เทคนิคทำอาหารประหยัดและอร่อย ในยุคข้าวยากหมากแพง
#102
ตอบ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 21:42
โฟร์ซีซั่นส์...หวานจนซ่านลิ้น ^ ^
โดย GermanManiac, 19 กุมภาพันธ์ 2555 21:06
http://webboard.seri...หวานจนซ่านลิ้น/
และเราได้เม้นท์ไปว่า
เป็ดพะโล้ที่เคยกินมาแล้วอร่อยที่สุด
ต้องแม่เราทำเอง
เป็นเป็ดไทย ทำพะโล้แล้ว เนื้อนิ่่มไม่เหนียว ไม่มีกลิ่นสาบ หอมพะโล้ รสชาติกลมกล่อม
ยิ่งได้แทะตรงปีกกับน่องนะ อื้อฮื้อ อร่อยจนไม่อยากกลืน
อยากอมไว้ในปากให้นานชั่วกาลปาวสานเลยเชียว
พูดถึงเรื่องเป็ด แม่เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเป็ด
ที่ทำอร่อยมากกกกกกก นอกจาก เป็ดพะโล้แล้ว
ยังมีข้าวต้มเป็ด (ตาเคยเปิดร้านขายข้าวต้มเป็ด แม่เลยรับสูตรตกทอดมา)
แล้วก็ เป็ดตุ๋นมะนาวดองอีก
เสียดายที่ทำเป็ดย่างไม่เป็น
ทำได้แต่แกงเผ็ดเป็ดย่าง
ว่าแล้วพรุ่งนี้ไปตลาดซื้อเป็ดมาทำเป็ดตุ๋นมะนาวดองดีกว่า
อากาศชักเริ่มเย็น ซดน้ำแกงร้อนๆอมเปรี้ยวหน่อยๆ คล่องคอนักแล
เนื่องจากหลังวันที่โพสต์ไปแล้วยังยุ่งอยู่ เพิ่งจะได้โอกาสเหมาะทำเป็ดตุ๋นมะนาวดองวันนี้
วันที่อากาศร้อนนนนน มากกกกกกก
แต่ไม่เป้นไรเนอะ ฟักมีสรรพคุณเป็นยาเย็น กินแล้วดับพิษร้อนได้
#103
ตอบ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 21:58
ใครที่ทอดปลาไว้รับประทาน ไม่ว่าจะเป็นปลาทู ปลานิล ปลาทับทิม ปลาสลิด ปลากะพง ปลาเก๋า ฯลฯ แล้วทานไม่หมด เหลือไม่ถึงซีกหนึ่งของตัวปลา จะนำมาทอดซ้ำเพื่อทานในมื้อต่อไป ก็มีปริมาณน้อยเกินไป แล้วพอทอดซ้ำ เนื้อปลาจะแข็งกระด้างไม่อร่อย จะทิ้งปลาไปก็เสียดาย เพราะเดี๋ยวนี้เงินทองหายาก ข้าวปลาก็มิใช่ถูกๆ อย่ากระนั้นเลย มาดัดแปลงตำน้ำพริกปลาเหลือๆกันดีกว่า
เริ่มจากแกะเนื้อปลาที่เหลือออกมาให้เกลี้ยง
เผาหอมแดง กระเทียม พริกชี้ฟ้า(สีแดงน้อยๆ สีเขียวมากๆ) พริกขี้หนู มากน้อยตามชอบ ปอกเปลือกและเอาส่วนที่ไหม้และเปลือกออกให้หมด
นำเนื้อปลาและเครื่องปรุงทั้งหลายใส่ครกตำให้แหลกพอประมาณ ตักใส่หม้อนำไปตั้งไฟ
เติมต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่งหั่นฝอย ลงไป ใส่เยอะๆก็ได้ จะช่วยเพิ่มความหอม คนให้สุกทั่วกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว(ซึ่งกำลังแพงมากๆ 3 ลูก 20 ในขณะนี้) จะโรยพริกป่นแถมก็ย่อมได้
แค่นี้ก็ได้น้ำพริกปลาเหลือ เมนูประหยัดอีกอย่างไว้รับประทานกับผักสด ผักลวกตามใจชอบ
อ้อ ที่จริงเมนูนี้ทานกับ มะเขือยาวเผาจะเข้ากั๊น เข้ากัน ดีมาก อร่อยจนข้าวเกลี้ยงจานโดยไมรู้ตัว
ส่วนใครที่ไม่มีปลาทอดเหลือๆก็ไม่ต้องลำบากใจ จะใช้ปลาทูตัวเล็กๆที่ใช้เลี้ยงแมวก็ได้ ซื้อมาสักเข่ง (3 ตัว) เอามา1 ตัวไปย่างพร้อมพริกแล้วนำมาแกะเนื้อใส่ครกตำ ที่เหลืออีก 2 ตัว นำไปทอดรับประทานเป็นอาหารอีกจาน
ส่วนมหาอำมาตย์ท่านใด อยากใช้กุ้งแห้งโลละ 800 มาแทนปลาทอดเหลือๆก็ได้ไม่ว่ากัน
- ดราม่า and Lucas Leiva Benitez Rodger like this
#104
ตอบ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 14:50
จึงขอเพิ่มเติม แทรกเนื้อความในเรื่อง น้ำพริกปลาเหลือ นิดหน่อยดังนี้
นำเนื้อปลาและเครื่องปรุงทั้งหลายใส่ครกตำให้แหลกพอประมาณ ตักใส่หม้อนำไปตั้งไฟ
เติมน้ำลงไปในครกนิดหน่อย เพื่อละลาย แล้วเอาน้ำล้างครกเทใส่หมอด้วย น้ำพริกจะได้ขลุกขลิก
เติมต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่งหั่นฝอย ลงไป ใส่เยอะๆก็ได้ จะช่วยเพิ่มความหอม คนให้สุกทั่วกัน
#105
ตอบ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 22:07
625]
ใครมีเมนูทานได้หลาย ๆ วันแชร์กันหน่อยครับ
โดย lionidas, 12 มีนาคม 2555 16:28
เลยขอนำคำตอบจากกระทู้นั้นมารวบรวมไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ทานได้นานๆ ก็ต้องปลาเค็ม
ขอเสนอ ยำปลาเค็ม
ซื้อปลาเค็มปลาอินทรีมา 1 ชิ้น ราคาประมาณ 25 บาท
ขูดเอาหนังกับผิวหน้าออก (เผื่อแม่ค้าแถมยาฆ่าแมลงบนผิวปลาเค็ม)
เครื่องปรุงอื่นๆมี น้ำมันพืชใช้ทอด หอมแดงซอย พริกขี้หนูแดงเขียวซอย น้ำตาล มะนาว
วิธีทำ ทอดปลาเค็มให้สุก อย่ากลับปลาบ่อย เดี๋ยวเละซะก่อน ตอนนี้กลิ่นจะหอมฟุ้ง โชยไป 3 บ้าน 8 บ้าน
ตักใส่จานแล้วรีบโรยน้ำตาลลงบนชิ้นปลาตอนที่ยังร้อนจี๋อยู่ให้ทั่วทั้งชิ้น น้ำตาลจะละลายเป็นคาราเมลจับผิวปลา ทำให้ปลาเค็มรสชาติกลมกล่อม
ใส่หอมซอย พริกขี้หนูซอย บีบมะนาว ชิมรสตามชอบ เป็นอันเสร็จ
ทานยำปลาเค็ม 1 ชิ้นทานไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ 7 วันก็ยังไม่หมด
พอเริ่มเบื่อ แต่ปลาเค็มยังไม่หมด
แนะนำให้เอาปลาเค็มที่เหลือไปทำ ผัดคะน้าปลาเค็ม
เครื่องปรุงมี ปลาเค็มเหลือจากยำปลาเค็ม เขี่ยหอมแดง พริกที่เหลือออก ให้เหลือแต่เนื้อปลา
กระเทียม พริกขี้หนูสด น้ำมันพืช น้ำตาล น้ำมันหอย
วิธีทำ ใส่น้ำมันลงกะทะ ทอดปลาเค็ม เสร็จแล้วตักขึ้น
น้ำมันที่ใช้ทอดปลาเค็มนำมาผัดต่อเลย ใส่กระเทียมบุบ พริกขี้หนูหั่นแฉลบ ก้านคะน้าหั่นแฉลบลงไปพร้อมกัน พอเริ่มมีน้ำมันจับผักสีสวย ใส่ใบผักตามไป ผัดเร็วๆอย่านาน ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำมันหอย ตักใส่จาน โปะหน้าด้วยปลาเค็ม เป็นอันเสร็จ
เมนูนีดีตรงที่มีไอโอดีน
แต่เสียตรงที่ความเค็มไม่ดีต่อไต นานๆทานที คงไม่เป็นไร
ผักที่ใช้ผัด ไม่จำเป็นต้องเป็นผักคะน้า เราเคยใช้ผักอื่นแทน ก็อร่อยดีไปอีกแบบ
ลองดูว่าผักอะไรถูกในช่วงนั้น
ผักกาดขาว ถั่วงอก กวางตุ้ง ใช้ได้ทั้งนั้น
ขอให้ผัดผักแบบเร็วๆ ผักจะกรอบ เข้ากันดีกับปลาเค็ม
อย่าผัดนานจนผักเหี่ยวเหนียว เป็นใช้ได้
#106
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 19:58
พระผู้ทรงยอมดื่มน้ำอันเป็นพิษอันเกิดจากพิธีกวนน้ำทิพย์
พระผู้ทรงยอมอุทิศในทุกสิ่งเพื่อปกป้อง สรรพสิ่งทั้งมวลมิให้ตกอยู่ในความมืดมน
พระศอ อันดำสนิทเปรียบดุจ นิล น้ำงาม ก่อกำเนิดกลายเป็นแรงดลใจ
จนกลายเป็น ความหอมหวาน อันมิอาจต่อต้านได้ในสามหล้า
หากจะให้ตั้งชื่อเป็นภาษาของคนต่างด้าวท้าวต่างเมือง ก็อาจจะปั้นแต่งจำนรรจา
ก็ให้รับไว้ในนามของ All Black Soup…
ตะนิ่นตาญี
วันพฤหัสบดีที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๑๙.๕๘ นาฬิกา
#107
ตอบ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:50
^
^
^
มาแล้วๆ ปลาหมึกน้ำดำ
ขอสักตัวได้ไหมคะ
จะเอาไปทานกับข้าวสวยร้อนๆ
คงอร่อยไม่รู้ลืม
ปล ขอตั้งชื่อบ้าง
Sweet Ink Soup
คงใช้ได้นะคะ
- ตะนิ่นตาญี likes this
#108
ตอบ 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 14:45
เห็น เมนู ปลาหมึกนึ่งมะนาว กับไข่ต้ม ของ คุณ asawinee แล้ว ตะนิ่นตาญี นึกถึง
อาหารจานโปรดขึ้นมาทันที ปลาหมึกน้ำดำ คุณ asawinee เคยทานไหมครับ?
วิธีในปรุงอาหารจานนี้ก็ไม่ยุ่งยากกระไรนัก ขออย่างเดียว ปลาหมึก ต้องสดจริงเท่านั้น
หากขึ้นมาจากทะเลสดๆยิ่งดี จะใช้น้ำจืด หรือน้ำเค็มก็ย่อมได้ ไม่ผิดกติกาใดๆทั้งสิ้น
เมื่อ ต้มน้ำ นั้น แต่พอให้เดือด เดือดแล้วใส่ปลาหมึก ลงไปเท่านั้นเป็นเสร็จพิธี
อย่ารังเกียจว่าน้ำที่ต้ม ปลาหมึก นั้นเป็นสีดำ สิทธิการิยะ ท่านว่าไว้
ยิ่งดำเหมือนศอของ พระศิวะฯ ที่ทรงดื่ม พิษ อันเกิดจากการกวนน้ำทิพย์ ยิ่งดี
ข้าวสวยร้อนๆสักหนึ่งจาน จะทานแต่น้ำก็หวาน จะทานทั้งเนื้อและน้ำ ก็อร่อย ไม่มีเทียม ลองดูสิครับ
แล้ว คุณ asawinee จะติดใจ...
ตะนิ่นตาญี
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๒๒.๔๕ นาฬิกา
เมนูนี้ของแม่ผม มีความแตกต่างนิดหน่อยนะครับ
คือจะใส่ตะไคร้กับหอมแดง ลงไปด้วย เพิ่มความหอมอีกนิดนึง
- ตะนิ่นตาญี and asawinee like this
#109
ตอบ 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:46
^
^
^
^
มาแล้วๆ ปลาหมึกน้ำดำ
ขอสักตัวได้ไหมคะ
จะเอาไปทานกับข้าวสวยร้อนๆ
คงอร่อยไม่รู้ลืม
ปล ขอตั้งชื่อบ้าง
Sweet Ink Soup
คงใช้ได้นะคะ
ใส่กล่องส่งให้ทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้วนะครับ คุณ asawinee
ตะนิ่นตาญี
เมนูนี้ของแม่ผม มีความแตกต่างนิดหน่อยนะครับ
คือจะใส่ตะไคร้กับหอมแดง ลงไปด้วย เพิ่มความหอมอีกนิดนึง
ขอบพระคุณมากครับ คุณ Shariff วันหลังจะให้ คุณแม่ ลองใส่ดูตามแบบของ คุณ Shariff บ้างครับ
คุณ asawinee และ คุณ Shariff เคยทาน ปลาต้มมะกอก ไหมครับ
นี่เป็นอีกเมนูที่ ตะนิ่นตาญี ชอบทานครับ
ตะนิ่นตาญี
#110
ตอบ 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 20:37
แต่สงกรานต์นี้ น่าจะมีอะไรเด็ดๆมาฝากพี่ๆเพื่อนๆ อีกครับ
Edited by GermanManiac, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 20:37.
#111
ตอบ 7 เมษายน พ.ศ. 2555 - 09:43
^
^
^
^
มาแล้วๆ ปลาหมึกน้ำดำ
ขอสักตัวได้ไหมคะ
จะเอาไปทานกับข้าวสวยร้อนๆ
คงอร่อยไม่รู้ลืม
ปล ขอตั้งชื่อบ้าง
Sweet Ink Soup
คงใช้ได้นะคะ
ใส่กล่องส่งให้ทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้วนะครับ คุณ asawinee
ตะนิ่นตาญี
เมนูนี้ของแม่ผม มีความแตกต่างนิดหน่อยนะครับ
คือจะใส่ตะไคร้กับหอมแดง ลงไปด้วย เพิ่มความหอมอีกนิดนึง
ขอบพระคุณมากครับ คุณ Shariff วันหลังจะให้ คุณแม่ ลองใส่ดูตามแบบของ คุณ Shariff บ้างครับ
คุณ asawinee และ คุณ Shariff เคยทาน ปลาต้มมะกอก ไหมครับ
นี่เป็นอีกเมนูที่ ตะนิ่นตาญี ชอบทานครับ
ตะนิ่นตาญี
สองวันก่อนเพิ่งคุยกับแม่เรื่องมะกอก ว่าเอามาทำกับข้าวอะไรดี นอกจากน้ำพริก คุยเรื่อยเปื่อยไปถึงมะกอกน้ำที่เอามาทานเล่นจิ้มพริกเกลือ
ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับปลาต้มมะกอก
น่าจะเป็นอาหารที่หาทานยากอีกอย่าง
คุณตะนิ่นตาญีช่างสรรหาอาหารน่าทานมาให้จินตนาการความอร่อย
กรรมวิธีทำเป็นอย่างไรบ้างคะ กรุณาบอกหน่อยเพื่อเป็นวิทยาทาน
#112
ตอบ 7 เมษายน พ.ศ. 2555 - 09:45
ช่วงนี้มาเช่าห้องอยู่ตัวคนเดียว (เื่พื่อทำงานในต่างจังหวัด) กลายเป็นพ่อครัวถุงพลาสติกไปแล้วครับช่วงนี้
แต่สงกรานต์นี้ น่าจะมีอะไรเด็ดๆมาฝากพี่ๆเพื่อนๆ อีกครับ
รออยู่ค่ะ
#113
ตอบ 7 เมษายน พ.ศ. 2555 - 19:53
ช่วงนี้มาเช่าห้องอยู่ตัวคนเดียว (เื่พื่อทำงานในต่างจังหวัด) กลายเป็นพ่อครัวถุงพลาสติกไปแล้วครับช่วงนี้
แต่สงกรานต์นี้ น่าจะมีอะไรเด็ดๆมาฝากพี่ๆเพื่อนๆ อีกครับ
จัดมาเลยค่ะอาจารย์ ซอมว่าจะกลับบ้านไปลองทำเนื้อตุ๋นน้ำผึ้งพริกไทยดำ
- G.Maniac likes this
#114
ตอบ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 - 16:41
#115
ตอบ 12 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:27
ใครที่ทำไข่เจียวบ่อยๆ สาเหตุเพราะชอบ ทำง่าย สะดวก มีความชำนาญแค่นี้ ราคาประหยัด หรืออะไรก็ตามที การดัดแปลงพลิกแพลงไข่เจียวเพื่อสร้างสีสันกันเบื่อ อาจทำได้โดยการเติมวัตถุดิบอื่นๆเข้าไปในการเจียว เช่น หมูสับ กุ้งสับ ผักต่างๆ ได้แก่ มะเขือเทศ หัวหอม หอมแดง ต้นหอม พริก ชะอม ดอกขจร ดอกโสน ใบโหรพาฯลฯ
วันนี้จึงขอนำเสนอเมนูไข่เจียวอีกแบบหนึ่งซึ่งแปลก ไม่ซ้ำซากจำเจ และขอเรียกว่า “ไข่เจียวพริกแกง”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นส่วนประกอบหลักของทอดมัน มักหนีไม่พ้นปลากราย ปลาอินทรี หมู กุ้ง แต่ทว่าบรรดาเนื้อสัตว์เหล่านี้ ราคาแพง แถมยังถีบตัวสูงขึ้นทุกวันๆ จะทำทอดมันทานเองก็รู้สึกว่าแพงเหลือใจ จะซื้อทานก็ไม่มั่นใจในน้ำมันที่ทอดว่า ได้เวียนเทียนไปกี่รอบแล้ว ทานเข้าไปจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเก็งกอยรึเปล่า ยิ่งทอดมันปลาบางเจ้าแม่ค้าเหมาปลาสารพัดสารเพที่ไม่ค่อยสดเพราะเหลือค้างแต่ราคาถูก มาขูดรวมๆกัน แล้วปั้นเป็นทอดมัน เวลาทานจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์โชยมา
อย่ากระนั้นเลย เรามาหาวัตถุดิบอื่นแทนเนื้อสัตว์ที่ว่าเพื่อทำทอดมันกันเถอะ หันไปหันมาเจอไข่ นั่นล่ะ ถูกดี มีโปรตีนที่เป็นประโยชน์แถมย่อยง่าย เอามาทำทอดมันซะเลย เมนูนี้จึงถูกเรียกว่า “ทอดมันไข่”
ถึงตรงนี้หลายๆท่านอาจทราบแล้วว่า “ทอดมันไข่” กับ “ไข่เจียวพริกแกง” มันก็ไอ้อย่างเดียวกันนั่นแหละ แล้วแต่ว่าเราจะยึดวัตถุดิบใดเป็นหลัก
วิธีทำง่ายมาก
ไข่ไก่ 2 ฟอง ตอกใส่ชาม ตีแรงๆ ใส่ถั่วฝักยาวซอยละเอียดยิบลงไป (จะใช้ถั่วพูแทนก็ได้ ไม่ว่ากัน)
ใส่พริกแกงแดงลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าโขลกพริกแกงเอง โขลกค่อนข้างหยาบจะดีมาก เวลาทานจะได้รสสัมผัสที่อร่อยขึ้น แต่ถ้าซื้อพริกแกงปรุงสำเร็จก็ใช้ได้ อร่อยน้อยลงหน่อย
ใส่ใบโหรพา ใส่ใบมะกรูดซอยยิบๆ จำนวนเล็กน้อย
เติมซีอิ้วขาว (อย่าใส่น้ำปลา จะคาว)พริกไทยจิ๊ดนึง น้ำผึ้งนิดหน่อยจะอร่อยเหาะ
คนส่วนผสมให้ทั่ว จากนั้นก็จัดการเจียวไข่ (หรือทอด ทอดมันก็ได้) ตามปกติ
เคล็ดลับ การทอด คือ เริ่มต้นใช้ไฟแรงให้น้ำมันร้อนจัด จากนั้นหรี่ไฟลงให้เหลือแค่ปานกลาง เอาทอดมันลงทอด (วิธีนี้จะทำให้เนื้อสัตว์ค่อยๆสุกโดยที่ผิวนอกจะไม่ไหม้ไปเสียก่อน) กลับด้าน พอเริ่มสุก ให้เปิดไฟแรงอีกครั้ง (เพื่อไม่ให้ทอดมันอมน้ำมัน) พลิกกลับด้านเร็วๆ จนทอดมันสุกทั่วกันดี จากนั้นรีบนำทอดมันขึ้นจากกะทะ
เทคนิคการใช้ไฟนี้ จะใช้กับของทอดอื่นๆก็ได้
เมนูนี้ ได้ตำรับมาจาก แขกรับเชิญในรายการ กินอยู่คือ ออกอากาศทางทีวีไทย ขอขอบคุณในความคิดสร้างสรรค์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
- G.Maniac and ploychanpen like this
#116
ตอบ 13 เมษายน พ.ศ. 2555 - 21:16
และนี่ก็คือ ๑ ในความสุข ทานอร่อย วันก่อนนี้ตอนเช้า
คุณภรรยา ของ ตะนิ่นตาญี ได้ทำ ข้าวผัดปู...
โดยมี หมูยอทอด เป็น topping บอกได้คำเดียว มีความสุข จริง-จริง ครับ
สำหรับ ปลาต้มมะกอก นั้นขออนุญาตผลัด คุณ asawinee ไว้ก่อน
เพราะไม่แน่ใจเรื่อง ปลา ควรใช้ ปลา ชนิดใด ตรงนี้ต้องรอคุยกับ คุณแม่ ให้ละเอียดสักนิด
ส่วน มะกอก นั้น คุณแม่ ใช้ มะกอกดอง ของ เมืองชลฯ เพราะ มะกอกดอง นั้นจะให้อร่อย
ต้องไม่ใช้ มะกอก ที่ ดิบเกินไป หรือ สุกเกินไป มาดอง ตรงในส่วนเรื่อง มะกอกดอง นี้
คุณแม่ จะมี ร้านเจ้าประจำ อยู่ที่ เมืองชลฯ ครับ...
ตะนิ่นตาญี
วันศุกร์ที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๒๑.๑๖ นาฬิกา
#117
ตอบ 14 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:49
ส่วนปลาต้มมะกอก รอได้ค่ะ และขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
#118
ตอบ 25 เมษายน พ.ศ. 2555 - 21:53
สมาชิกในบ้านของเรา ไม่ว่ารุ่นเล็กวัยประถม วัยทำงาน หรือวัยอาวุโสโอเค ล้วนชอบรับประทานปลา อาจเป็นเพราะสายเลือดคนจีนแต้จิ๋วซึ่งมีวิถีปฏิบัติในการรับประทานอาหารว่า ในหนึ่งวันต้องรับประทานปลาอย่างน้อยหนึ่งมื้อ บรรพบุรุษชาวแต้จิ๋วนั้นอาศัยอยู่ริมชายทะเล ประกอบอาชีพชาวประมงเป็นหลัก จึงนิยมรับประทานปลาทะเลที่จับมาเอง ได้รับไอโอดีนกันเอ๋อ โอเมก้าบำรุงรักษาหัวใจ อยู่เป็นอาจิณต์
บ้านเรานั้นนิยมชมชอบปลาทะเล ไม่ว่าจะเป็นปลาทู ปลาเก๋า ปลากะพง ปลาอินทรี ปลาตาเดียว ปลาลิ้นหมา ปลาดาบเงิน ฯลฯ แต่วันนี้ขอแหวกความจำเจ หันมาหาปลาน้ำจืดที่เรียกกันว่า ปลาช่อน เนื่องจากความเชื่อของชาวจีนที่ว่า ปลาช่อนนาสดๆนั้นเป็นอาหารบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด เหมาะกับผู้ป่วยซึ่งเพิ่งหายป่วยกำลังพักฟื้นเป็นอย่างดี ลองไปดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแผนกขายอาหารเสริมจำพวกรังนก ซุปไก่สกัดดูสิ จะเห็นซุปปลาช่อนบรรจุขวดวางขายอยู่ด้วย
ว่าแล้วก็ไปตลาดสดซื้อปลาช่อนนามาหนึ่งตัว ราคา 240 บาท ตัวใหญ่บักเอ้ก ให้แม่ค้าจัดการทำปลาให้เรียบร้อย จัดการแล่เนื้อออกมา ไม่ให้มีก้างติด เพื่อทำข้าวต้มปลาช่อน
ส่วนก้างกลาง หัวปลา พุงปลา หางปลา เนื้อปลาติดก้างอย่าทิ้ง นำมาทำอาหารอย่างอื่นได้อีก
วันนี้จึงขอนำเสนอ 3 เมนู ที่ทำมาจากปลาช่อนหนึ่งตัว
เมนูที่หนึ่ง ข้าวต้มปลาช่อน
- หุงข้าวหอมมะลิให้นุ่มนวลพอดี อย่าให้แฉะ หรือแข็งจนเกินไป
- ทำน้ำซุป ด้วยการใช้กระดูกสันหลังหมู (คนจีนเรียกเอียวเล้ง) 1 ท่อนยาวประมาณคืบ นำมาเลาะเอาไขสันหลังออกจากร่องกระดูกให้หมด (ถ้ายังมีอยู่จะทำให้น้ำซุปมันและขุ่นขาว) ใส่เอียวเล้งลงในน้ำให้ท่วม ตั้งไฟ พอเดือดจัด ให้หรี่ไฟลงเหลือไฟน้อยๆช้อนฟองออก น้ำซุปที่ได้จะไม่ขุ่น ปรุงรสด้วยน้ำตาลกรวด เกลือ พริกไทยเม็ดบุบพอแหลก (ถ้าชอบความเผ็ดร้อนก็ใส่ไปเลย 20 เม็ด ถ้าชอบพอดีๆใส่ประมาณ 15 เม็ด) กระเทียมบุบ 2 -3 หัว รากผักชี ใส่น้ำปลา ชิมรสตามชอบ
- แล่ปลาเป็นชิ้นๆ นำมาลวก ด้วยการแบ่งน้ำซุปจากหม้อใหญ่ มาใส่หม้อเล็ก กะให้น้ำซุปท่วมเนื้อปลาพอดีๆไม่มากเกินไป ใส่ข่าขนาดเท่านิ้วก้อยบุบให้แหลกลงไปเพื่อดับกลิ่นคาว พอน้ำซุปเดือดพล่าน ค่อยๆใส่เนื้อปลาทีละ ห้าหกชิ้นลงไปโดยที่น้ำซุปยังเดือดพล่านอยู่ตลอดเวลา (ห้ามเทเนื้อปลาทั้งหมดโครมเดียวลงในหม้อ เพราะจะทำให้ความร้อนจากน้ำซุปไม่เพียงพอ อุณหภูมิของน้ำซุปจะลดลงมาก ปลาจะคาว) นอกจากนี้ ห้ามคนเด็ดขาด!!! ค่อยๆใส่ปลาลงไปอีกเรื่อยๆ จนชิ้นปลาหมด ตักปลาลวกขึ้น ส่วนน้ำลวกปลานั้น รสชาติหอมหวานอย่าบอกใคร เก็บเอาไว้ใช้
- ตักข้าวใส่ชาม จัดเรียงเนื้อปลาลวกลงไป โรยต้นหอมผักชีใบคึ่นช่ายซอยลงไป โรยกระเทียมเจียว ตักน้ำลวกปลาเติมลงไปสักหนึ่งทัพพี แล้วเติมน้ำซุปจากหม้อลงไปให้เต็มชาม
ข้าวต้มปลาช่อนที่ยังไม่ได้เติมน้ำซุป
เติมน้ำซุปแล้ว
ส่วนใครชอบน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว ไว้จิ้มกับเนื้อปลา ก็ทำได้โดย นำข่าขนาดความยาวครึ่งนิ้วก้อย กระเทียม 2 หัว รากผักชี พริกขี้หนู (มากน้อยตามชอบ) ใส่ครกตำให้ละเอียด เติมเต้าเจี้ยว น้ำส้มสายชู ชิมรสให้ออกเค็ม นำ เปรี้ยวตาม
เมนูที่สอง ปลาช่อนทอด
อันนี้ง่ายมาก นำเนื้อปลาส่วนที่ติดก้างเล็กๆข้างลำตัว กับส่วนหางไปซาวเกลือแล้วล้างออก จากนั้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำไปทอดให้กรอบ เวลารับประทานก้างเล็กๆจะแตกละเอียดกรุบกรอบเวลาเคี้ยว ไม่ทิ่มตำเหงือกจนต้องร้องโอดโอย
เมนูที่สาม ปลาช่อนนึ่งแป๊ะซะ
นำหัวปลา ท้องปลา พุงปลา และก้างกลางของปลา มาจัดเรียงลงในชาม โรยหอมแดงบุบ ข่าบุบ ตะไคร้บุบ พริกขี้หนูบุบ ฉีกใบมะกรูดโรย เติมน้ำปลา ลงไปนึ่งในลังถึงซึ่งมีน้ำเดือดพล่าน ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที นำออกมาโรยผักชี บีบมะนาวแป้น (ลูกละ10 บาท ตามสภาพเศรษฐกิจยุคยิ่งลักษณ์ซึ่ง “แพงทั้งแผ่นดิน” ) ชิมรสให้เข้มข้นสะใจ
สามเมนูของปลาช่อนนา เอาใจคนทั้งบ้านได้ครบครัน
- ข้าวต้มปลาช่อน เอาใจ ผู้สูงวัย ที่ต้องการการบำรุงร่างกาย เนื้อปลานิ่มๆ เคี้ยวง่ายกลืนสะดวก
- ปลาช่อนทอด เอาใจเด็กๆวัยเรียน ที่ต้องการโปรตีนที่ย่อยง่าย และเสริมแคลเซี่ยม ด้วยกระดูกปลา
- ปลาช่อนนึ่งแป๊ะซะ เอาใจคนวัยทำงานที่ต้องการรสชาติจี๊ดจ๊าดร้อนแรงของอาหาร เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
ที่นี่ถึงจะเป็นอำมาตย์ แต่ก็ละเอียดถี่ถ้วน นึกถึงอรรถประโยชน์สูงสุดเป็นที่ตั้ง 5555
- G.Maniac and ตะนิ่นตาญี like this
#119
ตอบ 26 เมษายน พ.ศ. 2555 - 20:09
หัวปลา พุงปลา ท้องปลา หางปลา นำมาทำต้มยำน้ำใส ต้มแกะเนื้อออกมาให้หมดเพื่อมาใส่ครกตำกับพริกแกงทำแกงส้ม
เนื้อปลา นำไปทำห่อหมก ทำแกงเขียวหวาน ชุบแป้งทอดทำปลาสามรส นำไปผัดคึ่นช่าย ทำปลาช่อนลุยสวน เอาไปทอดเฉยๆก็ยังอร่อย
โอ๊ย!สารพัดสารเพเมนู
คิดๆแล้ว นึกภาพตามก็น้ำลายไหล ในเวลาสองทุ่มเศษ
- ตะนิ่นตาญี likes this
#120
ตอบ 27 เมษายน พ.ศ. 2555 - 15:49
#121
ตอบ 28 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:45
คิดอย่างไรกับ เครื่องปรุงสำเร็จรูป จำเป็นมากน้อยหรือไม่? ตัวอย่างตามภาพ ที่แนบมาด้วยนี้
สำหรับ ตะนิ่นตาญี เองแล้วไม่ใคร่ศรัทธากับพวกนี้เท่าไหร่ ยกเว้นแต่ กะทิ สำเร็จรูปเท่านั้น
เพราะถ้าจะให้ ตะนิ่นตาญี มานั่งขูดกะทิเองก็คงจะไม่ไหวแล้ว ส่วนพวก พริกแกง ใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า
ก็พอที่จะ กล่อมแกล้ม ไปได้ เลยสงสัย เครื่องแกงสำเร็จรูป จำเป็นหรือไม่อย่างไร
ตะนิ่นตาญี
#122
ตอบ 28 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:26
คนที่ชีวิตเร่งรีบ คนที่อยู่ใน สว. (สูงวัย) ไม่มีแรงโขลกน้ำพริก จะอาศัยของสำเร็จรูปก็คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ
เพียงแต่ต้องยอมรับว่า รสชาติอาจจะมีเพี้ยนบ้าง (เพราะต้องเติมสารเคมีบางตัว ให้อาหารคงสภาพ) ความหอมของสมุนไพรจางลง ความเข้มข้นน้อยลง
ส่วนตัวจึงไม่ขัดข้องค่ะที่จะมีสินค้าพวกนี้เพื่อเป็นทางเลือก
เพียงแต่ครอบครัวของเรานิยมใช้วัตถุดิบสดๆในการปรุงอาหาร
มันมีลีลา การยักย้ายถ่ายเทนิดๆหน่ิอยๆ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และที่สำคัญ... การทำอาหารเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
ยกตัวอย่างพริกแกงแดง
ที่บ้านจะใส่ดอกโหระพาลงไปด้วย เพื่อให้หอม
แต่... ในพริกแกงสำเร็จรูป คงไม่มีแน่ๆ
และพริกแกงต้องโขลกจึงจะให้ความหอมมากกว่าการใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า
การโขลกคือการทุบแรงๆ ทำให้เซลล์ของพืชสมุนไพรแตกออก น้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในเซลล์จะออกมา
แต่การใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า จะเป็นการตัดเฉือน ซึ่งมีบางเซลล์ของพืชที่แตกออก น้ำมันหอมระเหยจะออกมาได้ไม่มาก
ทว่า ในข้อดีของการโขลกพริกแกงเอง ก็มีข้อเสีย คือ เสียเวลา เสียพลังงาน เหนื่อยกับการทำอาหารเกินไปจนบางคนอาจไม่รู้สึกสนุก และรู้สึกเป็นภาระหนักกับการทำอาหาร
ไว้วันไหนไม่มีแรงทำอาหาร เราคงต้องพึ่งพาสินค้าสำเร็จรูปพวกนี้ค่ะ
- ตะนิ่นตาญี likes this
#123
ตอบ 28 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:30
มีน้ำซุปเหลือมากพอที่จะทำอาหารได้อีก
เพื่อนสมาชิกลองเดาดูนะคะว่า เราทำเมนูอะไรโดยใช้น้ำซุปที่เหลือ
คำใบ้ที่หนึ่ง
#124
ตอบ 29 เมษายน พ.ศ. 2555 - 14:04
งั้นขอเพิ่มคำใบ้ที่ 2 หน่อยนะคะ
ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก
อะไรเอ่ย
#125
ตอบ 29 เมษายน พ.ศ. 2555 - 21:00
เสียเซลฟ์นะเนี่ย!!
งั้นให้คำใบ้ที่ 3 เลยแล้วกัน
#126
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2555 - 07:10
ตะนิ่นตาญี
#127
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2555 - 09:29
เย็นตาโฟ ใช่ไหมครับ คุณ asawinee
ตะนิ่นตาญี
เสียใจด้วยนะคะ
ยังไม่ถูกค่ะ แต่ใกล้เคียงมากกกกกกก
เย็นตาโฟ ไม่ใส่คำใบ้ที่ 3 ค่ะ
#128
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2555 - 19:20
น้ำซุปที่เหลือ กับ กระเทียมเจียว ที่เหลือจากการทำข้าวต้มปลาช่อน นำมาทำนี่เลยค่ะ
ใส่ถั่วงอกรองก้นชาม เติมเส้นปลาลวก วางหมูสับต้มสุก ลูกชิ้นปลาลวก โรยต้นหอมผักชี กระเทียมเจียว
เติมน้ำซุปลงไป กลายเป็นเช่นนี้
แอ่น แอ้นนนนนน.....
ก๋วยเตี๋ยวเส้นปลา
Edited by asawinee, 30 เมษายน พ.ศ. 2555 - 19:20.
- Lucas Leiva Benitez Rodger likes this
#129
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2555 - 19:29
น้ำซุปที่ทำข้าวต้มปลาช่อน นำมาทำก๋วยเตี๋ยวเส้นปลาแล้ว ยังเหลือติดก้นหม้อนิดหน่อย
อย่ากระนั้นเลยแกะเศษเนื้อหมูที่ติดกับกระดูกหมูเอียวเล้ง มาทำกับข้าวต่อไปดีกว่า
- ตะนิ่นตาญี likes this
#130
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2555 - 20:48
น้ำซุปที่เหลือก้นหม้อ บวกกับเนื้อที่ติดกระดูกเอียวเล้ง มีค่า อย่าทิ้ง
นำมาทำผักต้มต่อไปดีกว่า
ผักที่นำมาต้ม มีชื่อเรียกหลายอย่างมาก.... ผักกาดไร่ ผักกาดรสวาซาบิ ผักขมจีน คนจีนเรียก ผักชุงฉ่าย (ชุนฉ่าย ก็ได้)
ถึงจะได้ชื่อว่าต้มผักกาดรสวาซาบิ แต่อาหารจานนี้ ไม่ได้มีรสวาซาบิแต่อย่างใด ตั้งชื่ออาหารให้ตื่นเต้นไปอย่างนั้นเอง
เริ่มแรก เทน้ำมันใส่ลงกะทะร้อน ใส่กระเทียมเป็นกลีบบุบลงไป ไม่ต้องเจียวให้หอม
ใส่เนื้อหมูที่แคะออกมาจากกระดูกมาแล้วลงไปผัดให้สุก
(ใครอยากเติมหมูสามชั้นก็ได้ โดยทอดหมูสามชั้นไว้ก่อนแล้วนำมาใส่ตอนนี้)
ใส่ผักลงไปผัดให้พอสลด ตักใส่หม้อน้ำซุปที่เหลือ เติมน้ำให้ท่วมผัก
ปรุงรสด้วยซีอิ้ว เกลือ ต้มสุกแล้ว ปิดฝา
ทิ้งค้างคืนไว้อย่างนั้น วันรุ่งขึ้นมาอุ่นเดือด รับประทานกับข้าวต้ม หรือข้าวสวยจะหอเจี๊ยะ!!
แบบเดียวกับการต้มจับฉ่าย แกงส้ม ที่ต้มทิ้งค้างคืนจะอร่อยกว่าต้มแล้วรับประทานทันที
เพราะกลิ่นเหม็นเขียวของผักจะจางหายไป ยิ่งผักกาดไร่นี้ ตอนที่ยังสดๆยิ่งเหม็นเขียวมากกกกก....เป็นพิเศษ
ต้มสุกแล้ว ก็ยังเหม็นหน่อยๆ ทิ้งค้างคืนจะหายเหม็น รสชาติของผักจะขมนิดๆ กระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี
สีสันอาจจะไม่เขียวสดใส เพราะผ่านการต้มค้างคืน แต่รสชาติ อร่อยล้ำเหลือใจ ....ขอบอก!!!
#131
ตอบ 30 เมษายน พ.ศ. 2555 - 21:19
วิธีทำเหมือนบะหมี่ไข่มาก ส่งสัยมาโคโบโลก๊อบไปจากจีน
จริงเท็จประการใดไม่ยืนยันนะครับ คุณ ดราม่า
เคยอ่าน หรือเคยได้ยินใครพูด มานานแล้ว ว่า เส้นพาสต้า-เส้นมักกะโรนี นั้น
ฟารั้ง มันเอา วิธีคิด-วิธีทำ ไปจากการทำ บะหมี่ ของจีน จริงจริง
แล้วนำไปประยุกต์จนกลายเป็น เส้นพาสต้า-เส้นมักกะโรนี ในเราได้ทานกันอร่อยปาก
จนถึงทุกวันนี้...จริงเท็จประการใดไม่ขอยืนยันนะครับ
ตะนิ่นตาญี
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๘.๐๐ นาฬิกา
ชอบแบบตัดเองอ่ะค่ะ คิดว่ามันมีเสน่ห์ดี เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ดูตลก แต่น่ากิน
- ตะนิ่นตาญี and asawinee like this
#132
ตอบ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 10:32
ผักนี้มีหลาบชื่อมาก
ผักกาดไร่
ผักขมจีน (เพราะปรุงสุกแล้วมีรสชาติออกขมนิดๆ)
ผักกาดรสวาซาบิ (ผักสดๆมีรสชาติซ่าจี๊ดขึ้นสมองเหมือนวาซาบิ)
ภาษาจีนเรียก ชุงฉ่าย, ชุนฉ่าย
รูปร่างของผักจะคล้ายกับผักกวางตุ้งแต่ขนาดใหญ่กว่ามาก มีก้านแข็งกว่ากวางตุ้ง แต่น้อยกว่าก้านคะน้า ใบจะบางๆมีเส้นใบหยักไปมามากกว่า
คนจีนนิยมนำผักนี้มาใช้ประกอบอาหารเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันสำคัญ เช่น ตรุษจีน สารทจีน วันเกิด วันตายของบรรพบุรุษ และอีกวันที่สำคัญคือ วันที่ 7 นับจากวันตรุษจีนซึงต้องรับประทาน "ผัดผัก 7 อย่าง"
ชุงฉ่ายเป็นหนึ่งในผัก 7 อย่างนั้น เพราะชื่อเป็นมงคล
ชุง แปลว่า ยื่น งอก ซึ่งหมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง และยังพ้องกับคำว่า "ชุ้ง" ที่แปลว่า "เหลือกินเหลือเก็บ,เหลือกินเหลือใช้"
- หนูอ้อย likes this
#133
ตอบ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 12:02
คิดไปเอง รู้สึกกันไปเอง
วลียอดฮิตจากผู้นำประเทศในการแก้ปัญหา “แพงทั้งแผ่นดิน” ทำเอาประชาชนเหวอกันไปหมด คิดดูเถอะ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยเจอถั่วฝักยาวกิโลละ 70!!! ส้มตำ ทอดมัน ผัดพริกขิง ฯลฯ อาหารที่ต้องใช้ถั่วฝักยาวคง ต้องงดไปก่อน
อากาศร้อนๆ อย่างนี้ ทำผัดผักง่ายๆ กันดีกว่า ขืนรับประทานแกงกะทิ ร่างกายจะยิ่งร้อน เพราะไขมันในกะทิส่วนใหญ่ เป็นแบบ medium chain triglyceride (MCT oil) ซึ่งสามารถแปรรูปเป็นพลังงานได้รวดเร็วกว่าไขมันแบบอื่นๆ นอกจากนี้ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงานถึง 9 กิโลแคลอรี่ มากกว่าคาร์โบไฮเดรทและโปรตีนที่ให้พลังงานแค่ 4 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นการรับประทานกะทิหน้าร้อน จะยิ่งร้อนกันไปใหญ่ และที่สำคัญ อากาศร้อน ทำให้อาหารที่ผสมกะทิบูดเสียง่าย ต้องหมั่นอุ่นให้เดือดก่อนรับประทานในมื้อต่อไป
และเพื่อความประหยัด เราจะผัดผักแบบไม่ใส่เนื้อสัตว์ แค่ซอสปรุงรส เช่น น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสน้ำมันหอย ซอสเห็ดหอม ตามแต่จะชอบ ใส่ลงในผักที่ผัดก็พอ
วิธีสรรหาผักมารับประทานให้ได้ใยอาหาร วิตามิน เกลือแร่ โดยดูที่ราคาอย่างเดียว เริ่มจากถูกสุดไปแพงสุด
1ผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ผักบุ้งไทย ตำลึง ผักกะสัง ดอกโสนไปหาเก็บตามริมรั้ว หรือตามที่ชื้นแฉะ ที่รกร้างก็มีอยู่ แต่ทีนี้ด้วยธรรมชาติพิโรธ แผ่นดินจู่ๆก็ลุกเป็นไฟ ความร้อนแล้งที่พวยพุ่งไปทุกอณูประเทศไทย (ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับตัวกาลีบ้านกาลีเมืองที่ลอยหน้าลอยตาให้เห็นอยู่ทกวันหรือเปล่า) ทำให้ผักตามธรรมชาติขาดน้ำ เฉาตายไปมิใช่น้อย
2ผักที่ปลูกเอง ใครปลูกผักรับประทานเองต้องมีฝีมือการเกษตรบ้างนิดหน่อย รู้จักนิสัยของผักที่จะปลูกว่าชอบดิน น้ำ แสงแดด ปุ๋ย แบบไหน แมลงรบกวนบ่อยหรือเปล่า จึงจะได้ผักหน้าตาดีมีสกุลรุนชาติไว้รับประทาน ไม่แห้งเหี่ยวลีบแบน ตอนนี้เค้าเห่อมะรุมกัน เห็นว่าป้องกันรักษาได้สารพัดโรค เราเองก็ได้รับแจกยอดมะรุมจากญาตินักปลูกสวนครัวสมัครเล่น ได้มากำใหญ่ๆ นำมาผัดน้ำมันหอยก็อร่อยไปอีกแบบ ใครมีที่ดินว่างๆลองปลูกผักเป็นงานอดิเรก จะพบว่านอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว ยังภูมิใจที่ได้ผักสวนครัวฝีมือตนเองไว้รับประทาน ถ้ามีมากจะเอาไว้แจกญาติมิตรก็กิ๊บเก๋ยูเรก้ามิใช่น้อย
3 ผักที่ปลูกขายตามฤดูกาล หน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว ผักแต่ละอย่างจะออกสู่ท้องตลาดหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ช่วงหน้าร้อนนี้ผักปรังมีมาก กำละ 7 บาท 3 กำ 20 ใครครอบครัวเล็ก ผัดแค่กำเดียวก็พอ อีกอย่างคือผักกาดหอม จริงๆแล้วผักตระกูลผักกาดควรจะถูกในช่วงหน้าหนาวจนถึงต้นร้อน แต่สาเหตุที่ปีนี้ ผักกาดหอมถูกมากเป็นพิเศษเพราะน้ำท่วมสวนผักไปหลายแห่ง ชาวสวนต้องการปลูกพืชระยะสั้นและเก็บเกี่ยวได้เร็ว แจ็คพ็อตเลยมาแตกที่ผักกาดหอม พอออกมาสู่ตลาดมากเลยกลายเป็นว่าไม่มีราคา ช่วงเดือนมีนาคม ราคาอยู่ที่กระจาดละ 5 บาท (2-3 ต้น) ตอนนี้ขยับมาที่ 10 บาทผัดได้จานเบ้อเริ่ม เยอะมากๆ
4 ผักที่นำเข้าจากต่างประเทศ และผักนอกฤดูกาล อันนี้ไม่แนะนำให้ซื้อ ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆ
แต่กระนั้น ยังมีผักที่ไม่ขึ้นกับฤดูกาล ราคาถูก 5 บาท ก็เยอะมากๆ นั่นคือ.....ถั่วงอก
เนื่องจากถั่วงอกเกิดจาก การนำถั่วเขียว ถั่วเหลือง มาเพาะ ไม่ต้องอาศัยดิน ไม่ต้องอาศัยแสงแดด ไม่ต้องการปุ๋ย ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง มีเพียงน้ำสะอาดเท่านั้น ต้นทุนจึงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ราคาขายจึงถูกมาก แถมยังรับประทานได้ทุกฤดูกาล
ถั่วกำลังงอกจะมีวิตามินซีสูง มีสารอาหารเช่น กรดอะมิโน แคลเซี่ยมด้วย ข้อเสียคือ คนเป็นโรคเก๊าท์ ไม่ควรรับประทานถั่ว หรือถั่วกำลังงอก เพราะมีกรดอะมิโนสูง จะไปทำให้ยูเรียในเลือดสูงขึ้น อาการของโรคเก๊าท์จะแย่ลง
ผัดถั่วงอกจึงเป็นผัดผักที่ราคาถูกจริงๆ ผัดเปล่าๆไม่ใส่เครื่องเคียงอื่นๆเลยก็ได้
หรูขึ้นมาหน่อย จะใส่ต้นหอม ใส่เลือดหมู ใส่เต้าหู้ ใส่วุ้นเส้น ตามแต่จะพลิกแพลงก็เยี่ยม
บรรทัดนี้ จึงขอยกย่องให้ถั่วงอกเป็นราชาของผักราคาถูก
ภาพประกอบเรื่องวันนี้จึงเป็นผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้แบบนิ่ม
วิธีทำ
ล้างถั่วงอกให้สะอาด เอาเปลือกดำๆที่หัวออก ล้างหลายๆน้ำ ถ้าไม่มั่นใจว่าคนขายจะเอาถั่วงอกแช่ฟอร์มาลีนหรือเปล่า จากนั้นพักให้สะเด็ดน้ำมากที่สุด
ตั้งกะทะให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไป พอร้อนควันออก หรี่ไฟลงปานกลาง ใส่เต้าหู้ลงไปทอดให้เริ่มเหลือง จากนั้นเร่งไฟแรง คนๆให้เต้าหู้สุกเหลืองอร่าม ตักขึ้นพักไว้
เทน้ำมันออก เหลือติดกะทะพอผัด หรี่ไฟลง ใส่กระเทียมสับลงเจียวจนเริ่มเหลือง จากนั้นเร่งไฟ เติมน้ำเปล่า ใส่เครื่องปรุงรส น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสตามใจชอบ ใส่เต้าหู้ทอดลงไป เต้าหู้จะดูดซึมน้ำที่ปรุงรสไว้เข้าไปจนอิ่มและนิ่ม น้ำจะงวดลง เร่งไฟแรงให้ควันโขมง ใส่ถั่วงอกพร้อมต้นหอมหั่นเป็นท่อนๆลงไป ผัดสองสามที ก็ตักขึ้นได้
จานนี้ ถั่วงอกแค่ 5 บาท ผัดออกมาได้พูนจาน(ใช้จานก้นลึกอีกต่างหาก )
ถ้าใครชอบแบบเต้าหู้ทอดกรอบ
ใส่ซอสลงบนถั่วงอกและต้นหอมที่ผึ่งในกระจาดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
พอเจียวกระเทียมจนเริ่มเหลืองให้เร่งไฟแรงสุดๆ โยนถั่วงอกและต้นหอมโครมเดียวลงในกะทะ ผัดสองสามที ใส่เต้าหู้ที่ทอดไว้ลงไป ผัดให้ทั่ว ตักขึ้น
เป็นอันเรียบร้อย
Edited by asawinee, 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:22.
- David_GinoLa and ตะนิ่นตาญี like this
#134
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 10:46
#135
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 20:38
น่าทานจังเลยครับ อิอิ
ขอบคุณค่าาาาาา
#136
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 23:05
หลายๆคนมีขนมปังแถวติดบ้านไว้เสมอ โดยเฉพาะคนที่พักอาศัยอยู่ตามคอนโด อพาร์ตเมนท์ หอพัก มักจะพึ่งขนมปังปิ้ง (toast) เป็นอาหารเช้า บางคนรับประทานเป็นอาหารมื้อดึกสลับสับเปลี่ยนกับบะหมี่สำเร็จรูป เพราะสะดวก ทำง่าย ขนมปังก็หาซื้อง่ายจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน
วิธีการรับประทานขนมปังปิ้ง ก็มีหลายแบบ ทั้งแบบคาว แบบหวาน ทาเนยโรยน้ำตาล ทามาการีน (ฝรั่งออกเสียงว่า "มา-เจอ-รีน") ทาแยม ทาน้ำพริกเผา ทามายองเนส ทาซอสมะเขือเทศ โรยนมข้นหวาน ราดน้ำผึ้ง ราดไซรัป หรูหน่อยก็ทำเป็นแซนด์วิชไส้ต่างๆ
ขนมปังที่ผลิตจากโรงงานใส่ยากันบูด กันเชื้อรา อยู่ในอุณหภูมิห้องได้เป็นอาทิตย์ ส่วนที่เป็นโฮมเมด มักอยู่ได้แค่สามวัน และต้องอยู่ในตู้เย็นเท่านั้น ถ้าทิ้งไว้ข้างนอก อากาศร้อนๆแค่วันเดียวจะบูดได้
กระทู้นี้ ขอแนะนำให้ทุกท่านประหยัดด้วยการซื้อขนมปังแถวแบบอย่างยาวมาไว้รับประทาน
ข้อดีคือ
- เมื่อเปรียบเทียบราคาระหว่างแถวยาวกับแถวสั้น ราคาต่อแผ่นของแถวยาวจะถูกกว่า
- บางแบรนด์มีการโปรโมชั่นด้วยการสะสมซองพลาสติกใส่ขนมปังแบบแถวยาว เพื่อแลกได้ฟรีอีก 1 แถว
ผู้อ่านบางคนอาจแย้งว่า ซื้อแบบยาวมาแล้วกินไม่หมด ขนมปังหมดอายุไปเสียก่อน คำนวณดูแล้ว มิยิ่งแพงไปมากกว่าหรือ ยิ่งอยู่ตัวคนเดียวในคอนโด ขนมปังแถวสั้นยังกินไม่ค่อยจะหมดเลย
เราจึงขอแนะนำวิธีเก็บรักษาขนมปังให้มีอายุยืนยาว......เป็นเดือนได้ แม้จะเลยวันหมดอายุที่ระบูเอาไว้แล้ว
วิธีการ...ง่ายมาก ซื้อขนมปังแถวยาวมา แบ่งเอาที่ต้องการจะรับประทานในสองสามวันนี้เก็บไว้ตามปกติ ส่วนที่เหลือเก็บใส่ภาชนะที่แห้ง ขอย้ำ!!!ต้องแห้งเท่านั้น เพราะถ้าไม่แห้ง น้ำจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เชื้อราเติบโต ปิดให้สนิท ง่ายที่สุดคือใส่ถุงพลาสติก ใช้หนังยางรัดให้แ่น่น แล้วนำไปใส่ตู้เย็นช่องแช่แข็ง ฟรีซได้เป็นเดือน โดยที่ขนมปังไม่เสีย
บางคนนำทั้งแถวนั่นแหละใส่ไปในช่องฟรีซ จะรับประทานจึงนำออกมา
เวลาจะใช้งาน ก็เอาขนมปังออกมาจากช่องแช่แข็ง แล้วใส่เครื่องปิ้งขนมปังได้ทันทีเลย ไม่ต้องรอให้คลายความเย็นก่อน จะได้ขนมปังปิ้งรสชาติเหมือนเดิมทุกประการ
วิธีการนี้ ฝรั่งที่รู้จักแนะนำมา ตอนแรกเราไม่เชื่อ แต่เขาบอกว่า ใครๆก็ทำกัน อีกประการน้องสาวเราที่อยู่เมืองนอกก็ทำ เพราะเพื่อนแนะนำเช่นกัน ขนมปังไม่เสีย กินเข้าไปแล้วก็ยังอยู่ดีมีสุข อ้วนท้วนสมบูรณ์มาจนบัดนี้
ผ่านพ้นวิธีง่ายๆไปแล้ว
คราวนี้มาเป็นวิธีแก้ไขกันบ้าง
เมื่อพบว่า ขนมปังจะหมดอายุภายในวัน สองวันนี้ แต่ยังเหลือครึ่งค่อนแถว ยังไงก็รับประทานไม่ทันแน่ๆ
ทางแก้คือ นำมาทำขนมซะเลย
1 นำไปอบทำขนมปังกระเทียมแบบกรอบ หรือ ขนมปังกรอบทาเนยโรยน้ำตาล การอบให้กรอบ จะทำให้ขนมแห้ง ไม่มีน้ำที่จะทำให้เชื้อราเติบโต แบคทีเรียเมื่อโดนความร้อนจะตาย ขนมปังกรอบที่ได้จะมีอายุเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-7 วัน วิธีการนี้ ห้างสรรพสินค้ามักจะนำขนมปังที่ใกล้หมดอายุมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกขาย ขนมไม่บูดเสีย ยืดอายุอาหาร แถมยังได้รสชาติใหม่อีกด้วย
2 นำขนมปังมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในถาดที่ทาเนยไว้แล้ว ราดนมข้นหวาน แล้วนำไปอบพอร้อน ก็จะได้ขนมหวานไว้รับประทานแบบไม่กลัวน้ำตาลในเลือดพุ่งกันเลยทีเดียว
- David_GinoLa and ตะนิ่นตาญี like this
#137
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 23:40
ยาวดีกว่าสั้น
หลายๆคนมีขนมปังแถวติดบ้านไว้เสมอ โดยเฉพาะคนที่พักอาศัยอยู่ตามคอนโด อพาร์ตเมนท์ หอพัก มักจะพึ่งขนมปังปิ้ง (toast) เป็นอาหารเช้า บางคนรับประทานเป็นอาหารมื้อดึกสลับสับเปลี่ยนกับบะหมี่สำเร็จรูป เพราะสะดวก ทำง่าย ขนมปังก็หาซื้อง่ายจากร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน
วิธีการรับประทานขนมปังปิ้ง ก็มีหลายแบบ ทั้งแบบคาว แบบหวาน ทาเนยโรยน้ำตาล ทามาการีน (ฝรั่งออกเสียงว่า "มา-เจอ-รีน")
.........................
ทางแก้คือ นำมาทำขนมซะเลย
1 นำไปอบทำขนมปังกระเทียมแบบกรอบ หรือ ขนมปังกรอบทาเนยโรยน้ำตาล การอบให้กรอบ จะทำให้ขนมแห้ง ไม่มีน้ำที่จะทำให้เชื้อราเติบโต แบคทีเรียเมื่อโดนความร้อนจะตาย ขนมปังกรอบที่ได้จะมีอายุเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-7 วัน วิธีการนี้ ห้างสรรพสินค้ามักจะนำขนมปังที่ใกล้หมดอายุมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกขาย ขนมไม่บูดเสีย ยืดอายุอาหาร แถมยังได้รสชาติใหม่อีกด้วย
2 นำขนมปังมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในถาดที่ทาเนยไว้แล้ว ราดนมข้นหวาน แล้วนำไปอบพอร้อน ก็จะได้ขนมหวานไว้รับประทานแบบไม่กลัวน้ำตาลในเลือดพุ่งกันเลยทีเดียว
(ฝรั่งออกเสียงว่า "มา-เจอ-รีน")
เออ...แล้วชื่อ คุณ asawinee ออกเสียงว่า อะ-สะ-วิ-นี หรือ ออกเสียงว่า อัส-สะ-วิ-นี ครับ
ถามจริงจริงนะครับ อย่าหาว่าหยาบคายเลย เพราะสงสัยมานานแล้ว...
สำหรับ ขนมปัง ที่ใกล้จะหมดอายุนั้นส่วนมาก คุณภรรยา ของ ตะนิ่นตาญี จะนำมาทำเป็น ขนมปังหน้าหมู ครับ
ส่วน อาจาด นั้น จะใช้ แตงกวา พริกชี้ฟ้า หอมแดง, หั่น ใส่ น้ำสลัดใส ที่ปกติแล้วจะมีติดตู้เย็นเสมอเสมอ
ตะนิ่นตาญี
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๒๓.๔๐ นาฬิกา
- asawinee likes this
#138
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 17:02
^
^
ตอบคุณตะนิ่นตาญี
ไม่ถือว่าหยาบคายเลยค่ะที่ถามชื่อ ยินดีที่คุณตะนิ่นตาญีถามด้วยซ้ำ
asawinee คือ อัศวินี (ดูที่ title เหนือรูป avatar สิคะ) อ่านได้ว่า อัด สะ วิ นี
แปลได้ 2 ความหมายค่ะ
อย่างแรก เป็นชื่อดาวฤกษ์ดวงที่ 1 ในระบบโหราศาสตร์ของอินเดีย
อย่างที่สอง อัศวินที่เป็นผู้หญิงค่ะ
สาเหตุที่ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ เพราะ ความซื่อบื้อค่ะ ตอนสมัครเป็นสมาชิกที่นี่ คิดว่าใช้ชื่อภาษาไทยไม่ได้
ประกอบกับอีเมล์ที่ใช้ในการสมัคร ก็ใช้ชื่อ asawinee ด้วย เลยคงไว้ตามชื่อในอีเมล์
ขอบคุณมากค่ะที่ใส่ใจถึงเพียงนี้
ส่วนเรื่องขนมปังหน้าหมู ก็เป็นไอเดียเก๋กู๊ด ที่ดัดแปลงขนมปังใกล้หมดอายุ ให้เป็นของว่างที่เอร็ดอร่อยได้
อิจฉาคุณตะนิ่นตาญีจังค่ะ ที่มีศรึภรรยาช่วยทำของอร่อยๆให้ทาน
- ตะนิ่นตาญี likes this
#139
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 17:51
เพราะมากครับ อ่านแล้ว นึกถึง Joan Of Arc ขึ้นมาทันที
อัศวินสาวผู้ปกป้องราชบัลลังก์ให้กับ กษัตริย์ Charles VII แห่งฝรั่งเศษ
แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็น แม่มด เพียงเพราะผลแห่ง การเมือง และการเหยียดเพศ อย่างไม่เป็นธรรม
งิงิ...คุณภรรยา ของ ตะนิ่นตาญี ยิ้มแก้มปริแล้วครับ ฝากคำขอบคุณ คุณ asawinee มาด้วยครับ
ตะนิ่นตาญี
- asawinee likes this
#140
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 21:42
ขอบพระคุณ คุณ asawinee มากครับ
เพราะมากครับ อ่านแล้ว นึกถึง Joan Of Arc ขึ้นมาทันที
อัศวินสาวผู้ปกป้องราชบัลลังก์ให้กับ กษัตริย์ Charles VII แห่งฝรั่งเศษ
แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็น แม่มด เพียงเพราะผลแห่ง การเมือง และการเหยียดเพศ อย่างไม่เป็นธรรม
งิงิ...คุณภรรยา ของ ตะนิ่นตาญี ยิ้มแก้มปริแล้วครับ ฝากคำขอบคุณ คุณ asawinee มาด้วยครับ
ตะนิ่นตาญี
ขอบพระคุณจากใจเช่นกันค่ะ
มิบังอาจอาจเอื้อมถึงขนาด โจน ออฟ อาร์ก หรอกค่ะ
ถ้าเป็นได้ คงเป็นแค่ เซลเลอร์มูน
หรือไม่ก็ ออสการ์จากเรื่อง กุหลาบแวร์ซาย
ว่าแต่คุณตะนิ่นตาญี รู้จัก เซลเลอร์มูน กับ ออสการ์ไหมคะ
ลองถามคุณภรรยาดูสิคะ
- ตะนิ่นตาญี likes this
#141
ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 19:14
ขอบพระคุณ คุณ asawinee มากครับ
เพราะมากครับ อ่านแล้ว นึกถึง Joan Of Arc ขึ้นมาทันที
อัศวินสาวผู้ปกป้องราชบัลลังก์ให้กับ กษัตริย์ Charles VII แห่งฝรั่งเศษ
แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็น แม่มด เพียงเพราะผลแห่ง การเมือง และการเหยียดเพศ อย่างไม่เป็นธรรม
งิงิ...คุณภรรยา ของ ตะนิ่นตาญี ยิ้มแก้มปริแล้วครับ ฝากคำขอบคุณ คุณ asawinee มาด้วยครับ
ตะนิ่นตาญี
ขอบพระคุณจากใจเช่นกันค่ะ
มิบังอาจอาจเอื้อมถึงขนาด โจน ออฟ อาร์ก หรอกค่ะ
ถ้าเป็นได้ คงเป็นแค่ เซลเลอร์มูน
หรือไม่ก็ ออสการ์จากเรื่อง กุหลาบแวร์ซาย
ว่าแต่คุณตะนิ่นตาญี รู้จัก เซลเลอร์มูน กับ ออสการ์ไหมคะ
ลองถามคุณภรรยาดูสิคะ
คุณภรรยา เธอเคยอ่านทั้งสองเรื่องครับ
ส่วน ตะนิ่นตาญี ไม่เคยครับ สมัยก่อน การ์ตูน ที่อ่านก็จะมี
ซุปเปอร์แมน, หนูจ๋า, ตุ๊กตา, นิทานอีสป ฯลฯ แล้วก็กระโดดมาอ่าน สามก๊ก ประมาณนี้ ครับ
555+ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับ ที่ คุณภรรยา เธอ เดินมาบอกว่า
"เสียดายที่ คุณ asawinee ไม่ได้อยู่บ้านใกล้ใกล้กันไม่อย่างนั้นจะทำ กับข้าว ไปฝาก"
ตะนิ่นตาญี
วันอังคารที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๑๙.๑๔ นาฬิกา
- asawinee likes this
#142
ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 19:23
ที่เอ็นดูผู้น้องถึงขนาด จะทำกับข้าวมาฝาก
ปลาบปลื้มสุดๆเลยทีเดียวเชียว
ส่วนตัวเคยอ่านหนูจ๋า ตุ๊กตา นิทานอีสป ด้วยเหมือนกัน
(กระทู้ดักวัยอีกแล้ว...คริ คริ)
แต่ที่ชอบ คือการ์ตูนญี่ปุ่นตาหวาน อย่างแคนดี้จอมแก่น คำสาปฟาโรห์
คิดว่าคุณภรรยาของคุณตะนิ่นตาญีคงชอบเช่นกัน
- ตะนิ่นตาญี and QueenBee like this
#144
ตอบ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 14:30
มาขุด คริๆ
ขอบคุณที่มาขุดให้ค่ะ
จริงๆตอนนี้มีเมนูที่จะโพสต์ลงไปแล้ว แต่ติดที่รูปประกอบ เนื่องจากยังไม่ได้ซื้อวัตถุดิบบางตัวค่ะ
สัญญาว่าไม่นานจะนำมาลง
ขอบคุณมากๆ อีกครั้งที่ช่วยไม่ให้กระทู้ตกลงไปหน้าสอง
#145
ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 16:01
* ได้อ่านกท. นี้แล้ว ได้อารมณ์ไปอีกแบบ เหมือนย้อนยุคไปอยู่สังคมบ้านนอกสัก30ปีก่อน ที่มีแต่การให้ การช่วยเหลืออาทร พูดจากันด้วยภาษาสละสลวย มีสาระ
**ขอบคุณครับ
- asawinee likes this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#146
ตอบ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:21
เป็นสมาชิกใหม่ครับ เพิ่งโพสท์ได้เมื่อตอนบ่ายนี้เอง แต่ลอกเนื้อหาในกท.นี้ไว้หมดแล้ว
* ได้อ่านกท. นี้แล้ว ได้อารมณ์ไปอีกแบบ เหมือนย้อนยุคไปอยู่สังคมบ้านนอกสัก30ปีก่อน ที่มีแต่การให้ การช่วยเหลืออาทร พูดจากันด้วยภาษาสละสลวย มีสาระ
**ขอบคุณครับ
อ๊ากกกกกก!!
บ้านนอก ??
30 ปีก่อน ??
หมายฟายว้่าไงฟ่ะ
หาว่าตรู ทั้งเฉิ่มเบ๊อะ ทั้งแก่ เลยหรา???
อ๊ะ! ล้อเล่น ขำ ขำ น่ะค่ะ
จริงๆต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ให้ความสนใจกระทู้นี้
และยินดีมากด้วยค่ะ ที่เนื้อหาจะยังประโยชน์ให้กับผู้เสพบ้าง จนคุณ lFai ถึงกับลอกไว้เลย
เขินเหมือนกันนะคะเนี่ย
ส่วนความดีความชอบในด้านภาษาอันสละสลวย งดงาม ระรื่นชื่นอารมณ์ ต้องยกให้กับคุณตะนิ่นตาญีค่ะ
ความโอบอ้อมอารีย์ แบ่งปัน เกื้อกูลกัน ในวิถีแห่งไทย ขอยกความดีให้กับทุกท่านทีเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น รวมทั้งคุณ lFai ด้วยค่ะ
- ตะนิ่นตาญี likes this
#147
ตอบ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 15:59
** อ่านสำนวน คุณตะนิ่นตาญี แล้วนึกถึง การพูดของพรานพื้นเมืองมือขวาของ ระพินทร์ ....ตาเกิ้นหรือไงเนี่ยครับ ....มีเสน่ห์ครับ
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#148
ตอบ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:07
**"ภาษาอันสละสลวย งดงาม ระรื่นชื่นอารมณ์ ต้องยกให้กับคุณตะนิ่นตาญีค่ะ"
** อ่านสำนวน คุณตะนิ่นตาญี แล้วนึกถึง การพูดของพรานพื้นเมืองมือขวาของ ระพินทร์ ....ตาเกิ้นหรือไงเนี่ยครับ ....มีเสน่ห์ครับ
555+ ขอบพระคุณ คุณ IFai มากครับ ที่กรุณา
พรานเฒ่าเจ้าเล่ห์ ของ รพินทร์ ไพรวัลย์ นั่นชื่อ บุญคำ ครับ
ส่วน ตาเกิ้น นั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น "ล่องไพร" ของ คุณน้อย อินทนนท์ นะครับ
อย่างไรก็ตามความดีความชอบทั้งหมดต้องยกให้ เจ้าของกระทู้ คุณ asawinee ครับ
เพราะหากไม่มี กระทู้ดีดี อย่างนี้ ตะนิ่นตาญี ก็ไม่รู้จะไป "พูดน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง" ในกระทู้ไหนครับ
งิงิ ชือ คุณ IFai นี่ ไม่กล้า ออกเสียงเป็น ภาษาไทย เลยนะครับ
ตะนิ่นตาญี
วันเสาร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
เวลา ๑๘.๐๗ นาฬิกา
- asawinee likes this
#150
ตอบ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 20:51
ผู้ใช้ 3 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 3 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน