#101
ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:07
โดย : ปราโมทย์ วานิชานนท์
(ต่อจากตอนแรก ที่คุณ overtherainbow เอามาโพสครับ)
http://www.bangkokbi...้องรู้-(2).html
- overtherainbow likes this
#102
ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:47
"อัมมาร"ชี้รัฐยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว จี้หาวิธีจัดการข้าวในสต๊อก 10 ล้านตัน หวั่นปีหน้าราคาตก แนะฟื้นโครงการประกันราคา เหตุรั่วไหลน้อยกว่า
นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผย "กรุงเทพธุรกิจทีวี" แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรับจำนำข้าว
ในฐานะนักเศรษฐศษสตร์ มีมุมมองอย่างไรเกี่ยวกับนโยบายนี้
นายอัมมาร ระบุ ควรจะยกเลิก แต่ถ้ายกเลิกทันทีจะมีปัญหา เพราะมีข้าวค้างอยู่ในสต็อกสิบล้านตันจะจัดการอย่างไร การยกเลิกนโยบายอาจจะส่งผลกระทบต่อชาวนา เราควรมีนโยบายอะไรมาช่วยเหลือหรือไม่ หรือยกเลิกอย่างสิ้นเชิงดีที่สุดคือยกเลิกอย่างสิ้นเชิง แต่หากจำเป็นจะต้องมีก็ควรย้อนกลับไปหานโยบายประกันราคา เพราะมีการรั่วไหลน้อยกว่า
อยากให้อาจารย์อธิบายถึงกลไกการรับจำนำว่าทำไมถึงเรียกว่าเป็นการ ” คอรัปชันที่เป็นระบบมากขึ้น
นายอัมมาร ระบุ ไม่ได้เป็นระบบมากขึ้น เพราะทำเป็นระบบอยู่แล้ว แต่มันสั่นสะเทือนนิดหน่อย ข้อที่หนึ่งจากการที่เราไม่ได้ทำมา2-3ปี เนื่องจากไปประกันราคาอีก ข้อหนึ่งคือเป็นการยกระดับการแทรกแซงข้าวจำนวนมาก ทำให้ข้าวในระบบไปอยู่ในมือของรัฐบาล รัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการซื้อขายข้าวในสัดส่วนที่สำคัญ
ราคาข้าวในตลาดโลกของปีหน้าจะลดลง อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบาย
นายอัมมาร ระบุว่า เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นเฉพาะปีนี้ คือ ที่ผ่านมารัฐบาลดูดเอาข้าว 10 ล้านตันมาเก็บไว้จากตลาดโลก หมายความว่าตลาดโลกอยู่ดีๆ ไม่ได้ข้าวจากเราก็คือส่วนหนึ่งของสิบล้านตัน ข้าวก็หายไปจากตลาดโลก ทำให้ราคาตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น มาบัดนี้ รัฐบาลบอกว่าจะเริ่มระบายข้าวออกจากสต็อก แต่ขณะเดียวกันก็โกยข้าวเข้าด้วยแต่ดู ตัวเลขสุทธิแล้ว ข้าวที่ประเทศไทยจะเอาไปขายในตลาดโลกจะต้องเพิ่มขึ้นก็จะเป็นตัวกดราคา
อาจารย์บอกว่าการรับจำนำในครั้งหน้าจะเอาข้าวใหม่มาขายในตลาด ทำไมไม่เอาข้าวเก่าออกมาขาย
นายอัมมาร ระบุ ส่วนทีรัฐบาลจะเอาออก เขาจะอ้างว่าเอาข้าวเก่าออกแล้วบนกระดาษ ก็จะปรากฏว่าเอาข้าวเก่าออก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือภาคเอกชนจะรู้ว่าข้าวเก่าขายไม่ได้ราคา เอาข้าวใหม่ไปขายดีกว่า ก็จะมีการจัดการกระดาษ คือเอกสารเพื่อให้ข้าวที่ออกไปนั้นเป็นเสมือนข้าวเก่าออกไป แต่จริงๆ เป็นข้าวใหม่ที่ออกไป และข้าวนั้นก็จะเป็นที่ต้องการของตลาดโลก อันนี้เอกชนก็จะได้ แต่รัฐบาลนั้นขาดทุน
ราคาข้าวควรจะเป็นอย่างไรและสถานการณ์ราคาในปัจจุบันควรเป็นอย่างไร
นายอัมมาร ระบุ เป็นราคาที่ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของนักการเมือง ควรจะเกิดจากกลไกตลาด และหากกลไกตลาดทำให้การกระจายรายได้ไม่เป็นที่พึงประสงค์ เช่นทำให้ชาวนายากจน จะต้องแก้ที่ปัญหาความยากจนของชาวนา
อาจารย์มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมหรือไม่เพราะเหมือนเป็นปัญหาเชิงระบบ
นายอัมมาร ระบุ ปัญหาคือรัฐบาลทำมากไป หลายอย่างต้องแก้ปัญหาด้วยการไม่ทำ
http://www.bangkokbi...ต้องยกเลิก.html
#103
ตอบ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 21:21
Reuters เล่นเรื่องนี้บ่อยแฮะ
The IMF report called the intervention scheme cumbersome and said small farmers often found it simpler to sell to middlemen, even at lower prices. "Hence, the program could end up mainly benefiting large-scale producers and middlemen," it said.
ฝรั่งยังรู้เลยว่า ชาวนาได้แค่นิดหน่อยผลประโยชนฺ์ส่วนใหญ่ไปตกอยู่กะใคร บทสรุปปกติจะเป็น Conclusion แต่นี้ลงท้ายด้่วยคำว่า CORRUPTION
- IFai likes this
"Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely."
#104
ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:59
ประเทศชาติล่มจมไม่ว่า ขอให้พรรคพวกข้าได้ครองอำนาจรัฐก็พอ...สโลแกนการบริหารประเทศแบบประชานิยมยุคนี้
http://www.thairath....ge1scoop/282331
เอามารวมๆไว้ก่อน ว่างๆค่อยมาเรียงเรื่องซัดอีกที
"Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely."
#105
ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:13
ช่วยดันครับ ยังไงก็ไม่ให้ตก
#106
ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:25
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาเอาใจใส่ เพิ่มเติมเนื้อหาสาระลงมาเรื่อยๆ
สุดยอดครับ
#107
ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:34
ตำนานจำนำข้าวสุดเพี้ยน..ยุคหญิงปู
http://www.thairath....ge1scoop/282331
ประเทศชาติล่มจมไม่ว่า ขอให้พรรคพวกข้าได้ครองอำนาจรัฐก็พอ...สโลแกนนี้น่าจะใช้ได้ดีกับการบริหารประเทศแบบประชานิยมยุคนี้
ที่วันนี้เหิมเกริมถึงขนาดตั้งหน้าตั้งตาสร้างหนี้ให้กับคนไทยทั้งประเทศอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อสนองตัณหาประชานิยมจำนำข้าว อย่างชนิดไม่สนใจคำทักท้วงใดๆ ไม่ว่าจากคนไทยด้วยกันเอง หรือคำวิจารณ์จากสื่อต่างชาติ
ต้องใช้คำว่า “เหิมเกริม” นั่นเพราะสมัยรัฐบาลคุณพี่ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกยกให้เป็นต้นแบบประชานิยมตัวพ่อ ก็ยังเทียบไม่ติดประชานิยมตัวแม่ ในยุครัฐบาลคุณน้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
5 ปียุคทักษิณ (2544–2548) ทำโครงการประชานิยมจำนำข้าว ใช้เงินรับจำนำข้าวทั้งนาปี–นาปรัง รวมแล้ว 199,977 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
(นี่เป็นตัวเลขเฉพาะรับจำนำข้าวเท่านั้น...ไม่รวมค่าใช้จ่ายจากการเช่าโกดังเก็บข้าว, แปรสภาพข้าว, ค่าดอกเบี้ย, ค่าตรวจคุณภาพข้าว, ค่ารมยารักษาคุณภาพข้าว, ค่าขนส่ง ฯลฯ ซึ่งตกประมาณ 25-30% ของวงเงินรับจำนำ : จากการศึกษาของ ดร.อนันต์ ดาโลดม)
แต่ยุคประชานิยมตัวแม่ แค่เพียง 1 ปี ใช้เงินรับจำนำข้าวทั้งนาปี?–นาปรัง 257,902.36 ล้านบาท...ใช้เงินเปลืองต่างกันมหาศาล
และ 5 ปียุคทักษิณ ได้ข้าวนาปี-นาปรัง มาเก็บไว้ในโกดัง ระบายขายไม่ออก ขายขาดทุน รอวันเน่าเปื่อย เสื่อมราคา เฉลี่ยปีละ 5,917,307 ตัน
1 ปีของยิ่งลักษณ์...ได้ข้าวนาปี-นาปรัง 16.5 ล้านตัน มาเก็บไว้ในโกดัง...ปริมาณมหาศาลขนาดนี้ ระบายขายไม่ทัน ข้าวเสื่อมราคา ประเทศชาติจะขาดทุนมหาศาลขนาดไหน
เพราะยุคทักษิณมีข้าวมาเก็บไว้ในโกดังแต่ละปี น้อยกว่านี้ ยังระบายขายไม่ออก ขายไม่ทัน เก็บไว้ในโกดังนาน 2–3 ปี กลายเป็นข้าวเป็ด ขายให้คนกินไม่ได้...แล้วยุคนี้เก็บไว้มาก ต่างกันถึง 27 เท่า ข้าวเก่ายังขายไม่หมด ข้าวใหม่จำนวนเท่าเดิมและอาจจะมากกว่ากำลังจะไหลเข้าโกดังอีกแล้ว ประเทศชาติจะได้หนี้มากขนาดไหน
งานนี้ไม่เพียงเป็ดจะต้องมันจุกอกตาย คนไทยจะได้ร่วมเป็นหนี้บานตะไท...ด้วยผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองได้ดิบได้ดีมาจากธุรกิจเล่นหุ้น ทึกทักไปเองว่าเก็บข้าวเหมือนเก็บใบหุ้น ที่เก็บเป็น 10-20 ปี ไม่มีเน่าไม่มีเสีย มอดไม่กิน
แต่ข้าวนั้นเก็บไว้แค่ 6 เดือน ราคาหายไป 10-20% เก็บไว้ 1 ปี ราคาหายไปอีก 20-30% และถ้าไว้ 2-3 ปี เก็บไม่ดีจะกลายเป็นข้าวเป็ด แทบไม่เหลือราคา
เมื่อความจริงเริ่มปรากฏให้เห็น ผู้มีอำนาจทนรับความผิดพลาดไม่ได้ ถึงขั้นสั่งผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องหุบปาก ไม่ให้พูดให้ข่าวใดๆ ทั้งสิ้น...มีหน้าที่จ่ายเงินก็จ่ายไป หนี้มีเท่าไร ฉันจะเอาประเทศไทยไปค้ำกู้เงินมาใช้หนี้เอง
ไม่น่าเชื่อว่า โครงการรับจำนำข้าวที่เริ่มต้นมาดีในอดีต...แต่พอตกมาถึงยุคประชานิยม ผลลัพธ์กลับกลาย เพี้ยนได้ถึงขนาดนี้
“การรับจำนำข้าว ถูกคิดขึ้นเมื่อปี 2514-15 โดย อ.จำเนียร สาระนาค ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการคนแรกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แต่รัฐบาลยุคนั้นไม่เอาด้วย เพราะเห็นชอบกับวิธีการตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ไปรับซื้อข้าวจากชาวนามาสีเป็นข้าวสาร ส่วนหนึ่งส่งขายไปต่างประเทศ อีกส่วนขายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อขายให้ประชาชนในประเทศ แต่ล้มเหลวเพราะทำให้รัฐเป็นหนี้มหาศาล
กระทั่งปี 2527 เกิดภาวะราคาข้าวเปลือกตกต่ำมาก ราคาไม่ถึง 2,000 บาทต่อเกวียน รัฐบาลจึงคิดหาวิธีการใหม่มาแก้ปัญหา ทาง ธ.ก.ส.จึงได้เสนอวิธีการรับจำนำข้าว
โดยอธิบายว่า ข้าวราคาตกเพราะมีผลผลิตออกมาพร้อมกันมาก ของมีมากราคาย่อมจะถูกเป็นธรรมดาของกลไกตลาด เพื่อให้ข้าวมีราคาสูงขึ้นเราควรใช้มาตรการทางเศรษฐศาสตร์มาช่วยเสริม นั่นคือ ดึงข้าวส่วนหนึ่งออกจากตลาดเสียก่อน โดยรับจำนำมาเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยเอามาขายทีหลังตอนข้าวมีราคา เพราะจากสถิติเราพบว่า ข้าวที่ออกมาพร้อมกัน ตอนแรกราคาจะถูก แต่พอผ่านไปสัก 3-6 เดือน ราคาข้าวจะแพงขึ้นมาเอง ซึ่งรัฐบาลก็เห็นด้วยกับมาตรการนี้ และเริ่มทำกันตั้งแต่นั้นมา
แต่ที่เสนอให้กับรัฐบาลนั้น เราเน้นว่าการจำนำเป็นเพียงแค่มาตรการเสริม มาตรการหลัก รัฐบาลจะต้องให้กองทัพบก เรือ อากาศ ราชทัณฑ์ สหกรณ์ หน่วยราชการอื่นๆ ต้องช่วยรับซื้อข้าว เพื่อให้ข้าวไม่ล้นตลาดด้วย”
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ ประธานกรรมการมูลนิธิอาจารย์จำเนียร สาระนาค เล่าถึงที่มาของโครงการรับจำนำ...แต่โครงการรับจำนำยุคเริ่มแรกกับยุคนี้ หลักการต่างกัน
ยุคนั้นจำนำจริงๆ...ให้ราคาจำนำไม่เกิน 80% ของราคาตลาด
“ทำครั้งแรกได้ผลดี ทำให้ข้าวที่ล้นตลาดหายไปจากตลาด จนพ่อค้าในวงการข้าวตกใจกันใหญ่ที่หาข้าวมาป้อนโรงสีไม่ได้ ส่งผลให้ราคาข้าวดีขึ้นทันตาเห็น ทำมาเรื่อยแบบไม่มีปัญหา”
จนปี 2539 อาการผ่าเหล่าเริ่มออกลาย เมื่อฝ่ายการเมืองได้ขยับราคารับจำนำจาก 80% เป็น 90% พร้อมทั้งขยายกฎเกณฑ์จากเดิมรับจำนำแค่ยุ้งฉาง เพิ่มให้ อคส., อ.ต.ก. สามารถนำโรงสีที่เช่าจากเอกชนมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำด้วย
เพราะหลักการที่ อ.จำเนียร ทำไว้ระบุชัดเจน การรับจำนำสินค้าเกษตร ราคารับจำนำต้องไม่เกิน 80% เพื่อเกษตรกรจะได้มาไถ่ถอน จะได้ไม่เป็นภาระของรัฐบาล ทำให้กลไกตลาดเดินต่อไปได้เอง
และการจะรับจำนำสินค้าเกษตร จะต้องเป็นสินค้าที่การเก็บรักษาแล้วไม่ให้เสื่อมคุณภาพเกินไป อย่าง หอม กระเทียมเก็บไว้นานเน่าง่าย ไม่ควรรับจำนำ และจะต้องรู้วิธีเก็บรักษาคุณภาพสินค้าด้วย อย่าง กุ้งไม่รู้วิธีเก็บรักษา ค่าเช่าตู้แช่นานเป็นปีแพงกว่าค่ากุ้ง ก็ไม่ควรรับจำนำ และสินค้านั้นจะต้องมีการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลง ถ้าเป็นสินค้าราคานิ่ง ไม่ควรรับจำนำ
เมื่อเปิดช่องให้เช่าโรงสีเอกชน ปัญหาที่ตามมา การเก็บรักษาไม่ให้ข้าวเสื่อมราคาคุมไม่ได้ ข้าวเสียหายรัฐขาดทุน...นี่ยังไม่รวมเรื่องทุจริตเอาข้าวถูก ข้าวเก่ามาสวมเป็นข้าวใหม่รับจำนำ ที่แถมพ่วงขึ้นมาอีกต่างหาก
ปี 2543 การเมืองเริ่มให้ช่องหาเสียงและหาเงิน...ขยับราคารับจำนำจาก 90% เป็น 100% ของราคาตลาด
แต่ยังไม่หนักเท่า ปี 2547 ที่ประกาศใช้ราคานำตลาด ให้ราคารับจำนำสูงถึง 130% ของราคาตลาด ถึงจุดนี้ โครงการรับจำนำกลายเป็นรับซื้อไปโดยปริยาย เพราะจำนำแล้วไม่มีใครมาไถ่ถอนอีกต่อไป
ยิ่งยุค 2551 สมัย นายสมัคร สุนทรเวช ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ให้ราคาจำนำสูงกว่าตลาดถึง 160-170%...แต่ก็ยังไม่หนักเท่ายุคนี้ เพราะยังมีเงื่อนไข ให้โควตาเกษตรกรแต่ละรายจำนำได้ไม่เกิน 30 เกวียน เพื่อเงินจะได้กระจายไปสู่เกษตรกรรายได้ต่ำมากขึ้น
มายุคนี้ สมัยหญิงปู ไม่เพียงให้ราคานำตลาดสูงโด่งจนกู่ไม่กลับ ยังเปิดกว้างอ้าซ่า รับจำนำข้าวทุกเม็ด ไม่มีอั้นโควตา จะรวยจะจนไม่สนขอให้มีข้าวมา จำนำได้หมด...จะเป็นข้าวไทย ข้าวนอกลักลอบนำเข้า สามารถใช้สิทธิเอาข้าวถูกมาขายเป็นข้าวแพงได้
จนวันนี้ข้าวมีมากล้น ประเทศชาติต้องเป็นหนี้เพราะบริหารโครงการขาดทุน...ขาดทุนแล้วเงินตกไปอยู่ในมือชาวนายากจนจริง เรายังพอรับทำใจได้
แต่ถ้าตกไปอยู่ในพรรคพวกญาติพี่น้อง ผู้มีประสบการณ์หากินจำนำลำไยในยุครัฐบาลพี่...พอถึงรัฐบาลน้องเลยอัพเกรดโกงจำนำข้าว คนไทยรับไม่ได้
Edited by amplepoor, 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:38.
#108
ตอบ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 19:20
http://www.facebook....74589727&type=1Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya
WTO กังวลนโยบายรับจำนำข้าวไทยป่วนราคาตลาดโลก
......................................................................
"ในกรณีของนโยบายข้าวซึ่งเคยให้การสนับสนุนการปลูกข้าวด้วยการรับจำนำ โดยให้เกษตกรกู้เงินไปใช้ด้วยการใช้ข้าวค้ำประกันและจ่ายคืนด้วยเงินสดหรือข้าว ถูกเปลี่ยนไปเป็นการประกันราคาข้าวที่จะให้ค่าชดเชยเมื่อราคาข้าวต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้ จากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นการรับจำนำอีกครั้งในช่วงปลายปี 2554 โดยนโยบายนี้ทำให้เกิดความกังวลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อราคาข้าวในตลาดโลก ซึ่งมีสถานการณ์ที่แย่ลงอยู่แล้วจากผลกระทบเรื่องน้ำท่วมที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้"
~ องค์การการค้าโลก
ข้อมูลอ้างอิง :
WTO Trade Policy Review : Thailand
http://www.wto.org/e.../s255_sum_e.pdf
"กิตติรัตน์" เสียงแข็งจำนำข้าวไม่ขัด "WTO"
http://www.thairath....tent/eco/282696
#109
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 03:36
#110
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 05:49
*การโกงเรื่องจำนำพืชเกษตรนี่ รุ่งเรืองมากช่วงตักขี้ ที่มีไอ้ก้านยาวเป็นผู้มีอำนาจเต็ม สั่งสมประสพการณ์โกงทั้งนักการเมือง-ข้าราชการ-โรงสี
แต่ไม่รู้จะรีบไปตายโหง(ห-โง)ตายห่า ที่ไหน จึงทำแบบไม่อายใครแม้จะถูกทักท้วงจากนอก-ในประเทศ แต่ก็ยังด้านจะทำต่อ
*มีคนวิเคราะห์ว่าเงินที่ใช้ไปทั้งหมดมีเพียง17% เท่านั้นที่ถึงมือชาวนา
*มีข่าว่าหลายโรงสี เร่งสร้างโกดังใหม่เพิ่ม รองรับการจำนำข้าวในฤดูใหม่ (รับจำนำฤดูเดียว ได้ค่าก่อสร้างคืนแล้วยังมีกำไรอีก)
เอาปูคืนไปเถอะ
- สงสารสาวจันทร์ likes this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#111
ตอบ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 08:59
Warong Dechgitvigrom
วันนี้ผมมีโอกาสไปตรวจการสวมสิทธิ์โครงการจำนำข้าวที่โรงสีจังหวัดอยุธยา หลักการก็ไม่ยุ่งยากอะไร ไปดูวงจรปิดเทียบกับใบประทวน เพราะใบประทวนจะมีเอกสารชั่งน้ำหนักแนบด้วย ซึ่งจะมีเวลาที่รถขนข้าวเข้า มีทะเบียนรถที่ขนข้าว เพราะโครงการจำนำเขากำหนดว่าต้องมีวงจรปิดสำหรับตรวจสอบ......ปรากฏว่าหลังจากสุ่มเอกสารดูเวลารถขนข้าวและทะเบียนรถ เราให้เปิดวงจรปิดว่ามีรถทะเบียนดังกล่าวนำข้าวเข้ามาจริงหรือไม่ โรงสีแรกอึกอักอ้างว่าดูไม่ได้เพราะความจำไม่พอ ไปโรงสีที่สองว่าเปิดไม่ได้ ไปโรงสีที่สามบอกวงจรปิดเสีย ผมจึงกล้าพูดว่าโรงสีพวกนี้สวมสิทธิ์แน่นอน........อย่างที่บอกไปแล้วว่าการตรวจการสวมสิทธิ์ไม่ยากครับ ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลจะว่าอย่างไรบ้างหลังจากพวกเราแนะทางสว่างตรวจสอบการสวมสิทธิ์ให้แล้ว.....
เสียดายเงินภาษีครับ
- chaidan, สงสารสาวจันทร์, พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน and 1 other like this
#112
ตอบ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 14:16
ตามเกมเมื่อประชาธิปัตย์มาผิดฟอร์มจอมเขี้ยว
ก็ไม่แปลกที่จะเข้าจังหวะเบิ้ลบลัฟของนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ออกลูกเย้ยหยันกันนิ่มๆ ไม่แน่ใจว่าต้องรอนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯครบ 2 สมัย 8 ปี พรรคประชาธิปัตย์ถึงจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
ออกลูกย่ามอกย่ามใจกันไป
แต่เรื่องของเรื่อง โดยอาการก็ใช่จะโล่งปลอดโปร่งซะทีเดียว ตามอารมณ์ที่นายอนุสรณ์ก็เผยไต๋ออกมาเอง กับการยกตัวอย่างเรื่องจำนำข้าว ที่นายอนุสรณ์ชิงรวบรัดตัดความเลยว่า เอาเข้าจริงก็ไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ หรือมากกว่าที่เป็นข่าว ฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ตัดแปะจากหนังสือพิมพ์ แล้วเอาไปสร้างอุปาทานหมู่กับสาวกกันต่อในบลูสกายแชนแนล
รีบเฉลยข้อสอบ ชิงตอบเองเสร็จสรรพ
จับอารมณ์ลึกๆก็เสียวอยู่เหมือนกัน นั่นก็เพราะ “บ่อน้ำมัน” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย อยู่ที่โครงการรับจำนำข้าว ตามจังหวะต้อง “สารภาพ” กันตรงๆ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ “เดอะโต้ง” นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและ รมว.คลัง ก็ออกมายอมรับถึงปัญหาทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
แต่เป็นเรื่องที่เกิดจากภาคปฏิบัติ ไม่ใช่จากฝ่ายคุมนโยบาย
และโดยอาการรีบเทกแอ็กชั่น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายให้ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นหัวหอกในการลุยตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ตามฉากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถูกส่งลง
พื้นที่ไล่บี้ขบวนการโกงกันแบบเอาจริงเอาจัง
อุดรอยรั่ว ล้อมคอกกันเป็นพัลวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามเหตุที่โยงต่อเนื่องมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดวันที่ 19 มิถุนายน 55 ที่มีรายงานว่า นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้นำข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวเปลือก เพื่อให้ ครม.พิจารณา และมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
กระตุกสัญญาณเตือนกันในที
อย่างน้อยก็ได้บันทึกไว้ในรายงานประชุมว่า ป.ป.ช.ได้สะกิดแล้ว
ล้อกับเสียงแหลมๆก่อนหน้า ที่บุคคลระดับรองศาสตราจารย์สิริลักษณ์ คอมันตร์ หัวหน้าศูนย์วิจัย ในฐานะที่ปรึกษา ป.ป.ช.ออกมาระบุชัดเจนเลยว่า ป.ป.ช.ได้ศึกษาและเสนอมาตรการไปยังรัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เพิ่งได้รับการตอบรับในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ปรับเปลี่ยนโครงการจำนำ มาเป็นการประกันรายได้แทน แม้ไม่ตรงกับสิ่งที่ ป.ป.ช.เสนอให้ปรับมาเป็นการประกันความเสี่ยง แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงในระดับหนึ่ง
แต่มาถึงรัฐบาลปัจจุบันของนายกฯยิ่งลักษณ์กลับนำโครงการรับจำนำข้าวกลับมาใช้อีกครั้ง โดยที่ ป.ป.ช.เองก็ได้มีจดหมายส่งไปอีกว่า นโยบายก่อให้เกิดความสูญเสียโดยใช่เหตุ ซึ่งก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ ป.ป.ช.เสนอแนะไปเป็นเรื่องจริงและไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น โดยที่ศูนย์วิจัยยังยืนยันว่า รัฐบาลควรยกเลิกโครงการ แต่คิดว่ารัฐบาลคงไม่ฟัง และจะให้เหตุผลว่าเป็นนโยบายที่ได้หาเสียงไว้แล้ว
จับอารมณ์วัดระดับอาการ “หมั่นไส้” ได้
ที่น่าหวาดเสียวก็คือ ที่ปรึกษา ป.ป.ช.พูดชัดแบบไม่กั๊กเลยว่า ศูนย์วิจัยจะพยายามผลักดันให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่า การกระทำของรัฐบาลเข้าข่ายทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ และจะใช้มาตรา 157 หรือมาตราใดเอาผิดกับรัฐบาลได้บ้าง
เพราะถือว่าเป็นการดำเนินนโยบายผิดพลาดโดยจงใจ ก่อให้เกิดการทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหายกับงบประมาณเป็นแสนล้านบาท รวมทั้ง ป.ป.ช.ก็ได้เสนอมาตรการไปยังรัฐบาลต่อเนื่อง แต่กลับเพิกเฉย ถือเป็นความผิดในการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ โดยการตัดสินใจจะเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ชุดใหญ่
ตั้งท่า “ชง” ให้เชือดกันเลย
เสมือนความผิดได้สำเร็จแล้ว ตามใบเสร็จที่บรรดานักวิชาการ กูรู ผู้รู้ในวงการค้าข้าว ออกมาเร้ากระแสวิพากษ์วิจารณ์โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลผิดพลาด ก่อให้เกิดกระบวนการทุจริตอย่างมโหฬาร ทำให้ประเทศไทยเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าว ทำให้รัฐบาลต้องสูญเงินนับแสนล้านบาท
โดยรูปการณ์อันตรายไม่ได้อยู่ที่ทีมเชือดยี่ห้อประชาธิปัตย์
แต่จุดเสี่ยงอยู่ที่ ป.ป.ช.จะถล่ม “บ่อน้ำมัน” รัฐบาลซะเอง.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath....l/wikroh/282513
- สงสารสาวจันทร์ and SPDZ like this
#113
ตอบ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:45
- สงสารสาวจันทร์ and SPDZ like this
#114
ตอบ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:55
สวดจำนำข้าวทำสต็อกพุ่งชี้ระบายยาก
นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ชี้แจงว่า ขณะนี้การระบายข้าวถือว่าประสบวิกฤตอย่างมาก เพราะรัฐบาลใช้กลไกอำนาจรัฐกำหนดราคาข้าวซึ่งสูงกว่าราคาตามกลไกตลาด ระยะเวลาเพียง 10 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนว่านโยบายนี้ไม่ประสบความสำเร็จและไม่เป็นประโยชน์ต่อ เกษตรกร โดย 7 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลสูญเสียงบประมาณไปแล้วถึง 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าใน 1 ปีจะพุ่งสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท รวมค่าบริหารโครงการตกประมาณเกวียนละ 2 พันบาท รวมเป็น 4 หมื่นล้านบาท ทำให้รวมแล้วเสียงบประมาณสูงถึง 1.1 แสนล้านบาท
http://www.posttoday...พุ่งชี้ระบายยาก
Edited by taze, 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:56.
- สงสารสาวจันทร์ and SPDZ like this
"Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely."
#115
ตอบ 7 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:36
http://www.thairath....tent/eco/289193
ภาคีเครือข่ายคอรัปชัน รุมแฉโกงจำนำข้าวทั้งระบบ แนะรัฐทบทวนไม่จำนำทุกเมล็ด ลดราคาจำนำลง ด้าน “ดร.สมคิด” กระตุ้นรัฐบาล เอาจริงแก้คอรัปชัน แต่ยอมรับสังคมยังไม่ตื่นตัวแก้ปัญหา
เมื่อวัน ที่ 6 ก.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยระหว่างการบรรยายหัวข้อ “รวมพลังผลักดันการต่อต้านคอรัปชัน ให้เป็นวาระแห่งชาติ” ในงานวันต่อต้านคอรัปชัน 2555 : รวมพลังเปลี่ยนประเทศไทย จัดโดยภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชัน 42 องค์กร ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ต้องการให้ภาคประชาชนร่วมกันตรวจสอบปัญหาการคอรัปชันในประเทศให้มากขึ้น ตั้งแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องระดับเล็กๆ ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูงของประเทศ เพราะขณะนี้ผลโพลระบุมีประชาชน 60-70% มองว่าพฤติกรรมการทุจริตในประเทศเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี จึงต้องการให้ผู้นำของประเทศให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการแก้ ปัญหาคอรัปชันให้มากขึ้น
ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชัน กล่าวว่า เครือข่ายฯ จะให้ความสำคัญในการตรวจสอบโครงการบริหารจัดการน้ำ และการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลเพราะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมูลค่า หลายแสนล้านบาท โดยเฉพาะเรื่องของการจำนำข้าวที่ภาครัฐไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการประมูล และการขายข้าวว่าขาดทุนเท่าไร และต้องใช้งบประมาณอย่างไรบ้าง เพราะเครือข่ายฯ เข้าไปตรวจสอบยากมาก และยอมรับว่าขณะนี้สังคมยังไม่ตื่นตัวต่อการแก้ไขปัญหาคอรัปชันนัก
ผู้ สื่อข่าวรายงานข่าวว่า ในการสัมมนากลุ่มย่อยหัวข้อ “จำนำพืชผลการเกษตร” ได้รับความสนใจอย่างมาก และมีผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เช่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายสมพล เกียรติไพบูลย์ และนายการุณ กิตติสถาพร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงตัวแทนผู้ส่งออก โรงสีข้าว ชาวนา และเกษตรกร โดยได้สรุปว่า ปัญหาจากโครงการจำนำข้าวทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวไทยลดลงจนเสียแชมป์ส่งออก ข้าวโลก, เป็นการทำลายกลไกการค้าข้าวเพราะรัฐบิดเบือนราคา จากการตั้งราคารับจำนำที่สูงเกินจริง, เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ประเมินการขาดทุนเบื้องต้น 80,000-120,000 ล้านบาท และใช้งบประมาณสูงจนส่งผลให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มสูง 50-60% ของจีดีพี
นอก จากนี้ ยังได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหา โดยให้รัฐกำหนดราคารับจำนำต่ำกว่า หรือเท่ากับราคาตลาดกำหนดปริมาณรับจำนำ ไม่ใช่รับจำนำทุกเมล็ด และรัฐบาลควรดำเนินนโยบายประกันส่วนต่างราคาสินค้าเกษตรแทนโครงการรับจำนำ เพราะจะทำให้คุณภาพชีวิตเกษตรกรดีขึ้นมากกว่า และกลไกตลาดไม่ถูกบิดเบือน
- สงสารสาวจันทร์ and SPDZ like this
#116
ตอบ 7 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:06
ดร.วีรพงษ์ รามางกูร นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียนคอลัมน์ คนเดินตรอก ประชาชาติธุรกิจ 15 สิงหาคม 2554 เรื่อง "โครงการรับจำนำสินค้าเกษตร" อันเป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย สาระสำคัญมีดังนี้
นโยบายและมาตรการที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอต่อประชาชนมีมากมายหลายมาตรการ และการลงทุนใหญ่ ๆ หลายโครงการ มีโครงการต่อยอดเรื่องเดิมที่เคยทำเป็นผลสำเร็จมาแล้วก็หลายโครงการ
หลายคนก็เป็นห่วงว่าถ้าทำทั้งหมดจะมีปัญหาเรื่องวินัยทางการเงินการคลังหรือไม่ เรื่องนี้แม้จะน่าห่วงแต่ก็พอเข้าใจได้ว่า ยังมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ในด้านต่างประเทศก็ยังเป็นเจ้าหนี้สุทธิอยู่ มิได้เป็นลูกหนี้สุทธิ ความกังวลก็น่าจะเบาบางลงอย่างน้อยก็ 5-6 ปีข้างหน้า
ยอดหนี้รัฐบาลก็ยังไม่สูง มีประมาณ 41 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประชาชาติ และส่วนใหญ่ก็เป็นหนี้ที่โอนมาจากกองทุนฟื้นฟูฯ จากความผิดพลาดของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ใช่ความผิดพลาดของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลจะผิดก็ตรงที่ยอมโอนหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯมาเป็นหนี้ของรัฐบาล ภาระมาตกหนักกับ ประชาชนผู้เสียภาษี ถ้า ธปท.ไม่ทำ ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงอีก ยอดหนี้ของภาครัฐบาลต่อรายได้ประชาชาติก็คงไม่เพิ่มกว่านี้มาก
ข้างหน้านี้หลังจากสหรัฐอเมริกาถูกลดระดับความน่าเชื่อถือ นโยบายสำคัญของประเทศต่าง ๆ ก็คือต้องพยายาม มิให้เศรษฐกิจของตนชะลอตัวตาม อเมริกาและยุโรป ส่วนเงินเฟ้อนั้นเราคงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะปัญหาของแพงนั้นมาจากราคาสินค้านำเข้า และสินค้าส่งออกของเรา ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจ ร้อนแรง การขึ้นดอกเบี้ยห่างจาก ดอกเบี้ยอเมริกา รังแต่จะเกิดปัญหาเงินไหลเข้ามาก เงินบาทแข็ง ต้นทุนผลิตสินค้าและบริการแพงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว
นโยบายและมาตรการทั้งหมดนี้ เมื่อทยอยปฏิบัติควบคู่กับการวางกรอบวินัยการคลัง ก็น่าจะทำได้ ไม่พาประเทศไปสู่ความเสี่ยง ยิ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวก็ยิ่งเป็นเวลาที่เหมาะสม สำหรับภาครัฐบาลที่จะต้องลงทุน เพื่อชดเชยการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชน และยอมให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลบ้างก็ไม่อันตราย เพราะทุน สำรองระหว่างประเทศของเราอยู่ในระดับสูงและยังเพิ่มอยู่ตลอดเวลา
มีนโยบายและมาตรการอันหนึ่งที่ น่าห่วงเพราะใช้เงินเป็นจำนวนมาก มีปัญหาทั้งทางทฤษฎีและการปฏิบัติ โครงการที่ว่าคือโครงการรับจำนำ สินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด กุ้ง ฯลฯ
ฟังดูว่าจะใช้เงิน 4 แสนล้านบาท มาหมุนเวียนซื้อสินค้าเกษตรเหล่านี้ นโยบายรับจำนำสินค้าเกษตรนี้เป็นนโยบายที่ล้มเหลวที่สุดตั้งแต่ทำกันมา ตั้งแต่ปี 2529 สูญเสียเงินละลายน้ำไปมากมาย โดยผลประโยชน์ไม่ได้ตกถึงมือเกษตรกรอย่างที่คิด ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับโรงสี ผู้ส่งออกลานตากมัน รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พรรคพวกของนักการเมือง จึงไม่มีใครยอมเลิกโครงการนี้
เริ่มต้น ชื่อก็ผิดแล้ว การรับจำนำนี้ปกติผู้รับจำนำต้องรับจำนำในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด โดยคาดว่าผู้จำนำจะมาไถ่คืน แต่การรับจำนำสูงกว่าราคาตลาดก็ไม่น่าจะเรียกว่าการรับจำนำ เพราะไม่มีใครมาไถ่คืนในราคาจำนำ ที่สูง แล้วเอาไปขายในราคาที่ต่ำในตลาด การตั้งชื่อว่าโครงการรับจำนำจึงเป็นการตั้งชื่อหลอกลวงประชาชนเท่านั้นเอง
ในทางทฤษฎี สินค้าเกษตรที่ส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศทุกตัว เรา เป็นส่ว
นหนึ่งของตลาดโลกของสินค้า นั้น ๆ ตลาดภายในของเรากับตลาดโลกเป็นตลาดเดียวกัน เชื่อมโยงถึงกันอย่างใกล้ชิด เพราะเราไม่มีโควตาการส่งออก ไม่มีภาษีขาออก
สินค้าเกษตรทุกตัวยกเว้นยางพารากับมันสำปะหลัง เช่น ข้าว จีนเป็น ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก รองลงมา คือ อินเดีย และอินโดนีเซียตามลำดับ ในกรณีข้าวโพด อเมริกาเป็นผู้ผลิตมากที่สุด ข้าวที่ขายหมุนเวียนในตลาดโลกจึงมีสัดส่วนไม่มาก มันสำปะหลังก็เหมือนกัน ผู้ผลิตรายใหญ่คือ อินโดนีเซีย ในกรณียางพารา แม้ประเทศเราจะยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด แต่ก็ยังมีอินโดนีเซีย มาเลเซีย ศรีลังกา จีน และประเทศอื่น ๆ อีกมากมาผลิตด้วย
นอกจากนั้นสินค้าเกษตรทุกตัวยังมีของทดแทนกันได้เป็นคู่แข่ง เช่น ข้าว ก็มีข้าวสาลี ข้าวโพดและธัญพืชอื่น ๆ เป็นคู่แข่ง เพราะถ้าข้าวราคาแพงผู้บริโภคในจีน อินเดีย และที่อื่นก็หันไปบริโภค หม่านโถว จาปาตี บะหมี่ แทนข้าวได้ ยางพาราที่ใช้ผลิตยางรถยนต์ ก็มียางเทียมที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียมเป็นคู่แข่ง มันสำปะหลังก็มีพืชจำพวกแป้งอื่น ๆ เป็นคู่แข่ง
ด้วยเหตุนี้สินค้าเกษตรทุกตัวราคา จึงกำหนดโดยตลาดโลก รวมทั้งมันสำปะหลังซึ่งเราเป็นผู้ส่งออกสำคัญเพียงรายเดียวของโลก เราจึงเป็น "ผู้รับราคา" หรือ "price taker" ไม่ใช่ผู้กำหนดราคาหรือ "price maker"
นอกจากนั้นสินค้าเกษตรทุกตัวมีปริมาณออกสู่ตลาดโลกตลอดเวลา การกักตุนเพื่อเก็งกำไรไม่สามารถทำได้ หรือการกักตุนของเราก็ไม่ทำให้ราคาตลาดโลกเปลี่ยนแปลง เพราะจะมีผู้ผลิตรายอื่นเสนอขายในตลาดโลกแทนเรา และถ้าเราเก็บไว้นาน 3-4 เดือน ก็จะมีผลผลิตใหม่ออกมาแทนที่ พอเราจะขายราคาก็จะตกทันที การกักตุน จึงมีแต่ขาดทุน นอกจากมีไว้เพื่อค้าขายปกติ
ด้วยเหตุนี้ โครงการมูลภัณฑ์กันชนระหว่างประเทศหรือ "International Buffer Stocks" ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมูลภัณฑ์กันชนดีบุก หรือแนวคิดเรื่อง มูลภัณฑ์กันชนสินค้าประเภทอาหาร โดยข้อเสนอขององค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติหรือ UNTAD ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงประสบความล้มเหลว ใครเก็บกักข้าวไว้ก็เท่ากับช่วยให้คู่แข่งขายได้ก่อน ราคาอาจจะดีกว่าตอนที่เราขายทีหลัง เพราะถ้ามีใครกักเก็บ ผู้ซื้อผู้ขายก็รู้ว่ายังมีข้าวรอขายอยู่ก็จะไม่ยอมซื้อในราคาแพง
ฟังว่าจะใช้เงิน 4-5 แสนล้านบาทหมุนเวียนซื้อสินค้าเกษตรมากักตุน ก็เท่ากับคิดจะปั่นราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกหรือที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่าจะ "corner the market" ตลาดโลกข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด จึงเป็นไปไม่ได้ คนเคยทำแล้วล้มละลายก็มีมาก ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การที่ล้มก็สืบเนื่องมาจากการพยายามปั่นตลาด หรือจะ corner ตลาดใบยาสูบ ดังนั้น เมื่อผลิตได้เท่าไหร่ รีบส่งออกได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วก็ปลูกใหม่
ในทางปฏิบัติยิ่งมีปัญหา วิธีทำก็คือ การเลือกโรงสีเข้าร่วมโครงการ โรงสีไหนได้รับเลือกก็เหมือนถูกหวย
เมื่อรัฐบาลตั้งราคารับจำนำไว้สูงกว่าราคาตลาด สมมุติ 10 เปอร์เซ็นต์รงสีก็จะซื้อข้าวเปลือกในราคาตลาด หรือไม่ก็ไม่ซื้อเลย แล้วทำใบประทวน สินค้าปลอมว่าซื้อข้าวใส่โกดังแล้วให้ชาวนาหรือลูกจ้างของตนมาลงชื่อว่าเอาข้าวมาจำนำเท่านั้นเท่านี้เกวียน เอาค่า ลงชื่อไป 50 บาท 100 บาท อาจจะซื้อข้าวชาวนาอิทธิพลบางรายในราคาที่รัฐบาลประกาศบ้าง เวลาทางการมาตรวจเช็กก็จะให้เอาชาวนา 5-6 คนนี้มายืนยัน
เวลาทางการมาตรวจสต๊อก ก็เอา สต๊อกข้าวของตนเองมาแสดงพอเป็นพิธี ชาวนาโดยทั่วไปเมื่อขายข้าวให้โรงสีก็ขายในราคาตลาดนั่นเอง นี่คือการฉ้อราษฎร์บังหลวงในรอบแรก
ต่อมาเมื่อข้าวเปลือกที่นำมาจำนำเป็นของรัฐบาล อาจจะมีข้าวจริงบ้าง ข้าวลมบ้าง กระทรวงพาณิชย์ก็เอาไปขายเป็นข้าวรัฐบาล โดยจะมีบริษัท ส่งออกที่รู้กันกับรัฐมนตรี ไปเร่ขายใน ตลาดต่างประเทศ และกล้ารับคำสั่งซื้อเพราะรู้กันกับรัฐมนตรีว่าจะสามารถซื้อข้าวจากรัฐบาลได้ในราคาเท่าใด รายอื่นไม่กล้ารับคำสั่งซื้อ เพราะไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะขายให้หรือไม่ในราคาเท่าใด ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ จึงไม่อาจจะรู้ต้นทุนของตน ยกเว้นรายที่ทำมาหากินกับรัฐมนตรีพาณิชย์หรือนายกรัฐมนตรี ประเทศเราส่งออกปีละ 9-10 ล้านตัน บางปีข้าวรับจำนำของรัฐบาลมีปริมาณถึง 3.5 ล้านตัน
โครงการนี้จึงเป็นโครงการทำลายโครงสร้างตลาดข้าวในประเทศ โรงสีที่ไม่มีเส้นสายเข้าร่วมโครงการก็ล้มละลายไป เพราะไม่มีข้าวส่งออก ทำให้โรงสีมี น้อยลง โรงสีที่เคยมีการแข่งขันก็กลายเป็นการผูกขาดโดยโรงสีที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เท่านั้น
เป็นการเพาะศัตรูให้กับพรรครัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา เพราะโรงสีที่ไม่ได้ร่วมโครงการ หรือผู้ส่งออกที่ไม่ใช่ พวกรัฐมนตรี มีมากกว่าที่เป็นพวกรัฐมนตรี
ในกรณีรับจำนำมันสำปะหลังก็ดี ยางพาราก็ดีหรือแม้แต่ลำไยก็มีลักษณะเดียวกัน กล่าวคือ โรงมัน โรงเก็บยางแผ่น ซื้อมัน ซื้อน้ำยาง ยางแผ่นในราคาตลาด ให้ชาวไร่ชาวสวนยางลงชื่อเพื่อรับเงินค่าลงชื่อ แล้วก็เอามาจำนำกับรัฐบาลในราคาสูงกว่าราคาตลาด เมื่อรัฐบาลจะขายก็ขายในราคาต่ำกว่าราคาตลาดให้กับผู้ส่งออกที่หาเงินให้รัฐมนตรีไป ขายในตลาดโลกตัดราคาผู้ส่งออกรายอื่น เอาคำสั่งซื้อไป เพราะตนรู้อยู่คนเดียวว่าจะสามารถซื้อจากรัฐบาลได้ในราคาเท่าใด
เมื่อรัฐบาลจะขายข้าว ขายมัน ขายยาง โดยรับคำสั่งซื้อแล้วก็จะไม่ส่งออกเอง แต่มอบให้พ่อค้าผู้ส่งออกประมูลไป การประมูลก็ทำหลอก ๆ เพราะมีการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติให้ตรงกับผู้ส่งออกที่รัฐมนตรีกำหนดตัวไว้แล้ว แบ่งกำไรกินกัน
นี่คือการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือคอร์รัปชั่นจากโครงการจำนำสินค้าเกษตรรอบสอง รัฐบาลเสียเงินขาดทุนมากมายส่วนเกษตรกรไม่ได้อะไรเลย ขายของได้ในราคาตลาดเท่านั้นเองที่ ประชาธิปัตย์ทำไว้โดยการประกันรายได้นั้นดีแล้ว จ่ายส่วนต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาประกันตรงให้ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวนเลย ถ้าชาวนา ผู้ใหญ่บ้าน กำนันจะโกง ก็ยังดีกว่าโรงสีผู้ส่งออก รัฐมนตรีโกง
ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ที่เคยได้ประโยชน์จากโครงการชดเชยส่วนต่างของราคาตลาดกับราคาประกันซึ่งมีจำนวนมากกว่าก็จะโวยวาย ถ้าหันกลับไปใช้โครงการรับจำนำอีก แต่ถ้าไม่ทำโรงสี โรงมัน ผู้ส่งออกก็คงจะจัดคนมาเดินขบวน
คงต้องปวดหัวและจะหาบันไดลงกันอย่างไร ต้องคอยดู
มติชน
http://www.matichon....2&subcatid=0200
แม้บทความจะผ่านมา ปีกว่า แต่ก็ขอพื้นที่นำมาแปะไว้หน่อย
เผื่อพี่น้องเสื้อแดง จะเปิดใจรับฟังคนกันเองบ้าง
Edited by MIRO, 7 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:07.
- สงสารสาวจันทร์, SPDZ and Binladong like this
The most valuable things in life are not measured in monetary terms.
The really important things are not houses and lands, stocks and bonds, automobiles and real estate,
but friendships, trust, confidence, empathy, mercy, love and faith.
#117
ตอบ 7 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:12
“หม่อมอุ๋ย” คัดค้านจำนำข้าว ชี้กำหนดราคาสูงทำข้าวทะลักร่วมโครงการ คาดขาดทุนถึง 2.5 แสนล้านบาท ระวังเหลือบนักการเมืองรวมหัวพ่อค้ากินงบรัฐ ไม่เชื่อ “กิตติรัตน์” อุดช่องโกงได้ เชื่อส่งออกข้าวปีหน้าไทยหลุดตำแหน่งส่งออกอันดับหนึ่ง เตือน “ธีระชัย” ในฐานะผู้ดูแล ธ.ก.ส. เสี่ยงผิดร้ายแรงฐานไม่ปกป้องความเสียหายรัฐ แจงชาวนาได้ประโยชน์จริงน้อย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และ รมว.การคลัง กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลสถิติโครงการรับจำนำข้าวย้อนหลังกว่า 30 ปี พบว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/2555 ซึ่งรัฐบาลประกาศว่าจะรับจำนำข้าวนาปีทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่า เมื่อถึงนาปรังก็ต้องเปิดโครงการลักษณะเดียวกันอีกนั้น ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ยอดการผลิตข้าวนาปีและนาปรังมากกว่า 32 ล้านตัน ในกรณีผลผลิตเป็นปกติ แต่ปีนี้มีเหตุการณ์น้ำท่วม จะทำให้ผลผลิตนาปีลดลงบ้าง เหลือประมาณ 30 ล้านตัน
ดังนั้น การรับจำนำครั้งนี้ ที่กำหนดราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาดมาก จึงน่าจะมีผู้นำข้าวมาจำนำไม่น้อยกว่า 90% หรือ 27 ล้านตัน การที่รัฐต้องถือข้าวจำนวนมหาศาล จะทำให้ราคาตกต่ำลงมา รวมถึงผลกระทบจากความล่าช้าในการระบาย จะทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพได้และทำให้ราคาต่ำลงเช่นกัน
"ผมยังเชื่อว่าการออกใบประทวนปลอม และการร่วมมือระหว่างนักการเมืองเสือหิวกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์ ในการประมูลซื้อข้าวจากหน่วยงานของรัฐ คงจะขจัดให้หมดไปได้ยาก ดังนั้นยอดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจึงไม่น่าจะเป็นเพียง จำนวนรับจำนำ 27 ล้านตัน คูณด้วยผลต่างของราคาจำนำกับราคาตลาด ที่ตันละ 5,000 บาท หรือ 135,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่คงจะมากกว่านี้ ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ชัด แต่เชื่อว่ารวมความเสียหายจากทุกสาเหตุ อีกทั้งภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น จนกว่าจะขายข้าวหมดด้วยแล้ว ความสูญเสียทั้งหมดก็คงจะไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ส่วนการคาดการณ์ของรัฐบาลที่จะผลักดันให้ราคาในตลาดโลกให้สูงขึ้นในปีหน้านั้นไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะผลผลิตข้าวแหล่งอื่นๆ ไม่ได้ลดลง และผลผลิตข้าวสาลีของโลกในช่วงเวลาการผลิตนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากซึ่งมีผลฉุดราคาข้าวทางอ้อม
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า การที่ข้าวเกือบทั้งหมดในตลาด อยู่ในมือของรัฐบาล จะทำให้เอกชนไม่มีข้าวสำหรับค้าขายและส่งออก ต้องรอการขายข้าวจากรัฐบาล ซึ่งจะไม่ทันประเทศคู่แข่งเช่น เวียดนาม และอินเดีย เปิดโอกาสให้คู่แข่งแย่งตลาด และจะส่งผลต่อปริมาณการส่งออก ส่วนแผนการระบายข้าวที่ระบุว่า จะใช้ระบบหมุนเวียนระบายทันทีที่รับจำนำ จะไม่ช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะตลาดรับรู้ว่าไทยต้องการขายข้าวทำให้ตลาดรอที่จะกดราคาไทย วิธีการดังกล่าวจึงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และไม่ทำให้ภาพรวมการระบายข้าวรัฐได้กำไร เมื่อเทียบกับมูลค่าที่รับจำนำมาจากชาวนาที่เฉลี่ยตันละ 15,000 บาท เมื่อขายออกคงจะขาดทุนอย่างต่ำถึง 150,000 ล้านบาท
ประเด็นปริมาณถือครองสต็อกข้าวของรัฐ ส่งผลต่อปริมาณส่งออกข้าวของประเทศอย่างไร พิจารณาได้จากสถิติ ช่วงระหว่างปี 2524/2525 ถึงปี 2547 ซึ่งราคารับจำนำไม่เคยสูงกว่าราคาตลาดนั้น ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เพราะว่าชาวนาจำนำข้าวไว้ชั่วคราว เพื่อนำเงินไปใช้ส่วนหนึ่งก่อน ต่อมาเมื่อราคาเพิ่มสูงขึ้น ชาวนาก็จะมาไถ่ถอนจำนำและนำข้าวไปขายในตลาดได้รับรายได้เพิ่มขึ้นอีก ข้าวส่วนใหญ่จึงยังอยู่ในวงการค้าของเอกชน เอกชนสามารถดำเนินการค้าได้ตามปกติ เจรจาสัญญาขายข้าวโดยแน่ใจได้ว่า จะหาซื้อข้าวจากตลาดในประเทศได้
ขณะที่ นาปี 2547/2548 - 2548/2549 รัฐบาลกำหนดราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาด ชาวนาจึงจำนำข้าวแล้วไม่ไถ่ถอน ข้าวตกเป็นของรัฐเป็นจำนวนมากและต้องใช้เวลานานกว่าจะขายออก ทำให้ข้าวในมือพ่อค้าเอกชนลดลง มีผลให้การส่งออกลดลงจาก 10.1 ล้านตัน ในปี 2547 เหลือ 7 ล้านตันเศษในปี 2548 และ 2549 หลังปฏิวัติกันยายน 2549 รัฐบาลได้ปรับราคาจำนำสำหรับนาปี 2549/2550 และ 2550/2551 ให้ลดลงต่ำกว่าราคาตลาดดังที่เคยทำในอดีต ข้าวจึงกลับไปหมุนเวียนในมือพ่อค้าเอกชนอีก
ยอดส่งออกในปี 2550 เพิ่มเป็น 9.5 ล้านตัน และ 2551 เพิ่มเป็น 9.97 ล้านตัน แต่รัฐบาลต่อมา กลับมารับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าราคาตลาดอีก ตั้งแต่นาปรังปี 2551 จนถึงนาปรังปี 2552 จึงมีผลให้การส่งออกข้าวลดลงอีกในปี 2552 เห็นได้ชัดว่า เวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทยสามารถแย่งตลาดไปได้โดยง่าย ในทุกจังหวะที่ยอดการส่งออกของไทยลดลง
ในฤดูนาปีนี้ ซึ่งจะรับจำนำข้าวทั้งหมดในราคาสูงมาก ดังที่รัฐบาลประกาศออกมา ซึ่งจะมีผลให้ข้าวเกือบทั้งหมด หลุดจำนำไปอยู่ในมือของรัฐ และไม่เหลืออยู่ในวงการค้าเอกชนเลยนั้น การส่งออกในปี 2555 จะหยุดนิ่งไประยะเวลาหนึ่ง จนกว่ารัฐจะมีกำหนดระบายข้าวแน่นอน ในช่วงเวลานี้เองประเทศคู่แข่งจะสามารถแย่งตลาดข้าวไปได้มาก และแม้รัฐจะประกาศระบายข้าวแล้ว การส่งออกก็จะไม่คล่องตัวเหมือนกับกรณีที่ข้าวอยู่ในมือเอกชนแน่นอน เชื่อได้ว่ายอดส่งออกข้าวของไทยจะลดลงมาก และเวียดนามก็จะได้ตลาดข้าวเพิ่มขึ้น จนคาดได้ว่ายอดส่งออกข้าวของเวียดนาม จะสูงกว่ายอดส่งออกของไทยในปี 2555 หากรัฐบาลยังยืนยันที่จะดำเนินนโยบายที่ประกาศไว้ ซึ่งปีหน้าไทยมีโอกาสสูญเสียแชมป์ส่งออกข้าวอันดับหนึ่ง ที่มีมาตลอดนับเป็นการสูญเสียความภาคภูมิใจและเม็ดเงินที่จะได้มา
"ผมติดตามเรื่องนี้มาด้วยความทุกข์ใจที่ว่า จะต้องทนมองนักการเมืองบางคนที่ไร้คุณธรรม ผลักดันโครงการที่จะเกิดความสูญเสียทางการเงินแก่ประเทศชาติครั้งใหญ่ที่สุด โดยไม่สามารถจะหยุดยั้งอะไรได้ ผมมองเข้าไปในรัฐบาลแล้ว ผมก็ยังมีความหวังอยู่ที่บุคคลสองคนที่ผมรู้จักพื้นเพพอควร และเป็นสองคนที่โดยหน้าที่ต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการรับจำนำข้าวนี้ ซึ่งได้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) จากการติดตามสถานการณ์ได้ทราบว่ารัฐมนตรีทั้งสอง มิได้เป็นต้นคิดให้มีการรับจำนำข้าวครั้งนี้ ผู้ที่ผลักดันโครงการนี้เป็นระดับเฮฟวีเวทของพรรคที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถทำงานในตำแหน่งการเมืองได้ บุคคลเหล่านี้กำลังผลักดันให้ท่านรัฐมนตรีทั้งสอง เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการจำนำข้าวในราคาสูงเกินจำเป็นครั้งนี้ ผมยังเชื่อว่า ท่านรัฐมนตรีทั้งสองเป็นผู้ที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และหวังว่าข้อเขียนของผมในวันนี้ จะช่วยให้ท่านเห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ยิ่งใหญ่ในพรรคทั้งหลาย กำลังจะขอยืมมือของท่านทำในสิ่งที่อาจจะนำไปสู่ความหายนะของประเทศชาติได้ เพราะหากปล่อยให้มีการหาประโยชน์เข้าตนในวงเงินที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ครั้งหนึ่ง นักการเมืองไร้คุณธรรมก็จะย่ามใจและทำมากขึ้นไปอีกจนทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้ ผมอยากขอร้องให้ท่านรัฐมนตรีทั้งสองทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง นึกถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่สั่งสมมา อย่าให้ใครเขามาประณามได้ว่า กระทำในสิ่งที่ทำร้ายประเทศชาติ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่า การรับจำนำในราคาสูงและปริมาณมากเช่นนี้ ย่อมจะทำให้เกิดผลขาดทุนได้เป็นจำนวนมหาศาลไม่น้อยกว่า 250,000 ล้านบาท เพราะเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งมีหน้าที่เตรียมการเรื่องนี้ซึ่งฝ่ายจัดการของ ธ.ก.ส. ย่อมจะต้องคาดการณ์ผลความเสียหาย เพื่อขอความคุ้มครองจากกระทรวงการคลังให้ตั้งงบประมาณชดใช้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (ดังที่ทำมาแล้วในรัฐบาลก่อน) เมื่อ รมว.การคลัง ให้ความคุ้มครองแก่ ธ.ก.ส. เท่ากับว่าพร้อมที่จะทำให้งบประมาณของแผ่นดินสูญเปล่าไปเพราะโครงการนี้ ลักษณะเช่นนี้ย่อมเข้าข่ายของการยินยอมบริหารงานแผ่นดินทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะเกิดความเสียหายสูงถึง 250,000 ล้านบาท น่าจะเป็นการเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการบริหารราชการแผ่นดิน ยอมกระทำทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะเสียหายมากมายขนาดนี้ ซึ่งมีโทษทางอาญา
"รัฐบาลชุดนี้ผมค้านเรื่องจำนำนี้เรื่องเดียว เพราะสร้างความสูญเสียมหาศาลและเป็นเหมือนว่าสตาร์ทแล้วหยุดไม่ได้ ผมรู้ว่าออกมาพูดช้าไปแต่ก็ยังหวังว่าจะยกเลิกหรือแก้ไขกัน ส่วนวิธีการต้องถามว่าพร้อมจะแก้ไขหรือไม่ ถ้าพร้อมคุยกันครึ่งวัน หลายๆ คนมาช่วยกันคิด มีวิธีที่จะทำให้ชาวนามีรายได้ดี ยังคงระบบการค้าเสรีไว้ ป้องกันเหลือบมาเกาะหลังชาวนา วิธีการมี เมืองนอกทำกันเยอะแยะ ซึ่งไม่ใช่ทั้งจำนำหรือประกันรายได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
สถิติย้อนหลัง แสดงให้เห็นถึงผลดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวต่อผลกระทบการส่งออก และจากสถิติยังมีข้อมูลที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ คือ ความเลวร้ายที่มีนักการเมืองบางคนร่วมมือกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์เข้าประมูลซื้อข้าวที่รัฐบาลขายออกในราคาที่ต่ำผิดปกติ โดยใช้เล่ห์กลในการประมูลและอำนาจทางการเมืองเข้าช่วย หาประโยชน์เข้าตนกันอย่างไม่ละอาย การร่วมมือระหว่างนักการเมืองและพ่อค้าเจ้าเล่ห์นี้มีมาตลอดทั้ง 3 รัฐบาล ตั้งแต่ รัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลพลังประชาชน และรัฐบาลประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ในส่วนเกินของราคารับจำนำ 2,000 บาท ที่รัฐบาลตั้งใจจะให้ชาวนาได้รับไปนั้น ปรากฏว่า ในทางปฏิบัติ ข้าวบางส่วนที่อยู่ในยุ้งฉางของโรงสีนั้น โรงสีซื้อมาจากชาวนาแล้ว โรงสีจึงนำมาจำนำโดยสวมสิทธิในการรับเงินแทนชาวนาโดยแบ่งส่วนเกินของราคาให้
"ผม มิได้มุ่งหวังที่จะให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะช่วยชาวนาให้มีรายได้สูงขึ้น และผมก็ไม่ได้อยู่ข้างใด ใครผิดผมก็ว่าหมด เพียงแต่ขอให้เว้นการใช้วิธีการรับจำนำ และหันไปใช้วิธีอื่นและในราคาที่เหมาะสม เพื่อที่ประเทศชาติจะไม่ต้องเสียหายมากจนเกินจำเป็น และเพื่อให้ชาวนาทุกคนได้รับประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยตามงบประมาณที่จะเสียเพื่อการกระทำนี้ โดยไม่เปิดโอกาสให้แก่นักการเมืองเข้ามาหาประโยชน์เข้าตนเอง ด้วยการเกาะกินบนหลังชาวนาดังที่เป็นมาในอดีต" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
กรุงเทพธุรกิจ
http://www.suthichai...om/detail/15944
แม้บทความจะผ่านมา เกือบปี แต่ก็ขอพื้นที่นำมาแปะไว้หน่อย
เผื่อพี่น้องเสื้อแดง จะเปิดใจรับฟังคนกันเองบ้าง
- สงสารสาวจันทร์, SPDZ and Binladong like this
The most valuable things in life are not measured in monetary terms.
The really important things are not houses and lands, stocks and bonds, automobiles and real estate,
but friendships, trust, confidence, empathy, mercy, love and faith.
#118
ตอบ 7 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:46
ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องข้าว แต่ขอเน้นหน่อยครับ ชี้เกียจไปขุดกระทู้บาปของโกร่งขึ้นมาอีก
จากโพสต์คุณมีโร http://webboard.seri...100#entry406599
----------------------------
ฟังว่าจะใช้เงิน 4-5 แสนล้านบาทหมุนเวียนซื้อสินค้าเกษตรมากักตุน ก็เท่ากับคิดจะปั่นราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกหรือที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่าจะ "corner the market" ตลาดโลกข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด จึงเป็นไปไม่ได้ คนเคยทำแล้วล้มละลายก็มีมาก ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การที่ล้มก็สืบเนื่องมาจากการพยายามปั่นตลาด หรือจะ corner ตลาดใบยาสูบ ดังนั้น เมื่อผลิตได้เท่าไหร่ รีบส่งออกได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วก็ปลูกใหม่
----------------------------
นี่เป็นคำแแก้ตัวหลังหายนะเกิดมาได้เกือบยี่สิบปี
โกร่งคงจะคิดว่า คนลืมหมดแล้ว
คำแแก้ตัวโง่ๆ อันนี้ กลายเป็นเครื่องยืนยันว่า โกร่งมีส่วนอย่างเต็มตัวกับหายนะของระบบเศรษฐกิจที่ธนาคารของโกร่งก่อขึ้น
- สงสารสาวจันทร์ likes this
#119
ตอบ 7 กันยายน พ.ศ. 2555 - 14:04
ติดตตามเรื่องข้าวมาเยอะครับ ตอนนี้สถานการณ์ในประเทศไม่น่าห่วง นอกประเทศตอนนี้ ข้าวแต่ละประเทศ ที่เป็นผู้ซื้อมีสำรองกันพอสมควรแล้ว ส่วนอินเดีย เวียดนาม มีปริมาณข้าวมากพอที่จะส่งออกนอกได้สบายๆๆ ส่วนฟิลิปปินส์ พม่า เขมร ก็เริ่มจะทำข้าวส่งนอกเหมือนกัน ในปีนี้กับปีหน้า
ตอนนี้รัฐบาลมีสองทางเลือกคือขายข้าวในราคาเท่ากับเมื่อก่อนโดนยอมขาดทุน กับเสียหน้า เพื่อระบายข้าวที่มีอยุ่สต๊อก กับ
๒ ทำตามวิธีด้านล่างคือ
ประมูลข้าว
ปล่อยน้ำท่วมนา
สวมสิทธิ์
จบข่าว แบบฟันธง ว่ามันจะต้องเข้าอีกหรอบนี้แน่
- สงสารสาวจันทร์ likes this
#120
ตอบ 11 กันยายน พ.ศ. 2555 - 02:07
“กอบสุข เอี่ยมสุรีย์” ชี้ จำนำ ฉุดยอดส่งออกหด ย้ำไม่ได้ดึงราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้น แจงผู้ใหญ่ในประเทศหยุดให้ข่าวโป้ปดไปวันๆ แนะวัดผลการทำงานตัวเองด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ นางกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวในเวทีสัมมนา เรื่อง"โครงการรับจำนำสินค้าเกษตร" ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่น : รวมพลังเปลี่ยนประเทศไทย ประจำปี 2555 ที่จัดโดยภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น (ภคต.) ถึงนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 10 เดือน ว่า ส่งผลให้ยอดส่งออกหดหาย ราคาข้าวตกต่ำ และเพิ่งขยับสูงขึ้นในช่วงปลายฤดูเท่านั้น
"นโยบายจำนำข้าวมีข้อดีต่อผู้ส่งออกเพียงอย่างเดียว คือ ช่วยทำให้เห็นภาพชัดว่า เมื่อยอดส่งออกหดหาย ผู้ส่งออกตกงาน แต่ราคาข้าวก็ยังคงตกต่ำอยู่ ดังนั้น ก็ควรเลิกโทษผู้ส่งออกว่าเป็นตัวการอยู่ตลอดเวลาได้แล้ว เนื่องจากนโยบายนี้ก็ไม่ได้ทำให้ราคาข้าวในประเทศสูงกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านๆ มา อีกทั้งไม่ได้ทำให้สภาพข้าวสารในประเทศดีขึ้นด้วย"
นางกอบสุข กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้พูดถึงนโยบายจำนำมาตลอด ซึ่งทางผู้ส่งออกมีความกังวลว่า รัฐบาลจะพูดโกหกเสียมาก การพูดของภาครัฐก็มีน้ำหนักกว่าผู้ส่งออกที่ต้องแขวนป้ายผู้ร้ายอยู่ตลอดเวลา ขณะที่สาธารณะชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง
"ล่าสุดมีการให้ข่าวจากผู้ใหญ่ว่ามีการเปิดขายข้าวในรูปแบบจีทูจี และเสริมการพูดปดด้วยว่ากำลังส่งมอบสินค้าที่ประเทศจีน ทั้งที่ หากมีการส่งมอบจริง ผู้ส่งออกจะต้องรู้ก่อนเพื่อน ทั้งการจองเรือ การเซอร์เวย์ การขายข้าวตอนนี้ยังเงียบฉี่ แต่กลับพูดว่ามีการส่งมอบ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่ผู้หลักผู้ใหญ่สามารถพูดปดไปเรื่อยๆ"
นางกอบสุข กล่าวด้วยว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศนี้ ทั้งระดับรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี เมื่อพูดหรือให้ข่าวแล้วก็ควรจะให้ KPI (วัดผลการดําเนินงาน) ตัวเองด้วย รวมทั้งสังคมจะต้องวัดผลจากคำพูดเหล่านั้นด้วย หากพูดแล้วทำไม่ได้ ก็ไม่ควรพูด เพราะยิ่งจะทำให้เกิดความไขว้เขวมาก โดยเฉพาะคำพูดที่บอกว่า รัฐบาลจะขายข้าวได้ราคาแพง ก็อยากให้ทำให้ดู ไม่ใช่โป้ปดไปวันๆ
http://www.isranews....0-07-50-37.html
- สงสารสาวจันทร์ and SPDZ like this
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#121
ตอบ 26 กันยายน พ.ศ. 2555 - 20:27
หน้าหลัก » ข่าวทั่วไทย » ภาคอีสาน
http://m.thairath.co...t/region/293897
รองผู้การตำรวจบุรีรัมย์ ทยอยสอบปากคำเกษตรกร 459 ราย พบทุจริตกว่า 2 พันรายในการปลอมแปลงใบชั่งน้ำหนักข้าวกว่า 800 ใบ ยื่นขอใบประทวนกับ อคส. สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 44 ล้านบาท ลั่นฟันไม่เลี้ยงหากโยงถึงใคร เชื่อมีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคน...
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2555 พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะ หัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 เปิดเผยการเรียกสอบปากคำเกษตรกร จำนวน 459 ราย ที่มีการปลอมแปลงใบชั่งน้ำหนักสอดแทรกกับฉบับจริงกว่า 800 ใบ เพื่อยื่นขอออกใบประทวนกับเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ก่อนนำไปเป็นหลักฐานขึ้นเงินกับ ธ.ก.ส.ว่า ขณะนี้คืบหน้ามากส่วนใหญ่ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่งบประมาณของรัฐกว่า 44 ล้านบาท เบื้องต้นพบว่ามีจำนวนเกษตรกรที่นำข้าวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวกับ ท่าข้าว ธนพลพืชผล ที่ตรวจสอบพบมีปัญหาการทุจริต กว่า 2,000 ราย โดยมีบุคคลบางกลุ่มนำใบชั่งน้ำหนักปลอมเข้ามาสอดแทรกกับใบชั่งน้ำหนักจริง ของเกษตรกร
พร้อมยืนยันว่าการสอบสวนจะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา หากการสอบสวนเกี่ยวโยงไปถึงใคร จะดำเนินการทั้งวินัยและกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น หากเกษตรกรรายใดให้ความร่วมมือและให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีแก่พนักงานสอบ สวน จะกันไว้เป็นพยาน แต่หากไม่ให้ความร่วมมือ หรือหลบหนีจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากตรวจสอบพบถึงการกระทำผิดชัดแจ้ง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการชักจูงเกษตรกรให้เข้ามาร่วมในการกระทำการทุจริต จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายทันทีเช่นกัน เชื่อว่าจะมีทั้งตัวการและผู้สนับสนุนในการกระทำทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ในครั้งนี้อีกหลายคน
โดย: ทีมข่าวภูมิภาค
26 กันยายน 2555, 12:22 น.
- สงสารสาวจันทร์ and SPDZ like this
#122
ตอบ 26 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:18
ราคาข้าวไทยที่มีราคาแพงในตลาดโลก ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อข้าวคุณภาพดีของเวียดนามมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 5.436 ล้านตัน รวมมูลค่า 2,469 ล้านดอลลาร์ และยังทำให้ให้ชาวนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงขายข้าวได้ราคาดีขึ้นอีกด้วย สื่อของทางการรายงานอ้างตัวเลขสมาคมอาหารเวียดนาม
หมดกันรายได้ประเทศไทย !!
ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวในท้องนาหมู่บ้านเลียนห่า (Lien Ha) ชานกรุงฮานอย วันที่ 1 มิ.ย.2555 คนของประเทศนี้ขยันขันแข็ง ในขณะที่การเก็บเกี่ยวฤดูใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นในเดือนหน้านี้ และ 8 เดือนที่ผ่านมาเวียดนามส่งออกข้าวได้กว
่า 5.4 ล้านตัน สมาคมอาหารเวียดนามกล่าวว่าเป้าหมาย 7 ล้านตันปีนี้อยู่แค่เอื้อม ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ทำให้ข้าวไทยมีราคาแพงในตลาดโลก. -- REUTERS/Kham.
ราคาข้าวไทยที่มีราคาแพงในตลาดโลก ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อข้าวคุณภาพดีของเวียดนามมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 5.436 ล้านตัน รวมมูลค่า 2,469 ล้านดอลลาร์ และยังทำให้ให้ชาวนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงขายข้าวได้ราคาดีขึ้นอีกด้วย สื่อของทางการรายงานอ้างตัวเลขสมาคมอาหารเวียดนาม
จุดเด่นของการส่งออข้าวในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ก็คือ ข้าวผสมเมล็ดหัก 5% ข้าวหอม กับข้าวเมล็ดสั้นเหนียวขายได้มากขึ้น คิดเป็นอัตราเพิ่มถึง 62% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 อันเป็นผลโดยตรงจากข้าวไทยราคาแพง เนื่องจากนโยบายสนับสนุนราคาของรัฐบาลไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงเวียดนาม (Radio Voice of Vietnam) รายงานในเว็บไซต์
สมาคมอาหารเวียดนามเชื่อว่า เป้าหมายส่งออก 7 ล้านตันปีนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม ถึง การเก็บเกี่ยวข้าวฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาวที่กำลังจะเริ่มขึ้นนี้คาดว่าจะได้ ข้าวประมาณ 2.6 ล้านตัน ในนั้นสามารถส่งออกได้ราว 300,000 ตัน เว็บไซต์แห่งเดียวกันระบุ
เครดิต : ASTVผู้จัดการออนไลน์
- SPDZ likes this
#123
ตอบ 26 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:21
ส่งออกโคม่า เข้า ICU แน่ ยอดรวม 8 เดือนยังติดลบ 1.31% ขาดดุลการค้าทะลุ 4.6 แสนล้าน ไม่เฉียดใกล้ โกหกสีขาว ของเสี่ยโต้ง ที่คุยโม้ว่าจะทำให้โต ร้อยละ 15 แม้จะปรับลดลงมา ที่ร้อยละ 9 ยังไม่มีหวัง ตอนนี้แค่ลุ้นให้โต ร้อยละ 5 ยังยา
กเลย ..... สภาหอฯ ยังหวั่นว่าทั้งปีอาจขยายตัว 0% พระเจ้าช่วย รับบวมใช้เงินมือเติบ หาไม่เป็น
กลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญ หลายกลุ่ม ประเมิน ถึงแนวโน้มการส่งออกในช่วงเดือนที่เหลือ ส่วนใหญ่ระบุในทิศทางเดียวกันว่า ยังน่าเป็นห่วง และหลายสินค้า ได้ปรับลดเป้าหมาย การส่งออกลงจากเดิม
ในช่วงเดือนที่เหลือ ยังไม่เห็นปัจจัยบวกใด เข้ามาช่วยได้ เดือนกันยายนยังมีความผันผวน จากสถานการณ์ในยุโรปที่เพิ่มขึ้น จากการที่ยังไม่มีความชัดเจน จากศาลสูงสุดของเยอรมนี ที่จะสามารถตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพถาวรของยุโรป (ESM) รวมถึงกรีซจะสามารถกู้เงิน รอบ 2 ได้หรือไม่ ดังนั้น ความหวัง การส่งออกไทย จึงอยู่ที่ไตรมาสที่ 4 โดยต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่าระดับ 30% ถึงจะเพียงพอ ให้การส่งออกไทยทั้งปี อยู่ที่ระดับ 7%
#124
ตอบ 26 กันยายน พ.ศ. 2555 - 21:22
จำนำข้าวดีไม่ดี ไปถามโรงสีข้าวซี
ชาวนาวัย 71 ปี ที่สิงห์บุรีเพิ่งจะยิงตัวตาย เพราะยังไม่ได้เงินจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทักษิณก็จ้อที่เมืองนอกทันที ว่าโครงการรับจำนำข้าวนี้ดี ทำอีกสัก 2-3 ปี ชาวนามีรายได้เพิ่มแน่!!
- SPDZ likes this
#125
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2555 - 10:35
http://www.thairath....tent/eco/294006
http://www.pantip.co.../P12710319.html
http://www.thaipost....ws/270912/62868
พาณิชย์กัดฟันขายข้าวรอบ 2 แค่ 5 หมื่นตัน จากเปิดประมูล 558 แสนตัน หลังเอกชนเมิน เหตุคุณภาพต่ำ เลือกซื้อเฉพาะจำเป็น ลุ้นเปิดประมูลใหม่กลางเดือน ต.ค.นี้ จับท่าข้าวใน จ.ฉะเชิงเทรา สวมสิทธิ์จำนำชาวนา 60 ราย ฟันกำไรส่วนต่าง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้อนุมัติระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลเพิ่มเติมอีก 57,605 ตัน จากการเปิดประมูลทั้งหมด 5.58 แสนตัน ให้กับผู้เสนอซื้อทั้ง 9 ราย ที่เสนอซื้อเข้ามาเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเป็นการอนุมัติข้าวหอมมะลิ 27,483 ตัน ราคาตันละ 23,500-29,100 บาท ข้าวหอมจังหวัด 1,325 ตัน ราคาตันละ 25,000 บาท ข้าวหอมปทุมธานี 1,471 ตัน ราคาตันละ 25,000 บาท ข้าวเหนียว 5,030 ตัน ราคาตันละ 18,000-19,000 บาท และปลายข้าวหอมมะลิ 21,995 ตัน
สำหรับบริษัทที่ชนะการประมูล ได้แก่ บริษัท โอแลม (ประเทศไทย), บริษัท เอเชีย โกลเด้นไรซ์, บริษัท นครหลวงค้าข้าว, บริษัท โสธรอินเตอร์เทรด, บริษัท เจียเม้ง, บริษัท ไทยธุรกิจการเกษตร, บริษัท ซี.พี.เอ็นเตอร์เทรด, บริษัท แคปปิตอล ซีเรียล ขณะที่ข้าวหอมมะลิและปลายข้าว บริษัทที่ชนะประมูลคือ เอเชียโกลเด้นไรซ์, ซีพีอินเตอร์เทรด และนครหลวงค้าข้าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่สามารถระบายข้าวได้ทั้งหมด เนื่องจากคุณภาพข้าวในโกดังบางแห่งไม่ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ ขณะที่บางโกดังมีการยื่นซื้อราคาต่ำเกินไป และมีการแบ่งพื้นที่โกดังในการเปิดระบายเฉพาะบางโซน ภาคเอกชนจึงเพียงแค่ประมูลให้เพียงพอกับการใช้ เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลจะเปิดระบายข้าวต่อเนื่องเดือนละ 1-2 ครั้ง ประกอบกับผู้ค้าข้าวบางรายเตรียมแย่งซื้อข้าวนาปีที่จะเริ่มออกในเดือน ต.ค.นี้
#126
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2555 - 10:40
ขายข้าวไม่ได้ 15000 แล้วนะครับได้แต่น้ำตา หรืออาจจะไม่ได้อะไรเลย
ผมเชื่อว่าชาวนาที่เป็นเสื้อแดงคงยินดีกับข่าวนี้อย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลไม่เคยทำอะไรผิดอยู่แล้ว ชาบู๊ ช่าบู
ตามข้อมูลนี้ มีการกดราคาลง จาก 15000 เหลือ 9000
ส่วนต่าง 6 พันบาท เข้ากระเป๋าใครบ้าง
เป็นไปไม่ได้ที่ โรงสีจะทำไปเองโดยลำพัง
หมายความว่า เสื้อแดง สูบเลือดกันเอง เห็นๆ
- สงสารสาวจันทร์, overtherainbow and Nong like this
#127
ตอบ 27 กันยายน พ.ศ. 2555 - 12:13
*นั่นเป็นคำพูดของบุคคลธรรมดา มาดูการฟันธงของเทวดาบ้าง
*ตักขี้ให้สัมภาษณ์ นักข่าวตปท.
+"ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกที่เก่ง ......โครงการรับจำนำข้าวที่รบ.ทำ เป็น
โครงการที่ดี(เยี่ยม) สนับสนุนให้ทำต่อไป"
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#128
ตอบ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:05
#129
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 05:00
*ล่าสุดมีกลุ่มนักวิชาการ จะยื่นศาลรธน. ให้ศาลสั่งระงับการจำนำข้าวของรบ.ด้วย
*นั่นเป็นคำพูดของบุคคลธรรมดา มาดูการฟันธงของเทวดาบ้าง
*ตักขี้ให้สัมภาษณ์ นักข่าวตปท.
+"ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกที่เก่ง ......โครงการรับจำนำข้าวที่รบ.ทำ เป็น
โครงการที่ดี(เยี่ยม) สนับสนุนให้ทำต่อไป"
แล้วมันก็เอาขี้ข้าชินวัตรไปประท้วงข่มขู่เค้าตามสูตรมวลชนสารเลว รัฐบาลสารเลว
#130
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:33
-------------------
วันที่ 3 ตุลาคม 2555 07:11
'วีรพงษ์'ชี้จำนำข้าว รัฐบาลเสี่ยงพังได้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"วีรพงษ์"ห่วงจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐบาลล้มได้ เป็น"อันตรายที่สุด"
ดร.วีร พงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตแห่งชาติ (กยอ.) ให้สัมภาษณ์"กรุงเทพธุรกิจทีวี"ว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการจำนำข้าว เขียนเรื่องจำนำข้าวตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมาว่าโครงการดังกล่าว"อันตรายที่สุด" และเสนอแนะไปว่าไม่ควรทำ
"ถ้ารัฐบาลจะพังก็เรื่องโครงการรับจำนำข้าวได้เรียนให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลังไปแล้ว"
http://www.bangkokbi...ี่ยงพังได้.html
#131
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:04
*ผมว่าไม่ค่อยมีใครอยากเถียงมั๊งครับ เขาพยายามประมวลกระทู้จำนำข้าว หลังๆเริ่มไปไม่เป็นเถียงไม่ออกสักราย
ข้อมูลครับ
*มีแต่รัฐ กับสมุนที่ถนัดใช้เขา ประเภทไม่มีเม็ดสมองที่จะใช้ไตร่ตรอง
จึงเรียงแถวออกมาบอกว่าเป็นโครงการทีดี ชาวนามีความเป็นอยู่ดีขึ้น
***คิดได้ยังไงครับ ชาวนามีชีวิต/ฐานะดีขึ้น แต่เรื่องจริงชาวนา ...
"ต้องเอาข้าวไปจำนำ แล้วไม่มีปัญญาไถ่คืนสักราย"
Edited by IFai, 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:12.
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#132
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:10
กระจอกๆ อย่างชาวเสรีไทย
ยังชี้ความเลวของนโยบายนี้มาตั้งแต่นานโข
แต่ระดับที่ปรึกษานางยั๊วะ ต้องรอถึงเดือนสิงหา จึงรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่
แบบนี้ เอ็งจะดูแลประเทศกรูได้ยังงัยกันครับ
- ศรอรชุน and Lucas Leiva Benitez Rodger like this
#133
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:17
#134
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:30
เมื่อวานผมไปตอบกระทู้นึงแล้วบอกว่า การจำนำข้าว ของรัฐบาลชุดนี้เป็น นโยบายประชานิยม... เท่านั้นแหละกลายเป็นเอาชาวนามาอ้าง แถมท้ายด้วยการถามย้อนว่า แบบนี้เช็คช่วยชาติเป็นประชานิยมมั้ย...เพลียกะพวกนี้เจงๆ
ตอบแบบวิชาการหน่อยละกัน
เช็คช่วยชาติ เป็นมาตรการพิเศษ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำโดยคำนวณปริมาณเงินที่ใช้แลกกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะได้รับการกระตุ้น หรือคิดง่ายๆ ว่า เอาเงินเติมลงไป เพื่อให้กระแสเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น จะกี่รอบก็ว่ากันไป สมมติว่าตามตำราคือหมุน 10 รอบ สามหมื่นล้านก็จะกระตุ้นได้สามแสนล้าน ซึ่งเป็นตัวเลขคาดหวังในเวลาที่คาดหวัง อาจจะพลาดเป้า หรือเลยเป้า แต่มาเร็วจบเร็ว
จากนั้น การบริโภคจะเข้าร่องที่ต้องการได้
ส่วนการจำนำข้าว....เฮ้อ
อย่างไอ้โกร่งมันว่าแหละ ผิดตั้งแต่ชื่อ รับจำนำบ้ารัย ให้ราคาสูงกว่าตลาด
ประชานิยมหรือไม่ ก็คิดกันเอาเองละกัน
การประจบผู้ลงคะแนนด้วยเงินหรือผลประโยชน์แบบนี้ มีแต่หายนะ
นี่ไม่ต้องพูดถึงโอกาสในการโกง กับการเอาเงินภาษีทุบธุรกิจที่ไม่ยอมสยบอีกด้วยนะ
เลวชาติขนาดนี้ มีแต่ทักษิณที่คิดได้ทำได้
#135
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 20:24
*ผมว่าไม่ค่อยมีใครอยากเถียงมั๊งครับ เขาพยายามประมวล
กระทู้จำนำข้าว หลังๆเริ่มไปไม่เป็นเถียงไม่ออกสักราย
ข้อมูลครับ
*มีแต่รัฐ กับสมุนที่ถนัดใช้เขา ประเภทไม่มีเม็ดสมองที่จะใช้ไตร่ตรอง
จึงเรียงแถวออกมาบอกว่าเป็นโครงการทีดี ชาวนามีความเป็นอยู่ดีขึ้น
***คิดได้ยังไงครับ ชาวนามีชีวิต/ฐานะดีขึ้น แต่เรื่องจริงชาวนา ...
"ต้องเอาข้าวไปจำนำ แล้วไม่มีปัญญาไถ่คืนสักราย"
ไม่ครับ ตอนนี้เรื่องมาร์คหนีทหารเป็นเรื่องใหญ่กว่า เรื่องจำนำข้าวขาดทุนแสนล้านเป็นเรื่องเล็กครับ
#136
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 21:58
#137
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 22:57
ถ้าผมเป็นนายก ผมจะขยายฐานผู้เสียภาษีออกไปให้ครบทุกคน
การเสียภาษี เป็นใบอนุญาตสำคัญให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียง
ผมจะแก้กฏหมายให้ใช้ใบเสียภาษีแทนเอกสารราชการทุกอย่าง
และใช้แทนบัตรประชาชนในการลงคะแนนเลือกตั้งอีกด้วย
I agree with everything but not this sentence.
How could stay at home mom/dad pay tax? how could disable (not mentally) person pay tax? how could old people pay tax? College students who is old enough to vote, how could they pay tax (if not working)?
There are too many situations that will excludes people right to vote if you only accept tax payer.
Edit to add - oops.. didnt finish reading yet.. it's 3 pages long!
Edited by วันศุกร์, 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 23:01.
You can't fix stupid - Ron White
You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan
"A society is judged by how it treats its animals and elderly"
#138
ตอบ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 23:13
ถ้าผมเป็นนายก ผมจะขยายฐานผู้เสียภาษีออกไปให้ครบทุกคน
การเสียภาษี เป็นใบอนุญาตสำคัญให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียง
ผมจะแก้กฏหมายให้ใช้ใบเสียภาษีแทนเอกสารราชการทุกอย่าง
และใช้แทนบัตรประชาชนในการลงคะแนนเลือกตั้งอีกด้วย
I agree with everything but not this sentence.
How could stay at home mom/dad pay tax? how could disable (not mentally) person pay tax? how could old people pay tax? College students who is old enough to vote, how could they pay tax (if not working)?
There are too many situations that will excludes people right to vote if you only accept tax payer.
แก้ไม่ยากหรอกครับ
พลเมืองที่คุณวันศุกร์ยกมา มีไม่กี่แสน ทำบัตรประจำตัวเฉพาะได้
คือเอาบัตรเสียภาษีนั่นแหละ ระบุเงื่อนไขลงไป
แล้วที่จริงเบี้ยผู้สูงอายุก็ควรเก็บภาษีด้วย 3 เปอร์เซ็นต์หัก ณ ที่จ่าย
อาจจะฟังโกดร้าย
แต่ผมนึกไม่ออกว่าจะมีวิธีใหนที่สร้างความผูกพันกับหน้าที่พลเมืองเท่ากับภาษี
#139
ตอบ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 00:15
ถ้าผมเป็นนายก ผมจะขยายฐานผู้เสียภาษีออกไปให้ครบทุกคน
การเสียภาษี เป็นใบอนุญาตสำคัญให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียง
ผมจะแก้กฏหมายให้ใช้ใบเสียภาษีแทนเอกสารราชการทุกอย่าง
และใช้แทนบัตรประชาชนในการลงคะแนนเลือกตั้งอีกด้วย
I agree with everything but not this sentence.
How could stay at home mom/dad pay tax? how could disable (not mentally) person pay tax? how could old people pay tax? College students who is old enough to vote, how could they pay tax (if not working)?
There are too many situations that will excludes people right to vote if you only accept tax payer.
แก้ไม่ยากหรอกครับ
พลเมืองที่คุณวันศุกร์ยกมา มีไม่กี่แสน ทำบัตรประจำตัวเฉพาะได้
คือเอาบัตรเสียภาษีนั่นแหละ ระบุเงื่อนไขลงไป
แล้วที่จริงเบี้ยผู้สูงอายุก็ควรเก็บภาษีด้วย 3 เปอร์เซ็นต์หัก ณ ที่จ่าย
อาจจะฟังโกดร้าย
แต่ผมนึกไม่ออกว่าจะมีวิธีใหนที่สร้างความผูกพันกับหน้าที่พลเมืองเท่ากับภาษี
I understand - I think it's a good idea if you could cover all the people who is old enough to vote and not paying tax. But I think it's not going to be that easy
You can't fix stupid - Ron White
You can have your own opinion, but not your own facts - Daniel Patrick Moynihan
"A society is judged by how it treats its animals and elderly"
#140
ตอบ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 00:38
I understand - I think it's a good idea if you could cover all the people who is old enough to vote and not paying tax. But I think it's not going to be that easy
ผมคิดว่า
ทำให้พลเมืองอาวุโสเสียภาษี
ง่ายกว่าทำให้เสื้อแดงเสียภาษีนะครับ 5555
เรื่องนี้ยังคุยต่อได้อีกหน่อย
คือผมคิดว่าการเก็บแวต เป็นการไดหลูดความสำนึกเรื่องภาษีและความรับผิดชอบมากเกินไป
อาจจะจริงที่ทำให้เก็บภาษีได้มาก และสะดวก แต่มันก็ไปบิดเบือนความสำนึกไปด้วย
รัฐควรจะเน้นสร้างสำนึกเรื่องภาษีให้มาก
พลเมืองเห็นนักการเมืองฉ้อราษฎร์ จะได้เดือดร้อนว่า เอ็งรับประทานเงินข้า ข้าไม่ยอม
อย่างเรื่องจำนำข้าวนี่ก็ชัดเจนว่าเพื่อไทยเอาภาษีไปบำเรอฐานเสียง โดยอ้างความยากจน
แต่ในที่สุด เป้าหมายสุดท้ายคือการโกงบ้านเมือง
ขออำไพ ใช้ภาษาไม่สุภาพ แหะๆ
- SPDZ likes this
#141
ตอบ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 21:34
แฉจำนำข้าวส่อโกง! โรงสีปั่นเลขตรงโควตารัฐสอยส่วนต่างนับแสน ชาวนาต้องยอมหวั่นซวย
ชาวนานครปฐมร้องจำนำข้าวส่อทุจริตชัด โรงสีฮั้วเจ้าหน้าที่รัฐเปลี่ยนตัวเลขใบชั่งน้ำหนักข้าวเกินจริงให้ตรงโควตา แถมปรับราคาเป็น 1.4 หมื่นทั้งที่จ่ายจริงแค่ 1.3 หมื่น สอยส่วนต่างครึ่งแสนต่อราย แล้วหา “ข้าวผี” เติมให้เต็มแทน รับชาวบ้านต้องยอมหวั่นถูกระงับสิทธิ์-โดนข่มขู่ โอดมีข้าวเกินจำนวนเฉลี่ยก็ต้องขายนายทุนราคาถูกอีก แฉโรงสีเริ่มงอแงไม่รับจำนำ ล่าสุดบีบชาวนาจำขายตามกลไกตลาด แนะกรมการข้าวตั้งกิโลลอยแก้ปัญหา
วันนี้ (3 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรายหนึ่งในพื้นที่ จ.นครปฐม พร้อมเอกสารระบุถึงโครงการรับจำนำข้าวที่ส่อว่าจะเกิดการทุจริตขึ้น โดยเอกสารดังกล่าวประกอบด้วย ใบรับรองผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2554/2555 กรณีพิเศษ ระบุเนื้อที่ผู้ปลูกข้าวจำนวน 25 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 757 กก./ไร่ รวม 18,925 กก. ซึ่งสามารถปรับเพิ่มปริมาณรับจำนำได้อีกไม่เกิน 20% รวมไม่เกิน 22,710 กก. ใบชั่งน้ำหนักข้าวเปลือกจำนวน 21,070 กก.ราคาเกวียนละ 13,000 บาท เป็นจำนวนเงิน 273,885 บาท ลงวันที่ 26 ส.ค. 55, ใบชั่งน้ำหนักใบที่ 2 ซึ่งออกโดยโรงสีในวันที่ 28 ส.ค. ระบุน้ำหนักสินค้า 26,230 กก., ใบรับฝากสินค้า ระบุน้ำหนัก 26,230 กก.หักลดความชื้น 3,737.775 กก. คงเหลือ 22,492.225 กก.ในราคา 14.80 บาท/กก. รวมมูลค่า 332,884.93 บาท และใบประทวนสินค้า
โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวคนดังกล่าวระบุว่า ตนได้เข้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 ซึ่งได้นำข้าวเข้าไปจำนำตามโครงการที่โรงสีแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม โดยได้ใบชั่งน้ำหนักระบุจำนวน 21,070 กก.ในราคาเกวียนละ 13,000 บาท รวมจำนวนเงินที่จะได้รับทั้งสิ้น 273,885 บาท แต่ปรากฏว่า ในอีก 2 วันต่อมาทางโรงสีได้ออกใบชั่งน้ำหนักอีกใบเพื่อที่จะออกใบประทวนสินค้า โดยระบุจำนวนน้ำหนักที่ 26,230 กก. ขณะที่ใบรับฝากสินค้า อ้างว่าหักลดความชื้นแล้วคงเหลือ 22,495.225 กก. ซึ่งมากกว่าน้ำหนักเดิม 1,425.225 กก. อีกทั้งยังระบุให้ราคารับจำนำเกวียนละ 14,800 บาท ซึ่งมากกว่าเดิม 1,800 บาท รวมส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 58,999.93 บาท โดยเงินส่วนนี้เมื่อได้รับจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) แล้วจะต้องนำกลับไปให้โรงสีดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งบางรายที่ไม่ได้นำเงินไปคืนก็จะถูกโรงสีสั่งระงับสิทธิ์ไม่ให้รับเข้าร่วมจำนำข้าวในครั้งถัดไป บางรายก็โดนข่มขู่คุกคามถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
“ตามปกติแล้วโรงสีทั่วไปจะมีทางเลือกให้ชาวนาในการประเมินราคาข้าว 2 ทาง คือ ตีราคาข้าวในนา และวัดความชื้นที่โรงสีข้าว ซึ่งบางโรงสีข้าวมักจะใช้วิธีการวัดความชื้นมากกว่าเพื่อให้ได้ส่วนต่างในการจำนำข้าว ขณะที่การเพิ่มส่วนต่างนี้ก็เพื่อให้ได้จำนวนตามโควตาที่รัฐบาลกำหนดไว้ โดยทางโรงสียังพร้อมที่จะจ่ายเงินส่วนต่างให้แก่ชาวนาที่จำนำข้าวได้ไม่เต็มเพิ่มอีกเกวียนละ 2,000 บาทด้วย” เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกล่าว
เกษตรกรคนดังกล่าวยังอธิบายเพิ่มด้วยว่า ในส่วนข้าวที่หายไปจากจำนวนจริงนั้น ทางโรงสีก็จะใช้วิธีการหาข้าวจากแหล่งอื่นทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศเข้ามาเพิ่มเติมให้ครบตามจำนวนที่ระบุไว้ในใบประทวนสินค้า ตัวอย่าง ชาวนา ก.มีนา 25 ไร่ นำข้าวมาจำนำจริง 12,000 กก. แต่ทางโรงสียื่นใบประทวนสินค้าไปเต็มจำนวนไร่ที่ 22,710 กก. ทางโรงสีก็จะต้องหาข้าวนอกบัญชีมาใส่ให้ครบจำนวนอีก 10,710 กก. เพราะฉะนั้นจึงทำให้มีข้าวผีมาเข้าในโครงการนี้จำนวนมาก ทั้งนี้หากในปีดังกล่าวชาวนาได้ผลผลิตเกินจำนวนที่รัฐบาลกำหนดไว้ ในส่วนเกินนี้ก็จะต้องขายให้กับโรงสีในราคาตามกลไกตลาด คือราวๆ 8,900 บาทต่อเกวียน
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวยังระบุถึงการจำนำข้าวครั้งล่าสุดด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีรายงานว่าโรงสีข้าวบางแห่งก็ไม่สามารถรับจำนำข้าวได้ด้วย เนื่องจาก 1. โรงสีอ้างว่าไม่มีที่เก็บข้าวเปลือก 2. โรงสีอ้างว่ารัฐบาลไม่มีงบประมาณในการรับจำนำข้าว ซึ่งพอชาวนาไม่สามารถเข้าโครงการจำนำข้าวได้ก็จำเป็นที่จะต้องยอมขายให้กับโรงสีในราคาที่ถูกลงตามกลไกตลาด
“ผมตั้งข้อสังเกตว่า การเพิ่มจำนวนน้ำหนักข้าวให้เกษตรกรทำไมไม่มีเอกสารกำกับและน้ำหนักที่เพิ่มจำนวน 20% ได้เท่าเทียมกันในทุกพื้นที่หรือไม่ และทุกโรงสีจะเพิ่มน้ำหนักได้ 20% หรือมากกว่านั้น 2 .จะเห็นว่าโรงสีตีราคาข้าวให้เกษตรกรราคาเกวียนละ 13,000 บาท แต่โรงสีออกใบประทวนเบิกจากรัฐบาลเกวียนละ 14,800 บาท ทำไมจึงเบิกเกินราคาที่จ่ายให้กับเกษตรกร และเงินจำนวนนี้เข้ากระเป๋าใคร และ 3. ทำไมรัฐบาลไม่นำใบชั่งน้ำหนักข้าวมาเป็นเอกสารประกอบการจ่ายเงินของ ธ.ก.ส.” ชาวนา จ.นครปฐม กล่าว
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้ปลูกข้าวคนดังกล่าวยังได้แสดงเอกสารการจำนำข้าวในปี 2554/2555 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยพบว่า ในใบประทวนสินค้ามียอดจำนวนข้าวมากกว่าจำนวนที่รัฐบาลกำหนด 285.125 กก. ทั้งๆ ที่สามารถจำนำได้จริงแค่ 22,710 กก. ขณะที่ทางโรงสีก็ยังระบุราคารับจำนำเพิ่มจากที่ตกลงไว้เกวียนละ 13,000 บาทอีก 1,800 บาทเช่นกัน
“ผมขอแนะนำว่า รัฐบาลโดยกรมการข้าวน่าจะให้เจ้าหน้าที่ตั้งกิโลลอยระหว่างจุดผ่านโรงสีเพื่อให้ชาวนาสามารถนำรถขนข้าวเข้ามาชั่งน้ำหนักเพื่อให้ออกใบชั่งน้ำหนักอย่างถูกต้องแท้จริง และสามารถนำไปใช้ออกใบประทวนสินค้าได้ทันที” เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกล่าว
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#142
ตอบ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:32
มีใครคำนวณรวมทั้งหมดแล้วได้ 15000 บาทบ้างครับ
Edited by Solidus, 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:33.
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#143
ตอบ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 00:12
#144
ตอบ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 07:17
#145
ตอบ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:13
โดยเฉพาะอีสานกับเหนือ ปชป. ทำรึยังครับ
#146
ตอบ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 21:58
เครดิต: สายตรงภาคสนาม
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#147
ตอบ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:53
มันก็อยู่ที่จังหวะที่เราจะขาย"โครงการรับจำนำข้าว" กลับมาเป็นประเด็นร้อนสำหรับรัฐบาล "เพื่อไทย" อีกคำรบหนึ่ง
หลัง จากที่ถูกถล่มอย่างหนักจาก "พรรคประชาธิปัตย์-นักวิชาการ-สื่อ" โดยมุ่งเป้าไปที่การ "ระบายข้าว" ในสต๊อกของรัฐบาลซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ "กระทรวงพาณิชย์"
"มติชน" มีโอกาสได้พูดคุยกับ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากปากคำของ "ผู้รับผิดชอบ" โดยตรง
- มีข้อกังวลว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตหลายขั้นตอน แม้ว่าชาวนาจะได้รับผลประโยชน์ แต่คนในกระบวนการอื่นจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าจากการเก็บส่วนต่าง
ความ คิดเห็นทุกคนมีสิทธิพูดได้หมด แต่ข้อเท็จจริงเราต้องดูว่าเกิดมากหรือน้อย เราไม่เคยละเลยที่จะตรวจสอบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แจ้งว่ามีการจับกุมดำเนินคดีการทุจริตจำนวน 25 คดี ซึ่งถ้าเทียบกับโครงการทั้งหมดมีโรงสี 800 กว่าแห่ง ชาวนา 2 ล้านครัวเรือน มันน้อยมาก มาหาว่าทั้งหมดต้องเป็นอย่างนั้น ผมว่ามันไม่ค่อยยุติธรรม เหตุเกิดตรงไหนก็ดับตรงนั้น จะมาตีเหมาเลยว่าโครงการนี้มันเฮงซวยแล้วนะ ต้องเลิกนะ มันทุจริตทั้งโครงการนะ มันไม่ค่อยยุติธรรมกับคนที่เขาอยู่ในกรอบการทำงานทั้งหมด
- ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ระบายข้าวไปแล้วเท่าไร และระบายอย่างไร
ยอด ที่เราระบายข้าวไปแล้วประมาณ 8 ล้านตัน แยกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ระบายให้กับองค์กรของรัฐบาล 2.ประมูลขายไปแล้ว 6 ครั้ง และ 3.ขายระบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ประมาณ 7.3 ล้านตัน ซึ่งเราได้เซ็นสัญญาเอ็มโอยู (ข้อตกลงระหว่างประเทศ) มาก่อนแล้ว ขณะนี้เรามีเอ็มโอยูอยู่ในมือแล้วเราก็จะไปเจรจาต่อ เพื่อตกลงซื้อขายกับประเทศต่างๆ ซึ่งตอนนี้มีการทยอยส่งมอบไปบ้างแล้ว ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่จะส่งมอบให้เสร็จสิ้นในปี 2556
- ขายจีทูจีได้ราคาตันละเท่าไร
ก็ ราคาได้.. ค่อนข้างน่าพอใจ ราคานี่ก็.. เป็นประเด็นเพราะว่าเวลาเราทำการซื้อขายประเทศผู้ซื้อเขาไม่ต้องการให้เรา พูดรายละเอียด เพราะจะกระทบต่อเขา เนื่องจากระหว่างที่เจรจากับเรา เขาก็เจรจากับประเทศอื่นด้วย เพราะเรามีคู่แข่งอย่างประเทศเวียดนามและอินเดีย บางทีเราพูดไม่ได้ว่าเราขายในราคาเท่าไร เพราะจะทำให้คู่ค้าได้เปรียบเราอีก ข้อมูลพวกนี้บางทีต้องขออนุญาตว่ามันต้องเก็บรักษาความลับไว้บ้าง ในประเทศเขา อาจจะมีเรื่องการเมือง ทำไมคุณไปซื้อมาล่ะ ทำไมเราปลูกเองไม่กินล่ะ คือของพวกนี้เราต้องเข้าใจ เราต้องให้เกียรติลูกค้า
- เปิดเผยไม่ได้แต่ยืนยันได้หรือไม่ว่าราคาขายไม่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำมา
ราคา ขายข้าวก็อาจจะมีต่ำกว่าราคาที่รับจำนำมา คือการขายเราก็ต้องเข้าใจว่าในบางจังหวะเวลาก็ได้ราคาดี บางทีก็ได้ราคาไม่ดี มันก็อยู่ที่จังหวะที่เราจะขาย รวมกับปริมาณที่เขาจะซื้อ ถ้าเขาซื้อเยอะ เขาก็จะมีเพาเวอร์ในการต่อรองกับเราเยอะ เราจะไปขายเยอะๆ แล้วเอาราคาสูงมากๆ เขาก็ไปซื้อประเทศอื่น อันนี้มันก็ธรรมดา ฉะนั้นการจะกำไรหรือขาดทุนตอนนี้ยังพูดไม่ได้ คือรัฐบาลทำงานไม่เหมือนเอกชน เอกชนคำนวณกำไรขาดทุนได้ แต่รัฐบาลไม่ว่าใครหรือประเทศไหน เขาต้องดูภาพรวมว่าเม็ดเงินที่เราเอาใส่เข้าไปในโครงการต่างๆ สุดท้ายแล้วจะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเท่าไร มันต้องดูในภาพรวมทั้งหมด
- ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าประเทศอินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้ซื้อข้าวจากประเทศไทย
อย่าง ที่ผมบอก ยิ่งมาขุดข้อมูล เราก็พูดออกไป ประเทศเขาก็มีความอ่อนไหว อย่างอินโดนีเซียเขาก็ปลูกข้าว แล้วมาบอกว่าซื้อจากประเทศไทยเท่านี้มันไม่ได้ ผมอยากขอให้ทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง เพื่อที่จะสามารถระบายข้าวได้ และให้มีผลกระทบน้อยที่สุด เราเองไม่อยากจะบอกว่าซื้อขายกับใคร
โอเค...บางจังหวะอาจจำเป็นต้อง พูดบ้าง แต่ประเทศผู้ซื้อเขาไม่อยากพูด และเขาไม่อยากให้เราพูดหรอก ยิ่งถ้าผมพูดมากไปเขาว่าไอ้ห่า...คุยกับคุณแล้วเรื่องมากจังเลย ทำให้ผมปวดหัวตามไปด้วย ผมไม่ซื้อคุณดีกว่า ซื้อกับประเทศอื่นไม่เห็นมีปัญหาเลย ถูกไหมล่ะ ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร แต่บางครั้งสังคมต้องเข้าใจว่าการทำงานมันไม่ใช่หมูนะ มันไม่ง่าย กว่าเราจะไปเจรจาเขาได้ กว่าจะตกลงอะไรกันได้มันใช้เวลา
สมมุติว่า เกิดเขาโกรธขึ้นมา เจรจาล้มครืนไปเลย เขาบอกว่าเขาไม่เอาแล้ว ในอนาคตก็จะไม่อยู่กับคุณ แล้วจะทำไง ถ้าจะมีซักไซ้ไล่เลียงเสร็จแล้วผมจะต้องตอบ ทั้งที่รู้ว่าตอบแล้วมันจะมีปัญหา แล้วผมยังตอบอยู่เนี่ย ผมนี่แหละจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ ระบบมันจะเสียหายหมด ประเทศก็จะเสียหาย แล้วเราจะไปสู้กับคู่ต่อสู้เราในการส่งออกข้าวได้อย่างไร
- มีกระแสข่าวว่าที่เปิดเผยจีทูจีครั้งนี้ไม่ได้เพราะมีการขายข้าวให้บริษัทแล้วก็เวียนขายข้าวในประเทศ
ไม่ จริง แล้วคนกล่าวหาก็ไม่มีหลักฐานด้วย ผมยืนยันว่าไม่จริง คือการขาย เราขายมีสัญญาซื้อขายกับประเทศผู้ซื้อ ประเทศผู้ซื้อเขาก็มีการเปิดแอลซีมาให้กับเราที่กรมการค้าต่างประเทศ ก็เป็นแอลซีที่มาจากต่างประเทศหมดเลย ไม่มีการผ่านมือใครเลย แล้วเป็นเช่นนี้ เขาเอาเงินให้เราแล้วเขาไม่ได้ข้าว เขาก็ต้องฟ้องประเทศไทย
ถ้า คนกล่าวหามีหลักฐาน ก็เอาหลักฐานมาแสดงเลยว่าผมไปเอื้ออะไรให้ใคร เพราะผมไม่รู้จักใครเลย เขาพยายามที่จะเชื่อมโยงมั่วไปหมด เอาไปเชื่อมโยงกับท่านทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) บ้าง มั่วไปหมด อะไรที่จินตนาการมากล่าวหากันได้ ก็เอามาเล่นงานกัน เขาเอาเรื่องนี้มาเล่นเป็นประเด็นการเมืองไปหมดแล้ว
- สรุปแล้วโครงการรับจำนำข้าวจะทำให้รัฐบาลขาดทุนเท่าไร
โครงการ รับประกันรายได้ขาดทุนไป 8 หมื่นล้านบาท ผมยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวขาดทุนน้อยว่าโครงการประกันรายได้แน่นอน ตอนนี้ฝ่ายค้านเขากล่าวหาได้ แต่ผมไม่ได้เอาข้าวไปทิ้งทะเล และสูญเงินไปเลย 3 แสนล้านบาท ถูกไหมครับ อันนี้ผมก็ทำให้เห็นว่าผมเอาเงินคืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นะ และผมก็มีแผนที่จะคืน เขากลัวว่าเราจะได้ความนิยมมากกว่า
- มีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
ไม่ กล้าออกมาโจมตีขั้นตอนการระบายข้าวมากเท่าไร ก็เห็นๆ กันอยู่ เขาก็เลยเปลี่ยนตัวเล่น ไม่มีอะไร เอานักวิชาการออกมาด่ามั่ง เอาพ่อค้าออกมาด่ามั่ง
- แต่มุมการระบายเหมือนไม่กล้า
ก็ ผมมีข้อมูลอยู่ ขายไปกี่ครั้ง ขายให้ใครยังไง คุณพรทิวา (นาคาสัย) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่คนที่เป็นคณะกรรมการนโยบายข้าวคือ ปชป. ทั้งคุณไตรรงค์ (สุวรรณคีรี) ถูกไหมครับ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สมัยนั้นก็เป็นอีกพรรคหนึ่ง แต่คนที่คุมนโยบายข้าว ในการสั่งขายได้ก็คือกรรมการนโยบายข้าว ซึ่งเป็นคน ปชป. คนที่เป็นรัฐมนตรีไม่มีอำนาจ แต่ ปชป.ดึงอำนาจไปไว้กับเขา ถูกไหม แล้วคนที่อนุมัติระบายข้าวก็คือคน ปชป. คุณพรทิวามีหน้าที่เซ็นตามคำสั่งของกรรมการนโยบายข้าว เพราะรัฐมนตรีจะพิจารณาเองไม่ได้
- ความไม่ชอบมาพากลของโครงการรับจำนำข้าวจะเป็นสาเหตุให้ชื่อของนายบุญทรงหลุดจาก ครม.หรือไม่
ผมก็ทำงานของผม คิดแค่นี้ก็มากมายพออยู่แล้ว ไม่ไปคิดเรื่องอื่น ถ้าไปกังวลเรื่องอื่นอีกมันก็ทำงานไม่ได้ เราก็ทำงานของเราเต็มที่
- ลุ้นว่าจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่
ไม่ลุ้นหรอกครับ ขนาดศาลรัฐธรรมนูญ ผมยังเฉยๆ เลย
http://www.matichon....atid=&subcatid=
#148
ตอบ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 18:22
#149
ตอบ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 21:19
จำนวนผู้ลงทะเบียนรับจำนำ ประมาณ1,000,000ราย ขณะที่ผู้ลงทะเบียนประกันราคาประมาณ 4,000,000ราย
เพราะฉะนั้นการรับจำนำข้าว คอรัปชั่นน้อยกว่า ประกันราคาข้าว แน่นอน ดู๊... ดู...
#150
ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 16:20
ขุด
ดัน
ผู้ใช้ 10 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 10 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน