เผอิญผมอ่าน 2 ข่าวเวลาเดียวกัน ทั้ง 2 ข่าวชี้ประเด็นนี้เลยครับ
ผมก็ชักแหม่งๆนะ มันจะกล้าเหิมเกริมตรงๆขนาดนี้เชียวหรือ?
http://www.manager.c...D=9560000122999
“มาร์ค” จวกทูลเกล้าฯ แก้ รธน.ทั้งที่มีปัญหา ส่อกดดันศาล “ถาวร” ชี้เดินหน้าชนสถาบัน
หัวหน้าประชาธิปัตย์ จับตา “สมศักดิ์” แจ้งรัฐระงับทูลเกล้าฯ แก้ รธน.หรือไม่ งงทำทำไมทั้งๆ ที่มีปัญหา แนะรอดูท่าทีศาล รธน. จวกส่อกดดันศาล แสดงเจตนาชัดไม่เคารพตุลาการ “ถาวร” ชี้มิบังควร ยันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน สับเดินหน้าชนสถาบัน
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.ว่า ขั้นตอนแรกคือนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ต้องตัดสินใจว่าเมื่อมีคำร้องให้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จะแจ้งรัฐบาลให้ระงับการทูลเกล้าฯ หรือไม่ การอ้างว่าศาลคงไม่รับเป็นความเห็นนายสมศักดิ์ และเมื่อส่งเรื่องไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ก็มีเวลาตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และทราบอยู่แล้วว่าศาลรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา จึงไม่ทราบว่าเหตุใดรัฐบาลต้องประกาศว่าวันที่ 1 ต.ค. จะทูลเกล้าฯ และไม่รอแล้ว ทั้งที่ยังมีปัญหาอยู่ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ทำไม ควรเก็บไว้เพื่อดูท่าทีว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีแนวโน้มพิจารณาอย่างไร และไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างการทูลเกล้าฯ ตนค่อนข้างเชื่อว่าถ้าศาลพิจารณาไม่ทันอาจจะมีคำสั่งออกมา ทุกคนก็ทำหน้าที่ตัวเองสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่หากทูลเกล้าฯ แล้วเกิดปัญหาขั้นตอนที่จะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ต้องมีปัญหาอีกว่าศาลตัดสินมาแล้วจะปฏิบัติอย่างไร หากชัดว่าศาลพิจารณาไม่ทัน ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างนั้นมีเหตุผล ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่าหากวันที่ 1 ต.ค.นี้ นายกฯ จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว มองอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่ามองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นการกดดันว่าถ้าใช้วิธีนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วจะทำให้ศาลมีแรงกดดันมากขึ้น ถ้าตัดสินว่าไม่ชอบก็จะยุ่ง เพราะเรื่องทูลเกล้าฯ แล้วและคงเป็นความพยายามสร้างกระแสกดดัน ซึ่งไม่เหมาะสมที่จะเรื่องที่ยังมีข้อโต้แย้งและอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ นำความขึ้นกราบบังคมทูล เรื่องนี้นายกฯ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหาในขั้นตอนที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงเจตนารมณ์อยู่แล้วว่าไม่เคารพศาลรัฐธรรมนูญ เห็นได้จากการพูดหลายครั้งมีลักษณะข่มขู่ศาล
ด้านนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเตือนว่า เป็นเรื่องที่มิบังควร เพราะจะกระทบต่อเบื้องพระยุคลบาท เพราะกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เร่งด่วนที่เป็นวิกฤตของประเทศชาติ รัฐบาลควรรอตามที่กฏหมายกำหนด คือ 20 วัน เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน ที่จะนำขึ้นการทูลเกล้าฯ แม้ร่าง พ.ร.บ.นี้จะผ่านการโหวตวาระ 3 แล้ว เพราะขั้นตอนจากนี้ถือเป็นปมร้อนที่จะเกิดความขัดแย้ง หากนายกฯเร่งนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วยังไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ที่กำหนดว่าร่างพระราชบัญญัติใด พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยและ พระราชทานคืนมายังรัฐสภา หรือเมื่อพ้น 90 วันแล้วมิได้พระราชทานคืนมา รัฐสภาจะต้องนำร่าง พ.ร.บ.นั้นมาปรึกษากันใหม่ หากยังมีมติยืนยันตามเดิมด้วยเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา ให้นายกฯ นำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ อีกครั้ง เมื่อพระมหากษัตริย์มิได้ทรงลงพระปรมาภิไธยใน 30 วัน ให้นายกฯ ประกาศในพระราชกิจจาบังคับใช้เป็นกฎหมายได้
“กรณีนี้ถือว่าเป็นการเดินหน้าชนสถาบันอย่างแน่นอน ทั้งที่การตั้งศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมา เพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่มีปัญหาความเห็นต่างในข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญโดยตรง จึงควรรอคำวินิจฉัยของศาลก่อน เพราะเป็นการออกแบบให้มีการถ่วงดุลการใช้อำนาจกันและกัน” นายถาวรกล่าว
http://www.manager.c...D=9560000123023
40 ส.ว.ย้อนเกล็ด รบ.อ้างทูลเกล้าฯ ใน 20 วัน ที่ร่างงบฯ ปล่อยเลย ชี้ “ปู” ส่อหมิ่นสถาบัน
“ไพบูลย์” แถลงยื่น นายกฯ ระงับทูลเกล้าฯ แก้ที่มา ส.ว. เหตุร้องศาล รธน.ตาม ม.154 ควรรอคำวินิจฉัยก่อน ชี้อ้างทูลเกล้าฯ ใน 20 วัน ต้องเป็นกรณีไม่มีการยื่นศาลสอบ ย้อนร่าง พ.ร.บ.งบฯ 57 ก็เลยทูลเกล้าฯ 20 วันแล้ว เตือนเร่งตามคำแนะคนใกล้ชิดทั้งที่มีปัญหา ไม่บังควร อาจระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ส่อหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ “สุรศักดิ์” ข้องใจข้อกังขาเพียบ ถึงรับทูลเกล้าฯ “เจตน์” เตือนนายกฯ อย่าให้เป็นพระราชภาระ อาจถูกยื่นขัด ม.68
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แถลงว่า เมื่อเวลา 09.40 น.ตนได้ยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอให้ระงับการดำเนินการทูลเกล้าฯ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่มา ส.ว. เนื่องจากวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมากลุ่ม ส.ว.ได้ยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ส่งความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 ว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โดยล่าสุดทราบว่าประธานวุฒิสภากำลังให้ฝ่ายธุรการตรวจสอบลายมือชื่อ ส.ว.และจะส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบในสัปดาห์นี้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีควรระงับการดำเนินการทูลเกล้าฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการอ้างว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วันนั้นใช้ในกรณีที่ร่างกฎหมายไม่มีการยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ แต่หากยื่นให้ศาลตรวจสอบตามมาตรา 154 แล้ว ต้องระงับการทูลเกล้าฯ ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย แม้จะพ้นกำหนด 20 วันแล้วก็ตาม ซึ่งล่าสุดกรณีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ก็เลยกำหนดการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วันแล้วเช่นเดียวกัน
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า หากนายกรัฐมนตรีนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างเร่งรีบผิดปกติ ตามคำแนะนำของบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาและจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการตรวจสอบร่างกฎหมายที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เชื่อได้ว่าอาจจะมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีนำร่างกฎหมายที่มีปัญหามากมายยังไม่สิ้นข้อสงสัย และอยู่ในระหว่างการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่กลับนำขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างเร่งรีบ เป็นการกระทำที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง เพราะทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจถูกกล่าวโทษว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 157 จึงหวังว่านายกรัฐมนตรีจะระงับนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
edit เพิ่ม
มาเพิ่มบทความที่สอดคล้องในทางเดียวกันครับ
http://www.thaipost....ws/300913/80018
'นำขึ้นทูลเกล้าฯ' มิเจตนา...แต่จงใจ
เปลว สีเงิน
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ในการนำ พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ไม่เพียงผิดเฉยๆ
มีโทษด้วย!
และนอกจากโทษ ยังผิดในทางสังคม ตรงนี้น่ากลัว ผมว่ายิ่งลักษณ์, รัฐบาลเพื่อไทย, ทักษิณ, และ นปช.เสื้อแดง เหิมเกริมจนแยกไม่ออกในความหวาดเสียวจากพฤติกรรมหยาบ "ทางการเมือง" เมื่อปี ๕๒-๕๓ กับพฤติกรรมที่กำลังจะกระทำต่อ "สถาบัน" ขณะนี้....ด้วยการ
"บังอาจท้าทายต่อพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์!"
ด้วยรู้ทั้งรู้ว่า เมื่อโหวตวาระ ๓ แล้ว ประธานรัฐสภาส่งพ.ร.บ.รัฐสภาผัว-เมียมาให้วันไหน ภายใน ๒๐ วัน ตัวนายกฯต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แต่ยิ่งลักษณ์ยังทำ
นั่นก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว เพราะชัดแล้ว "ระบอบทักษิณ" ชักธงรบ ประกาศศึก พร้อม "แตกหัก" กับทุกสถาบัน-ทุกฝ่าย-ทุกคน ที่ไม่เห็นด้วย ไม่เอาด้วยกับระบอบทักษิณ!
โดยทั่วไป ผู้สะอาด กาย-วาจา-ใจ ในการกระทำต่อสถาบันชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์ ต่างตระหนักกันดีว่า ไม่บังควรอย่างยิ่งที่ใครจะนำสิ่งไม่บริสุทธิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ หรือน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์
แต่ยิ่งลักษณ์กลับกระทำ!
เมื่อระบอบทักษิณถือดี "จะทำซะอยาง...ใครจะทำไม" ยิ่งลักษณ์โดยระบอบทักษิณก็ต้องรู้ด้วยว่า ไม่มีใครไปทำอะไรพวกท่านหรอก
"นอกจากประชาชน"!
เมื่อถึงที่สุดแล้ว ไม่มีสีเหลือง-สีแดง-สีเขียว-สีดำ-สีฟ้า มีแต่ประชาชนทั้งผอง ผู้ไม่ยอมให้ใคร..หน้าไหนทั้งสิ้น มากระทำก้ำเกินด้วยหมิ่นต่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมใจ-รวมไทย ของประชาชนชาวไทยทุกคน
การนำกฎหมายที่ยังมีปัญหาให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็เท่ากับจงใจ
จงใจดึงให้ "พระมหากษัตริย์" ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง การบริการ การปกครอง กับประชาชน!
Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 30 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:51.