รอดูมันจะแถทางไหน อีก
ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ไม่แถว่า เงินกู้มา แล้วหรือ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า เงินงบกลางปี 115,000 ล้านบาท รัฐบาลมีแหล่งเงินที่นำมาใช้ คือ 1.เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 95,860 ล้านบาท และ 2.ภาษีและรายได้อื่น 19,139 ล้านบาท
นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายตามนโยบายเร่งด่วน 18-19 โครงการนั้น มาตรการที่สำคัญคือ การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ วงเงินกว่า 18,800 ล้านบาท แยกเป็นเงินช่วยมนุษย์เงินเดือน ที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่มีรายได้ไม่ถึง 14,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีประมาณ 8 ล้านคน ทั้งพวกที่ตกงานและพวกที่ยังมีงานทำอยู่ ให้ได้รับเงินพิเศษ 2,000 บาทต่อรายครั้งเดียว คิดเป็นวงเงินกว่า 16,000 ล้านบาท และรวมถึงข้าราชการ พนักงานราชการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ที่มีรายได้ต่ำกว่า 14,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีจำนวนกว่า 1.23 ล้านราย ให้ได้รับเงินพิเศษ 2,000 บาทต่อคนเช่นกัน ซึ่งเป็นเงินงบประมาณรวม 2,328 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.52 เป็นต้นไป และยังเตรียมจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุ 3 ล้านคน 500 บาทต่อเดือน ส่วนเงินที่ส่งผ่านให้กองทุนหมู่บ้านจะรอใช้งบประมาณจากส่วนอื่นๆ ต่อไป
http://www.thaigoodg...vity.php?id=583
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งงบกลางมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยกแรก 1.167 แสนล้านบาทในงบประมาณปี 2552 ซึ่งงบก้อนนี้อยู่ในการบริหารจัดการของพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ คือ 7.4 หมื่นล้านบาท และเกือบทุกโครงการเป็นโครงการที่ล้วนแต่ได้ชื่อว่าประชานิยม ได้แก่
โครงการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน โดยช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ใช้งบ 2,652 ล้านบาท (งบกลาง),โครงการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน 6,900 ล้านบาท (งบกลาง),โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทต่อผู้ประกันตน จำนวน 8,138,815 คน,โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะต้องจ่ายงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ รวม 11,409 ล้านบาท,โครงการเรียนฟรี 15 ปี ใช้งบประมาณ 2.46 หมื่นล้านบาท,โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน 15,200 ล้านบาท,โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 1,808 ล้านบาท,โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย 1,095 ล้านบาท
โครงการไทยเข้มแข็งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2533-2555)โดยจะใช้งบมาจาก 3 ส่วนได้แก่ งบประมาณปี 2553 จำนวน 613,855 ล้านบาท เงินกู้จากพ.ร.ก.และพ.ร.บ. 8แสนล้านจำนวน 692,244 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 260,768 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2554-2555 จะมีการใช้งบประมาณประจำปี 2554 และ 2555 มารวมด้วย จึงทำให้งบก้อนนี้เป็นงบก้อนใหญ่มหึมาและผูกพันเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
แผนงานโครงการไทยเข้มแข็งนี้มีทั้งหมด 13 หมวด ได้แก่ สาขาทรัพยากรน้ำและการเกษตร,สาขาขนส่ง/โลจิสติกส์,สาขาพลังงาน,สาขาการสื่อสาร,สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว,สาขาพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข,สาขาการศึกษา,สาขาสวัสดิภาพของประชาชน,สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี,สาขาสิ่งแวดล้อม,สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว,สาขาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และสาขาการลงทุนในระดับชุมชน โดยเงินลงทุนที่ต้องการในปี 2552-2553 มีจำนวน 235,720 ล้านบาท และวงเงินลงทุนที่ต้องการในปี 2554-2555 มีจำนวน 685,796 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จแล้วเป็นจำนวนมากถึง 921,516 ล้านบาท โดยรัฐบาลประกาศว่าจะนำไปใช้ในโครงการขนาดเล็กได้มากถึง 6,000 โครงการ
"พอลคุงกับผู้มีรายได้น้อยในตอนปี 52 ซึ่งรับเช็คช่วยชาติไปและยืนยันว่าเป็นเงินของกองทุน (ซึ่งเกิดจากการสมทบของคุณเอง) ไม่ใช่เงินกู้กับเงินภาษีแม่ค้าร้านข้าวมันไก้
มาพนันกับผมดีกว่า
หากผมผิด ผมจะไปจากบอร์ดนี้ทันที
หากคุณผิด ช่วยเอาเงิน 2,000 บาทไปคืนแม่ค้าร้านข้าวแกงร้านไหนก็ได้
ก้าวออกมาเลยครับ"
แล้วถ้าคุณแพ้จะเลิกล้อกอิน "Mark lover" ไปด้วยไหม การกู้เพื่อชดเชยงบประมาณนั้น โดยปรกติทุกรัฐบาล ก็ทำอยู่ประจำอยู่แล้วหากเงินหมุนเวียนไม่ทันจ่าย รอเงินจากการเก็บภาษี (1) เอามาพูดได้ เขาทำกันทุกรัฐบาลโว้ย ได้กู้จริงหรือไม่ เพราะบางครั้งเงินภาษีเก็บได้พอก่อนได้ใช้เงิน ก็ไม่มีการกู้ หรือ การสว๊อปเงินกันระหว่างธนาคารของรัฐ
"(1) ส่วนกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้สูงกว่าเป้า เนื่องจากปีนี้ มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ส่งผลให้ 11 เดือนของปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.32 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 95,860 ล้านบาท หรือ 6.8% และต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 205, 000 ล้านบาท หรือ 13.4% ซึ่งทั้ง 3 กรมภาษีจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการนำส่งรายได้เข้าคลังของรัฐวิสาหกิจก็ต่ำกว่าเป้าด้วย"
ที่เขาพูดกันมันเงินกู้ พรก. และพรบ.ไม่ใช่หรือ จะแถอีกล่ะซิ แบบนี้เองบอกว่าเอาเงินกู้มาใช้กันทุกรัฐบาลเลยว่ะ
เอาข่าวมาครึ่งเดียวอีกแล้ว
นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายตามนโยบายเร่งด่วน 18-19 โครงการนั้น มาตรการที่สำคัญคือ การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ วงเงินกว่า 18,800 ล้านบาท แยกเป็นเงินช่วยมนุษย์เงินเดือน ที่เป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่มีรายได้ไม่ถึง 14,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีประมาณ 8 ล้านคน ทั้งพวกที่ตกงานและพวกที่ยังมีงานทำอยู่ ให้ได้รับเงินพิเศษ 2,000 บาทต่อรายครั้งเดียว คิดเป็นวงเงินกว่า 16,000 ล้านบาท และรวมถึงข้าราชการ พนักงานราชการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ที่มีรายได้ต่ำกว่า 14,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีจำนวนกว่า 1.23 ล้านราย ให้ได้รับเงินพิเศษ 2,000 บาทต่อคนเช่นกัน ซึ่งเป็นเงินงบประมาณรวม 2,328 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เดือน เม.ย.52 เป็นต้นไป และยังเตรียมจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุ 3 ล้านคน 500 บาทต่อเดือน ส่วนเงินที่ส่งผ่านให้กองทุนหมู่บ้านจะรอใช้งบประมาณจากส่วนอื่นๆ ต่อไป มนุษย์เงินเดือน 8 ล้านคนยิ้ม
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ครม.ได้เห็นชอบให้ใช้งบกลางปี 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนไม่เกิน 1.4 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งมีทั้งสิ้น 8 ล้านคน จากผู้ประกันตนกว่า 9 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพรายละ 2,000 บาท (ครั้งเดียวในรอบมาตรการ 6 เดือน) และโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน วงเงิน 6,900 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะเบิกจ่ายได้ทันทีหากมีการอนุมัติเบิกจ่ายงบกลางปี
Edited by Stargate-1, 3 September 2013 - 15:48.