969 replies to this topic

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ผมไม่ได้ดูหงส์แดงกับหงส์ขาวเมื่อคืน เลยไม่ขอวิจารณ์ครับ เอาบทวิเคราะห์ของ เดอะซัง มาโพสแล้วกันครับ

https://www.facebook...&type=1

ส่วนตัวก็เห็นด้วยกับแกนะ ที่อยากให้แฟนหงส์อดทนกับการสร้างทีมใหม่นิดนึง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก่อนเกมวันนี้ผมกะว่าลิเวอร์พูล มีโอกาสแพ้สวอนซีสูงมาก เสมอได้ก็บุญแล้ว เพราะสวอนซีวางรากฐานทีมเวิร์กมาดีมาก และลิเวอร์พูลก็เหมือนจะแพ้ทางมาตลอด (เพิ่งโดนบุกอัดคาบ้านไปเมื่อไม่นานมานี้) จะสังเกตได้ว่า สวอนซีแต่ละคนมีจินตนาการในการเล่น มีการวิ่งหาช่อง แบบที่นักเตะลิเวอร์พูลตามไม่ทันหลายๆครั้ง

รูปเกมในครึ่งแรกอย่างที่บอก ช่วง 10 นาทีแรก สวอนซีต่อบอลเร็ว จนได้ลุ้นหลายครั้ง เรียกได้ว่าลิเวอร์พูลหาบอลกันไม่เจอ แต่ลิเวอร์พูลของร็อดเจอร์สก็ค่อยๆปรับสปีดในการเล่น จนเริ่มทำเกมได้ และก็เริ่มเหนือกว่า ตั้งแต่นาทีที่ 20 เป็นต้นไป ลิเวอร์พูลบุกบดจนเกือบทำประตูได้หลายครั้ง จนจบครึ่งแรก

พบจบครึ่งแรก สิ่งที่ผมคิดคือ เล่นแบบนี้ มีลุ้นถึงชนะ พอเริ่มครึ่งหลัง เลาดรูปเลยปรับแทคติคใหม่ เปลี่ยนตัว คี ซุง เยือน ลงมา แล้วเน้นเกมรับแล้วรอสวนกลับมากขึ้น ต่างจากครึ่งแรกที่บุกแลกหมัดกัน จนกลับมาเริ่มกดดันลิเวอร์พูลได้


เมื่อจบเกมเสมอกัน 0-0 ถือว่าแฟร์สำหรับทั้งสองทีม ดูสกอร์ 0-0 คนที่ไม่ได้ดูเกมอาจคิดว่าเล่นกันน่าเบื่อ แต่ผมว่า เกมนี้ เล่นกันสนุกและชิงจังหวะกันตลอด ต้องยกความดีให้เกมรับของทั้งสองทีมที่ทำงานได้ดี

สำหรับผม ผมชอบกุนซืออย่างร็อดเจอร์สจริงๆ ร็อดเจอร์สไม่เคยนั่งดูเกมเฉยๆ แต่คิดหมากแก้เกมอยู่ตลอดเวลา เกมนี้เป็นเกมที่ยาก เพราะขนาดของทีมที่เล็กมาก นักเตะยังทดแทนกันไม่ได้ จะเห็นได้ว่า เมื่ออังเดร วิสดอม ฟิตไม่ทัน ทำให้ต้องส่งดาวนิ่งลงมาเล่นแบ็คซ้าย

สุดท้ายแล้ว ผลเสมอ ถือว่าลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าที่คาดนิดๆ (คาดว่าน่าจะแพ้) และยังมีลุ้นถึงชนะอีกด้วย (จากที่โดนบอลสวอนซีข่มมาตลอดในนัดหลังๆที่เจอกัน)

อย่าลืมว่า ตอนนี้ร็อดเจอร์ทำสำเร็จไปอย่างนึงแล้วคือ ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่แพ้ยากขึ้น แม้เกมรุกยังไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ในวันที่เจอร์ราร์ดโรยราลงไป แต่บีร็อดก็คิดถูกที่กล้าดันดาวรุ่งอย่างสเตอริ่งและซูโซ่ขึ้นชุดใหญ่ รวมถึงการคืนชีพให้เอนริเก้ในตำแหน่งปีก ที่ดูจะเล่นเข้าขากันดีกับซัวเรซด้วย นอกจากนี้ จอนโจ้ เชลวี่ ก็พัฒนาขึ้นมามาก (กลางสัปดาห์ เชลวี่ เล่นเป็นกองหน้าและทำได้ 1 ประตู)

สำหรับแฟนหงส์ต้องให้เวลากับลิเวอร์พูลอีกหน่อย เพราะ FSG พอใจแนวทางการทำทีมลักษณะนี้ คือ ไม่มีการทุ่มเงินซื้อแบบฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่สร้างทีมจากการวางรากฐานทีมใหม่หมด

ถ้าจะหวังให้ลิเวอร์พูลสำเร็จแบบทันทีทันใด ลุ้นให้ชีกหรือเศรษฐีรัสเซียมาซื้อทีมเอาเถอะ แล้วก็ทุ่มซื้อแม่มให้หมด

แต่ผมชอบแนวทางที่ทีมกำลังเป็นอยู่นะ ให้ชีกมาซื้อเหมือนใช้ FMEdit โกงเงินเลยว่ะ สร้างทีมแบบเท่ๆดีกว่า

Edited by Lucas Leiva Benitez, 26 November 2012 - 10:35.

[greeenday]

เป็นไงบ้างครับเมื่อคืนได้ดูกันไหมครับจบเกมส์ตอนตี 4.45 น.พอดิบพอดีผล Spur 2-1 Liverpool เรื่องรูปเกมส์ไม่ต้องพูดถึงครับปัญหาเดิมๆ ก็ได้แต่อดทนไว้ๆๆๆๆๆ วันนี้เลยเอาบทความดีๆมาฝากครับ

อนาคตร็อดเจอร์ส..อนาคตลิเวอร์พูล

ถ้าบอกว่าลิเวอร์พูลเพิ่งแพ้เกมแรกในเก้าเกมล่าสุดของพรีเมียร์ ลีค ฟังเหมือนดูดีจัง แต่ที่จริงในจำนวนนั้นมีชนะแค่สาม เสมอถึงห้า จึงทำให้แต้มขยับช้า เมื่อรวมกับที่ไม่ชนะเลยในห้าเกมแรกต้องบอกว่าลิเวอร์พูล ณ ปัจจุบันยังทำคะแนนได้น่าผิดหวังถึงค่อนข้างแย่ ยังติดหนึบอยู่กลางตารางชนิดที่ว่าจะขึ้นจะลงได้ทุกเมื่อ และที่สำคัญพรีเมียร์ ลีคได้ผ่านหนึ่งในสามของฤดูกาล หมดเวลาโปรโมชั่นแล้วค่ะ.

ที่ยังดีและพอดูได้คือรูปแบบการเล่น แม้จะไม่ชนะแต่ก็มีหลายเกมที่ดูแล้วได้ลุ้นสนุก การต่อบอล ครองเกม ดูดีมีสกุลรุนชาติ ตรงนี้กระมังที่ทำให้กระแสนิยมในตัวร็อดเจอร์สยังพอไหว ส่วนจะอยู่ได้ไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่างซึ่งต้องเอามาพิจารณาไปพร้อมๆกัน.

ร็อดเจอร์สเป็นหนึ่งในบรรดา ผจก.ทีมที่ได้รับสิทธิพิเศษและคะแนนนิยมเป็นการส่วนตัวจากเจ้าของและบอร์ดบริหารอยู่พอสมควร ด้วยความที่เป็น ผจก.ที่เจ้าของเลือกเองกับมือ ดังนั้นขี้หมูขี้หมาถ้าผลงานไม่ขี้เหร่มาก และดูดีมีทรงมีอนาคตเชื่อว่าเก้าอี้ของผู้จัดการตาหวานรายนี้น่าจะยังเย็นอยู่ได้ กอปรกับปีนี้ลิเวอร์พูลตั้งเป้าไว้ไม่สูงนักจะว่าไปแล้วแทบจะไม่มีเป้าหมายชัดเจนหรือจับต้องได้ด้วยซ้ำ ด้วยนโยบายรัดเข็มขัด เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย การซื้อตัวผู้เล่นและค่าเหนื่อยต้องสมเหตุสมผล เน้นตัวที่ฝีเท้าดีมีอนาคต ราคาไม่แพงเว่อร์ เน้นรูปแบบการเล่นเป็นสำคัญ โดยเชื่อว่าระบบของร็อดเจอร์สเหมาะสมสอดคล้องกับนโยบาย ซึ่งในเมื่อมีนโยบายระยะยาวแบบนี้ ถ้าจะวัดผลกันจริงๆก็ต้องดูกันยาวๆล่ะ แต่จะยาวเท่าไหร่ ยาวอย่างไร แฟนบอลจะทนได้แค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง.

ลิเวอร์พูลกำลังประสบปัญหาเรื่องการทำประตู, การเสริมทีมช่วงตลาดหน้าหนาวที่กำลังใกล้เข้ามาน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง การซื้อตัวตลาดมกราฯคือการซื้อเพื่อแก้ไขปัญหา และสิ่งสำคัญที่สุดคือผลงานในทัวร์นาเม้นท์หลักนั่นก็คือ “พรีเมียร์ ลึก” , อย่างที่ฝรั่งเขาบอกว่า “Bread and Butter” นั่นละ, ตอนนี้ตารางคะแนนมันบอกอยู่โทนโท่ ถ้ายังไม่กระเตื้องขึ้นโดยเร็ว เวลาจะเหลือน้อยลง..มันจะส่งผลถึงความมั่นใจของบรรดานักเตะ(ระดับซีเนียร์) ที่ต้องเล่นตามระบบของผู้จัดการ พวกเขาจะมีคำถามขึ้นมาในใจว่า “ของจริง” หรือ, ดังนั้นมกราคม ที่จะถึงนี้จะได้เห็นกันว่าระดับลิเวอร์พูลจะมี “กึ๋น” ในการรับมือกับปัญหานี้อย่างไร และถ้าลูคัสกลับมา จะต้องเซ็ทระบบกันอีกหรือไม่.

ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง, ร็อดเจอร์สต้องไม่เหลิง ต้องไม่คิดว่าได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของแล้วจะเล่นจะลองผิดลองถูกกับตำแหน่งนักเตะในทีมอย่างไรก็ได้ ต้องหาจุดที่ลงตัวโดยเร็ว แม้เจ้าของทีมจะไม่ว่าแต่แฟนบอลเค้าไม่รอนานแน่ อย่างช้าที่สุด สิ้นฤดูกาลนี้จะได้รู้กันว่า เอาเข้าจริงๆแล้ว ร็อดเจอร์สอยู่ได้ด้วยเจ้าของทีม หรืออยู่ได้ด้วยเสียงของมหาชน.

By ไอ้ทุย@thekop.in.th
http://www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=129280#2459536

[greeenday]

สัมภาษณ์พิเศษ ลูคัส เลวา จากเว็บ FourFourTwo

คุณไม่มีทางกล่าวอ้างได้อีกต่อไปว่า ชายคนนี้ถูกโจมตีในแอนฟิลด์ เพราะในตอนนี้ มันไม่มีข้อสงสัยต่อความสำคัญของ ลูคัส เลวา ต่อลิเวอร์พูลเลย

การบาดเจ็บนั้นทำลายเวลาในอาชีพของมิดฟิลด์ชาวบราซิเลียนไปถึง 12 เดือน แต่เจ้าตัวก็ยังคงมองโลกในแง่ดี และในเวลาที่เขาใกล้จะกลับเข้าสู่ทีมชุดใหญ่อีกครั้ง ลูคัส เลวา ได้ให้สัมภาษณ์กับ FourFourTwo ถึงชีวิตของเขาในเมอร์ซีไซด์ ความเป็นเพือ่นระหว่างตัวเขาและ หลุยส์ ซัวเรซ และการสนับสนุนของผู้คนที่นี่

การฟื้นฟูร่างกายของคุณก้าวหน้าอย่างไรบ้าง?

มันดีเลยล่ะ มันเป็นไปตามแผล ผมได้ซ้อมร่วมกับเพื่อนๆแล้ว และอีกไม่นาน ผมจะพร้อมที่จะเล่น แน่นอน มันขึ้นอยู่กับความเห็นของโค้ช แต่สิ่งสำคัญ คือ ผมรู้สึกดีมากๆในการซ้อมวันแรก ตอนนี้ มันเป็นขั้นเป็นตอนไปอย่างช้าๆ และฟื้นจังหวะและสภาพต่างๆ มันไม่มีเหตุผลที่ต้องเร่งอะไร

การได้รับบาดเจ็บถึง 2 ครั้งในระยะวลาสั้นๆนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในอาชีพคุณเลยหรือเปล่า?

ใช่เลยล่ะ ผมไม่เคยได้รับบาดเจ็บรุนแรงอะไรเลย ตลอด 5 ปีที่มาอยู่ที่ลิเวอร์พูล และได้ลงเล่นเกือบ 200 เกม ผมอยู่ในช่วงเวลาที่ดีในทีมชาติด้วย และตอนนี้ มันก้เกือบปีแล้วที่ผมไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติเลย มันเป้นปีที่ยาก แต่ผมก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย การบาดเจ็บเนี่ย ทำให้คุณคิดย้อนถึงสิ่งต่างๆและเรียนรู้มันเป็นบทเรียน

คุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง?


มันเป็นมากกว่าบทเรียนชีวิต บางครั้ง การบาดเจ็บจะทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่แล้วคุณมองไปรอบๆตัวคุณ และมีคนมากมายที่เจอเรื่องแย่กว่าคุณ อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าคุณ ดังนั้น คุณก็จะเริ่มเห็นค่าในสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน และการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้ผมเห็นคุณค่าของฟุตบอล และช่วงเวลาในอาชีพของผม ซึ่งผมรู้ว่าเต็มที่ก็ราวๆอีก 15 ปี และพยายามสนุกกับทุกๆช่วงเวลาของมันเหมือนว่ามันเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว

จะมีความกดดันมากมายมาที่ตัวคุณหรือไม่ เมื่อคุณกลับเข้าสู่ทีม เพราะผู้คนจำนวนมากต่างพูดว่า คุณจะสร้างความแตกต่างได้?

ผมคิดว่า ความคาดหวังมันสูงทีเดียว โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ผลการแข่งขันไม่ดีนัก มันเป็นปกติ แต่ผมไม่ใช่นักเตะประเภทที่จะกลับมาและทำประตู ไม่มีทางที่แฟนๆจะคาดหวังแบบนั้นหรอก พวกเขาอาจจะความหวังในสิ่งที่พวกเขาอาจจะไม่ได้เห็นในตอนนี้ในทีม สิ่งที่ผมทำก่อนที่จะบาดเจ็บ

แต่ผมจำเป็นต้องตั้งเป้า ความตั้งใจของผมในตอนนี้ คือ ฝึกซ้อมให้ดี เล่น ทำให้ร่างกายของผมพร้อมสำหรับเกมการแข่งขันอีกครั้ง แล้วก้าวต่อไปถึงจะเป็นการพัฒนาฟอร์มการเล่นของผมเอง ถ้าผมยกเรื่องของฟอร์มการเล่นไว้เหนือสิ่งอื่น มันสามารถที่จะกลายเป้นความผิดหวังได้ ทุกคนรู้ดีว่า เกมแรกที่ผมกลับมา ผมจะไม่สามารถเล่นในแบบเดิมได้ แบบตอนก่อนบาดเจ็บที่ร่างกายผมฟิตสมบูรณ์ ผมจะกลับไปสู่ในระดับนั้นให้ได้ แต่มันต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้น ผมไม่รู้สึกกดดันมากนัก และผู้คนต่างก็รู้และเข้าใจช่วงเวลาแบบนี้เป็นอย่างดี


คุณทำอะไรบ้างในตอนที่ได้รับบาดเจ็บ?

ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ เมื่อคุณได้รับบาดเจ็บ คุณจะมีเวลาว่างมากทีเดียวที่สโมสร มากกว่าตอนที่คุณฟิตสมบูรณ์ ตอนเราต้องลงเล่น เรามักจะซ้อมกันน้อยด้วยซ้ำ เพราะมันมีเกมจำนวนมาก และต้องเดินทางอีก ดังนั้น ตอนนี้ ผมเลยเบื่อมากๆ มันเป้นความทรมานที่ไม่มีอะไรมาช่วยได้ ต้องใช้เวลามากมายในโรงยิม หรือไม่ก็สระว่ายน้ำ มากกว่าในสนาม นั่นมันทำให้จิตตก จนกว่าคุณจะเริ่มวิ่งได้นั่นแหละ คุณถึงจะรู้สึกเหมือนเป็นนักฟุตบอลอีกครั้ง

ชีวิตที่ลิเวอร์พูลภายใต้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นอย่างไรบ้าง?

ทุกคนมีความคาดหวังสูงกับปรัชญาของเขา และมันชัดเจนว่าหลายสิ่งได้เปลี่ยนไป แต่มันต้องใช้เวลา เบรแดนมีปรัชญาที่ชัดเจน และไม่ใส่ใจกับผลการแข่งขันที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ดังนั้น มันทำให้เรามั่นใจมากขึ้นกับอนาคต

คุณค่อนข้างใกล้ชิดกับ หลุยส์ ซัวเรซ เขามีปฏิกิริยาอย่างไรกับประเด็นเรื่องยุ่งยากกับเอวรา?

จริงๆนะ เราพยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อนั้น เพราะมันเป็นสถานการณืที่ยากและไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนุกกับมันอย่างแน่นอน สิ่งที่ผมทำคืออยู่ตรงนี้เพื่อเขา ถ้าเขาต้องการจะพูด ระบายอะไร บอกผมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ผมสนิทกับเขาและผมรู้ว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดี มีมุขตลกด้วย ตอนนี้ มันเป็นอดีตไปแล้ว และเราต้องก้าวไปข้างหน้า นี่เป้นเรื่องซับซ้อม และเราต้องการให้เขาสงบกับมันเสียที

ลิเวอร์พูลขาดแคลนกองหน้า ไม่เหมือนบราซิล ถ้าเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ขอคำแนะนำจากคุณ คุณจะแนะนำให้เขาเซ็นสัญญากับใครในทีมเซเลเซา?

อืมม.. เอาแบบเป็นเอกฉันท์ในบราซิลเลยนะ ก้ต้องเป็น เนยมาร์ เขาเป็นนักเตะที่แตกต่าง แต่ผมรู้ว่าการเซ้นสัญญากับเขาเป็นเรื่องยาก เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นลองมองคนอื่นดูอีกซักคน ผมจะเลือกดามิเยา เขาจะเหมาะสำหรับพรีเมียร์ลีกมากๆ แล้วเขาก็เป็นกองหน้าตัวกลางที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถจบสกอร์ได้ดี


คุณตั้งหน้าตั้งตารอคอยฟุตบอลโลกในบราซิลหรือเปล่า คุณคุณว่าคุณจะสามารถติดทีม 23 คนสุดท้ายได้หรือไม่?

แน่นอน สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีก่อนบาดเจ็บ ผมได้ลงเป็นตัวตริงเกือบทุกเกม ผมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และผมรู้ว่าในไม่ช้า ผมจะได้รับโอกาสอีกครั้ง ยังมีเวลาอีก 7 เดือนกว่าจะถึง คอนเฟดเดอร์เรชัน คัพ และความตั้งใจของผม คือ กลับไปติดทีมชาติอีกครั้งและเล่นในฟุตบอลโลกให้ได้

ยากขนาดไหนกับการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นฟุตบอลในอังกฤษ?

มันยากมากๆ ทุกคนรู้ดีว่าการเริ่มต้นของผมทีนี่ไม่ง่ายเลย มันไม่ได้รู้สึกพร้อมสำหรับพรีเมียร์ลีก แม้กระทั่งเรื่องของร่างกาย แต่ผมก็สู้อย่างดื้อดึงจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าผมทำได้มากกว่าการปรับตัว ผมเล่นได้เหมือนนักเตะที่เล่นในลีกนี้ ผมพยามจะเล่นด้วยความรุนแรงและแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ลืมเทคนิคที่ผมได้เรียนรู้มาจากบราซิล

คุณเคยเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกมากก่อนในบราซิล มันเป็นการตัดสินใจที่มีสติดีหรือเปล่าที่เปลี่ยนมาเล่นเป้นนักเตะเชิงรับที่ลิเวอร์พูล?

ใช่ๆ การเลือกเพื่อเล่นเกมรับมากกว่าเป็นแนวทางที่ผมรู้สึกสบายใจ ผมพบตัวเองในตำแหน่งนี้ และตอนนี้ ผมก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะย้อนกลับไป แล้วมันก็เหมาะกับแคเรกเตอร์ของผมด้วย แน่นอน บางครั้งมันก็สนุกว่าที่จะเล่นเกมรุก แต่ในบทบาทตัวรับ ผมเชื่อว่าผทสามารถให้อะไรแก่ทีมได้มากกว่า

ทำไมนักเตะชาวบราซิลบางคนปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษไม่ได้?

ผมคิดว่าบางครั้งมันเป็นบางสิ่งที่จะทำกับลักษณะของนักเตะแต่ละคน 2-3 ปีก่อน ผมได้เห็นนักเตะตัวรับชาวบราซิลปรับตัวเล่นที่นี่ ..จูนินโญ(ที่มิดเดิลสโบรว์) ซึ่งเป็นข้อยกเว้น แต่ผมคิดว่า กิลแบร์โต ซิลวา (ที่อาร์เซนอล) ได้พิสูจน์แล้วว่านักเตะบราซิเลียนก็ประสบความสำเร็จได้ในอังกฤษ ถัดมาเป็น โรบินโญ ซึ่งไม่สามารถอยู่ต่อได้นานด้วยบางเหตุผล บางทีอาจเพราะเขารู้สึกไม่สะดวกสบายใจ เวลานั้น ผมก็คิดที่จะมองหาลีกอื่นเหมือนกัน แต่บางสิ่งบอกผมว่า คุณควรพยายามต่อไป และมันจะดีขึ้นเองในซักวันหนึ่ง ผมได้รับรางวัลจากความดื้อดึงนี้ และมันยังช่วยให้ผมได้เริ่มต้นบางสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ทำ เช่น การเปลี่ยนตำแหน่งของผม ตอนนี้ เรามีนักเตะบราซิเลียนมากมาย อย่างเช่น ราฟาเอล, ฟาบิโอ, เอนเดอร์สัน,ซานโดร, โกเมส, จูลิโอ เซซาร์, รามิเรส, ดาวิด ลุยซ์, ออสการ์ ผมคิดว่าทางจิตใจ พวกเราได้พิสูจน์ตัวตนแล้ว ว่าสามารถปรับตัวได้

แล้วคุณชอบชีวิตในอังกฤษมั้ย?

ผมมั่นใจว่าทุกคน แม้แต่คนอังกฤษเอง จะต้องบ่นในเรื่องเดียวกัน : สภาพอากาศ ไม่มีใครที่นี่พูดหรอกว่าอากาศดีเหลือเกิน มันเป้นมติเอกฉันท์เลยว่ามันไม่ใช่อะไรที่ดีที่สุดในโลก แต่ผมคิดว่านี่ก็ไม่ควรจะเป็นเหตุผลที่คุณจะไม่อยู่ที่นี่เหมือนกัน

เห็นได้ชัดว่า เมื่อมีแดด ทุกอย่างดูดีไปหมด คุณรู้สึกว่ามีพลังงานมากขึ้น แต่นั่นก็โอเค กับ 15-20 ปีของชีวิตผมที่จะถูกทุ่มเทเพื่อฟุตบอล ทีนี่มีพรีเมียร์ลีก สนามเต็มทุกนัด แฟนๆมีอารมณืร่วมสูง แต่ก็เต็มไปด้วยความเคารพกัน มันปลอดภัยที่จะไปร้านอาหารกับครอบครัวของคุณ นี่มันทำให้เรื่องของอากาศไร้ค่าและเป็นเรื่องเล็กไปเลย

เมื่อผมไปที่สโมสร ผมรู้สึกเหมือน ผมกำลังไปทำงานบริษัท ว่าผมกำลังไปทำงาน ผมคิดว่านี่คือวิธีการมองฟุตบอลในประเทศอังกฤษ และนั่นคือเหตุผลว่ามีความเคารพเสมอจากในสนามฟุตบอล

คุณพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่าเมื่อตอนที่คุณเพิ่งมาถึงใหม่ๆ?

ผมก็พอรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่ผมพูดไม่ได้หรอก แค่เข้าใจในบทสนทนาเท่านั้น ผมได้เรียนเพิ่มเติมเป็นส่วนตัว เพราะผมคิดว่ามันจำเป็นที่ต้องพูดให้ได้ ผมสังเกตว่าคนอังกฟษค่อนข้างประทับใจนะ เมื่อคุณพยายามที่จะพูด แม้จะผิดก็ตาม

มันยากแค่ไหนกว่าจะเข้าใจสำเนียงของ เจมี คาร์ราเกอร์?

ผมต้องยอมรับเลยว่า ในตอนแรก มันยากมากๆ สำเนียงที่นี่ฟังยากสุดๆ มันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากมาย แต่เมื่อพวกเขาพูดในหมู่พวกเขากันเอง ผมมักจะไม่รู้เรื่องในบางคำ เช่น คำแสลง แต่ตอนนี้ ผมใช้มันด้วยซ้ำ และบางครั้งผมก็พบว่าตัวเองออกเสียงแบบสเกาซ์ด้วย เช่น เสียง “la” และ “ta”

งานในส่วนเกมรับ และการป้องกันตัวรุกของคู่แข่ง ทำให้คุณเป็นนักเตะที่ทำหน้าที่เหมือนทำความสะอาดในสนาม แล้วบ้านคุณเองล่ะ?

ผมเป็นคนสะอาดนะ ผมชอบจัดบ้านเหมือนกัน แน่นอน มีช่วงเวลาที่คุณอาจจะอนุญาตให้ตัวเองทิ้งทุกอย่างไว้อย่างนั้นบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้แตกต่างนะระหว่างที่บ้านกับสิ่งที่ผมทำในสนาม

คุณมีฟาร์มปศุสัตว์ในบราซิล คุณดูแลฝูงวัวของคุณอย่างไร?

ชีวิตของปู่ของผมอยู่ในชนบทมาตลอด และผมก็เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น 5 ปีก่อน ผมตัดสินใจลงทุนในฟาร์มปศุสัตว์ และมีพี่ชายของผมเป็นสัตวแพทย์ เขาดูแลทั้งหมด ผมไม่ได้มีแผนว่าจะย้ายมันในอนาคตหรอก แต่ตราบเท่าที่ผมมีคนที่ผมเชื่อใจได้ อย่างพี่ชายของผม ผมก็มั่นใจพอมราจะทำมันเป็นธุรกิจนะ

ที่มา : เว็บ FourFourTwo
สัมภาษณ์โดย : Jonas Oliveira (November 2012)
แปลโดย : howk_ky
http://www.lovelfc.com/blogs/2012/11/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%AA-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A-fourfourtwo/

โอ้ว....เป็นนายฮ้อยก็ไม่บอก

[แม่รำพึง]

ผมว่านอกจากกองหน้าเรามีน้อยแล้ว มิดฟิลด์ตัวรับนี่ปัญหาใหญ่เลยแหละครับ
ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาไม่มีนัดไหนเลยที่เราเล่นโดยมีมิดฟิลด์ตัวรับแท้ๆนั่นทำให้หลังเราต้องทำงานหนัก
มากกว่าเดิม การบาดเจ็บของลูคัสเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ที่ยังปิดไม่ได้ตั้งแต่กลางฤดูกาลที่แล้วจวบจนบัดนี้
ผมแปลกใจว่าทำไมเราไม่ซื้อมิดฟิลด์ตัวรับดีๆมาเป็นกำลังสำรองไว้...
อ่านบทสัมภาษณ์ของลูคัสแล้วคิดถึงครับอยากให้กลับมาลงสนามไวๆยอมรับว่าเมื่อก่อนด่าลูลู่ไว้เยอะ
แต่เขาก็สู้จนได้เป็นหัวใจหลักในแดนกลางของทีมและกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลลิเวอร์พูลได้ในปัจจุบัน
ล่าสุดเห็นว่าพร้อมลงสนามในวันเสาร์นี้ในเกมส์เปิดบ้านรับมือกับนักบุญเซาท์แธมป์ตันนี้แล้วครับ
ขอให้การกลับมาของลูลู่กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้ทีมกลับมาสู้เส้นทางแห่งชัยชนะและก้าวไปข้างหน้าเสียที

ปล.ผมยังเชียร์รอดเจอร์อยู่นะ (เข้าเว็บหงส์แดงหลายเว็บมีแต่ด่ารอดเจอร์กันทั้งนั้นเลย)

[greeenday]

เอามาต่อจากเมื่อวานครับ


บทความต้อนรับการกลับมาของลูคัส แทคติคที่เติมเต็ม
Analysis: The impact of Lucas’ return on Joe Allen
By : Sami Faizullah

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขวัญใจเดอะค็อปอย่าง ลูคัส เลว่า ได้ลงเล่นร่วมกับน้องๆในU21เพื่อเรียกความฟิต หลังจากที่หายหน้าหายตาไปทำหน้าที่แมวมองชั่วคราว พร้อมด้วยอาการบาดเจ็บในเกมส์กับเรือใบในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ในอีกช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้านี้เราจะได้เห็นมิดฟิลด์วัย25คนนี้กลับมาลงเล่นในทีมชุดใหญ่อีกครั้ง.

BR มีผู้เล่นแผงกลางเยอะแยะมากมายจนบางครั้งต้องแบ่งหน้าที่อื่นๆให้ทำบ้าง เช่น โยกไปเล่นเป็นแบ๊ค เอาแบ๊คมาเล่นปีก ถึงแม้นจะมีสิทธิลองทีมได้อย่างอิสระ แต่กับผู้เล่นที่รับหน้าที่มิดฟิลด์ตัวตัดเกมส์ก็ยังมีแค่คนเดียว นั่นก็คือ ลูลู่ นั่นเอง.

ดังนั้นแล้วหวยจึงไปออกที่หนุ่มน้อยหน้ามนผู้มาใหม่อย่าง โจ อัลเลน ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการเซ็นต์สัญญาที่ดีที่สุดในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา.

มิดฟิลด์ชาวเวลส์ผู้นี้มีผลงานเริ่มต้นที่ดีกับสีเสื้อใหม่ของเขา แต่ในเกมส์กับเชลซีที่ผ่านมาก็เริ่มทำให้เหล่าแฟนๆเริ่มจะหวั่นๆเหมือนกัน เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปว่าในเกมส์นั้นเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ตอนต้นซีซั่นอัลเลนแทบจะเป็นหัวใจในแดนกลาง บอลแทบทุกจังหวะจะต้องมาฝากมาพักไว้ที่เขา แต่กับเกมส์วันนั้นทุกอย่างดูเนือยๆลงไป การครองบอลก็เลยแย่ตามไปด้วย.


อัลเลนมีผลงานที่ดีในครั้งที่เล่นอยู่กับสวอนซี เขาได้เล่นเคียงข้างกับผู้เล่นอย่าง Leon Britton และทั้งคู่ก็ได้รับคำชมมากมาย แน่นอนว่าผจก.ทีมย่อมได้อานิสงค์ไปด้วย เหล่าแฟนๆสวอนจึงรู้สึกหวั่นๆและคาดหวังว่าการย้ายทีมของร็อดเจอร์สจะไม่หนีบเอาอัลเลนไปด้วย(แต่ก็เสร็จจนได้ อิอิ)

แต่คำชมเชยที่คู่หู อัลเลนและบริทตัน ได้รับนั้น(รวมถึงการนำไปเปรียบเทียบกับ ชาบี-อิเนียสต้า)ก็เป็นการทำงานภายใต้กุนซือวัยหนุ่มอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์สที่สวอนซี บริทตันในตำแหน่งกลางรับ และอัลเลนที่ขยับสูงขึ้นอีกนิดเพื่อเล่นเกมส์รุกแต่ก็มีบ้างที่ลงมาช่วยเกมส์รับเช่นกัน หากจะพูดกันในศัพท์ฟุตบอลสมัยใหม่คงต้องใช้คำว่า box-to-box midfielder การที่จะได้เห็นเขาวิ่งขึ้นวิ่งลงได้เต็มที่กำลังจะปรากฎแก่สายตาแฟนๆลิเวอร์พูล ดังที่ร็อดเจอร์สได้กล่าวมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ว่า

“คุณจะได้เห็นความยืดหยุ่นในการเล่นของเขา ว่าสามารถขึ้นเติมเกมส์ได้น่าดูขนาดไหน เขามีพลังในการเคลื่อนที่บริเวณกลางสนามและบริเวณFinal third ในบางจังหวะคุณจะเห็นการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจจากอัลเลน”

หลายๆคนมักจะพูดว่าคนที่ช่วยทีมทำประตูคือกุญแจไขความสำเร็จ กับบางคนก็อาจจะบอกว่าเกมส์รับที่เหนียวแน่นสิถึงจะดีกว่า เหล่านั้นล้วนเป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่ส่วนตัวผมเองผมคิดว่าการแบ่งหน้าที่ของกองกลางสามคนต่างหาก ที่เป็นส่วนสำคัญของทีมใดๆ หรือแทคติคใดๆก็ตาม.

ลูคัส เลว่า เป็นคนที่ถูกพูดถึงมากมายในอาชีพค้าแข้งของเขา และเป็นที่คาดหวังจากแฟนๆลิเวอร์พูล ว่าจะได้เห็นการทำงานร่วมกันในแดนกลางที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับทีมในสมัยที่มี ชาบี อลองโซ่.


แต่ก่อนที่จะไปเจาะลึกถึงเรื่องลูคัส เราควรจะคุยเรื่อง โจ อัลเลน ให้จบกันก่อนดีกว่า.

แม้นอัลเลนนั้นจะถูกจับให้เล่นเป็นตัวตัดเกมส์ และถูกลดบทบาทในการเล่นเกมส์รุกลงไปเยอะ แต่ผลงานการส่งบอลของเขานั้นกลับฟ้องว่าเขาคือคนที่จ่ายบอลได้ขมังเวทย์ที่สุดในทีม จาก13นัดในเกมส์ลีคที่ผ่านมาอัลเลนผ่านบอลได้แม่นยำถึง 91.7% ด้วยการผ่านบอลสำเร็จ827ครั้งจากทั้งหมด902ครั้ง.

แต่ก็ยังมีเสียงนกเสียงกาพูดว่า ภายใต้ความสำเร็จนั้นเป็นการจ่ายบอลแบบ แปะคืนหลัง จ่ายไปด้านข้าง บ้างก็ว่าไร้จุดหมาย แต่ถ้าดูจากผังการจ่ายบอลของเขาจะเห็นว่า เป็นการจ่ายขึ้นหน้าถึง65% และแทบทั้งหมดเป็นการจ่ายบอลสั้นๆเท้าสู่เท้า นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมBRถึงต้องหนีบเอาเขามาด้วยเพื่อปฏิรูปการเล่นที่ลิเวอร์พูล.




รูปด้านบนเป็นผังการจ่ายบอลของอัลเลนในเกมส์เจอนอริช 96%ของการผ่านบอลได้สำเร็จ ถือว่าสูงสุดสำหรับเขาในซีซั่นนี้ เขาผ่านบอลสำเร็จ91ครั้งจากทั้งหมด95ครั้ง การจ่ายแทบทั้งหมดอยู่ในพื้นที่กลางสนาม และก็อีกเล็กน้อยที่ผ่านขึ้นหน้าเข้าในกรอบเขตโทษ.

ในเกมส์รับของอัลเลนก็ไม่น้อยหน้า เขาเล่นได้น่าประทับใจถึงแม้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัด จากรูปข้างล่างนี้ท่านจะเห็นถึงตัวเลขสถิติของเขา ถึงจะดูไม่ได้ดีมากนักอันเนื่องมาจากในเกมส์ช่วงไม่กี่นัดก่อนหน้านี้ แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่าทำได้ดี.




หากเราจะเปรียบเทียบฟอร์มการเล่นของอัลเลนกับผลงานในซีซั่นที่แล้ว ตัวเลขก็จะคล้ายๆกัน(อ้างอิงตัวเลขจากเว็บทางการ http://www.liverpool...-the-opta-stats)เขามีการผ่านบอลสำเร็จที่สวอนซีด้วยตัวเลข91.2% จากการผ่านทั้งหมด2177ครั้ง อีกทั้งยังมีตัวเลขถึง85.5%ที่ผ่านบอลในแดนฝั่งตรงข้าม เขาชนะแท็กเกิ้ลได้74.5% และดวลตัวต่อตัวผ่าน54.5%

ตัวเลขสถิติเหล่านี้มันช่างน่าทึ่งที่ได้เห็นโจเล่นได้ยืดหยุ่นมากขนาดนี้เมื่อซีซั่นก่อน.

แน่นอนว่าข่าวการกลับมาของเทพลูคัสในเร็วๆนี้ จะทำให้โลกของอัลเลนสดใสขึ้นทันที BRจะได้ใช้ศักยภาพในแผงกลางอย่างเต็มความสามารถ รูปแบบการเล่นนั้นอาจจะเข้าใกล้ tiki-taka ที่กำลังเลื่องชื่ออยู่ขณะนี้ การทำเกมส์บุกเข้ายังพื้นที่Final third(กรอบซ้าย-จุดโทษ-กรอบขวา) จะได้รับการยกระดับขึ้นอีก และซัวเรสจะถูกบรรจุในตำแหน่งที่พร้อมจบสกอร์อย่างเต็มรูปแบบ.

ร็อดเจอร์สในระบบ4-3-3 และการพลิกแพลงตำแหน่งผู้เล่นที่สามารถทำได้ตลอด อาจจะกล่าวได้ว่าร็อดเจอร์สนั้นจะวาง3แดนกลางที่ไว้ใจได้ตามแต่แทคติคในแต่ละเกมส์.

การวางลูคัสในมิดฟิลด์ตัวตัดเกมส์(Defending/Holding midfielder -DM) เพื่อทำหน้าที่หยุดยั้งการบุกของฝั่งตรงข้ามและทำหน้าที่ holding ball ไปด้วยก่อนที่เพื่อนๆในเกมส์รุกจะวิ่งไปยังตำแหน่งที่ต้องการ.




โจ อัลเลน จะรับหน้าที่ยืนสูงขึ้นอีกนิด และเล่นได้อย่างอิสระ(Central/Box-to-box midfielder -CM) เพื่อให้ตัวเขาเองเล่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พื้นที่ในกรอบสีฟ้าคือ พ.ท.รับผิดชอบของอัลเลน ในเกมส์รุกจะวิ่งเติมขึ้นช่วย-ในเกมส์รับจะวิ่งลงต่ำเพื่อช่วยลูคัส. (เป็นเหตุผลว่าทำไม ชาฮิน-เฮนโด้ ถึงต้องสลับกันลงสนามในยามนี้ บางเกมส์ต้องการปะทะหนัก บางเกมส์ต้องการโฮลด์บอล)

โจ จะขยับพื้นที่เล่นเพิ่มมากขึ้นแต่จะไม่วิ่งออกปีก การเคลื่อนที่ลักษณะนี้จะช่วยรับ-ส่งบอลได้กว้างขึ้น.

หน้าที่แรกเมื่อต้องตั้งรับสำหรับอัลเลน คือการวิ่งเข้าบอลก่อนลูคัส(double line of defence) มากกว่าที่จะรีบวิ่งไปยืนข้างๆลูลู่เพื่อตั้งโซน.




โจ จะพยายามเข้าบอลในจังหวะแรกเมื่อคู่ต่อสู้เริ่มเล่นเกมส์รุก ตามแต่ตำแหน่งที่ฝั่งตรงข้ามจะบุกเข้ามา ลูลู่จะช่วยซ้อนและบล๊อคหากบอลหลุดจากพื้นที่อัลเลนออกมา สังเกตุที่เส้นสีเหลืองคือการแบ่งหน้าที่กันระหว่างสองมิดฟิลด์.

แต่เมื่อถึงจังหวะบุก อัลเลนจะมีพื้นที่เล่นอย่างอิสระ และผมจะสมมุติว่าเจอราร์ดคือกองกลางผู้ทำหน้าที่ในโซนFinal third ดังที่จะเห็นได้จากรูปด้านล่างต่อไป.




เมื่อทีมเปลี่ยนจังหวะมาเล่นเกมส์บุก ลูคัสจะเป็นคนยืนต่ำกว่าใครเพื่อน ปล่อยให้อัลเลนขยับขึ้นไปชงบอลให้เจอราร์ด แผนแบบนี้คุณคาดหวังได้เลยว่าฟูลแบ๊คสองข้างของเราจะขึ้นมากระหนาบซ้าย-ขวาแน่นอน โดยจะยืนอยู่บริเวณระหว่างกรอบสีฟ้าทั้งสองกรอบ เพื่อเพิ่มมิติในการโจมตีด้านข้าง.

การเล่นของอัลเลนที่สวอนซีนั้นจะมีการเติมเกมส์ค่อนข้างมาก หลายๆครั้งที่เขามักจะไปกับบอลได้ดี แต่ในทีมลิเวอร์พูลแล้ว การเล่นแบบนี้จะคล้ายๆสไตล์ของเจอราร์ดมากกว่า แต่อย่างที่เราๆได้เห็นกันว่าเจอราร์ดไม่ได้วิ่งเติมเกมส์ได้มากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว การเคลื่อนที่ของอัลเลนจึงช่วยเติมเต็มในส่วนนี้ นี่แล่ะหน้าที่ของ box-to-box midfielder เติมเมื่อรุก-ลงเมื่อรับ.

ด้วยการเล่นในลักษณะแบบนี้จะช่วยเพิ่มมิติในเกมส์รุกให้หลากหลายมากขึ้น ข้างหน้าที่มีทั้งหน้าเป้าและหน้ากึ่งปีกอีกสองข้าง แผงมิดฟิลด์ที่เติมขึ้นไปช่วยอีกสามคน แถมด้วยฟูลแบ๊คอีกสองข้าง จะทำให้เกมส์รุกบุกกันเพลินจนสาแก่ใจแฟนๆ.

การกลับมาของลูคัสจะช่วยยกระดับทีมได้แน่ๆหากเขายังอยู่ในฟอร์มเดิมก่อนเจ็บ ลูลู่คือคนที่เป็นหัวใจในเกมส์รับในไม่กี่ซีซั่นที่ผ่านมา หากถูกผนวกเข้ากับการเล่นได้อย่างอิสระของอัลเลน การเดินเกมส์แดนกลางได้เต็มสูบจะกลับมาสู่สายตาอีกครั้ง ที่นี่..เร็วๆนี้.


ที่มา thisisanfield.com Nov 27, 2012
แปลและเรียบเรียง : Pitbull
http://www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=129303#2459906

[greeenday]

แหม.....อ่านแล้วเคลิ้ม.....

[kop16]

หงส์แดง ก็ยังคงเป็นเป็ดแดง อยู่ ไม่มีการพัฒนา

อีกนานจะตามชั้นอย่างทีมอื่นเค้า

ไปเล่น Division 1 สักปี คงจะดี

[kop16]

หลุยส์ ซัวเรซกองหน้าความหวังของลิเวอร์พูลยิ้มร่าเลยได้รับ "10ตุง ออวอร์ด" หลังซัดได้ 10 ประตูเป็นคนแรกประจำพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้พร้อมทั้งยกเบรนแดน รอดเจอร์สเจ้านายเขาที่มีส่วนช่วยจนยิงกระจาย

กองหน้าชาวอุรุกวัยได้รับรางวัลพร้อมถ่ายรูปโดยมีเบื้องหลังเป็นคำพูดอันโด่งดังของบิล แชงคลีย์ที่สนามซ้อมของ"หงส์แดง" แล้วเมื่อรับรางวัลนี้เสร็จก็ไม่ลืมให้สัมภาษณ์ชมรอดเจอร์สที่มีส่วนช่วยให้เขาได้รับรางวัลนี้

ซัวเรซเชื่อว่าตำแหน่ง"หมายเลข 9 อิสระ"ที่กุนซือตาหวานมอบให้กับเขานั้นช่วยให้เขาได้แสดงประสิทธิภาพออกมาอย่างเต็มที่จนยิงได้ไปแล้ว 10 ประตูในลีก

"ผู้จัดการทีมมีอิทธิพลอย่างมากเลยนะ ไม่ใช่แค่กับผมหรอกแต่กับนักเตะทุกคนในสโมสรซีซั่นนี้เลย ตำแหน่งที่ผมเล่นนั้นเป็นตำแหน่งที่ผมชอบที่สุดแล้ว ตำแหน่งหมายเลข 9 อิสระ"ซัวเรซให้สัมภาษณ์

"ผู้จัดการทีมบอกผมว่าผมทำประตูได้และเพิ่มความมั่นใจให้กับผมด้วยความมั่นใจที่จะช่วยให้ทีมฟอร์มดี"

ซัวเรซก็ยังคงหวังให้นำเป็นจ่าฝูงดาวซัลโวต่อไปโดยจะช่วยลิเวอร์พูลในการต้อนรับเซาแธมป์ตันที่มาเยือนแอนฟิลด์ในสุดสัปดาห์นี้ โดยมีโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ตามหลังมาที่ 9 ลูกและเด็มบ้า บากับมิชูที่ยิงไป 8 ประตูแล้ว


http://www.soccersuc...ic.php?t=723551

[kop16]

Liverpool [1 - 0] Southampton
43' [1 - 0] D. Agger

[greeenday]

นัดโกงความตาย 2-3 แม้จะไม่มีกองหน้า พร้อมทั้งทะยานขึ้นสู่อันดับ 10

[kop16]

ขอ top four

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

นัดโกงความตาย 2-3 แม้จะไม่มีกองหน้า พร้อมทั้งทะยานขึ้นสู่อันดับ 10

ถือว่าโชคดีมากครับที่เก็บ 3 แต้มไว้ได้ ทั้งๆที่ฟอร์มโดยรวมน่าโดนคู่แข่งยิงกระจุย

สเตอริ่ง จ่ายบอลเสียเยอะครับ ยังดีที่ได้ 1 assist ส่วนจ้อนผมว่าแกเหมาะกับเป็นกองหน้านะ

ถึงแม้ว่าทักษะการยิงของแกเข้าขั้นห่วยไปหน่อย ข้อดีอย่างหนึ่งที่ผมเห็นคือ เด็กๆกล้าเล่น กล้าบุกกันมากขึ้น

จังหวะสุดท้ายเสียกันบ่อยมาก หวังว่าการเข้าทำเกมบุกจะดีกว่านี้ในนัดต่อๆไป

[greeenday]

5 เรื่องที่เราเห็น: Westham 2-3 LIverpool

แปลจากบทความในเวบไซท์ This Is Anfield ครับ


The Europa Effect ผลกระทบจากแมทช์ยูโรป้าลีก
นี่เป็นครั้งแรกที่ลิเวอร์พูลสามารถคว้าชัยชนะในลีกในเกมที่ถัดจากแมทช์ยูโรป้าลีกได้-ในความพยายามครั้งที่แปดของซีซั่นนี้ พูดอย่างตรงไปตรงมา นี่ไม่ใช่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมเท่าไรและพวกเราก็ดูจะเหนื่อยและล้ากันอยู่นาน แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ พวกเราก็ปรับตัวให้เข้ากับเกมเน้นปะทะตามสไตล์ของเวสท์แฮมได้ดี และนั่นทำให้ชัยชนะที่ได้มันหวานชื่นกว่าเดิม มันรู้สึกดีที่สุดท้ายแล้วก็เอาชนะได้ในเกมที่เล่นไม่ดีอย่างนี้

จะไม่มีเกมยูโรป้าลีกอีกเลยจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ลิเวอร์พูลสามารถกลับมาเน้นกับบอลลีกและเอฟเอคัพได้เต็มๆ โฮเซ่ เอ็นริเก้ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ซึ่งนั่นเป็นอาการปกติสำหรับทีมที่ได้พักแค่ 48 ชั่วโมง ยังมีผู้เล่นบางคนอย่างราฮีม สเตอร์ลิ่งที่จะได้รับประโยชน์จากช่วงเวลาพักแมทช์ยุโรปอย่างนี้บ้าง

Mental Toughness สภาวะจิตใจอันแข็งแกร่ง
กับความจริงที่เราเอาชนะไปได้อย่างผิดคาด, นี่ถูกบันทึกว่าเป็นการพลิกกลับมาชนะในเกมเยือนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 บางทีนี่อาจเป็นผลงานของนักจิตวิทยาการกีฬาอย่างสตีฟ ปีเตอร์สที่เพิ่งเข้ามาทำงานกับลิเวอร์พูลได้ไม่นาน ในสองสามเกมที่ผ่านมาเราได้เห็นลิเวอร์พูลเล่นด้วยสภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งและมีความเชื่อเชิงบวกอยู่ในวิธีการเล่นของพวกเขาตลอด

หลังจบเกมจอนโจ้ เชลวีย์พูดไว้อย่างนี้ “ยิ่งซีซั่นยาวนานขึ้นเท่าไร เราก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น” และจากผลงานที่ปรากฏในระยะหลังมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ลิเวอร์พูลกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นจริงๆ

Rodgers not afraid to change the game ร็อดเจอร์สไม่กลัวที่จะเปลี่ยนเกม
เหมือนกับที่เจอกับเอฟเวอร์กับเชลซีเมื่อช่วงต้นซีซั่น แมทช์นี้ร็อดเจอร์สแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเขาไม่กลัวที่จะเปลี่ยนทีมและทรงบอล การตัดสินใจของเขาเปลี่ยนจอร์แดน เฮนเดอร์สันลงสนามได้รับการตอบแทนเมื่อเฮนเดอร์สันได้สร้างความประทับใจอีกครั้งกับการเริ่มเซ็ทเกมที่นำไปสู่ประตูชัย จากนั้นก็เป็นการเปลี่ยนเอาโคอาเตสลงมาอัดแผงหลังเป็นเซนเตอร์สามคนเพื่อรับมือการบอมบ์ทางอากาศของเวสท์แฮม

Premier League is weak พรีเมียร์ลีก
จากความพยายามของสกายสปอร์ตที่เพียรบอกคุณว่าพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก, เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย ลิเวอร์พูลชนะไปแล้ว 5 นัดในซีซั่นนี้และอยู่ห่างจากพื้นที่แชมป์เปี้ยนลีกแค่ 4 คะแนน และมีตารางการแข่งที่เป็นใจในช่วงแมทช์เทศกาลที่กำลังจะมาถึง: รับมือวิลล่าและฟูแล่มในบ้านสองนัดติด แล้วออกไปเยือนสโต๊คและควีนส์ปาร์คสองนัดติด จากนั้นก็กลับมาเจอซันเดอร์แลนด์ในบ้านอีกครั้ง หลังปีใหม่นี้แหละที่เราจะได้เห็นอันดับในตารางดูน่าชื่นใจกว่าเดิมเยอะ...ฮึ่ม

Steven Gerrard สตีเว่น เจอร์ราร์ด
เป็นเวลาที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน กัปตันของเราดูหย่อนประสิทธิภาพไปมากแล้ว ในเกมนี้ที่ไม่มีชัวเรซ เราน่าจะเห็นเจอร์ราร์ดยืนสูงและเติมเกมข้างหน้ามากขึ้นอย่างที่ร็อดเจอร์สเคยบอกตั้งแต่ช่วงพรีซีซั่น แต่กลายเป็นว่าเขายังคงถูกใช้งานในแผงมิดฟิลด์อยู่ การทำเข้าประตูตัวเองเป็นผลมาจากการที่เขาถูกเบียดจนหันเอียงไปผิดด้าน สิบห้านาทีก่อนหน้านั้นเขาก็พลาดในลักษณะนี้จากการเปิดฟรีคิกเข้ามาในกรอบเขตโทษที่เขาพลาดโดนตัวที่เขาประกบสลัดหลุดไปได้ เป็นไปได้ไหมที่ร็อดเจอร์สจะดร็อปหรือพักผู้เล่นลิเวอร์พูลที่มีอิทธิพลกับทีมที่สุดในรอบ 20 ปีคนนี้? ตอนนี้ลูคัสคัมแบ็คลงสนามแล้วและเฮนเดอร์สันก็กำลังโชว์ฟอร์มได้สวย คุณมีทางเลือกแล้วร็อดเจอร์ส


5 things: West Ham 2-3 Liverpool, By This Is Anfield
ning_ming แปลครับ

http://www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=129695#2469075

แหม...พอชนะอะไรๆก็ดีไปหมด

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

หงส์แดง ก็ยังคงเป็นเป็ดแดง อยู่ ไม่มีการพัฒนา

อีกนานจะตามชั้นอย่างทีมอื่นเค้า

ไปเล่น Division 1 สักปี คงจะดี

โดยส่วนตัวผมเอง ไม่คิดว่าหงส์แดงจะตกชั้นนะครับ ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้อยู่ก็ตาม

(หวังว่าไม่โชคร้ายเหมือนริเวอร์เพลท,โมนาโก)

ปีนี้ผมว่าน่าจะอยู่กลางๆตาราง (ถ้าผลงานอยู่ในราวๆนี้นะครับ)

Edited by Lucas Leiva Benitez, 10 December 2012 - 20:51.

[greeenday]

และแล้วก็ตื่นจากฝัน 1-3 ยิงไม่ได้ก็ต้องโดน..........ถ้าไม่มีกองหน้าแบบโป้งเดียวจอด กับรับมือทีมที่มาแบบอุดที 8-9 คนแล้วรอสวนกลับแบบนี้ไม่ได้ เพราะฤดูกาลนี้มีปัญหาตลอด ก็อย่าหวังให้ไกลนัก หวังมากไปก็ใช่ว่าจะดี

[ชาวสวน]

เมื่อคืนติดธุระไม่ได้ดูสด ได้แต่ฟังทางวิทยุตอนนั่งรถกลับบ้าน

ตอนนี้กำลังนั่งดูรีรัน ทุกการเล่นของทีมเป็นปัญหาตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยันกองหน้า

สเตอริ่งกับอัลเลนที่เด่นตอนต้นฤดูกาล แตกต่างกับตอนนี้ ลูคัสที่หายเจ็บกลับมายังไม่ดีเท่าเดิม

หลังไม่แน่น กลางรับไม่รองบอล กลางรุกไม่มีคุณภาพ หน้าไม่หลากหลาย

พท. ชปล. ที่หวังไว้ อาจไกลเกิน

[greeenday]

เมื่อคืนติดธุระไม่ได้ดูสด ได้แต่ฟังทางวิทยุตอนนั่งรถกลับบ้าน

ตอนนี้กำลังนั่งดูรีรัน ทุกการเล่นของทีมเป็นปัญหาตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยันกองหน้า

สเตอริ่งกับอัลเลนที่เด่นตอนต้นฤดูกาล แตกต่างกับตอนนี้ ลูคัสที่หายเจ็บกลับมายังไม่ดีเท่าเดิม

หลังไม่แน่น กลางรับไม่รองบอล กลางรุกไม่มีคุณภาพ หน้าไม่หลากหลาย

พท. ชปล. ที่หวังไว้ อาจไกลเกิน

จนกว่าจะถึงตอนนั้นครับ......

[someone]

พอชนะสองนัดติด ผมก็ฮึกเหิมหวังไว้เยอะเพราะคิดว่าเกมส์ในบ้านต้องไม่พลาดแน่
สุดท้ายโดนเพื่อนแมนยูฯ มันหัวเราะเยาะเอาอีกจนได้ ไม่ได้เจ็บใจที่ทีมรักแพ้ แต่เจ็บใจโดนเพื่อนเย้ย
นัดในบ้านอาทิตย์ที่จะถึง ต้องชนะสถานเดียวครับ !!!!!!

[greeenday]

เมื่อ พอล ทอมคินส์ ควันออกหู-จัดเต็มร็อดเจอร์ส

แปลจากบทความที่อนุญาตให้อ่านฟรีในเวบไซท์ The Tomkins Time จากเดิมที่บทความของเขามักจะโปรร็อดเจอร์สและชื่นชมการทำงานของเขา มาคราวนี้ทอมคินส์ทั้งจัดเต็มและจัดหนักครับ ปกติบทความในเวบไซท์นี้จะมีสมาชิกโพสท์ความคิดเห็นกันไม่กี่สิบโพสท์ อันไหนฮ็อทๆก็ร้อยกว่า แต่บทความนี้โพสท์กันไปแล้วถึง 600 โพสท์ มีทั้งฝ่ายปกป้องและฝ่ายที่ง้างหมัดถล่มร็อดเจอร์ส ผมพยายามสุ่มอ่านให้ได้มากที่สุด (ประมาณร้อยโพสท์ได้) แต่ไม่มีสักโพสท์ที่ใช้คำหยาบคายหรือเยาะเย้ยกัน คือต่างคนต่างมีเหตุผลแต่ก็ให้เกียรติความเห็นผู้ร่วมโพสท์กันทุกคน ผมว่าเราก็น่าจะเริ่มกันได้ที่เวบเรานี่นะครับ ขอบคุณครับ

บางทีเหตุผลหลักของความหมดความอดทนในแฟนๆลิเวอร์พูลจำนวนมาก-ไม่นับความเซ็งที่เห็นทีมอยู่ในอันดับ 12 ของตารางและเพิ่งชนะไปแค่ 5 จาก 17 เกมส์-นั่นก็คือการขาดใครสักคนที่เคยอยู่กับสโมสรและสามารถดูแลสโมสรได้จริงๆ

เราต่างรู้กันว่านี่คือทีมคนหนุ่ม-หนุ่มที่สุดในพรีเมียร์ลีกในซีซั่นนี้เลย ถึงแม้ว่าจะมีพวกที่มีประสบการณ์นั่งอยู่ข้างสนาม แต่ความรู้สึกโดยรวมก็คือคนหนุ่มที่ยังด้อยประสบการณ์อยู่ดี

ส่วนในฉากหลัง FSG , ใช้คำศัพท์ของอเมริกันเลยละกัน, ยังเป็นรุคกี้ในวงการฟุตบอลอยู่เลย (rookie-คำใช้เรียกนักกีฬาที่เพิ่งเล่นในลีกอาชีพเป็นปีแรก) มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา (ถึงจะมีการถกเถียงกันว่าพวกเขาไม่น่าจะมาซื้อสโมสรนี้เลย) และผมก็จินตนาการ (หรืออย่างน้อยก็หวังไว้ล่ะ) ว่าพวกเขากำลังเรียนรู้กันอย่างรวดเร็ว

แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นมือใหม่ของวงการอยู่ดี, ไม่มีประวัติการแต่งตั้งคนที่ถูกต้องเหมาะสม (คุณจะรู้ได้ไงว่าใครเป็นคนที่ถูกต้องและเหมาะสมถ้าคุณเองก็ยังไม่ได้เข้าใจในกีฬาประเภทนั้นได้อย่างถ่องแท้) ในขณะที่ทีมบอสตัน เรดซ็อกซ์ของพวกเขาก็ซวนเซอย่างหนักในช่วงสองสามปีหลัง, หลังจากที่พวกเขานำคนที่ “ไม่ใช่” เข้ามาทำงาน, ทั้งๆที่การแต่งตั้งบุคลากรในครั้งเริ่มเข้าซื้อทีมใหม่ๆนั้นดีขนาดว่าสามารถพาพวกเขาชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบร้อยปีของพวกเขา และเวลาส่วนใหญ่ในช่วงการทำธุรกิจของพวกเขาก็เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของวงการ พวกเขารู้วิธีการการดำเนินธุรกิจกีฬา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็กำลังเรียนรู้วิธีการดำเนินธุรกิจสโมสรฟุตบอลอยู่ดี

จากนั้นก็เป็นเอียน อายร์...เดาซิว่าอะไร? เขาก็เป็นรุคกี้ในตำแหน่งเอ็มดีของสโมสรเหมือนกัน เขามีอะไรดีมั้ย? อย่างตรงไปตรงมาเลยนะ..ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงและเข้าใจในสไตล์การทำงานแบบอเมริกันที่เรียกว่า “back office-หน่วยสนับสนุน” เขาได้เครดิตไปมากกับความสำเร็จในการปิดดีลสำคัญๆได้หลายดีล, ซึ่งในเกมสมัยทุกวันนี้คุณจำเป็นต้องทำมันได้, แต่ในแง่ของภาวะความเป็นผู้นำล่ะ? ข้อถกเถียงในตัวเขามักสรุปออกมาว่าเขาพลาดบ่อยเกินไป อย่างเช่นกรณีหลุยส์ ชัวเรซและการซื้อตัวในวันปิดตลาดซัมเมอร์ที่เขากลับบ้านอย่างเร็วขณะที่แฮร์รี่ เรดแน็พพ์ยังลุยอยู่ในตลาดอยู่เลย

ปัญหาที่ร็อดเจอร์สมี-บางทีเป็นปัญหาที่เขาสร้างขึ้นเอง-นั่นคือ ตัวเขาเองก็เป็นรุคกี้เหมือนกัน เขาทำทีมให้เล่นบอลบนพื้นได้ดี, หลังจาใช้เวลาเกือบ 20 ปีในการโค้ชทีมในระดับกว่านี้, ในทีมสำรองและระดับเยาวชน, แต่เขาก็มาลิเวอร์พูลทั้งที่มีประวัติการทำงานคุมทีมระดับพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ซีซั่นเดียวเท่านั้น เขายังไม่ผ่านบททดสอบในคุณสมบัติของเขาที่ต้องมีในการทำงานให้กับสโมสรระดับบิ๊ก ดูเหมือนว่าเขาจะมีไอเดียดีๆหลายอย่าง (รวมถึงการนำนักจิตวิทยาการกีฬาสตีฟ ปีเตอร์สเข้ามา) แต่ปัญหาคือเขาสามารถนำไอเดียเหล่านั้นมาลงมือทำและให้เกิดผลจริงตามที่คิดได้หรือเปล่า?

ผู้เล่นดาวรุ่ง, เจ้าของทีมรุคกี้, เอ็มดีสโมสรมือใหม่, และผู้จัดการทีมมือใหม่ บางทีทั้งหมดนั่นจะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นแชมป์ได้ในการทำงานระยะยาวให้กับสโมสร แต่ตอนนี้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันในเรื่องความศรัทธาในหมู่แฟนๆ ใครล่ะที่เราพอจะพึ่งพาให้บรรเทาความหวาดวิตก (กับสภาพทีม) กันได้บ้าง?

เมื่อตอนที่บ็อบ เพรสลีย์ได้รับการแต่งตั้งใหม่ๆหลังการลาออกของบิล แชงค์ลีย์ในปี 1974, ก่อนหน้านั้นบ็อบได้ใช้เวลาถึง 15 ปี ในการเป็นมือสองของบิลมาตลอด เขารู้จักสโมสรเป็นอย่างดี, รู้จักผู้เล่นทุกคนอย่างทะลุปรุโปร่ง (เช่นเดียวกับโจ ฟาแกนในปี 1983) เมื่อเคนนี่ ดัลกลิชได้รับการแต่งตั้งในปี 1985 จอห์น สมิธและปีเตอร์ โรบินสันก็ทำงานอยู่กับสโมสรมาหลายปีแล้วและถูกมองว่าเป็นที่สุดของวงการ และเช่นกันที่ดัลกลิชก็รู้จักผู้เล่นทุกคนในทีมเป็นอย่างดี รู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของทุกคน และดัลกลิชก็ได้รับความช่วยของเพรสลีย์อย่างอ้อมๆในฐานะผู้ให้คำปรึกษา ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีขนาดว่าเขาไม่จำเป็นต้องรบกวนคำปรึกษาจากผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษอีกต่อไป แต่เมื่อใดก็ตามที่เหตุการณ์อาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น บ็อบก็ยังพร้อมจะช่วยปรึกษาอย่างใกล้ชิดทันที

บางทีปี 1998 น่าจะเป็นการเปรียบเทียบที่ดีกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ในสมัยที่เดวิด มัวร์เป็นเจ้าของทีม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยถูกมองว่าเป็นนักประสานงานที่เฉียบคมเท่าไรและมักจะปล่อยให้อารมณ์, แบบแฟนบอลคนหนึ่ง, เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจทางธุรกิจของสโมสร ตอนนั้นริค แพร์รี่ก็เป็นซีอีโอคนใหม่และอุลลิเยร์ก็เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ หลังจากเป็นประเด็นกลบเกลื่อนโดยการเก็บรอย อีแวนส์ไว้ในคราบปลอมๆของผู้จัดการทีมร่วม สุดท้ายแล้วเขาก็ได้คุมทีมอย่างเบ็ดเสร็จอยู่ดี

อุลลิเยร์เป็นกุญแจสำคัญในการนำความเป็นมืออาชีพมาสู่สโมสร ความเป็นมืออาชีพแบบเดียวกับที่ช่วยให้อาร์เซน่อลปรับปรุงสโมสรได้อย่างน่าทึ่ง (ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีแบรนด์สโมสรชั้นดีที่จะขายได้ก็ตาม) เขาเป็นผู้จัดการที่มีจุดด่างติดตัวมา (ทำฝรั่งเศสตกรอบบอลโลก?), เขาไม่มีความยืดหยุ่นในการบริหารที่สูงนัก, และไม่ได้มีบุคลิกที่ดูยิ่งใหญ่โอ่อ่า, แต่เขาเป็นแอ็ดมินที่จัดการ ควบคุม บริหารระบบภายในสโมสรชั้นยอด เขาเคยชนะเลิศแชมป์ลีกฝรั่งเศสในปี 1986 ก่อนจะเข้าไปรับงานทีมชาติและพลาดท่าที่นั่น และริค แพร์รี่-กับความงุ่มง่ามอืดอาดในเวลาที่ต้องทำธุรกิจอันขึ้นชื่อของเขา-แต่เขารู้พอจะรู้ว่าต้องทำอะไรหลังใช้เวลา 7 ปีในการทำงานให้กับพรีเมียร์ลีก (โดยเฉพาะปีแรกของเขาที่เป็นคนลุยจัดตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้นมา-และเป็นการเหยียบตาปลาเอฟเอด้วยหรือเปล่า?)

ไม่ว่าคุณจะมองไปที่จุดไหนในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูลตลอดช่วง 50 ปีที่ผ่านมา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นการทำงานที่ขาดประสบการณ์ในตำแหน่งสำคัญๆของสโมสร นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกสื่งทุกอย่างในเวลานี้กำลังจะผิดพลาดหรือถล่มลง เพียงแต่หมายความหมายว่ามันเป็นเรื่องที่ยากขึ้นสำหรับทุกๆคนที่จะรู้สึกเบิร์ดๆไม่สะทกสะท้านเมื่อสิ่งต่างๆไม่เป็นไปด้วยดี จริงอยู่ที่ประสบการณ์และความสำเร็จที่ผ่านๆมาไม่ได้เป็นการการันตีทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับสโมสร แต่การที่สโมสรเคยประสบความสำเร็จมานั้นอย่างน้อยก็ควรแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเราที่จะกลับไปทำแบบนั้นได้อีกในอนาคต

แผนการดั้งเดิมของ FSG คือการจับคู่ผู้จัดการทีมวัยหนุ่มเข้ากับเพื่อนร่วมงานอีกคนที่เปี่ยมประสบการณ์และคอยทำงานอยู่หลังฉาก ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าในเวลานั้นพวกเขากำลังมองหาใครสักคนระดับบิ๊กบึ้มของวงการ-รวมถึงระดับปรมาจารย์อย่างโยฮัน ครอยฟ์ แต่ในที่สุดแล้วเป็นเบรนแดน ร็อดเจอร์สที่คัดค้านการแต่งตั้งหลุยส์ ฟาน กัลให้เป็น DoF บางทีเขาอาจจะมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น ฟานกัลมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีเท่าไรเรื่องความร้อนและความแรงในการทำงาน...ในขณะที่ผู้จัดการทีมทุกคนต่างก็ต้องการกุมการควบคุมทีมไว้กับตัวเองกันทุกคน แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะได้เห็นใครสักคนที่มีประสบการณ์ในตำแหน่งหลักๆเพื่อช่วยประคอง และหลุยส์ ฟาน กัล ก็ไม่น่าจะเป็นทางเลือกเดียวที่เลือกมา...เป๊ป เซกูร่าก็คืออีกทางเลือกหนึ่ง และเห็นได้ชัดว่าเขาเองก็คงคิดอย่างนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เขาลาออกจากสโมสรไปหลังจากถูกมองข้ามความสำคัญไป

ร็อดเจอร์สต้องการให้สิ่งต่างๆเป็นไปตามวิธีของเขา นั่นเป็นสิทธิ์ของเขา แต่ถ้าเขาพลาดขึ้นมา มันคือตัวเขาเองที่เชื้อเชิญการวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจจะบีบบังคับให้ FSG ต้องเปลี่ยนแผนของพวกเขาหรือเปล่า? และ FSG ก็อาจจะเปิดพร้อมรับฟังความเห็นเหล่านั้นเช่นกัน

ning_ming แปล
http://www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=130071#2476363

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ปลาคาร์ฟสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดด หงส์ชนะฟูแล่ม 4-0 เมื่อคืนไม่ได้ดูสดครับ สงสัยผมต้องเลิกตามดูหงส์แข่งสดซักพักแล้วครับ อิอิ

[ชาวสวน]

เมื่อคืนดูสด แต่เบลอๆเพราะ ริษยาแก้หวัด พอ3-0แล้วจึงนอน

 

พอมาดูรีรันอีกรอบเมื่อตอนสายๆ เมื่อคืนเล่นได้ลงตัว ประตูแรกมาเร็ว ความกดดันจึงไม่มี + กับฟูแล่มไม่เด็ดขาดพอที่จะตีตื้น

 

เข้าสู่ช่วงบอกซิ่งเดย์ ที่เอาอะไรแน่นอนไม่ได้อยู่แล้ว  ทีมกำลังดีขึ้นหวังว่าจะไม่ ขึ้นๆลงๆไปตลอดฤดูกาล 

[แม่รำพึง]

ปลาคาร์ฟสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดด หงส์ชนะฟูแล่ม 4-0 เมื่อคืนไม่ได้ดูสดครับ สงสัยผมต้องเลิกตามดูหงส์แข่งสดซักพักแล้วครับ อิอิ

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ฮ่าๆๆๆ
ผมก็เคยเป็นแบบท่านพักนึง สุดท้ายทนไม่ไหวกลับมาลุ้นที่หน้าจอเหมือนเดิม

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ปลาคาร์ฟสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดด หงส์ชนะฟูแล่ม 4-0 เมื่อคืนไม่ได้ดูสดครับ สงสัยผมต้องเลิกตามดูหงส์แข่งสดซักพักแล้วครับ อิอิ

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ฮ่าๆๆๆ
ผมก็เคยเป็นแบบท่านพักนึง สุดท้ายทนไม่ไหวกลับมาลุ้นที่หน้าจอเหมือนเดิม
 

ช่ายแล้วครับ พอกลับมาลุ้นหงส์แข่งสดๆ หงส์ก็จะแพ้อีกครั้ง เห้อ แฟนหงส์ต้องอดทนจริงๆครับ รอมา 22-23 ปีแระ ยังไงก็ต้องรอต่อไปครับ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

เมื่อคืนดูสด แต่เบลอๆเพราะ ริษยาแก้หวัด พอ3-0แล้วจึงนอน
 
พอมาดูรีรันอีกรอบเมื่อตอนสายๆ เมื่อคืนเล่นได้ลงตัว ประตูแรกมาเร็ว ความกดดันจึงไม่มี + กับฟูแล่มไม่เด็ดขาดพอที่จะตีตื้น
 
เข้าสู่ช่วงบอกซิ่งเดย์ ที่เอาอะไรแน่นอนไม่ได้อยู่แล้ว  ทีมกำลังดีขึ้นหวังว่าจะไม่ ขึ้นๆลงๆไปตลอดฤดูกาล 

ผมว่าฟูแล่มโชคร้ายสุดๆครับ เจอเทพดาวนิ่งผู้ไม่ได้ยิงประตูในพรีเมียร์ร่วมๆปีครึ่ง จัด 1 ลูก แอสซิสอีก 1 แหม่อะไรจะซวยขนาดน้าน

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

เมื่อคืนไม่ได้ดูอีกเช่นเคยครับ นัดบ็อกซิ่งเดย์ สโต๊ค ซิตี้ ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 ยินดีกับท่านหริโชคด้วยนะครับ 

 

ข้อดีอย่างหนึ่งในนัดนี้คือ ทีมเราได้จุดโทษลูกแรกในฤดูกาลนี้แล้วครับ อิอิ (หลังจากได้ยากได้เย็นในนัดผ่านๆมา)

 

ปีนี้กองเชียร์(และกองแช่ง) ดูบอลเพื่อสุขภาพกันนะครับ (ไม่ต้องอดนอนถ่างตาดูสด อิอิ) ผมแซวเล่นนะครับ

[แม่รำพึง]

ไม่ได้ดูเหมือนกันครับ ก่อนแข่งคิดไว้ว่าหนักแน่ๆเพราะเรามักแพ้ทางทีมนี้
แต่ไม่คิดว่าจะโดนเละขนาดนี้เดาไว้ว่าเสมอ พอไปดูไฮไลท์แล้วนี่เราแพ้เควิน โจนส์ชัดๆ
ทั้งสามประตูนี่โจนส์มีส่วนร่วมทั้งหมดโดนทีเด็ดลูกโด่งทั้งนั้นเลย 
เฮ้ออออ...สู้ต่อไป เชียร์ต่อไปครับแฟนหงส์ทุกท่าน
ปล.นัดหน้าไปเยือนควีนสปาร์คฯ ห้าทุ่มคืนวันอาทิตย์นะคร้าบ 
 

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ไม่ได้ดูเหมือนกันครับ ก่อนแข่งคิดไว้ว่าหนักแน่ๆเพราะเรามักแพ้ทางทีมนี้
แต่ไม่คิดว่าจะโดนเละขนาดนี้เดาไว้ว่าเสมอ พอไปดูไฮไลท์แล้วนี่เราแพ้เควิน โจนส์ชัดๆ
ทั้งสามประตูนี่โจนส์มีส่วนร่วมทั้งหมดโดนทีเด็ดลูกโด่งทั้งนั้นเลย 
เฮ้ออออ...สู้ต่อไป เชียร์ต่อไปครับแฟนหงส์ทุกท่าน
ปล.นัดหน้าไปเยือนควีนสปาร์คฯ ห้าทุ่มคืนวันอาทิตย์นะคร้าบ 

ขอบคุณมากครับ แต่ละลูกเนี่ยสโต๊คเหมือนเล่นตะกร้อกันเลยครับ ทุ่ม-โหม่ง-ฟาด อิอิ 

 

เห็นด้วยที่ทีมเราแพ้กองหน้ารูปร่างสูงใหญ่ประจำครับ

Edited by Lucas Leiva Benitez, 27 December 2012 - 13:41.

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

 Happy new mear เอ้ย year 2013 เพื่อนๆพี่ๆสมาชิกทุกๆท่านนะครับ 

 

เก่งหลังเกม : ควีนส์ปาร์ค 0 - 3 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีค)

 

ก็ยิงแล้วมันเข้าน่ะ 
-------------------------------------------------------- 

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1 

----------------------ซัวเรส------------------------ 

สเตอริ่ง-----------เฮนเดอร์สัน-------------ดาวนิ่ง 

------------อัลเลน-------------เจอราร์ด----------- 

เอนริเก้----แอกเกอร์-----สเคอเทล----จอห์นสัน 

-----------------------เรน่า------------------------- 

_______ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเยือนต่ออีกหนึ่งนัด คราวนี้เจอทีมบ๊วยอย่างคิวพีอาร์ นัดนี้ร็อดเจอร์ป่วยเลยไม่ได้คุมทีมข้างสนาม เป็นหน้าที่ของตาแว่น(ใครฟระ) ยืนหล่อโบกไม้โบกมืออยู่ข้างสนามแทน ผู้เล่นไม่มีใครเจ็บใครแบน โดยลูคัสกับเชลวี่ย์โดนดรอปไปเป็นโอกาสของอัลเลนและเฮนเดอร์สันที่กลับมาเป็นตัวจริง นอกนั้นยังเป็นผู้เล่นชุดเดิม 
------------------------------------------------------- 

_______ เปิดเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่ดาหน้าบุกใส่ทันที ดันกันขึ้นสูงและทำเกมรุกเต็มที่ ฝั่งคิวพีอาร์ถอยรับค่อนข้างลึกพยายามคุมพื้นที่ให้แน่น แต่แน่นไม่พอ นาทีที่ 10 ซัวเรสรับบอลแถวหน้าเขตโทษ แตะหลบตัวประกบหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษง่ายๆ ให้ทีมนำเร็ว 1-0 หลังจากได้ประตูนำแล้ว ลิเวอร์พูลเคาะบอลในแดนกลางและเน้นครองบอลมากขึ้นเล็กน้อย แต่ยังดันแผงหลังสูงอยู่ 

_______ ทางฝั่งคิวพีอาร์ยังตั้งเกมของตัวเองไม่ขึ้น และยังหยุดเกมรุกของลิเวอร์พูลไม่ค่อยได้ บอลยังมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวเขตโทษบ่อยครั้ง แล้วคิวพีอาร์ก็มาโดนอีกจนได้ในนาที 16 ซัวเรสรับบอลคืนจากดาวนิ่งได้หลุดเข้าไปถึงสุดเส้นในเขตโทษ หักเข้ากลางให้สเตอริ่งชาร์จแต่ติดกองหลัง บอลเด้งกลับมาเข้าทางซัวเรสซ้ำง่ายๆ 2-0 ถึงตรงนี้คิวพีอาร์ยิ่งดูแย่ลงไปอีก เมื่อเกมรุกก็ยังตั้งไม่ได้ ส่วนเกมรับก็คุมพื้นทีได้ไม่ดีนัก เกมกลายเป็นของลิเวอร์พูลฝ่ายเดียว 

_______ ถึงนาที 28 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูนำห่างอีก จากลูกเตะมุมที่เล่นสั้นเปลี่ยนจุด เจอราร์ดเปิดเข้ากลางให้แอกเกอร์ขึ้นโหม่งได้สำเร็จ 3-0 และยังเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า บุกได้มากกว่าอย่างต่อเนื่อง กว่าคิวพีอาร์จะเริ่มโงหัวขึ้นมาได้บ้างก็ต้องรอถึง 5 นาทีสุดท้ายที่เริ่มครองบอลได้และบุกได้เป็นชิ้นเป็นอันขึ้น แต่ยังเจาะแนวรับเข้าไปลุ้นยิงไม่สำเร็จ ก่อนจะจบครึ่งแรกที่ 3-0 

_______ เข้าครึ่งหลัง คิวพีอาร์ลงมาทำเกมบุกมากขึ้นและเปลี่ยนมาเน้นการขึ้นเกมเจาะตรงกลางมากกว่าในครึ่งแรก ซึ่งทำให้เกมของคิวพีอาร์ค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลเริ่มครองบอลได้น้อยลงและจ่ายบอลผิดพลาดมากขึ้น บอลไปไม่ค่อยถึงเขตโทษคู่ต่อสู้แล้ว พอเกมเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก็กลายเป็นคิวพีอาร์ที่เริ่มบุกได้มากกว่า เกมเลี้ยงจี้เจาะตรงกลางผ่านตลอดและได้ลุ้นจากลูกยิงไกลสลับฟรีคิกอยู่เป็นระยะ 

_______ นาที 64 ตาแว่นส่งลูคัสลงมาแทนเฮนเดอร์สัน หวังจะขันแนวรับแดนกลางให้แน่นขึ้นแต่ดูจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ คิวพีอาร์ยังบุกขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ยังดีว่าแผงหลังวันนี้เล่นใช้ได้ สามารถสกัดไม่ให้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษและบังทางยิงไกลได้ค่อนข้างดี ทำให้ลิเวอร์พูลยังไม่ถึงกับโดนกดดันมากนัก นาที 71 ซูโซ่ได้ลงมาแทนเอนริเก้ที่วิ่งๆ ไปแล้วเจ็บเอง ดาวนิ่งถูกถอยลงไปเป็นแบ็คและซูโซ่ได้เล่นริมเส้นฝั่งซ้าย 

_______ เกมช่วงนี้ค่อนข้างสูสี คิวพีอาร์บุกได้ไม่น้อยก็จริงแต่หาจังหวะทำประตูแทบไม่ได้ เก็บบอลจังหวะสองก็ไม่ค่อยได้ ทำให้บุกไม่ค่อยต่อเนื่องและได้ลุ้นน้อย ส่วนลิเวอร์พูลที่แม้จะพาบอลไปถึงเขตโทษได้ไม่มากนักแต่ก็ยังครองบอลได้ค่อนข้างดี ไม่เสียบอลเร็ว และหาช่องลุ้นทำประตูได้บ้างเหมือนกัน ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ คิวพีอาร์ก็เหมือนค่อยๆ ถอดใจไป วิ่งหาช่องกันน้อยลงและช่วยกันเติมเกมน้อยลง ท้ายเกมนาที 87 คาราเกอร์ได้ลงมาแทนอัลเลน ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะสามารถปิดเกมเอาชนะไปอย่างไม่ยากเย็นนัก 3-0 
----------------------------------------- 

_______ 11 ตัวจริงวันนี้เชลวี่ย์หลุดไปตามคาดเพราะฟอร์ม 2-3 นัดหลังมานี่ดูไม่จืดจริงๆ แต่อัลเลนยังรักษาตำแหน่งตัวจริงได้เหนียวแน่นทั้งๆ ที่ดูเหลี่ยมไหนฟอร์มช่วงนี้ก็ยังสู้ลูคัสไม่ได้ ถ้าจะเลือกใช้แค่คนใดคนหนึ่งน่าจะเป็นลูคัสที่ได้ลงสนามก่อน ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงแทคติคดาหน้าบุกใส่ แผงหลังยืนสูงเกือบครึ่งสนามและแบ็คเติมเกมรุกสุดเส้นเหมือนเดิม 

_______ การเปลี่ยนตัววันนี้เสียดายที่ไม่ได้เห็นโคลลงสนาม เขาน่าจะได้โอกาสลงเล่นในช่วงที่เกมขาดไปแล้วบ้าง ไม่ใช่ได้ลงเฉพาะเวลาเข้าตาจนคิดอะไรไม่ออก และคาราเกอร์น่าจะได้ลงเร็วกว่านั้นสัก 10 นาที ถ้าจะหวังให้คาราเกอร์ได้ทำอะไรมากกว่าเพิ่มสถิติบ้าง เพราะตั้งแต่เปิดครึ่งหลังมา คิวพีอาร์ใช้วิธีเลี้ยงจี้เจาะตรงกลางได้ผลตลอด ถ้าส่งคาราเกอร์ลงเร็วกว่านั้นคงจะได้รู้กันว่าคาราเกอร์จะช่วยแก้เกมตรงนี้ได้มั้ย เผื่อจะเป็นทางเลือกไว้บ้างเพราะช่วงนี้เกมรับแดนกลางอ่อนยวบเหลือเกิน 

_______ ด้านแทคติค เวลาเจอกับทีมท้ายตารางแล้วกล้าดันสูงบุกใส่ไม่ลังเลนั้นดีแน่ รวมไปถึงหลังจากได้ประตูแล้วยังบุกต่อไม่ได้ลงไปอุด ทรงบอลก็ดูเหมือนจะได้วิธีเล่นกันชัดเจนดีแล้ว เมื่อเกมริมใช้แบ็คช่วยเยอะ ฝั่งขวาให้จอห์นสันเล่นถึงสุดเส้น ดาวนิ่งหุบเข้ากลางบ่อยและลงมาช่วยเวลาจอห์นสันลงไม่ทัน ฝั่งซ้ายเอนริเก้ขึ้นแค่ครึ่งสนาม ด้านหน้าปล่อยสเตอริ่งเล่นไป ตรงกลางก็เคาะหนึ่ง วางยาวหนึ่ง เล่นหน้าเขตโทษหนึ่ง ก็เรียกได้ว่าเล่นกันเป็นทรงดีแล้ว (แต่ประสิทธิภาพก็ว่ากันเป็นวันๆ ไป) ไม่ได้สาดมั่ว เลี้ยงมั่ว สักแต่ว่าส่งๆ ให้มันพ้นๆ ตัว วันนี้ติดใจเรื่องเดียวคือช่วงกลางครึ่งหลังที่เกมตรงกลางเพลี่ยงพล้ำอย่างเห็นได้ชัด ทีมไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้เลย ไม่มีการปรับแทคติคมาช่วยอุดรูรั่วตรงนี้ (จะถอยแบ็คลงต่ำหน่อยมั้ยเผื่อเซนเตอร์จะวิ่งขึ้นไปซ้อนกลางรับได้เร็วขึ้นไม่ต้องพะวงพื้นที่ริมเส้น หรือจะหุบปีกเข้ามาช่วยตรงกลางเพิ่มอีกสักคน หรืออื่นๆ) และตัวสำรองก็ลงมาแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้านำอยู่ลูกเดียวรับรองได้ลุ้นกันตาตั้งครบ 90 นาที 

_______ ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลชนะได้ง่ายดายในนัดนี้ คงหนีไม่พ้นการจบสกอร์ได้เด็ดขาด อันที่จริงลิเวอร์พูลก็เล่นแบบนี้มาหลายนัด แต่พอมีโอกาสยิงทิ้งยิงขว้างกันไปเอง โดนคู่ต่อสู้บุกขึ้นมาเปรี้ยงเดียวจอด (เหมือนนัดวิลล่า) แต่พอมานัดนี้พอมีโอกาสแล้วทำได้สำเร็จ ทั้งยังทำได้ถึง 3 ครั้งจนเกมขาดตั้งแต่ครึ่งแรก เลยทำให้เล่นง่าย ลิเวอร์พูลยังคงต้องพึ่งฟอร์มการทำประตูของซัวเรสต่อไปอีกสักพัก เพราะวันไหนซัวเรสยิงแล้วเข้าเกมก็ง่ายไปเลย ส่วนวันไหนซัวเรสออกล่าสัตว์ก็ดูเหมือนว่าจะหาคนมาช่วยยิงได้ยากลำบากเหลือเกิน 

_______ อย่างไรก็ตาม ... 3-0 นะครับ 3-0, 3-0 พอแล้ว ดีใจแล้ว นัดหน้าว่ากันใหม่ ปัญหาเอาไว้ก่อน อนาคตไว้ทีหลัง วันนี้ดีใจส่งท้ายปีกันก่อน ฮ่าๆ 
---------------------------------- 

นัดนี้เล่นกันพอใช้ได้ค่อนไปทางดี 

เรน่า - ยืนตำแหน่งดี มีความมั่นใจมากขึ้น กล้ารับทุกลูกไม่มีชก ไม่มีปัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคิวพีอาร์เจาะเข้ามาในเขตโทษแทบไม่ได้เลย และลูกยิงไกลแม้จะเข้ากรอบเยอะแต่ก็หนักไปทางตรงตัวแทบทั้งหมด เล่นบอลด้วยเท้าได้ดีเหมือนเดิมและเปิดบอลใช้ได้ 

เอนริเก้ - เกมรับเหนียวแน่น อ่านเกมและวิ่งเบียดบังบอลเก็บกินได้หมด มีจังหวะเก็บบอลไว้กับตัวแบบฝืนๆ ให้เห็นบ้างตามสไตล์ ขึ้นเกมรุกไม่มากนักและ ประสานงา กับสเตอริ่งเป็นส่วนใหญ่ 

สเคอเทล - เอาชนะซิสเซ่ได้เด็ดขาด จนซิสเซ่ได้เล่นแค่ครึ่งเดียว เข้าซ้อนตำแหน่งแบ็คขวาที่จอห์นสันลงไม่ทันได้ค่อนข้างดี เข้าบอลหนักและแม่น 

แอกเกอร์ - มีปัญหากับเดอรี่ที่ลงมาตอนครึ่งหลังนิดหน่อยแต่ไม่นานนัก เบียดทำลายจังหวะคู่ต่อสู้ได้ดี ลูกกลางอากาศวันนี้ไม่มีปัญหา พาบอล ส่งบอลขึ้นหน้าได้แม่นดี 

จอห์นสัน - เติมเกมรุกเต็มที่เล่นถึงสุดเส้น แต่วันนี้ไม่ค่อยได้เล่นจังหวะสุดท้ายมากนักไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย ใช้ความเร็วกับความขยันช่วยเกมรุกริมเส้นได้ดี ส่วนเกมรับก็ปล่อยสเคอเทลงานเข้าไป 

อัลเลน - กลิ้งหลุนๆ เป็นลูกขนุนตกจากรถบรรทุกทุกครั้งที่มีการปะทะ อ่านเกมปิดพื้นที่ในจังหวะรับได้ไม่ดี แต่การผ่านบอลและการเคลื่อนที่ไปรับบอลถือว่าทำได้ดีมาก 

เจอราร์ด - ชั่วโมงแรกขึ้นไม่สูงนัก นานๆ จะเติมที ทำเกมด้วยบอลเร็วกับบอลยาวไปที่ว่างได้สุดยอด ครึ่งหลังพอเฮนเดอร์สันถูกถอดออกก็ขึ้นไปเล่นสูงมากขึ้นและทำได้ดุดันดี ขยันวิ่งทั้งไล่บอลและหาช่องมากกว่าคนอื่น วิ่งขึ้นลงเยอะ เป็นกองกลางที่เล่นได้เด่นที่สุดในทีมวันนี้แล้วไม่ว่าจะรุกหรือรับ 

เฮนเดอร์สัน - กล้าออกบอลเร็วจังหวะเดียวไปข้างหน้ามากขึ้น ข้อผิดพลาดน้อย แต่ลูกทีเด็ดทีขาดไม่มี ขยันวิ่งไล่บอลและลงมาช่วยปิดพื้นที่ได้ค่อนข้างดี แต่ค่อยๆ หายไปในครึ่งหลัง 

ดาวนิ่ง - ไม่ค่อยกระชากไปเอง ทำเกมด้วยตัวเองได้น้อย แต่หุบเข้ากลางเยอะและช่วยเปิดทางให้จอห์นสันกับซัวเรสเล่นได้ดี เกมรับลงมาช่วยตลอด ถอยลงไปเล่นแบ็คได้ไม่เลวด้วย ฟอร์มไม่ถึงเด่นเหมือนนัดสองนัดที่ผ่านมา แต่ก็ไม่น่าเกลียด 

สเตอริ่ง - จับและบังบอลได้ดี จังหวะกระชากไปเองพอมีให้เห็นบ้าง แต่เล่นบอลจังหวะสุดท้ายได้ไม่ดีเอามากๆ หลายครั้งคิดนานไป และหลายครั้งที่จ่ายไม่ตรงเพื่อน, จ่ายไม่ผ่าน เล่นในฟอร์มที่ไม่น่าได้อยู่ครบ 90 นาที 

ซัวเรส - ใช้โอกาสไม่เปลือง ครึ่งแรกลงมาเชื่อมเกมแดนกลางได้ดีมาก หาพื้นที่ว่างรับบอลได้ดีและพลิกบอลหลบได้ดีหลายครั้ง ครึ่งหลังได้บอลน้อยลงไป แต่ถ้าบอลไปถึงก็ยังเก็บบอลเล่นได้, เรียกฟาลว์ได้ 

ตัวสำรอง 

ลูคัส - ช้า ถูกกระชากผ่านไปได้หลายครั้ง ยังเรียกฟอร์มเดิมกลับมาไม่ได้ 

ซูโซ่ - เงียบกริบ 

คาราเกอร์ - +1 

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด.. ซัวเรสยิงได้สองลูกและทำให้ทีมชนะก็จริงอยู่(ถ้าครึ่งหลังไม่เงียบไปก็จะเลือกอยู่หรอกครับ) แต่ฟอร์มของเจอราร์ดวันนี้โดดเด่นเหลือเกิน ผ่านบอลแบบที่พูดได้เต็มปากว่า "ทำเกมรุก" ได้อยู่ตลอด วิ่งไม่หยุด ช่วยเกมรับได้ดีกว่าตัวรับตามตำแหน่งเสียอีก คุมจังหวะเกมได้ดีด้วย ที่ถูกใจสุดคือเห็นน้อง(สเตอริ่ง)โดนสอย อุตส่าห์ไปเสียบเอาคืนให้อีกต่างหาก! 
------------------------------------------------------------

 

http://www.thekop.in...wtopic&t=130630

[greeenday]

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดู.....นัดไหนไม่ได้ดูชนะถล่มทลายซะงั้น หวังว่าคืนนี้ตั้งใจดูจะชนะนะครับ Go to Sunderland

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

เปิดศักราชใหม่ 2013 ด้วยชัยชนะ นับเป็นนิมิตรหมายอันดีนะครับ

 

เก่งหลังเกม : ลิเวอร์พูล 3 - 0 ซันเดอร์แลนด์ (พรีเมียร์ลีค)

 

 

3 ลูกอีกแล้ว 
-------------------------------------------------------- 

ลิเวอร์พูลเล่น 4-2-3-1 

----------------------ซัวเรส------------------------ 

ดาวนิ่ง-----------เฮนเดอร์สัน-------------สเตอริ่ง 

--------------ลูคัส-------------เจอราร์ด----------- 

จอห์นสัน----แอกเกอร์-----สเคอเทล----วิสดอม 

-----------------------เรน่า------------------------- 

_______ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับซันเดอร์แลนด์ในเกมพรีเมียร์ลีคนัดแรกของปี 2013 นัดนี้ขาดเอนริเก้ที่เจ็บจากนัดก่อนไปคนเดียวนอกนั้นยังอยู่กันครบ ร็อดเจอร์เลือกใช้วิสดอมลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็คขวาแล้วโยกจอห์นสันไปซ้าย ส่วนแดนกลางมีการปรับตำแหน่งเล็กน้อย ลูคัสได้ลงเป็นตัวจริงและสลับฝั่งตัวริมเส้นให้ดาวนิ่งเล่นซ้าย สเตอริ่งเล่นขวา 
------------------------------------------------------- 

_______ เปิดเกมมาทั้งสองฝ่ายก็เปิดเกมรุกใส่กันและเล่นเร็วทั้งคู่ เน้นให้บอลจังหวะเดียวและการขึ้นเกมริมเส้นเหมือนกันแต่จังหวะสุดท้ายยังเปิดบอลไม่ค่อยผ่าน ทำให้เกมโดยรวมสูสีโดยเป็นฝ่ายลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าพอสมควรในเรื่องการครองบอล จนกระทั่งผ่าน 15 นาทีแรกไปแล้วถึงได้เริ่มเล่นช้าลงและลิเวอร์พูลเริ่มทำได้ดีกว่ามากขึ้นเรื่อยๆ 

_______ ในที่สุดลิเวอร์พูลก็ได้ประตูขึ้นนำ นาที 19 มินโยเล่เตะเปิดเกมมาไม่ดี เจอราร์ดโหม่งตั้งให้ซัวเรสหันหลังเปิดบอลข้ามแนวรับ สเตอริ่งได้บอลหลุดเดี่ยวไปก่อนที่จะชิพบอลข้ามหัวมินโยเล่เข้าไปได้สำเร็จ 1-0 แต่หลังจากเสียประตูซันเดอร์แลนด์ก็ยังสู้ได้ดี ในเกมรับปิดพื้นที่หน้าเขตโทษกันได้แน่นและเกมรุกริมเส้นยังพอทำอะไรได้บ้าง ได้ลุ้นประตูตีเสมอแต่ยังทำไม่สำเร็จ 

_______ เกมโดยรวมยังคงสูสี ลิเวอร์พูลดูดีกว่าเล็กน้อย แต่แล้วในนาที 26 จากจังหวะทำเร็วของลิเวอร์พูล ซัวเรสได้บอลโดนตัดฟาลว์แต่ไม่ล้มวิ่งพาบอลไปต่อก่อนจะหลุดเข้าไปยิงมุมแคบให้ทีมนำ 2-0 เกมของซันเดอร์แลนด์ดูสะดุดไปเล็กน้อยแต่ไม่นานก็กลับมาได้ โดยซันเดอร์แลนด์ดันเกมขึ้นมาค่อนข้างสูง เกมริมเส้นพอเปิดบอลได้บ้างแต่ไม่ถึงกับดีนัก ที่ดีและได้ลุ้นจริงๆ มาจากลูกตั้งเตะ ทั้งเตะมุมและฟรีคิกที่วันนี้ฟิล ดาวน์ป่าวค่อนข้างง่าย ได้โอกาสลุ้นพอสมควรแต่ยังไล่ตามมาไม่ได้ ส่วนทางฝั่งลิเวอร์พูลเน้นเกมโต้กลับและการวางบอลยาวไปที่ว่างเป็นหลักและทำได้ดีเช่นกัน ได้ลุ้นอยู่ตลอดแต่สุดท้ายยังทำเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งแรกที่สกอร์ 2-0 

_______ เข้าครึ่งหลัง โอนีลเปลี่ยนเอาเฟรเซอร์ แคมเบลล์ลงมาช่วยในแดนหน้า แต่ดันเปลี่ยนตัวแซสซิยงที่แม้จะเล่นไม่ดีนักแต่ก็เป็นกองกลางที่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่สุดในครึ่งแรกออก เริ่มหันมาไล่สูงมากขึ้นและเข้าบอลเร็วขึ้น ยกระดับเกมแดนกลางขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่เกมรุกก็ยังไม่กดดันแนวรับอะไรมากนัก ส่วนทางลิเวอร์พูลเริ่มเน้นการครองบอลมากขึ้น เคาะบอลแดนกลางสลับกับวางบอลยาวในจังหวะที่กองหลังซันเดอร์แลนด์ดันสูง ช่วงต้นครึ่งหลังเกมยังดูสูสีและยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่ดูดีกว่าเล็กน้อย 

_______ แต่แล้วนาที 53 ลิเวอร์พูลมาหนีห่างไปอีก จากการวางบอลยาวของเจอราร์ดพรวดเดียวถึงซัวเรสได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษเข้าไปได้เป็น 3-0 ถัดมาไม่นาน นาที 57 ร็อดเจอร์ยังส่งอัลเลนลงไปแทนสเตอริ่ง ใช้อัลเลนเล่นตรงกลางและยืนสูงเป็นตัวรุก ถ่างเฮนเดอร์สันออกไปเล่นทางขวามากขึ้น ถึงตรงนี้ซันเดอร์แลนด์ก็ทำเกมและครองบอลไม่ได้แล้ว กลายเป็นลิเวอร์พูลที่แม้จะได้ไม่ได้โหมเกมรุกมากนักแต่ก็เป็นฝ่ายบุกใส่อยู่ข้างเดียว ได้ลุ้นประตูอยู่ตลอด 

_______ นาที 67 ซูโซ่ได้ลงไปแทนเฮนเดอร์สัน นาที 74 คาราเกอร์ได้ลงแทนสเคอเทล ระหว่างนี้ลิเวอร์พูลก็ยังเป็นฝ่ายบุกมากกว่า ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว และได้ลุ้นประตูอยู่เรื่อยๆๆ (เติมไม้ยมกตามความพอใจ) ยิงเข้าไปอีกสองลูกจากจอห์นสันและอัลเลนแต่โดนจับล้ำหน้าไปก่อน ซันเดอร์แลนด์หมดใจไปเรียบร้อย ไม่ช่วยกันไล่และไม่วิ่งเติมเกมรุก แค่เล่นไปตามจังหวะ สุดท้ายลิเวอร์พูลยิงเพิ่มไม่ได้ จบเกมไปที่สกอร์ 3-0 
----------------------------------------- 

_______ 11 ตัวจริงวันนี้ดูเหมือนร็อดเจอร์จะจัดตัวจากฟอร์มการเล่น ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน อัลเลนหลุดไปจากทีมสวนทางกับเฮนเดอร์สันซึ่งก็เป็นไปตามฟอร์มล่าสุดของทั้งสองคน การเลือกวิสดอมก่อนซูโซ่(ถ้าเลือกซูโซ่ก่อนคือถอยดาวนิ่งมาเป็นแบ็ค) ก็ไม่ถึงกับน่าแปลกใจอะไรเพราะซูโซ่เองฟอร์มหลังๆ ก็ไม่ถึงกับดีนัก มีแปลกใจเล็กน้อยที่ใช้สเตอริ่งทางขวา ทั้งๆ ที่ดูตามตำแหน่งแล้วทำให้เกมรับฝั่งขวาดูหลอนพอสมควร ถ้าใช้ดาวนิ่งเล่นขวาน่าจะช่วยเกมรับได้น่าอุ่นใจกว่านี้(นี่พูดกันถึงตอนก่อนเกมเริ่มนะ) แต่การใช้สเตอริ่งเล่นฝั่งเดียวกับวิสดอมอาจจะเป็นเพราะเล่นด้วยกันมามากกว่าดาวนิ่งก็เป็นได้ 

_______ สิ่งที่ตัดสินเกมในวันนี้นอกจากความเด็ดขาดในการจบสกอร์ คือแดนกลางที่ลิเวอร์พูลเล่นกันได้เกือบสมบูรณ์แบบ เกมรุกทำได้ไหลลื่น โดยเฉพาะการโต้กลับ, การวางบอลยาวที่ทำได้ดีมาก รวมไปถึงการเจาะตรงกลางที่นัดนี้ดูจะเด่นกว่าเกมริมเส้นเสียอีก ในขณะเดียวกันเกมรับก็สามารถปิดเกมริมเส้นของซันเดอร์แลนด์ได้เกือบหมด บอลจังหวะสองก็เก็บได้มากกว่าทั้งรุกและรับ ทำให้ซันเดอร์แลนด์ได้บอลน้อยเกินกว่าที่จะเอามากดดันอะไรได้ เลยกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่ต้นยันจบเกมและแพ้ขาดไปในที่สุด 

_______ อย่างไรก็ตาม เกมนี้มีจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆ อยู่สองจุด อย่างแรกคือประตูตีเสมอ 1-1 ที่ซันเดอร์แลนด์เกือบทำได้ในนาที 21 ซึ่งบอลหลุดเสาสองไปนิดเดียว ถ้าลูกนั้นทำสำเร็จ ซันเดอร์แลนด์จะกลับมาได้เร็วสวนทางกับลิเวอร์พูลที่ค่อนข้างมีปัญหาเวลาเจอความกดดันซึ่งจะทำให้เกมยากขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า ส่วนจุดเปลี่ยนอีกอย่างคือต้นครึ่งหลังที่โอนีลเปลี่ยนเอาแซสซิยงออก อย่างที่บอกไปตอนต้น แซสซิยงใช่ว่าจะเล่นดี แต่ก็เป็นกองกลางคนเดียวของซันเดอร์แลนด์ที่พอจะทำเกมรุกได้ เก็บบอลและใช้เกมเลี้ยงจี้เจาะตรงกลางได้พอสมควร พอไม่มีแซสซิยงแล้วเกมรุกของซันเดอร์แลนด์ก็ตายสนิทชนิดไม่ได้ลุ้นอีกเลย ตัวที่ลงมาแทนอย่างแคมเบลไม่มีส่วนกับเกมอย่างสิ้นเชิงจนนึกว่าซันเดอร์แลนด์เล่นกัน 10 คน ก็ต้องขอขอบคุณโอนีลมา ณ ที่นี้ด้วยครับ 

_______ ชนะ 3-0 มาสองนัดติดแล้ว ตอนนี้ได้แต่หวังว่าจะไม่กระสุนหมดหรือหมดโควต้าไปเสียก่อน(ฤดูนี้ยังไม่เคยชนะในลีค 3 นิดติด) เพราะเกมหน้าต้องเจอกับ...ฟาน เพอร์ซี่! 
------------------------------- 

นัดนี้เล่นกันได้ดี 

เรน่า - ยืนตำแหน่งดีและเซฟลูกสำคัญเอาไว้ได้ วันนี้เด่นเรื่องการออกบอลด้วยการขว้างเอามากๆ รวมไปถึงฉลาดพอที่จะดึงช้าในบางจังหวะ 

วิสดอม - ได้เล่นในเกมง่าย ซันเดอร์แลนด์แทบไม่บุกกดดันทางฝั่งเขาเลย(จริงๆ แล้วฝั่งไหนก็ไม่กดดันทั้งนั้นแหล่ะ) เล่นไปตามเกมเท่านั้น ไม่มีข้อผิดพลาดในเกมรับ เกมรุกก็เชื่อมเกมได้ตามเนื้อผ้า 

สเคอเทล - ซ้อนเพื่อนได้ดี เข้าบอลแม่น เล่นลูกกลางอากาศได้เด็ดขาด แต่จะว่าไปก็ไม่มีงานยากอะไรให้ทำ 

แอกเกอร์ - ทำได้ดีในเรื่องการผ่านบอลขึ้นหน้า ไม่ว่าจะส่งหรือเลี้ยงขึ้นมาเอง และเกมรับก็ไม่ถูกกดดันอะไร 

จอห์นสัน - ก่อน 3-0 ก็ไม่ได้เติมเกมรุกมากนัก (ถ้าเทียบกับที่ผ่านมา) พอเกมขาดถึงได้เล่นเกมรุกมากขึ้น เชื่อมเกมได้ดี ผ่านบอลได้ค่อนข้างแม่นยำ เกมรับมีงานเยอะกว่าวิสดอมนิดหน่อยแต่พอเอาตัวรอดได้ 

ลูคัส - เล่นได้ดีขึ้นบ้าง อ่านเกมและดักตัดบอลได้มากขึ้น ครึ่งแรกมีปัญหาในเกมรับพอสมควร แต่พอครึ่งหลังเล่นง่ายจัดการได้หมด ยังห่างไกลจากฟอร์มที่ดีที่สุดแต่ก็กระเตื้องขึ้นแล้ว 

เจอราร์ด - เจอราร์ด! 

เฮนเดอร์สัน - เล่นได้ดีต่อเนื่อง ออกบอลเร็วไปข้างหน้ามากขึ้นแม้จะพลาดเยอะพอสมควรแต่ทิศทางและน้ำหนักทำได้ใกล้เคียงเอามากๆ ขยับหาพื้นที่ว่างมากขึ้นและเปิดบอลจากริมเส้นได้ดีหลายครั้ง เกมรับขยันวิ่งไล่ปิดพื้นที่อยู่ตลอด 

ดาวนิ่ง - เปิดบอลเข้ากลางได้ดีพอสมควร ไม่ค่อยตรงเพื่อนแต่พอกดดันได้ เด่นในเรื่องการเชื่อมเกมที่ทำได้เร็วและค่อนข้างแม่น รวมไปถึงเกมรับที่ปิดเกมรุกของตัวริมเส้นได้ดีมาก อันที่จริงเกมรับริมเส้นวันนี้ดาวนิ่งทำได้ดีกว่าจอห์นสันอีก 

สเตอริ่ง - ใช้ความเร็วกดดันคู่ต่อสู้ได้ดี ไม่ว่าจะกระชากไปเองหรือวิ่งไปรับบอลในพื้นที่ว่าง ยิงประตูสุดสวยได้ด้วย แต่หลังจากนั้นยังคงพลาดในจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะยิงหรือจ่ายเหมือนเดิม 

ซัวเรส - ยังคงใช้โอกาสไม่เปลืองต่อไปอีกหนึ่งนัด ยิง 2 และจ่ายอีก 1 ด้วย พยายามเล่นบอลอยู่ตลอดไม่พุ่งล้ม ลูกที่ 2 ที่ทีมได้มาก็เพราะซัวเรสฝืนเล่นต่อไม่ทิ้งตัวล้ม มีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอด แต่พอสกอร์ขาดและได้ลุ้นแฮททริคดูจะเล่นฝืนๆ ไปหน่อย 

ตัวสำรอง 

อัลเลน - ลงมาเล่นเป็นตัวรุก ช่วยเก็บและรักษาการครองบอลได้ดีมาก จังหวะทำเกมรุกเงอะงะไปหน่อย เลี้ยงไม่ผ่าน จ่ายได้แค่เกือบทะลุ แต่วิ่งทำทางและตัดสินใจยิงเวลาไม่มีคู่ต่อสู้บังได้เด็ดขาดดี 

ซูโซ่ - ลงมาช่วยเก็บบอลเช่นกัน บอลอยู่กับเท้าซูโซ่แล้วเสียยากมาก เล่นระวังตัวมากไปหน่อยเลยไม่มีบทบาทกับเกมมากนัก 

คาราเกอร์ - ลงมาแล้วพลาดอยู่หนึ่งจังหวะที่โดนคู่ต่อสู้กระชากหลุดไปได้ แต่ก็เล่นแบบหวุดหวิดจะเสียฟาลว์แต่ตัดบอลได้ดีอยู่ 2-3 ครั้งเช่นกัน เล่นไม่ได้แย่แต่เวลาของคาราเกอร์กับลิเวอร์พูลคงเหลืออีกไม่มากแล้ว 

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : ...สตีเว่น เจอราร์ด.. ซัวเรสยิง 2 จ่าย 1 แต่รับรองว่าไม่มีใครโกรธแน่ถ้าเจอราร์ดจะได้ตำแหน่งนี้ วางบอลยาวระยะ 30-40 หลาได้เหมือน 3-4 หลา จ่ายเป็นหลุด ผ่านบอลสั้นพื้นที่แคบก็ทำได้ดี จ่ายบอลเป็นเข้าเท้าเพื่อน มองได้ไกลและกว้าง ไม่ใช่สักแต่วางไปให้เพื่อนวัดดวงวิ่งไล่ เกมนี้เล่นเด่นมากจริงๆ 
------------------------------------------------------------

 

http://www.thekop.in...wtopic&t=130775

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ได้โปรเลี้ยงตัวพ่อมาอีก 1 ราย ได้แข่งกันเลี้ยงทะลุโลกแน่ๆทีมเรา   

 

[Official] Daniel Sturridge เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว !!

 

 

คำพูด:  

 


สโมสรลิเวอร์พูลมีความดีใจที่จะยืนยันว่าการเซ็นสัญญากองหน้า Daniel Sturridge จาก Chelsea เรียบร้อยแล้ว 

นักเตะวัย 23 ปีผู้นี้กลายเป็นการเซ็นสัญญาแรกในช่วงการซื้อขายเดือนมกราคมหลังจากได้เซ็นสัญญาระยะยาวที่เมลวูดในวันนี้ 

ภายหลังเขาได้พูดผ่าน Liverpoolfc.com เกี่ยวกับความปิติยินดีที่ได้เซ็นสัญญา

"ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้มาอยู่ที่นี้" Sturridge กล่าว 

"Brendan Rodgers บอกว่าเขาอยากจะเห็นผมอยู่ที่นี้ในระยะยาว และ ผมก็อยากที่จะเห็นตัวเองเล่นที่สโมสรแห่งนี้ในระยะยาวด้วย ผมไม่ได้เซ็นมาเล่นที่นี้แค่เพียงไม่กี่ปีแล้วก็ย้ายออกหรอกนะ" 

"ผมเซ็นสัญญาเพื่อที่จะมาอยู่ที่นี้นานเท่าที่จะทำได้ ที่นี้เป็นสโมสรยิ่งใหญ๋ สำหรับผม หนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และการที่มีแฟนบอลและนักเตะชั้นเวิล์ดคลาสที่นี้เป็นอะไรที่วิเศษมาก" 

Sturridge เริ่มต้นค้าแข่งที่ Manchester City ซึ่งเขาเป็นดาวซัลโวในการแข่งขัน FA Youth Cup ในปี 2008. 

ในปี 2009 เขาเซ็นสัญญากับเชลซีที่ที่เขาสามารถแสดงความสามารถของตนเองด้วยการยิง 24 ประตูในระหว่างอยู่ที่ Stamford Bridge. 

เขายิงประตู 21 ลูก จาก 34 เกม ในระหว่างอยู่กับทีมอังกฤษชุดเยาวชน และ Fabio Capello ได้ให้เขาขึ้นทีมใหญ่ในนัดเจอ Sweden ในเดือน November 2011. 

เขาได้ลงในทีมอังกฤษชุดใหญ่อีก 3 ครั้งและในซัมเมอร์ที่ผ่านมาเขาได้ยิง 2 ลูกสำหรับทีมชาติสหราชอาณาจักรในเกมโอลิมปิก 


Credit : http://www.liverpool...urridge-signing 

แปล : WONER

http://www.thekop.in...wtopic&t=130743

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

สรุปการซื้อขายนักเตะ ช่วงมกราคมครับ อัพเดตถึงวันที่ 25/1/56 

 

ลิเวอร์พูล

 

เข้า

 

Daniel Sturridge  12 ล้านปอนด์ จากเชลซี  (Official)

 

Philippe Coutinho 8.5 ล้านปอนด์ จากอินเตอร์

 

 

นักเตะที่เป็นข่าว

 

Thomas Ince   ปีก แบล็คพูล  

 

Modibo  Diakite  กองหลัง ลาซิโอ

 

Kevin Großkreutz ปีก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

 

Kevin Gameiro กองหน้า PSG

 

Vegard Forren กองหลัง โมลด์ FK (ล่าสุดเซาท์แธมป์ตันฉกไปซะงั้น  ) 

 

LEE Chung Yong ปีก,กองกลาง โบลตัน

 

Federico Fazio กองหลัง เซบีญ่า (คห.ส่วนตัว ชอบมากๆตัวนี้ เทพ fm เลย)

 

Siem De Jong กองหน้า อาแจ๊กซ์ 

 

Ashley Williams กองหลัง สวอนซี

 

Sebastian Coates มีข่าวจะให้ เวสบรอมวิช อัลเบี้ยน ยืมตัว

 

 

ออก

 

Joe Cole   ฟรี  ย้ายไปเวสต์แฮม (Official)

 

Adam  Morgan  ยืมตัว  ย้ายไป ร็อทเทอร์แฮม ยูไนเต็ด (Official)

 

Nuri Sahin  ยกเลิกสัญญายืมตัว ไปโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Official) กลับบ้านเก่าแระหนูหิ่น 

 

Danny Wilson ยืมตัว ย้ายไป ฮาร์ท (Official)

 

Michael Ngoo ยืมตัว ย้ายไป ฮาร์ท (Official)

 

 

 

ทีมอื่นๆ (เฉพาะตัวดังๆสำคัญๆครับ)

 

Demba Ba ย้ายจากนิวคาสเซิ่ล ไปเชลซี 7.5 ล้านปอนด์

 

Marouane Chamakh ยืมตัว ไป เวสต์แฮม 

 

Yohann Djourou ยืมตัว ไป ฮันโนเวอร์ 96 

 

Mathieu Debuchy ย้ายจากลีลล์ ไปนิวคาสเซิ่ล 5 ล้านปอนด์ (คห.ส่วนตัว ถูกมากเทียบกับฝีเท้า)

 

Giuseppe Rossi ย้ายจากบียาร์รีล ไปฟิออเรนติน่า ประมาณ 10 ล้านยูโร

 

Alexandre Pato ย้ายจากมิลาน ไปโครินเธียนส์ 15 ล้านยูโร 

 

Lucas Piazon ยืมตัว ไป มาลาก้า (คห.ส่วนตัว ชอบดาวรุ่งคนนี้ สไตล์คล้ายๆกาก้าสมัยรุ่งๆเลย)

 

Theo Walcott คราวนี้ต่อสัญญาอย่างเป็นทางการแล้วครับ 3 ปีครึ่ง ค่าเหนื่อย 90,000 ปอนด์

 

Wesley Sneijder ย้ายจากอินเตอร์ ไปกาลาตาซาราย 

 

Wilfred Saha ย้ายจากคริสตัล พาเลซ ไปแมนฯ ยูไนเต็ด

 

Moussa Sissoko ย้ายจากตูลูส ไป นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (คห.ส่วนตัว นิวฯได้ของดีอีกแล้ว    ตัวนี้เข้าบอลดี แข็งแกร่ง แนวๆ Tiote เลย )

 

Yohann Gouffran ย้ายจากบอร์กโดซ์ ไป นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (คห.ส่วนตัว กลางตัวรุก แนวๆ Ben arfa แต่ไม่บ้าเลี้ยงเท่าไหร่ เก่งใช้ได้เลยครับตัวนี้ แมวมองนิวฯนี่เล่น fm มารึป่าวเนี่ย ซื้อแต่ละตัวตรงใจผมมาก) 

 

Mario Balotelli ย้ายจากแมนฯ ซิตี้ ไป เอซี มิลาน   

 

Didier Drogba ย้ายจากเซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว ไป กาลาตาซาราย   (กาลาฯซื้อแต่ละตัวโหดจริงๆ)

 

 

 

ปล.ท่านใดมีข่าวอัพเดตแจ้งผมได้นะครับ จะได้อัพให้ครับ ขอบคุณครับ

 

ปล2. บางอันที่เป็นข่าว ยังไม่เป็น official ผมต้องขออภัยท่านสมาชิกจริงๆครับ 

Edited by Lucas Leiva Benitez, 30 January 2013 - 17:01.

[ชาวสวน]

 

บ๊าย บาย โจ โคล 

 

แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีผลงานที่ดีในแอนฟิลด์  ก็ขอให้โชคดีกับถิ่นดั้งเดิมของนาย

 

*ประหยัดค่าเหนื่อยไปได้เยอะ

[แม่รำพึง]

บ๊าย บาย โจ โคล 

 

แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีผลงานที่ดีในแอนฟิลด์  ก็ขอให้โชคดีกับถิ่นดั้งเดิมของนาย

 

*ประหยัดค่าเหนื่อยไปได้เยอะ

 

เล่นก็ไม่ค่อยได้เล่น ค่าเหนื่อยก็แสนจะแพง

 

แถมจะย้ายออกต้องมีค่ายกเลิกสัญญาอีก...

บ๊าย บาย โจ โคล (ดีใจที่นายย้ายเสียทีนะ)

[greeenday]

ได้ข่าวว่าอาทิตย์นี้แดงเดือด ฮาว์เวิร์ด เว็บ เป็นกรรมการด้วยนะครับ เป็นยังไงล่ะครับพี่น้อง......ว่าแต่ เมื่อคืนนี้เกือบตาย 55555+

Edited by greeenday, 7 January 2013 - 23:31.

[แม่รำพึง]

เห็นชื่อกรรมการนัดแดงเดือดนี้ ผมทำใจไว้ล่วงหน้าเลยละกัน
เรามีโดนแน่ๆ จุดโทษไม่ก็ใบแดง
เอฟเอคัพไม่แพ้ก็บุญแล้ว ฮ่าๆๆๆ

 

ปล.

มาราโดน่าใช้มือปัดบอลเข้าประตู  =  แฮนด์ออฟก็อด

เมสซี้ใช้มือปัดบอลเข้าประตู         =  แฮนด์ออฟก็อด

ซัวเรสใช้มือปัดบอลเข้าประตู        =  ไอ้ขี้โกง........
         

เฮ้ออออออ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

หงส์เจอแมนฟิลด์ เล่นดีแค่ 20 นาทีแรก ที่เหลือตั้งรับซะนึกว่าหงส์เป็นทีมนอกลีกซะเอง อิอิ

 

ดีที่ได้หัตถ์พระเจ้าจากซัวเรสซะงั้น 

[ชาวสวน]

จอนโจ้ ฉายแววเป็นเพลย์เมคเกอร์

 

สเตอร์ริดจ์ ฉายแววเป็นตัวมุดนับจากซัวเรส

 

ซูโซ่ ยังต้องขัดเกลา เพื่อรับทุกสภาพสนาม

 

ชุดผสมหลายคน ผ่านเอฟเอคัพด้วยความระทึก

 

 

ต้องชื่นชม หัวจิตหัวใจของนักเตะแมนฟิลด์ทุกคน รวมถึงกองเชียร์ ที่ทำให้ทีมเล็กสู้กับทีม(เคย)ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้

 

ถ้าบีร๊อด สามารถกระตุ้นทีมได้แบบนี้    ในวันอาทิตย์ก็คงดี

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

จอนโจ้ ฉายแววเป็นเพลย์เมคเกอร์

 

สเตอร์ริดจ์ ฉายแววเป็นตัวมุดนับจากซัวเรส

 

ซูโซ่ ยังต้องขัดเกลา เพื่อรับทุกสภาพสนาม

 

ชุดผสมหลายคน ผ่านเอฟเอคัพด้วยความระทึก

 

 

ต้องชื่นชม หัวจิตหัวใจของนักเตะแมนฟิลด์ทุกคน รวมถึงกองเชียร์ ที่ทำให้ทีมเล็กสู้กับทีม(เคย)ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้

 

ถ้าบีร๊อด สามารถกระตุ้นทีมได้แบบนี้    ในวันอาทิตย์ก็คงดี

 

ผมเชื่อมั่นว่าทีมเราเจอผีแดงเมื่อไหร่ ใส่เต็ม 120% แน่นอนครับ แต่ต้องดูอิทธิฤทธิ์ของท่านเปา ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ณ แมนเชสเตอร์ 

 

ว่าท่านจะแจกของแถมฝั่งไหนมากกว่ากัน อิอิ  

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

กองหลังดาวรุ่ง อังเดร วิสดอม ต่อสัญญาแล้ว อิอิ ดูดีกว่าฟลานาแกนเยอะ สูสีกับเคลลี่ แต่ไม่เจ็บบ่อยเท่า 

 

 อย่างเป็นทางการ ! วิสดอมต่อสัญญาใหม่หงส์เรียบร้อย

 

คำพูด: อังเดร วิสดอม ได้ตัดสินใจฝากอนาคตของเขาไว้กับลิเวอร์พูล โดยเขาได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับลิเวอร์พูลไปที่เมลวูดด์ในช่วงเช้าของวันนี้ 

หลังจากการที่การเซ็นสัญญาใหม่ของวิสดอมเสร็จสิ้น เขาก็ได้บอกกับ Liverpoolfc.com "มันเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติอย่างมากที่ผมได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรแห่งนี้และในขณะนี้ผมก็มีความสุขมากที่นี่" 

"มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะตัดสินใจในครั้งนี้ - และผมก็ตัดสินใจที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้เพราะที่นี่เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่และผมก็ต้องการที่จะยังคงเล่นให้กับลิเวอร์พูล" 

"ผมมีความสุขมากกับพัฒนาการของผม และผมก็หวังว่าผมจะสามารถก้าวหน้ามากขึ้นไปอีกในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล" 

"ผมยังคงที่จะต้องทำงานหนักเพื่อให้ผมก้าวไปข้างหน้า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการแข่งขันภายในทีมใหญ่และทุกคนก็มีความต้องการที่จะเล่นฟุตบอล และผมก็หวังว่าผมจะสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและมีโอกาสได้ลงเล่นภายในทีม" 

ในฤดูกาลนี้วิสดอมได้มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมภายในทีม และก็ส่งผลให้เขามีชื่อในทีมของรอดเจอร์ส 

ผู้อำนวยการของสโมสรอย่าง เอียน อายร์ ก็ได้กล่าวว่า "มันเป็นข่าวที่ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นอีกตัวอย่างที่ดีของผู้เล่นที่มีความเชื่อมั่นในสโมสร และผมก็เชื่อว่าเขาจะสามารถพิสูจน์ตัวเองให้เบรนแดนเห็นได้" 

"เขาเป็นผู้เล่นเยาวชนที่ดี และพวกเราก็ได้เห็นการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถ - และผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่เราจะเซ็นสัญญาใหม่และระยะยาวกับเขา" 

"พรสวรรค์ของเขาเหมือนกับราฮีมและผู้เล่นอื่น ๆ อีกมาก ที่เขาจะสามารถพัฒนาตัวเองได้อีกในอนาคต" 

"ผู้จัดการทีมเจ้าของทีมและทุกๆคน ก็ได้กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญคือการสร้างทีมให้ได้ในระยะยาว - และทำให้เห็นถึงพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมของนักเตะที่ยังอายุน้อยและอังเดรก็เป็นหนึ่งในนั้น" 

"เขาพัฒนาตัวเองได้มากเพราะเกิดจากการทำงานหนักของเขา และมีความใส่ใจในการเล่น และผู้จัดการทีมก็จะให้โอกาสเขา และมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่เขาจะรับใช้สโมสรต่อไปสโมสรต่อไป"

ที่มา :  

แปล & เรียบเรียง : -หลุยส์-ซัวเรส- [ www.thekop.in.th ] 

ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

http://www.thekop.in...wtopic&t=131143

[ชาวสวน]

 

ถ้าเจอแผนนี้ คงต้องยอม  

[greeenday]

 

ถ้าเจอแผนนี้ คงต้องยอม  

555555+ เจอแผนนี้เข้าไปตายแน่ แต่ De Gay Ahh นี่มัน   ชอบครับชอบ 

ไม่ว่าวันอาทิตย์นี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ อะไรจะเกิดขึ้นผมขอน้อมรับผลนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆครับ.......

[greeenday]

10 ผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ประเดิมยิงประตูในเกมเปิดตัวได้เร็วที่สุด

by หมอก ม่าน สายฝน

 

แดเนียล สเตอริดจ์ ยิงประตูแรกของเขาหลังจากผ่านไปเพียง 7 นาที ในเกมเปิดตัวของเขาในการแข่งขันกับแมนฟิลด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังไม่ใช่ผู้เล่นที่ยิงประตูได้เร็วที่สุดที่เคยยิงประตูแรกในเกมเปิดตัวภายใต้เสื้อทีมลิเวอร์พูล

โดยลิสต์ประตูที่รวมรวบได้นี้จะครอบคลุมตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงลูกยิงของสเตอริดจ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและมีเพียงแค่ 4 ประตูที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา

 

อันดับ 10 : หลุยส์ ซัวเรซ (16 นาที)
หนุ่มชาวอุรุกวัยเปิดตัวลงเล่นเกมแรกกับทีมลิเวอร์พูลด้ายการเป็นผู้เล่นสำรอง และถูกส่งตัวลงสู่สนามนาทีที่ 63 ในการแข่งขันกับสโต๊ค ซิตี้ ณ สนามแอนฟิลด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2011 และยิงประตูต่อหน้าเหล่าแฟนบอลในนาทีที่ 79

 

 

 

อันดับ 9 : อาเบล ซาเวียร์ (16 นาที)

ซาเวียร์ ยิงประตูแรกในเกมเปิดตัวของเขา ณ สนามแอนฟิลด์ และช่วยให้ทีมเอาชนะอิปสวิชไปได้ด้วยสกอร์ 6-0 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2002

 

 

อันดับ 8 : ไมเคิล โอเว่น (16 นาที)

ลิเวอร์พูลพ่ายต่อวิมเบิลดันด้วยสกอร์ 2-1 ณ Selhurst Park เมื่อเดือนพฤษภาคม 1997 แต่หนุ่มน้อยวัย 17 ปี สามารถคว้าโอกาสในการยิงประตูแรกของเขาหลังจากส่งตัวลงสนามในฐานะผู้เล่นสำรองได้สำเร็จ

 

 

อันดับ 7 : เควิน คีแกน (12 นาที)

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ พ่ายไปด้วยสกอร์ 3-1 ณ สนามแอนฟิลด์ เมื่อเดือนสิงหาคม 1971 และผู้เล่นใหม่ในทีมของบิล แชงคลีย์ ก็เป็นคนยิงประตูขึ้นนำตอนต้นเกม

 

 

อันดับ 6 : อลัน อีแวนส์ (10 นาที)

ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0 หลังจากเริ่มเกมไปได้เพียง 4 นาทีเท่านั้น ในการแข่งขันกับเลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเดือนกันยายน 1968 ก่อนที่อีแวนส์ จะยิงประตูแรกของเขาในนาที่ที่ 10

 

 

อันดับ 5 : โทนี่ แม็คนามาร่า (9 นาที)

ลิเวอร์พูลขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 1 ในตารางคะแนนดิวิชั่น 2 หลังจากเกมอันน่าตื่นเต้นที่ลิเวอร์พูลเอาชนะบริสตอล ซิตี้ ด้วยสกอร์ 4-3 เมื่อเดือนธันวาคม 1957 ซึ่งแม็คนามาร่าก็ยิงประตูแรกของเขาในนาทีที่ 9 ให้กับทีมด้วย

 

 

อันดับ 4 : วิลเลียม วัตกินสัน (9 นาที)

ทีมลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของ George Kay โดนแอสตัน วิลล่า ยิงประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 ณ วิลล่า พาร์ค เมื่อเดือนเมษายน 1947 แต่หลังจากนั้น วัตกินสัน ก็ยิงประตูประตูแรกและช่วยให้ทีมตีเสมอ 1-1 ได้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที

 

 

 

อันดับ 3 : ซีริล ดัน (9 นาที)

ดัน ยิงประตู 37 ประตู ให้กับทีมลิเวอร์พูลในช่วง 13 ปีของการค้าแข้งของเขา และประตูแรกของเขาเกิดขึ้นในการแข่งขันกับชาร์ลตัน ณ สนามแอนฟิลด์ เมื่อเดือนตุลาคม 1946

 

 

อันดับ 2 : แดเนียล สเตอริดจ์ (7 นาที)

สเตอริดจ์เป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลคนล่าสุดที่ยิงประตูได้ในเกมเปิดตัวของเขา ในการแข่งขันกับแมนฟิลด์ ณ ฟิลด์ มิลล์ สเตเดียม ซึ่งช่วยให้ทีมของแบรนเดน ร็อดเจอร์ส ผ่านเข้าไปเล่นในรอบที่ 4 รายการเอฟเอคัพ ต่อไป

 

 

อันดับ 1 : มาร์ค กอนซาเลซ (3 นาที)

มาร์ค กอนซาเลซ ถูกส่งตัวลงสู่สนามแทนสตีเวน เจอร์ราร์ด ในเกมแชมเปี้ยน ลีก รอบคัดเลือกของทีมลิเวอร์พูล เมื่อเดือนสิงหาคม 2006 ในนาทีที่ 85 และเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น เขาก็กลายมาเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ยิงประตูได้เร็วที่สุดในการเปิดตัวกับทีม

 

 

http://www.lovelfc.c...ผู้เล่นลิเวอร์/

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

แดงเดือดนัดนี้ขอล้างแค้นจากคราวที่แล้ว 1 ใบแดง 1 จุดโทษหน่อยเถอะครับ  

 

 

 Before Kick Off [ EPL ] Man Utd. v Liverpool

 

 

Man Utd. Vs Liverpool 
Old Trafford 20:30 วันที่ 13.1.13 ,ทาง TrueSport 1 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ ลิเวอร์พูล 
ศึกแดงเดือดนัดที่ 186 

"ปีศาจแดง" แมนฯยูเจ้าถิ่นแม้นัดล่าสุดจะทำได้แค่เสมอกับขุนฆ้อน 
เวสต์แฮมฯ มาในบอลถ้วยเอฟเอคัพ แต่ฟอร์มในลีกนี่ไม่ธรรมดา ยังไม่แพ้ทีมไหนตั้งแต่ 
เดือนพ.ย ปีที่แล้ว นัดล่าสุดที่แพ้ คือบุกไปแพ้ นอริช ซิตี้ ประกอบกับฟอร์มของ R.V.P 
ที่ท่านเซอร์ซื้อมานั้น คุ้มค่าเหลือเกินยิงให้ผีได้ 3 แต้มมานักต่อนัก 

การเจอกันของทั้งสองทีมช่างมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นคว้าแชมป์ใน 
ลีกหรือแชมป์เปี้ยนลีก เกมในสนามหรือระหว่างนักเตะเช่นการเจอกันระหว่างโจทย์ 
เก่า "เอฟว่า" กับ พี่ "หลุยส์" หรือ โจทย์ใหม่ "จ้อน" จอนโจ เชลวี่ย์กับ "เซอร์อเล็กซ์" 
แม้กรณีของจอนโจ ได้ออกมาขอโทษแล้วต่อท่านเซอร์แล้ว 

 

ด้วยฟอร์มที่กำลังฮอตและเข้าฟัก ของ ศูนย์หน้าทั้งสองทีม งานนี้ต้องวัดกันว่า ใครจะใช้โอกาส 
เปลืองหรือเปล่า R.V.P อาจจะใช้โอกาสไม่เปลืองเค้าพิสูจน์หลายครั้งซึ่งหลังหงส์ยืนเหม่อไม่ 
ได้แน่ไม่เช่นนั้นมีสิทธิ์น้ำตาตก เช่นเดียวกันกับที่เจอในแอนฟิลด์ ซึ่ง แอกเกอร์และสเคอ 
เทลต้องเอาให้อยู่ ส่วนพี่หลุยส์ไม่ต้องพูดถึงครบเครื่องและเทคนิคสุดยอด 
เคยพาบอลเลี้ยงหลอกนักเตะแมนฯยูได้ ถึง 4 คนก่อนจะผ่านให้พี่เค้าท์ (ณ.ตอนนั้น) ซัดไป 
แต่ตอนนี้ หงส์เพิ่งคว้า แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่คล่องแคล่วและหาพท.ได้ดี 
ไม่แน่นัดนี้ อาจจะมีสกอร์ก็ได้ เพราะเพิ่งจะเบิกสกอร์แรกในนัดเจอแมนส์ฟิลด์ 
ทาวน์ ในศึกเอฟเอ คัพ ดีไม่ดีดวงอาจจะชอบยิงกับทีมที่เป็น แมนฯ เหมือนกัน 

สภาพทีมของทั้งสองทีม ข่าวดีของแมนฯยูจะได้ นานี่ และ แอนเดอร์สันคืนทัพหลังจากมี 
ปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่คาดกันว่าน่าจะสำรองทั้งคู่ ส่วน "เวนย์" เวนย์รูนี่ น่าจะพักในเกม 
นี้เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า 

ทางด้าน"หงส์แดง" ทีมเยือน ข่าวดี บอรินี่ ที่เท้าหักนั้นได้ซ้อมแล้วน่าจะมีชื่อในตัวสำรอง 
ส่วนโฆเซ่เอนริเก้ และมาร์ติน เคลลี่ยังคงเจ็บอยู่ ดังนั้นกองหลัง น่าจะเป็นไปได้ 2 แบบคือ 
ให้ดาวนิ่งเล่นแบคซ้าย หรือจะให้ จีเจ เล่นซ้ายแล้ว วิสดอมที่เพิ่งจะต่อสัญญาเล่นแบ็คขวา 

ส่วนกองกลางของลิเวอร์พูล หลังจากเพิ่งปล่อย ซาฮิน ให้กับดอร์ทมุนไปแล้วบีร๊อคน่าจะใช้ 
ลูคัสจับคู่กับเจอร์ราดหรืออัลเลนโดยมีเฮนโดกับเชลวี่ย์เป็นตัวสอดแทรก 

การเจอกันระหว่าง แมนฯยูกับลิเวอร์พูล ทุกครั้งและมันส์ทุกครั้งแถมกรรมการเป็นฮาร์เวิร์ด 
เวบบ์คนเดิม แม้ผลจะออกมาเป็นเช่นไรแน่นอน "เดอะค๊อป" ในประเทศไทยพร้อมจะอยู่ 
เคียงข้างทีมเสมอ YNWA. 


----------------------------------------------------- 
รายชื่อคาดว่าจะได้ลง 

Manchester United : De Gea; Rafael, Ferdinand, Evans, Evra; 
Valencia, Carrick, Cleverley; Kagawa; Hernandez, Van Persie. 

Liverpool : Reina; Johnson, Skrtel, Agger, Downing; 
Lucas, Allen, Gerrard; Sterling, Suarez, Sturridge.. 

----------------------------------------------------- 
 
กรรมการ :Howard Webb. 
----------------------------------------------------- 

เทียบฟอร์ม 

 
Liverpool 

เกมล่าสุด FA 
ชนะ แมนส์ฟิลด์ ทาวน์ 1-2 

ฟอร์มโดยรวมล่าสุดของทั้งสองทีม 
 

 
Man Utd 

เกมล่าสุดใน FA 
เสมอ เวสต์แฮม 2-2 

ตารางของทั้งสองทีม 
 
----------------------------------------------------- 

สถิติที่พบกัน 




----------------------------------------------------- 

สกอร์ที่คาดโดยลอร์โร 
 

Manchester United 2 Liverpool 1 

หมายเหตุ ไม่ส่งเสริมการพนันใดๆ ทั้งสิ้น 

บังเร้ดส์ [ http://www.thekop.in.th ] 

thx => BBC ,Soccerway   

 

http://www.thekop.in...wtopic&t=131236

[greeenday]

ยอมรับครึ่งแรกเล่นไม่ดีเอาซะเลย แต่แพ้คือแพ้ครับ ไม่มีข้อแก้ตัว........(ฝากไว้ก่อน) 

[นายตัวเกร็ง]

ไป - กลับ                       
 

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ยอมรับครึ่งแรกเล่นไม่ดีเอาซะเลย แต่แพ้คือแพ้ครับ ไม่มีข้อแก้ตัว........(ฝากไว้ก่อน) 

ใช่ครับ ครึ่งแรกกลางหงส์ต่อบอลไม่ได้เลยครับ เห็นแล้วปวดตับอย่างแรง แดงเดือดนัดแรกกลางเล่นเทพมากๆๆ นัดนี้ -*- 

 

ยังดีที่ร็อดเจอร์กล้าส่งกองหน้ามาลุยแหลกครึ่งหลัง ถึงแพ้แต่ผมว่าประทับใจนะ อย่างน้อยดีกว่าราฟาแน่นอนเรื่องนี้

 

ไป - กลับ                       
 

 

ขอแสดงความยินดีกับทีมของท่านตัวเกร็งนะครับ ชนะทั้ง 2 นัดเลย นัดนี้ทีมผมแพ้แบบหมดข้ออ้างจริงๆครับ   

[ชาวสวน]

สิ่งดีที่เห็นในครึ่งแรก คือ การเล่นได้แย่มาก กลางทับตำแหน่งกันมั่ว หน้าไม่กดดันคู่ต่อสู้ หลังทำได้ดีที่สุดแค่แปะบอลคืนหลัง  แต่เสียแค่1ประตู 

 

สิ่งดีที่เห็นในครึ่งหลัง คือ การเล่นด้วยใจสู้เมื่อโดนไปแล้ว2-0 แก้ไขถูกจุดที่ส่งสเตอร์ริดจ์ลงมาเร็ว แม้จะไม่ถูกใจในอัลเลนที่ได้เล่นถึง80นาที ทำให้ตีไข่แตกได้ 

 

ปีนี้แพ้ไป-กลับ เป็นความจริงที่ยอมรับว่า ยังไม่ดีพอที่จะชนะยูไนเต็ด  

[นายตัวเกร็ง]

ยอมรับครึ่งแรกเล่นไม่ดีเอาซะเลย แต่แพ้คือแพ้ครับ ไม่มีข้อแก้ตัว........(ฝากไว้ก่อน) 

ใช่ครับ ครึ่งแรกกลางหงส์ต่อบอลไม่ได้เลยครับ เห็นแล้วปวดตับอย่างแรง แดงเดือดนัดแรกกลางเล่นเทพมากๆๆ นัดนี้ -*- 

 

ยังดีที่ร็อดเจอร์กล้าส่งกองหน้ามาลุยแหลกครึ่งหลัง ถึงแพ้แต่ผมว่าประทับใจนะ อย่างน้อยดีกว่าราฟาแน่นอนเรื่องนี้

 

ไป - กลับ                       

 

ขอแสดงความยินดีกับทีมของท่านตัวเกร็งนะครับ ชนะทั้ง 2 นัดเลย นัดนี้ทีมผมแพ้แบบหมดข้ออ้างจริงๆครับ   

 

 

ปีนี้ผีขอร่าเริงไปก่อนปีหน้าค่อยว่ากัน ว่าก็ว่านะผมว่า บีร็อดเจอร์ก็ทำทีมออกมาได้ดูดีพอสมควร
ดูทรงแล้วดีกว่าป๋าตอนเริ่มคุมด้วยซ้ำ ปีแรกๆป๋าจะพาทีมตกชั้นนะลิเวอร์ต้องการ Tuning point

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

 
ปีนี้ผีขอร่าเริงไปก่อนปีหน้าค่อยว่ากัน ว่าก็ว่านะผมว่า บีร็อดเจอร์ก็ทำทีมออกมาได้ดูดีพอสมควร
ดูทรงแล้วดีกว่าป๋าตอนเริ่มคุมด้วยซ้ำ ปีแรกๆป๋าจะพาทีมตกชั้นนะลิเวอร์ต้องการ Tuning point

เห็นด้วยกับท่านตัวเกร็งครับ ปีนี้สิ่งที่หงส์ต้องสร้างขึ้นมาคือ ระบบการเล่นที่ชัดเจน

ดาวรุ่งที่เป็นแกนหลักของทีมเหมือน class of 92 ของท่านเซอร์อเล็กซ์

แนวทางการทำทีมของร็อดเจอร์ผมว่าโอเคครับ เสียแต่ว่าการเข้าทำไม่หลากหลายเท่าไหร่ ดูจากการทำเกมรุก ทีมอื่นพอจับทางได้

ที่สำคัญผมค่อนข้างขัดใจการซื้อตัวของบอร์ดบริหารพอสมควร มักจะได้เกรด B ราคาเกรด A เป็นส่วนใหญ่

นักเตะเกรด A บอร์ดมักจะไม่กล้าทุ่มซื้อ ปัญหานี้มีมานานแล้วและยังแก้ไม่หายซักที

Edited by Lucas Leiva Benitez, 14 January 2013 - 10:46.