามา 2 หน

หนแรกปลอมตัวเข้ามาก่อกบฎ ที่เรียกว่ากบฎวังหลวง
หนที่สองไม่ชัดเจน แต่ผมเชื่อว่า กบฎแมนฮัตตั้น คือความพยายามที่จะเอาตัวปรีดีกลับบ้านอย่างเท่ๆ ของพวกลูกน้องสายทหารเรือ

เดี๋ยวมาต่อด้วยการเอาหลักฐานทิ่มปากสมศักดิ์

#126 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:40

ระหว่างรอคุณamplepoorมาถอนหงอก อ่านเรื่องปฎิวัติคั่นเวลาก่อนครับ

คุณNAVARAT.C
ถ้าวิเคราะห์ด้วยใจเป็นกลางสักหน่อย ท่านจะเห็นว่าการที่สฤษดิ์กระทำการปฏิวัติโค่นล้มจอมพลป. มันเป็นไปตามเหตุตามควรของมันเองในเรื่องข้อขัดแย้งที่ลุกลามจากการขัดผลประโยชน์ ใช้เวลายาวนานที่จะพัฒนามาเป็นการขัดใจถึงขนาดอยู่ร่วมรัฐนาวาด้วยกันไม่ได้ ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างมีอาวุธ เหมือนคาวบอยที่คาดปืนเดินจ้องหน้าเข้าหากัน ยังไงๆก็ต้องเข้าระยะพอจะยิงกันได้แน่นอน และใครชักปืนไวกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ เหตุผลอื่นๆ ถ้าจะมีก็เป็นสาระรอง ไม่มีน้ำหนักเท่าปัญหาความขัดแย้งที่สะสมมานับสิบปีของ2บุคคล ซึ่งบุคคลที่3สร้างขึ้นตามกลยุทธแบ่งแยกและปกครอง ซึ่งในที่สุดก็ต้องเลือกอยู่ดีว่าจะเอาข้างไหนไว้
http://www.reurnthai...?topic=3438.210


"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#127 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:42

ตามอ่านอย่างตั้งใจ

ดีแล้วล่ะที่เรามีข่าวความเคลื่อนไหวของทั้งสอง ส หนึ่ง สุลัก กับ สมสัก

ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมให้ความรู้ค่ะ

#128 jairlinethai

jairlinethai

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 65 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:26

ได้หงอกนี้มันไม่น่ารอดตายจาก 6 ตุลา 19 นอกจากนี้ไม่ทราบว่า ธรรมศาสตร์ รับเป็นข้าราชการในสังกัดได้อย่างไร เพราะคุณสมบัติข้อหนึ่งในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 30 ระว่า จะต้อง "เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครอบระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ" แต่ไอ้นี่กลับทำตรงกันข้าม

พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535

มาตรา 30


ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังนี้
1. มีสัญชาติไทย
2. มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี
3. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครอบระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจ
4. ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง
5. ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารหรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.พ.
6. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งให้พักราชการหรือถูกไล่ออกจากราชการไว้ก่อน ตาม
กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
7. ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม
8. ไม่เป็นกรรมการพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
9. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
10. ไม่เป็นผู้ต้องเคยรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเพราะกระทำความผิด
ทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุ
โทษ
11. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก จากรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่น
ของรัฐ
12. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือปลดออกเพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมาย ว่าด้วย
ระเบียบข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
13. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก เพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
ข้าราชการพลเรือนหรือตามกฎหมายอื่น
14. ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ

ผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน ซึ่งขาดคุณสมบัติ ตาม (7) (9) (10) หรือ (14) ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ ส่วนผู้ที่ขาดคุณสมบัติตาม (11) หรือ (12) ถ้าผู้นั้นได้ออกจางานหรือออกจากราชการไปเกินสองปีแล้วหรือผู้ที่ขาดคุณสมบัติตาม (13) ถ้าผู้นั้นได้ออกจากงานหรือออกจากราชการไปเกินสามปีแล้ว และมิใช่เป็นกรณีออกจากงานหรืออกจากราชการเพราะกระทำผิดในกรณีทุจริตต่อหน้าที่ ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ มติของ ก.พ. ในการประชุมปรึกษายกเว้นเช่นนี้ ต้อได้คะแนนเสียงสี่ในห้าของจำนวนกรรมการในที่ประชุม การลงมติให้กระทำโดยการลับ
การขอยกเว้นและการพิจารณายกเว้นในกรณีที่ขาดคุณสมบัติทั่วไป ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.พ. วางไว้
ผู้ที่เป็นข้าราชการพลเรือนต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามวรรคหนึ่งตลอดเวลาที่รับราชการเว้นแต่คุณสมบัติตาม (6) หรือได้รับยกเว้นในกรณีขาดคุณสมบัติตามวรรคสอง



ตกลง หงอกเจียม มันทำผิดข้อบัญญัติของข้าราชการ ไม่ทราบว่า ถึงขั้นไล่ออกมั้ยครับ ถ้าถึงขั้นนั้น ทำไมไม่มีใครทำอะไรเลย?

จุดยืนของผม "ต่อต้านระบอบทักษิณ, เสื้อแดง, พวกล้มเจ้า ไม่เอาแป๊ะลิ้ม" 


#129 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:45

ดัน

#130 Huligan

Huligan

    ดาวพยศนภา

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,880 posts

ตอบ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:40

เอาบทความที่ไอ้หงอกแร้งทึ้ง มันเคยโพส สอพลอไอ้แม้ว ในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกันเมื่อราวๆ 3 ปีก่อน

คุณูปการทางประวัติศาสตร์ของทักษิณ

ผมเคยเขียนประเด็นนี้มาบ้างแล้วตั้งแต่ช่วงปี 2549 และโดยเฉพาะช่วงปี 2550 (ช่วงที่มีการประณามเปรมอย่างรุนแรงก่อนกรกฎาคม) เหตุการณ์ที่ผ่านมา 2-3 ปี ไม่ทำให้ผมเปลี่ยนความเห็นนี้ อันที่จริง ยิ่งทำให้ผมมั่นใจในการประเมินมากขึ้น

กล่าวคือ ผมเห็นว่า มองในแง่ประวัติศาสตร์ระยะยาวแล้ว การเปิดฉากโจมตี "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" (กรกฎาคม 2549) ของทักษิณ ที่พัฒนามาเป็นการโจมตี และเรียกร้องให้เปรม ลาออกในขณะนี้

เป็นคุณูปการสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่

ในทัศนะของนักศึกษาประวัติศาสตร์อย่างผม เห็นว่า นี่เป็นคุณูปการ และความสำเร็จใหญ่หลวง ที่ไม่มีปัญญาชน หรือ ขบวนการที่อ้างว่า ทำเพื่อ "ประชาชน" ในหลายปีมานี้ สามารถ "ทาบ"(match)ได้

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัว ผมเห็นเช่นกันว่าการ "เอาเปรมออก" ไม่สามารถเป็น "เป้าหมายรูปธรรม" ได้

เพราะเรื่องนี้ "ใหญ่หลวงเกินไป"
"นัยยะ" ของการวิพากษ์เปรม อย่างหนักหน่วง ในหลายวันมานี้ ได้ "เปิดพื้นที่" ทางวัฒนธรรมการเมือง ให้กับประชาธิปไตย เกินกว่าที่ใครจะคิดฝันได้แล้ว เพียงไม่กี่ปีที่แล้ว
แต่ผมเห็นว่า ถึงขั้น "เปรมออก" นั้น จะมีนัยยะสำคัญต่อ "establishment" (ขออภัย นึกคำดีๆภาษาไทยไม่ออก) ในระดับที่ พวกเขาไม่สามารถยอมให้เกิดขึ้นได้ และขณะนี้ ก็ไม่มีกำลังใด (ไม่ว่าของคนท่าน หรือของใคร) ที่เข้มแข็งพอจะทำให้เกิดขึ้นได้

ผมหวังว่า คุณทักษิณและแกนนำท่าน จะตระหนักในข้อนี้ และ "วางยุทธศาสตร์" การต่อสู้ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง


ภาคประชาชน ในมุมมองของไอ้หงอกนี่ คือได้โจมตีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ แค่นี้เอง?
แล้วคนไทยที่รักสถาบันฯ(ซึ่งมีเป็นล้าน ดูได้จากรายชื่อถวายพระพร)ไม่ใช่ประชาชนหรืองัยวะ?


*ที่จริงอายุมันก็รุ่นน้าๆผมได้ แต่ผมไม่จำเป็นต้องมีสัมมาคารวะกับพวกกุ๊ยสถุล แก่กะโหลกกะลาพวกนี้ว่ะ!

Edited by Huligan, 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:49.

ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้*สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง แต่สิ่งที่มองเห็นได้นั้นน่าเชื่อถือมากกว่า*

#131 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:00

อันนี้มีประเด็นมาถามนักกฏหมายครับ กฎหมายอเมริกาเน้นความถูกต้องของหลักฐานนั้นใช้ แต่ผมไม่เคยได้ยินว่ากฎหมายไทยใช้หลักนี้นะ

แต่ไอ้เจียมฯก็ออกลายมาเลียแม้วจนได้ :lol:

Posted Image

แต่ถ้าให้พูดตรงๆคือผมว่ากระบวนการเราถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เน้นว่ากฎหมายไทยนะครับ

Edited by ดราม่า, 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:09.

"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#132 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:15

เข้าไปอ่าน คดี Miranda จุดเริ่มหลักเกณฑ์การจับ-ควบคุม-แจ้งสิทธิ
http://www.212cafe.c...465671a1c000000
จะเข้าใจหลักที่เจียมฯพูดมากขึ้นครับ

แต่กฎหมายอเมริกาเป็นแบบคอมมอนลอว์ คำตัดสินของศาลสูงคดี Miranda จึงกลายมาเป็นกฎหมายที่ต้องทำตาม

ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ (อังกฤษ: Common law) เป็นกฎหมายซึ่งพัฒนาขึ้นโดยผู้พิพากษาผ่านทางการตัดสินคดีความของศาล และศาลชำนัญพิเศษอื่น ๆ มากกว่าผ่านทางพระราชบัญญัติของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือการดำเนินการของฝ่ายบริหาร


กฎหมายไทยเป็นแบบซีวิวลอว์ ซึ่งเราก็ตัดสินตามกฎหมายที่มีรองรับไว้แล้ว

ซีวิลลอว์ (อังกฤษ: civil law) เป็นระบบกฎหมายซึ่งได้รับอิทธิพลจากกฎหมายโรมัน ลักษณะพื้นฐานของซีวิลลอว์คือ เป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นระบบประมวล และมิได้ตัดสินตามแนวคำพิพากษาของศาล ระบบกฎหมายดังกล่าวจึงได้ยึดถือฝ่ายนิติบัญญัติเป็นบ่อเกิดหลักของกฎหมาย และระบบศาลมักจะใช้วิธีพิจารณาโดยระบบไต่สวน และศาลจะไม่ถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีก่อนๆ



สรุปไอ้เจียมฯมันก็ยอมรับแหละว่าทักษิณทำผิดกฎหมาย แต่มันก็รู้ว่าสาวกมันในเพจส่วนใหญ่เป็นแดงรักทักษิณ เลยต้องเอาใจสาวกหน่อย :lol:


ไอ้เจียมฯนี่นอกจากไม่ด่านักการเมืองแล้ว ยังเลียซะอีแน่ะ


(ข้อแก้เพิ่มตรงนี้นะครับ) ไอ้เจียมฯมันอ้างหลัก Miranda แต่ก็เป็นความโง่ของมันอย่างหนึ่งนะลองอ่านหลักของกฎหมายนี้ดู

"ผู้ใดก็ตามที่ถูกควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวน จะต้องได้รับการแจ้งโดยชัดแจ้งว่าตนเองมีสิทธิที่จะหารือกับทนายความ และอาจให้ ทนายความอยู่ด้วยกับตนเองขณะที่มีการสอบสวนเพื่อคุ้มครองสิทธิที่กล่าวไว้โดยละเอียด ในส่วนของการเตือนว่าจำเลยมีสิทธิที่จะอยู่นิ่งเฉย และสิ่งใดที่มีการกล่าวออกมา อาจสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานยันเขาได้ คำเตือนนี้ถือเป็นเรื่องเด็ดขาดก่อนมีการสอบสวน เพื่อให้บุคคลที่ถูกสอบสวนทราบถึงสิทธิของตนเองอย่างเต็มที่ เจ้าพนักงานไม่เพียงแต่ต้องแจ้งให้จำเลยทราบถึงสิทธิที่จะหารือกับทนายความเท่านั้น และในกรณีที่ปรากฏว่าเขาเป็นบุคคลยากไร้ ก็จะต้องมีการแต่งตั้งทนายความเพื่อแก้ต่างให้เขาด้วย



อ่านดูแล้วตอบให้ผมหายมึนหน่อยว่ามันเกี่ยวอะไรกับคดีทักษิณ????

เพราะหลักกฎหมายที่เจียมฯอ้างคือหลักการ การได้มาของหลักฐานที่ผิดกฎหมายนำใช้เอาผิดจำเลยไม่ได้

แต่หลักฐานที่เอาผิดแม้วคดีรัชดาทั้งหมดได้มาอย่างถูกกฎหมาย




ต่อไปนี้วิธีแถของเสื้อแดงคือ ทักษิณไม่ผิด - กระบวนการยุติธรรมต่างหากผิด :lol:

(คำว่ากระบวนการยุติธรรม ไอ้หงอมันจะกระแดใช้ภาษาฝรั่งทำไมฮะ มันดูเทห์มากนักหรอฮะ ผมสงสัย :unsure:)

Edited by ดราม่า, 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:07.

"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#133 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:32

ได้ความรู้มากมายครับ อิอิ

ต่อครับ ตอนนี้เริ่มรู้เรื่อง ผรท มากขึ้น

ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#134 yaijung1

yaijung1

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 580 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:38

ไม่ได้เข้ามาเป็นอาทิตย์เลย พลาดกระทู้เด็ดเลยเรา ที่สำคัญยังมีลุงชดกลับมาอีกด้วย ยินดีครับ ผมคิดว่าศิษย์เก่าหลาย ๆ ท่านคงยังอยู่วงเวียนอยู่ในนี้แต่ไม่ได้แสดงความเห็นเท่านั้นเอง ยังไงช่วยออกมาอบรมสั่งสอนให้เหล่าควายแดงที่เกิดใหม่ในเวบนี้ให้กระจ่างเสียทีเถอะครับ

#135 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:01

[font='lucida grande', ', tahoma, verdana, arial, sans-serif} ']

กล่าวโดยรวมแล้ว พวกนิยมเจ้า พวกใกล้ชิดราชสำนักไทยนี่แหละ ที่ทำให้ปรีดีกลับไม่ได้

[/font]

นี่คือทฤษฎีคิดไปเองของสมศักดิ์

สมศักดิ์ไม่เคยนิยามคำว่า"พวกนิยมเจ้า" ไว้เป็นหลักฐาน แต่ใช้การตีขลุมกล่าวหาเพื่อให้โยงถึงเจ้าให้ได้ แล้วในที่สุดก็ป้ายสีว่านายควงเป็นพวกนี้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพวกนี้ ...ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้ผล ถ้าคนอ่านโง่กว่าสมศักดิ์

ผมจะใช้คำของสมศักดิ์ ตบหน้าสมศักดิ์เองให้ดู

สมศักดิ์เองนั่นแหละ บอกไว้ว่าเหตุที่ปรีดีกลับไทยไม่ได้ เพราะกลัวตาย
แต่มันเติมความตอแหลเข้าไปว่า เพราะความร่วมมือกับฝ่ายนิยมเจ้ากับแปลก ที่กดดันไว้
คำถามทางประวัติศาสตร์ในที่นี้ จึงมีสองข้อ
1 ฝ่ายนิยมเจ้ามีจริงหรือไม่ ถ้ามี มีอำนาจมากจนแปลกต้องจับมือด้วยหรือ
2 มีหลักฐานหรือไม่ ที่แปลกและฝ่ายนิยมเจ้าเตรียมฆ่าปรีดี

ต่อจากคำถามสองข้อ ก็มาถึงความจริงหนึ่งข้อ...คือ
ปรีดีพยายามกลับเข้ามา แต่ล้มเหลว
ครั้งแรก เข้ามานำการกบฎวังหลวงด้วยตัวเอง...2492 พ่ายแพ้ยับเยิน
ครั้งที่สอง ทหารเรือสายปรีดี จับตัวแปลกขณะตรวจรับเรือแมนแฮตตั้น 2494
ผมเชื่อว่านี่คือความพยายามที่จะนำปรีดีกลับสู่อำนาจอีกครั้ง
เราจะเห็นว่า ปรีดีและแปลก เล่นการเมืองชนิดเลือดนองทั้งคู่ ยิงจริงตายจริง
ที่สมศักดิ์เอามาสร้างนิยายว่า สองคนนี้ จะร่วมมือกันรื้อฟื้นคดีสวรรคต จึงมีไว้หลอกเด็ก

ตราบใดที่แปลกยังอยู่ในอำนาจ ปรีดีไม่มีวันเหยียบแผ่นดินไทย นั่นก็คือ ระหว่าง 2490-2500 ปรีดีไม่ต้องหวังจะกลับไทย
แต่สมศักดิ์ก็ยังโยงเรื่องว่า พูนสุขเคยให่สัมภาษณ์ The Observer ว่า"หากนักข่าวต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับกรณีสวรรคตควรไปถามพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลปัจจุบัน" แปลว่าแปลกกับปรีดีกำลังจะร่วมมือกัน "ตอนนั้น ปรีดีได้วางแผนร่วมมือกับ จอมพล ป จะกลับมารื้อฟื้นคดีสวรรคตขึ้นใหม่ และนี่เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ในที่สุด อเมริกา สฤษดิ์ และ พวกเครือข่ายเจ้า ร่วมมือกันทำรัฐประหารล้มจอมพล ป ลงไป"
ตรงนี้ ต้องถามต่อว่า ในปี 2500 ช่วงที่สฤษดิ์กำลังงัดข้อกับเผ่าอยู่นั้น ฝ่ายนิยมเจ้ามีต้นทุนอะไรพอที่จะเล่นเกมส์อำนาจครั้งนี้

ที่จริงเราพบว่า พอสฤษดิ์ยึดอำนาจสำเร็จ ไม่ว่าฝ่ายใหนก็ไม่มีสิทธิ์โงหัว พรรคการเมืองถูกยุบ ธุรกิจถูกแทรกแซง สหรัฐอเมริกาเข้าครอบงำประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ใครที่รู้เรื่องการเมือง จะต้องรู้ว่า ตั้งแต่ 2500 ถึง 2512 ประเทศไทยถูกปกครองโดยอำนาจเผด็จการอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายใหน และทั้งจอมพลป. ทั้งปรีดี ก็ไม่มีทางที่จะฟื้นอำนาจได้อีกต่อไป แต่พวกนักประวัติศาสตร์ตอแหลก็ยังพยายามที่จะโยงว่า สฤษดิ์ เป็นส่วนหนึ่งของการโค่นอำนาจปรีดีจากกรณีสวรรคต พวกเขาพยายามสร้างนิยายโกหกว่า การยึดอำนาจปรีดี 2490 มาถึงการสิ้นอำนาจของถนอม 2514 เป็นการเดินทางของการเมืองสายตรง

เปล่าเลย 2490 นั้นคือการทำลายกันเองของพวกคณะราษฎร
แต่ 2500 เป็นการทำลายคณะราษฎรของเผด็จการทหาร

สองเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน แต่ไม่ใช่เหตุปัจจัยเดียวกัน
สิ่งที่ทำให้ต่างกันคือการเข้ามาของสหรัฐ จากผลของสงครามเกาหลีและยุทธภูมิเดียนเบียนฟูซึ่งสมศักดิ์และพวก
ไม่ยอมกล่าวถึง

#136 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:17

มาแปะข้อมูลของคุณ bonny ที่บอร์ดเก่าให้ครับ
http://oldforum.seri...e;topic=20876.0


แต่ถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกับเท้าความหลังให้คนที่ไม่รู้ได้ฟัง จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องต่อมา..
คือเรื่องที่เจ้าหัวโตชอบแอบอ้างวีรกรรม 6 ตค.19 ไปสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ผมว่าควรยุติได้แล้ว ละอายแก่ใจบ้างเถอะครับ

เจ้าหัวโตนี่แหละที่นำพาให้คนไปใตายในมหาวิทยาลัยและกลางแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมาก

เป็นเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบดี แต่ริอ่านเป็นผู้นำม็อบ เอาชีวิตคนจำนวนมากเป็นหลักประกันความสำเร็จของอุดมการณ์ตนเอง ไม่ทราบว่า สงสารพ่อแม่ ญาติพี่น้องผู้ตายหรือเปล่า??????


แปลกมั๊ยครับ ที่คนที่เคยกล้าพาคนไปตายอย่างสมศักดิ์ เจียมฯ

เวลาท้าให้เอาหลักฐานออกมาโชว์สิ มันก็อ้างเหตุผลจี๊ดๆ ว่าเพราะมีมาตรา112 ..แปลว่ามันกลัวผิดกฎหมาย!


ถ้าตอน 6 ตุลา มันหัดกลัวซะมั่งป่านนี้เพื่อนมันคงไม่ตายฟรี

Edited by ดราม่า, 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:18.

"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#137 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:22

1 ฝ่ายนิยมเจ้ามีจริงหรือไม่ ถ้ามี มีอำนาจมากจนแปลกต้องจับมือด้วยหรือ


คำถามนี้ของคุณamplepoorทำให้ผมสะดุดใจครับ ผมแปลกใจว่าทำไมฝ่ายล้มเจ้า ฝ่ายเสื้อแดง ถึงบอกว่าป๋าเปรมมีอำนาจมากขนาด สั่งทหารได้ สั่งผู้พิพากษาได้ สั่งข้าราชการได้

คือผมแปลกใจว่าเขาเอาหลักฐาน หรือข้อสงสัยอะไรมาคิด ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วเขากล่าวหาอย่างนี้ไปทำไม?
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี

#138 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:28

ทฤษฎีน่าสมเพชที่สุดของสมศักดิ์เกี่ยวกับกรณีสวรรคตก็คือ ฝ่ายนิยมเจ้าโค่นปรีดี

ในระหว่างแปลกครองอำนาจช่วงสงคราม ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายทวีความเข้มข้น จนในที่สุด ปรีดีที่เป็นรัฐมนตรีคลัง ถูกแปลก นายกรัฐมนตรีเตะออกจากรัฐบาลไปเป็นผู้สำเร็จราชการ......ตั้งแต่นั้น ปรีดีก็สนิทกับเจ้ามากขึ้น จนกระทั่งได้รับเกียรติยศสูงสุด เป็นรัฐบุรุษอาวุโส ทั้งๆ ที่เพิ่งอายุ 46 เท่านั้น

ผมได้นำโทรเลขระหว่างปรีดีกับ ร. 8 มาลงไปแล้ว เพื่อแสดงว่าปรีดีประจบเจ้า และจะว่าไปแล้ว สันพันธภาพก็ดูเหมือนว่าจะราบรื่น (แม้จะมีการยกคำให้การของรัชกาลที่ 9 ในศาล ในทางที่คิดว่าตำหนิปรีดี...แต่ว่า ความไม่พอใจเช่นนี้ จะลุกลามถึงฆ่ากันหรือ

ผมยังยกเอาทฤษฎีอาชญากรรมก่อคุณให้ฝ่ายใดมาชี้ว่า ในเมื่อมีความขัดแย้งระหว่างหลายฝ่าย อาชญากรรมที่เกิดขึ้น ฝ่ายใดได้ประโยชน์ ฝ่ายนั้นก็ต้องสงสัย....ในที่นี้ ชัดเจนว่า ฝ่ายแปลกได้ ไม่มีเสีย ฝ่ายที่เสียคือฝ่ายเจ้าและปรีดี

โดยแนวคิดนี้...จะต้องวิกลจริตเท่านั้น ที่ฝ่ายนิยมเจ้าจะร่วมมือกับแปลก ปลงพระชนม์พระเจ้าอยู่หัวเพื่อโค่นล้มปรีดี

#139 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:31

ถ้าตอน 6 ตุลา มันหัดกลัวซะมั่งป่านนี้เพื่อนมันคงไม่ตายฟรี


อ่านคำแก้ตัวของมัน....โดยเฉพาะที่บอกว่า อาคารอาจจะถูกเผา แทนมวลชนที่ถูกฆ่า
ไอ้นี่บัดซบเกินคนไปแล้ว
----------------------
คืนที่ยาวนาน: การไม่ตัดสินใจสลายการชุมนุมในธรรมศาสตร์คืนวันที่ 5 ตุลาคม 2519
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ช่วงบ่ายและเย็นวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2519 หนังสือพิมพ์บางฉบับได้นำเอาภาพที่ถ่ายจากการแสดงละครกลางแจ้งในระหว่างการชุมนุมประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจรของนักศึกษาที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันก่อนหน้านั้นมาตีพิมพ์ในลักษณะโจมตีว่า นักศึกษาแสดงละครหมิ่นองค์รัชทายาท กลุ่มการเมืองฝ่ายขวาต่างๆในขณะนั้นได้อาศัยเรื่องนี้ระดมกำลังขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีสถานีวิทยุยานเกราะเป็นศูนย์กลาง มีการเรียกร้องให้ประชาชนผู้จงรักภักดีไปชุมนุมกันในเช้าวันรุ่งขึ้นทั้งที่สนามหลวงและลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อจัดการกับนักศึกษาที่กำลังชุมนุมอยู่ในธรรมศาสตร์อย่างเด็ดขาด

ประมาณสามทุ่มเศษของคืนนั้น สุธรรม แสงประทุมและกรรมการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้นำผู้แสดงละครออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ตึกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และติดต่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในเช้าวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทัน ที่ฟ้าจะสาง กำลังตำรวจและกลุ่มอันธพาลการเมืองฝ่ายขวาที่ทำการปิดล้อมมหาวิทยาลัยอยู่ก็ได้ลงมือโจมตีการชุมนุมด้วยอาวุธอย่างขนานใหญ่ มีการจับผู้ชุมนุมมาทำทารุณกรรมต่างๆ เช่น แขวนคอ เผาทั้งเป็น ทำร้ายศพ ข่มขืนทำอนาจาร ฯลฯ ผู้ชุมนุมเสียชีวิตหลายสิบคน ที่เหลืออีกกว่าสามพันคน ถูกทำร้ายร่างกายและกวาดต้อนไปขัง

ขณะที่การกระทำของตำรวจและกลุ่มอันธพาลการเมืองฝ่ายขวาในเช้าวันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและศีลธรรมอย่างไม่มีข้อสงสัย คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ เหตุใดนักศึกษาจึงไม่ยุติการชุมนุมตั้งแต่คืนวันที่ 5 ตุลาคม เมื่อมีการก่อกระแสเรื่องหมิ่นองค์รัชทายาท? และถ้าทำเช่นนั้นจะสามารถหลีกเลี่ยงความสูญเสียในเช้าวันที่ 6 ตุลาคมได้หรือไม่?

ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา ผมเป็นผู้หนึ่งที่มีหน้าที่ในการตัดสินใจกำหนดจังหวะก้าวการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษา ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมถูกถามและถามตัวเองถึงคำถามในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ต้นปี 2521 คือหลังจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียรที่มีอำนาจจากเหตุการณ์ 6 ตุลาและที่มี นโยบายปิดกั้นการแสดงออกทางการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จถูกรัฐประหารโค่นไป และเริ่มมีเสรีภาพของการแสดงออกขึ้นอีก ก็เริ่มมีผู้ตั้งคำถามทำนองนี้ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก ขณะนั้นผมกับเพื่อนอีก 18 คนกำลังติดคุกและถูกส่งขึ้นศาลในคดี 6 ตุลา เราได้คุยตกลงกันว่าจะทำการชี้แจงและตอบโต้การโจมตีในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับ 6 ตุลา เราได้จัดสัมมนากันเองในคุกแล้วเขียนเป็นข้อสรุปออกมา โดยมีผมเป็นผู้ร่าง แล้วส่งออกมาเผยแพร่ข้างนอก ทั้งแบบ "ใต้ดิน" (ในฉบับเต็ม) และ "บนดิน" (ในฉบับดัดแปลงแก้ไขถ้อยคำ ซึ่งคนข้างนอกคุกทำเอง)

ในส่วนที่เกี่ยวกับท่าทีของเราในค่ำวันที่ 5 ตุลาคมนั้น พวกเราซึ่งหลายคน มีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้สรุปออกมาว่า

คืนวันที่ 5 ตุลาคม... ฝ่ายเราได้ตกลงให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) แถลงข่าวเปิดเผยข้อเท็จจริงแก่สื่อมวลชน (2) ติดต่อกับรัฐบาลขอเข้าพบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงซึ่งรัฐบาลตกลงให้เข้าพบได้ในวันรุ่งขึ้น.... (3) เคลื่อนย้ายผู้ปฏิบัติงานส่วนหนึ่งออกจากธรรมศาสตร์เพื่อรับมือกับการสร้างสถานการณ์ (4) ตกลงให้สลายการชุมนุมในวันรุ่งขึ้น เหตุที่ต้องสลายการชุมนุมในวันรุ่งขึ้นก็เพราะเห็นว่าสถานการณ์อาจจะรุนแรงขึ้นได้ การสลายไม่อาจทำได้ในตอนกลางคืน เพราะเราไม่สามารถประกันความปลอดภัยแก่ผู้ร่วมชุมนุมได้

ในความทรงจำของผม ขณะนั้น (คือปี 2521) เราคิดว่ากำลังต่อสู้ทางการเมืองกับผู้ที่ต้องการบิดเบือนว่ากรณี 6 ตุลาเป็นความผิดของนักศึกษาเอง การสัมมนาและข้อสรุปที่เขียนขึ้นถูกชี้นำด้วยความคิดนี้ ผมจำได้ว่าขณะที่เขียนถึงการตัดสินใจในคืนวันที่ 5 ผมมีความลำบากที่ด้านหนึ่งต้องพยายามไม่เขียนให้ผิดข้อเท็จจริง แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องระวังไม่สร้างความชอบธรรมให้กับผู้ที่โจมตีเรา ในความเป็นจริงผมตระหนักดีว่ามาตรการที่ 1 และ 2 นั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นว่าจะสลายการชุมนุมหรือไม่ (ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่เราถูกโจมตี) ยิ่งกว่านั้น ถ้าจำไม่ผิด จากการสัมมนาพบว่าในคืนวันที่ 5 นั้น แม้เราจะมีการพูดถึงการสลายการชุมนุมในวันรุ่งขึ้น แต่ความจริงไม่ได้มีการพิจารณาถกเถียงถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือตกลงอย่างเป็นมติทางการ การคุยเรื่องนี้ออกมาในลักษณะที่ว่า มีคนถามก่อนแยกย้ายเลิกประชุมในราวสามสี่ทุ่มว่า ถ้าสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะทำอย่างไร ก็มีบางคนตอบว่าให้เลิก ชุมนุม แต่ไม่มีการอภิปรายอะไรเพิ่มเติมในที่ประชุม เพราะความสนใจของผู้ร่วมประชุมไม่ได้อยู่ที่ประเด็นนั้น ส่วนที่ว่าการสลายชุมนุมในตอนกลางคืนทำไม่ได้นั้น ก็ไม่ใช่เป็นผลจากการถกเถียงอภิปรายอย่างจริงจังกว้างขวาง แต่เป็นความเข้าใจร่วมกันของพวกเราในสมัยนั้นมากกว่า ที่สำคัญ เนื่องจากเราไม่ได้มีการพิจารณาประเด็นสลายการชุมนุมอย่างจริงจัง ประเด็นเรื่องจะสลายคืนนั้นได้หรือไม่จึงไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมา

นับตั้งแต่การสัมมนาในคุกครั้งนั้น ทุกครั้งที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ในที่สาธารณะ ผมและเพื่อนก็จะเสนอในแนวเดียวกันว่า คืนวันที่ 5 ตุลาคม เราได้ตัดสินใจในทางหลักการให้สลายการชุมนุมแล้ว แต่เห็นว่าทำไม่ได้ในตอนกลางคืนเพราะไม่ปลอดภัยต่อผู้ร่วมชุมนุม ต้องรอถึงเช้า ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็ถูกโจมตีก่อน...

ผมอยากจะย้ำว่าที่พูดนี้ไม่ได้แปลว่าพวกเราจงใจโกหก แต่ผมเชื่อว่าเราได้ขยายความให้น้ำหนักเพิ่มเติมกับสิ่งที่เป็นเพียงความเข้าใจแบบหลวมๆ ("ถ้าพรุ่งนี้สถานการณ์รุนแรงก็สลาย") ให้เป็นมติอย่างเป็นทางการ ("ตกลงจะสลายตอนเช้า") และภายใต้การกดดันของการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อยืนยันว่าฝ่ายเราไม่ใช่ผู้ผิดในกรณี 6 ตุลา ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นความทรงจำร่วมของพวกเราไป (แบบเดียวกับความทรงจำเรื่องการตัดสินใจให้เคลื่อนขบวนไปหน้าสวนจิตรลดาในคืนวันที่ 13 ตุลาคม 2516 ซึ่งในความเป็นจริง น่าจะมาจากเหตุผลบางอย่าง แต่ความจำเป็นของการต่อสู้กับผู้โจมตีการตัดสินใจนั้น ทำให้ผู้นำเดินขบวนต้องชูเหตุผลอื่นแทน เมื่อเวลาผ่านไปก็เลยกลายเป็นความเชื่อของเขาเองว่าเขาได้ตัดสินใจไปเพราะเหตุผลที่ชูขึ้นทีหลังนี้จริงๆ)

เพื่อนบางคนที่เข้าร่วมทั้งการตัดสินใจในคืนวันที่ 5 ตุลาและการสัมมนา ทบทวนเรื่องนี้ในคุกอาจจะแย้งว่าความจำในเรื่องนี้ทั้งหมดของผมผิดพลาด เพื่อให้ไม่เป็นการเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมต้องการเสนอในบทความนี้ ผมขอให้สมมุติว่าความจำของผมที่กล่าวมาข้างต้นผิดจริง ให้สมมุติว่าในคืนวันที่ 5 มีการอภิปรายตัดสินใจอย่างจริงจังว่าจะสลายการชุมนุม แต่ตกลงกันว่าทำไม่ได้ในคืนนั้นเพราะไม่ปลอดภัย จะทำในวันรุ่งขึ้น -- ต่อให้สมมุติเช่นนี้ ผมก็ยังเห็นว่า การไม่สลายการชุมนุมในคืนนั้นเป็นความผิดพลาด

สิ่งที่เป็นกุญแจในเรื่องนี้ทั้งหมดมี 2 อย่างคือเวลาและความเป็นไปได้ของการคาดการณ์ล่วงหน้า

เหตุผลที่ว่าไม่สามารถสลายการชุมนุมตอนกลางคืนได้เพราะไม่สามารถประกันความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุมที่สลายตัวนั้นอาจจะจริง ถ้าเราพูดถึงหลังเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ผมคิดว่าแม้แต่ผู้ที่คิดเช่นนี้ก็น่าจะยอมรับว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะสลายการชุมนุมอย่างปลอดภัยในเวลาสามหรือสี่ทุ่ม (ซึ่งเป็นเวลาปกติสำหรับการชุมนุมที่ไม่ข้ามคืน) หรืออาจจะดึกกว่านั้นถึงห้าทุ่มหรือเที่ยงคืนได้ กำลังตำรวจที่ทำการปิดล้อมมหาวิทยาลัยในคืนนั้นและเข้าโจมตีในตอนเช้ายังไม่เข้าประจำที่จนเลยเที่ยงคืนไปมากแล้ว (ตำรวจพลร่มมาถึงราวตีห้า) ในส่วนกลุ่มอันธพาลการเมืองที่มีอยู่บ้าง (ผมเชื่อว่าพวกนี้ส่วนใหญ่ก็อาจจะมาถึงก่อนเช้าไม่นาน) ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะลงมือก่อนหน้านั้น และลำพังพวกนี้ซึ่งมีอยู่กับการชุมนุมไม่ว่าเวลาใดก็ไม่น่าจะเป็นปัจจัยให้ไม่สามารถสลายการชุมนุมได้

ช่วงเวลาประมาณสามถึงสี่ทุ่มเป็นช่วงที่เราประชุมพิจารณามาตรการที่จะตอบโต้ข้อกล่าวหา หมิ่นองค์รัชทายาทและติดต่อรัฐบาลขอเข้าพบ มีการเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงนั้น หากเราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการสลายการชุมนุม เราก็สามารถตัดสินใจสลายได้ในตอนนั้น ก่อนหรือพร้อมๆไปกับการเปิดแถลงข่าวและติดต่อรัฐบาล ปัญหาอยู่ที่ว่าในช่วงเวลานั้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะตัดสินใจเช่นนั้น ผมหมายถึงว่าเราจะสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้เพียงใดว่าวันรุ่งขึ้นจะเกิดอะไรขึ้น?

ผมเห็นว่าที่ผ่านมา ผู้ที่คิดหรือโจมตีว่าขบวนการนักศึกษาน่าจะสลายการชุมนุมในคืนวันที่ 5 นั้นอาศัยเหตุผลที่ผิดมาสนับสนุนความคิดของตน คืออาศัยความรู้หลังเหตุการณ์ที่ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงในเช้าวันที่ 6 มาตัดสินการตัดสินใจในคืนวันที่ 5 เข้าทำนอง "ถ้าสลายการชุมนุมก็จะไม่ถูกฆ่าหมู่ทารุณกรรม" ผมยังยืนยันว่าข้อเสนอเช่นนี้ผิด เพราะไม่มีใครแม้แต่ผู้ที่ลงมือฆ่าหมู่และทำทารุณกรรมในเช้าวันที่ 6 เอง สามารถรู้ล่วงหน้าตั้งแต่คืนวันที่ 5 ว่าจะ เกิดการฆ่าหมู่ทารุณกรรมในลักษณะที่เกิดขึ้นจริง ผมหมายความว่า ในความเห็นของผม พวกเขาไม่ได้วางแผนมาว่าจะทำแบบที่ได้ทำจริงๆ สิ่งที่พวกเขาตั้งใจไว้มากที่สุดคือจะ "จัดการ" นักศึกษาในธรรมศาสตร์ด้วยความรุนแรง แต่เมื่อพวกเขาปล่อยความรุนแรงออกมาแล้ว รูปแบบการคลี่คลายของมันเป็นเรื่องเป็นไปเอง

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยังยืนยันว่าขบวนการนักศึกษาไม่สามารถตัดสินใจได้ตั้งแต่คืนวันที่ 5 ว่าควรยุติการชุมนุมเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 6 เพราะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่สามารถรู้หรือคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นจริงในเช้าวันที่ 6

แต่ผมขอเสนอในที่นี้ว่า เราสามารถและควรจะตัดสินใจสลายการชุมนุมในคืนวันที่ 5 ตุลาคม ด้วยเหตุผลที่ "ง่าย" กว่านั้น "เล็ก" กว่านั้นได้

เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น "ไม่รู้พวกมันจะเอายังไง" แต่ที่แน่ๆ ครั้งนี้ "ประเด็นที่พวกมันใช้ก่อกระแสโจมตีเราเป็นประเด็นที่ผิดปกติอย่างมาก ถ้าให้ดีเราน่าจะกลับไปตั้งหลักใหม่รอดูสถานการณ์ เลิกชุมนุมชั่วคราวคืนนี้ ถ้าไม่มีอะไร วันหลังค่อยเรียกชุมนุมใหม่" ผมเชื่อว่าเราสามารถที่จะคิดทำนองนี้ได้ในคืนนั้น และสลายการชุมนุมไปในช่วงสามหรือสี่ทุ่ม

อย่างไรก็ตาม ผมขอเสนอต่อไปด้วยว่า ต่อให้เราสลายการชุมนุมในคืนนั้น ความรุนแรงในเช้าวันที่ 6 ตุลาคม เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่จะเป็นความรุนแรงในรูปแบบที่ต่างจากที่เกิดขึ้นจริง ผมคิดว่าในขั้นต่ำที่สุดและเป็นไปได้อย่างมากที่สุดคือ จะเกิดการเผาทำลายธรรมศาสตร์อย่างที่ได้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม 2518 แต่นอกเหนือจากอาคารสถานที่แล้วเราจะสูญเสียอะไรอีกหรือไม่? คงไม่สามารถบอกได้โดยแน่นอน ถ้าเราโชคร้าย สุธรรมและเพื่อนที่เดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีในเช้าวันนั้นอาจจะถูกรุมประชาทัณฑ์ สมาชิกครอบครัวและที่อยู่อาศัยของนักกิจกรรมบางคนอาจถูกทำอันตราย ทารุณกรรม "ขนาดย่อย" เช่น การจับบางคนมาแขวนคอ ฯลฯ ยังคงอาจเกิดขึ้นได้ ที่แน่นอนคือ เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในวันที่ 6 ตุลาคม 2519

เพราะสถานการณ์ที่พวกฝ่ายขวาก่อขึ้นมาในบ่ายวันที่ 5 ตุลาคม 2519 นั้นเหมือนกับผีดูดเลือดที่เมื่อถูกปลุกขึ้นมาแล้วไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ไม่มีใครสามารถทำให้มันสงบลงได้จนกว่ามันจะได้ดื่มเลือดคนจริงๆ


#140 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:35


1 ฝ่ายนิยมเจ้ามีจริงหรือไม่ ถ้ามี มีอำนาจมากจนแปลกต้องจับมือด้วยหรือ


คำถามนี้ของคุณamplepoorทำให้ผมสะดุดใจครับ ผมแปลกใจว่าทำไมฝ่ายล้มเจ้า ฝ่ายเสื้อแดง ถึงบอกว่าป๋าเปรมมีอำนาจมากขนาด สั่งทหารได้ สั่งผู้พิพากษาได้ สั่งข้าราชการได้

คือผมแปลกใจว่าเขาเอาหลักฐาน หรือข้อสงสัยอะไรมาคิด ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วเขากล่าวหาอย่างนี้ไปทำไม?


หลักข้อหนึ่งของการล้างสมอง คือตั้งคำถามโดยไม่ต้องหวังคำตอบ
ถามไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจว่าเป็นคำถามโง่ๆ เพราะการชิงตั้งคำถาม คือการชิงความได้เปรียบ
เช่นเดียวกัน การไม่ตอบคำถาม ก็เป็นยุทธวิธีเช่นกัน

แต่สำหรับพวกเรา การเอาแต่ตั้งคำถามและไม่ยอมตอบ เราเรียกว่าหน้าด้าน
นี่จึงทำให้เรา ไม่ใช่เขา

#141 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:42

อำนาจของเปรม มาจากบารมี สิ่งนี้ไม่ใช่จะมีได้ง่ายๆ
และสิ่งนี้ อยู่เหนือประชาธิปไตย

เมื่อใช้คำนี้ เราจะเห็นชัดว่า คนบางพวก ไม่มีบารมี
ทักษิณไม่มีบารมี
สมศักดิ์ก็ไม่มี....พวก 6 ตุลา 19 ทั้งก๊ก ก็ไม่มี
พรรคเพื่อไทยทั้งพรรค ก็ไม่มีบารมี

เปรมถูกนปช. ดูหมิ่นตลอด 5-9 ปีมานี้ ถามว่าบารมีลดลงหรือไม่
เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า ทักษิณต้องจ้างคนมาอวยพรวันเกิด แต่เปรมต้องห้ามไม่ให้คนมาวันเกิด
บารมีของเปรมฉายชัด เมื่อยิ่งลักษณ์จัดคอนเสิร์ตที่ทำเนียบ

แค่เดินคู่กัน ความแตกต่างก็ชัดครับ
เคยเห็นทักษิณไปงานศพแม่อนุพงษ์แล้วเจอเปรมใหมครับ....ฮา





Posted Image

Edited by amplepoor, 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:45.


#142 พอล คุง

พอล คุง

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,014 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 01:44


ถ้าตอน 6 ตุลา มันหัดกลัวซะมั่งป่านนี้เพื่อนมันคงไม่ตายฟรี


อ่านคำแก้ตัวของมัน....โดยเฉพาะที่บอกว่า อาคารอาจจะถูกเผา แทนมวลชนที่ถูกฆ่า
ไอ้นี่บัดซบเกินคนไปแล้ว
----------------------
คืนที่ยาวนาน: การไม่ตัดสินใจสลายการชุมนุมในธรรมศาสตร์คืนวันที่ 5 ตุลาคม 2519
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ช่วงบ่ายและเย็นวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2519 หนังสือพิมพ์บางฉบับได้นำเอาภาพที่ถ่ายจากการแสดงละครกลางแจ้งในระหว่างการชุมนุมประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจรของนักศึกษาที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันก่อนหน้านั้นมาตีพิมพ์ในลักษณะโจมตีว่า นักศึกษาแสดงละครหมิ่นองค์รัชทายาท กลุ่มการเมืองฝ่ายขวาต่างๆในขณะนั้นได้อาศัยเรื่องนี้ระดมกำลังขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีสถานีวิทยุยานเกราะเป็นศูนย์กลาง มีการเรียกร้องให้ประชาชนผู้จงรักภักดีไปชุมนุมกันในเช้าวันรุ่งขึ้นทั้งที่สนามหลวงและลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อจัดการกับนักศึกษาที่กำลังชุมนุมอยู่ในธรรมศาสตร์อย่างเด็ดขาด

ประมาณสามทุ่มเศษของคืนนั้น สุธรรม แสงประทุมและกรรมการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้นำผู้แสดงละครออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ตึกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และติดต่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในเช้าวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทัน ที่ฟ้าจะสาง กำลังตำรวจและกลุ่มอันธพาลการเมืองฝ่ายขวาที่ทำการปิดล้อมมหาวิทยาลัยอยู่ก็ได้ลงมือโจมตีการชุมนุมด้วยอาวุธอย่างขนานใหญ่ มีการจับผู้ชุมนุมมาทำทารุณกรรมต่างๆ เช่น แขวนคอ เผาทั้งเป็น ทำร้ายศพ ข่มขืนทำอนาจาร ฯลฯ ผู้ชุมนุมเสียชีวิตหลายสิบคน ที่เหลืออีกกว่าสามพันคน ถูกทำร้ายร่างกายและกวาดต้อนไปขัง

ขณะที่การกระทำของตำรวจและกลุ่มอันธพาลการเมืองฝ่ายขวาในเช้าวันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและศีลธรรมอย่างไม่มีข้อสงสัย คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ เหตุใดนักศึกษาจึงไม่ยุติการชุมนุมตั้งแต่คืนวันที่ 5 ตุลาคม เมื่อมีการก่อกระแสเรื่องหมิ่นองค์รัชทายาท? และถ้าทำเช่นนั้นจะสามารถหลีกเลี่ยงความสูญเสียในเช้าวันที่ 6 ตุลาคมได้หรือไม่?

ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา ผมเป็นผู้หนึ่งที่มีหน้าที่ในการตัดสินใจกำหนดจังหวะก้าวการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษา ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมถูกถามและถามตัวเองถึงคำถามในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ต้นปี 2521 คือหลังจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียรที่มีอำนาจจากเหตุการณ์ 6 ตุลาและที่มี นโยบายปิดกั้นการแสดงออกทางการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จถูกรัฐประหารโค่นไป และเริ่มมีเสรีภาพของการแสดงออกขึ้นอีก ก็เริ่มมีผู้ตั้งคำถามทำนองนี้ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก ขณะนั้นผมกับเพื่อนอีก 18 คนกำลังติดคุกและถูกส่งขึ้นศาลในคดี 6 ตุลา เราได้คุยตกลงกันว่าจะทำการชี้แจงและตอบโต้การโจมตีในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับ 6 ตุลา เราได้จัดสัมมนากันเองในคุกแล้วเขียนเป็นข้อสรุปออกมา โดยมีผมเป็นผู้ร่าง แล้วส่งออกมาเผยแพร่ข้างนอก ทั้งแบบ "ใต้ดิน" (ในฉบับเต็ม) และ "บนดิน" (ในฉบับดัดแปลงแก้ไขถ้อยคำ ซึ่งคนข้างนอกคุกทำเอง)

ในส่วนที่เกี่ยวกับท่าทีของเราในค่ำวันที่ 5 ตุลาคมนั้น พวกเราซึ่งหลายคน มีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้สรุปออกมาว่า

คืนวันที่ 5 ตุลาคม... ฝ่ายเราได้ตกลงให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) แถลงข่าวเปิดเผยข้อเท็จจริงแก่สื่อมวลชน (2) ติดต่อกับรัฐบาลขอเข้าพบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงซึ่งรัฐบาลตกลงให้เข้าพบได้ในวันรุ่งขึ้น.... (3) เคลื่อนย้ายผู้ปฏิบัติงานส่วนหนึ่งออกจากธรรมศาสตร์เพื่อรับมือกับการสร้างสถานการณ์ (4) ตกลงให้สลายการชุมนุมในวันรุ่งขึ้น เหตุที่ต้องสลายการชุมนุมในวันรุ่งขึ้นก็เพราะเห็นว่าสถานการณ์อาจจะรุนแรงขึ้นได้ การสลายไม่อาจทำได้ในตอนกลางคืน เพราะเราไม่สามารถประกันความปลอดภัยแก่ผู้ร่วมชุมนุมได้

ในความทรงจำของผม ขณะนั้น (คือปี 2521) เราคิดว่ากำลังต่อสู้ทางการเมืองกับผู้ที่ต้องการบิดเบือนว่ากรณี 6 ตุลาเป็นความผิดของนักศึกษาเอง การสัมมนาและข้อสรุปที่เขียนขึ้นถูกชี้นำด้วยความคิดนี้ ผมจำได้ว่าขณะที่เขียนถึงการตัดสินใจในคืนวันที่ 5 ผมมีความลำบากที่ด้านหนึ่งต้องพยายามไม่เขียนให้ผิดข้อเท็จจริง แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องระวังไม่สร้างความชอบธรรมให้กับผู้ที่โจมตีเรา ในความเป็นจริงผมตระหนักดีว่ามาตรการที่ 1 และ 2 นั้น ไม่เกี่ยวกับประเด็นว่าจะสลายการชุมนุมหรือไม่ (ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่เราถูกโจมตี) ยิ่งกว่านั้น ถ้าจำไม่ผิด จากการสัมมนาพบว่าในคืนวันที่ 5 นั้น แม้เราจะมีการพูดถึงการสลายการชุมนุมในวันรุ่งขึ้น แต่ความจริงไม่ได้มีการพิจารณาถกเถียงถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือตกลงอย่างเป็นมติทางการ การคุยเรื่องนี้ออกมาในลักษณะที่ว่า มีคนถามก่อนแยกย้ายเลิกประชุมในราวสามสี่ทุ่มว่า ถ้าสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะทำอย่างไร ก็มีบางคนตอบว่าให้เลิก ชุมนุม แต่ไม่มีการอภิปรายอะไรเพิ่มเติมในที่ประชุม เพราะความสนใจของผู้ร่วมประชุมไม่ได้อยู่ที่ประเด็นนั้น ส่วนที่ว่าการสลายชุมนุมในตอนกลางคืนทำไม่ได้นั้น ก็ไม่ใช่เป็นผลจากการถกเถียงอภิปรายอย่างจริงจังกว้างขวาง แต่เป็นความเข้าใจร่วมกันของพวกเราในสมัยนั้นมากกว่า ที่สำคัญ เนื่องจากเราไม่ได้มีการพิจารณาประเด็นสลายการชุมนุมอย่างจริงจัง ประเด็นเรื่องจะสลายคืนนั้นได้หรือไม่จึงไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมา

นับตั้งแต่การสัมมนาในคุกครั้งนั้น ทุกครั้งที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ในที่สาธารณะ ผมและเพื่อนก็จะเสนอในแนวเดียวกันว่า คืนวันที่ 5 ตุลาคม เราได้ตัดสินใจในทางหลักการให้สลายการชุมนุมแล้ว แต่เห็นว่าทำไม่ได้ในตอนกลางคืนเพราะไม่ปลอดภัยต่อผู้ร่วมชุมนุม ต้องรอถึงเช้า ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็ถูกโจมตีก่อน...

ผมอยากจะย้ำว่าที่พูดนี้ไม่ได้แปลว่าพวกเราจงใจโกหก แต่ผมเชื่อว่าเราได้ขยายความให้น้ำหนักเพิ่มเติมกับสิ่งที่เป็นเพียงความเข้าใจแบบหลวมๆ ("ถ้าพรุ่งนี้สถานการณ์รุนแรงก็สลาย") ให้เป็นมติอย่างเป็นทางการ ("ตกลงจะสลายตอนเช้า") และภายใต้การกดดันของการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อยืนยันว่าฝ่ายเราไม่ใช่ผู้ผิดในกรณี 6 ตุลา ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นความทรงจำร่วมของพวกเราไป (แบบเดียวกับความทรงจำเรื่องการตัดสินใจให้เคลื่อนขบวนไปหน้าสวนจิตรลดาในคืนวันที่ 13 ตุลาคม 2516 ซึ่งในความเป็นจริง น่าจะมาจากเหตุผลบางอย่าง แต่ความจำเป็นของการต่อสู้กับผู้โจมตีการตัดสินใจนั้น ทำให้ผู้นำเดินขบวนต้องชูเหตุผลอื่นแทน เมื่อเวลาผ่านไปก็เลยกลายเป็นความเชื่อของเขาเองว่าเขาได้ตัดสินใจไปเพราะเหตุผลที่ชูขึ้นทีหลังนี้จริงๆ)

เพื่อนบางคนที่เข้าร่วมทั้งการตัดสินใจในคืนวันที่ 5 ตุลาและการสัมมนา ทบทวนเรื่องนี้ในคุกอาจจะแย้งว่าความจำในเรื่องนี้ทั้งหมดของผมผิดพลาด เพื่อให้ไม่เป็นการเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมต้องการเสนอในบทความนี้ ผมขอให้สมมุติว่าความจำของผมที่กล่าวมาข้างต้นผิดจริง ให้สมมุติว่าในคืนวันที่ 5 มีการอภิปรายตัดสินใจอย่างจริงจังว่าจะสลายการชุมนุม แต่ตกลงกันว่าทำไม่ได้ในคืนนั้นเพราะไม่ปลอดภัย จะทำในวันรุ่งขึ้น -- ต่อให้สมมุติเช่นนี้ ผมก็ยังเห็นว่า การไม่สลายการชุมนุมในคืนนั้นเป็นความผิดพลาด

สิ่งที่เป็นกุญแจในเรื่องนี้ทั้งหมดมี 2 อย่างคือเวลาและความเป็นไปได้ของการคาดการณ์ล่วงหน้า

เหตุผลที่ว่าไม่สามารถสลายการชุมนุมตอนกลางคืนได้เพราะไม่สามารถประกันความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุมที่สลายตัวนั้นอาจจะจริง ถ้าเราพูดถึงหลังเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ผมคิดว่าแม้แต่ผู้ที่คิดเช่นนี้ก็น่าจะยอมรับว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะสลายการชุมนุมอย่างปลอดภัยในเวลาสามหรือสี่ทุ่ม (ซึ่งเป็นเวลาปกติสำหรับการชุมนุมที่ไม่ข้ามคืน) หรืออาจจะดึกกว่านั้นถึงห้าทุ่มหรือเที่ยงคืนได้ กำลังตำรวจที่ทำการปิดล้อมมหาวิทยาลัยในคืนนั้นและเข้าโจมตีในตอนเช้ายังไม่เข้าประจำที่จนเลยเที่ยงคืนไปมากแล้ว (ตำรวจพลร่มมาถึงราวตีห้า) ในส่วนกลุ่มอันธพาลการเมืองที่มีอยู่บ้าง (ผมเชื่อว่าพวกนี้ส่วนใหญ่ก็อาจจะมาถึงก่อนเช้าไม่นาน) ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะลงมือก่อนหน้านั้น และลำพังพวกนี้ซึ่งมีอยู่กับการชุมนุมไม่ว่าเวลาใดก็ไม่น่าจะเป็นปัจจัยให้ไม่สามารถสลายการชุมนุมได้

ช่วงเวลาประมาณสามถึงสี่ทุ่มเป็นช่วงที่เราประชุมพิจารณามาตรการที่จะตอบโต้ข้อกล่าวหา หมิ่นองค์รัชทายาทและติดต่อรัฐบาลขอเข้าพบ มีการเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงนั้น หากเราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการสลายการชุมนุม เราก็สามารถตัดสินใจสลายได้ในตอนนั้น ก่อนหรือพร้อมๆไปกับการเปิดแถลงข่าวและติดต่อรัฐบาล ปัญหาอยู่ที่ว่าในช่วงเวลานั้น มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะตัดสินใจเช่นนั้น ผมหมายถึงว่าเราจะสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้เพียงใดว่าวันรุ่งขึ้นจะเกิดอะไรขึ้น?

ผมเห็นว่าที่ผ่านมา ผู้ที่คิดหรือโจมตีว่าขบวนการนักศึกษาน่าจะสลายการชุมนุมในคืนวันที่ 5 นั้นอาศัยเหตุผลที่ผิดมาสนับสนุนความคิดของตน คืออาศัยความรู้หลังเหตุการณ์ที่ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงในเช้าวันที่ 6 มาตัดสินการตัดสินใจในคืนวันที่ 5 เข้าทำนอง "ถ้าสลายการชุมนุมก็จะไม่ถูกฆ่าหมู่ทารุณกรรม" ผมยังยืนยันว่าข้อเสนอเช่นนี้ผิด เพราะไม่มีใครแม้แต่ผู้ที่ลงมือฆ่าหมู่และทำทารุณกรรมในเช้าวันที่ 6 เอง สามารถรู้ล่วงหน้าตั้งแต่คืนวันที่ 5 ว่าจะ เกิดการฆ่าหมู่ทารุณกรรมในลักษณะที่เกิดขึ้นจริง ผมหมายความว่า ในความเห็นของผม พวกเขาไม่ได้วางแผนมาว่าจะทำแบบที่ได้ทำจริงๆ สิ่งที่พวกเขาตั้งใจไว้มากที่สุดคือจะ "จัดการ" นักศึกษาในธรรมศาสตร์ด้วยความรุนแรง แต่เมื่อพวกเขาปล่อยความรุนแรงออกมาแล้ว รูปแบบการคลี่คลายของมันเป็นเรื่องเป็นไปเอง

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยังยืนยันว่าขบวนการนักศึกษาไม่สามารถตัดสินใจได้ตั้งแต่คืนวันที่ 5 ว่าควรยุติการชุมนุมเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 6 เพราะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่สามารถรู้หรือคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นจริงในเช้าวันที่ 6

แต่ผมขอเสนอในที่นี้ว่า เราสามารถและควรจะตัดสินใจสลายการชุมนุมในคืนวันที่ 5 ตุลาคม ด้วยเหตุผลที่ "ง่าย" กว่านั้น "เล็ก" กว่านั้นได้

เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น "ไม่รู้พวกมันจะเอายังไง" แต่ที่แน่ๆ ครั้งนี้ "ประเด็นที่พวกมันใช้ก่อกระแสโจมตีเราเป็นประเด็นที่ผิดปกติอย่างมาก ถ้าให้ดีเราน่าจะกลับไปตั้งหลักใหม่รอดูสถานการณ์ เลิกชุมนุมชั่วคราวคืนนี้ ถ้าไม่มีอะไร วันหลังค่อยเรียกชุมนุมใหม่" ผมเชื่อว่าเราสามารถที่จะคิดทำนองนี้ได้ในคืนนั้น และสลายการชุมนุมไปในช่วงสามหรือสี่ทุ่ม

อย่างไรก็ตาม ผมขอเสนอต่อไปด้วยว่า ต่อให้เราสลายการชุมนุมในคืนนั้น ความรุนแรงในเช้าวันที่ 6 ตุลาคม เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่จะเป็นความรุนแรงในรูปแบบที่ต่างจากที่เกิดขึ้นจริง ผมคิดว่าในขั้นต่ำที่สุดและเป็นไปได้อย่างมากที่สุดคือ จะเกิดการเผาทำลายธรรมศาสตร์อย่างที่ได้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม 2518 แต่นอกเหนือจากอาคารสถานที่แล้วเราจะสูญเสียอะไรอีกหรือไม่? คงไม่สามารถบอกได้โดยแน่นอน ถ้าเราโชคร้าย สุธรรมและเพื่อนที่เดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีในเช้าวันนั้นอาจจะถูกรุมประชาทัณฑ์ สมาชิกครอบครัวและที่อยู่อาศัยของนักกิจกรรมบางคนอาจถูกทำอันตราย ทารุณกรรม "ขนาดย่อย" เช่น การจับบางคนมาแขวนคอ ฯลฯ ยังคงอาจเกิดขึ้นได้ ที่แน่นอนคือ เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในวันที่ 6 ตุลาคม 2519

เพราะสถานการณ์ที่พวกฝ่ายขวาก่อขึ้นมาในบ่ายวันที่ 5 ตุลาคม 2519 นั้นเหมือนกับผีดูดเลือดที่เมื่อถูกปลุกขึ้นมาแล้วไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ไม่มีใครสามารถทำให้มันสงบลงได้จนกว่ามันจะได้ดื่มเลือดคนจริงๆ


ผมได้อ่านแล้ว มันหมายถงการปัิดสวะ ของสมศักดิ์เจียม จริง ๆ พยายามชักเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้คนอ่านเห็นใจ แต่กลับกลายเป็นว่า ปัดสวะ ปัดความรับผิดชอบ มากกว่า

ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ

 


#143 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 02:07

เพราะสถานการณ์ที่พวกฝ่ายขวาก่อขึ้นมาในบ่ายวันที่ 5 ตุลาคม 2519 นั้นเหมือนกับผีดูดเลือดที่เมื่อถูกปลุกขึ้นมาแล้วไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ไม่มีใครสามารถทำให้มันสงบลงได้จนกว่ามันจะได้ดื่มเลือดคนจริงๆ

เห็นความตอแหลของผู้นำม็อบใหมครับ
ฝ่ายขวามันเป็นผีดูดเลือด...ไม่มีใครทำให้มันสงบได้
จนกว่ามันจะได้ดื่มเลือดคนจริงๆ
ก็เลยส่งเพื่อนไปให้ผีดูดเลือดฆ่าทิ้งอย่างทารุณ บัดซบใหมครับ
มันคิดอย่างนี้แหละ จึงเกิดสี่แยกคอกวัวและราชประสงค์ขึ้นมาได้

ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องมาห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นดอก
ประเด็นมันอยู่ที่เอ็งไม่ห่วงชีวิตเพื่อน คิดว่ากักคนไว้หลายๆ พัน เพื่อเป็นโล่ห์มนุษย์เท่านั้
การชุมนุมไล่ถนอมในครั้งนั้น พ่ายแพ้ตั้งแต่ไม่มีคนมาร่วมประท้วงแล้ว
แต่พวกเด็กสวน กับแกนนำศูนย์นิสิตยังดันทุรังทำม๊อบต่อไป
ทั้งๆ ที่ทุกฝ่ายรู้ทั่วถึงกันหมดแล้วว่า





จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นแน่ๆ

Edited by amplepoor, 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 02:08.


#144 Moo3storey

Moo3storey

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,284 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 05:12

อันนี้มีประเด็นมาถามนักกฏหมายครับ กฎหมายอเมริกาเน้นความถูกต้องของหลักฐานนั้นใช้ แต่ผมไม่เคยได้ยินว่ากฎหมายไทยใช้หลักนี้นะ

แต่ไอ้เจียมฯก็ออกลายมาเลียแม้วจนได้ :lol:

Posted Image

แต่ถ้าให้พูดตรงๆคือผมว่ากระบวนการเราถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เน้นว่ากฎหมายไทยนะครับ


Posted Image

ประเด็นนี้ผมมองว่ามันไม่เกี่ยวกับว่าเป็นกฏหมายไทย หรือ กฏหมายอเมริกา หรอกครับ

ประเด็นเรื่องที่สมศักดิ์พูดมานี้ ถ้าจะนำมาเปรียบเทียบกับกรณีทักษิณก็จะเห็นได้ชัดว่า
สิ่งสำคัญคือการยอมรับในคำตัดสินของศาล ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจมากที่สมศักดิ์แทบ
ไม่เคยพูดถึงการยอมรับในคำตัดสินของศาลเลย

ประเด็นนี้ผมจะขอเปรียบเทียบดังนี้นะครับ
1 สมมุติว่าคดีเหล่านี้(รวมถึงคดีของนายมิแรนด้า โกเมซที่สมศักดิ์เคยยกมาอ้างตอบคุณสมคิด)
ถ้าเกิดศาลตัดสินตามหลักฐาน และพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดจริง ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ ใช่ หรือ ไม่

2 ในกรณี Law & Order ที่สมศักดิ์นำมาอ้าง สมศักดิ์ก็บอกเองว่ากรณีการใช้โปรแกรม facial recognition ในสมัยนั้นยังไม่ได้มีการรับรองอย่างเป็นทางการ แต่ในเวลาต่อมาได้มีการรับรอง และ ยอมรับให้ใช้ได้ซึ่งก็หมายความที่มาของหลักฐานนั้นมันสำคัญตรงที่ว่าหลักฐานนั้นเป็นของจริงหรือเปล่า ทั้งกรณี L&O กับกรณีของทักษิณมีที่เหมือนกันคือหลักฐานที่ฝ่าโจทก์นำมากล่าวหาฟ้องร้องนั้นเป็นความจริงไม่ได้เป็นการใส่ร้าย

และประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือการมีกฏหมายรองรับ(แค่นั้นเอง ขอเพียงมีกฏหมายรองรับ) ซึ่งที่มาของคตส.เผอิญว่ามันก็มีการออกกฏหมายรองรับอีก นั่นก็สรุปได้ว่าหลักฐานที่ใช้ฟ้องร้องทักษิณนั้นชอบแล้วถูกต้องแล้ว

ดังนั้นคดีของทักษิณที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว สิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายควรจะยอมรับในคำตัดสินของศาล

Edited by Moo3storey, 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 05:15.


#145 วะเฮ้ย

วะเฮ้ย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 490 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 07:13

ผมว่าไอ้หงอกมันโดนเรื่อง 6 ตุลาหลอกหลอน นอนไม่หลับ มันรับความจริงที่ว่าตัวเองพาเพื่อนนักศึกษาไปตายไม่ได้ อยากล้างความผิดในใจตัวเองโดยการโยนความผิดให้สถาบัน

คนอะไรคิดแต่เรื่องเก่าๆไม่ยอม move on กับชีวิต
โอเคสมมุติสถาบันผิดเรื่องเข้าปราบปรามกรณี 6 ตุลา หงอกก็ผิดไม่แพ้กันเรื่องพาคนไปตาย กรรมยังตามติดหงอกไปเสมอ แนะนำให้ทำบุญนั่งสมาธิบ้าง ปล่อยวางบ้าง เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น

#146 Moo3storey

Moo3storey

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,284 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 07:51

ผมขอต่อประเด็น L&O กับ Miranda Right ที่สมศักดิ์ยกขึ้นมาอ้างอีกนิด

คือสมศักดิ์กำลังนำเอาเหตุผลของเรื่องหนึ่งมาตอบคำถามอีกข้อหนึ่งซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน

ขอขยายความอย่างนี้ อย่าง กรณีคดีของดวง อยู่บำรุง(คดีไอ้ปื้ด) ที่ศาลตัดสินตามพยานหลักฐาน กรณีนั้นก็มีคนตั้งข้อสงสัยกันมากว่าอาจจะมีการข่มขู่พยาน, มีการทำลายหลักฐาน ฯลฯ ซึ่งทำให้ผลคดีออกมาแบบนั้น แต่ในที่สุดแล้วสังคมก็ยอมรับในคำตัดสินของศาล

ผมเห็นด้วยนะ กับประเด็นที่สมศักดิ์อยากให้มีการทำคดีโดยใช้กระบวนการที่ถูกต้องให้โอกาสกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดี แต่มันคนละเรื่องกับผลคำตัดสินของศาลนะ(เพราะคำตัดสินของศาลแก้ไม่ได้) คือถ้าจะเรียกร้องในเรื่องวิธีการสอบสวนก็เป็นเรื่องที่ดี(อันนี้ผมเห็นด้วย) ก็ไปเรียกร้องในส่วนนั้น ไม่ควรเอามามั่วปนกับเรื่องผลการตัดสินของศาล

#147 ฝนทั่ง

ฝนทั่ง

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 39 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 07:53

อย่าง หงอกเจียมจะคิดได้ใหมนั่น
โดนถอนหงอกจนจะหมดหัวอยู่แล้ว ไม่เห็นมันจะมีสำนึก
มันจึงต้องรีบดิ้น ก่อนจะตาย

#148 ryukendo

ryukendo

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,383 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 07:54

พวกจินตนาการมันฟุ้งเฟ้อ ถ้าไม่ได้ระบายออกมามันคงอกแตกตาย แต่คนที่ซวยคือคนที่ไปฟังนิทานจินตนาการของมัน :lol: :lol: :lol:
บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะทำพังแล้วร้องไห้ขออันใหม่

#149 ก๊องส์ไข่กวน

ก๊องส์ไข่กวน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,012 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:13

ไอ้หงอก มันสอน อยู่หลายปี
มัน ปลูกฝังแนวคิดระยำ ให้ลูกศิษของมัน
คงไม่น้อย...

#150 ดราม่า

ดราม่า

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,395 posts

ตอบ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:33

Posted Image
https://www.facebook...&type=3
"หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อ" อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สนับสนุนกฎหมายเก็บภาษีที่ดินคนรวย สนันสนุนกฎหมายเก็บภาษีมรดก “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”หนูดี




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน