สองคดี มีความเกี่ยวโยงกัน คดี 29 ล้าน ไม่ผิดทั้งทางเดินของเงินบริจาค คดี 258 ล้าน ก็หลุดอยู่แล้ว
กกต เมาหมัด โดยอาจารย์ แก้วสรร อติโพธิ
ถาม คดียุบพรรคประชาธิปัตย์สองคดี มีเรื่องอะไรบ้าง ?
ตอบ คดีทั้งสองเกิดจากการสอบสวนครั้งเดียวของ ดีเอสไอ ที่ไปตรวจสอบเส้นทางเงินที่โอนเข้าบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง แล้ววิ่งออกไปยังคนของประชาธิปัตย์ ทำให้เชื่อว่านี่คือท่อฟอกเงินของพรรค ที่มีเงินผ่านท่อนี้ ๒ ก้อน ก้อนแรก ๒๙ ล้าน เป็นเงินอุดหนุนพรรคการเมืองจาก กกต. และก้อนสองเป็นเงิน จากบริษัท ทีพีไอ ๒๕๘ ล้านบาท ทั้งสองก้อนนี้ทำให้เกิดมูลคดีต่างกันเป็นสองคดี คือใช้เงินอุดหนุนผิดวัตถุประสงค์ และรับเงินบริจาคแล้วไม่เปิดเผย
เมื่อดีเอสไอรายงานมายังนายทะเบียนพรรคการเมือง คุณอภิชาต ประธาน กกต. ก็นำเรื่องเข้าที่ประชุม กกต.๓๐ เมษายน ๒๕๕๒ ที่ประชุมมีมติให้ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวน เพื่อรายงานผลให้ กกต.ทราบโดยด่วน ตรงนี้ ณ วันนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาในคดีนี้แล้วล่ะครับ
ถาม ผิดอย่างไร ?
ตอบ ในคดี ๒๙ ล้านนั้น กฎหมายเห็นว่าเป็นเรื่องตรวจสอบการใช้เงินของพรรคการเมือง อันเป็นเรื่องที่ นายทะเบียนพรรคการเมืองเขาดูแลอยู่ จึงให้อำนาจไว้ที่ นายทะเบียนว่า
ถ้าความปรากฏว่ามีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์เมื่อใด ก็ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของ กกต. ยื่นคำร้องให้ศาลยุบพรรคได้ ภายใน ๑๕ วันนับแต่ความปรากฏ ตรงนี้ในหมู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มีการตีความเป็นสองนัยยะ
๓ เสียงแรกมีความเห็นว่าเรื่องนี้ นายทะเบียนเป็นผู้รับผิดชอบ นายทะเบียนต้องตั้งกรรมการเอง สั่งสำนวนเองก่อนว่ามีหลักฐานเชื่อได้ไหม ถ้าเชื่อได้จึงจะส่งให้ กกต.เห็นชอบว่า เยสหรือโน เพื่อตรวจทานมิให้นายทะเบียนกลั่นแกล้งพรรคการเมือง เท่านั้น การที่ นำเรื่องเข้า กกต. โดยนายทะเบียนไม่สั่งอะไรเลย แล้ว กกต.ก็ดันนึกว่าเรื่องอยู่ในอำนาจของตนทั้งหมด จึงสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน รายงานต่อตนเลย จึงเป็นจุดเริ่มของความผิดพลาด ผิดพลาดตามความเห็นของตุลาการสามท่าน ที่เห็นว่า นายทะเบียนเป็น“ดาวฤกษ์” ที่มีอำนาจและเรืองแสงได้ด้วยตนเอง การนำเรื่องมาให้ กกต.ตัดสินอย่างนี้ จึงไม่ถุกต้อง
ถาม แล้วตุลาการฝ่ายไหน ที่เห็น นายทะเบียนเป็น“ดาวพระเคราะห์” ส่องแสงด้วยตนเองไม่ได้ ต้องให้ กกต.มีมติอย่างนั้นอย่างนี้แล้วตน ก็ต้องกระทำตามทุกอย่าง
ตอบ ก็ กกต.ทั้งคณะ ที่สำคัญว่าทุกปัญหาที่กระทบ สส.หรือ พรรคการเมือง ต้องมาที่ตนทั้งหมด มีเรื่องจะยุบพรรคใดหรือไม่ก็ต้องให้ กกต.ชี้ทุกกรณี เห็นอย่างนี้เขาก็เลยให้ตำแหน่งนายทะเบียน เป็นแค่ดาวบริวาร คุณอภิชาต แม้จะเป็นนายทะเบียน ก็สั่ง อะไรเองไม่ได้ ต้องนำเรื่องมาเข้า กกต. แล้วรอปฏิบัติตามมติ กกต. ตลอดไป
ถาม คุณอภิชาตก็นั่งอยู่ใน กกต.ด้วย และเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองด้วยไม่ใช่หรือ
ตอบ เอามาปนกันไม่ได้ กกต.เป็นองค์กรกลุ่ม โหวตอะไรออกมาก็เป็นการกระทำของ กกต. คุณจะไปนับว่ามีการกระทำของ นายทะเบียนซ่อนอยู่ในมติของ กกต.ด้วยไม่ได้
ถาม คุณอภิชาต นี่ท่านมีส่วนสั่งการในเรื่องนี้กี่ครั้ง
ตอบ ที่ปรากฏในคำพิพากษา ก็ระบุว่าล้วนมีส่วนโดยนั่งอยู่ในที่ประชุม กกต.ทั้งสิ้น คือ
๓๐ เมษา ๕๒ เห็นด้วยกับ กกต.อื่น มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน
๑๗ ธันวา ๕๒ เป็นเสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วย กับ กกต.อื่น ที่เห็นว่าคดีฟังได้ว่า ปชป.ผิด
๑๒ เมษา ๕๓ มีความเห็นร่วมกับ กกต.อื่นเป็นเอกฉันท์ว่า ให้ส่งคำร้องยุบพรรค ปชป.
ถาม เห็นคุณชวน หลีกภัย แถลงปิดคดีว่า แท้จริงก่อนนำเรื่องเข้าประชุม ๑๗ ธันวา ๕๒ นั้น คุณอภิชาตก็เคยสั่งสำนวนแล้วว่า ปชป.ไม่ผิด แต่ต้องเอาเข้าที่ประชุม กกต. ก็เพราะแรงบีบบังคับทั้งปวง นะครับ
ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ถ้าถือตามทฤษฎีดาวฤกษ์แล้วเรื่องก็ต้องยุติ เพราะนายทะเบียนเห็นว่าไม่ผิด ถ้าคุณอภิชาตยืนหยัดในทฤษฏีนี้จริงๆ ต้องเอาเรื่องรายงาน กกต.เพื่อทราบเท่านั้น ว่าตนเห็นว่าไม่ผิด คุณอภิชาตจะยอมให้ กกต. สั่งว่าผิดแล้วตั้งคณะกรรมการ สอบเพิ่มเติมและพัฒนารูปคดีไม่ได้ ที่ยอมอย่างนี้แสดงว่าทนแรงกดดันไม่ไหว
ถาม เขาก็ยอมไปแล้ว
ตอบ ในที่สุดท่านก็ยอม ก็ไม่ว่ากันท่านอาจเปลี่ยนความเห็นได้ แต่เมื่อเป็นความเห็นที่ทำให้แพ้คดีในศาล ท่านก็ต้องพิจารณารับผิดชอบร่วมกันทั้งคณะด้วย
ถาม เห็น มี กกต.บางคนบอกว่าเป็นความผิด คุณอภิชาตคนเดียว
ตอบ มันคงไม่ใช่ความผิด แต่มันเป็นความเห็นที่ทำให้แพ้คดี ท่านก็ต้องพิจารณาร่วมกันว่าจะแสดงความรับผิดชอบไหม คุณอภิชาตต่างหากที่เถียงแล้ว แต่ข้างมากก็ไม่รับฟังเขา จนเดินมาแพ้คดีตกเหวทั้งคณะเลย
ถาม พวกดาวฤกษ์ ในศาลรัฐธรรมนูญมี ๓ เสียง ดาวพระเคราะห์มี ๓ เสียง แล้วทำไมมติออกมาเป็น ๔:๒ ล่ะครับ
ตอบ ตรงนี้เป็นความแตกต่างในหมู่ดาวพระเคราะห์เอง ตรงจุดที่ว่า ระยะเวลา ๑๕ วันนั้น ควรนับจาก การประชุมวันที่ ๑๗ ธันวา ๕๒ หรือ ๑๒ เมษา ๕๓ ครับ มีอยู่เสียงหนึ่งท่านเห็นว่า ๑๗ ธันวา นั้น ทุกอย่างชัดเจนแล้ว ว่า กกต.มีมติให้ยื่นคำร้องร้องยุบพรรค ปชป. จึงต้องร้องใน ๑๕ วันนับแต่วันนั้น จะมาสอบเพิ่มเติมปรับบทเพิ่มเติมให้ชัดเจนเสียเวลาไปอีก สามสี่เดือนไม่ได้ เสียงตุลาการดาวเคราะห์ท่านนี้จึงเห็นควรไม่รับวินิจฉัยคำร้อง แล้วไปนับรวมกับดาวฤกษ์อีก ๓ เสียงด้วย
ถาม ถ้าฝ่ายดาวเคราะห์รอบคอบกว่านี้ต้องทำอย่างไร
ตอบ ต้องเห็นปัญหา ระยะเวลา ๑๕ วัน เมื่อตนมีมติไม่เห็นด้วยกับความเห็นคณะกรรมการสอบสวนชุดแรก ก็ควรให้มีการสอบสวนใหม่ตั้งกรรมการใหม่ โดยอย่าไปล่วงมีมติสั่งในเนื้อคดี นี่ดันไปสั่งเนื้อคดีแล้วตั้งคณะกรรมการกระชับคดีอีกอย่างนี้ก็เลยโดนไปเลย
ถาม ฝ่าย กกต.เขาบอกว่า เรื่อง ๒๙ ล้าน กับ ๒๕๘ ล้านนี้ มันตัดแยกจากกันไม่ได้ จะตัดให้๒๙ ล้านไปเป็นเรื่องของนายทะเบียน แล้ว ๒๕๘ ล้านยังอยู่กับ กกต.นั้น มันแยกอย่างนี้ไม่ได้
ตอบ ทำไมจะแยกไม่ได้ ที่ประชุม กกต. ครั้งแรก เมื่อ ๓๐ เมษา ๕๒ นั้น ควรจะตรวจดูอำนาจของตนให้ชัดแจ้งเสียแต่วันนั้น แล้วแยกเรื่องออกไปเลยก็ทำได้ นี่คุณผูกสองเรื่องนี้ติดกันมาโดยตลอด จนถึงขั้นส่งอัยการ อัยการเขาถึงสั่งแยกรับเฉพาะ คดี ๒๕๘ ล้าน คุณถึงได้ให้นายทะเบียนนำ ๒๙ ล้านมาฟ้องเอง จนถูกยกคำร้องไปในที่สุด ถ้าแยกเรื่องเสียแต่แรก ทบทวนอำนาจของตนให้ชัดจนเสียแต่แรก คดีจะใสกว่านี้มาก
ถาม แล้ว คดี ๒๕๘ ล้านนี่จะว่าอย่างไรต่อครับ
ตอบ เฮ้อ....คดีนี้ท่าทางมันจะตกน้ำอีก เพราะฟ้องหลงทางไปเลยครับ
ถาม อ้าว...หลงทางตรงไหนครับ
ตอบ คือเรื่องรับเงินบริจาคโดยไม่เปิดเผยนี่ กฎหมายห้ามไว้ชัดเจนก็จริง แต่ผลบังคับนั้นกฎหมายระบุไว้แต่โทษอาญาของผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติให้ยุบพรรคเลย มันจึงเป็นได้แค่คดีอาญา ต้องฟ้องศาลอาญา และไม่เกี่ยวกับ กกต.เลย มาฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างไร ?
ถาม ก็เขาฟ้องว่าเป็นพฤติการณ์ที่ขัดแย้งต่อครรลองของรัฐธรรมนูญนี่ครับ
ตอบ มาตรการยุบพรรคที่ว่านั้น เป็นเรื่องพรรคการเมืองมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อการปกครอง หรือมุ่งได้อำนาจโดยผิดครรลอง ไทยรักไทยโดนเข้าไปเพราะไปลงทุนจ้างพรรคเล็กลงแข่งขันเลือกตั้งกับตน ต่อมารัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ ก็ขยายความให้การทำผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยกรรมการบริหาร ถือเป็นภัยต่อการปกครองด้วย พลังประชาชน กับชาติไทยจึงโดนยุบพรรคเข้าไปเป็นรายล่าสุด
ถาม ถ้ารับเงิน ทีพีไอ จริง ๒๕๘ ล้าน จะลากมาฟ้องยุบพรรคไม่ได้หรือ
ตอบ ถ้า ทีพีไอ เป็นบริษัทต่างชาติ คุณโดนยุบพรรคแน่ แต่ไม่ได้ยุบเพราะไม่เปิดเผย แต่ยุบเพราะคุณข้ามชาติไปรับเงินเขาทำไม หรือถ้า มีหลักฐานว่า ปชป.รับปากจะจัดการคืนกิจการทีพีไอให้คุณประชัย โดยเรียกเงิน ๒๕๘ ล้านบาท อย่างนี้ก็น่าจะถือเป็นภัยเป็นผิดครรลองได้ ฟ้องยุบพรรคได้ แต่ถ้ามีหลักฐานแค่เงินไหลเข้าโดยปิดลับเท่านั้น อย่างนี้เปอร์เซ็นต์ถูกยกคำร้องสูงลิ่วเลยทีเดียว ศาลแค่ไต่สวนประกอบการชี้ขาดเบื้องต้นก่อนเท่านั้นว่า มีแค่หลักฐานเงินไหลเข้าเท่านั้นใช่ไหม ถ้าตอบว่าใช่มีอยู่แค่นี้จริงๆ ...ก็เกมส์...ยกคำร้องได้เลย ให้ไปฟ้องอาญาเท่านั้น
ถาม ฟังมาถึงตรงนี้ ผมก็เพลียแล้วว่าทำไม งานของ กกต.จึงมีปัญหามากอย่างนี้
ตอบ มันเป็นเรื่องใหม่ทั้งนั้น และ กกต.ก็เคยชินกับการสอบสวนให้ใบเหลืองใบแดง ลงแขกลงมติกันมาตลอด อำนาจก็ต้องมาก ถอด สส.ก็ได้ ยุบพรรคก็ได้ ไม่เคยใช้อาญาเลย พอมาเจอเรื่องบกพร่องทางการเงิน ที่ต้องแยกคิดแยกทำไปอีกทางหนึ่ง ก็เคยชิน เคยอำนาจ เคยกับการลงแขก จนพลาดออกมาเป็นอย่างนี้
ถาม แล้วจะแก้กันอย่างไรครับนี่
ตอบ ในแง่ระบบนี่ คงต้องสะสางทบทวนอำนาจยุบพรรคและกระบวนการใช้อำนาจเสียใหม่ ทั้งหมด ระบบ กกต.นี่งานมาก อำนาจมาก จนเมาหมัดไปแล้ว เห็นไหมครับ
ึึคดี 258 ล้า่น ไอ้เหลิม โดนประชัย ฟ้องเรื่องใส่ร้ายว่า บริจาคให้ พรรค ปชป ที่ศาลไชยา แน่จริง อย่าไปขอให้ประชัย ยกฟ้องแล้วกัน