Jump to content


วันศุกร์

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 18 มีนาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 03:07
-----

#1191581 ทักษิณเตรียมโดนถอดยศ

โดย Bayonet on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 15:14

แล้วไอ้ดวง ที่โยกจากทหาร ไปเป็น ตะกวด  เพราะพ่อไอ้ปื๊ดกลัวลูกถูกส่งลงใต้แล้วตายโหง

 

....ทั้ง ๆ ที่ไอ้นี่มีประวัติโกงวุฒิการศึกษาจนถูกไล่ออกจากทหารไปรอบนึงแล้ว  แต่กลับเข้ารับราชการใหม่ได้เฉยเลย

 

..... เมื่อไหร่จะปลดและไล่ออกซะทีครับ




#1191525 ทักษิณเตรียมโดนถอดยศ

โดย ธีรเดชน้อย on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:28

เอามาเสริมครับ 

 

นายวัชระ กล่าวว่า เรื่องนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบกลับข้อหารือของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับอำนาจการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันถึง 2 ครั้งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจที่จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบบทักษิณ จึงมีการเพิกเฉยละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ พล.ต.อ.วัชรพล เป็นผู้มีอำนาจที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งพล.ต.อ.วัชรพล ถือเป็นเป็นตำรวจที่ดี จึงขอให้ดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้สร้างปัญหาและความแตกแยกให้แก่ประเทศชาติโดยด่วนที่สุด 

 

นอกจากนี้ยังขอให้มีการรื้อคดีสังหารนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินชื่อดัง ขึ้นมาสอบสวนใหม่ รวมทั้งขอให้รื้อคดีที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของกลุ่ม นปช.หมิ่นบรมเดชานุภาพ ซึ่งตนได้ไปแจ้งความไว้ที่กองปราบปราม ตั้งแต่ปี 2552 แต่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจอยู่ในขณะนั้นได้ทำการเป่าคดีดังกล่าว นอกจากนี้ขอให้มีการเร่งรัดคดียิง นายทวีศักดิ์ โพธิแก้ว นักศึกษาม.รามคำแหง เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ ม.รามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2556 โดย พล.ต.อ.วัชรพล รับปากว่าจะเร่งดำเนินการทั้ง 4 เรื่องนี้โดยด่วนต่อไป

 

http://breakingnews....p?newsid=723005




#1186797 หากไม่มีคำตอบที่ดี..........................วันนั้นผมจะไปร่วมด้วยครับ

โดย ปุถุชน on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 06:59

Posted Today, 06:57 Puuchon Serithai shared Abhisit Vejjajiva's status.

เราต้องเรียกร้องให้ คสช. มีความชัดเจนว่าเมื่อเหตุการณ์สงบ อะไรคือการปฏิรูปที่ คสช.จะผลักดันและประชาชนจะมีส่วนร่วมอย่างไร

หากไม่มีคำตอบที่ดี

และหากวันนั้นคนที่รักประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่รักระบอบที่ให้เสียงข้างมากทำอะไรก็ได้ รวมตัวกันโดย
ปราศจากผลประโยชน์กับกลุ่มใดๆ ไม่มีการแอบแฝงทำลายสถาบันหลักของชาติ ผลักดันข้อเสนอที่จะได้ประชาธิปไตยที่ดีกว่า

วันนั้นผมจะไปร่วมด้วยครับ.......


บางคนแชร์โดยตัดตอนข้อความอื่นๆ ทำให้ผู้อ่านไม่หมดข้อความที่โพสต์ไว้ อาจจะเข้าใจผิดได้....
จึงควรอ่านให้หมด และตั้งหลักตั้งสติคิดด้วยครับ.....
 
 
 

 
ทุกข์ของนักเสรีนิยมประชาธิปไตยไทย

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ส่งความห่วงใยมาถึงผมตั้งแต่มีการยึดอำนาจ ช่วงที่ถูกควบคุมตัวได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ด้วยดีตามสมควรครับ

ผมต้องขออภัยที่ไม่สามารถปกป้องประชาธิปไตยไว้ได้แต่ได้พยายามอย่างถึงที่สุดจนถึงวินาทีสุดท้า
ผมไม่ต้องการจะโทษใครอีก แต่หวังว่าคนที่ไม่เข้าใจผมในช่วงที่ผ่านมาจะเข้าใจผมดีขึ้น

ผมเป็นนักการเมืองอาชีพ เชื่อมั่นในระบบเสรีประชาธิปไตย
เมื่อ ใดที่นักการเมืองเอาประชาธิปไตยไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเองด้วยการทุจริต ใช้กลไกรัฐละเมิดสิทธิของฝ่ายตรงกันข้าม ไม่ยอมรับการตรวจสอบ ไม่แสดงความรับผิดชอบ นักการเมืองทุกคนก็กลายเป็นผู้ร้ายและสุดท้ายก็ถูกไล่ลงจากเวที


ผมจึงเข้าใจความสะใจของคนจำนวนไม่น้อย
แต่ผมก็เข้าใจความโกรธแค้นของคนอีกจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ผมรู้จักและเคยทำงานกับพลเอกประยุทธ์ ทราบว่าท่านมีความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง แต่เส้นทางที่ท่านเลือกในภาวะที่เหมือนไม่มีทางเลือก เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและจะมีคำถามที่ต้องตอบมากมาย

แต่คำตอบสุดท้ายของท่านจะถูกตัดสินด้วยเกณฑ์ที่ว่า เมื่ออำนาจกลับคืนสู่ประชาชนแล้ว เรามีประชาธิปไตยที่ดีกว่าเดิมอย่างไร คุ้มค่ากับการจำกัดสิทธิและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นช่วงนี้หรือไม่

นั่นเป็นภาระที่หนักหน่วงของท่า


แต่ทุกข์ของผู้นิยมเสรีประชาธิปไตยไทยก็มีเหมือนกัน
เพราะเมื่อเราไม่สนับสนุนการรัฐประหาร
เรามีทางเลือกในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างไร


การรวมตัวต่อสู้ได้ปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว
แต่การเคลื่อนไหวบางกรณีที่เกิดขึ้นยังผูกติดกับกลุ่มอำนาจเก่า
และอาจส่งผลเพียงแค่การทำให้ คสช. ต้องใช้มาตรการเข้มข้นมากขึ้น

หากนำไปสู่การลุกฮือและความรุนแรงก็ไม่มีอะไรจะยืนยันได้ว่าเราจะได้ ประชาธิปไตย ไม่ใช่ระบอบที่ละเมิดหลักเสรีประชาธิปไตยเหมือนเดิม หรือกลับเข้าสู่ภาวะความขัดแย้ง ความไร้ระเบียบ แม้กระทั่งการนองเลือด

วันนี้สังคมจึงควรตั้งหลักตั้งสติ


ราต้องเรียกร้องให้ คสช. มีความชัดเจนว่าเมื่อเหตุการณ์สงบ อะไรคือการปฏิรูปที่ คสช.จะผลักดันและประชาชนจะมีส่วนร่วมอย่างไร

หากไม่มีคำตอบที่ดี
และหากวันนั้นคนที่รักประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่รักระบอบที่ให้เสียงข้างมากทำอะไรก็ได้ รวมตัวกันโดยปราศจากผลประโยชน์กับกลุ่มใดๆ ไม่มีการแอบแฝงทำลายสถาบันหลักของชาติ ผลักดันข้อเสนอที่จะได้ประชาธิปไตยที่ดีกว่า

วันนั้นผมจะไปร่วมด้วยครับ

 

 

 

 

สาธุชน สุจริตชนใช้วิจารณญาณของตนเอง ใช้หลักกาลามสูตรพิจารณาเอาเองครับ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




#1189043 โอ้โหย.อาจารย์!เล่นเอา คคห.ของหลายๆคน มาเขียน-โพสต์ อย่างนี้เขาก็แจกไลค์ก...

โดย ONETHAI on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:04

เราก็ไม่อยากเห็นรัฐประหารครับ

 

แต่ เราก็ไม่อยากเห็นประเทศล่มสลายด้วยฝีมือนักการเมืองเลวๆ มากกว่าครับ




#1189793 ผมรู้สึกรัก และชื่นชม อเมริกันชน คนนี้จริงๆ...:) :) :)

โดย Suraphan07 on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:31

เพราะ รู้จริง/รักและหวังดีต่อประเทศของตน

มากกว่าคนไทยอีกหลายๆคน ที่อาศัยแผ่นดินไทยเกิด... ;) 

 

ทนายสหรัฐวอนแคร์รี่อย่ายุ่งเรื่องไทย

Screen Shot 2014-05-27 at 13.28.37.png

 

ทนายความของบริษัทชื่อดังในสหรัฐชี้รัฐประหารเป็นประโยชน์ต่อคนไทยเชื่อกองทัพจะคืนอำนาจให้เมื่อถึงเวลา

 

โจเซฟ ครีทซ์ ที่ปรึกษาทางกฎหมายจาก “ครีทซ์ แอนด์ เซเรบิน” บริษัทกฎหมายชื่อดังแห่ง ซานฟรานซิสโก ได้ส่งจดหมายถึง จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า ในฐานะของพลเมืองสหรัฐผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง และมีความสัมพันธ์ทางครอบครัวและเศรษฐกิจกับประเทศไทยอย่างเหนียวแน่น ขอเรียกร้องให้ แคร์รีหยุดแทรกแซงกับสถานการณ์ทางการเมืองในไทย

 

ครีทซ์ ได้อ้างกฎหมายของสหรัฐ มาตรา 22 USC 8422( B)(iii) ที่ระบุถึงการระงับความช่วยเหลือทางการทหารแก่ประเทศที่ทหารโค่นล้มอำนาจรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ครีทซ์ แสดงทัศนะว่า กฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในไทยเพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของไทยได้ถูกปลดออกไปแล้วก่อนหน้าที่จะเกิดการรัฐประหาร

 

ที่ปรึกษาทางกฎหมายผู้นี้ยังแสดงทัศนะว่า การทำรัฐประหารจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทย ทั้งคนจนและคนรวย คนเมืองและคนชนบท และย้ำว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนเลวร้าย หากสหรัฐยังคงสนับสนุนทักษิณต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งประเทศได้

 

“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว รวมถึงพรรคเพื่อไทย ขาดการสนับสนุนจากคนไทยแล้ว  สหรัฐควรตระหนักว่า ทักษิณ เป็นขโมย นักการเมืองที่เห็นแก่ได้ ซื้อเสียง ฆาตกร และเป็นผู้มีอิทธิพลที่ใจแคบ นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงและหากทางสหรัฐยังคงเข้าข้างกลุ่มที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ จะเป็นการทำให้คนไทยซึ่งนิยมชมชอบสหรัฐ อาจหันมาต่อต้านและเกลียดชังแทน” ครีทซ์ ระบุในจดหมาย พร้อมย้ำว่า การกระทำของแคร์รีครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสหรัฐ

 

จดหมายระบุต่อไว้ว่าสหรัฐต้องไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในออกประเทศไทย และเชื่อว่าในท้ายที่สุด กองทัพจะคืนอำนาจให้กับประชาชนเองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

 

“แคร์รี และ คริสตีย์ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย จะต้องหยุดการวิจารณ์การเมืองไทย และปล่อยให้ประเทศไทยจัดการกับปัญหาของตนเอง นอกจากนี้ ไม่ว่าสหรัฐจะเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วกองทัพไทยจะคืนอำนาจให้กับพลเรือนเอง แต่ต้องรอให้ถึงสถานการณ์และเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน ไม่ใช่การบงการจากสหรัฐ”

http://www.posttoday...่ายุ่งเรื่องไทย

 




#1190601 โว้วๆๆๆ..โอบามาโดนฟ้องหย่าซะแล้ว โทษฐานมีกิ๊ก

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:40

ข่าวจริงเหรอ?

 

เต้าข่าวครับ  National Enquirer เป็นแทบลอยด์จอมเต้าข่าว

ต่ำชั้นไม่ต่างอะไรจากนิตยสารไทยแนว ปาฎิหาริย์พระเครื่อง อภินิหาร หรือดาราสยามเลยครับ




#1180303 หลังจากนี้...คิดกว่า เป้าหมายการปฏิรูปของ กปปส จะได้รับการสนองบ้างไหม

โดย ramboboy26 on 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 14:12

เมื่อไหร่นักการเมืองแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่ได้ เมื่อนั้นการคานอำนาจรัฐ-ราชการจะเกิดขึ้น

ซึ่งเป็นผลดีต่อการถ่วงดุลย์อำนาจกันเองของฝ่ายบริหารและฝ่ายวางนโยบาย

 

"ระบบนี้มีมั้ยในราชการไทย" 

มี ขอให้ดูระบบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงยุติธรรมเป็นตัวอย่าง

วุฒิ+อายุราชการเป็นตัวกำหนดตำแหน่ง ไม่ใช่ความพอใจของนักการเมือง

 

"ผลเสียมีมั้ย"

มีโอกาส เมื่อรมต.กับอธิบดีไม่ถูกกัน

แต่จะเกิดในวงจำกัด เป็นความขัดแย้งภายใน 

ไม่ส่งผลกระทบกลายเป็นโกงกินเชิงนโยบายอย่างในปัจจุบันไปได้แน่นอน




#1172932 ต่อไปอยากให้ประเทสไทย ไม่ต้องมีนักการเมือง

โดย Shariff on 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:32

ปัญหาของประเทศไทย ไม่ใช่กฎไม่ดี

 

ปัญหาคือ ไม่มีใครเล่นตามกฎ

 

เอาง่ายๆ กฎจราจร คิดว่ามีการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด

 

กันสักเท่าไหร่

 

 

 

ผมเคยดูของญี่ปุ่น

 

รถวิ่งทางโท บังคับหยุดตรงแยก 2วินาที ต้องหยุดสนิทเท่านั้น แม้ทางเอกไม่มีรถวิ่งมาก็ตาม

 

เขาก็ทำกันได้

 

 

ผมเห็นป้ายหยุดตรงแยกของเรามีเยอะแยะ

 

เคยไหมที่จะทำอย่างเขา หยุดรถก่อนตามกฎ

 

ไม่มีหรอก อย่างเราก็บอกไปว่า อีกทางไม่มีรถจะหยุดทำไมให้เสียเวลา




#1176331 ข่าวสังคมบ้าง - ‘การขายบริการทางเพศของนักศึกษาบนสื่อออนไลน์’ ปัญหาของสังคมที่...

โดย แม้ว ม.7 on 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:09

อยากให้อาจารย์ติดตามระยะยาว

คนพวกนี้หาเงินวิธีอื่นไม่เป็น ขายตัวมันได้เงินดีก็แค่18-25 เลยกว่านี้ก็ราคาตก แต่ที่ไม่ตกตามรายได้คือนิสัยใช้เงิน

สุดท้ายเข้าวัยกลางคนมันคือหายนะ ซ้ำพอเป็นสาวแก่มีสิทธิ์โดนเด็กหนุ่มหลอกเพราะความเหงา


สำคัญสุดคือเอาร่างกายตัวเองเป็นสินค้า มันเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นคน


#1176283 ข่าวสังคมบ้าง - ‘การขายบริการทางเพศของนักศึกษาบนสื่อออนไลน์’ ปัญหาของสังคมที่...

โดย อู๋ ฮานามิ on 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 23:08

‘การขายบริการทางเพศของนักศึกษาบนสื่อออนไลน์’ ปัญหาของสังคมที่กลายเป็นเรื่องปกติของสังคม
 
21 พฤษภาคม 2014
 
รายงานโดย นพชนก มันตาวิจักษณ์
 
“การบริโภคนิยม” ทำให้มีการเกิดขึ้นของเซ็กส์ในรูปแบบใหม่ คือ “เซ็กส์เพื่อการบริโภค” และ ร่างกายผู้หญิงถูกทำให้เป็นสินค้า เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองหรือสิ่งของแลกเปลี่ยนเพื่อสนองความต้องการของผู้ใช้หรือผู้ขาย
 
นอกเหนือจากผู้หญิงขายบริการเป็นอาชีพอยู่แล้ว ได้เพิ่มที่มาของสินค้าแหล่งใหม่ มีคุณภาพ อีกทั้งราคาตลาดยังสูงกว่าหญิงขายบริการทางเพศทั่วไป นั่นคือ “นักเรียน นักศึกษา” ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ
 
ากงานวิจัยของ ดร.สมเดช รุ่งศรีสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เรื่องการเปิดรับสื่อลามกทางอินเทอร์เน็ตกับการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น พบว่า วัยรุ่นไทยที่เคยมีเพศสัมพันธ์ล้วนแต่เคยเปิดรับสื่อลามกทางอินเทอร์เน็ต ยิ่งเปิดรับสื่อลามกทางอินเทอร์เน็ตมากก็มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์มากขึ้นตามโอกาส อีกทั้งอายุในการมีเพศสัมพันธ์ก็จะเร็วขึ้น
 
ความคิดของวัยรุ่นไทยมองการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นเรื่องปกติ และเริ่มสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงตามความแตกต่างของยุคสมัย จากเรื่องต้องห้ามกลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ของการสนทนากึ่งแฟชั่น คนที่ไร้ประสบการณ์ทางเพศเริ่มจะดูไม่มีความสำคัญ ไม่มีน้ำยา ไม่มีเสน่ห์ เด็กรุ่นใหม่จึงตกเป็นเป้าหมายสำคัญของการสืบทอดแนวคิดและกติกาใหม่ คนรุ่นใหม่ต้องเชื่อมั่น ต้องแรง ต้องเจ๋งแบบสุดขั้ว ตามความหมายของ “ที่สุด (Extreme)”
 
สถานบันเทิงยามค่ำคืนส่วนใหญ่จึงเต็มไปด้วยหนุ่มสาวที่พร้อมจะหลับนอนกับใครก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แม้แต่การนอนแบบชั่วคราวเพียงแค่คืนเดียวตื่นแล้วก็จากไปไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน หรือ One Night Stand สอดรับกับแนวคิดภาพยนตร์วัยรุ่นลอกเลียนแบบวัฒนธรรมเกาหลีและตะวันตก จนเกิดเป็นคำทักทายติดปากในหมู่วัยรุ่น “ยินดีที่ไม่รู้จัก” แต่หลับนอนกันไปแล้ว
 
ดร.สมเดชกล่าวว่า จากปรากฏการณ์ทางสังคมไทย และผลการวิจัยข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและโอกาสที่วัยรุ่นไทยจะมีเพศสัมพันธ์ได้โดยง่าย ขาดการยั้งคิด อันเนื่องมาจากการเสพสื่อลามกทางอินเทอร์เน็ตและอารมณ์ความต้องการทางเพศในวัยของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นหญิงเมื่อเสียตัวแล้วก็จะไม่รู้สึกถึงคุณค่าของตนเองพร้อมที่จะปล่อยตัวปล่อยใจจนนำไปสู่การขายบริการทางเพศในที่สุดเพื่อแลกกับเงิน
 
เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีการสื่อสารและสื่อสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการติดต่อซื้อขาย การสนทนาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และการขายบริการทางเพศผ่านทางห้องสนทนา ทำให้ค่านิยมของชายชอบเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะมีความเชื่อที่ว่า “ไม่เสี่ยง ปลอดภัย ได้รู้จักก่อน” แถมยังมีดีกรีเป็นนักเรียนนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาชื่อดังพ่วงท้ายเพื่อเป็นการยืนยันคุณภาพ ในขณะที่วัยรุ่นหญิงที่ขายบริการและเป็นนักเรียนนักศึกษาก็สามารถเลือกลูกค้าและสนนราคาได้ตามความพอใจ
 
จากปัญหาดังกล่าว จึงนำมาสู่งานวิจัยเรื่อง “การขายบริการทางเพศของวัยรุ่นไทยบนสื่ออินเทอร์เน็ต” ของ ดร.สมเดช ซึ่งพบว่ามีหลายสาเหตุของการขายบริการทางเพศของวัยรุ่นบนสื่ออินเทอร์เน็ต และจากการสัมภาษณ์นักศึกษาเหล่านี้ให้ความเห็นว่า
 
“ขายตัวทางอินเทอร์เน็ต หนูว่าก็ OK อ่ะ งานสบายได้เงินง่ายๆ เพียงแค่เอาตัวแลกทั้งเสียวทั้งมัน ไม่มีใครรู้จักด้วย แถมเราก็มีสิทธิเลือกผู้ชาย หน้าจระเข้เราก็ไม่เอาดิพี่”
 
“ความจริงก็ไม่แปลก ใครๆ ก็อยากได้เงินง่ายๆ ไหนไหนก็เคยเสียตัวมาแล้ว ขายตัวผ่านเน็ตรู้กันแค่คนซื้อกันคนขาย”
 
นักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งบอกว่ามีเพื่อนสนิทที่ขายบริการเพื่อหาเงินเลี้ยงแฟน รวมไปถึงอาการป่วยทางจิตของตัวผู้ขายเอง ต้องการเรียกร้องความสนใจ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการประชดชีวิตเนื่องจากเสียตัวให้กับแฟนแล้วถูกทอดทิ้ง จึงคิดว่าการขายบริการทางเพศได้ทั้งเงินและความสนุกด้วย สิ่งที่น่าตกใจคือ มีนักเรียนและนักศึกษาบางคนคิดว่าสาเหตุของการขายบริการทางเพศน่าจะเป็นการหารายได้ที่ง่าย สบาย และสนุก
 
ดร.สมเดชกล่าวว่า การติดต่อซื้อ-ขายบริการทางเพศบนอินเทอร์เน็ตจะทำผ่านเว็บไซต์ โดยเข้าไปที่กูเกิลแล้วค้นหาเว็บไซต์ขายบริการทางเพศก็จะมีข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ มากมายให้เลือกใช้บริการหรือจะฝากข้อความเพื่อขายบริการก็ได้ โดยวิธีสมัครเพื่อโพสต์ข้อความหรือรูปภาพก็ง่าย สะดวก ไม่เสียค่าบริการ ผู้ขายบริการจะมีการนำรูปของตนเองมาโพสต์ลงเว็บไซต์ทำท่าทางที่ยั่วยวน พร้อมบอกสัดส่วน ความสามารถในการบริการ และให้เบอร์โทรหรืออีเมล์ติดต่อกลับ แต่ถ้าผู้ซื้อกลัวโดนหลอกก็สามารถซื้อได้ตามเว็บ Camfrog หรือ Webcam ที่มีการโชว์สรีระให้เห็น เมื่อตกลงจึงมีการนัดแนะสถานที่กัน บางรายอาจมีการโอนเงินให้ก่อนครึ่งหนึ่ง แล้วหลังใช้บริการจึงจะจ่ายส่วนที่เหลือ
 
“นักเรียนหญิงที่ขายบริการ บอกว่าครั้งแรกที่ตัวเองสมัครและโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพเพียงแค่ 10 นาทีก็มีคนเข้ามาติดต่อซื้อบริการแล้ว แต่ตัวเองจะพิจารณาดูก่อนว่าหน้าตาของคนที่ติดต่อเป็นอย่างไร และโทรศัพท์คุยกันเพื่อนัดพบก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขายบริการหรือไม่”
 
สถานที่นัดพบกันส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมม่านรูด หอพัก หรือไม่ก็สถานที่ที่ใกล้เคียงกับผู้ขาย โดยผู้ขายจะเป็นคนกำหนดเองว่าจะไปเจอกันที่ไหน เรื่องที่จะมีการใช้บริการต่อหรือไม่ นักศึกษาหญิงอาชีวะคนหนึ่งกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อว่าอยากจะเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ หรือเกิดติดใจก็จะมาใช้บริการอีก บางรายหากถูกใจมาก ก็จะมีการเลี้ยงดูเป็นเมียเก็บ โดยเช่าอพาร์ตเมนต์ให้และจ่ายเป็นรายเดือน โดยส่วนใหญ่มักจะมาใช้บริการอาทิตย์ละครั้ง
 
ดร.สมเดชกล่าวถึงสาเหตุที่ผู้ซื้อบริการนิยมใช้บริการนักศึกษา เพราะว่า ผู้ซื้อมองว่านักศึกษามีความรู้ สะอาด และเป็นการเพิ่มระดับ การซื้อบริการนักศึกษาย่อมดูดีกว่าการซื้อบริการหญิงขายบริการอาชีพที่ขายบริการทุกวัน แต่สำหรับนักศึกษา ผู้ซื้อเชื่อว่าไม่ได้ขายบริการทุกวัน โดยราคาในการบริการถ้าขายบริการไม่มีสังกัด จะสามารถต่อรองราคาได้ โดยจะประมาณ 1,000-5,000 บาทแล้วแต่หน้าตา
 
ทั้งนี้ ยังมีการขายบริการในเว็บไซต์ที่จำกัดคนเข้าชม คือจะต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะซื้อบริการได้ ซึ่งค่าสมัครประมาณ 800 บาทต่อปี เมื่อสมัครแล้วจะสามารถเลือกคนที่ต้องการจะซื้อได้ โดยจะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเหมือนสินค้าแบ่งตามเกรด จะมี 3 โซนให้เลือก คือ วีไอพีเมมเบอร์ และวีไอพีเมมเบอร์ล็อบบี้ ซึ่งสองโซนนี้ราคาค่อนข้างสูง เพราะมีการคัดสรรมาแล้ว ส่วนโซนสุดท้ายคือโซนไซด์ไลน์ทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการบริการแบบเหมาจ่ายเป็นเดือน ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน โดยผู้ซื้อสามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้ขายได้ 8-10 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น
 
สำหรับปัจจัยที่ทำให้วัยรุ่นหญิงเลือกขายบริการทางเพศโดยใช้อินเทอร์เน็ต สาเหตุหลักเพราะเชื่อว่าเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา เป็นความลับ ไม่ต้องไปขายบริการตามสถานบริการต่างๆ เป็นวิธีที่ลูกค้าติดต่อโดยตรงไม่ต้องผ่านเอเยนต์และได้ราคาดีกว่าการขายบริการผ่านช่องทางอื่น
 
ดร.สมเดชกล่าวถึงนักศึกษาที่ขายบริการว่า ส่วนมากมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีหรือปานกลาง แต่ทำเพราะรายได้ดีและหาเงินได้ง่ายๆ มีคำตอบนึงเขาบอกว่า มันมีความสุขไม่เหมือนกับขายตัวแต่เหมือนมี “กิ๊ก” ไม่มีการผูกมัดแล้วผู้ชายก็สุภาพ สิ่งที่น่าสนใจหลังจากที่ทำวิจัยเรื่องนี้ ผมไปถามเด็กว่าเชื่อไหมว่ามีการขายบริการทางเพศออนไลน์ คำตอบที่ได้คือ มีจริง 100% และในจำนวนนั้นก็มีผู้ชายหลายคนตอบว่าเคยใช้บริการ ส่วนผู้หญิงบางคนบอกว่ามีเพื่อนเคยขายบริการ และสถิติจากที่ผมทำวิจัย คนที่บอกว่ามีเพื่อนเคยขายตัวเองก็มีแนวโน้มที่จะขายด้วย
 
“ถามว่าผิดไหมที่ขายบริการทางเพศออนไลน์ ตอนเก็บข้อมูลทำวิจัย 52% บอกว่าไม่ผิด แล้วผมเอาคำถามนี้มาถามนักศึกษาต่อ ปี 2555 เด็กบอกว่าไม่ผิด 60% ปี 2556 บอกไม่ผิด 70% และปี 2557 บอกไม่ผิด 80% ผมใจหายเลยนะ เกิดอะไรขึ้น”
 
มีเด็กคนนึงตอบผมว่า “ของของหนู หนูจะนอนกับใครก็ไม่ได้ไปนอนบนหัวใคร ทำไมต้องมาเดือดร้อนด้วย หนูก็อุตส่าห์ทำลับๆ ล่อๆ ในอินเทอร์เน็ตแล้ว ทำไมต้องมายุ่งกับหนูอีก หนูไม่ได้ทำอะไรผิด” บางคนก็บอกว่า “ผิดตรงไหน เดือดร้อนใคร หนูว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล เขาขายตัวก็ตัวของเขา” หรือ “ขายบริการทางเพศไม่ได้ก่ออาชญากรรม ไม่ได้ฆ่าใคร ผิดตรงไหนเหรอ” ขนาดผมบอกว่ามันผิดศีลธรรมผิดกฎหมาย เขายังตอบกลับมาว่า “ผิดอะไร หนูเคยเสียตัวแล้วนี่ไม่ได้ขาย ก็แฟนคนนึงเป็นกิ๊กไง รักกันแล้วก็ให้เงินใช้ก็ถือว่าโอเค”
 
ดร.สมเดชกล่าวต่อว่า “ผมเลยสอนนักศึกษาว่า จะเล่าเรื่องนึงให้ฟัง จิ๋มนี้ไม่ใช่จิ๋มหนู คุณว่าจิ๋มนี้ของคุณเหรอ คุณกล้ากลับบ้านไปบอกพ่อแม่ไหม ว่าแม่หนูขายตัวออนไลน์ เนี่ยมีลูกค้า 4-5 คนแล้วที่นอนกับหนู เดือนนึงได้ 20,000 บาท เด็กก็ตอบว่า โอ้ยใครจะไปกล้าบอก พ่อแม่เสียใจหมด เพราะงั้นที่บอกว่า จิ๋มของหนูมันไม่ใช่นะ ของแม่ของพ่อที่สร้างหนูขึ้นมา พ่อแม่จะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าลูกสาวขายตัว เอาใหม่ ถ้าคุณแต่งงานไปมีสามี จะกล้าบอกสามีไหมว่าก่อนจะแต่งงาน เคยขายตัวออนไลน์มาก่อน คนที่มางานแต่งก็ลูกค้าเราทั้งนั้น เพื่อนเธอก็เคยนอนกับเรามาแล้ว คุณกล้าพูดไหม เพราะงั้น หนูแคร์สามี จิ๋มนี้ก็ไม่ใช่จิ๋มหนู จิ๋มสามีหนูอีกคน”
 
“ถ้าหนูมีลูก กล้าบอกลูกไหม ก่อนที่ลูกจะเกิดแม่เคยขายตัวออนไลน์นอนกับผู้ชายมาเป็นร้อยคน กล้าบอกลูกไหม แล้วลองย้อนกลับกัน ถ้าวันนึงแม่หนูมาสารภาพว่า ก่อนจะมีหนูแม่เคยขายตัวออนไลน์ แม่เคยเป็นโสเภณีมาก่อน หนูในฐานะลูกจะรู้สึกยังไง เพราะฉะนั้น จิ๋มนี้ไม่ใช่จิ๋มหนู จำเอาไว้ว่าเราต้องรักษาศักดิ์ศรี”
 
ดร.สมเดชกล่าวว่า มันไม่ใช่แค่เรื่องของการขายบริการทางเพศ เพราะยังผิดกฎหมายอาญาคดีการค้าประเวณี และผิดศีลธรรม คือความรู้สึกที่มันทำร้ายศักดิ์ศรีของตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้วนักศึกษาที่ขายบริการไม่มีใครไปบอกเขาว่าที่ทำอยู่มันเป็นตราบาป เขาแค่คิดว่าได้เงิน สนุก เคยเสียตัวแล้ว แต่แท้จริงแล้วมันคือตราบาปที่จะติดตัวไปตลอดชีวิตเขาจนวันตาย ซึ่งพอผมทำวิจัยแล้วก็ทำให้เข้าใจวัยรุ่น เข้าใจสภาพในสังคมที่เป็นสังคมบริโภคมากขึ้น
 
การที่ค่านิยมในสังคมไทยไม่ได้วัดคุณค่าของคนอยู่ที่คุณงามความดี แต่วัดค่าอยู่ที่คุณรวยไหม เรื่องแบบนี้จะไปโทษเด็กก็ไม่ได้ อยู่ที่สังคมทั้งสังคม ลองคิดดูเราขับรถเบนซ์มาก็จะได้รับการดูแลอย่างดี ถ้านั่งรถเมล์มาก็จะเป็นอีกแบบ เพราะฉะนั้นเด็กวัยรุ่นก็มองว่าค่านิยมในการวัดความสำเร็จคือสิ่งของที่จับต้องได้ คือการที่เขามีเงิน สังคมก็จะยอมรับ เพื่อนก็จะยอมรับ เขาก็มีเงินใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเลี้ยงเพื่อน แต่เบื้องหลังเขาไปนอนขายบริการ
 
“ผมก็ได้ทำวิจัยต่อคือเรื่องคุณภาพชีวิตของนักศึกษาขายบริการ ก็ตามติดคุณภาพชีวิตของนักศึกษาที่ขายบริการ 15 คนในเวลาหนึ่งปี ผมพบว่าใน 15 คนไม่มีใครรู้สึกสำนึกผิดเลยซักคน เขาบอกดีมาก มีความสุข มีเงินใช้จ่ายซื้อของแบรนด์เนม มีรถขับ มีคอนโดอยู่ ผมทำเสร็จแล้วนะแต่ไม่เขียน รู้สึกใจหายกับสังคมว่าทำไมเด็กไม่สำนึกในสิ่งที่ทำอยู่”
 
ดร.สมเดชมองว่า ปัญหาของวัยรุ่นไทยกับการขายบริการทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ตไม่อาจจะแก้ไขได้ด้วยการรับรู้รับทราบเพียงอย่างเดียว เพราะว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้ลดน้อยลงจากการเป็นข่าว ปัญหามันหยั่งลึกเสียจนทุกคนในสังคมต้องกระโดดลงไปหามันเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของเรา เพื่อนำเอาความจริงออกมาตีแผ่ ทุกสถานที่ ทุกเรื่องราว คือภาพเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยวันนี้
 
“ปัญหานี้เป็นเหมือนการสะท้อนให้เห็นถึงสุดยอดของความเหลวแหลกของสังคม และสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจของคนในสังคมเดียวกันที่ปล่อยปละละเลยโดยไม่ทำการใดๆ อย่างจริงจังที่จะหยุดยั้งและแก้ไขขจัดสภาวะทางสังคมที่เลวร้ายนี้ให้หมด”
 
ดร.สมเดชกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการขายบริการทางเพศผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคม ประกอบด้วย ภาครัฐควรมีกระจายรายได้ให้เป็นธรรม เพราะเมื่อทุกคนรายได้เพียงพอก็คงไม่มีใครอยากขายบริการทางเพศ และควรมีนโยบายชัดเจนในการปราบปรามสื่อลามก มีการควบคุมเว็บไซต์ที่มีการแพร่ภาพลามกหรือช่องทางในการขายบริการทางเพศอย่างจริงจัง รณรงค์ให้ความสำคัญเรื่องครอบครัว ความรัก ความอบอุ่น และวัฒนธรรมประเพณีไทย โดยเฉพาะเรื่องของการรักนวลสงวนตัวของผู้หญิง รณรงค์ลดความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย และค่านิยมบริโภคนิยม วัตถุนิยม
 
ในส่วนของสถาบันครอบครัว พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ความรู้เรื่องเพศอย่างถูกต้อง มอบความรักความอบอุ่น สร้างความไว้วางใจให้กับลูก ผู้ปกครองควรศึกษาหาความรู้เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่ เพื่อสามารถเฝ้าระวังและติดตามความเคลื่อนไหวของบุตรหลานได้ และควรสอนให้ลูกรู้จักคุณค่าและศักดิ์ศรีในเรื่องนี้ ทางสถาบันการศึกษาควรจัดการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษาที่เหมาะสมในทุกระดับชั้น สอนให้รู้ถึงปัญหาของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ให้เรียนรู้และเข้าใจว่าการศึกษาเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นวิธีการป้องกัน ไม่ใช่เพื่อการปฏิบัติหรือทดลอง
 
“ละครที่นำเสนอผ่านโทรทัศน์ช่องต่างๆ เรื่องราวประมาณพระเอกข่มขืนนางเอกแล้วตอนหลังก็แต่งงานกัน ที่จริงมันผิดนะ พระเอกที่ข่มขืนนางเอกจะต้องไม่มีทางสมหวัง เพราะคือทำผิด ทำไม่ดีมาข่มขืนผู้หญิง แล้วสื่อก็นำเสนออะไรแบบนี้ เด็กที่ดูเขาก็มองว่าไม่ผิด มองว่าแต่งตัวโป๊ๆ คือดี เขาก็ทำตามสื่อ”
 
ดร.สมเดชกล่าวต่อว่า สถาบันสื่อมวลชนต้องมีจริยธรรม จรรยาบรรณ ในการควบคุมสื่อด้วยกัน เพื่อป้องกันการนำเสนอสื่อลามกอนาจาร ยั่วยุ หรือไม่เหมาะสม เช่น ภาพโป๊เปลือย ภาพความสัมพันธ์ที่ล่อแหลมไม่เหมาะสมกับสังคมไทย รวมทั้งไม่เสนอข่าว เรื่องราว ละคร โฆษณาที่ก่อให้เกิดการยั่วยุหรือเป็นแบบอย่างของการเลียนแบบทางเพศ สำหรับสถาบันสังคมควรเปลี่ยนทัศนคติเรื่องสื่อลามกว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย ต้องปกปิด ควรสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องเพศว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ และสอนให้เข้าใจถึงความเหมาะสมถูกต้อง ส่วนสถาบันกฎหมายต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น ปรับปรุงบทลงโทษให้รุนแรงมากขึ้น และทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขั้น
 
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

เป็นความผิดของใคร ที่มองความผิดเป็นเรื่องปกติ 

ชอบอะไรง่ายๆ ขอให้ได้เงิน 




#1175919 รักษาคอนเสปต์"ตระกูลชินวัตร"จริงๆ : ก.ล.ต.สั่งปรับมณฑาทิพย์ ชินวัตร ใ...

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:49

http://www.manager.c...D=9570000056599

 

ก.ล.ต.สั่งปรับ "มณฑาทิพย์ ชินวัตร-สมชัย โกวิทเจริญกุล" เป็นเงิน 9.67 ล้านบาท ฐานใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น MLINK ถือเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
       
       สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยกรณีคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบนางมณฑาทิพย์ ชินวัตร และนายสมชัย โกวิทเจริญกุล เป็นเงินรวม 9,670,432.91 บาท กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK)
       
       ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2554 นางมณฑาทิพย์ขายหุ้น MLINK ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท เอ็ม แคปปิตอล โฮลดิ้งส์ จำกัด (บ. เอ็มแคปปิตอล) จำนวน 29 ล้านหุ้น ในประการที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอ กโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น MLINK และยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเกี่ยวกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 315.79 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2554 ของ MLINK เนื่องจากการตั้งรายการพิเศษเกี่ยวกับการรับรู้การด้อยค่าของงานระหว่างทำในบริษัทย่อยรายบริษัท พอร์ทัลเน็ท จำกัด โดยนางมณฑาทิพย์ล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวจากการเป็นประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการของ MLINK รวมทั้งเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 49.99 และกรรมการผู้มีอำนาจของ บ. เอ็มแคปปิตอล ในขณะนั้น
       
       นอกจากนี้ ยังพบว่า ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายสมชัยได้ขายหุ้น MLINK ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองจำนวน 7,026,400 หุ้น โดยอาศัยข้อเท็จจริงข้างต้น ซึ่งนายสมชัยได้ล่วงรู้ จากการเป็นกรรมการของ MLINK ในขณะนั้น
       
       การกระทำของนางมณฑาทิพย์และนายสมชัย ซึ่งเป็นบุคคลวงในเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เนื่องจากบุคคลทั้งสองยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบได้เปรียบเทียบปรับนางมณฑาทิพย์ เป็นเงิน 7,862,349.85 บาท และนายสมชัย เป็นเงิน 1,808,083.06 บาท

 

 

****************************************

 

ที่อเมริกา ความผิดฐานเดียวกันกับคนสกุลชินวัตรนี้

ทำให้เจ้าแม่งานบ้านอย่างมาร์ธา สจ๊วร์ตโดนจับติดคุกมาแล้ว




#1171809 คนงานจีนผู้ผลิต ‘มือถือ’ กำลังล้มตายด้วย ‘สารพิษอิเล็กทรอนิกส์’

โดย ปุถุชน on 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:10

คนงานจีนผู้ผลิต ‘มือถือ’ กำลังล้มตายด้วย ‘สารพิษอิเล็กทรอนิกส์’ blank.gif โดย แอนดริว คอร์ฟเฮจ 17 พฤษภาคม 2557 23:14 น.

 
 
 

       (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
       
       Tech poison killing Chinese
       By Andrew Korfhage
       15/05/2014
       
        “แอปเปิล” และบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไฮเทครายอื่นๆ กำลังถูกกดดันให้เปลี่ยนสารเคมีบางตัวที่ใช้อยู่ โดยหันมาใช้สารเคมีซึ่งมีพิษภัยต่อชีวิตน้อยลง ทดแทนตัวที่ทำให้คนงานชาวจีนของพวกเขาต้องล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง ทั้งนี้ ชีวิตที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบากของคนงานจีนเหล่านี้เอง เป็นจุดโฟกัสของภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ ที่มีชื่อว่า Who Pays the Price? The Human Cost of Electronics (ใครเป็นคนจ่าย? ต้นทุนมนุษย์ของอิเล็กทรอนิกส์)
       

       หมิง คุนเผิง (Ming Kunpeng) ไปทำงานกับ เอเอสเอ็ม แปซิฟิก เทคโนโลยี (ASM Pacific Technology) หนึ่งในบริษัทที่รับจ้างผลิตชิปส่งให้แก่แอปเปิล ตั้งแต่ตอนที่เขามีอายุ 19 ปี หลังจากที่ทำงานสัมผัสกับ เบนซีน (benzene) สารเคมีซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง เป็นประจำอยู่ทุกวี่ทุกวัน โดยที่ไม่เคยได้รับการฝึกอบรมหรือมีเครื่องมืออุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกต้องเหมาะสม คนงานหนุ่มผู้นี้ก็ได้ล้มป่วยลงตอนที่มีอายุ 22 ปี โดยที่ในที่สุดแล้ว แพทย์ก็วินิจฉัยโรคว่า เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวซึ่งมีสาเหตุจากการทำงาน (occupational leukemia)
       
       หลังจากโต้แย้งกันอยู่นาน 1 ปี เอสเอเอ็ม แปซิฟิก เทคโนโลยี ยินยอมจ่ายค่าชดเชยให้แก่ หมิง สำหรับการล้มป่วยของเขา ทว่าเงินที่ได้รับภายหลังการรอมชอมก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับตัวเขา ในวันที่ 28 ธันวาคม 2013 คนหนุ่มผู้นี้ก็กลายเป็น 1 ในกรณีของการฆ่าตัวตายของคนงานชาวจีนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
       
       หมิงจบชีวิตของเขาเอง ด้วยการกระโดดลงมาจากชั้นบนสุดของโรงพยาบาลที่เขากำลังได้รับการบำบัดรักษาอยู่
       

       เรื่องราวของ หมิง เป็นเพียง 1 ในหลายๆ เรื่องที่ 2 นักสร้างภาพยนตร์ ฮีเธอร์ ไวต์ (Heather White) กับ ลินน์ จาง (Lynn Zhang) เล่าเอาไว้ในภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่องใหม่ของพวกเธอ ที่ใช้ชื่อว่า Who Pays the Price? The Human Cost of Electronics (ใครเป็นคนจ่าย? ต้นทุนมนุษย์ของอิเล็กทรอนิกส์)
       
       ในภาพยนตร์ของพวกเธอ ไวต์ กับ จาง สำรวจการใช้สารเคมีที่มีพิษอันตรายในโรงงานต่างๆ ของจีน พวกเธอมุ่งโฟกัสไปยังผลของสารเคมีเหล่านี้ซึ่งมีต่อคนงานนับล้านๆ ผู้ที่ต้องสัมผัสพวกมันในขณะที่ทำการผลิต ไอโฟน, ไอแพด, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งบรรดาผู้บริโภคทั่วโลกกำลังต้องใช้ต้องพึ่งพาอาศัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
       
       เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ในเวลานี้ ประมาณสามในสี่ของประชากรทั่วทั้งพิภพของเราทีเดียว สามารถเข้าถึงเครื่องโทรศัพท์มือถือ นี่ย่อมหมายความว่าปัญหานี้มีขนาดขอบเขตที่มโหฬารใหญ่โตมากๆ พูดได้คร่าวๆ ว่าราวครึ่งหนึ่งของอุปกรณ์เหล่านี้ทำขึ้นในประเทศจีน --ประเทศซึ่งยังคงอนุญาตให้ใช้ เบนซิน อันเป็นสารก่อมะเร็ง ในการเป็นตัวทำละลายทางอุตสาหกรรม (ถึงแม้ในประเทศอื่นๆ จำนวนมาก มีการห้ามใช้สารเคมีชนิดนี้แล้ว) นอกจากนั้น จีนยังเป็นประเทศที่พวกนายจ้างมักไม่ค่อยจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันซึ่งถูกต้องเหมาะสมให้แก่บรรดาคนงาน ไม่เพียงเท่านั้น โรงงานอิเล็กทรอนิส์ทั้งหลาย ยังมีการใช้พวกสารเคมีที่เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ อย่างเช่น โทลูอีน (toluene) และสารเคมีที่เป็นพิษต่อระบบประสาท อย่างเช่น เอ็น-เฮกเซน (n-hexane) อีกด้วย
       
       “ผมผ่านการรักษาด้วยเคมีบำบัดมารวมทั้งหมด 28 ครั้งแล้ว” เป็นคำบอกเล่าของ อี้ เย่ถิง (Yi Yeting) คนงานโรงงานชาวจีนผู้หนึ่งซึ่งก็ได้รับพิษจากเบนซีน และแบ่งปันเล่าเรื่องราวของเขาเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่อง “Who Pays the Price?” ด้วย “ผมเจ็บที่กระดูกมากจริงๆ รู้สึกเหมือนกับว่ามีมดเป็นพันๆ เป็นหมื่นๆ ตัวกำลังกัดผมอยู่ที่ข้างในตัวของผม”
       
       ขณะที่ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกกำลังขยายตัวกว้างขวางออกไป เป็นที่ชัดเจนว่าคนงานเหล่านี้แหละคือผู้ที่ต้องรับผลที่ติดตามมา ตามตัวเลขสถิติของรัฐบาลจีนเอง ทุกๆ 5 ชั่วโมงจะมีคนงาน 1 คนได้รับพิษร้ายจากสารเคมีพิษทั้งหลาย โดยส่วนมากที่สุดก็คือจากเบนซีน
       
       ยังโชคดีที่มีสารเคมีตัวอื่นๆ ซึ่งสามารถใช้แทนได้
       
       สำนักเลขาธิการสารเคมีระหว่างประเทศ (International Chemical Secretariat) องค์การไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งตั้งฐานอยู่ในสวีเดน ได้จัดทำบัญชีรายชื่อสารเคมีตัวอื่นๆ ซึ่งสามารถใช้ทดแทนสารเคมีมีพิษ โดยตั้งชื่อบัญชีรายชื่อนี้ว่า “Substitute It Now” (เปลี่ยนมาใช้พวกนี้แทนตั้งแต่ตอนนี้เลย) และจัดส่งไปให้แก่บริษัทต่างๆ ในบัญชีรายชื่อนี้ให้รายละเอียดสารเคมี 626 ตัวซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ พร้อมระบุสารที่สามารถใช้ทดแทนได้ เป็นต้นว่า ไซโคลเฮกเซน (cyclohexane) และ เฮปเทน (heptane) เป็นตัวทำละลายที่ปลอดภัยกว่าและใช้งานได้คล้ายๆ กับ เบนซีน
       
       พวกผู้เชี่ยวชาญทางด้านพิษวิทยา (Toxicology) ซึ่งคุ้นเคยกับกระบวนการทำงานของโรงงานจีน คำนวณตัวเลขประมาณการออกมาว่า บริษัทสมาร์ทโฟนทั้งหลายสามารถที่จะสั่งให้เปลี่ยนจาก เบนซีน ไปใช้ตัวทำละลายที่มีความปลอดภัยมากกว่า โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นราวๆ 1 ดอลลาร์ต่อโทรศัพท์ 1 เครื่อง จากการที่บริษัทอย่างเช่น แอปเปิล กำลังกอบโกยกำไรไปได้ถึง 37,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2013 ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จึงสามารถรับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นได้อยู่แล้ว ในการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิตของคนงาน
       
       “เราต้องการให้พวกแบรนด์ดังทั้งหลายแสดงความรับผิดชอบต่อเงื่อนไขการทำงาน ณ โรงงานของพวกซัปพลายเออร์ของพวกเขา” พอลลีน โอเวอรีม (Pauline Overeem) ผู้ประสานงานเครือข่าย (Network Coordinator) ให้แก่ กู๊ดอิเล็กทรอนิกส์ (GoodElectronics) องค์การไม่แสวงหากำไรระดับระหว่างประเทศ ซึ่งกำลังทำงานเพื่อให้สายโซ่ซัปพลายของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปลอดจากสารพิษอันตราย กล่าวเรียกร้อง พร้อมกับย้ำว่า “การสั่งห้ามใช้ เบนซีน เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบดังกล่าวนี้”
       
       เมื่อช่วงฤดูร้อนของปี 2013 แอปเปิลได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Our Signature” (สัญลักษณ์ประจำตัวของเรา)
       
       หลังจากภาพเคลื่อนไหวซึ่งแสดงให้เห็นผู้บริโภคที่มีความสุขทั้งหลาย กำลังชื่นชมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแอปเปิล ทั้งด้วยการรับฟังเพลง, ถ่ายภาพ, ศึกษาค้นคว้าขณะอยู่ในโรงเรียน, และแชทแชร์วิดีโอกับเพื่อนๆ ก็มีเสียงนุ่มๆ แทรกเข้ามาตอกย้ำว่า “นี่แหละคือสิ่งสำคัญ ประสบการณ์จากการได้ใช้ผลิตภัณฑ์ มันจะทำให้ใครบางคนเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาหรือเปล่า? มันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือไม่?”
       
       แอปเปิลควรที่จะถามคนงานอย่าง อี้ เย่ถิง ว่า การได้ทำงานกับเบนซีนทำให้เขาเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมาบ้างหรือเปล่า และบริษัทก็ควรจะถาม หมิง คุนเผิง ว่า ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นหรือไม่
       

       บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายจักต้องแสดงความรับผิดชอบให้ครอบคลุมถึงพวกโรงงานซัปพลายเออร์ของพวกเขาด้วย โดยไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาเลือกสถานที่แห่งหนใดในโลกมาทำผลิตภัณฑ์ของพวกเขา พวกเขาจักต้องยุติการใช้เบนซีนและสารเคมีอันตรายอื่นๆ ที่กำลังทำร้ายสุขภาพของมนุษย์ โดยเริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้เลย
       
       แอนดริว คอร์ฟเฮจ เป็นบรรณาธิการออนไลน์ของ กรีน อเมริกา (Green America)
       
       ข้อเขียนชิ้นนี้ มาจาก “ฟอเรนจ์ โพลิซี อิน โฟกัส” (Foreign Policy in Focus หรือ FPIF) ซึ่งมุ่งเสนอบทวิเคราะห์อันทันการณ์ในด้านนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯและ ด้านกิจการระหว่างประเทศ ตลอดจนเสนอแนะทางเลือกต่างๆ ทางด้านนโยบาย ทั้งนี้ FPIF เป็นโครงการหนึ่งของสถาบันเพื่อนโยบายศึกษา (Institute for Policy Studies) กลุ่มคลังสมองที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งมีแนวทางความคิดแบบก้าวหน้า

 

 

 

 

 

 

ละสายตาจากการอ่านความชั่วช้าของทักษิณ นักโทษหนีคุกกับครอบครัว ขี้ข้า ไพร่เสื้อแดง และกระทู้/คคห.บัตรเติมเงิน ปลาร้าเก่าในไหใหม่ มารับรู้อีกมุมหนึ่งของโลก คนทำงานในเมืองจีนและระบอบนายทุนเทคโนโลยี อย่าง แอบเปิลบ้าง แล้ว ซัมซุง และ เครื่องมือถือยี่ห้ออื่นๆ เป็นอย่างแอบเปิลหรือไม่ ?




#1171715 เห็นแดงเขาว่า ศาลรัฐธรรมนูญในต่างประเทศที่เจริญแล้ว ล้วนแต่้ยึดโยงกับประชาชน

โดย ควันหลง on 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 18:20

เคยดูหนังอเมริกันหลายเรื่อง ล่าสุดเลย โรโบคอป

 

ตัวโกงบอกว่า "เราจ่ายให้สภาสูงหมดแล้ว รับรองเราได้โหวตผ่านกฏหมายแน่นอน"

 

ท่านคิดว่าไง กับไอ่ประเทศที่บอกเจริญแล้ว

 

อยากเดินตามตูดมันมากนักหรือ (ปล.ไม่ได้เกี่ยวกับ จขกท. นะ)

 
หนังก็คือหนังหน่ะครับ ไม่ได้สื่อถึงความจริงอะไร บางทีอาจจะมีอคตีปนด้วยเหมือนกัน
 
เรื่องโรโบคอบ สถานการณ์ในเรื่องจะคล้ายๆปี 2003 เพราะช่วงแรกที่เป็นรายการ กล่าวถึงปฎิบัติการในอิหร่าน ซึ่งตั้งชื่อล้อมาจากการบุกอิรักในปี 2003 จาก Operation Iraqi Freedom เป็น Opreation Tehran Freedom ชื่ออื่นมีก็ตั้งมาก ไม่รู้จะไปตั้งให้คล้ายกันทำไม ซึ่งกล่าวถึงในในทางที่ไม่ดีสักเท่าไร ภาพในหนัง ประชาชนในเมืองนั้น ก็ไม่ได้แสดงความิตรกับทหารอเมริกันสักนิด ออกแนวจะกลัวๆด้วยซํ้า เหมือนเป็นผู้รุกรานไม่มีผิด แถมมีซ็อดเด็ด ที่เด็กหนุ่มที่ถือแค่ซ้อม ถูกหุ่นรบยิงซะเละเทะ
 
เรื่องนี้ ผู้กำกับ แต่เหมือนคงไม่เข้าใจว่า การบุกอิรัก เป็นเรื่องที่สูญเปล่าสำหรับชาวอเมริกัน ไม่ควรขุดเรื่องนี้ขี้นมาเล่น ไม่ว่าในด้านไหน เพราะคงต้องสักฝ่ายที่รู้สึกไม่ดี เลี่ยงได้ ก็ควรเลี่ยง หนังมันที่สร้างจากจินตนาการ จะทำไปเขียนบทให้เกิดที่ไหนก็ได้ 
 
ถ้าตั้งใจเปรียบเทียบซะขนาดนี้ คงไม่แปลกหรอกครับ ที่จะด่าสภาสูง  เพราะตอนนั้นปี 2003 รีพัลบีกัน เป็นเสียงข้างมาก อย่างงี้ไม่ไหวหรอกครับ ไม่กลางทางการเมืองเล๊ยย แบบนี้ผู้กำกับ แกเป้นเดโมเครตชัวร์ป้าบบ !!!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
แต่บังเอิญ แกเป็นคนบราซิลนะครับ ตกลงที่เขียนมาจะมีสาระดีมั้ยเนี้ยยย  :lol:



#1169990 จะครบ 200 วันแล้ว คิดกว่า กปปส ทำอะไรพลาดไปหรือไม่ ถึงยังชนะไม่ได้สักที

โดย tonythebest on 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 01:51

เป้าหมายของ กปปส คืออะไรครับ...คือ ล้างระบบทักษิณ ให้สิ้นซาก ไม่ใช่หรอครับ

ถ้าคิดว่า ตอนนี้ถือว่าชนะแล้ว งั้น........ก็กลับบ้านกันเถอะ เราชนะแล้ว



ถ้าคำถามว่า
เป้าหมายที่จะล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก
แค่ทุกวันนี้จะเรียกชนะได้แล้วหรือ

ผมตอบตามความคิดผมนะ
ผมคิดว่ายัง และยังห่างไกลคำว่าชนะอยู่มาก

ระะบอบทักษิณในความคิดของผม
มีทั้งตัวบุคคล
รูปแบบ
ทัศนคติ
และอุปนิสัย

เราทำให้รัฐบาลยุบสภาได้ ยกเลิกกฏหมายนิรโทษได้
ชี้มูลความผิดของนักการเมืองพวกนั้นได้
หรืออาจจะทำให้บางคนเข้าคุกไปตามกฏหมาย
แต่ก็ได้แค่ระดับบุคคล

การเมืองไทยเราเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน
การคิดประชานิยม แนวคิดที่ไม่รับผิดชอบต่อผลข้างเคียง
การทำลายคู่แข่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
นี่คือรูปแบบที่เปลี่ยนไป และถูกยึดถือปฏิบัติจากนักการเมืองไปแล้ว
ไม่เว้นประชาธิปัตย์ เพราะถ้าไม่ทำก็อยู่ไม่ได้

คนกลุ่มหนึ่ง พากันเรียกร้องและต่อสู้
เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ
มากขึ้นจนมองความคิดเห็นแต่ตนเป็นเรื่องปกติ
ความเกรงใจคนอื่นน้อยลง เอาเปรียบได้ทุกครั้งที่มีโอกาส
ทำอะไรไป แล้วได้กับตัวเอง

คนไทยในอุดมคติที่เราเคยใช้โฆษณาตัวเอง
คนไทยใจดี รอยยิ้ม น้ำใจ ความเผืีอแผ่ ฯลฯ
หายไปไหน



ต่อให้เราเด็ดหัวทักษิณ แกนนำ และนักการเมืองทุกคน
ก็ไม่อาจรับประกันได้ ว่า 3 ข้อล่างจะดีขึ้นหรือหายไป
ระบอบทักษิณมันฝังรากแก้วไว้เสียจนผทไม่คิดว่าจะแก้ได้ด้วยม็อบกำนัน
หรือกฏหมายฉบับใด
หรือแม้แต่ป๊อบคอร์นหมู่

เรายังเอาชนะระบอบนี้ไปได้ง่ายๆ หรอกครับ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทาง
การมี กปปส เกิดขึ้น การปฏิรูปที่จะตามมา
สร้างความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดเราคงได้เห็นกันแล้ว

เริ่มนับหนึ่ง ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้นับนะครับ


#1168799 ถึงคุณตำรวจ(เลว)หลายๆคน

โดย TFEX on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:24

 

คนตายไปยี่สิบกว่าคนยังจับไม่ได้ซักคน แต่ดันมาไล่จับคนดีที่รักในหลวงอย่างคุณสาธิต รวมถึงอาจารย์รักชาติอย่างคุณสมบัติ อดีตอธิการบดีนิด้า

 

 

ดีแล้วครับ ให้มันสุดๆไปเลยคุณตำรวจ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แดกส่วยรีดไถมาทั้งชีวิตแล้ว แค่นี้มันจะไปยากอะไร ใช่ไหมครับ

 

ทำต้วตามน้ำนักการเมือง***ๆไป พอมันได้อำนาจกลับ เดี๋ยวก็สบายเอง คงได้เลื่อนขั้นกันยกเข่ง

 

 

ผมเสียใจนะ ที่มีไอ้***ที่ไหนไม่รู้มาไล่ฆ่าคนบริสุทธิ์ ตายไปนักต่อนัก แต่พวกคุณตำรวจก็นิ่งเฉย จับห่าอะไรไม่ได้สักคน

 

กลับไปบ้านมองหน้าลูกหลานอย่างไรครับ คุณบอกครอบครัวคุณรึเปล่าว่าคุณทำอะไรกับประเทศชาติ กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ คุณบอกพวกเค้ารึเปล่าว่าคุณเป็นขี้ข้ารับใช้ทรราช

 

 

ผมขอโทษนะที่ผมเขียนหยาบๆอย่างนี้ แต่ผมรู้สึกจริงๆ และก็ยังเสือกโง่หวังว่าพวกคุณจะคิดได้ในวันนึง ว่าคุณเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

และมีภาระหน้าที่ในการรับใช้ประชาชน เพราะคุณกินเงินภาษีของประชาชน..