สันดานโจร
1)ขณะนี้ ยิ่งลักษณ์และพวกได้พยายามออกมาสร้างความเห็นผิดแก่สังคม
ใช้สื่อขี้ข้า ลิ่วล้อบริวาร โหมกระพือยาพิษ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนประเด็นการวินิจฉัยคดีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
แทบไม่ต่างกับที่ทักษิณ ชินวัตร เมื่อคราวที่มีคดีซุกหุ้น อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ
ครั้งนั้น ในคำวินิจฉัยส่วนตัวของอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ “ประเสริฐ นาสกุล” ระบุไว้ชัดเจนว่า
“...เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อผู้ร้อง (ป.ป.ช.) กล่าวหาผู้ถูกร้อง (ทักษิณ) ว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบมีข่าวที่ค่อยๆ เบี่ยงเบนประเด็นที่ผู้ถูกร้อง (ทักษิณ) ถูกกล่าวหาทีละน้อยๆ และเป็นระยะๆว่า ผู้ถูกร้อง (ทักษิณ) ประกอบธุรกิจจนร่ำรวยด้วยน้ำพักน้ำแรง ไม่มีการทุจริต ผิดกฎหมาย ผู้ถูกร้อง (ทักษิณ) เป็นคนแรกที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ประชาชนทราบ ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับ ผู้ถูกร้อง (ทักษิณ) สมัครใจยื่นรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมเอง หากศาลเห็นว่าผู้ถูกร้องกระทำผิด ก็เป็นการทำผิดโดยสุจริตควรใช้หลักรัฐศาสตร์ชะลอการตัดสินคดี หรือยกโทษให้ผู้ถูกร้อง ไม่ควรลงโทษผู้ถูกร้องซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนสิบกว่าล้านคน เพื่อให้โอกาสผู้ถูกร้องบริหารประเทศต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะไม่มีใครดีกว่าผู้ถูกร้อง ประเทศไทยขาดผู้ถูกร้องไม่ได้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติให้ศาลกระทำได้ และเมื่อใกล้จะถึงวันที่ศาลลงมติ มีข่าวหนาหูขึ้นว่า ฝ่ายผู้สนับสนุนผู้ถูกร้องจะชุมนุมกัน เพื่อกดดันศาล จะวางเพลิงเผาศาล ตลอดจนจะทำร้ายตุลาการบางคน จนกระทั่งมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปให้ความคุ้มครอง ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินไปอย่างน่าเสียดายเป็นต้น ข่าวต่างๆ ดังกล่าวมานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากมิใช่เป็นการแสดง "ความเห็นแก่ตัว" ของคน...”
ครั้งนี้ ก็มีความพยายามจะบิดเบือนประเด็นด้วยวิธีการคล้ายๆเดิม สันดานเดียวกันแท้ๆ
2) ประเด็นสำคัญของคดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญเวลานี้ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 จากกรณีก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตัวเองและผู้อื่นในการแต่งตั้งโยก ย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช. หรือไม่?
ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่ายิ่งลักษณ์กระทำเข้าข่าย ก็มีความผิด
ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ไม่มีทางเลี่ยงอื่นใด
กรณีนี้ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางไปแล้วว่าผิดกฎหมาย โดยยิ่งลักษณ์ได้ใช้อำนาจย้ายนายถวิลออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. เพื่อเปิดทางให้โยก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ข้ามมาเป็นเลขาธิการ สมช. แทน เพื่อจะเปิดทางให้แต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน เครือญาติของตนเอง ขึ้นเป็น ผบ.ตร. เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรมและนิติธรรม ไม่มีเหตุผล ไม่อาจอ้างว่าเป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา
หากนายกฯ กระทำการต้องห้ามดังกล่าว ความเป็นรัฐมนตรีก็จะสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 และเมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดตามมาตรา 182 ก็เป็นผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามไปด้วย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 บัญญัติให้ "รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 182..."
3) แทนที่ยิ่งลักษณ์จะไปต่อสู้ในประเด็นสาระสำคัญแห่งคดีข้างต้น โดยนำข้อเท็จจริงมาพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้กระทำการต้องห้ามดังกล่าว ไม่ได้โยกย้ายโดยมิชอบ โดยผิดกฎหมาย แต่กลับไปสร้างวาทกรรมบิดเบือน สร้างความเห็นผิดแก่สังคม เช่น อ้างว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตัดสินคดี
นักนิติอักษรศาสตร์ขี้ข้า ตะแบงอ้างว่า ถึงอย่างไรยิ่งลักษณ์ก็จะต้องรักษาการอยู่ในตำแหน่งต่อไป ศาลจะตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งไม่ได้ แม้แต่ยิ่งลักษณ์จะลาออกก็ทำไม่ได้!
นายอำนวย คลังผา อดีตประธานวิปรัฐบาล ถึงกับออกมาขู่ว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอาจทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย!
แกนนำเสื้อแดงขี้ข้าก็ออกมาปลุกระดม ข่มขู่ สร้างเรื่องเท็จว่ามีขบวนการล้มรัฐบาลเป็นตุเป็นตะ กระทบชิ่งถึงสถาบันเบื้องสูง มั่วอ้างว่าฝ่ายตนทำอะไรก็ผิด!
มากเข้าก็ถึงขนาดประกาศทำสงคราม แบ่งแยกประเทศ เสีงระเบิดจะดังทั่วกรุงเทพฯ เป็นต้น
พฤติกรรมเดินตามรอยสมัยทักษิณติดคดีซุกหุ้นในศาลรัฐธรรมนูญเปี๊ยบ!
4) สังคมไทยเคยมีบทเรียนมาแล้ว จากคดีซุกหุ้นของทักษิณ
ครั้งนั้น เกิดขบวนการคล้ายๆ อย่างนี้ แล้วศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยให้ทักษิณชนะคดี
ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เคยสรุปบทเรียนไว้ชัดเจนว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้นนั้น ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย
เกิดการกระทำที่เป็นการบิดเบือน หรือหักดิบกฎหมาย!
คอป. เคยนำเสนอรายงาน บางตอนระบุว่า
“การละเมิดหลักนิติธรรมโดยกระบวนการยุติธรรมอันเป็นรากเหง้าของปัญหา เกิดจากกรณีของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2544 ในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 295 หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "คดีซุกหุ้น" ที่ศาลรัฐธรรมนูญมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักแห่งกฎหมาย...
...ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 7 คน ได้วินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทำการซุกหุ้นจริง ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 6 คนวินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้กระทำผิดในข้อกล่าวหา แต่ที่น่าประหลาดก็คือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวนอีก 2 คน ที่เคยลงมติว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ลงไปวินิจฉัยชี้ขาด ในเนื้อหาของคดีแต่อย่างใด เท่านั้นไม่พอศาลรัฐธรรมนูญเองยังได้นำเอาคะแนนเสียง 2 เสียงหลังนี้ ไปรวมกับคะแนนเสียงจำนวน 6 เสียง ที่วินิจฉัยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้กระทำผิดในข้อกล่าวหาว่า "ซุกหุ้น" แล้วศาลรัฐธรรมนูญได้สรุปเป็นคำวินิจฉัยชี้ขาดยกฟ้อง
การปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญในคดีดังกล่าวนี้จึงมีความไม่ชอบมาพากลที่ยากที่ ประชาชนทั่วไปจะเข้าใจได้ ทั้งบรรยากาศของบ้านเมืองในขณะนั้นดูจะไม่เอื้อต่อการที่จะทำความเข้าใจใน หลักกฎหมายดังกล่าวนี้ด้วยเพราะกระแสสังคมในบ้านเมืองในระหว่างการดำเนิน "คดีซุกหุ้น" นั้น เป็นไปในทิศทางที่มีการคาดหวังในตัวบุคคลอย่างรุนแรงมากจนทำให้ศาลรัฐ ธรรมนูญเกิดหวั่นไหวเลยทีเดียว...”
5) ผลจากการหักดิบกฎหมาย ช่วยอุ้มทักษิณ ทำให้บ้านเมืองเดินผิดทางตั้งแต่บัดนั้น
เพราะหากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีซุกหุ้นยึดหลักกฎหมายแล้ว ทักษิณก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา ผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือ “พตท.43" และ "ศอ.บต." ก็คงจะไม่ถูกยุบ เหตุการณ์ที่กรือเซะ-ตากใบ ตลอดจนการฆาตกรรมในสงครามยาเสพติด การลุแก่อำนาจ การแทรกแซงครอบงำองค์กรอิสระและวุฒิสภา แล้วระบอบทักษิณก็คงจะไม่เกิดขึ้น การยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
อาจารย์คณิตเคยเทียบเคียงกับคดีของฮิตเลอร์ โดยฮิตเลอร์เป็นคนออสเตรีย เข้ามาอยู่ในบาวาเรีย ในเยอรมัน เป็นทหารรับจ้างของกองทัพบาวาเรีย รบจนได้เหรียญตรา จากนั้นฮิตเลอร์ก็ก่อกบฏ ถูกจับขึ้นศาล ซึ่งกฎหมายเยอรมัน ณ ตอนนั้น คนที่เป็นคนต่างด้าวที่ถูกลงโทษจะต้องถูกเนรเทศด้วย แต่ศาลเยอรมันขณะนั้นอ้างว่าฮิตเลอร์มีความรู้สึกเป็นเยอรมันอย่างมาก ทั้งได้ประกอบคุณงามความดีจนได้เหรียญตรา จึงไม่ใช่คนต่างด้าว เป็นการบิดเบือนกฎหมายช่วยฮิตเลอร์ หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ก็ครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ก่อสงครามโลก เทียบกับคดีซุกหุ้นของทักษิณ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจถูกต้องตามกฎหมาย ทักษิณก็จะถูกอัปเปหิออกไปจากอำนาจ ไม่ขึ้นสู่อำนาจ ไม่สร้างความเสียหาย ไม่แตกต่างกัน
วันนี้ สันดานโจรกำลังถูกนำมาใช้อีกครั้ง!
กรณีของยิ่งลักษณ์ หากขบวนการสร้างความเห็นผิด ปลุกปั่นกระแสสังคม ข่มขู่คุกคามศาลรัฐธรรมนูญสามารถกระทำการได้ผลลัพธ์อย่างที่พวกเขาต้องการ บ้านเมืองจะไร้ขื่อแป ไม่ต่างกับยกบ้านยกเมืองให้โจร
สันดานโจรอยู่เหนือข้อเท็จจริงและกฎหมายบ้านเมือง
สันดานโจรแบบนี้ก็จะได้ใจ เหิมเกริม คิดว่าพวกตนทำได้ทุกอย่าง อยู่เหนือทุกสถาบัน!
รัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรค 5 บัญญัติไว้ว่า "คำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และองค์กรอื่นๆ ของรัฐ"
อย่ายอมให้รัฐบาลโจรครองเมือง!