Jump to content


Photo
- - - - -

ขอทราบรายละเอียดข้อผิดถูกของ MOU43 และส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีเขาพระวิหารครับ


  • Please log in to reply
321 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:16

*
POPULAR

ต้องขอบอกออกตัวก่อนว่า

ในเรื่องทางกฏหมายเกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหารทั้งหมด

ผมอาจเข้าใจน้อยมาก จนถึงไม่เข้าใจรายละเอียด

 

ได้อ่านกระทู้ของคุณ bird คร่าวๆ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจน

อาจเพราะผมอ่านไม่เข้าใจนัก (ขออภัยที่ต้องอ้างอิงคุณ bird ครับ)

 

วันนี้ คนสองฝ่าย คือฝ่ายเสื้อเหลือง กล่าวโจมตี mou43 ตลอดเวลา

ว่าทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

ไปจนถึงกลายเป็นเจตนาที่ประชาธิปัตย์ทำ กลายเป็นถึงกับการขายชาติ

 

ในขณะที่ฝั่งประชาธิปัตย์ ก็โต้ว่า มี mou43 นั่นต่างหาก ที่ค้ำคอกัมพูชาไว้

รวมถึงจากในกระทู้ของคุณ bird ด้วย

(ขออภัยที่ไม่ได้ถามไปในกระทู้ เพราะอยากให้กระทู้นั้นเป็นกระทู้ให้ข้อมูล)

 

 

 

.....หากการมี MOU43  สุ่มเสี่ยงอย่างที่หลายฝ่ายกังวลจริง ๆ

 

กัมพูชาคงไม่นิ่งเฉยมานานนับ  ๑๐ ปีเช่นนี้ กัมพูชาคงกระทำการ

อย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้ได้มีอำนาจอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร

ทั้งตัวปราสาทและพื้นที่โดยรอบ มานานแล้ว...

 

แต่่การเคลื่อนไหวของกัมพูชา อย่างเป็นรูปธรรม เพิ่งจะเกิดขึ้น

ไม่นานมานี้...เพราะอะไร...

 

นั่นต่างหาก คือประเด็นที่ต้องขบคิด

 

ก่อนหน้านี้...กัมพูชา รับรู้สิทธิตามคำพิพากษา ๒๕๐๕  เฉพาะ

อำนาจอธิปไตยเหนือตัวปราสาทพระวิหารเท่านนั้น

 

โดยไม่มีข้อโต้แย้ง....แต่อะไร..ที่ทำให้กัมพูชามีท่าที่ที่เปลี่ยนไป

 

นั่นต่างหาก...ที่คนไทยต้องตีโจทย์ให้กระจ่าง...

 

ขอย้ำอีกครั้ง....

 

ประเทศไทยประกาศจุดยืนสงวนสิทธิอันพึงมีในปี ๒๕๐๕ และที่จะพึงมี

ในอนาคตตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อทวงสิทธิในการครอบครอง

ปราสาทเขาพระวิหาร โดยไม่มีจำกัดเวลา

 

http://webboard.seri...สาทเขาพระวิหาร/

 

ทีนี้ ผมอยากทราบครับ ว่า mou43 มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

ในสายตาขอผู้เห็นด้วยและผู้คัดค้าน

ผมหมายถึงรายละเอียดและจุดดี หรือจุดบกพล่อง ตามความเห็นของทุกท่านนะครับ

เช่น คำๆ ไหน ที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการตีความในศาล

ตรงไหน คำไหน ที่เอื้อต้อการตีความให้ผิดเพี้ยนไปได้

หรือตรงไหน ที่ทำให้รู้สึกว่า เราควรต้องยกเลิกมันเสีย

 

ผมอยากทราบเป็นความเห็นนะครับ ไม่ใช่การอ้างข้อมูลมา

เพราะพูดตามตรงว่า ในข้อมูลเหล่านั้น มันสามารถใช้อ้างเข้าฝ่ายตนได้ทั้งสิ้น

เอาแค่สิ่งที่คุณเข้าใจ เพื่อประโยชน์ในการถกเถียงกันข้างหน้า

 

ส่วนตัวผม ผมกำลังพยายามหาเวลาอ่านจากในกระทู้ของคุณ bird อยู่เหมือนกัน

เพราะดูจะเป็นข้อมูลรายละเอียดที่ดีทีเดียว

หากแต่ข้อมูลนั้น ดูจะขัดกันกับความเห็นของเพื่อนสมาชิกเสื้อเหลือง

จึงขอเปิดกระทู้นี้ โดยหวังการถกเถียงที่มากไปกว่าคำกล่าวหา โดยไม่มีข้ออ้างอิงและเหตุผล

 

ถ้าเป็นไปได้ จะพูดถึงรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ไปอีกด้วยก็ได้นะครับ

หากจะสามารถชี้ชัดได้ ว่าการกระทำใดๆ ของฝ่ายการเมืองฝั่งไหน

ที่ทำเพื่อการขายชาติ หรือปกป้องดินแดน

เพื่อที่ผมและเพื่อนสมาชิกท่านอื่นจะสามารถเข้าใจกับมันได้ 

 

**ขอความกรุณานักกระแนะกระแหนและการประชดประชัน

หรือการเอาแต่ชี้หน้าด่าอย่างเดียวโดยไม่พูดถึงเหตุผลรายละเอียดไว้

 

หากเพื่อนเสื้อเหลืองท่านอื่นๆ ในห้องยา จะสามารถเข้ามาให้ความรู้

ผมก็ต้องขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าครับ

 

ขอขอบพระคุณคุณ bird ที่ตั้งกระทู้เพื่อนำเสนอรายละเอียดเพื่อความเข้าใจ

สัญญาว่าจะพยายามเข้าไปอ่านครับ


Edited by tonythebest, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:41.

ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#2 korkang

korkang

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,879 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:26

กระทู้นี้ สร้างสรรค์ดีครับ ผมก็อยากรู้และร่วมหาข้อมูลด้วย ว่า MOU43 ไม่ดียังไง



#3 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:44

อันนี้ทางพันธมิตรกล่าวหา

 

http://www.manager.c...D=9530000109232

 

" สรุปสาระสำคัญของข้อ ค. คือให้ใช้แผนที่ของฝรั่งเศส
       
       ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธมาโดยตลอดว่า MOU 43 ไม่ได้มีระบุเรื่องการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 แต่สิ่งที่ยืนยันความจริงได้เป็นอย่างดีก็คือ หนังสือของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต 0603/1574 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2543 เรื่องผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งที่สอง ที่ส่งมาให้ “นายชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นรับทราบ จากนั้น “นายวรากรณ์ สามโกเศศ” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้รับทราบและลงนาม
       
       โดยหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศฉบับดังกล่าวระบุเอาไว้ชัดเจนว่าพื้นฐานทางกฎหมายการสำรวจและปักหลักเขตแดนทางบกจะดำเนินการได้โดยใช้เอกสารหลักฐานที่ผูกพันไทยและกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ คืออนุสัญญาฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 2447 และสนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 2450 กับพิธีศาลแนบท้าย และแผนที่แสดงเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา มาตรา 1:200,000 (ดูภาพประกอบ) จากนั้นจึงนำไปสู่การลงนามร่วมกันในการทำ MOU 43 ที่ลงนามโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร กับนายวาร์ คิม ฮง
       
       นี่คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
       
       ขณะเดียวกันการที่นายอภิสิทธิ์อธิบายว่า คำว่า แผนที่ Maps มี S แปลว่ามีหลายระวาง และประเทศไทยยอมรับบางระวางได้ และไม่ยอมรับบางระวางได้ แต่ความจริงก็คือ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ ระบุอย่างชัดเจนว่าไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสทุกระวาง
       
       นั่นแสดงว่า Map มี S ไม่มี S ไม่มีความหมาย เพราะว่าเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสทุกระวาง รวมทั้งระวางดงรักของปราสาทเขาพระวิหารด้วย "

 



#4 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:46

ส่วนทาง ปชป.อ้างว่า แผนที่ Maps มี S แปลว่ามีหลายระวาง และประเทศไทยยอมรับบางระวางได้ และไม่ยอมรับบางระวางได้



#5 korkang

korkang

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,879 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:57

ขณะเดียวกันการที่นายอภิสิทธิ์อธิบายว่า คำว่า แผนที่ Maps มี S แปลว่ามีหลายระวาง และประเทศไทยยอมรับบางระวางได้ และไม่ยอมรับบางระวางได้ แต่ความจริงก็คือ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ ระบุอย่างชัดเจนว่าไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสทุกระวาง

 

มีรายละเอียดตรงนี้ไหมครับ



#6 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:20

ขณะเดียวกันการที่นายอภิสิทธิ์อธิบายว่า คำว่า แผนที่ Maps มี S แปลว่ามีหลายระวาง และประเทศไทยยอมรับบางระวางได้ และไม่ยอมรับบางระวางได้ แต่ความจริงก็คือ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ ระบุอย่างชัดเจนว่าไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสทุกระวาง

 

มีรายละเอียดตรงนี้ไหมครับ

 

 

ตรงนี้ผมไม่มี แต่มีที่เขมรออกมาพูดถึงตรงนี้

 

เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกคำประกาศตอบโต้หนังสือเรียกร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีขอให้กัมพูชาถอดธงชาติออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยกัมพูชาตอบโด้ว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ยอมรับไม่ได้และเหยียดหยามกัมพูชา กัมพูชายกอ้างแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ จำนวน ๑๑ ระวาง ซึ่งหมายรวมถึง ตอนที่ ๖ ดงรัก ว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศส อ้างศาลยุติธรรมระหว่างประเทศว่าได้ใช้แผนที่นี้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารกัมพูชา และย้ำว่าวัดแก้วฯ ซึ่งสร้างโดยชาวกัมพูชาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ตั้งอยู่ในแผ่นดินกัมพูชา ธงชาติจึงโบกสะบัดเหนือวัดแก้วฯ โดยถูกกฎหมาย ทั้งระบุว่าไทยได้ยอมรับแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐  เป็นหลักฐานทางกฎหมายในการสำรวจและจัดทำหลักเขต ตาม MOU 43 ข้อ ๑ (ค)  กัมพูชากล่าวหาว่าแถลงการณ์ของนายอภิสิทธิ์และการซ้อมรบที่ริมชายแดน เป็นการยั่วยุและสร้างเหตุจะทำสงครามกับกัมพูชา และกัมพูชามีสิทธิ์ปกป้องตนเอง ฟิฟทีนมูฟแปลและเรียบเรียงตรงตัว ดังนี้

 

http://www.15thmove....mou43-wat-keaw/



#7 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:30

ขณะเดียวกันการที่นายอภิสิทธิ์อธิบายว่า คำว่า แผนที่ Maps มี S แปลว่ามีหลายระวาง และประเทศไทยยอมรับบางระวางได้ และไม่ยอมรับบางระวางได้ แต่ความจริงก็คือ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ ระบุอย่างชัดเจนว่าไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสทุกระวาง

 

มีรายละเอียดตรงนี้ไหมครับ

 

 

ตรงนี้ผมไม่มี แต่มีที่เขมรออกมาพูดถึงตรงนี้

 

เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกคำประกาศตอบโต้หนังสือเรียกร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีขอให้กัมพูชาถอดธงชาติออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยกัมพูชาตอบโด้ว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ยอมรับไม่ได้และเหยียดหยามกัมพูชา กัมพูชายกอ้างแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ จำนวน ๑๑ ระวาง ซึ่งหมายรวมถึง ตอนที่ ๖ ดงรัก ว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศส อ้างศาลยุติธรรมระหว่างประเทศว่าได้ใช้แผนที่นี้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารกัมพูชา และย้ำว่าวัดแก้วฯ ซึ่งสร้างโดยชาวกัมพูชาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ตั้งอยู่ในแผ่นดินกัมพูชา ธงชาติจึงโบกสะบัดเหนือวัดแก้วฯ โดยถูกกฎหมาย ทั้งระบุว่าไทยได้ยอมรับแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐  เป็นหลักฐานทางกฎหมายในการสำรวจและจัดทำหลักเขต ตาม MOU 43 ข้อ ๑ (ค)  กัมพูชากล่าวหาว่าแถลงการณ์ของนายอภิสิทธิ์และการซ้อมรบที่ริมชายแดน เป็นการยั่วยุและสร้างเหตุจะทำสงครามกับกัมพูชา และกัมพูชามีสิทธิ์ปกป้องตนเอง ฟิฟทีนมูฟแปลและเรียบเรียงตรงตัว ดังนี้

 

http://www.15thmove....mou43-wat-keaw/

 

จากกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ที่กำลังรอการชี้ขาดจากศาลโลกในเดือนตุลาคมถึงธันวาคมนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ ขอนำ ข้อมูลที่ประชาชนไทยควรทราบเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารและการเจรจาเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทาง กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือแจกจ่ายให้แก่ประชาชนได้รับทราบข้อมูลในเรื่องปราสาทเขาพระวิหารตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เริ่มกันที่ ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ปราสาทดังกล่าวเป็นปราสาทโบราณตามแบบศิลปะขอม ตั้งอยู่บนภูเขาเทือกเขาพนมดงรัก บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตรงข้ามบ้านภูมิซรอล ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตัวปราสาทไล่เรียงเป็นชั้น ๆ เป็นทางยาวตามแกนทิศเหนือ-ใต้ เริ่มจากเชิงเขาด้านล่างทางทิศเหนือไปจนสุดยอดเขา ซึ่งสูงห่างจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 646 เมตร

ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ปราสาทพระวิหารสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 เพื่อเป็นศาสนสถานตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกายที่นับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด ถือเป็นร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองและวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต และยังสะท้อนถึงความสำคัญของปราสาทที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างผู้คนในชุมชนโบราณในดินแดนแถบนี้มาแต่บรรพกาล

ในส่วนของ สนธิสัญญากำหนดเขตแดน สยาม-ฝรั่งเศส มีประวัติการกำหนดเขตแดน ระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส ดังนี้ วิกฤติการณ์ปากน้ำ ร.ศ.112 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ.1893 ฝรั่งเศสได้ส่งเรือรบ 2 ลำ ฝ่าป้อมพระจุลที่เมืองปากน้ำ เอาปืนเรือข่มขู่ขึ้นตั้งเล็งจะระดมยิงพระบรมมหาราชวัง ผลคือ สยามตกลงทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ที่ต้องสละประเทศราช ได้แก่ ดินแดนลาว คือ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขง รวมทั้งเกาะแก่ง ตลอดจนต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ฝรั่งเศส 2 ล้านฟรังก์ ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ลงวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ.1893

อนุสัญญา ค.ศ.1904 วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1904 สยามตกลงทำอนุสัญญา ค.ศ.1904 สละดินแดนประเทศราช “ไซยะบูลี” (ตรงข้ามหลวงพระบาง) “จำปาศักดิ์” (รวมทั้งปราสาทวัดพู) และ “เมืองมโนไพร” ทางด้านฝั่งขวาของแม่น้ำโขงสุดเทือกเขาพนมดงรักไปอีก โดยอนุสัญญา ค.ศ.1904 นี้ ได้กำหนดว่าเขตแดนสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส แบ่งโดยใช้ “สันปันน้ำ” (ข้อ1) กับให้มีการตั้ง “ข้าหลวงผสม (สยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส)” ทำการกำหนดเขตแดนหรือแผนที่ (ข้อ 3) อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะตกลงกันได้ดังนี้ ฝรั่งเศสก็ยังคงยึดเมืองด่านซ้าย (จังหวัดเลย) กับเมืองตราดไว้เป็นประกันต่อไปอีก 3 ปี อนุสัญญานี้กำหนดเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหารด้วย

สนธิสัญญา ค.ศ.1907 วันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1907 สืบเนื่องจากอนุสัญญา ค.ศ.1904 (ข้อ 1และ2) สยามยกเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้กับอินโดจีนฝรั่งเศส เพื่อแลกกับเมืองด่านซ้ายและเมืองตราดตลอดจนเกาะทั้งหลายใต้แหลมจนถึงเกาะกูด

ปัจจุบันประเทศไทยมีเขตแดนทางบกร่วมกับกัมพูชา 798 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักหลักเขตแดน 195 กิโลเมตร (ตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ.1907) และพื้นที่ที่ปักหลักเขตแดนแล้ว (จำนวน 73 หลัก) 603 กิโลเมตร (หลักเขตที่ 1 ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ-หลักเขตที่ 73 บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ตามสนธิสัญญา ค.ศ.1907) พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตแดนช่วงที่ไม่มีการปักหลักเขตแดน (195 กิโลเมตร) ซึ่งอนุสัญญา ค.ศ.1904 กำหนดให้เส้นเขตแดนบริเวณนี้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก

คณะกรรมการปักปันผสมตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 นี้ ฝ่ายฝรั่งเศส นำโดยพันตรีแบร์นาร์ดและฝ่ายสยาม นำโดย พลตรีหม่อมชาติเดชอุดม ได้มีการพบกันครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1907 โดยขณะนั้นเจ้าหน้าที่จัดทำแผนที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น โดยเมื่อฝ่ายฝรั่งเศสได้นำผลสำรวจกลับไปจัดทำแผนที่ประเทศฝรั่งเศสแล้วส่งแผนที่ที่จัดทำ (แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000) ให้ประเทศไทยในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1908 จำนวน 11 ระวางนั้น แผนที่ดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการปักปันผสมตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 เพราะคณะกรรมการปักปันผสมชุดนี้ ได้สลายตัวไปก่อนที่แผนที่ชุดดังกล่าวจะจัดพิมพ์เสร็จ

 

 

http://www.dailynews...e/176699/176712

 

 

(ค) แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีนซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส”

 

กัมพูชาตกหลุมพรางประชาธิปัตย์แล้ว ตรงคำว่า"ผลงาน"ครับ

 

http://www.dailynews...e/176699/176984


Edited by Stargate-1, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:42.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#8 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:34

ตรงนี้ แสดงว่าคำกล่าวของสองประเทศขัดแย้งกัน

ตรงที่เขมรอ้างว่า ไทยยอมรับแผนที่ทุกฉบับ ตาม mou43 ไปแล้ว

ในขณะที่ไทยอ้างว่า ยอมรับไปเพียงบางฉบับ เว้นแต่คำอ้างของพี่กรกชที่ว่า

เอกสารของกระทรวงต่างประเทศ บอกยอมรับทุกฉบับ

 

ผมเข้าใจถูกต้องมั๊ยครับ


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#9 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:42

ตรงนี้ แสดงว่าคำกล่าวของสองประเทศขัดแย้งกัน

ตรงที่เขมรอ้างว่า ไทยยอมรับแผนที่ทุกฉบับ ตาม mou43 ไปแล้ว

ในขณะที่ไทยอ้างว่า ยอมรับไปเพียงบางฉบับ เว้นแต่คำอ้างของพี่กรกชที่ว่า

เอกสารของกระทรวงต่างประเทศ บอกยอมรับทุกฉบับ

 

ผมเข้าใจถูกต้องมั๊ยครับ

 

 

ก็น่าจะเข้าใจถูก แต่ทีนี้มันสำคัญที่คำตัดสินของศาลนะสิ ว่าเขาก็จะตีความตามข้อตกลงยังไง

คือใครๆจะอ้างยังไงก็ได้ แต่มันอยู่ที่คนพิจารณา และมันก็ไม่มีอะไรยืนยันหรือให้ความเชื่อมั่นได้ว่า

 

ศาลจะตีความเป็นประโยชน์กับไทย

 

ถึงตรงนี้ผมก็พอเข้าใจถึงเจตนาของคนที่ออกมาทักท้วงละ



#10 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:55

ผมผ่านตามาในเรื่องแผนที่ 1:200000 ว่ามีหลายฉบับ

ตรงนี้ ไม่ทราบท่านใดมีรายละเอียดอย่างไรครับ

เพราะเท่าที่จำได้ ดูเหมือน 1;200,000 เหมือนกัน แต่การตีเส้นไม่เหมือนกัน

โดยที่ไทยเรายึดถึงแนวสันปันน้ำ ในขณะที่ฝรั่งเศส ไม่ได้ยึดตาม

ซึ่งหมายความว่า หากเรานำเรื่องสันปันน้ำไปอ้างอิงในศาล

ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับทางเรา เพราะการกำหนดโดยแนวสันปันน้ำ

เป็นธรรมเนียมปกติ ที่นานาประเทศทำกัน


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#11 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:57

เพราะหากการตัดสินของศาลกล่าวอ้างไปเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายเขมร

ไทยเราก็สามารถนำแนวสันปันน้ำมาอ้างอิงได้

เหมือนการกล่าวหา ที่ต้องการการรับสารภาพ

เมื่อฝ่ายจำเลยไม่รับสารภาพ ก็ควรต้องสืบพยานหาหลักฐาน

ดังนั้น แนวสันปันน้ำ ก็จะเป็นหลักฐานชั้นดีได้ ไม่ใช่หรือครับ

(ขออภัย อันนี้ผมพูดจากความเข้าใจน้อยๆ ของผมครับ)

:(


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#12 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:58

4875077215_3a6a25f25a_b.jpg

 

 

 

หนึ่งในผู้ที่มีความพยายามและน่าชื่นชมที่ทุ่มเทค้นหาความจริง คือเพื่อนในเฟสบุ๊คคนหนึ่ง ชื่อ Chayut Ratanapong ได้เขียนบทความลงในเฟสบุ๊คของตัวเองชื่อ “แผนที่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1908 จงใจเลื่อนตำแหน่งเขาพระวิหารหรือไม่? ซึ่งได้นำแผนที่ของกัมพูชาซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียวซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1908 มาเทียบกับเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมของกูเกิล เอิร์ธ แล้วพบว่า:
       
       แผนที่ดังกล่าวเป็นแผนที่ซึ่งไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ โดยเฉพาะแนวสันปันน้ำตามแนวหน้าผาในระวางดงรักนั้นคาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก เป็นผลทำให้แผนที่ซึ่งจัดทำโดยฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียวผิดพลาดห่างจาก “สันปันน้ำและหน้าผาจริง” กินเข้ามาในดินแดนไทยถึง 4.49 กิโลเมตร ในขณะที่บางจุดก่อนถึงช่องสะงำผิดพลาดกินล้ำเข้ามาในดินแดนไทยไปถึง 9.78 กิโลเมตร โดย ขออนุญาตนำความบางตอนที่สำคัญในบทความของ Chayut Ratanapong ดังนี้
 

ระวางดงรัก1.jpg

 

ภาพแสดงเปรียบเทียบ เส้นสีแดงได้มาจาก กูเกิล เอิรธ์ วัดตำแหน่งเส้นรุ้งและเส้นแวง เทียบกับแนวหน้าผาและเส้นเขตแดนตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งเป็นเท็จและไม่สามารถยึดตามแผนที่ของฝรั่งเศสได้ blank.gif        โดยในภาพนี้อธิบายสีของแต่ละเส้นดังนี้คือ เส้นสีเทาแนวนอน: เส้นรุ้ง(Latitude) 14 องศา 20 ลิปดา เหนือ (N), เส้นสีเทาแนวตั้ง: เส้นแวง(Longitude) 104 องศา 40 ลิปดาตะวันออก(E) , เส้นสีม่วง: เส้นเขตแดนประเทศที่ฝรั่งเศสเขียนคลาดเคลื่อน, เส้นสีแดง: แนวขอบหน้าผาต่างระดับตามภูมิประเทศจริง, เส้นสีน้ำเงิน: หน้าผาเป้ยตาดีจริงแตกต่างกับหน้าผาเป้ยตาดีในแผนที่ 1.98 km, เส้นสีฟ้าอมเขียว: หน้าผาเป้ยตาดีในแผนที่แตกต่างกับเส้นเขตแดนในแผนที่ 2.51 km, รวมเส้นสีน้ำเงินและเส้นสีฟ้าอมเขียว เป็นระยะทาง 4.49 km
       
       เส้นสีแดงคือแนวขอบหน้าผาต่างระดับที่น่าจะตรงกับคำว่า "จนบรรจบภูเขาผาต่าง" ใน ข้อ 1 ของอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เส้นสีแดงนี้ได้มาจากภาพแผนที่ของ Google Earth ซึ่งถ่ายระยะไกลจากดาวเทียมด้วยความละเอียดสูง จึงมีความแม่นยำมากกว่าแผนที่ทหาร (Datum: Indian Thailand) มาตราส่วน 1: 50,000
       
        เมื่อเทียบระยะกับเส้นรุ้ง-เส้นแวง ก็สังเกตได้ชัดว่า เส้นชั้นความสูงที่เป็นรูปร่างของเขาพระวิหารนั้น ถูกฝรั่งเศสเขียนให้ผิดตำแหน่ง โดยหน้าผาเป้ยตาดีผิดตำแหน่งจาก Latitude 14 องศา 23.3794 ลิปดา เป็น 14 องศา 24.3616 ลิปดา ซึ่งล้ำดินแดนสยาม 1.98 กิโลเมตร
       
       ฝรั่งเศสเขียนเส้นเขตแดนโดยเทียบระยะกับรูปร่างของภาพที่เป็นแนวหน้าผา … เมื่อแนวหน้าผาล้ำดินแดนขึ้นมาในแนว Latitude แนวเส้นเขตแดนจึงย่อมล้ำดินแดนขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเขียนเส้นเขตแดนบริเวณเขาพระวิหารล้ำแนวเป้ยตาดีเข้ามาในดินแดนสยาม 2.51 กิโลเมตร
       
       การเขียนรูปร่างภูมิประเทศให้ผิดตำแหน่ง Latitude เช่นนี้ ฝรั่งเศสจะจงใจหรือไม่ก็ตาม แต่มีผลให้รู้สึกว่า แนวเส้นเขตแดนล้ำดินแดนสยามไม่มาก … แต่ในการปักปันเขตแดนจำต้องปักหลักเขตแดนตาม Coordinate ของเส้นรุ้งเส้นแวง ฉะนั้น เส้นเขตแดนในแผนที่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1908 จึงล้ำเป้ยตาดีเข้ามาในดินแดนไทยมากถึง 4.49 กิโลเมตร
       
       ถ้าใช้หลักการนี้ ก็จะพบว่าบางพื้นที่อย่างเช่นกรณีใกล้ๆกับช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ แผนที่ของฝรั่งเศสผิดพลาดจากแผนที่ตาม กูเกิล เอิรธ์ ถึง 9.78 กิโลเมตร

 

ระวางดงรัก2.jpg

 

ภาพแสดง ตำแหน่งที่แท้จริงของเส้นเขตแดนตาม กูเกิล เอิรธ์ (สีแดง)ระวางดงรัก เทียบกับ เส้นเขตแดนตามแผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 ของฝรั่งเศส (สีม่วง) blank.gif     blank.gif


Edited by Stargate-1, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:40.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#13 korkang

korkang

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,879 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:59

ขณะเดียวกันการที่นายอภิสิทธิ์อธิบายว่า คำว่า แผนที่ Maps มี S แปลว่ามีหลายระวาง และประเทศไทยยอมรับบางระวางได้ และไม่ยอมรับบางระวางได้ แต่ความจริงก็คือ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ ระบุอย่างชัดเจนว่าไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสทุกระวาง

 

มีรายละเอียดตรงนี้ไหมครับ

 

 

ตรงนี้ผมไม่มี แต่มีที่เขมรออกมาพูดถึงตรงนี้

 

เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกคำประกาศตอบโต้หนังสือเรียกร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีขอให้กัมพูชาถอดธงชาติออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยกัมพูชาตอบโด้ว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ยอมรับไม่ได้และเหยียดหยามกัมพูชา กัมพูชายกอ้างแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ จำนวน ๑๑ ระวาง ซึ่งหมายรวมถึง ตอนที่ ๖ ดงรัก ว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศส อ้างศาลยุติธรรมระหว่างประเทศว่าได้ใช้แผนที่นี้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารกัมพูชา และย้ำว่าวัดแก้วฯ ซึ่งสร้างโดยชาวกัมพูชาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ตั้งอยู่ในแผ่นดินกัมพูชา ธงชาติจึงโบกสะบัดเหนือวัดแก้วฯ โดยถูกกฎหมาย ทั้งระบุว่าไทยได้ยอมรับแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐  เป็นหลักฐานทางกฎหมายในการสำรวจและจัดทำหลักเขต ตาม MOU 43 ข้อ ๑ (ค)  กัมพูชากล่าวหาว่าแถลงการณ์ของนายอภิสิทธิ์และการซ้อมรบที่ริมชายแดน เป็นการยั่วยุและสร้างเหตุจะทำสงครามกับกัมพูชา และกัมพูชามีสิทธิ์ปกป้องตนเอง ฟิฟทีนมูฟแปลและเรียบเรียงตรงตัว ดังนี้

 

http://www.15thmove....mou43-wat-keaw/

ผมว่าหาหนังสือฉบับนี้ดีกว่านะครับ จะได้ชัดเจนไปเลย ไม่งั้นก็ยังไม่ชัดเจน เพราะฟังเขมรพูดฝ่ายเดียว



#14 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:01

 

 

ผมผ่านตามาในเรื่องแผนที่ 1:200000 ว่ามีหลายฉบับ

ตรงนี้ ไม่ทราบท่านใดมีรายละเอียดอย่างไรครับ

เพราะเท่าที่จำได้ ดูเหมือน 1;200,000 เหมือนกัน แต่การตีเส้นไม่เหมือนกัน

โดยที่ไทยเรายึดถึงแนวสันปันน้ำ ในขณะที่ฝรั่งเศส ไม่ได้ยึดตาม

ซึ่งหมายความว่า หากเรานำเรื่องสันปันน้ำไปอ้างอิงในศาล

ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับทางเรา เพราะการกำหนดโดยแนวสันปันน้ำ

เป็นธรรมเนียมปกติ ที่นานาประเทศทำกัน

 

 

พี่โทนี่ดูปราสาทพระวิหารสิ ที่ตั้งอยู่แบบนั้น ผมว่าเด็กอนุบาลก็ต้องมองรู้ว่าสมควรเป็นของประเทศไหน

แต่ศาลโลกก็ตัดสินให้เป็นของเขมรหน้าตาเฉย ผมก็เลยไม่รู้ว่าสันปันน้ำของศาลโลกเขาเอามาตรฐานจากตรงไหนมาวัด



#15 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:06

ขณะเดียวกันการที่นายอภิสิทธิ์อธิบายว่า คำว่า แผนที่ Maps มี S แปลว่ามีหลายระวาง และประเทศไทยยอมรับบางระวางได้ และไม่ยอมรับบางระวางได้ แต่ความจริงก็คือ เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ ระบุอย่างชัดเจนว่าไทยยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสทุกระวาง

 

มีรายละเอียดตรงนี้ไหมครับ

 

 

ตรงนี้ผมไม่มี แต่มีที่เขมรออกมาพูดถึงตรงนี้

 

เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกคำประกาศตอบโต้หนังสือเรียกร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีขอให้กัมพูชาถอดธงชาติออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยกัมพูชาตอบโด้ว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ยอมรับไม่ได้และเหยียดหยามกัมพูชา กัมพูชายกอ้างแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐ จำนวน ๑๑ ระวาง ซึ่งหมายรวมถึง ตอนที่ ๖ ดงรัก ว่าเป็นผลงานของคณะกรรมการผสมสยาม-ฝรั่งเศส อ้างศาลยุติธรรมระหว่างประเทศว่าได้ใช้แผนที่นี้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารกัมพูชา และย้ำว่าวัดแก้วฯ ซึ่งสร้างโดยชาวกัมพูชาในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ตั้งอยู่ในแผ่นดินกัมพูชา ธงชาติจึงโบกสะบัดเหนือวัดแก้วฯ โดยถูกกฎหมาย ทั้งระบุว่าไทยได้ยอมรับแผนที่ ๑:๒๐๐,๐๐๐  เป็นหลักฐานทางกฎหมายในการสำรวจและจัดทำหลักเขต ตาม MOU 43 ข้อ ๑ (ค)  กัมพูชากล่าวหาว่าแถลงการณ์ของนายอภิสิทธิ์และการซ้อมรบที่ริมชายแดน เป็นการยั่วยุและสร้างเหตุจะทำสงครามกับกัมพูชา และกัมพูชามีสิทธิ์ปกป้องตนเอง ฟิฟทีนมูฟแปลและเรียบเรียงตรงตัว ดังนี้

 

http://www.15thmove....mou43-wat-keaw/

ผมว่าหาหนังสือฉบับนี้ดีกว่านะครับ จะได้ชัดเจนไปเลย ไม่งั้นก็ยังไม่ชัดเจน เพราะฟังเขมรพูดฝ่ายเดียว

 

 

ไม่ใช่เขมรพูดฝ่ายเดียว แต่ไทยก็พูดด้วย แต่มันสำคัญที่คนตัดสินคือ ศาลโลก ว่าเขาจะตัดสินไปทางไหน ตีความตาม MOU43 ไปทางไหน



#16 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:10

เรื่องนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งสงสัยว่า ปชป.กอด MOU ทำไม ?  ไปศาลโลกทำไม ?

มีอะไรการันตีได้ว่า ศาลโลกจะตัดสินให้ไทยไม่เสียดินแดน ?

 

 

 


  • OSR likes this

#17 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:15

แผนที่
 
"ปราสาทพระวิหาร" ใน "แผนที่" (Mapping)
"ปราสาทพระวิหาร" ศาสนสถานในคติความเชื่อแบบเขมร-ฮินดู พุทธศตวรรษที่ 14 บนเทือกเขาพนมดองเร็ก สู่ความขัดแย้งในยุครัฐประชาชาติ(ประเทศ) ทีใช้ "แผนที่"(Mapping) เป็นเครื่องมือในการสร้าง "เส้นแยกเขตแดน"
  by ศุภศรุต :

416203.jpg
แผนที่ ตามอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 1904
 
416204.jpg
ระวางแผนที่ทั้ง 5 1904-1907
 
416205.jpg
ระวางแผนที่ทั้ง 6 1904-1907
 

416206.jpg
แผนที่ ตามสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนดินแดน 1907-1908
 
416207.jpg
แผนที่ระวางดองเร็ก 1908
 
416208.jpg
แผนที่ระวางโขง 1908
 

416209.jpg
แผนที่อเมริกา(สันปันน้ำ) ไทย-อินโดจีน 1954
 
416210.jpg
แผนที่กรมแผนที่ทหาร 1954
 
416211.jpg
แผนผังแสดงการกำหนดอาณาเขตของปราสาทพระวิหาร ปี 1962
 

416212.jpg
แผนที่ L708 กรมแผนที่ทหาร 1965 ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตกัมพูชา
 
416214.jpg
แผนที่ L7017 ประมาณปี 1975 ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตกัมพูชา
 
416215.jpg
แผนที่ L7018 ปี 2007 ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2505
 

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#18 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:19

ปัญหา มันอยู่ที่ตัดตัดสิน ตีความของศาลไม่ใช่หรือครับพี่

มันเหมือนหลักฐานชิ้นเดียวกัน แต่อยู่ที่จะนำไปตีความเข้าตัวเอง

หากยกเลิกไป มันจะไม่หมายความไปถึงการตีความโดยวิธีอื่นหรือครับ

 

ผมลองสมมุติโง่ๆ ในแบบของผมดูนะครับ

เช่น

ศาลตัดสินให้ปราสาทเป็นของเขมร

ดังนั้น ที่ดินใต้ปราสาท ก็ควรเป็นของเขมร

หรือ การที่มีชาวเขมรมาหากิน หรือสร้างวัดได้ โดยไทยไม่ได้ทักท้วง

นั่นแสดงว่าไทยยอมรับว่าเป็นที่ของเขมร

 
หรือเหตุผลอ้างอิงอื่นใดไปได้อีก 108 ที่เราจะสามารถนำมาอ้างอิงได้อีก
ในขณะที่ mou43 จะคงเหลือไว้แต่การตีความและการต่อสู้คำตัดสิน หากการตีความไม่อ้างอิงหลักการใดๆ
เช่นสันปันน้ำ
 
มันไม่ง่ายกว่าหรอกหรือครับ
รวมไปถึง การตีความที่พี่บอก นั่นก็หมายความว่า มันยังอยู่ในระดับ 50:50
แต่เรายังมีทางอื่นหลังจากการตีความที่หากไม่เข้าทางได้อีก

ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#19 korkang

korkang

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,879 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:21

เรื่องนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งสงสัยว่า ปชป.กอด MOU ทำไม ?  ไปศาลโลกทำไม ?

มีอะไรการันตีได้ว่า ศาลโลกจะตัดสินให้ไทยไม่เสียดินแดน ?

 

 

 

ปชป.ไม่ยกเลิก เพราะเห็นว่า จะไม่สามารถสร้างความชัดเจนในเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทย มีผลทำให้ประเด็นเขตแดน เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งต่อไปน่ะซิ



#20 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:21

แล้วถ้าเรายกเลิก mou43 ไปแล้ว

ผลตามหลังมาจะดีกว่าอย่างไรครับ


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#21 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:24

 

ปัญหา มันอยู่ที่ตัดตัดสิน ตีความของศาลไม่ใช่หรือครับพี่

มันเหมือนหลักฐานชิ้นเดียวกัน แต่อยู่ที่จะนำไปตีความเข้าตัวเอง

หากยกเลิกไป มันจะไม่หมายความไปถึงการตีความโดยวิธีอื่นหรือครับ

 

ผมลองสมมุติโง่ๆ ในแบบของผมดูนะครับ

เช่น

ศาลตัดสินให้ปราสาทเป็นของเขมร

ดังนั้น ที่ดินใต้ปราสาท ก็ควรเป็นของเขมร

หรือ การที่มีชาวเขมรมาหากิน หรือสร้างวัดได้ โดยไทยไม่ได้ทักท้วง

นั่นแสดงว่าไทยยอมรับว่าเป็นที่ของเขมร

 
หรือเหตุผลอ้างอิงอื่นใดไปได้อีก 108 ที่เราจะสามารถนำมาอ้างอิงได้อีก
ในขณะที่ mou43 จะคงเหลือไว้แต่การตีความและการต่อสู้คำตัดสิน หากการตีความไม่อ้างอิงหลักการใดๆ
เช่นสันปันน้ำ
 
มันไม่ง่ายกว่าหรอกหรือครับ
รวมไปถึง การตีความที่พี่บอก นั่นก็หมายความว่า มันยังอยู่ในระดับ 50:50
แต่เรายังมีทางอื่นหลังจากการตีความที่หากไม่เข้าทางได้อีก

 

 

ก็ในเมื่อเราไม่มีอะไรการันตีได้ว่า ศาลโลกจะไม่ตัดสินให้ไทยเสียดินแดน แล้วเราไปศาลโลกทำไม ? ไปเสี่ยงกับการเสียดินแดนทำไม ?


Edited by กรกช, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:31.


#22 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:30

เรื่องนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งสงสัยว่า ปชป.กอด MOU ทำไม ?  ไปศาลโลกทำไม ?

มีอะไรการันตีได้ว่า ศาลโลกจะตัดสินให้ไทยไม่เสียดินแดน ?

 

 

 

ปชป.ไม่ยกเลิก เพราะเห็นว่า จะไม่สามารถสร้างความชัดเจนในเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทย มีผลทำให้ประเด็นเขตแดน เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งต่อไปน่ะซิ

 

ไทยปักปันเขตแดนมา 100 กว่าปีแล้ว ตรงไหนสูญหายก็สำรวจหาหลักเขตที่แท้จริง

แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการที่ทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน



#23 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:32

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#24 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:33

แล้วถ้าเรายกเลิก mou43 ไปแล้ว

ผลตามหลังมาจะดีกว่าอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้รายละเอียดตรงนี้ แต่คงดีกว่าแน่นอนเพราะเราไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

เมื่อก่อนไม่มี MOU43 ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขมรยิงใส่เราโครมๆไม่เห็น MOU43 จะช่วยอะไรได้ 



#25 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:33

รัฐบาลต้องรณรงค์ในหมู่นักวิชาการทั่วโลก ตามนโยบายปิดล้อมประเทศที่รัฐบาลนี้ถนัด รณรงค์เรื่องการตีความสันปันน้ำตามอนุสัญญาปี 1904 และ สนธิสัญญาปี 1907

 

เลือกทำในประเทศที่มีผลต่อการตัดสินของศาลโลก เพื่อใช้มติชาวโลกปิดล้อมกัมพูชาโดยนักวิชาการ  


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#26 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:37

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ



#27 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:42

แล้วถ้าเรายกเลิก mou43 ไปแล้ว

ผลตามหลังมาจะดีกว่าอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้รายละเอียดตรงนี้ แต่คงดีกว่าแน่นอนเพราะเราไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

เมื่อก่อนไม่มี MOU43 ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขมรยิงใส่เราโครมๆไม่เห็น MOU43 จะช่วยอะไรได้ 

 

 

ถ้าเช่นนั้น

ผมอ่านๆ ดู ประเด็นมันไม่น่าจะเป็นเรื่องของ mou แล้วนะครับ

ไม่ว่าเราจะเซ็นอะไร หรือไม่เซ็นอะไร

ปัญหาน่าจะอยู่ที่สัน ด านเขมร เสียมากกว่า

ไม่ใช่หรือครับ

 

ที่คอยเอาเปรียบและตอดเล็กตอดน้อย


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#28 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:48

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#29 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:52

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ

 

 

ดีกว่าสิครับ เพราะไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน



#30 ypk

ypk

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,173 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:52

เหอ เหอ เหอ  ถ้าเขมรเขาบอกว่าเรายอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตาม MOU 43

จริง เขาก็คงพูดตาม พันธมิตร นั่นแหละ เพราะ MOU ทำมาตั้งแต่ปี 43 เขมรไม่เคย

ยกมาอ้างเลย 5555

 

เขมรไปฟ้องศาลโลก มันไม่เกี่ยวกับ MOU 43 นะ น้ากรกช เขาไปฟ้องให้ตีความเรื่อง

แผนที่ที่เขาเคยฟ้องไปแล้ว แต่ศาลไม่พิจารณาเพราะศาลก็คงรู้อยู่แก่ใจแหละว่ากระบวน

การจัดทำแผนที่มันไม่ถูกต้อง แต่ฮุนเซ็นไปฟ้องใหม่นี่ น้ากรกชไม่คิดในมุมกลับบ้างหรือครับ

ว่าเขาได้ ไอเดียมาจาก ASTV ตอนชุมนุม ที่พยายามบอกไปทั่วโลกว่า ไทยยอมรับแผนที่

1 ต่อ สองแสน ตาม MOU 43  555

 

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไม สนธิ และสาวก ถึงอยากให้อภิสิทธิ์ยอมรับว่าว่า MOU 43 ข้อ ค นั้น

คือการยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ถึงขนาดพยายามไปขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ต่าง ๆ มาอ้าง

อิงจนเลยเถิดไปถึงไหนก็ไม่รู้ แต่ที่น่าขำมาก ๆ ก็คือ เอารัฐธรรมนูญของเขมรมาอ้างอีกต่างหาก

ว่า แผนที่ 1 ต่อ 200000 นี่ เขมรเขาก็เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ  ไอ้ที่พยายามทำทุกอย่างนี่ก็เพื่อ

ให้อภิสิทธิ์ยอมรับให้ได้ว่า ไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 เขาชี้แจงยังไงก็ไม่ฟัง แต่จะฟัง

ฮุนเซ็น คนเดียว ฮุนเซ็น พูดอะไรถูกหมด อภิสิทธิ์ พูดอะไรผิดหมด  ผมงงครับ ไม่รู้ว่าใครกันแน่

ที่ ขายชาติ 

 

น้ากรกชลองคิด เล่น ๆ ก็ได้ครับ ว่า ถ้าไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตาม MOU 43 ข้อ ค

อย่างที่ สนธิ และสาวกปลุกระดมกันจริง แล้วทำไมฮุนเซ็นไม่เอาพื้นที่ไปละครับ มาทะเลาะกับเรา

อยู่หาวิมานอะไร  ทำไม่ต้องไปฟ้องศาลโลกให้ตีความเรื่องพื้นที่รอบปราสาทอีกล่ะ ก็ในเมื่อเรา

ยอมรับแล้วนี่

 

MOU 43 มันเป็นแค่บันทึกข้อตกลงกันเบื้องต้นว่าจะทำอะไรกันอย่างไร มันยังไม่ได้มีการยอมรับอะไร

กันเลย น้ากรกรช ต้องไปถาม ดร สมปอง สนธิ ปานเทพ คำนูณ และบรรดาแกนนำแหละครับว่า ทำไม

อยากให้ MOU 43 มันยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200000 นักหนา  ซึ่งแรก ๆ ผมก็สงสัยมากว่า

ทำไม แต่เมื่อวันก่อนเห็น ASTV เอาเทป ดร สมปอง ที่ไปอธิบายเรื่องการต่อสู้ในศาลโลก ให้กรรมาธิการ

ชื่อคณะอะไรผมจำชื่อไม่ได้ละ มี คำนูณ เป็นกรรมาธิการอยู่ด้วย ผมก็เริ่มถึง บางอ้อ แล้วว่า อ้อ หรือ

มันเป็นเพราะแบบนี้เอง ถึงดูเหมือนว่า อยู่ ดี ๆ ก็จุดชนวน เรื่อง MOU 43 ขึ้นมาซะงั้น

 

555555555



#31 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:52

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

อ๊บๆๆ  :P


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#32 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:55

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ

 

 

ดีกว่าสิครับ เพราะไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

 

ไม่สุ่มเสี่ยงยังคะ ในเมื่อศาลโลกรับคำร้องเขมร ถ้าเราไม่ไปชี้แจงมิเท่ากับเรายอมให้เขมรแสดงหลักฐานฝ่ายเดียวหรือ


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#33 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:00

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ

 

 

ดีกว่าสิครับ เพราะไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

 

ไม่สุ่มเสี่ยงยังคะ ในเมื่อศาลโลกรับคำร้องเขมร ถ้าเราไม่ไปชี้แจงมิเท่ากับเรายอมให้เขมรแสดงหลักฐานฝ่ายเดียวหรือ

 

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี



#34 korkang

korkang

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,879 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:02


เรื่องนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งสงสัยว่า ปชป.กอด MOU ทำไม ?  ไปศาลโลกทำไม ?

มีอะไรการันตีได้ว่า ศาลโลกจะตัดสินให้ไทยไม่เสียดินแดน ?

 

 

 

ปชป.ไม่ยกเลิก เพราะเห็นว่า จะไม่สามารถสร้างความชัดเจนในเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทย มีผลทำให้ประเด็นเขตแดน เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งต่อไปน่ะซิ

 

ไทยปักปันเขตแดนมา 100 กว่าปีแล้ว ตรงไหนสูญหายก็สำรวจหาหลักเขตที่แท้จริง

แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการที่ทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

ปัจจุบันไทยมีเขตแดนทางบกร่วมกับกัมพูชา 798 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักหลักเขตแดน 195 กิโลเมตร แล้วจะไปหาหลักเขตแดนได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้ปัก (ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907) และพื้นที่ที่ปักหลักเขตแดนแล้ว จำนวน 73 หลัก ระยะทาง 603 กิโลเมตร

หลักเขตที่ 1 ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ - หลักเขตที่ 73 บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907

      พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตแดนช่วงที่ไม่มีการปักหลักเขตแดน (195กิโลเมตร) ซึ่งอนสัญญา ค.ศ. 1904 กำหนดให้เส้นเขตแดนบริเวณนี้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก

 

 

cbNiwh.jpg



#35 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:07

เหอ เหอ เหอ  ถ้าเขมรเขาบอกว่าเรายอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตาม MOU 43

จริง เขาก็คงพูดตาม พันธมิตร นั่นแหละ เพราะ MOU ทำมาตั้งแต่ปี 43 เขมรไม่เคย

ยกมาอ้างเลย 5555

 

เขมรไปฟ้องศาลโลก มันไม่เกี่ยวกับ MOU 43 นะ น้ากรกช เขาไปฟ้องให้ตีความเรื่อง

แผนที่ที่เขาเคยฟ้องไปแล้ว แต่ศาลไม่พิจารณาเพราะศาลก็คงรู้อยู่แก่ใจแหละว่ากระบวน

การจัดทำแผนที่มันไม่ถูกต้อง แต่ฮุนเซ็นไปฟ้องใหม่นี่ น้ากรกชไม่คิดในมุมกลับบ้างหรือครับ

ว่าเขาได้ ไอเดียมาจาก ASTV ตอนชุมนุม ที่พยายามบอกไปทั่วโลกว่า ไทยยอมรับแผนที่

1 ต่อ สองแสน ตาม MOU 43  555

 

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไม สนธิ และสาวก ถึงอยากให้อภิสิทธิ์ยอมรับว่าว่า MOU 43 ข้อ ค นั้น

คือการยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ถึงขนาดพยายามไปขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ต่าง ๆ มาอ้าง

อิงจนเลยเถิดไปถึงไหนก็ไม่รู้ แต่ที่น่าขำมาก ๆ ก็คือ เอารัฐธรรมนูญของเขมรมาอ้างอีกต่างหาก

ว่า แผนที่ 1 ต่อ 200000 นี่ เขมรเขาก็เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ  ไอ้ที่พยายามทำทุกอย่างนี่ก็เพื่อ

ให้อภิสิทธิ์ยอมรับให้ได้ว่า ไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 เขาชี้แจงยังไงก็ไม่ฟัง แต่จะฟัง

ฮุนเซ็น คนเดียว ฮุนเซ็น พูดอะไรถูกหมด อภิสิทธิ์ พูดอะไรผิดหมด  ผมงงครับ ไม่รู้ว่าใครกันแน่

ที่ ขายชาติ 

 

น้ากรกชลองคิด เล่น ๆ ก็ได้ครับ ว่า ถ้าไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตาม MOU 43 ข้อ ค

อย่างที่ สนธิ และสาวกปลุกระดมกันจริง แล้วทำไมฮุนเซ็นไม่เอาพื้นที่ไปละครับ มาทะเลาะกับเรา

อยู่หาวิมานอะไร  ทำไม่ต้องไปฟ้องศาลโลกให้ตีความเรื่องพื้นที่รอบปราสาทอีกล่ะ ก็ในเมื่อเรา

ยอมรับแล้วนี่

 

MOU 43 มันเป็นแค่บันทึกข้อตกลงกันเบื้องต้นว่าจะทำอะไรกันอย่างไร มันยังไม่ได้มีการยอมรับอะไร

กันเลย น้ากรกรช ต้องไปถาม ดร สมปอง สนธิ ปานเทพ คำนูณ และบรรดาแกนนำแหละครับว่า ทำไม

อยากให้ MOU 43 มันยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200000 นักหนา  ซึ่งแรก ๆ ผมก็สงสัยมากว่า

ทำไม แต่เมื่อวันก่อนเห็น ASTV เอาเทป ดร สมปอง ที่ไปอธิบายเรื่องการต่อสู้ในศาลโลก ให้กรรมาธิการ

ชื่อคณะอะไรผมจำชื่อไม่ได้ละ มี คำนูณ เป็นกรรมาธิการอยู่ด้วย ผมก็เริ่มถึง บางอ้อ แล้วว่า อ้อ หรือ

มันเป็นเพราะแบบนี้เอง ถึงดูเหมือนว่า อยู่ ดี ๆ ก็จุดชนวน เรื่อง MOU 43 ขึ้นมาซะงั้น

 

555555555

 

 

เรื่อง MOU43 เนี่ย ผมเห็นว่านักวิชาการหลายคนที่มีความรู้ รวมถึงดร.สมปองเองเขาศึกษาและทำงานด้านนี้มานาน

และเขาไม่ได้ฝักใฝ่พรรคการเมืองไหน ผมก็ค่อนข้างจะมีแนวโน้มเชื่อในตัวเขา

คือถ้าเป็นสนธิคิดเอง โจมตีเรื่องนี้เอง ก็ว่าไปอย่าง แถมเจตนาของ ปชป. ก็ส่อเจตนาไม่ซื่อหลายกรณีเหลือเกิน

เพียงแต่ผมไม่มีความรู้ที่ผ่านๆมาก็ได้แต่รับฟัง ก็เพิ่งจะมีกระทู้นี้แหละที่เข้ามาตอบอย่างจริงจัง

แต่ก็ไปในแนวเหตุผลมากกว่าหลักฐาน เพราะไม่มีความรู้ 5555



#36 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:10


เรื่องนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งสงสัยว่า ปชป.กอด MOU ทำไม ?  ไปศาลโลกทำไม ?

มีอะไรการันตีได้ว่า ศาลโลกจะตัดสินให้ไทยไม่เสียดินแดน ?

 

 

 

ปชป.ไม่ยกเลิก เพราะเห็นว่า จะไม่สามารถสร้างความชัดเจนในเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทย มีผลทำให้ประเด็นเขตแดน เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งต่อไปน่ะซิ

 

ไทยปักปันเขตแดนมา 100 กว่าปีแล้ว ตรงไหนสูญหายก็สำรวจหาหลักเขตที่แท้จริง

แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการที่ทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

ปัจจุบันไทยมีเขตแดนทางบกร่วมกับกัมพูชา 798 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักหลักเขตแดน 195 กิโลเมตร แล้วจะไปหาหลักเขตแดนได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้ปัก (ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907) และพื้นที่ที่ปักหลักเขตแดนแล้ว จำนวน 73 หลัก ระยะทาง 603 กิโลเมตร

หลักเขตที่ 1 ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ - หลักเขตที่ 73 บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907

      พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตแดนช่วงที่ไม่มีการปักหลักเขตแดน (195กิโลเมตร) ซึ่งอนสัญญา ค.ศ. 1904 กำหนดให้เส้นเขตแดนบริเวณนี้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก

 

 

cbNiwh.jpg

 

 

ถ้าจำไม่ผิด 195 กิโลที่ไม่ได้ปัก ให้ยึดหลักหลักสันปันน้ำ

ถ้าเข้าใจผิด ใครที่มีความรู้ช่วยชี้แจงด้วย



#37 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:13

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ

 

 

ดีกว่าสิครับ เพราะไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

 

ไม่สุ่มเสี่ยงยังคะ ในเมื่อศาลโลกรับคำร้องเขมร ถ้าเราไม่ไปชี้แจงมิเท่ากับเรายอมให้เขมรแสดงหลักฐานฝ่ายเดียวหรือ

 

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี

 

ศาลโลกก็ไม่ยอมไป  MOU43 ก็จะให้ยกเลิก แล้วการปักปันเขตแดนทำไงคะ  อย่าลืมว่าเขมรส่งทั้งคนทั้งพระเข้ายึดพื้นที่ทำกินบริเวณนั้นเรียกครอบครองโดยพฤตินัยตลอด  มีวิธีไหนหรือเปล่าที่จะสั่งให้เขาออกจากพื้นที่อย่างสันติวิธี

 

*แก้คำผิด


Edited by เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:14.

ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#38 korkang

korkang

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,879 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:14





ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ

 

 

ดีกว่าสิครับ เพราะไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

 

ไม่สุ่มเสี่ยงยังคะ ในเมื่อศาลโลกรับคำร้องเขมร ถ้าเราไม่ไปชี้แจงมิเท่ากับเรายอมให้เขมรแสดงหลักฐานฝ่ายเดียวหรือ

 

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี

 

แต่ในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ประเทศไทยมีหน้าที่ต้องปฏิบัตรตามคำพิพากษาศาลโลก เนื่องจากกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 94 กำหนดว่า

 

DT2uWY.jpg

 

กฏบัตรสหประชาชาติ (Charter of the United Nations) เป็นธรรมนูญขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทย เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 55 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1946( พ.ศ. 2489 )



#39 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:16

แล้วถ้าเรายกเลิก mou43 ไปแล้ว

ผลตามหลังมาจะดีกว่าอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้รายละเอียดตรงนี้ แต่คงดีกว่าแน่นอนเพราะเราไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

เมื่อก่อนไม่มี MOU43 ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขมรยิงใส่เราโครมๆไม่เห็น MOU43 จะช่วยอะไรได้ 

 

 

ถ้าเช่นนั้น

ผมอ่านๆ ดู ประเด็นมันไม่น่าจะเป็นเรื่องของ mou แล้วนะครับ

ไม่ว่าเราจะเซ็นอะไร หรือไม่เซ็นอะไร

ปัญหาน่าจะอยู่ที่สัน ด านเขมร เสียมากกว่า

ไม่ใช่หรือครับ

 

ที่คอยเอาเปรียบและตอดเล็กตอดน้อย

 

 

ก็ในเมื่อเรารู้ว่า สัน ดาน เขมรเป็นยังไง แล้วเราจะไปเสี่ยงทำไม ?

เห็นการกอด MOU43 ที่เหนียวแน่นของเขมรไหม ?

ขนาดแค่เข้าใจผิดว่าไทยจะยกเลิกยังวิ่งโร่ไปฟ้อง UN

แล้วเขมรน่ะ สัน ดานยังไงก็รู้ๆกันอยู่ ถึงได้ออกแถลงการณ์ว่า MOU43 ยอมรับแผนที่ทั้ง 11 ฉบับ

ที่น่าสงสัยเหมือนกันก็คือ ปชป.ก็ดันไปกอด MOU43 เหนียวแน่นซะด้วย

ถึงขนาดอภิสิทธิ์ออกมาโกหกคนไทยว่า เขมรจะยกเลิก MOU เพื่อลดกระแสประท้วง



#40 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:19

นับตั้งแต่ศาลโลกได้ตัดสินคดีปราสาทพระวิหารไปเมื่อ พ.ศ. 2505 (พ.ศ. 1962) ประเทศไทยก็มิได้ยอมรับแผนที่เก๊ที่ไม่ได้จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส แต่เป็นผลงานของ พันเอกแบร์นาร์ดในฐานะที่เขาเป็นประธานฝ่ายฝรั่งเศสในคณะกรรมการชุดนี้ เขาได้ทำเรื่องเบิกเงินสูงถึง 7,000 ฟรังก์แต่ใช้ไปในการจัดทำแผนที่เพียง 6,000 ฟรังก์เท่านั้น แผนที่ดังกล่าวมีทั้งหมด 11 ระวางเริ่มจากเขตแดนกัมพูชาไปจนถึงเขตแดนลาว เรียกชื่อแผนที่ตามภูมิประเทศและเมืองสำคัญๆ ต่าง เช่น แผนที่ระวางโขง ระวางดงรัก ระหว่างกุเลน เป็นต้น  
       
       แผนที่ชุดนี้พิมพ์เสร็จราวเดือนพฤษภาคม  ค.ศ. 1908 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่คณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีน ได้สลายตัวไปแล้ว และพึ่งเป็นการเริ่มต้นของคณะกรรมการชุดใหม่ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาตามสนธิสัญญาฉบับใหม่ในปี ค.ศ. 1907 สนธิสัญญาฉบับนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเขตแดนประเทศสยามใหม่ในเวลานั้นสยามได้เสียดินแดนเพิ่มเติมไปอีกเป็นจำนวนมาก
       
       ดังนั้นแผนที่ทั้ง 11 ระวาง อันได้แก่ 1. ระวางเมืองคอบและเมืองเชียงล้อม 2. ระวางลำน้ำต่างๆ ทางภาคเหนือ 3. ระวางเมืองน่าน 4. ระวางปากลาย 5. ระวางน้ำเหือง 6. ระวางจำปาศักดิ์ 7. ระวางแม่โขง 8. ระวางดงรัก 9. ระวางพนมกุเลน 10. ระวางทะเลสาบ 11. ระวางตราด ซึ่งเป็นผลงานของพันเอกแบร์นาร์ดจึงเป็นแผนที่เก๊ เพราะไม่ได้นำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อให้ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส ตามอนุสัญญาปี ค.ศ. 1904 ได้พิจารณา คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้สลายตัวไปแล้ว เหตุที่ผมต้องย้ำเรื่องนี้อยู่เสมอเพราะมีผู้ไปแอบอ้างเรื่องที่เจ้านายของประเทศสยามได้ทำการขอแผนที่ชุดนี้เพิ่มเติม (ซึ่งพวกเขาตีความว่าได้เป็นการยอมรับแผนที่ด้วย) 
       
       การสู้คดีในศาลโลกคณะทนายฝ่ายไทยได้ทำการต่อสู้ในชั้นศาล เนื่องจากผู้ขอแผนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกในคณะกรรมการปักปันเขตแดน-สยามอินโดจีน เจ้านายพระองค์นั้นจึงไม่สามารถเป็นตัวแทนของประเทศสยามในการยอมรับแผนที่เก๊ชุดนี้ได้ ด้วยการอธิบายเหตุผลนี้ทำให้ศาลโลกไม่ตัดสินแผนที่ และยอมรับว่าแผนที่เก๊ชุดนี้ไม่ได้เป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศสแต่อย่างใด
       
       มีนักการเมืองที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้พยายามทำให้สังคมเข้าใจว่า การตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารนั้นศาลยอมรับเรื่องเส้นเขตแดน ที่ปรากฏบนแผนที่เก๊ชุดดังกล่าว ซึ่งในข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้นเลย นักการเมืองอีกกลุ่มหนึ่งยังหลงเชื่อคำโกหกของนักวิชาการไทยสายเขมรว่า “ศาลได้ยกปราสาทพระวิหารและดินแดนโดยรอบให้กับกัมพูชาไปแล้ว อันสอดคล้องกับสมุดปกขาวของกระทรวงการต่างประเทศที่จัดทำขึ้นแล้วแท้งไม่ได้คลอดออกมา” ทั้งคำอธิบายของนักการเมืองที่มักชอบพูดชอบเป็นข่าวกับข้าราชการบางคนของกระทรวงการต่างประเทศยิ่งทำให้ประเทศกัมพูชาได้เปรียบประเทศไทยในเวทีนานาชาติ    
       
       เพื่อให้ผู้อ่านได้มีความเข้าใจตรงกันในเรื่องที่มาที่ไปของแผนที่เก๊ 1:200,000 ทุกระวาง ผมจึงขออธิบายอย่างง่ายๆ ดังนี้ครับ เมื่อประเทศสยามได้ลงนามในอนุสัญญาปี ค.ศ. 1904 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนขึ้นมา 1 ชุด ฝ่ายไทยมีหม่อมชาติเดชอุดมเป็นประธาน ฝ่ายฝรั่งเศสมีพันเอกแบร์นาร์ดเป็นประธาน ทั้งสองฝ่ายได้ทำหน้าที่ตามที่อนุสัญญาได้กล่าวถึง โดยกำหนดให้พรมแดนธรรมชาติเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งในการประชุมครั้งสุดท้ายที่ประชุมของคณะกรรมการได้มีมติให้มีการจัดทำแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เพื่อแสดงเส้นเขตแดนที่ได้ตกลงกันไว้ (อันเป็นผลมาจากการเดินสำรวจ) โดยที่เส้นเขตแดนด้านทิวเขาพนมดงรัก (อันเป็นที่ตั้งตัวปราสาทพระวิหารแห่งนี้ด้วย) ได้กำหนดให้ใช้สันปันน้ำที่ขอบหน้าผา 
       
       ทั้งนี้ พันเอกแบร์นาร์ดก็ได้กล่าวหลายครั้งทั้งในที่ประชุมและการแสดงปาฐกถาที่ปารีส เมื่อคณะกรรมการมีมติให้พิมพ์แผนที่ ได้มอบหมายให้ฝ่ายฝรั่งเศสไปดำเนินการมา และในที่สุดแผนที่พิมพ์เสร็จไม่ได้เข้าที่ประชุม และคณะกรรมการสลายตัว แผนที่เก๊ที่พิมพ์มาทั้ง 11 ระวาง จึงเป็นแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์ไม่ได้ผ่านการพิจารณา ผมจึงเรียกว่าแผนที่เก๊   
       
       ต่อมาประเทศสยามได้มีการแลกเปลี่ยนและสูญเสียดินแดนเพิ่มเติม ได้มีการทำสนธิสัญญา ปี ค.ศ. 1907 และได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนฯ ชุดที่ 2 โดยคณะกรรมการชุดนี้มีพระองค์เจ้าบวรเดชและพันตรีมองแกร์ เป็นประธานทั้งสองฝ่าย มีการประชุมกันเป็นลำดับ โดยพื้นที่ที่ฝ่ายสยามได้สูญเสียไปนั้น บางส่วนไม่สามารถใช้พรมแดนธรรมชาติได้เพราะเป็นที่ลุ่ม จึงจำเป็นต้องจัดสร้างหลักเขตแดน ส่วนไหนที่ใช้พรมแดนธรรมชาติ เช่น สันปันน้ำ ส่วนนั้นก็เป็นไปตามอนุสัญญา 1904 คณะกรรมการปักปันฯ ได้ทำงานอยู่หลายปีในที่สุดก็ได้เลือกที่จะปักหลักเขต 
       
       โดยหลักที่ 1 เลือกบริเวณช่องสะงำ เป็นหลักเขตที่ 1 และตามช่องต่างๆ ได้วางเสาศิลาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นชัดเจน พรมแดนของสยามและกัมพูชาตั้งแต่ช่องสะงำไปจนถึงหลักเขตที่ 73 ที่จังหวัดตราด มีหลักเขตรวมทั้งหมด 74 หลักเขต และมีแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทำเป็นโครงวาดแสดงจุดอ้างอิงกำกับไว้ทุกหลักเขตด้วย (เฉพาะหลักเขตที่ 22 มี 22A และ 22B ต่อมายุบรวมกันเป็นหลักเขตเดียว) ปัจจุบันจึงเหลือหลักเขต 73 หลักเขต (กัมพูชาพยายามจะย้ายหลักเขตที่ 73 ให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้) 
       
       คณะกรรมการเมื่อมีการปักหลักเขตเรียบร้อยแล้วจึงได้ประชุมกันเป็นครั้งสุดท้าย รายงานการประชุมระบุว่าต้องทำแผนที่ระบุตำแหน่งหลักเขตทั้ง 74 หลักเขต เพื่อกันเอาไว้เป็นหลักฐาน หากอนาคตหลักเขตนั้นถูกเคลื่อนย้าย นอกจากนี้คณะกรรมการไม่ได้สนใจแผนที่ 11 ระวางของคณะกรรมการชุดแรกเลย เพราะเห็นว่าพรมแดนตั้งแต่ช่องสะงำไปจนถึงทางใต้ของเมืองจำปาสัก มีทิวเขามองเห็นสันปันน้ำที่ขอบหน้าผาอย่างชัดเจนซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาปี ค.ศ. 1904 แล้ว คณะกรรมการชุดที่ 2 นี้ยังได้จัดทำแผนที่จากช่องสะงำไปจนถึงตราด 5 ระวาง ได้แก่ระวางหมายเลข 1 หมายเลข 5 เมื่อพิมพ์แผนที่ออกมาแล้ว ปรากฏว่าแผนที่กลับไม่ระบุตำแหน่งของหลักเขตทั้ง 74 หลักเขต ตามที่คณะกรรมการชุดที่ 2 ต้องการ จึงเป็นแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์อีกเช่นกัน 
       
       ผมจึงถือว่าแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของคณะกรรมการปักปันฯ ทั้งชุดที่ 1 และชุดที่ 2 นั้น เป็นแผนที่ที่ใช้ไม่ได้และแน่นอนศาลโลกไม่ได้ยอมรับแผนที่เก๊มาตราส่วน 1:200,000 นี้เลย (อ่านต่อตอนจบสัปดาห์หน้า)
 

http://www.manager.c...D=9540000129673


ประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหาร ต้องชี้ให้เห็นว่าแผนที่ระวางดงรักนั้นไม่ถูกต้อง และให้นานาประเทศยอมรับว่าแผนที่นี้ไม่ถูกต้อง

ดังนั้นปราสาทมาอยู่บนแผนที่ที่ไม่ถูกต้อง ได้อย่างไร

 

การปักหลักเขตใหม่ ที่จะยึดตาม MOU 43 นั้น ก็อาจมีปัญหาเช่นกัน เพราะแผนที่ระวางที่เป็นผลงานของ คณะปักปันเขตแดน ตรงกับ ของไทยขนาดไหน

ปัจจุบัน กัมพูชาพยายามย้ายหลักเขตไปจากเดิมให้ตรงกับระวาง 1:200000 ของเขา ซึ่งไม่อาจพิสูจน์ได้ในตอนทำหลักเขตใหม่ตามที่จะตกลงกันใน JBC

ถ้าฝ่ายไทยไม่มีหลักฐานอย่างอื่น เช่น สันปันน้ำ และ วัตถุอ้างอิงที่คงสภาพมาจนถึงปัจจุบัน วัตถุอ้างอิงบางอย่างก็ เช้นต้นไม้ ก็เปลี่ยนแปลงไป

จะเป็นไปได้ไหม ที่จะนำเอาโฉนดไปเจรจากันในระดับ JBC (ถ้ากัมพูชาไม่ไปออกโฉนดปลอมย้อนหลังเสียก่อน ต้องรีบดักทางไว้ก่อน เรื่องโฉนดของเขา อันนี่ต้องปิดเป็นความลับ เดี๋ยวเขาเอาไปทำก่อนเราจะไปถ่ายเอกสารเก็บไว้)

 

ปัญหาที่JBC ต้องพิจารณาก็คือ ระวางไหนที่เป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน


Edited by Stargate-1, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 16:54.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#41 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:20

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี

 

ศาลโลกก็ไม่ยอมไป  MOU43 ก็จะให้ยกเลิก แล้วการปักปันเขตแดนทำไงคะ  อย่าลืมว่าเขมรส่งทั้งคนทั้งพระเข้ายึดพื้นที่ทำกินบริเวณนั้นเรียกครอบครองโดยพฤตินัยตลอด  มีวิธีไหนหรือเปล่าที่จะสั่งให้เขาออกจากพื้นที่อย่างสันติวิธี

 

*แก้คำผิด

 

 

แล้วตั้งแต่มี MOU43 เขมรถอยออกตรงไหน ? เห็นมีแต่ไทยถอยเอาๆ

จากพื้นที่ไทย ก็กลายเป็นทับซ้อน ตอนนี้ก็สุ่มเสี่ยงว่าจะกลายเป็นของเขมรไปแล้ว

แถมถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังเคย

 

*** แล้วเมื่อก่อนไม่มี MOU43 ปักปันเขตแดนกันยังไง ? ทำไมต้องมี MOU43 ถึงจะปักปันเขตแดนได้

และไทยปักปันมากว่า 100 ปีแล้ว


Edited by กรกช, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:22.


#42 korkang

korkang

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,879 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:20


เรื่องนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งสงสัยว่า ปชป.กอด MOU ทำไม ?  ไปศาลโลกทำไม ?

มีอะไรการันตีได้ว่า ศาลโลกจะตัดสินให้ไทยไม่เสียดินแดน ?

 

 

 

ปชป.ไม่ยกเลิก เพราะเห็นว่า จะไม่สามารถสร้างความชัดเจนในเรื่องเขตแดนระหว่างประเทศไทย มีผลทำให้ประเด็นเขตแดน เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งต่อไปน่ะซิ

 

ไทยปักปันเขตแดนมา 100 กว่าปีแล้ว ตรงไหนสูญหายก็สำรวจหาหลักเขตที่แท้จริง

แต่ไม่ใช่ใช้วิธีการที่ทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

ปัจจุบันไทยมีเขตแดนทางบกร่วมกับกัมพูชา 798 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักหลักเขตแดน 195 กิโลเมตร แล้วจะไปหาหลักเขตแดนได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้ปัก (ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907) และพื้นที่ที่ปักหลักเขตแดนแล้ว จำนวน 73 หลัก ระยะทาง 603 กิโลเมตร

หลักเขตที่ 1 ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ - หลักเขตที่ 73 บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907

      พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตแดนช่วงที่ไม่มีการปักหลักเขตแดน (195กิโลเมตร) ซึ่งอนสัญญา ค.ศ. 1904 กำหนดให้เส้นเขตแดนบริเวณนี้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก

 

 

cbNiwh.jpg

 

 

ถ้าจำไม่ผิด 195 กิโลที่ไม่ได้ปัก ให้ยึดหลักหลักสันปันน้ำ

ถ้าเข้าใจผิด ใครที่มีความรู้ช่วยชี้แจงด้วย

 

ผมได้แจ้งตามข้างต้นแล้วว่าใช้สันปันน้ำ ไม่ได้ใช้หลักเขตตามที่คุณกล่าวว่ามีกันมา 100 กว่าปีไงครับ



#43 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:24

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ

 

 

ดีกว่าสิครับ เพราะไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

 

 

ไม่สุ่มเสี่ยงยังคะ ในเมื่อศาลโลกรับคำร้องเขมร ถ้าเราไม่ไปชี้แจงมิเท่ากับเรายอมให้เขมรแสดงหลักฐานฝ่ายเดียวหรือ

 

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี

 

 

 

 
          ประเด็นเรื่องการยอมรับเขตอำนาจศาลโลก (ทั้งศาลโลกเก่าและใหม่) ของประเทศไทยนั้น
เป็นประเด็นที่คนไทยไม่ใคร่ได้กล่าวถึง อาจเป็นเพราะว่าเป็นประเด็นข้อกฎหมายมากเกินไป
ประชาชนทั่วไปจึงไม่ค่อยได้ สนใจ 
 
           อีกทั้งทางการก็มิได้ชี้แจงประเด็นนี้ต่อสาธารณชน มากนักทั้งๆ ที่ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างมาก
และเป็นประเด็นที่หากมีการกล่าวถึงในวงกว้างแล้วก็อาจมีผลกระทบต่อผู้ เกี่ยวข้องได้ แต่เนื่องจาก
ประเด็นนี้สำคัญ ผู้เขียนจึงมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะข้ามไปได้จึงขอกล่าวถึง ดังนี้ 
 
 
           ประเทศไทยได้ทำคำประกาศยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก ทั้งหมด 3 ฉบับ ดังนี้ 
 
1.ฉบับแรกทำเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ.1929 และเริ่มมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม
ในปี ค.ศ.1930 (2472) โดยคำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการคือ
"ศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศ" (Permanent Court of International Justice : PCIJ) เป็นเวลา 10 ปี 
 
2.ฉบับที่สอง รัฐบาลไทยทำคำประกาศโดยมิวัตถุประสงค์เพื่อ "ต่ออายุ" (renew)
เขตอำนาจศาลโลกเก่า โดยคำประกาศฉบับที่สองนี้ทำเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1940
โดยคำประกาศที่สองนี้เริ่มมีผลใช้บังคับวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ.1940 (2483)
 
3.ฉบับที่สาม รัฐบาลไทยทำเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ.1950 (2493) ซึ่งหลังจากที่คำประกาศฉบับที่สอง
(ที่ต่ออายุคำประกาศฉบับแรก) หมดอายุเป็นเวลา 14 วัน 
 
           มีข้อสังเกตที่น่าสนใจและเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ฝ่ายไทยนำมาอ้างก็คือ ศาลโลกเก่านั้น
ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1946 (2489) และตามธรรมนูญของศาลโลกใหม่ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า
"ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ" (International Court of Justice : ICJ) นั้นมาตรา 36 วรรค 5
ได้กำหนดว่า ให้การยอมรับเขตอำนาจ "ศาลโลกเก่า" โอนถ่ายไปยัง "ศาลโลกใหม่" หากว่า
คำประกาศนั้นยังมีผลใช้บังคับอยู่หรือกล่าวง่ายๆ คือ ยังไม่ขาดอายุนั่นเอง 
 
           ข้อต่อสู้เกี่ยวกับการคัดค้านเขตอำนาจศาลโลกใหม่ที่ทนายความฝ่ายไทยต่อ สู้
ในชั้นของการคัดค้านเขตอำนาจของศาลโลกใหม่นั้นมีว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่า
ได้ยุติลงอันเป็นผลมาจากการสิ้นสุดของศาล โลกเก่า ดังนั้น คำประกาศต่ออายุเขตอำนาจศาลโลกเก่า
เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1950 จึงไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป 
 
           อีกทั้งคำประกาศดังกล่าวมิใช่คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกใหม่ ดังนั้น ศาลโลกใหม่จึงไม่มีเขตอำนาจ 
 
           แต่ข้อต่อสู้นี้อ่อนมาก ศาลโลกเห็นว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลฉบับที่สามที่รัฐบาลไทย
ทำเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1950 นั้น ไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการต่ออายุยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าได้
เพราะว่า คำประกาศฉบับที่สามนี้ ทำหลังจากที่คำประกาศฉบับที่สองหมดอายุแล้วสองอาทิตย์ 
 
           ศาลโลกเห็นว่า สิ่งที่จะต่ออายุได้นั้น สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
อีกทั้งรัฐบาลไทยก็รู้ดีว่าขณะที่ทำคำประกาศฉบับที่สามนั้นทำหลังจากที่ศาล โลกเก่าได้สิ้นสุดลงแล้วกว่าสี่ปี
(ศาลโลกเก่าสลายตัวเมื่อปี ค.ศ.1946 แต่คำประกาศฉบับที่สามทำเมื่อปี ค.ศ.1950) ข้ออ้างของประเทศไทยจึงฟังไม่ขึ้น 
 
           ประเด็นต่อไปมีว่า ในเมื่อคำประกาศฉบับที่สามฟังไม่ได้ว่าเป็นคำประกาศต่ออายุยอมรับ
เขตอำนาจ ศาลโลกเก่าแล้ว ผลในทางกฎหมายของคำประกาศฉบับที่สามคืออะไร ศาลโลกเห็นว่า
คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลฉบับที่สามเป็นคำประกาศใหม่ ที่แยกเป็นเอกเทศออกจากคำประกาศ
ฉบับแรกและฉบับที่สอง 
 
           และหากพิจารณาเนื้อหาของคำประกาศที่สามแล้ว ศาลโลกเห็นว่า เป็นการประกาศยอมรับ
เขตอำนาจศาลโลกใหม่ โดยอิงเงื่อนไขจากคำประกาศฉบับแรก 
 
           ดังนั้น ศาลโลกจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ศาลโลกมีเขตอำนาจพิจารณาข้อพิพาทที่รัฐบาลกัมพูชา
ฟ้องรัฐบาลไทย ข้อต่อสู้ทางกฎหมายของฝ่ายไทยฟังไม่ขึ้น 
 
 
 
ดูเหมือน เราจะเคยมีการทำการยอมรับในอำนาจของศาลโลกไปแล้ว
แต่อ่านรายละเอียดข้างบนยังงงๆ อยู่เหมือนกัน
ใครอ่านข้างบนเข้าใจ ช่วยอธิบายหน่อยเถอะครับ

ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#44 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:24

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี

 

แต่ในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ประเทศไทยมีหน้าที่ต้องปฏิบัตรตามคำพิพากษาศาลโลก เนื่องจากกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 94 กำหนดว่า

 

DT2uWY.jpg

 

กฏบัตรสหประชาชาติ (Charter of the United Nations) เป็นธรรมนูญขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทย เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 55 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1946( พ.ศ. 2489 )

 

 

มีตัวอย่างหลายประเทศที่ไม่ยอมรับคำตัดสินศาลโลก รวมถึงอเมริกา ก็ไม่เห็นจะเป็นไง



#45 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:27

ผมได้แจ้งตามข้างต้นแล้วว่าใช้สันปันน้ำ ไม่ได้ใช้หลักเขตตามที่คุณกล่าวว่ามีกันมา 100 กว่าปีไงครับ

 

 

อ้าว แล้วถามทำไม ?



#46 เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,247 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:28

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี

 

ศาลโลกก็ไม่ยอมไป  MOU43 ก็จะให้ยกเลิก แล้วการปักปันเขตแดนทำไงคะ  อย่าลืมว่าเขมรส่งทั้งคนทั้งพระเข้ายึดพื้นที่ทำกินบริเวณนั้นเรียกครอบครองโดยพฤตินัยตลอด  มีวิธีไหนหรือเปล่าที่จะสั่งให้เขาออกจากพื้นที่อย่างสันติวิธี

 

*แก้คำผิด

 

 

แล้วตั้งแต่มี MOU43 เขมรถอยออกตรงไหน ? เห็นมีแต่ไทยถอยเอาๆ

จากพื้นที่ไทย ก็กลายเป็นทับซ้อน ตอนนี้ก็สุ่มเสี่ยงว่าจะกลายเป็นของเขมรไปแล้ว

แถมถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังเคย

 

*** แล้วเมื่อก่อนไม่มี MOU43 ปักปันเขตแดนกันยังไง ? ทำไมต้องมี MOU43 ถึงจะปักปันเขตแดนได้

และไทยปักปันมากว่า 100 ปีแล้ว

 

เขมรไม่ถอยหรอกค่ะ  ตอนนี้  แต่หลังจากปักปันเขตแดนเสร็จตามข้อตกลงร่วมกันที่เรียกว่า MOU43  หากเขมรรุกไทยเขาต้องออกไปพ้นพื้นที่ของเราโดยรัฐบาลของเขาจะต้องลงมาเยียวยาด้วยตัวเอง  เช่นเดียวกัน หากเรารุกเขา เราก็ต้องถอนออกมาโดยมีรัฐบาลของเราเยียวยาเองเช่นกัน

MOU43 คือข้อตกลงร่วมกันในการปักปันเขตแดน ระบุให้ 2 ชาติหันมาให้ความร่วมมือกันเท่านั้น  ไม่ใช่สนธิสัญญาที่จะทำให้เราสูญเสียดินแดนอะไรได้  เออ  ตกลงคุณไม่ตอบคำถามหรือคะ ?  


ทักษิณเป็นเทพเจ้าจริงๆนะ ไม่เชื่อถาม เสื้อแดง ดูสิ

#47 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:33

 

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกซะอย่าง เขมรจะยื่นอะไรก็ยื่นไปสิ จะมาทำอะไรเราได้ ศาลโลกเป็นเจ้าของประเทศไทยเหรอ ?

และถึงศาลโลกตัดสิน ก็ไม่ต้องไปยอมรับคำตัดสินสิ ตัวอย่างประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับก็มี

 

ศาลโลกก็ไม่ยอมไป  MOU43 ก็จะให้ยกเลิก แล้วการปักปันเขตแดนทำไงคะ  อย่าลืมว่าเขมรส่งทั้งคนทั้งพระเข้ายึดพื้นที่ทำกินบริเวณนั้นเรียกครอบครองโดยพฤตินัยตลอด  มีวิธีไหนหรือเปล่าที่จะสั่งให้เขาออกจากพื้นที่อย่างสันติวิธี

 

*แก้คำผิด

 

 

แล้วตั้งแต่มี MOU43 เขมรถอยออกตรงไหน ? เห็นมีแต่ไทยถอยเอาๆ

จากพื้นที่ไทย ก็กลายเป็นทับซ้อน ตอนนี้ก็สุ่มเสี่ยงว่าจะกลายเป็นของเขมรไปแล้ว

แถมถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ยังเคย

 

*** แล้วเมื่อก่อนไม่มี MOU43 ปักปันเขตแดนกันยังไง ? ทำไมต้องมี MOU43 ถึงจะปักปันเขตแดนได้

และไทยปักปันมากว่า 100 ปีแล้ว

 

เขมรไม่ถอยหรอกค่ะ  ตอนนี้  แต่หลังจากปักปันเขตแดนเสร็จตามข้อตกลงร่วมกันที่เรียกว่า MOU43  หากเขมรรุกไทยเขาต้องออกไปพ้นพื้นที่ของเราโดยรัฐบาลของเขาจะต้องลงมาเยียวยาด้วยตัวเอง  เช่นเดียวกัน หากเรารุกเขา เราก็ต้องถอนออกมาโดยมีรัฐบาลของเราเยียวยาเองเช่นกัน

MOU43 คือข้อตกลงร่วมกันในการปักปันเขตแดน ระบุให้ 2 ชาติหันมาให้ความร่วมมือกันเท่านั้น  ไม่ใช่สนธิสัญญาที่จะทำให้เราสูญเสียดินแดนอะไรได้  เออ  ตกลงคุณไม่ตอบคำถามหรือคะ ?  

 

 

ก็เขมรบอกไทยรับแผนที่ 1-200000 ทั้ง 11 ฉบับ ใน MOU43

แต่ไทยบอกว่าไม่ รับแค่บางฉบับ แค่นี้ก็ไม่รู้จะไปตกลงยังไงกันแล้ว ก็ต้องฟังศาล

 

แล้วคุณมีอะไรตรงไหนมายืนยันได้ว่า ศาลจะตัดสินตามที่รัฐบาลไทยเคยอ้าง ?

คุณมีอะไรมายืนยันได้ว่าไทยไม่เสียดินแดนจาก MOU43 ?

 

ส่วนวิธีให้ออกอย่างสันติมันมีมาตรการหลายอย่าง ทั้งกดดันทางการทูต การค้า

ถ้าไม่ยอมก็สงครามไปเลย ไม่เห็นจะเป็นไร ทีเขมรยังยิงใส่ไทยโครมๆได้


Edited by กรกช, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:34.


#48 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:33

แล้วถ้าเรายกเลิก mou43 ไปแล้ว

ผลตามหลังมาจะดีกว่าอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้รายละเอียดตรงนี้ แต่คงดีกว่าแน่นอนเพราะเราไม่ต้องมาสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

เมื่อก่อนไม่มี MOU43 ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขมรยิงใส่เราโครมๆไม่เห็น MOU43 จะช่วยอะไรได้ 

 

 

ถ้าเช่นนั้น

ผมอ่านๆ ดู ประเด็นมันไม่น่าจะเป็นเรื่องของ mou แล้วนะครับ

ไม่ว่าเราจะเซ็นอะไร หรือไม่เซ็นอะไร

ปัญหาน่าจะอยู่ที่สัน ด านเขมร เสียมากกว่า

ไม่ใช่หรือครับ

 

ที่คอยเอาเปรียบและตอดเล็กตอดน้อย

 

 

ก็ในเมื่อเรารู้ว่า สัน ดาน เขมรเป็นยังไง แล้วเราจะไปเสี่ยงทำไม ?

เห็นการกอด MOU43 ที่เหนียวแน่นของเขมรไหม ?

ขนาดแค่เข้าใจผิดว่าไทยจะยกเลิกยังวิ่งโร่ไปฟ้อง UN

แล้วเขมรน่ะ สัน ดานยังไงก็รู้ๆกันอยู่ ถึงได้ออกแถลงการณ์ว่า MOU43 ยอมรับแผนที่ทั้ง 11 ฉบับ

ที่น่าสงสัยเหมือนกันก็คือ ปชป.ก็ดันไปกอด MOU43 เหนียวแน่นซะด้วย

ถึงขนาดอภิสิทธิ์ออกมาโกหกคนไทยว่า เขมรจะยกเลิก MOU เพื่อลดกระแสประท้วง

 

 

ผมเห็นความเห็นของบางท่านตั้งข้อสงสัย

หาก mou43 มีประโยชน์ต่อเขมรจริง

ทำไม เขมรไม่ใช้ประโยชน์ไปตั้งแต่ปี 43

จะมาเริ่มใช้ตอนนี้เพราะอะไร

 

ผมจึงคิดเทียบเคียงไปถึงกรณีชายชุดดำ

ที่ปล่อยเวลาผ่านไปนาน เสื้อแดงจึงค่อยออกมาบอกว่า ไม่มีคนชุดดำ

ธาริตก็ออกมาบอกว่าไม่เห็นชายชุดดำ

 

ที่ผมเทียบกันให้ดูก็คือ

ไม่ว่าจะมี mou หรือไม่มี

ถ้าเขมรเป็นชาติพาล ยังไงมันก้พาลเอาได้ทั้งสิ้น

ที่น่าสงสัยก็คือ หาก mou เป็นประโยชน์ต่อมันจริงๆ

ทำไมมันไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรไปตั้งแต่ปี 43

จะรอเวลานี้ไปทำไมให้เนิ่นนาน

 

เขมรวิ่งโร่ไปฟ้องศาลว่า ไทยยอมรับ 11 ฉบับใน mou

หน้าที่ของเรา ควรจะเป็นการยกเลิก mou ที่มีการยอมรับทั้ง 11 ฉบับ (ตามคำฟ้อง)

หรือว่าเราควรจะเถียงว่า ใน mou เราไม่ได้ยอมรับทั้ง 11 ฉบับดีล่ะครับ

 

พี่ว่าอันไหนดีกว่ากัน


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#49 bangkaa

bangkaa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,104 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:35

ถ้าเช่นนั้น ตามความเห็นของพี่

ถ้าเราไม่ไปศาลโลกในเวลานั้น

เราควรทำอย่างไรครับ

 

 

ผมไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

 

 

ตรงนี้ มันก็ไม่ได้บอกทางออกที่ดีกว่านั้นนี่ครับ

 

 

ผมก็ไม่ได้มีความรู้รายละเอียดอะไรนัก...

 

แต่สิ่งที่ผมอยากให้เป็นก็คือ...

 

1 การปักปันเขตแดน ไทย-กัมพูชา เราจะได้ไม่เสียเปรียบ...

ต้องยืนยันหนักแน่นว่า ที่ของเราก็ต้องเป็นของเรา ทั้งทางบก ทางทะเล

 

2 บริเวณปราสาทพระวิหาร... ทั้งไทย-กัมพูชา ควรพัฒนาร่วมกัน เช่น ยื่นเข้ามรดกโลกคู่ ไม่ใช่ให้เขมรฉายเดี่ยว

 

 

 

ปัญหาชายแดน ไทย-เขมร ที่มีอยู่ มันเป็นเรื่องระหว่างประเทศ

ตัวละครที่เอี่ยวด้วย คือ ไทย เขมร และ ชาติมหาอำนาจ ที่ต้องการมาแสวงหาผลประโยชน์

 

สิ่งที่ไทยใช้สู้ก็คือ...  

กฎหมายระหว่างประเทศ

การคุยกันข้างหลัง ของนักธุรกิจการเมืองผู้มีอิทธิพล ของทุกฝ่าย

ปฎิบัติการทางทหาร....

ฯลฯ

 

 

สังเกตนะครับ....

ฉากหน้า ที่ควรจะใช้เป็นเครื่องมือ สุดท้ายได้ดีที่สุด หากวิธีการอื่นช่วยไม่ได้ 

ก็คือ   ปฏิบัติการทางทหาร ครับ...

 

ไม่ได้บอกให้ ไปสู้รบ ฆ่าฟันกัน...

แต่หมายถึง  การส่งสัญญาณทางการทหาร เพื่อเป็นข้อต่อรอง....

 

 

เท่าที่ผมเข้าใจคร่าวๆ ก็มีตามนี้ล่ะ


มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ...

#50 bangkaa

bangkaa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,104 posts

ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 15:39

MOU 2543  ถ้า ไม่ เวิร์ค

 

ก็ขอทำใหม่ครับ

 

จะเป็น MOU  2556 -  2557  - 2558 อะไร ก็ว่ากันไป


มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ...




ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน