คนไท รักในหลวง เป็นที่ประจักษ์ใน "ความสามารถของ ตำรวจไทยและดีเอสไอ. "
"..ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในบริเวณบ้านได้ เนื่องจากกดกริ่งหน้าบ้านสามครั้ง แต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตู" .... ! อนาจแบบขำโคตรๆ
กดกริ่ง 3 ครั้ง ... ไม่มาเปิด แต่โชคดีเจอพยานแถวนั้นเลยเรียกไป"ขู่" เอ้ยเรียกไปสอบถาม ....!
"พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิต 91 ศพ จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 53 นำทีมพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบบ้านร้างซึ่งตั้งอยู่บริเวณหัวถนนดินสอ ตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา โดยบ้านหลังดังกล่าวถูกพยานตามรายงานของคอป. ระบุว่า ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 10 เม.ย. 53 มีชายฉกรรจ์ปีนเข้าไปภายในบริเวณบ้านพร้อมอาวุธและระเบิด จากนั้นพยานอ้างว่าได้ยินเสียงระเบิดและหลังสิ้นเสียงระเบิดพบชายฉกรรจ์ปีนออกจากรั้วบ้าน แต่ดีเอสไอไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในบริเวณบ้านได้ เนื่องจากกดกริ่งหน้าบ้านแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตู ทั้งที่ก่อนหน้าพยานที่ปรากฏชื่อเป็นเจ้าบ้านตามสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งเป็นผู้ชายได้ยินยอมให้ดีเอสไอสอบปากคำเพิ่มเติม
http://breakingnews..../home/index.php DSIนัดสอบพยานในบ้านร้างริมถนนดินสอพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิต 91 ศพ จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 53 นำทีมพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบบ้านร้างซึ่งตั้งอยู่บริเวณหัวถนนดินสอ ตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา โดยบ้านหลังดังกล่าวถูกพยานตามรายงานของคอป. ระบุว่า ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 10 เม.ย. 53 มีชายฉกรรจ์ปีนเข้าไปภายในบริเวณบ้านพร้อมอาวุธและระเบิด จากนั้นพยานอ้างว่าได้ยินเสียงระเบิดและหลังสิ้นเสียงระเบิดพบชายฉกรรจ์ ปีนออกจากรั้วบ้าน แต่ดีเอสไอไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในบริเวณบ้านได้ เนื่องจากกดกริ่งหน้าบ้านแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตู ทั้งที่ก่อนหน้าพยานที่ปรากฏชื่อเป็นเจ้าบ้านตามสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งเป็นผู้ชายได้ยินยอมให้ดีเอสไอสอบปากคำเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านร้างหลังดังกล่าว เป็นบ้านเลขที่ 149 ถนนดินสอ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขตพระนคร โดยเป็นบ้านของพล.ท.อัมพร และคุณหญิงรุจี จินตกานนท์ แต่ปัจจุบันมอบให้ญาติของเจ้าของบ้านเป็นผู้ดูแล โดยอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ส่วนบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ชายชุดดำยิงถล่มทหาร มี 2 สามีภรรยาซึ่งประกอบอาชีพค้าขายในโรงเรียนสตรีวิทยามาขอเช่า ซึ่งพยานภายในบ้านหลังดังกล่าวได้เคยให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนชุดแรกไว้ อย่างละเอียดแล้ว รวมถึงเข้าให้ข้อมูลกับคอป.ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่คณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเดินทางมาถึงมีชายวัยกลางคนซึ่ง ถูกระบุว่าเป็นพยานที่จะเข้าให้การมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและสอบถาม ว่า เหตุใดจึงมีนักข่าวติดตามมาเป็นจำนวนมาก พร้อมแสดงสีหน้าตกใจ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงนำพยานคนดังกล่าวหลบไปนั่งพักอยู่ในร้านอาหารศรแดง และประสานให้พ.ต.อ.ประเวศน์เข้าไปพูดคุยกับพยานภายในร้านอาหาร
ด้านพ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนชุดเดิม ไม่แน่ใจว่าเป็นชุดสอบสวนของตำรวจหรือดีเอสไอได้เคยสอบปากคำพยานไว้แล้ว แต่จากการตรวจสอบคำให้การพบว่ามีรายละเอียดไม่เพียงพอ ตนจึงต้องการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นกระเดื่องระเบิดที่เก็บได้ภายในบ้านแล้วเจ้าของบ้านส่งมอบ ให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่ทราบสังกัด ซึ่งกระเดื่องระเบิดถือเป็นหลักฐานสำคัญเพราะกระเดื่องจะมีหมายเลขระบุ ชัดเจนว่า เป็นยุทธภัณฑ์ในความครอบครองของหน่วยงานใด ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครพบว่ากระเดื่องดังกล่าวถูกเก็บรักษาไว้กับหน่วย งานใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มั่นใจว่าคำให้การของพยานปากนี้ซึ่งเชื่อว่าเป็นพยานปากสำคัญ จะมีความน่าเชื่อถือเพียงไร ตนจึงต้องเดินทางมาตรวจสอบและขอสอบปากคำเพิ่มเติมด้วยตนเอง เบื้องต้นขอไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพยานปากนี้
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตเสนาธิการกรมทหารราบที่ 21 พ.ต.อ.ประเวศน์ ยอมรับว่า คดีพล.อ.ร่มเกล้ายังไม่มีความคืบหน้า ขณะนี้ถือว่ามีเพียงคดีของนายพัน คำกอง คดีเดียวเท่านั้นที่ศาลวินิจฉัยแล้วว่าเป็นการเสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่รัฐ
ขณะที่ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภริยา พล.อ.ร่มเกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คระบุว่า ยังเชื่อมั่นในระบบศาลยุติธรรม แต่ไม่เชื่อมั่นในหน่วยงานที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของฝ่ายบริหารในการนำพาคดี เดินไปสู่ศาลอย่างเป็นธรรม เนื่องจากเห็นพฤติกรรมและทิศทางการทำคดีที่ได้แสดงให้เห็นตลอดมา ด้วยเหตุนี้จึงต้องรวบรวมญาติพี่น้องและครอบครัวทหารที่เสียชีวิตทำหนังสือ ถึงกองทัพบกเพื่อขอช่วยเป็นตัวแทนติดตามคดีให้ เพราะพวกเราแต่ละคนเป็นเสียงเล็ก ไปติดตามทวงถามร้องเรียนเองคงไม่มีใครสนใจ ในขณะที่กองทัพบกเป็นองค์กรและมีศักยภาพสูงที่จะเป็นตัวแทนดำเนินการแทนได้