แล้วไอ้ดวง ที่โยกจากทหาร ไปเป็น ตะกวด เพราะพ่อไอ้ปื๊ดกลัวลูกถูกส่งลงใต้แล้วตายโหง
....ทั้ง ๆ ที่ไอ้นี่มีประวัติโกงวุฒิการศึกษาจนถูกไล่ออกจากทหารไปรอบนึงแล้ว แต่กลับเข้ารับราชการใหม่ได้เฉยเลย
..... เมื่อไหร่จะปลดและไล่ออกซะทีครับ
วันศุกร์ hasn't added any friends yet.
โดย Bayonet on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 15:14
โดย ธีรเดชน้อย on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:28
เอามาเสริมครับ
นายวัชระ กล่าวว่า เรื่องนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบกลับข้อหารือของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับอำนาจการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันถึง 2 ครั้งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจที่จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบบทักษิณ จึงมีการเพิกเฉยละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ พล.ต.อ.วัชรพล เป็นผู้มีอำนาจที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งพล.ต.อ.วัชรพล ถือเป็นเป็นตำรวจที่ดี จึงขอให้ดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้สร้างปัญหาและความแตกแยกให้แก่ประเทศชาติโดยด่วนที่สุด
นอกจากนี้ยังขอให้มีการรื้อคดีสังหารนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินชื่อดัง ขึ้นมาสอบสวนใหม่ รวมทั้งขอให้รื้อคดีที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของกลุ่ม นปช.หมิ่นบรมเดชานุภาพ ซึ่งตนได้ไปแจ้งความไว้ที่กองปราบปราม ตั้งแต่ปี 2552 แต่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจอยู่ในขณะนั้นได้ทำการเป่าคดีดังกล่าว นอกจากนี้ขอให้มีการเร่งรัดคดียิง นายทวีศักดิ์ โพธิแก้ว นักศึกษาม.รามคำแหง เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ ม.รามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2556 โดย พล.ต.อ.วัชรพล รับปากว่าจะเร่งดำเนินการทั้ง 4 เรื่องนี้โดยด่วนต่อไป
http://breakingnews....p?newsid=723005
โดย ปุถุชน on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 06:59
Posted Today, 06:57 Puuchon Serithai shared Abhisit Vejjajiva's status.
สาธุชน สุจริตชนใช้วิจารณญาณของตนเอง ใช้หลักกาลามสูตรพิจารณาเอาเองครับ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
โดย ONETHAI on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:04
เราก็ไม่อยากเห็นรัฐประหารครับ
แต่ เราก็ไม่อยากเห็นประเทศล่มสลายด้วยฝีมือนักการเมืองเลวๆ มากกว่าครับ
โดย Suraphan07 on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:31
เพราะ รู้จริง/รักและหวังดีต่อประเทศของตน
มากกว่าคนไทยอีกหลายๆคน ที่อาศัยแผ่นดินไทยเกิด...
ทนายสหรัฐวอนแคร์รี่อย่ายุ่งเรื่องไทย
ทนายความของบริษัทชื่อดังในสหรัฐชี้รัฐประหารเป็นประโยชน์ต่อคนไทยเชื่อกองทัพจะคืนอำนาจให้เมื่อถึงเวลา
โจเซฟ ครีทซ์ ที่ปรึกษาทางกฎหมายจาก “ครีทซ์ แอนด์ เซเรบิน” บริษัทกฎหมายชื่อดังแห่ง ซานฟรานซิสโก ได้ส่งจดหมายถึง จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า ในฐานะของพลเมืองสหรัฐผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง และมีความสัมพันธ์ทางครอบครัวและเศรษฐกิจกับประเทศไทยอย่างเหนียวแน่น ขอเรียกร้องให้ แคร์รีหยุดแทรกแซงกับสถานการณ์ทางการเมืองในไทย
ครีทซ์ ได้อ้างกฎหมายของสหรัฐ มาตรา 22 USC 8422( (iii) ที่ระบุถึงการระงับความช่วยเหลือทางการทหารแก่ประเทศที่ทหารโค่นล้มอำนาจรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ครีทซ์ แสดงทัศนะว่า กฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในไทยเพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของไทยได้ถูกปลดออกไปแล้วก่อนหน้าที่จะเกิดการรัฐประหาร
ที่ปรึกษาทางกฎหมายผู้นี้ยังแสดงทัศนะว่า การทำรัฐประหารจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทย ทั้งคนจนและคนรวย คนเมืองและคนชนบท และย้ำว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนเลวร้าย หากสหรัฐยังคงสนับสนุนทักษิณต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งประเทศได้
“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว รวมถึงพรรคเพื่อไทย ขาดการสนับสนุนจากคนไทยแล้ว สหรัฐควรตระหนักว่า ทักษิณ เป็นขโมย นักการเมืองที่เห็นแก่ได้ ซื้อเสียง ฆาตกร และเป็นผู้มีอิทธิพลที่ใจแคบ นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงและหากทางสหรัฐยังคงเข้าข้างกลุ่มที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ จะเป็นการทำให้คนไทยซึ่งนิยมชมชอบสหรัฐ อาจหันมาต่อต้านและเกลียดชังแทน” ครีทซ์ ระบุในจดหมาย พร้อมย้ำว่า การกระทำของแคร์รีครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสหรัฐ
จดหมายระบุต่อไว้ว่าสหรัฐต้องไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในออกประเทศไทย และเชื่อว่าในท้ายที่สุด กองทัพจะคืนอำนาจให้กับประชาชนเองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
“แคร์รี และ คริสตีย์ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย จะต้องหยุดการวิจารณ์การเมืองไทย และปล่อยให้ประเทศไทยจัดการกับปัญหาของตนเอง นอกจากนี้ ไม่ว่าสหรัฐจะเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วกองทัพไทยจะคืนอำนาจให้กับพลเรือนเอง แต่ต้องรอให้ถึงสถานการณ์และเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน ไม่ใช่การบงการจากสหรัฐ”
http://www.posttoday...่ายุ่งเรื่องไทย
โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:40
ข่าวจริงเหรอ?
เต้าข่าวครับ National Enquirer เป็นแทบลอยด์จอมเต้าข่าว
ต่ำชั้นไม่ต่างอะไรจากนิตยสารไทยแนว ปาฎิหาริย์พระเครื่อง อภินิหาร หรือดาราสยามเลยครับ
โดย ramboboy26 on 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:12
เมื่อไหร่นักการเมืองแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่ได้ เมื่อนั้นการคานอำนาจรัฐ-ราชการจะเกิดขึ้น
ซึ่งเป็นผลดีต่อการถ่วงดุลย์อำนาจกันเองของฝ่ายบริหารและฝ่ายวางนโยบาย
"ระบบนี้มีมั้ยในราชการไทย"
มี ขอให้ดูระบบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงยุติธรรมเป็นตัวอย่าง
วุฒิ+อายุราชการเป็นตัวกำหนดตำแหน่ง ไม่ใช่ความพอใจของนักการเมือง
"ผลเสียมีมั้ย"
มีโอกาส เมื่อรมต.กับอธิบดีไม่ถูกกัน
แต่จะเกิดในวงจำกัด เป็นความขัดแย้งภายใน
ไม่ส่งผลกระทบกลายเป็นโกงกินเชิงนโยบายอย่างในปัจจุบันไปได้แน่นอน
โดย Shariff on 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:32
ปัญหาของประเทศไทย ไม่ใช่กฎไม่ดี
ปัญหาคือ ไม่มีใครเล่นตามกฎ
เอาง่ายๆ กฎจราจร คิดว่ามีการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด
กันสักเท่าไหร่
ผมเคยดูของญี่ปุ่น
รถวิ่งทางโท บังคับหยุดตรงแยก 2วินาที ต้องหยุดสนิทเท่านั้น แม้ทางเอกไม่มีรถวิ่งมาก็ตาม
เขาก็ทำกันได้
ผมเห็นป้ายหยุดตรงแยกของเรามีเยอะแยะ
เคยไหมที่จะทำอย่างเขา หยุดรถก่อนตามกฎ
ไม่มีหรอก อย่างเราก็บอกไปว่า อีกทางไม่มีรถจะหยุดทำไมให้เสียเวลา
โดย แม้ว ม.7 on 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:09
โดย อู๋ ฮานามิ on 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 23:08
เป็นความผิดของใคร ที่มองความผิดเป็นเรื่องปกติ
ชอบอะไรง่ายๆ ขอให้ได้เงิน
โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:49
http://www.manager.c...D=9570000056599
ก.ล.ต.สั่งปรับ "มณฑาทิพย์ ชินวัตร-สมชัย โกวิทเจริญกุล" เป็นเงิน 9.67 ล้านบาท ฐานใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น MLINK ถือเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยกรณีคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบนางมณฑาทิพย์ ชินวัตร และนายสมชัย โกวิทเจริญกุล เป็นเงินรวม 9,670,432.91 บาท กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK)
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2554 นางมณฑาทิพย์ขายหุ้น MLINK ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท เอ็ม แคปปิตอล โฮลดิ้งส์ จำกัด (บ. เอ็มแคปปิตอล) จำนวน 29 ล้านหุ้น ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอ กโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น MLINK และยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเกี่ยวกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 315.79 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2554 ของ MLINK เนื่องจากการตั้งรายการพิเศษเกี่ยวกับการรับรู้การด้อยค่าของงานระหว่างทำในบริษัทย่อยรายบริษัท พอร์ทัลเน็ท จำกัด โดยนางมณฑาทิพย์ล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวจากการเป็นประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการของ MLINK รวมทั้งเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 49.99 และกรรมการผู้มีอำนาจของ บ. เอ็มแคปปิตอล ในขณะนั้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายสมชัยได้ขายหุ้น MLINK ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองจำนวน 7,026,400 หุ้น โดยอาศัยข้อเท็จจริงข้างต้น ซึ่งนายสมชัยได้ล่วงรู้ จากการเป็นกรรมการของ MLINK ในขณะนั้น
การกระทำของนางมณฑาทิพย์และนายสมชัย ซึ่งเป็นบุคคลวงในเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เนื่องจากบุคคลทั้งสองยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบปรับนางมณฑาทิพย์ เป็นเงิน 7,862,349.85 บาท และนายสมชัย เป็นเงิน 1,808,083.06 บาท
****************************************
ที่อเมริกา ความผิดฐานเดียวกันกับคนสกุลชินวัตรนี้
ทำให้เจ้าแม่งานบ้านอย่างมาร์ธา สจ๊วร์ตโดนจับติดคุกมาแล้ว
โดย ปุถุชน on 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:10
คนงานจีนผู้ผลิต ‘มือถือ’ กำลังล้มตายด้วย ‘สารพิษอิเล็กทรอนิกส์’ โดย แอนดริว คอร์ฟเฮจ 17 พฤษภาคม 2557 23:14 น.
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Tech poison killing Chinese
By Andrew Korfhage
15/05/2014
“แอปเปิล” และบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไฮเทครายอื่นๆ กำลังถูกกดดันให้เปลี่ยนสารเคมีบางตัวที่ใช้อยู่ โดยหันมาใช้สารเคมีซึ่งมีพิษภัยต่อชีวิตน้อยลง ทดแทนตัวที่ทำให้คนงานชาวจีนของพวกเขาต้องล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ชีวิตที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากของคนงานจีนเหล่านี้เอง เป็นจุดโฟกัสของภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ ที่มีชื่อว่า Who Pays the Price? The Human Cost of Electronics (ใครเป็นคนจ่าย? ต้นทุนมนุษย์ของอิเล็กทรอนิกส์)
หมิง คุนเผิง (Ming Kunpeng) ไปทำงานกับ เอเอสเอ็ม แปซิฟิก เทคโนโลยี (ASM Pacific Technology) หนึ่งในบริษัทที่รับจ้างผลิตชิปส่งให้แก่แอปเปิล ตั้งแต่ตอนที่เขามีอายุ 19 ปี หลังจากที่ทำงานสัมผัสกับ เบนซีน (benzene) สารเคมีซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง เป็นประจำอยู่ทุกวี่ทุกวัน โดยที่ไม่เคยได้รับการฝึกอบรมหรือมีเครื่องมืออุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกต้องเหมาะสม คนงานหนุ่มผู้นี้ก็ได้ล้มป่วยลงตอนที่มีอายุ 22 ปี โดยที่ในที่สุดแล้ว แพทย์ก็วินิจฉัยโรคว่า เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวซึ่งมีสาเหตุจากการทำงาน (occupational leukemia)
หลังจากโต้แย้งกันอยู่นาน 1 ปี เอสเอเอ็ม แปซิฟิก เทคโนโลยี ยินยอมจ่ายค่าชดเชยให้แก่ หมิง สำหรับการล้มป่วยของเขา ทว่าเงินที่ได้รับภายหลังการรอมชอมก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับตัวเขา ในวันที่ 28 ธันวาคม 2013 คนหนุ่มผู้นี้ก็กลายเป็น 1 ในกรณีของการฆ่าตัวตายของคนงานชาวจีนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
หมิงจบชีวิตของเขาเอง ด้วยการกระโดดลงมาจากชั้นบนสุดของโรงพยาบาลที่เขากำลังได้รับการบำบัดรักษาอยู่
เรื่องราวของ หมิง เป็นเพียง 1 ในหลายๆ เรื่องที่ 2 นักสร้างภาพยนตร์ ฮีเธอร์ ไวต์ (Heather White) กับ ลินน์ จาง (Lynn Zhang) เล่าเอาไว้ในภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่องใหม่ของพวกเธอ ที่ใช้ชื่อว่า Who Pays the Price? The Human Cost of Electronics (ใครเป็นคนจ่าย? ต้นทุนมนุษย์ของอิเล็กทรอนิกส์)
ในภาพยนตร์ของพวกเธอ ไวต์ กับ จาง สำรวจการใช้สารเคมีที่มีพิษอันตรายในโรงงานต่างๆ ของจีน พวกเธอมุ่งโฟกัสไปยังผลของสารเคมีเหล่านี้ซึ่งมีต่อคนงานนับล้านๆ ผู้ที่ต้องสัมผัสพวกมันในขณะที่ทำการผลิต ไอโฟน, ไอแพด, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งบรรดาผู้บริโภคทั่วโลกกำลังต้องใช้ต้องพึ่งพาอาศัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ในเวลานี้ ประมาณสามในสี่ของประชากรทั่วทั้งพิภพของเราทีเดียว สามารถเข้าถึงเครื่องโทรศัพท์มือถือ นี่ย่อมหมายความว่าปัญหานี้มีขนาดขอบเขตที่มโหฬารใหญ่โตมากๆ พูดได้คร่าวๆ ว่าราวครึ่งหนึ่งของอุปกรณ์เหล่านี้ทำขึ้นในประเทศจีน --ประเทศซึ่งยังคงอนุญาตให้ใช้ เบนซิน อันเป็นสารก่อมะเร็ง ในการเป็นตัวทำละลายทางอุตสาหกรรม (ถึงแม้ในประเทศอื่นๆ จำนวนมาก มีการห้ามใช้สารเคมีชนิดนี้แล้ว) นอกจากนั้น จีนยังเป็นประเทศที่พวกนายจ้างมักไม่ค่อยจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันซึ่งถูกต้องเหมาะสมให้แก่บรรดาคนงาน ไม่เพียงเท่านั้น โรงงานอิเล็กทรอนิส์ทั้งหลาย ยังมีการใช้พวกสารเคมีที่เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ อย่างเช่น โทลูอีน (toluene) และสารเคมีที่เป็นพิษต่อระบบประสาท อย่างเช่น เอ็น-เฮกเซน (n-hexane) อีกด้วย
“ผมผ่านการรักษาด้วยเคมีบำบัดมารวมทั้งหมด 28 ครั้งแล้ว” เป็นคำบอกเล่าของ อี้ เย่ถิง (Yi Yeting) คนงานโรงงานชาวจีนผู้หนึ่งซึ่งก็ได้รับพิษจากเบนซีน และแบ่งปันเล่าเรื่องราวของเขาเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่อง “Who Pays the Price?” ด้วย “ผมเจ็บที่กระดูกมากจริงๆ รู้สึกเหมือนกับว่ามีมดเป็นพันๆ เป็นหมื่นๆ ตัวกำลังกัดผมอยู่ที่ข้างในตัวของผม”
ขณะที่ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกกำลังขยายตัวกว้างขวางออกไป เป็นที่ชัดเจนว่าคนงานเหล่านี้แหละคือผู้ที่ต้องรับผลที่ติดตามมา ตามตัวเลขสถิติของรัฐบาลจีนเอง ทุกๆ 5 ชั่วโมงจะมีคนงาน 1 คนได้รับพิษร้ายจากสารเคมีพิษทั้งหลาย โดยส่วนมากที่สุดก็คือจากเบนซีน
ยังโชคดีที่มีสารเคมีตัวอื่นๆ ซึ่งสามารถใช้แทนได้
สำนักเลขาธิการสารเคมีระหว่างประเทศ (International Chemical Secretariat) องค์การไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งตั้งฐานอยู่ในสวีเดน ได้จัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีตัวอื่นๆ ซึ่งสามารถใช้ทดแทนสารเคมีมีพิษ โดยตั้งชื่อบัญชีรายชื่อนี้ว่า “Substitute It Now” (เปลี่ยนมาใช้พวกนี้แทนตั้งแต่ตอนนี้เลย) และจัดส่งไปให้แก่บริษัทต่างๆ ในบัญชีรายชื่อนี้ให้รายละเอียดสารเคมี 626 ตัวซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ พร้อมระบุสารที่สามารถใช้ทดแทนได้ เป็นต้นว่า ไซโคลเฮกเซน (cyclohexane) และ เฮปเทน (heptane) เป็นตัวทำละลายที่ปลอดภัยกว่าและใช้งานได้คล้ายๆ กับ เบนซีน
พวกผู้เชี่ยวชาญทางด้านพิษวิทยา (Toxicology) ซึ่งคุ้นเคยกับกระบวนการทำงานของโรงงานจีน คำนวณตัวเลขประมาณการออกมาว่า บริษัทสมาร์ทโฟนทั้งหลายสามารถที่จะสั่งให้เปลี่ยนจาก เบนซีน ไปใช้ตัวทำละลายที่มีความปลอดภัยมากกว่า โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นราวๆ 1 ดอลลาร์ต่อโทรศัพท์ 1 เครื่อง จากการที่บริษัทอย่างเช่น แอปเปิล กำลังกอบโกยกำไรไปได้ถึง 37,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2013 ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จึงสามารถรับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นได้อยู่แล้ว ในการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิตของคนงาน
“เราต้องการให้พวกแบรนด์ดังทั้งหลายแสดงความรับผิดชอบต่อเงื่อนไขการทำงาน ณ โรงงานของพวกซัปพลายเออร์ของพวกเขา” พอลลีน โอเวอรีม (Pauline Overeem) ผู้ประสานงานเครือข่าย (Network Coordinator) ให้แก่ กู๊ดอิเล็กทรอนิกส์ (GoodElectronics) องค์การไม่แสวงหากำไรระดับระหว่างประเทศ ซึ่งกำลังทำงานเพื่อให้สายโซ่ซัปพลายของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปลอดจากสารพิษอันตราย กล่าวเรียกร้อง พร้อมกับย้ำว่า “การสั่งห้ามใช้ เบนซีน เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบดังกล่าวนี้”
เมื่อช่วงฤดูร้อนของปี 2013 แอปเปิลได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Our Signature” (สัญลักษณ์ประจำตัวของเรา)
หลังจากภาพเคลื่อนไหวซึ่งแสดงให้เห็นผู้บริโภคที่มีความสุขทั้งหลาย กำลังชื่นชมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแอปเปิล ทั้งด้วยการรับฟังเพลง, ถ่ายภาพ, ศึกษาค้นคว้าขณะอยู่ในโรงเรียน, และแชทแชร์วิดีโอกับเพื่อนๆ ก็มีเสียงนุ่มๆ แทรกเข้ามาตอกย้ำว่า “นี่แหละคือสิ่งสำคัญ ประสบการณ์จากการได้ใช้ผลิตภัณฑ์ มันจะทำให้ใครบางคนเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาหรือเปล่า? มันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือไม่?”
แอปเปิลควรที่จะถามคนงานอย่าง อี้ เย่ถิง ว่า การได้ทำงานกับเบนซีนทำให้เขาเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาบ้างหรือเปล่า และบริษัทก็ควรจะถาม หมิง คุนเผิง ว่า ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นหรือไม่
บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายจักต้องแสดงความรับผิดชอบให้ครอบคลุมถึงพวกโรงงานซัปพลายเออร์ของพวกเขาด้วย โดยไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาเลือกสถานที่แห่งหนใดในโลกมาทำผลิตภัณฑ์ของพวกเขา พวกเขาจักต้องยุติการใช้เบนซีนและสารเคมีอันตรายอื่นๆ ที่กำลังทำร้ายสุขภาพของมนุษย์ โดยเริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้เลย
แอนดริว คอร์ฟเฮจ เป็นบรรณาธิการออนไลน์ของ กรีน อเมริกา (Green America)
ข้อเขียนชิ้นนี้ มาจาก “ฟอเรนจ์ โพลิซี อิน โฟกัส” (Foreign Policy in Focus หรือ FPIF) ซึ่งมุ่งเสนอบทวิเคราะห์อันทันการณ์ในด้านนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯและ ด้านกิจการระหว่างประเทศ ตลอดจนเสนอแนะทางเลือกต่างๆ ทางด้านนโยบาย ทั้งนี้ FPIF เป็นโครงการหนึ่งของสถาบันเพื่อนโยบายศึกษา (Institute for Policy Studies) กลุ่มคลังสมองที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งมีแนวทางความคิดแบบก้าวหน้า
ละสายตาจากการอ่านความชั่วช้าของทักษิณ นักโทษหนีคุกกับครอบครัว ขี้ข้า ไพร่เสื้อแดง และกระทู้/คคห.บัตรเติมเงิน ปลาร้าเก่าในไหใหม่ มารับรู้อีกมุมหนึ่งของโลก คนทำงานในเมืองจีนและระบอบนายทุนเทคโนโลยี อย่าง แอบเปิลบ้าง แล้ว ซัมซุง และ เครื่องมือถือยี่ห้ออื่นๆ เป็นอย่างแอบเปิลหรือไม่ ?
โดย ควันหลง on 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:20
เคยดูหนังอเมริกันหลายเรื่อง ล่าสุดเลย โรโบคอป
ตัวโกงบอกว่า "เราจ่ายให้สภาสูงหมดแล้ว รับรองเราได้โหวตผ่านกฏหมายแน่นอน"
ท่านคิดว่าไง กับไอ่ประเทศที่บอกเจริญแล้ว
อยากเดินตามตูดมันมากนักหรือ (ปล.ไม่ได้เกี่ยวกับ จขกท. นะ)
โดย tonythebest on 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:51
เป้าหมายของ กปปส คืออะไรครับ...คือ ล้างระบบทักษิณ ให้สิ้นซาก ไม่ใช่หรอครับ
ถ้าคิดว่า ตอนนี้ถือว่าชนะแล้ว งั้น........ก็กลับบ้านกันเถอะ เราชนะแล้ว
โดย TFEX on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:24
คนตายไปยี่สิบกว่าคนยังจับไม่ได้ซักคน แต่ดันมาไล่จับคนดีที่รักในหลวงอย่างคุณสาธิต รวมถึงอาจารย์รักชาติอย่างคุณสมบัติ อดีตอธิการบดีนิด้า
ดีแล้วครับ ให้มันสุดๆไปเลยคุณตำรวจ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แดกส่วยรีดไถมาทั้งชีวิตแล้ว แค่นี้มันจะไปยากอะไร ใช่ไหมครับ
ทำต้วตามน้ำนักการเมือง***ๆไป พอมันได้อำนาจกลับ เดี๋ยวก็สบายเอง คงได้เลื่อนขั้นกันยกเข่ง
ผมเสียใจนะ ที่มีไอ้***ที่ไหนไม่รู้มาไล่ฆ่าคนบริสุทธิ์ ตายไปนักต่อนัก แต่พวกคุณตำรวจก็นิ่งเฉย จับห่าอะไรไม่ได้สักคน
กลับไปบ้านมองหน้าลูกหลานอย่างไรครับ คุณบอกครอบครัวคุณรึเปล่าว่าคุณทำอะไรกับประเทศชาติ กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ คุณบอกพวกเค้ารึเปล่าว่าคุณเป็นขี้ข้ารับใช้ทรราช
ผมขอโทษนะที่ผมเขียนหยาบๆอย่างนี้ แต่ผมรู้สึกจริงๆ และก็ยังเสือกโง่หวังว่าพวกคุณจะคิดได้ในวันนึง ว่าคุณเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และมีภาระหน้าที่ในการรับใช้ประชาชน เพราะคุณกินเงินภาษีของประชาชน..
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net