Jump to content


noswords

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 7 ธันวาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 10:33
-----

#1179756 อยากได้ใครเข้ามาบริหารประเทศครับในสถานการณ์นี้ครับ

โดย อัญญา on 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:28

ที่คุณคิดว่าเก่งจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่ในภาคปฏิบัติเก่งจริงๆ ลองลิสกันเล่นๆ ครับ ทั้งเรื่อง เศรษฐกิจ การเมือง การเงินการคลัง การต่างประเทศ พานิชย์ ฯลฯ

 

ใจผมอยากได้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาทำงาน และอีกหลายๆ คน 




#1162625 ฮ่าๆๆ...หลากหลายวิธี หลบหลีก เอาตัวรอด หนีออกจากม็อบขยะ ที่น่าสนใจ...

โดย plunk on 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:55

ถังขยะ คือ พื้นที่ ที่สะอาดที่สุดของการชุมนุม ม๊อบขยะ นะครับ -_-




#1158906 ผลการโวตประธานวุฒิสภา...

โดย -3- on 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:41

ข่าวมาละ เตรียมฉลองกันได้เลย  :lol:

 

http://news.thaipbs....ะแนน-9651-เสียง




#1155242 อยากเห็นท่านเหลิมออกมาเดินนำทัพ นปช. ครับ

โดย ม่านน้ำ on 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:45

Presentation1.png




#1146729 โอ้ว...ถ้าตระกูลชินวัตร วางมือทางการเมือง แล้วประเทศไทยจะอยู่ยังไง?

โดย HiddenMan on 28 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:26

ที่ 1 ก้าวไม่ข้ามแม้วชะที น่าเบื่อวะ..หึหึ

 

:D ก็วางมือกลับมาติดคุกซิ่ เน่าตายในคุกเดี๋ยวก็มีคนข้ามเองแหล่ะ...




#1144724 แหม่ หลอกสาวกได้อย่างเดียวนะครับเนี่ย เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่ดันทะลึ่งอยากเ...

โดย Suraphan07 on 26 เมษายน พ.ศ. 2557 - 11:14

อันนี้ อาจารย์แกเขียนไว้ดี...

น่าอ่านมาก...ขอบอก... ;)
 

Screen Shot 2014-04-26 at 11.11.25.png

วันเสาร์เบาๆ พักเรื่องอื่นๆไว้ก่อน... เอาข้อเขียนเรื่องห้องของใจมาให้อ่านเป็นอนุสสติก็แล้วกัน...

ใจของเรานั้น ไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า... เมื่อเราใส่อะไรเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่านั้น สถานภาพของห้องก็จะเปลี่ยนไปทันที... เป็นต้นว่า เรามีห้องว่างเปล่าอยู่ห้องหนึ่ง

เมื่อเราใส่น้ำเข้าไปก็จะกลายเป็นห้องน้ำ...

เราใส่พระพุทธรูปเข้าไปก็จะกลายเป็นห้องพระ...

เราใส่เครื่องมือปรุงอาหารเข้าไปก็จะกลายเป็นห้องครัว...

เราใส่เครื่องนอนเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องนอน...

เราใส่ชุดรับแขกเข้าไปก็จะกลายเป็นห้องรับแขก...

เราใส่บุคคลสำคัญเข้าไปก็จะกลายเป็นห้อง วี ไอ พี...

ห้องแห่งหัวใจของเราก็ไม่ต่างอะไรกับห้องว่างเปล่าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเลย...

ทุกครั้งที่เราบรรจุอะไรเข้าไปในใจ ใจของเราก็จะเปลี่ยนสถานภาพเหมือนกัน...

 

เราใส่ความเมตตาเข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจดี...

เราใส่ธรรมะเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจบุญ...

เราใส่ความโกรธเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจร้อน...

เราใส่ความเลวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจทราม...

เราใส่ความกลัวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ...

เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจสู้...

เราใส่ความขาดสติเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจลอย...

เห็นด้วยหรือไม่ว่าใจของเรานั้นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกาย...

เป็นสิ่งที่คอยออกแบบชีวิตของเราให้เป็นไปอย่างไรก็ได้...

 

พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ใจเป็นนาย ใจเป็นผู้นำ ใจเป็นผู้สร้างสรรค์ ...
หรือบางทีก็ตรัสว่า "จิตฺเตน นียติ โลโก " แปลว่า โลกหมุนไปตามใจสั่งการ
โลกในที่นี้ หมายถึง ชีวิตของเรานั่นเอง
โลกคือชีวิต จะหมุนซ้าย หมุนขวา หมุนตรงหรือหมุนเอียง หมุนไปข้างหน้าหรือว่าหมุนไปข้างหลัง ทั้งหลายทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของใจทั้งหมดทั้งสิ้น... ใจของเราไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า... เราบรรจุอะไรลงไป... ชีวิตของเราก็เป็นไปตามสิ่งที่บรรจุนั้น...

ทุกวันนี้... เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าเราบรรจุอะไรลงไปในห้องแห่งหัวใจของเราบ้าง... ความรู้ ความงมงาย ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความโลภ ความดี ความชั่ว ความริษยา ความหน้าด้าน ความสะอาด
สว่าง สงบ หรือความตื่นรู้... ชีวิตจะเป็นอย่างไร... รุ่งโรจน์หรือร่วงโรย ขึ้นสูงหรือลงต่ำ... สำคัญที่เราบรรจุอะไรลงไปในใจของเราเอง...

https://www.facebook...212422832134046




#1143000 'นกแสก'เรียกร้องให้จำหน่ายคดี'ยิ่งลักษณ์'ออกไปจนกว่าบ้านเมือง...

โดย สมชายสายชม on 24 เมษายน พ.ศ. 2557 - 12:04

ให้ยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศสิจะได้จำหน่ายคดีออก :D

 

 

จำหน่ายคดีได้กรณีเดียว คือ "ตาย" เช่นกรณีนายสมัครกับคดีรถดับเพลิง

...




#1138950 เหตุเศร้าซ้ำรอย MH370 เรือเฟอร์รี่เกาหลีใต้จมกลางทะเล ยังสูญหายเกือบสามร้อยคน

โดย JSN on 19 เมษายน พ.ศ. 2557 - 00:45

เท่าที่ทราบ เรือวิ่งด้วยความเร็วปกติครับ อากาศปกติ และที่สำคัญ เรือระดับนี้ ต้องมี ระบบนำร่อง GPS ครับ

นั่นสิครับ ลองคิดเทียบกับคืนที่ไททานิคจม อากาศหนาว ปลอดโปร่ง ไม่มีลม คืนเดือนมืด เจอขอบฟ้าหลอก ระบบนำร่องคือสายตามนุษย์ แต่เรือวิ่งด้วยความเร็วสูง
แล้วเรือที่เทคโนโลยีดีกว่าทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุ


#1140427 เกือบ 10 ปี ที่ผู้จัดการเปลี่ยนไป๋

โดย tonythebest on 21 เมษายน พ.ศ. 2557 - 11:42

คิดอะไรอยู่

ในบทความ ลากป๋าลงมาเป็นผู้ชักไย กปปส หน้าตาเฉย

(คิดแบบเดียวกับเสื้อแดงเป๊ะๆ)

ไหนจะให้ป๋าลาออกจากประธานองคมนตรี

(คิดแบบเดียวกับเสื้อแดงเป๊ะๆ)

 

ถ้ากล้าเขียนบทความโง่เง่า ไร่สติขนาดนั้น

มึงไปเขียนเชียร์ยิ่งลักษณ์ไปเลยเหอะ

บอกไปเลย ยิ่งลักษณ์เก่ง ดี สวย รวย 

เป็นนายกหญิงที่ดีที่สุดในโลกไปเลยเหอะ

 

อย่าแอ๊บ

 

ไอ้กากเอ๊ย




#1140418 เกือบ 10 ปี ที่ผู้จัดการเปลี่ยนไป๋

โดย pooyong on 21 เมษายน พ.ศ. 2557 - 11:32

ผู้จัดการมีการเปลี่ยนแปลงแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น

คือ ช่วงที่ไล่ทักษิณ




#1139389 555 ไม่แปลกใจครับที่เวปนี้ไม่มีใครบริจาค มี modเสรีไทยหัวใจสลิ่ม ด่าทักษิณ...

โดย RiDKuN_user on 19 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:07

เท่าที่เช็คล่าสุด ก็มีเยอะอยู่นะครับ

ไม่ได้เอาเงินบริจาคไปเที่ยวยุโรปน่ะครับ ไม่ต้องการเยอะ เดี๋ยวบัญชีเต็มครับ  -_-




#1134882 ใครที่คิดจะสู้เพื่อทักษิณ ลองอ่านดูแล้วถามตัวเองว่าพร้อมจะเป็นซิมบับเวหรือไม่

โดย no name on 13 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:33

วันนี้ 13 เม.ย. 57 เห็น manager ลงข่าว สลด! ชาวซิมบับเวถูกจระเข้งาบ ดับอนาถอย่างน้อย 17 ศพ ขณะข้ามแม่น้ำหวังไปแสวงหาชีวิตใหม่ในแอฟริกาใต้

 

มันทำให้นึกถึงปี 2543 ที่ ซิมบับเว เริ่มประสบปัญหาเศรษฐกิจ จากปัญหาเงินทุนไหลออก แล้วเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ส่งออกแพลตินั่มใหญ่อันดับสองของโลก และได้ชื่อว่า มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกา หากเทียบกับไทยด้วยมูลค่าเงินแล้วไทยเรียกว่าชิดซ้ายไปเลย เพราะอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลเล่ห์ ซิมบับเว เกือบเท่า 1 ดอลล่าห์สหรัฐ ในขณะที่ไทยต้องใช้เงินถึง 20-25 บาท ในช่วงนั้น

 

ถ้าใครเกิดทันพอจำได้ คงเคยเห็นข่าวชาวซิมบับเว้ต้องเอาเงินใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบ เพื่อไปกินข้าวนอกบ้านสักมื้อ หรือแม้แต่เด็กที่ไปเรียนหนังสือ ต้องถือกระเป๋าสองใบ ใบหนึ่งใส่หนังสือ อีกในใส่ธนบัตรปึกใหญ่เพื่อซื้อน้ำกินสักขวด

 

สาเหตุเกิดจากหลังจากรัฐบาลมูกาเบ้เข้ามาบริหารประเทศได้พักหนึ่ง รัฐบาลได้ใช้นโยบายประชานิยมแบบไทยนี่แหละ คือเอาเรื่องการเกษตรเข้าล่อคนในประเทศ จนทำให้รัฐบาลถังแตกเงินไม่พอจ่าย จึงพิมพ์ธนบัตรขึ้นมาใช้เอง

 

ปี 2551 ซิมบับเว ประสบปัญหาเงินเฟ้อถึง ร้อยละ 231,000,000 ต่อปี (พิมพ์ไม่ผิด 231 ล้าน) ทำให้ในเดือน พย.ปีนั้นธนาคารกลางต้องพิมพ์ธนบัตรใบละ 1 แสนล้านดอลล่าห์ มาใช้เพื่อแก้ปัญหาการต้องถือเงินจำนวนมากไปซื้อของ แต่ปัญหายิ่งบานปลายที่ประสบภาวะเงินเฟ้อในปีถัดมาสูงขึ้นเป็น 516,000,000,000,000,000,000 ก็พิมพ์ไม่ผิดอีก เพราะมันคือ 516 ล้านล้านล้านต่อปี ส่งผลให้ราคาสินค้าที่ขายอยู่ในท้องตลาดต้องปรับราคาเป็นสองเท่าทุก ๆ วัน ถ้าคิดง่าย ถ้าวันนี้ซื้อน้ำขวดละ 10 ล้านล้านดอล์ พรุ่งนี้จะซื้อได้ต้องใช้เงิน 20 ล้านล้านดอล แล้ววันต่อไปจะขึ้นราคาเป็น 40 ล้านล้านดอล

 

ลองนึกภาพ จะเป็นอย่างไร หากพวกคุณเป็นชาวซิมบับเว

 

ปัญหาการขาดแคลนสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต ยารักษาโรคขาดแคลน เกิดการกักตุนสินค้า ค่าเงินเสื่อมลงทุกวัน แม้คนที่มีอันจะกินเมื่อวานนี้ ตื่นมากลายเป็นคนไม่มีจะกินไปทันที 

 

ปัญหาของซิมบับเว จึงไม่เห็นหนทางแก้ไขจนทำให้ทุกคนในประเทศเริ่มเห็นว่า ชีวิตนี้ไม่รอดแน่จึงต้องไปตายเอาดาบน้ำ แต่ด้วยซิมบับเว เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล ทางหนีทางเดียวคือการข้ามแม่น้ำ ซึ่งต้องเดินทางผ่านป่า ที่เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย และที่สำคัญคือจระเข้ที่ดุที่สุด คนที่จะข้ามไปได้ จึงต้องมีบางคนยอมเสียสละชีวิต เพื่อให้อีกหลายคนข้ามไปหาอิสระภาพในประเทศอื่นว่ากันอย่างงั่น

 

เขียนมานาน ก็เอาเข้าเรื่องสักที จริงๆ แล้ว ซิมบับเว ก็เหมือนไทยอยู่หลายอย่าง คือ เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีเศรษฐกิจที่ดี มีประชากรที่มีคุณภาพ และที่สำคัญ มีรัฐบาลที่ชื่อ มูกาเบ้ เข้าบริหารประเทศ ที่เต็มไปด้วย การทุจริตคอรัปชั่นที่ อีกทั้งความเหมือนที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ รัฐบาลมูกาเบ้ สอนให้คนประเทศแตกแยกกัน บูกาเบ้ สอนให้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ชาวผิวดำ และ ผิวขาว สร้างวาทะกรรม ไพร่ อำมาตย์ ขึ้นมาปลุกระดม ทำให้คนในชาติคิดไปว่า คนผิวดำโดนรังแก ใช้นโยบายประชานิยม หาเสียงกับคนผิวดำซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ด้วยการออกนโยบายยึดที่ดินของคนผิวขาวเอามาให้คนผิวดำ ซึ่งแน่นอน ทำให้คนผิวดำซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ไม่ลังเลที่เลือกมูกาเบ้ เลือกตั้งกี่ครั้งก็ชนะทุกครั้ง เพราะเป็นเหมือนขวัญใจคนยาก

 

มูกาเบ้ หลงอำนาจ ทำทุกอย่างที่ได้มาโดยไม่ฟังใคร แม้จะมีเสียงด่า เสียงเตือน จากหลายฝ่าย มูกาเบ้แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค์ต่อการคอรัปชั่น มูกาเบ้ แต่งตั้งพวกฟ้อง และคนในเครือญาติ เข้ามาบริหารประเทศ มูกาเบ้ทำทุกอย่างได้โดยอ้างการเลือกตั้ง ที่ได้รับประชามติจากคนส่วนใหญ่

 

แล้ววันนี้เป็นอย่างไร เมื่อชาวผิวขาว ซึ่งถือเป็นเสียงส่วนน้อยถูกกำจัด มันก็จึงเหลือคนส่วนใหญ่ที่เลือกมูกาเบ้เข้ามา คนส่วนใหญ่นี้เองที่เป็นเครื่องมือกำจัดคนที่เห็นต่างให้ออกไปได้แล้ว ผลที่ตามมาจึงไม่พ้นที่คนผิวดำถูกฆ่าทั้งเป็นตามมา คนผิวดำซึ่งคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่พวกเขากลับพบความจริงว่า นอกจากชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักหนาแล้ว พวกเขายังคิดว่าแผ่นดินที่ให้กำเนิดเขามา คงอยู่กันไม่ได้แล้วนับจากนี้ เพราะรัฐบาลเมื่อยึดเอาที่ดินมาจากคนผิวขาวแล้ว ก็เอาไปขายให้คนต่างชาติ ชีวิตพวกเขาจึงเหมือนเป็นทาส ที่รัฐบาลออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ สามารถทำอะไรก็ได้กับคนในชาติ

 

จะเป็นอย่างไร ถ้าพวกคุณทำงานวันละ 18 ชั่วโมง โดยได้ค่าจ้างไม่พอแม้แต่ซื้อข้าวกินสักมื้อ จะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งมีคนบอกว่า ลูกคุณโตพอที่จะทำงานในเหมืองแล้วโดนเกณฑ์ไปทำงานทันที จะเป็นอย่างไรถ้าลูกสาวแสนสวยของคุณเป็นที่ถูกใจของคนต่างชาติแล้วขอไปเป็นนางบำเรอ แล้วจะเป็นอย่างไรถ้ารัฐบาลบอกคุณเป็นคนหัวรุนแรงที่ต้องจำกัดได้โดยถูกกฎหมาย เหตุการณ์แบบนี้คุณคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ในซิมบับเว ก่อนที่มูกาเบ้จะครองอำนาจได้เบ็ดเสร็จจากคะแนนเสียงที่เลือกเขามาแบบถล่มทลาย แต่มันเป็นไปแล้ว

 

ผมว่ากรณีศึกษา ซิมบับเว ก็คงไม่พ้นต้องมามองดูไทยวันนี้ ที่ระบอบทักษิณ กำลังเอามาใช้กับไทย

 

หลายคนอาจยังมองไม่เห็นชัด แล้วผมก็ไม่ยืนยันว่ามันจะเหมือนกันได้ทุกเรื่อง เพียงแต่มันมีสัญญาณหลายอย่างเพื่อให้สังคมได้ขบคิดกันแล้วในวันนี้

 

เพราะความเหมือนที่ดูแล้วมันแทบจะเลียนแบบกันมาแบบที่หาความแตกต่างไม่เจอ โดยเฉพาะการแบ่งแยกคนในชาติออกเป็นสองกลุ่ม คือ คนเสื้อแดง กับคนที่ไม่ใช่เสื้อแดง ซึ่งก็คงเหมือนกับ คนผิวดำ กับ คนผิวขาว การใช้วาทะกรรม ไพร่ อำมาตย์ ที่แยกคนออกเป็นชั้นๆ ทำการแบ่งแยกคนเพื่อให้เกลียดกัน คนชั้นล่าง เกลียดคนชั้นกลาง ชั้นสูง ให้คนชั้นกลาง ชั้นสูง เห็นการกระทำของคนชั้นล่างแล้วรู้สึกหดหู่ใจ เริ่มสอนให้ไล่คนที่ไม่ใช่เสื้อแดงออกไป แล้วประเทศนี้เป็นของคนเสื้อแดงอย่างเดียว

 

อย่างงี้แล้วจะให้มองเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ถ้าระบอบทักษิณไม่กำลังทำเหมือน ซิมบับเว  เพียงแต่วันนี้ไทยยังไม่เจริญรอยตามมากนัก อาจเป็นมีความแตกต่างอยู่บ้าง ที่วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ออกมาต่อสู้ ไม่ใช่เพราะตัวเองเท่านั้น แต่กำลังต่อสู้ในลูกหลานของคนไทย ได้มีที่ยืนในแผ่นดิน

 

ไม่เหมือนกับซิมบับเว ที่ยอมจำนนต่อมูกาเบ้ ที่แม้จะรู้ว่าจะทำให้ประเทศพินาศฉิบหาย ก็ยอม เพียงเพราะตัวเองได้รับประโยชน์จากการจัดสรรที่ดิน (ที่ยึดมาจากคนผิวขาว) แล้วเป็นอย่างไรตอนนี้ เมื่อมูกาเบ้จำกัดคนที่คิดต่างออกไปได้ ที่ดินเหล่านั้นก็ถูกเวนคืนกลับมาขายให้ต่างชาติ (ทำเหมือง)  คนซิมบับเว จึงต้องตกเสมือนเป็นทาสกับรัฐบาลมูกาเบ้ และชาวต่างชาติ ที่คิดจะทำอะไรก็ได้กับคนในชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปล้น ฆ่า ข่มขืน เพราะกฎหมายคือรัฐบาล ที่จะออกเพียงแค่รับใช้รัฐบาลเท่านั้น

 

นี่คือบทเรียนที่ว่า วันนี้ทำไมคนไทยคงต้องออกมาปกป้องประเทศให้ปลอดจากระบอบทักษิณ ที่สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ มีการไม่รับกฎหมาย ไม่รับรัฐธรรมนูญ ไม่รับกฎกติกา  พยายามสร้างกติกาของตัวเองขึ้นมา โดยมีหลักสำคัญคือ รัฐบาลทำอะไรก็ไม่ผิด แม้แต่จะไปย้ายใครออกเพื่อเอาญาติตัวเองเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ว่าเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลทำก็ไม่ผิดใครจะกล่าวโทษไม่ได้  การเห็นเงินชาวนาที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเป็นเรื่องปกติไม่ผิด  หรือแม้แต่ปล้นแหล่งพลังงานในประเทศไปให้คนต่างชาติก็ไม่ผิด

 

ผมจึงว่า มันมีความเหมือนของระบอบมูกาเบ้กับทักษิณ เพียงแต่วันนี้ไทยอาจมีความแตกต่างอยู่บ้าง ทีเห็นคนในชาติมองเห็นหายนะของระบอบนี้ก่อนที่ไทยจะเจริญรอยตามซิมบัวเว ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่คนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลในระบอบทักษิณ ซึ่งก็หมายถึงคนเสื้อแดงก็คงต้องหนีตายไม่ต่างจากคนซิมบับเวในปัจจุบัน ว่าแต่เมื่อถึงเวลานั้นคนเสื้อแดงคิดหรือยังว่า จะหนึไปประเทศไหน เพราะดูแล้วประเทศเหล่านั้นคงไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงสักเท่าไร เพราะคงไม่มีใครอยากรับคนที่แม้แผ่นดินเกิดยังทำลายได้ ก็ไม่อยากคิดหากถึงวันนั้นจริง คนเสื้อแดงอาจเป็นเหมือนชาวโรนินยา ที่ไม่มีประเทศไหนยอมรับ แม้กระทั่งปากีสถาน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของพวกเขาก็ตาม เพราะอะไรก็อยากให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ของพวกเขาดูเอา 

 

แล้วอย่าบอกว่านะว่าที่เขียนมันโอเวอร์ เป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คงไม่ต่างจากคนซิมบับเว ที่ตอนนั้นหลายคนเตือนรัฐบาลมูกาเบ้ว่าจะเกิดหายนะกับซิมบับเว แต่ตอนนั้นรู้สึกคนที่ชื่มชมรัฐบาลออกมาดาหน้า ฉลองชัยใหญ่โตว่า มูกาเบ้หรือเทพเจ้าแห่งคนยากจะนำพาประเทศเจริญรุ่งเรื่องเทียบกับสหรัฐ แล้ววันนี้เป็นอย่างไร มันก็คงไม่แตกต่างหากระบอบทักษิณยังครอบงำชาติเหมือนอดีตที่ผ่านมา




#1135940 สงกรานต์

โดย ตะนิ่นตาญี on 15 เมษายน พ.ศ. 2557 - 14:53

 

เอาหลานสาวมากราบอวยพรคุณปู่ตะนิ่นตาญีครับ

 

 


 5UZREs.jpg

 

 

 

เนื่อง ใน ศุภวาระดิถี ขึ้นปีใหม่ ตาม ขนบธรรมเนียม และ ประเพณี ของ ไทย แต่เคยมีมา

 

ตะนิ่นตาญี ใคร่ ขอ อารธนา คุณพระศรีรัตนตรัย โปรดจงได้อำนวยอวยพร ให้แก่ เพื่อนเพื่อน ทุกคน และ ครอบครัว

 

จงมี ความสุข-ความเจริญ ก้าวหน้า ใน อาชีพการงาน คิดสิ่งใดขอให้สมปราถนา ทุกประการ ปลอดจากภยันตราย และ โรคร้าย ทั้งปวง ด้วยเทอญ

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗

 

เวลา ๑๔.๕๒ นาฬิกา

 

 

 

หมายเหตุ : ขออนุญาต เพื่อนเพื่อน อวยชัย ให้ พร เพิ่มเติม แก่ คุณ tonythebest เป็นพิเศษแต่เพียงผู้เดียวนะครับ

 

                 นอกเหนือจาก พร อันประเสริฐ ที่ กล่าวมาแล้วในเบื้องต้นแล้ว ขอให้ พร คุณ tonythebest ดังนี้...

 

                 ยามใดที่ คุณ tonythebest ถ่ายภาพ สุภาพสตรี ขอให้ถ่ายภาพติดแต่ สุภาพสตรีที่มีอายุตั้งแต่ ๖๕ ปี ขึ้นไป

 

                 หาก  ถ่ายภาพสุภาพสตรี ท่านใด ที่มี อายุน้อยกว่านั้น ขอให้ ถ่ายภาพ ไม่ติดด้วยเทอญ เจ้าประคุณเอ๋ย.... :lol:   




#1135426 ปฏิวัติ เย็นนี้

โดย pooyong on 14 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:06

บันได 8 ขั้น  8 ขั้นตอนการปฏิวัติตัวเอง

 

1. ทิ้งความกลัวไว้เบื้องหลัง ต้องอย่ากลัวที่จะเปลี่ยน แนะนำให้หากำลังใจจากเพื่อน

หรือแรงบันดาลใจจากบุคคลในอุดมคติที่คุณชื่นชม ในการที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต

หรือในเรื่องที่คุณต้องการจะเปลี่ยนมา แล้วก็ได้

2. คิดบวกเพิ่มพลัง เมื่อขจัดความกลัวหมดไปแล้ว มาเติมพลังความคิดบวกกันนะ

เพราะคนที่คิดบวกหรือมองโลกในแง่ดี ย่อมมีโอกาสดีกว่าคนอื่นเสมอ

โดยคิดว่าการเปลี่ยนตัวเองเป็นโอกาส โอกาสที่คุณจะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ

และอาจค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่ารอคุณอยู่ข้างหน้า

3. ค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ เมื่อเติมพลังบวกกันแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ จังๆ สักทีแล้ว

หมดเวลาให้ชีวิตสร้างอะไรๆ ขึ้นมาเอง ต้องเปลี่ยนเป็นสร้างอะไรๆ ให้ชีวิตแทนแล้ว

โดยสิ่งนั้นอาจเป็นจุดหมายในชีวิตหรือสิ่งที่คุณชอบก็ได้

4. สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ปรับรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ ให้เป็นสาวรูปร่างสมส่วน

และใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น โดยเริ่มวางแผนการกินอาหารให้เหมาะสม

รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ทานผักและผลไม้เป็นประจำ

และเลือกดื่มเครื่องดื่มไขมันต่ำ ที่มีใยอาหารก่อนอาหารมื้อเย็น จะช่วยให้อิ่มท้องและช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

แล้วอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่อย่างวสม่ำเสมอด้วย จะทำให้คุณมั่นใจมากยิ่งขึ้น

5. ลบอดีต คิดถึงปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้

ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก ที่เราสามารถเลือกและทำให้ดีที่สุดได้

การมองไปข้างหน้า มองไปยังเป้าหมายในการดำเนินชีวิตให้ชัดๆ

ย่อมดีกว่า ที่จะมานั่งเสียดายกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

6. ลงมือปฏิบัติทันที เมื่อปรับตัว ปรับใจ รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรแล้ว

ก็รีบลงมือทำทันที อย่าปล่อยให้เสียเวลาอีกต่อไป

7. บริหารเวลาอย่างฉลาด การรู้จักจัดสรรเวลาเป็นสิ่งจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ลองเริ่มแบ่งเวลาของคุณตาม “กฎ 80-20” กล่าวคือ เราจะแบ่งเวลาให้สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราที่ 20%

และอีก 80% ให้เวลากับสิ่งสำคัญที่รองๆ ลงไป แล้วคุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของการบริหารเวลาชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น

8. เปิดใจรับรู้สิ่งใหม่ ด้วยใจปราศจากอคติ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องในโลกใบนี้ที่เรายังไม่รู้

ลองเปิดใจ พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังผ่านเข้ามาในชีวิต บางทีสิ่งเหล่านั้นอาจนำพาโอกาสดีๆ ในอนาคตมาให้คุณก็เป็นได้




#1123801 อีกหนึ่งเรื่องราวเล็กๆจากชายแดนที่ไม่ค่อยมีใครรับรู้

โดย ธีรเดชน้อย on 2 เมษายน พ.ศ. 2557 - 09:20

1656442_677872698917755_836348864_s.jpg
ถูกใจแล้ว · 29 มีนาคม 
#แด่ทหารใต้#แด่ร้อยตรีสำรวย#แสงแรกครุฑธากาศ

นายสำรวย สุพรรณเมือง อาศัยอยู่ในบ้านเก่าทรุดโทรมหลังเล็กๆกับแม่สองคน...วันหนึ่งเขาถึงวัยที่ต้องคัดเลือกทหาร...
"แม่ครับ ผมได้เป็นพลทหารแล้ว ผมจะมีเงินเดือนมาทำบ้านทำห้องน้ำให้แม่แล้วนะครับ"
ตลอดเวลาที่ประจำการอยู่นั้น พลฯสำรวย เก็บหอมรอมริบเงินได้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อทยอยทำตามปณิธานของตนทีละเล็กทีละน้อยตามกำลังทรัพย์ 
บ้านยังไม่ได้ทำ..... ห้องน้ำเพิ่งก่อปูนได้ส่วนหนึ่ง หลังคาไม่มี...เงินไม่พอ
"แม่ครับผมจะได้ไปราชการสนามที่ภาคใต้ ต่อไปมีค่าเสี่ยงภัย ผมจะได้มีเงินมาทำต่อให้เสร็จแล้วนะครับ"
"ตายจริง! ลูกเอ๋ย....มันอันตรายไหมลูก"
"แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ใครๆเขาก็ไป ผมไม่เป็นอะไรหรอก ผมจะระวังตัว"
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ลูกเอ๋ยแม่มีเจ้าเป็นความหวังเดียว ยังไงแม่ก็อดห่วงไม่ได้"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ผมไม่เป็นอะไรหรอก...แต่ถ้าเป็น.. แม่ก็ไม่ลำบากหรอกครับ กองทัพจะดูแลแม่ คนไทยจะไม่ทอดทิ้งแม่ และแม่จะมีเกียรติที่มีลูกชายตายเพื่อชาติ"
"อย่าพูดอย่างนั้นลูก มันไม่ดี"
"ฮ่าๆ ครับแม่ แม่อย่าห่วงเลย ผมไปไม่นานผมก็ได้กลับมาอยู่กับแม่แล้ว ผมใกล้จะปลดแล้ว"
ก่อนกำหนดเพียงแค่เดือนเดียวสำรวยก็ได้กลับมา เขากลับมาอย่างสมเกียรติ กลับมาอยู่กับแม่ของเค้า.........นิรันดร์..
..... บ้านที่ยังไม่ได้ทำ ห้องน้ำที่ยังไม่มีหลังคา... วันนี้เพื่อนๆของเธอกำลังมาสานต่อให้เธอแล้ว วันนี้เราจะทำหลังคาชั่วคราวกันแดดกันฝน แม่จะได้ไม่ลำบาก ส่วนบ้านของแม่รออีกไม่นานนะสำรวย ไม่ต้องห่วงแล้ว แม่ของเธอคือแม่ของเรา นับจากวันนี้และตลอดไป..

10153733_689315164440175_2074720023_n.jp

 

คนร้ายกราดยิงจุดตรวจชรบ.ล่อจนท.เข้าที่เกิดเหตุก่อนดักบึ้ม ทำให้ปลัดโคกโพธิ์และเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 5 ราย

          วันที่ 2 ก.พ.57  เมื่อเวลา 02.30 น.  ร.ต.ท.ถิราวุฒิ  ปานมา ร้อยเวร สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายยิงใส่จุดตรวจ ชรบ.บ้านปลักใหญ่ ม.9 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดยปลัด อ.โคกโพธิ์ ได้นำกำลังอส.เข้าพิสูจน์ทราบที่เกิดเหตุเพื่อเข้าไปช่วยเหลือพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาสมทบ แต่ระหว่างการเดินทางถูกคนร้าย ลอบวางระเบิดคาดว่าเป็นระเบิดแสวงครื่องบรรจุถังแก๊สปิกนิก น้ำหนักประมาณ 30 กก.ทำให้รถของปลัดอำเภอโคกโพธิ์และรถเกราะทหารได้รับความเสียหาย

 
          จากนั้นคนร้ายได้ซุ่มยิงบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ และวางตะปูเรือใบ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มีการประสานขอรับการสนับสนุนกำลัง เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ปัตตานี 21 บริเวณใกล้เคียงเข้าสนับสนุนภารกิจ ทั้งทางบก และ ทางอากาศ โดยจากเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บ 5 นาย โดยผู้เสียชีวิตประกอบด้วย 1.นายจักรตรา พรหมแก้ว ปลัดอำเภอโคกโพธิ์  2.จ.ส.อ.รุ่งเรือง  กล้ารบ อายุ 34 ปี  3.สท.ทศพร โพธิกลาง อายุ 25 ปี  4.พลทหารสำรวย สุพรรณเมือง อายุ 24 ปี  ส่วนผู้บาดเจ็บ คือ จ.ส.ท.เพลิน  ไพศาล, ส.ท.นิวัฒน์ พาดีจันทร์, นายอับดุลการิม เจ๊ะ และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลปากล่อฯ,นายอาแซ หวังถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลปากล่อฯ ,นายอับดุลเลาะ เจ๊ะยีมะ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ซึ่งผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

................................................................................................................

 

มากกว่ารักจากวีรบุรุษยะลา ขออนุญาตชี้แจงครับ
ขอบคุณทุกๆท่านที่เป็นห่วงและเห็นใจคุณแม่ของวีระบุรุษครับ
เกี่ยวกับสำรวยคือ

ครอบครัวยากจนมาก มีพี่สาวและน้องชายอย่างละหนึ่งคน คุณพ่อได้ทอดทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก
คุณแม่ซึ่งเป็นเพียงหญิงตัวเล็กๆไม่มีเงินเดือนต้องรับจ้างทั่วไปเลี้ยงลูกสามคนเพียงลำพังในบ้านหลังเก่าๆโทรมๆหลังป่าอ้อยจนเติบใหญ่ เมื่อลูกสามคนเริ่มโตขึ้น บ้านหลังน้อยจึงไม่พอที่จะอยู่ได้ทั้งหมด พี่สาวต้องไปหางานทำที่ กทม.เพื่อส่งเสียแม่และน้องสองคน ต่อมาน้องชายก็จำเป็นต้องออกเรือนไปเพื่อไม่ให้บ้านแออัด สำรวยขออยู่ดูแลแม่และก็ทำได้ดีมาตลอด
ในวันที่เขาจากไปตลอดกาล กองทัพก็มิได้ทอดทิ้ง ผู้บังคับบัญชาและหน่วยยกเรื่องสำรวยเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนอันดับหนึ่ง....
ทางหน่วยดูแลและให้ความสำคัญกับคุณแม่ขั้นสูงสุดในทุกเรื่อง...
สิทธิทุกอย่างที่คุณแม่ควรใด้ทางหน่วยดูแลและเร่งรัดอีกทั้งให้ความปลอดภัยต่อสิทธิของคุณแม่อย่างละเอียดและใส่ใจ ส่วนรายละเอียดลึกๆเราจะไม่เปิดเผยครับเพื่อความเป็นส่วนตัวของคุณแม่ เช่น คอยกันคนที่เข้ามาก่อกวน ยืมเงิน หรือเสนอขายของ ตลอดจนขอรับบริจาคเอาดื้อๆจากคุณแม่ ฯลฯ

ในส่วนกองทัพก็อนุมัตบรรจุน้องชายของสำรวยเข้าเป็นนายสิบในปี58 โดยทางหน่วยจะดูแลเรื่องส่งเรียน กศน.ให้ได้วุฒิ ม.6 ก่อนครับ
ในส่วนของคำสั่งเสียของสำรวยเรื่องบ้านนั้นทาง ผบ.ต้นสังกัดได้ดำเนินการติดตามไถ่ถอนที่ดินของแม่ที่จำเป็นต้องขายไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนคืนมาให้คุณแม่ได้แล้ว ตอนนี้ถมที่ให้สูงกว่าถนนเรียบร้อย รอเพียงให้ดินแน่นดีก่อนและรอฤกษ์ยามในการลงเสาเอกครับ
ในระหว่างรอนี้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนๆและน้องๆทหารของสำรวยจึงลงขันกันช่วยปรับปรุงบ้านหลังเก่าของแม่ ให้แม่สะดวกในระหว่างรอบ้านใหม่เสร็จครับ ....
เหตุผลที่เรานำเสนอเรื่องราวของสำรวยนี้ มีสิ่งเดียวที่เราต้องการด้วยสัตย์จริงครับ....... เราไม่อยากให้ทุกคนลืมเค้า ร.ต.สำรวย วีรบุรุษของเรา

 

...........................................................................................

 

อีกหนึ่งเรื่องราวหนึ่งชีวิตในอีกหลายร้อยพันที่ทำงานเพื่อให้เราได้อยู่อย่างสุขสบาย