ขอบพระคุณเจ้าค่ะ like หมดอดกัน
ขอความเห็นเรื่อง Like หน่อยครับ ว่า มันฟ้องอะไรได้บ้าง
ผมเห็น บางครั้ง บางความเห็น เนือหา ภาษา แทบไม่ต่างกัน
คนหนึ่ง ได้ Like เต็มไปหมด อีก คน ได้ไม่กี่ Like
เป็นเพราะเหตุไร ครับ
Posted 25 May 2013 - 22:39
ขอบพระคุณเจ้าค่ะ like หมดอดกัน
ขอความเห็นเรื่อง Like หน่อยครับ ว่า มันฟ้องอะไรได้บ้าง
ผมเห็น บางครั้ง บางความเห็น เนือหา ภาษา แทบไม่ต่างกัน
คนหนึ่ง ได้ Like เต็มไปหมด อีก คน ได้ไม่กี่ Like
เป็นเพราะเหตุไร ครับ
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 25 May 2013 - 22:39
อิฉันมองมานานแล้วค่ะในห้องกาแฟ เหมือนมันพยายามป่วนบอร์ด ให้คนเบื่อเลยพาลไม่อยากเข้า ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลนะคะ
ที่ดิฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไร คือมันทำเหมือนเป็นบอร์ดมันเองแบบที่ลากดำนา คือตั้งกระทู้เรียกว่าคุย เหมือนอย่างที่คุณจักร์โดนไง แล้วรู้สึกจะเห็นมีกระทู้เรียกคุณผึ้งไปตอบ
รู้สึกว่ามากไปเกินทน พูดจาไม่ให้เกียรติ ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า แล้วเราจะยอมให้มันมายึดบอร์ด สรท ไปง่ายๆหรือเจ้าคะ
Posted 25 May 2013 - 22:47
อิฉันมองมานานแล้วค่ะในห้องกาแฟ เหมือนมันพยายามป่วนบอร์ด ให้คนเบื่อเลยพาลไม่อยากเข้า ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลนะคะ
ที่ดิฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไร คือมันทำเหมือนเป็นบอร์ดมันเองแบบที่ลากดำนา คือตั้งกระทู้เรียกว่าคุย เหมือนอย่างที่คุณจักร์โดนไง แล้วรู้สึกจะเห็นมีกระทู้เรียกคุณผึ้งไปตอบ
รู้สึกว่ามากไปเกินทน พูดจาไม่ให้เกียรติ ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า แล้วเราจะยอมให้มันมายึดบอร์ด สรท ไปง่ายๆหรือเจ้าคะ
ผมว่า เรื่องนี้ ง่าย แต่ ทำยาก คือ ใช้สังคม สรท ลงโทษ โดยการไม่เข้าไปตอบ ครับ
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 25 May 2013 - 22:52
เรื่อง like น่ะเหรอ ก็กดให้เพื่อเป็นการบอกว่าชอบใจความคิดเห็นของคุณที่แสดงออกมา
บางคนได้มากบางคนได้น้อยนั้น บางทีก็ขึ้นกับเนือหาถูกใจ อย่างที่บอกตอนต้น ถ้าเนื้อหาเหมือนกัน ได้ like ต่างกันก็ต้องดูว่าเพราะกดให้ข้อความข้างบนไปแล้ว เลยไม่กดให้ข้อความหลัง กลัวหมดของดีมีจำกัด
กลับกัน ถ้าไม่ได้กดให้ข้างบนแต่กดให้ข้างล่างแทน อาจเป็นไปได้ว่าลืมอ่าน หรือลืมกด มาเจอข้างล่างอ๊ะชอบ กดเลย
เข้าใจไหม ถ้าไม่เข้าใจ ลองพยายามทำความเข้าใจอีกครั้ง
อย่างพี่กด like เพราะชอบเพลง ก็มันถูกใจนี่ ไม่ชอบก็ไม่กด แต่บังเอิญชอบฟังไปเสียทุกเพลง ก็เลยกดมันทุกเพลงไปเลย บางทีก็กดก่อนเปิดด้วยซ้ำ อย่างที่คุณทำบ่อยๆไง
Posted 25 May 2013 - 22:56
กดก่อนเปิดด้วยซ้ำ อย่างที่คุณทำบ่อยๆไง
ผมถามคนอื่น ลืมถามตัวเอง
Edited by chackrapbong, 25 May 2013 - 22:58.
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 25 May 2013 - 22:58
"ผมว่า เรื่องนี้ ง่าย แต่ ทำยาก คือ ใช้สังคม สรท ลงโทษ โดยการไม่เข้าไปตอบ ครับ"
ต่างคนต่างความคิดคุณจักร์ เรากำหนดไม่ได้หรอก พี่ก็เคยเห็นพูดกันออกบ่อย แต่ก็ยังไม่สำเร็จ เพราะพวกมันก็หาวิธีก่อกวนให้คนอดใจไม่ได้
อีกหน่อยบอร์ดเราอาจถูกกลืน เหมือนกับประเทศที่กำลังถูกกลืนไปเรื่อยๆ ขนาดประเทศที่เราอาศัยอยู่นะ พูดแล้วของขึ้น ต้องหายใจลึกๆ บอกตัวเองว่า เห็นหนอ เบื่อหนอ อยากตีหัวคนหนอ
Posted 25 May 2013 - 23:06
"ผมว่า เรื่องนี้ ง่าย แต่ ทำยาก คือ ใช้สังคม สรท ลงโทษ โดยการไม่เข้าไปตอบ ครับ"
ต่างคนต่างความคิดคุณจักร์ เรากำหนดไม่ได้หรอก พี่ก็เคยเห็นพูดกันออกบ่อย แต่ก็ยังไม่สำเร็จ เพราะพวกมันก็หาวิธีก่อกวนให้คนอดใจไม่ได้
อีกหน่อยบอร์ดเราอาจถูกกลืน เหมือนกับประเทศที่กำลังถูกกลืนไปเรื่อยๆ ขนาดประเทศที่เราอาศัยอยู่นะ พูดแล้วของขึ้น ต้องหายใจลึกๆ บอกตัวเองว่า เห็นหนอ เบื่อหนอ อยากตีหัวคนหนอ
จิตวิญญาณ ประชาธิปไตย
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 25 May 2013 - 23:10
เวลาพูดถึงเรื่องบ้านเมืองทีไร ต้องอยากฟังเพลงนี้ทุกทีซิเออ พอคุณจักร์เห็นต้องกดก่อนแน่ๆ
Posted 25 May 2013 - 23:15
เวลาพูดถึงเรื่องบ้านเมืองทีไร ต้องอยากฟังเพลงนี้ทุกทีซิเออ พอคุณจักร์เห็นต้องกดก่อนแน่ๆ
นี้คือเพลง ที่ต้อง กด Like ก่อน จริง ครับ
กดด้วย สองเหตุผล คือ
-ขอบคุณ พี่มะนาว ที่ทำให้ผม ได้ฟัง ศิลปิน คนนี้
-ถูก จริต
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 25 May 2013 - 23:24
นึกเพลงไม่ออกแระ หมดสต็อคของความคิด
Posted 25 May 2013 - 23:27
Eurovision Song Contest 2013. ในปีนี้ จัดที่ Malmö Arena Sweden มี 39 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน
จำนวนผู้ชมการถ่ายทอดสด การแข่งขันในแต่ละปี ประมาณ 125 ล้านคน
สำหรับปีนี้ ศิลปินสาว ชาวเดนมาร์ควัย 20ปี Emmelie de Forest ชนะเลิศกับงานเพลง Only Teardrops
งานนี้ อังกฤษ ส่ง Bonnie Tyler เพลง Believe In Me ได้อันดับ ที่ 19
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 25 May 2013 - 23:29
วันนี้ไปฟอร์จูนกะคุณนาย เธอไปซื้อ samsung รุ่นใหม่ โดยยก iphone 4 .ให้แม่ พี่จะรอดไหมเนี่ย function เพียบ ตายแน่ๆกลัวจำได้ไม่หมด
Posted 25 May 2013 - 23:32
เพลงทางยุโรปนี่ก็เพราะไปอีกแบบเนอะบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าสไตล์มันไม่เหมือนทางฝั่ง อเมริกา
Posted 25 May 2013 - 23:36
ตอนนี้เหมือนตัวเองยังมึนๆ กับชีวิตประจำวัน ที่ต่างกับ 8 วันที่ผ่านมา เลยพลอยทำให้คุณจักร์มึนๆซึมๆ ไปด้วยกันเลย
อยากบอกว่าเพลงนี้ของเจนนิเฟอร์ คิ้ม เป็นเพลงที่พี่ชอบที่สุด ฟังเหงาๆดี
Posted 25 May 2013 - 23:40
ปิดบ้านกันเนอะ แขวนกูญแจไว้ด้วย เผื่อคุณ Noii จะมาเที่ยวตอนดึกๆ สักเพลงปิดท้าย ฟังได้เรื่อย ไม่เคยเบื่อ
Edited by lazylemon, 25 May 2013 - 23:42.
Posted 26 May 2013 - 09:54
"ผมว่า เรื่องนี้ ง่าย แต่ ทำยาก คือ ใช้สังคม สรท ลงโทษ โดยการไม่เข้าไปตอบ ครับ"
ต่างคนต่างความคิดคุณจักร์ เรากำหนดไม่ได้หรอก พี่ก็เคยเห็นพูดกันออกบ่อย แต่ก็ยังไม่สำเร็จ เพราะพวกมันก็หาวิธีก่อกวนให้คนอดใจไม่ได้
อีกหน่อยบอร์ดเราอาจถูกกลืน เหมือนกับประเทศที่กำลังถูกกลืนไปเรื่อยๆ ขนาดประเทศที่เราอาศัยอยู่นะ พูดแล้วของขึ้น ต้องหายใจลึกๆ บอกตัวเองว่า เห็นหนอ เบื่อหนอ อยากตีหัวคนหนอ
จิตวิญญาณ ประชาธิปไตย
เห็นด้วยกับทั้งสองท่านขอรับ แต่อย่างว่า ต่างคนต่างจิต ต่างใจ... กระพ๊มเองเห็นบ่อยๆบางทียังบอกตัวเองอย่าไปยุ่งกะแม่มเล๊ย คนพรรค์นี้... เหมือนมันจงใจมาให้เค้ารุมโดยเฉพาะ... แล้วก็สมใจมัน... เราไม่ยุ่ง คนอื่นเค้าก็ทนไม่ได้ก็มี... หรือบางทีเราเองอ่านบางอันแล้วยังทนไม่ได้... สักหน่อยเห๊อะ ไอ้เหียกนี่... อะไรเงี้ย...
ที่เบื่อๆก็เพราะเห็นหลังๆนี่มันซ้ำๆ เดิมๆ มุขเดิมๆ สั นดานเดิมๆ... จ้องแต่ถล่มอยู่พรรคเดียว โดยปราศจากเหตุผล ไม่ก็เหตุผลเก่าๆ... ชั่งใข่ ครม.ค่ายทหาร, ม๊ากนาซีร้อยศพ... เห็นวนกันอยู่สี่ห้าข้อ... แค่เนี้ย... เหมือนเป็นกองกำลังจัดตั้งมาโดยเฉพาะอย่างเค้าว่ากันจริงๆ...
แค่พรรคนี้อันเดียวนี่... เป็นกระพ๊มด่าล่ะ เห๊อะๆๆ มีให้เล่นเป็นสิบๆแล้วขอรับ... กระพ๊มบอกแล้ว... อดีตมันเป็นเหตุปัจจัยของปัจจุบันนี้... ถ้ามันดีกันจริงๆตั้งแต่พวก (อับ)ปรี นำเข้ามาแต่ชื่อ พรรคเก่าแก่นี่ก็แทบจะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน... ไอ้ตระกูลเหียกที่เรานั่งด่ากันทุกวันนี้มันไม่ได้เกิดหรอกขอรับ...
Edited by wat, 26 May 2013 - 10:21.
Posted 26 May 2013 - 14:03
ขอแชร์ ใบไม้ในกำมือ ด้วยคนครับ เกี่ยวกับ mind n body หน่ะครับ
พี่มะนาวครับ ผมเชียร์ตามที่คุณวัชรบอกนะครับ เรื่อง อานาปานสติ ครับ
เพราะการควบคุม บริหาร ลมหายใจ นั้น ส่งผลต่อร่างกายเราอย่างมากที่จะเข้าถึงสมาธิครับ
พระพุทธเจ้าคิดออกได้อย่างไรว่าต้องเอา ลมหายใจ ไปกระตุ้นประสาทส่วนที่ทำงานอัตโนมัติ
ไขสันหลังส่วนล่าง ตั้งแต่กลางหลังไปสุดก้นกบ เป็นส่วนที่ทำให้จิตสงบนิ่งครับ ท่านเลยเอาลมหายใจไปกด
ส่วนบนคือไหล่ลงไปถึงปอด ประสาททำงานในภาคalert ครับ ไม่ค่อยดีกับการนั่งสมาธิ เหมาะสำหรับนักกีฬา
ความเห็นผม คนส่วนมาก หลีกห่างจาก อานาปานสติ เพราะมันมีเทคนิคในการฝึกหายใจที่ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย
ถ้าคนไม่เก็ท ก็จะทิ้ง อานาปานสติ ไปเลย..
Posted 26 May 2013 - 14:04
เพราะมันมีเทคนิคในการฝึกหายใจที่ค่อนข้างซับซ้อน
Posted 26 May 2013 - 17:22
ขอแชร์ ใบไม้ในกำมือ ด้วยคนครับ เกี่ยวกับ mind n body หน่ะครับ
พี่มะนาวครับ ผมเชียร์ตามที่คุณวัชรบอกนะครับ เรื่อง อานาปานสติ ครับ
เพราะการควบคุม บริหาร ลมหายใจ นั้น ส่งผลต่อร่างกายเราอย่างมากที่จะเข้าถึงสมาธิครับ
พระพุทธเจ้าคิดออกได้อย่างไรว่าต้องเอา ลมหายใจ ไปกระตุ้นประสาทส่วนที่ทำงานอัตโนมัติ
ไขสันหลังส่วนล่าง ตั้งแต่กลางหลังไปสุดก้นกบ เป็นส่วนที่ทำให้จิตสงบนิ่งครับ ท่านเลยเอาลมหายใจไปกด
ส่วนบนคือไหล่ลงไปถึงปอด ประสาททำงานในภาคalert ครับ ไม่ค่อยดีกับการนั่งสมาธิ เหมาะสำหรับนักกีฬา
ความเห็นผม คนส่วนมาก หลีกห่างจาก อานาปานสติ เพราะมันมีเทคนิคในการฝึกหายใจที่ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย
ถ้าคนไม่เก็ท ก็จะทิ้ง อานาปานสติ ไปเลย..
ตามที่พระตถาคตกล่าวถึงอานาปานสติ... พระองค์บอกถึงว่า... "เป็นเครื่องอยู่ของพระองค์ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นโพธิสัตว์... จนตรัสรู้ได้ และปรินิพพาน" อานาปานสติถ้าศึกษาตาคำพระตถาคตแล้วจะรู้ได้ว่า... มีมาแต่ก่อนพระตถาคตจะเกิดเสียอีกขอรับ มีผู้ที่กระทำจนได้ฤทธิ์ทางใจอยู่มากมาย (ฤๅษี, ดาบส, นักพรตทั้งหลาย ต่างก็ใช้อานาปานสติทั้งนั้น) แต่ที่พระองค์ได้บรรลุอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เพราะพระองค์ได้สังเกตุพบอาการทางจิตจนถึงขั้นที่สุดของมันคืออะไรนั่นคือ... เห็นการเกิดดับของเวทนาขันธ์ ของสัญญาขันธ์ ของสังขารขันธ์จนชัดแจ้ง และพบว่านั่นคือ "อนัตตา" คือความมีตัวตนอยู่ชั่วคราว... จนพระองค์กล่าวว่าเป็นสิ่งที่พระตถาคตอัศจรรย์ภายในใจถึงเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งจะแตกต่างกับบรรดาฤๅษี, ดาบส, นักพรตทั้งหลาย ที่ต่างพอได้ฤทธิ์ เห็นปาฏิหารย์ภายในจิตต่างๆ ก็ติดข้องอยู่แค่ตรงนั้น และเชื่อว่านั่นคือที่สุดแล้วขอรับ... ซึ่งเมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้วประกาศคำสอนออกไป พวกเหล่าฤๅษี, ดาบส, นักพรตมากมายที่ทำอานาปานสติได้อยู่แล้ว ได้กระทำตามวิธีของพระตถาคตอีกไม่เท่าไหร่ก็บรรลุเป็นอรหันต์ไปได้อยู่ก็มากมาย ตามพระสูตรหลายพระสูตรที่กล่าวถึงไว้ขอรับ
... หลักของอานาปานสติของพระตถาคต ตามที่กระพ๊มได้ลงไว้ในทู้นี้ (ลองหาดูแล้วกันขอรับ ขี้เกียจพิมพ์ซ้ำ... ฮี่ๆๆ) คือการฝึกจิตให้อยู่กับกาย ที่พระตถาคตเรียก "กายคตาสติ" จิตที่ไวเหมือนกับลิงที่กระโดดจับกิ่งไม้โน้นนี้ อยู่ตลอดเวลา... ก็เปรียบลิงคือจิต... กิ่งไม้ทั้งหลายคือ รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร... ก็คือขันธ์ทั้ง 4 นั่นเอง.. ที่ไปจับยึดกับวิญญาณ (จิต)... พระตถาคตกล่าวว่าการกล่าวถึงการทำงานของขันธ์เพียงขันธ์เดียว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้... ผู้รู้ (วิญญาณ) ต้องอาศัยผู้ถูกรู้ (ขันธ์ทั้ง 4)... เป็นปฏิจสมุปันธรรม คือเกิดดับอยู่ตลอดเวลาเป็นธรรมดา... จึงมีระบบชีวิตเกิดขึ้น... ฉะนั้น การที่รู้สติคือสติปัฐฐาน 4 ด้วยวิธีอานาปานสติ คือการยึดขันธ์เพียงขันธ์เดียวไว้กับผู้รู้ คือกายคือลมอันหนึ่งของกายทั้งปวง ละขันธ์ทั้ง 3 เสีย... เมื่อถึงกาลที่รูปขันธ์ (กาย) แตกดับ... วิญาณหรือจิตไม่สามารถสร้างภพจากขันธ์ทั้ง 4 ได้... นั่นแหละการเกิดจะไม่มี เมื่อการเกิดไม่มี นั่นก็คือ "นิพพาน" ของพระตถคตขอรับ...
นี่เป็นอีกเรื่องที่กระพ๊มพบได้จากการศึกษาพุทธวจนะ... พระตถาคตได้กล่าวธรรม แล้วยกตัวอย่างเปรียบให้เหล่าสาวกดู... ล้วนชัดแจ้ง เป็นอกาลิโกคือพูดเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วคนที่ฟังก็รู้ได้ ผ่านมาอีกสองพันปีดูการเปรียบเปรยแต่ละเรื่องของพระตถาคตก็ชัดแจ้ง ตรงจริงเหมือนเดิมทุกประการ... ก็ดังเช่นเรื่องจิต ที่พระตถาคตเปรียบเหมือนลิงนั่นแหละขอรับ... ไม่ต้องแปล ไม่ต้องไปนั่งตีความให้วุ่นวาย อ่านปั๊บเห็นภาพตามได้แจ้งแทงตลอด... ไม่รู้พระยุคนี้ไปเอามาจากไหน พูดกำกวมๆ แล้วไปตีปริศนาธรรมเอาเอง... พวกแปลไม่ออก ก็จะเอาหน้าสามมาฟาดพระนั่นแหละ... พูดให้มันชัดๆก็ไม่ได้...
Edited by wat, 26 May 2013 - 19:44.
Posted 26 May 2013 - 19:50
ขอบคุณทั้งคุณ Noii และคุณวัชร ที่ช่วยชี้แจงให้อิฉันผู้ยังเขลาได้เข้าใจมากขึ้น ชอบค่ะเพราะเป็นการให้ความเห็นอย่างมีหลักด้วยเหตุและผล คงต้องไปนั่งอ่านอีกครั้งอย่างที่คุณวัชรว่าไว้แหละเจ้าค่ะเพื่อทำความเข้าใจก่อน
Posted 26 May 2013 - 20:02
ขอบคุณทั้งคุณ Noii และคุณวัชร ที่ช่วยชี้แจงให้อิฉันผู้ยังเขลาได้เข้าใจมากขึ้น ชอบค่ะเพราะเป็นการให้ความเห็นอย่างมีหลักด้วยเหตุและผล คงต้องไปนั่งอ่านอีกครั้งอย่างที่คุณวัชรว่าไว้แหละเจ้าค่ะเพื่อทำความเข้าใจก่อน
เอาแบบง่ายสุดที่พระตถาคตกล่าวก็... ที่พระองค์กล่าวกับคนแก่เฒ่าคนหนึ่ง มาทูลขอธรรมง่ายๆแก่ตนผู้แก่เฒ่าแล้ว เวลาเหลือน้อยแล้วสักบทหนึ่งตอนพระตถาคตกำลังบิณฑบาต พระตถาคตก็กล่าวบอกรอให้พระองค์บิณฑบาตให้เลร็จก่อน ชายผู้นั้นก็ยังตามทูลขอ พอถึงครั้งที่สาม พระองค์จึงนั่งลงแล้วให้ธรรมกับชายผู้นั้นไปคือ "สักแต่ว่า" เมื่อเธอได้ยิน ก็ "สักแต่ว่า" ได้ยิน... เมื่อเธอเห็นก็ "สักแต่ว่า" เห็น... เมื่อเธอได้กลิ่นก็ "สักแต่ว่า" ได้กลิ่น... เมื่อเธอลิ้มรสแล้วก็ "สักแต่ว่า"รู้สึกถึงรสนั้นๆ... เมื่อเธอรู้สึกใดๆทางกายก็ "สักแต่ว่า" รู้สึก... เมื่อเธอเกิดอารมณ์อันใดในใจก็ "สักแต่ว่า" รู้ถึงอารมณ์นั้น...
... นั่นคือ "ละนันทิ" ขอรับ... คือ "อย่าเพลินไปกับสิ่งใดๆ" ตามข้างต้นก็คือเมื่อเกิดผัสสะจากอายนตนะทั้ง 6 ก็ "สักแต่ว่า" รู้มันไป... อย่าเก็บมาให้นอนเนื่องในจิตเป็นเรื่องราว... อ่านดูดีๆนะขอรับ... บทนี้คือง่ายที่สุดของ "อริยสัจ" ที่พระองค์บอกสอนแล้วขอรับ สังเกตุดีๆ... จะเห็นความสอดรับกันในเหตุผลของหลักการอานาปานสติข้างต้นขอรับ...
Posted 26 May 2013 - 20:04
Posted 26 May 2013 - 20:16
คุณวัชรคะ คำกล่าวที่เป็นรูปภาพนำมาจากไหนคะ ในเว็บมีไหม หรือในหนังสือยิ่งดี ดิฉันจะได้นั่งทำความเข้าใจกับความหมายทีละน้อยคือไปอย่างช้าๆ เหมือนสมัยตอนเรียนหนังสือ ถ้ายังไม่เข้าใจจะนั่งอ่านอยู่นั่นแหละ ที่อิฉันหันมาสนใจเป็นเพราะช่วงนึงเบื่อมาก เบื่อไปทุกอย่าง ไปอยู่ชะอำคนเดียว ไปเจอหนังสือเล่มนึงชื่อ จิตภาพ ปกน่ารักดี เป็นรูปเณรน้อยเลยซื้อมาอ่าน เพราะนิยายที่เอาไปด้วยอ่านหมดแล้ว ค่อยๆนั่งทำความเข้าใจไปทีละบรรทัด เลยเกิดความคิดจะศึกษาการปฏิบัติดู ความจริงคุณหลวง (เปลี่ยนจากพลขับ มาเป็นคุณหลวง เพราะเวลาเธอแต่งชุดขาว แล้วเหมือน) ชวนมาหลายรอบแล้ว ก็ไม่ยอมไป ครั้งนี้ที่ต้องไปเพราะแอบไปสมัครให้เราด้วยเสร็จ ขนาดตอนไปสมัคร อิฉันแกล้งป่วยบอกนั่งรถไม่ไหว ไปเซ็นชื่อแทนเราเฉยเลย แต่ก็ดีค่ะ ได้เรียนรู้
ได้เห็นอะไรๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อนหลายอย่าง
Posted 26 May 2013 - 20:33
คุณวัชรคะ คำกล่าวที่เป็นรูปภาพนำมาจากไหนคะ ในเว็บมีไหม หรือในหนังสือยิ่งดี ดิฉันจะได้นั่งทำความเข้าใจกับความหมายทีละน้อยคือไปอย่างช้าๆ เหมือนสมัยตอนเรียนหนังสือ ถ้ายังไม่เข้าใจจะนั่งอ่านอยู่นั่นแหละ ที่อิฉันหันมาสนใจเป็นเพราะช่วงนึงเบื่อมาก เบื่อไปทุกอย่าง ไปอยู่ชะอำคนเดียว ไปเจอหนังสือเล่มนึงชื่อ จิตภาพ ปกน่ารักดี เป็นรูปเณรน้อยเลยซื้อมาอ่าน เพราะนิยายที่เอาไปด้วยอ่านหมดแล้ว ค่อยๆนั่งทำความเข้าใจไปทีละบรรทัด เลยเกิดความคิดจะศึกษาการปฏิบัติดู ความจริงคุณหลวง (เปลี่ยนจากพลขับ มาเป็นคุณหลวง เพราะเวลาเธอแต่งชุดขาว แล้วเหมือน) ชวนมาหลายรอบแล้ว ก็ไม่ยอมไป ครั้งนี้ที่ต้องไปเพราะแอบไปสมัครให้เราด้วยเสร็จ ขนาดตอนไปสมัคร อิฉันแกล้งป่วยบอกนั่งรถไม่ไหว ไปเซ็นชื่อแทนเราเฉยเลย แต่ก็ดีค่ะ ได้เรียนรู้
ได้เห็นอะไรๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อนหลายอย่าง
เท่าที่เห็นแว๊บๆก็พอนึกออกแล้วขอรับ ไปเจออะไร แบบไหนมาบ้าง... คนไม่เคยรู้คำตถาคตไปเจอการปฏิบัติแบบนั้น บางทีก็ท้อไปเลยเยอะแยะขอรับ คิดกันไปว่าการทำดี การทำกุศลตามแบบพุทธนี่มันยากจริงหนอ ไปทำทานแจกลิง แจกหมาดีกว่า... ได้บุญเหมือนกัน... เป็นงั้นไปหมดแหละขอรับ...
...ก็เข้าที่ http://watnapahpong.com/ นี่แหละขอรับ ไล่ดูตามหัวข้อก็ได้ แต่ถ้าเป็นกระพ๊มแนะนำ กระพ๊มแนะนำให้ฟังก่อนขอรับ เลือกฟังบรรยายธรรมเก่าๆของพระอาจารย์ก่อนก็ได้ ฟังให้เข้าใจที่มาที่ไปของท่านก่อนว่าทำอะไร ที่ไหน ยังไง ทำไมต้องพุทธวจนเท่านั้น แล้วค่อยไปหาอ่านในหัวข้อหนังสือตามเวปดังกล่าวนั่นแหละขอรับ...
กระพ๊มใช้โหลดใส่โทสับ ฟังติดหูได้ทั้งวัน ฟังวนๆๆไปเรื่อยๆสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็หาอันใหม่มาใส่แทนไปเรื่อยๆงี้แหละขอรับ...
นั่งมาทิก่อน... อยากทราบอะไรเดี๋ยวกลับมาตอบใหม่ขอรับ...
Posted 26 May 2013 - 21:09
ขอแชร์ ใบไม้ในกำมือ ด้วยคนครับ เกี่ยวกับ mind n body หน่ะครับ
พี่มะนาวครับ ผมเชียร์ตามที่คุณวัชรบอกนะครับ เรื่อง อานาปานสติ ครับ
เพราะการควบคุม บริหาร ลมหายใจ นั้น ส่งผลต่อร่างกายเราอย่างมากที่จะเข้าถึงสมาธิครับ
พระพุทธเจ้าคิดออกได้อย่างไรว่าต้องเอา ลมหายใจ ไปกระตุ้นประสาทส่วนที่ทำงานอัตโนมัติ
ไขสันหลังส่วนล่าง ตั้งแต่กลางหลังไปสุดก้นกบ เป็นส่วนที่ทำให้จิตสงบนิ่งครับ ท่านเลยเอาลมหายใจไปกด
ส่วนบนคือไหล่ลงไปถึงปอด ประสาททำงานในภาคalert ครับ ไม่ค่อยดีกับการนั่งสมาธิ เหมาะสำหรับนักกีฬา
ความเห็นผม คนส่วนมาก หลีกห่างจาก อานาปานสติ เพราะมันมีเทคนิคในการฝึกหายใจที่ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย
ถ้าคนไม่เก็ท ก็จะทิ้ง อานาปานสติ ไปเลย..
ตามที่พระตถาคตกล่าวถึงอานาปานสติ... พระองค์บอกถึงว่า... "เป็นเครื่องอยู่ของพระองค์ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นโพธิสัตว์... จนตรัสรู้ได้ และปรินิพพาน" อานาปานสติถ้าศึกษาตาคำพระตถาคตแล้วจะรู้ได้ว่า... มีมาแต่ก่อนพระตถาคตจะเกิดเสียอีกขอรับ มีผู้ที่กระทำจนได้ฤทธิ์ทางใจอยู่มากมาย (ฤๅษี, ดาบส, นักพรตทั้งหลาย ต่างก็ใช้อานาปานสติทั้งนั้น) แต่ที่พระองค์ได้บรรลุอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เพราะพระองค์ได้สังเกตุพบอาการทางจิตจนถึงขั้นที่สุดของมันคืออะไรนั่นคือ... เห็นการเกิดดับของเวทนาขันธ์ ของสัญญาขันธ์ ของสังขารขันธ์จนชัดแจ้ง และพบว่านั่นคือ "อนัตตา" คือความมีตัวตนอยู่ชั่วคราว...
คุณ Wat เคยบอกไว้ว่า Heavy Metal มีอยู่ ก็เป็น สิ่งที่ยังคงอยู่.......ดังนั้น สิ่งใดที่มีอยู่ สิ่งนั้นย่อมเป็น สิ่งที่ยังคงอยู่…
เมื่อกี้อ่าน rep ของคุณ Wat เรื่อง อนัตตา ผมเห็นด้วยครับว่า นี้คือ แกนกลางพุทธศาสนา
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย ก็แล้วแต่มุมมอง เพราะศานาพุทธเป็นเรื่อง ยากแต่คนส่วนใหญ่
ประมาท คิดว่า ง่าย แค่อ่าน แค่ฟัง แค่ฯลฯ ก็เข้าใจแล้ว หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็จะเป็นการ
สบประมาท ในพระปัญญาพระผู้มีภาค กว่าพระองค์จะตรัสรู้ได้ใช้เวลานานถึง
4 อสงขัยแสนกัปป*****
อนัตตา มีเฉพาะในคำสอนทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น แสดงถึง ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่หาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนไม่ได้ เป็นสภาพธรรมที่ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เป็นสภาพธรรม ที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น
การไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น คำนี้ จะต้องละเอียด ว่า อะไรที่ทำหน้าที่ไม่ยึดมั่น ถือมั่น และ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในอะไร และ ไม่ควรยึดมั่น อย่างไร
ด้วยความเป็นเรา เป็นสัตว์บุคคล ด้วยโลภะ มานะ และ ความเห็นผิดว่า มีเรา มีสัตว์บุคคล ยึดมั่นด้วยกิเลส
สภาพธรรมที่ทำหน้าที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น คือ ปัญญา ความเห็นถูก และ จะต้องเป็น ปัญญาระดับสูงมาก ที่ดับความเห็นผิดจนหมดสิ้น ถึงความเป็นพระโสดาบัน ชื่อว่าละความยึดมั่น ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์บุคคลจริงๆ ไม่ใช่เพียงบอกว่าอย่ายึดมั่น ถือมั่น แล้วจะไม่ยึดมั่นถือมั่น หรือแค่เพียงคิด ว่าจะไม่ยึดมั่น ถือมั่น ก็สำเร็จแล้ว
ไม่ควรยึดมั่นในอะไร คือ ไม่ควรยึดมั่นในสภาพธรรมในขณะนี้ ว่าเป็นเรา เป็นสัตว์บุคคล เช่น เห็นขณะนี้ก็สำคัญว่าเป็นเราเห็น เมื่อปัญญาเกิด ย่อมรู้ว่าเป็นเพียง สภาพธรรมที่เห็น ไม่ใช่เราที่เห็น คำว่า อนัตตา จึงครอบคลุมสภาพธรรมทุกอย่างแม้แต่ การไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ต้องละเอียดว่า บังคับบัญชาไม่ได้ด้วย ที่จะเพียงบอกให้ไม่ยึดมั่นถือมั่นและจะไม่ยึดมั่นถือมั่น
เพราะไม่มีเรา เป็นอนัตตา ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เพราะเป็นแต่เพียงธรรม คือ ปัญญาที่จะทำหน้าที่เอง ที่จะละความยึดมั่น เมื่อปัญญาไม่เกิดย่อมไม่สามารถละความยึดมั่น เห็นผิดว่าเป็นเราเป็นสัตว์ บุคคลได้ การศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ สำคัญที่จะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานอย่างดี ก็จะทำให้เมื่อได้ยินคำใด ก็ไม่คิดเอง ก็จะไม่เข้าใจผิด แม้แต่คำว่า อนัตตา และ ไม่ยึดมั่น ถือมั่น
"เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วเป็นอะไร?"
เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละอย่าง ๆ เท่านั้น
ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรมก็มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีทุกสิ่งทุกอย่าง หลังฟังธรรมก็ยังมีสัตว์ บุคคล ตัวตน...แต่เข้าใจขึ้น???????????
****กัปป คำนวณอย่างหยาบ เลข หนึ่ง ตามด้วย ศูนย์ ร้อยสี่สิบตัว
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 21:20
คุณจักร์ วันนี้รายการธรรมะวันอาทิตย์ใช่ป่าว เดี๋ยวติดกัณฑ์เทศน์ให้
คุณ Wat เคยบอกไว้ว่า Heavy Metal มีอยู่ ก็เป็น สิ่งที่ยังคงอยู่.......ดังนั้น สิ่งใดที่มีอยู่ สิ่งนั้นย่อมเป็น สิ่งที่ยังคงอยู่…
เอามาแซวกันได้ แหมก็คุณวัชรต้องการให้เข้ากะ concept ของบ้านดินเหนียว เดี๋ยวเหอะจะโดนมิใช่น้อย จากท่าตีลังกาม้วนตัว 3 ตลบ อันขึ้นชื่อ
Edited by lazylemon, 26 May 2013 - 21:26.
Posted 26 May 2013 - 21:30
คุณจักร์ วันนี้รายการธรรมะวันอาทิตย์ใช่ป่าว เดี๋ยวติดกัณฑ์เทศน์ให้
ไม่ใช่ครับ เห็น ลูกติดพันเลย ขอสักหน่อย
เพลงทางยุโรปนี่ก็เพราะไปอีกแบบเนอะบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าสไตล์มันไม่เหมือนทางฝั่ง อเมริกา
ผมไม่เคยอยู่ อังกฤษ แต่ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
ศิลปิน และ วงดนตรี ที่ผมชอบ กลายเป็น UK ส่วนใหญ่
เช่น Pink Floyd The Police Supertramp
งั้น .......สักเพลง
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 21:41
คุณจักร์ วันนี้รายการธรรมะวันอาทิตย์ใช่ป่าว เดี๋ยวติดกัณฑ์เทศน์ให้
คุณ Wat เคยบอกไว้ว่า Heavy Metal มีอยู่ ก็เป็น สิ่งที่ยังคงอยู่.......ดังนั้น สิ่งใดที่มีอยู่ สิ่งนั้นย่อมเป็น สิ่งที่ยังคงอยู่…
เอามาแซวกันได้ แหมก็คุณวัชรต้องการให้เข้ากะ concept ของบ้านดินเหนียว เดี๋ยวเหอะจะโดนมิใช่น้อย จากท่าตีลังกาม้วนตัว 3 ตลบ อันขึ้นชื่อ
แค่ สนุก กัน คลายเคลียด ตามประสา เพื่อน พี่ น้อง ครับ
หาก ตีลังกามา สามตลบ
ปิด Notebook หนีแล้วครับ
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 21:49
วันนี้นั่งเรียนบทที่1 กะคุณนาย การโทรออก และรับสาย โทรศัพท์ เหอๆ พี่ก็พวกโลว์เทคไม่ค่อยได้โทรคุยกะใคร แล้วต้องมาใช้ Iphone กว่าจะใช้เป็นทุก function พี่ว่าเครื่องอาจจะ expire ไปก่อนก็ได้
ให้คุณนายหาเพลง 10 cc I'm not in love มาเป็นเสียงเรียกเข้า สุดยอด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ เพราะเธอทำเครื่องใหม่เธอก่อน
Posted 26 May 2013 - 21:56
วันนี้นั่งเรียนบทที่1 กะคุณนาย การโทรออก และรับสาย โทรศัพท์ เหอๆ พี่ก็พวกโลว์เทคไม่ค่อยได้โทรคุยกะใคร แล้วต้องมาใช้ Iphone กว่าจะใช้เป็นทุก function พี่ว่าเครื่องอาจจะ expire ไปก่อนก็ได้
ให้คุณนายหาเพลง 10 cc I'm not in love มาเป็นเสียงเรียกเข้า สุดยอด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ เพราะเธอทำเครื่องใหม่เธอก่อน
10 cc I'm not in love
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 21:57
"เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วเป็นอะไร?"
เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละอย่าง ๆ เท่านั้น
ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรมก็มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีทุกสิ่งทุกอย่าง หลังฟังธรรมก็ยังมีสัตว์ บุคคล ตัวตน...แต่เข้าใจขึ้น???????????
****กัปป คำนวณอย่างหยาบ เลข หนึ่ง ตามด้วย ศูนย์ ร้อยสี่สิบตัว
กระพ๊มตีลังกาตลบเดียวก็หงายเงิบแล้วขอรับ... ถ้าคนข้างๆเรียกตีลังกาคงไม่ได้ต้องเรียกกลิ้ง... เอิ๊กๆๆๆ ( หันไปดูข้างหลังแว๊บขอรับ... อยู่ป่าวฟ๊ะ...)
พระตถาคตกล่าวว่า... สัตว์หรือสัตตานังก็คือ "ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น ตัณหาเป็นเครื่องผูก ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏนี้" ขอรับ... ก็คือพวกเราก็ใช่ เทวดาที่ยังไม่ได้อริยก็ใช่ เด รัจฉานก็ใช่ เปรตวิสัยก็ใช่ สัมภเวสี อสูรกาย(ผู้มีกายไม่งาม) ฯลฯ ล้วนใช่ทั้งหมดขอรับ... แต่สัตว์นี้ ไม่ใช่วิญญาณ ไม่ใช่ขันธ์ทั้งสี่... ดังนั้นสัตว์ตัวนี้มีนอกเหนือ "อนัตตา" ขอรับ... เพราะพระตถาคตกล่าวต่อไปว่า... เมื่อสัตว์นี้เห็นได้ถึงการเกิดการดับของวิญญาณได้โดยรู้แจ้งใน "อริยสัจ4" นี้... สัตว์นั้นจะกลายไปเป็น "วิมุติญาณทัศน" คือผู้ถึงแล้วซึ่งวิมุติ... ไม่ต้องเวียนกลับมาเกิดอีกขอรับ...
กระพ๊มฟังเรื่องนี้ แล้วฟังไปถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ของโลกธาตุ เกิดขึ้นมาอย่างไร มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเกิดมาได้อย่างไรจากพุทธวจนะ ถึงเข้าใจตามนี้ขอรับ...
กัปป์หนึ่งๆ พระตถาคตกล่าวเปรียบไว้หลายพระสูตรขอรับ... เช่นพระสูตรนี้... "เขาหินแท่งทึบ กว้าง, ยาว, สูง 16 โยชน์ (1 โยชน์ = 16 กิโลฯมั้งขอรับ ถ้าจำไม่ผิด) ทุกๆร้อยปีมีบุรุษผู้หนึ่ง นำผ้ามาลูบเขาหินนี้โดยทั่วครั้งหนึ่ง... ทำไปเรื่อยๆจนแท่งหินนี้ราบเรียบไปนั้น... "ยังไม่เท่ากัปป์กัปป์หนึ่งเลย" ขอรับ...
คิดดูแล้วกัล นี่แค่กัปป์เดียว... แล้วเราเกิดมากี่แสนล้านชาติปีแสงแล้วขอรับ...
Posted 26 May 2013 - 22:05
"เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วเป็นอะไร?"
เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละอย่าง ๆ เท่านั้น
ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรมก็มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีทุกสิ่งทุกอย่าง หลังฟังธรรมก็ยังมีสัตว์ บุคคล ตัวตน...แต่เข้าใจขึ้น???????????
****กัปป คำนวณอย่างหยาบ เลข หนึ่ง ตามด้วย ศูนย์ ร้อยสี่สิบตัว
กระพ๊มตีลังกาตลบเดียวก็หงายเงิบแล้วขอรับ... ถ้าคนข้างๆเรียกตีลังกาคงไม่ได้ต้องเรียกกลิ้ง... เอิ๊กๆๆๆ ( หันไปดูข้างหลังแว๊บขอรับ... อยู่ป่าวฟ๊ะ...)
พระตถาคตกล่าวว่า... สัตว์หรือสัตตานังก็คือ "ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น ตัณหาเป็นเครื่องผูก ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏนี้" ขอรับ... ก็คือพวกเราก็ใช่ เทวดาที่ยังไม่ได้อริยก็ใช่ เด รัจฉานก็ใช่ เปรตวิสัยก็ใช่ สัมภเวสี อสูรกาย(ผู้มีกายไม่งาม) ฯลฯ ล้วนใช่ทั้งหมดขอรับ... แต่สัตว์นี้ ไม่ใช่วิญญาณ ไม่ใช่ขันธ์ทั้งสี่... ดังนั้นสัตว์ตัวนี้มีนอกเหนือ "อนัตตา" ขอรับ... เพราะพระตถาคตกล่าวต่อไปว่า... เมื่อสัตว์นี้เห็นได้ถึงการเกิดการดับของวิญญาณได้โดยรู้แจ้งใน "อริยสัจ4" นี้... สัตว์นั้นจะกลายไปเป็น "วิมุติญาณทัศน" คือผู้ถึงแล้วซึ่งวิมุติ... ไม่ต้องเวียนกลับมาเกิดอีกขอรับ...
กระพ๊มฟังเรื่องนี้ แล้วฟังไปถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ของโลกธาตุ เกิดขึ้นมาอย่างไร มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเกิดมาได้อย่างไรจากพุทธวจนะ ถึงเข้าใจตามนี้ขอรับ...
กัปป์หนึ่งๆ พระตถาคตกล่าวเปรียบไว้หลายพระสูตรขอรับ... เช่นพระสูตรนี้... "เขาหินแท่งทึบ กว้าง, ยาว, สูง 16 โยชน์ (1 โยชน์ = 16 กิโลฯมั้งขอรับ ถ้าจำไม่ผิด) ทุกๆร้อยปีมีบุรุษผู้หนึ่ง นำผ้ามาลูบเขาหินนี้โดยทั่วครั้งหนึ่ง... ทำไปเรื่อยๆจนแท่งหินนี้ราบเรียบไปนั้น... "ยังไม่เท่ากัปป์กัปป์หนึ่งเลย" ขอรับ...
คิดดูแล้วกัล นี่แค่กัปป์เดียว... แล้วเราเกิดมากี่แสนล้านชาติปีแสงแล้วขอรับ...
ยกมาย้ำอีกครั้ง
พระพุทธวจนะเหล่านี้ โดยสภาพแห่งธรรมแล้ว เป็นสัจธรรมที่ทรงแสดงว่า เป็นธรรมที่ลึกซึ้งรู้ได้ยาก
รู้ตามเห็นตามได้ยาก สงบประณีต ไม่อาจจะรู้ได้ด้วยการตรึก ละเอียด เป็นธรรมอันบัณฑิตจะรู้ได้
Edited by chackrapbong, 26 May 2013 - 22:08.
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 22:15
แหมฝนตกหนักไปหน่อยเน็ตเลยหลุด คุยธรรมะกันเพลินเลยนะ สอง ไม่หนุ่ม
ดังนั้นสัตว์ตัวนี้มีนอกเหนือ "อนัตตา" ขอรับ..
อ่านแล้วต้องกระพริบตา 1 ตรั้ง แล้วอ่านอีกหน อ้อ นอก เหนือ อนัตตา บาปไหมคะเนี่ย
Posted 26 May 2013 - 22:15
ยกมาย้ำอีกครั้ง
พระพุทธวจนะเหล่านี้ โดยสภาพแห่งธรรมแล้ว เป็นสัจธรรมที่ทรงแสดงว่า เป็นธรรมที่ลึกซึ้งรู้ได้
ยาก รู้ตามเห็นตามได้ยาก สงบประณีต ไม่อาจจะรู้ได้ด้วยการตรึก ละเอียด เป็นธรรมอันบัณฑิตจะรู้ได้
รู้ได้ด้วยการเดินตาม "มารรค 8" เท่านั้นขอรับ ไม่ยากเกินปุถุชนจะเข้าใจได้... แต่ "โอกาส" จะได้เข้าถึงธรรมนั้น... แสนยากมากกว่าขอรับ... พระตถาคตกล่าวไว้... แม้นได้เกิดมาเป็นมนุษย์แต่ไม่ได้พบธรรมของตถาคต...ก็อด... เกิดมาในยุคที่ธรรมตถาคตยังมีอยู่ แต่ไม่สดับรับฟัง... ก็อด... เกิดมาพร้อมการบังเกิดตถาคต แต่เกิดสติวิปลาส... ก็อดอีก... กระพ๊มลองพิจารณาดูง่ายๆขอรับ... มนุษย์โลกมีทั้งหมดเท่าไหร่? ได้เกิดเป็นคนพุทธ... เท่าไหร่? เป็นคนพุทธแล้วได้สดับธรรมตถาคตแบบไม่นอกแนว... เท่าไหร่...
โห... เราได้เป็น 1 ในนั้นนี่ก็ลาภสุดประเสริฐของมวลมนุษยชาติแล้วขอรับ... บอกแล้วจะเชื่อหรือไม่ กระพ๊มไม่ทราบได้... ยิ่งฟังเยอะ ยิ่งเข้าใจขอรับ สำหรับกระพ๊ม... ตอนนี้มีหน้าที่อย่างเดียวคือ "เดินตามมรรคของพระตถคตไปเรื่อยๆ ตราบชีวิตจะสิ้นไป" ขอรับ...
Posted 26 May 2013 - 22:17
แหมฝนตกหนักไปหน่อยเน็ตเลยหลุด คุยธรรมะกันเพลินเลยนะ สอง ไม่หนุ่ม
ดังนั้นสัตว์ตัวนี้มีนอกเหนือ "อนัตตา" ขอรับ..
อ่านแล้วต้องกระพริบตา 1 ตรั้ง แล้วอ่านอีกหน อ้อ นอก เหนือ อนัตตา บาปไหมคะเนี่ย
ตาหาเรื่องอย่างนี้ต้องอ่าน ขนอม เป็น ขน - อม แบบข้อกล่าวหาแน่ๆรุยขอรับ...
Posted 26 May 2013 - 22:23
แหมฝนตกหนักไปหน่อยเน็ตเลยหลุด คุยธรรมะกันเพลินเลยนะ สอง ไม่หนุ่ม
ดังนั้นสัตว์ตัวนี้มีนอกเหนือ "อนัตตา" ขอรับ..
อ่านแล้วต้องกระพริบตา 1 ตรั้ง แล้วอ่านอีกหน อ้อ นอก เหนือ อนัตตา บาปไหมคะเนี่ย
แหมฝนตกหนักไปหน่อยเน็ตเลยหลุด คุยธรรมะกันเพลินเลยนะ สอง ไม่หนุ่ม
ดังนั้นสัตว์ตัวนี้มีนอกเหนือ "อนัตตา" ขอรับ..
อ่านแล้วต้องกระพริบตา 1 ตรั้ง แล้วอ่านอีกหน อ้อ นอก เหนือ อนัตตา บาปไหมคะเนี่ย
ตาหาเรื่องอย่างนี้ต้องอ่าน ขนอม เป็น ขน - อม แบบข้อกล่าวหาแน่ๆรุยขอรับ...
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 22:28
กล่าวหาเราดื้อๆซะงั้น ป่าวเสียหน่อย ก็ข้างหน้ามีคำว่าสัตว์ไงคะเลยอ่านเพลินไปหน่อย แต่คนนั้นนะอย่าให้ต้องพูดเลย เดี๋ยวจะว่าเราอุตส่าห์ไปลำบากกายมาตั้ง 7 คืนแล้วไม่ได้อะไรกลับมาบ้าง เพราะเอาแต่นั่งทางใน(หลับตลอด)
คุณจักร์ชอบใจละซิ
Posted 26 May 2013 - 22:28
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 22:39
สวัสดีตอนกลางคืนเจ้าค่ะ
Posted 26 May 2013 - 22:41
คุณจักร์ถามหน่อยดิ หลังจากไม่อยู่ ดูจะมีเรื่องสนุกหลายเรื่อง เรื่องคุณพอเข้าใจว่าต่อเนื่องมา แล้วยกมาเล่นใหม่ แต่เรื่องขอโทษคุณโทนี่เนี่ยเป็นมากันยังไง
Posted 26 May 2013 - 22:55
คุณจักร์ถามหน่อยดิ หลังจากไม่อยู่ ดูจะมีเรื่องสนุกหลายเรื่อง เรื่องคุณพอเข้าใจว่าต่อเนื่องมา แล้วยกมาเล่นใหม่ แต่เรื่องขอโทษคุณโทนี่เนี่ยเป็นมากันยังไง
ขอโทษ ครับ ตอบช้า ผมไปชงกาแฟ
มีการสมัตร ใหม่ ขณะที่ถูก ภาคฑันฑ์
แล้ว เข้ามาโพสท์ อีกครั้ง
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
Posted 26 May 2013 - 23:12
พี่หมายถึงว่าเขาทำอะไร อ่านเจอว่าคุณโทนี่จะเอาเรื่อง เหมือนเอารูปอวาตาร์ไปใช้ประมาณนั้น แต่อยากอ่านต้นเรื่อง คือกระทู้ไปไวมาก ยังเห็นคุณจักร์เข้าไปด้วยเลย
เห็นเข้ามาใช้ชื่อว่า sorryna
0 members, 2 guests, 0 anonymous users