susu

เผาบ้านแจ๊ด ไป

เผาบ้านจันทร์ส่อง ไป

เผาบ้าน อริสมัน ไป

เผาบ้านเต้น ไป

เผาบ้าน ตู่ไป

เผาบ้าน เหลิม ไป

เผาบ้านตระกูลชิน ไป

เผาบ้านขี้ข้าชิน...ไม่ไป เพราะหลังจากนี้ ก็ไม่มีที่คุ้มกล้าหัวอยู่แล้ว

ถ้าวีระมันเสียใจ...มันคงไม่กลับมาร่วมขบวนในตอนนี้หรอกครับ..มันแค่ แผนแยกน้ำแยกปลาครับ

“โจร”ปล้น! ย้อนประวัติ เทพ โฮปเวลล์-เทพ สปก.-เทพ เขาแพง-เทพ โรงพักร้าง
11 พฤศจิกายน 2556 “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนนำม็อบประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศนัดชุมนุมจุดต่างๆ

เป้าหมายตามคำประเทศคือ “ปิดกรุงเทพฯ”
สำหรับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนนำม็อบ ปชป.นั้นถือเป็น “แกนนำคนสำคัญ” ของ “ปชป.” โดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ”

และ “ปชป.” นั้นมีความเชื่อมโยงกับมายาวนาน
เพราะนอกจาก “พรรค ปชป.” จะทำให้ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้พบ “เนื้อคู่” ที่อยู่กินกันมาจนถึงวันนี้แล้ว “พรรค ปชป.”

ยังเป็นที่ที่ให้โอกาสทางการเมืองกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ตลอดเวลา
กระทั่ง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค ปชป.” ในยุคที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นหัวหน้าพรรค แ

ละก้าวขึ้นทำคลอด “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ด้วยการละเมิดแบบแผนประชาธิปไตย ในปี 2551 กระทั่งเกิดเหตุการณ์ “

กรณีการสลายการชุมนุมของประชาชน” ในปี 2553 ที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตถึง 100 ศพ และบาดเจ็บรวมแล้วกว่า 2,000 คน
ถือว่า เส้นทางชีวิต ของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ในร่มเงาของ “พรรคประชาธิปัตย์” นั้นถือว่า น่าสนใจอย่างยิ่ง

 

…โดยเฉพาะ “เส้นทางทางการเมือง”!!

ในปี 2537 “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้รับการผลักดันจาก “ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรีให้ขึ้นเป็น

“รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”
ซึ่ง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก็ไม่ได้ทำให้ “พรรคประชาธิปัตย์” ผิดหวัง โดยในการดำเนินนโยบาย “

ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” หรือ “สปก.” ปรากฏว่า “ที่ดิน” ที่จะต้องจัดสรรให้กับ “เกษตรกร”

กลับไปอยู่ในมือของ “เศรษฐีและกลุ่มนายทุนทางการเมืองของ ปชป.”
โดยปรากฏชื่อ “นายทศพร เทพบุตร” สามีของ “นางอัญชลี เทพบุตร” เลขานุการของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”

เป็นผู้รับที่ดิน สปก 4-01 มากกว่า 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา และสุดท้าย “ศาลฎีกา”

ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ในคดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544

ให้นายทศพร เทพบุตร จำเลย (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร) ออกจากที่ดิน สปก. ที่ครอบครองมายาวนานกว่า 12 ปี

เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา เนื่องจาก “จำเลย” ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง !

นอกจากนี้ยังปรากฏว่าในช่วงที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”

ในปี พ.ศ.2537 ยังเกิดกรณีการทุจริต “โครงการปรับปรุงคุณภาพยางเพื่อยกระดับราคาขายเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร”

วงเงินงบประมาณ 900 ล้านบาท

โดยมีการดำเนินการก่อสร้าง “โรงรมยาง” ให้เกษตรกรในพื้นที่ “300 ตำบล” ทุกจังหวัดภาคใต้ ที่มีพื้นที่ปลูกยางพารา โ

ดย “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ได้กำหนดเงื่อนไขให้มี “ผู้รับเหมารายเดียว” และห้ามไม่ให้มีการรับเหมาช่วง
ซึ่งสุดท้าย “ผู้รับเหมารายเดียว” ดังกล่าว ก็ไม่สามารถสร้าง “โรงรมยาง” ทั้ง 300 แห่งให้เสร็จสิ้นได้ กระทั่งเกิดการ

“เหมาช่วง”และผู้รับเหมาทิ้งงาน และทิ้งให้โรงรมยาง กลายเป็น “โรงรมยางร้าง” พร้อมกับงบประมาณ 900 ล้านบาท

ต้องสูญสลายหายไปในที่สุด

เทพ
จากนั้น “สุเทพ เทือกสุบรรณ” มีโอกาสสัมผัสเก้าอี้ “รัฐมนตรี”อีกครั้ง ในตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม”

ในปี 2540 ยุค “รัฐบาลชวน หลีกภัย” สมัยที่ 2 ซึ่งขณะนั้น “กระทรวงคมนาคม” จะต้องดำเนินโครงการ

“โครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพฯ( Bangkok Elevated Road and Train System – BERTS)”

หรือ “โฮปเวลล์” ที่ “บริษัท โฮปเวลล์” ของฮ่องกง ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้
“กระทรวงคมนาคม” ภายใต้การกำกับดูแลของ “รัฐมนตรีฯสุเทพ” ตัดสินใจ “ยกเลิกสัญญากับโฮปเวลล์” จ

นเป็นเหตุให้โฮปเวลล์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า 56,000 ล้านบาท
 

ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา “ตอม่อโฮปเวลล์” กว่า 500 ต้นก็ยังคงเรียงรายประจานพรรคประชาธิปัตย์มาจนถึงทุกวันนี้!!
และเมื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กลับมาได้ดิบได้ดีเป็น “รองนายกรัฐมนตรี” ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ปี 2551

กลับปรากฏข้อมูล “นายแทน เทือกสุบรรณ” บุตรชายของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ถือครองที่ดิน “เขาแพง” เกาะสมุย

จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 62 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา ซึ่งกลับเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน 35 องศา

ซึ่งขัดกับประกาศของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2535 ที่ห้ามออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่มีความลาดชันเกิน 35 องศา
 

โดยเมื่อ 25 กันยายน 2556 อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้อง “นายแทน เทือกสุบรรณ”

พร้อมพวกรวม 4 ราย “ฐานก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ

อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครอง

หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484”
 

นอกจากนี้ในยุคเดียวกับที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รองนายกรัฐมนตรี” ของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

ก็ปรากฏข้อมูลการทุจริต “โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย(แฟลต) 163

แห่ง” กรอบวงเงินงบประมาณ 3,709,800,000บาทและ

 

“โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศ”

กรอบวงเงินงบประมาณกว่า 6,672,000,000 บาท ภายใต้การกำกับดูแล

 

ของ “รองนายกรัฐมนตรี” ที่ชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”
ซึ่งที่สุดท้าย “ร้าง” ทั่วประเทศ จนทุกวันนี้ !

 

 

จากกระทู้สหายท่านหนึ่ง

เพื่อไทยเป็นรัฐบาลเข้าปีที่ 3  เมื่อหลักฐานมากมายขนาดนี้ ...ทำไมถึงไม่ทำอะไรเขาครับ

อย่าบอกนะว่า เพราะทำอะไรไม่ได้ ....ดีแต่พูดว๊ะ

 ผมคิดว่ากระแสรอบที่ 2 อาจจะจุดไม่ติดครับ...

 

ผมว่าถ้ารัฐบาลแสดงความรับผิดชอบอะไรบางอย่างออกมา อาจจะเป็นการขอโทษของนายกฯและ สส ที่ร่วมลงคะแนนเห็นชอบก่อนครับ

รัฐบาลกระทำในสิ่งที่ไม่ดีออกไปแล้ว จะบอกแค่ว่า กรูหยุด ยังไม่ทำต่อ มรึงกลับกันได้แล้ว มันก็ดูยังไงๆ อยู่ครับ คำสัญญา อะไรที่เซ็นต์กันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยครับ

ถ้าพิจารณาจากเครดิตของรัฐบาลนี้... ขนาด รมต ยังได้รับอนุญาตให้โกหกได้

 

ไม่ใช่ว่าแกนนำ ราชดำเนิน ไม่เสนอแนวทางการยุติการชุมนุมให้ก่อนหน้านี้นะครับ... เสนอแล้วแต่รัฐบาลเลือกที่จะเฉย และเดินหน้าโกหกต่อไปอีก เพื่ออะไรครับ?

รัฐบาลยังไม่ตัดใจจาก พรบ. นี้หรอกครับ ยังมีเวลาให้เตรียมการอีก 180 วันสบายๆ ไม่งั้นคงไม่หน้าด้านดันเข้าไปสุดซอยขนาดนี้หรอกครับ

 

แต่ก็เป็นโจทย์ของแกนนำที่จะต้องคิดว่าจะทำยังไงถึงจะให้ประชาชนส่วนมากเข้าใจข้อเท็จจริงพวกนี้ ทำยังไงจะรักษากระแสนี้ไว้ ผมก็ไม่สนับสนุนให้ไล่รัฐบาลเพื่อไทยออกไป เพราะมันจะกลายเป็นปัญหาไม่รู้จบ ให้บริหารประเทศให้เน่าคามือ ให้พวกที่เลือกมันเข้ามาอดตายไปกันเอง...

ถ้าเกลียด ระบบเลว ...นี่เวลาที่ดีที่สุด...

เผื่อว่าจะมีคนของ ปชป. ที่ได้อ่านกระทู้นี้

มาตรการอารยะขัดขืน นัดหยุดงาน 13-14-15 พ.ย. นี้ รวมทั้งให้งดจ่ายภาษี ถ้ามันท่าไม่ดี ไม่เวิร์ค ทำไม่ได้จริง คุณสุเทพจะถอยก็ได้นะครับ เหมือนตอนประกาศไม่ยกระดับวันแรกที่ชุมนุมที่สามเสน แล้วเจอกระแสเหวี่ยงกลับ ตอนนั้นคุณสุเทพยังเปลี่ยนใจกลับมาสู้ได้เลยครับ เพราะฉะนั้นคราวนี้ถ้ากระแสมันดูท่าจะไม่ดี คุณสุเทพก็ถอยได้เหมือนกันครับ ให้สมกับคำว่า "ม็อบของปชช. ที่ฟังเสียงของปชช."

-----------------------

ส่วนตัวผมว่าไม่เวิร์คนะครับ
1. เวลาประท้วงหยุดงานส่วนมากเป็นคนองค์กรรวมตัวประท้วงกันเองครับ ไม่ได้เป็นคนนอกขอให้ทำ
2. คนที่เอาด้วยน่าจะมีน้อย แต่คนที่ออกมาต่อว่ามาตรการนี้น่าจะมีมาก
3. เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามชกหน้าได้โล่งๆเลย จะถูกปั่นกระแสได้ว่า ปชป. สร้างความเดือดร้อน (ถ้าทำได้จริงมันก็เดือดร้อนจริง)
4. ระดับชาวบ้าน รากหญ้า เขาไม่เข้าใจเรื่อง "อารยะขัดขืน" หรอกครับ
5. รัฐบาลชุดนี้หน้าด้านหน้าทนมาก ไม่มีทางรู้สึกรู้สาอะไรด้วยหรอกครับ
6. ปชป. คงไม่สามารถทำให้คนที่เดือดร้อนได้รับผลกระทบ เข้าใจได้ว่า "เป็นความผิดของ รบ. ถึงทำให้คนออกมาประท้วง"

ปล. อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ส่วนเพื่อนสมาชิก สรท. ใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยยังไงก็ลองว่ามาครับ (จขกท. อยากรู้เหมือนกันว่าเสียงส่วนใหญ่ใน สรท. เห็นว่ายังไง)

ไม่ได้เริ่มทำ ก็กลัวไปหมด ทำได้ไม่หมด ก็ทำสักข้อสิครับ  พกนกหวีดติดตัว ...ก็ได้ หยุดงานนั้นแล้วแต่บริษัทฯ แต่หากวันลาเหลือ ก็ใช้เสีย เพื่อชาติ ...ภาษี ไม่ต้องรีบจ่ายเพื่อคืนเงิน จ่ายให้ช้าที่สุด ....ไปรวมตัวตอนเลิกงาน ....ก่อนหน้า เขาสู้กันเกือบ สองร้อยวัน ...ลองดูครับ แตกประเด็น ไม่จำเป็นต้อง วิธีเดียว แต่ จุดหมายเดียวถึงเส้นชัยเดียวกันครับ

 

 

ในหัวสมองไม่มีข้อมูลอะไรจะเขียนมาให้คนอ่านเรอะ   รึหัวมีแต่ขี้เลื่อยกันทั้งนั้น  

ริเริ่มมีการจ่ายเงินผู้สูงอายุ

ริเริ่ม ให้เด็กไทยมีนมโรงเรียนใว้กิน

ริเริ่มให้ความสำคัญกับสถานีอนามัย กลายเป็นโรงพยาบาลตำบล

เริ่มมี โฉนดชุมชน

เริ่มให้มีมหาวิทยาลัยพีดูแลน้อง หรือมีเครือข่ายมหาวิทยาลัย

เริ่มให้มีกองทุนของลูกหลานทหาร จากงบลับที่เหลือจากกระทรวงกลาโหม

ริเริ่มให้สถานทูตเป็นศูนย์รวมของหลายหน่วยงานที่ไปอยู่ต่างประเทศ

ริเริ่มให้นักศึกษาไทยสามารถทำงานในต่างประเทศ (เมกา)โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงาน

ริเริ่มให้มีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา

รักษาฟรี

เริ่มโครงการ"กข.คจ."-กำเนิดกองทุนหมู่บ้าน

เริ่มนโยบายทำถนน สีเลน ทุกภาค

อนุบาลชนบท

กระจายอำนาจ + เงิน สู่ท้องถิ่นยก อบจ./เทศบาล ตั้งอบต.ทั่วประเทศ

ตั้งกระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม

เริ่มมีระเบียบจริยธรรมข้าราชการ/นักการเมือง

มีกฏหมายกัน+ปราบ ฮั้วประมูลงานของรัฐ

จัดตั้งองค์การมหาชน ราชการยุคใหม่

ยังอีกเยอะ ว๊ะนาย หลายโครงการ จนบางคนนึกว่า ทักษินทำ  ...มันต่อยอด หรอก นาย

กำนัน จะดีหรือจะเลว นั่นปล่อยสังคม ตัดสินใจ...

แต่สำหรับ ผม

กำนัน ยกย่องคนดี ให้เป็นผู้นำ และเป็นคน มีสัจจะ  ....

แค่นี้ก็มากเกินพอ สำหรับผม

ผมมีใบอนุญาตพกพา

 

ปืน กับ กระสุน อยู่ห่างกัน

 

ไม่มีเจตนายิง

โชว์หน่อยสิ..ใบอนุญาต อะ ใครก็พูดได้เขียนได้ คุณว่าคนที่นี้ ....คือคนไร้สาระไปวันๆๆรึ...เขาถุยไปแล้วน้ำลายนะไม่เลียกลับหรอก

 

ว๊าาาาา......ไม่หนี หางจุกตูด แบบไอ้สารเลวบางตัว

 

อย่างนี้ก็ อดเป็นวีรบุรุษของพวกเสื้อแดง หน่ะสิครับ...
 

 

ไม่มีปัญญาหนีหรือเปล่า ?

 

ไอ้แม้วมีปัญญาหนี ตกลง มันหนีสินะ .....พวกขี้ข้าเอ๋ย ขี้ข้า.....ชั้นแรงงาน 555

มีแต่ภาพไม่ลับครับ เอามาจากห้องราชดำเนินมาให้วิแคะกัน    

 

อันดับแรก ต้องรู้ก่อนนะแต๋ม ที่นี้มีความรู้ให้อ่านเพียบ

ใครตั้ง ปรส.

http://webboard.seri...บปวด-จิ๋วเป็นค/

องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ย่อ: ปรส.) (อังกฤษ: Financial Sector Restructuring Authority) เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นโดย พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงินพุทธศักราช 2540 ^[1] เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลสถาบันการเงินที่ถูกระงับการดำเนินกิจการทั้ง 58 แห่ง เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้สุจริตรวมทั้งการชำระบัญชีของสถาบันการเงิน ^[2]

อมเรศ ศิลาอ่อน ฐานะอดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) เป็นนิติบุคคล

ทักษิน เป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ

พระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 2540 เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2540 ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ (มีนักโทษชายทักษิณเป็นรองนายก) ได้จัดตั้งคณะกรรมการ ปรส. ชุดแรกขึ้น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2540 โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขฟื้นฟูฐานะ ของบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ เป็นอันดับแรก โดย ปรส. มีฐานะเป็นองค์กรอิสระ มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการดูแลบริษัทเงินทุนที่ถูกระงับการดำเนินกิจการ

ส่วนที่บอกว่า ดำรงตำแหน่ง 1 สมัย เท่ากัน คนหนึ่งให้โอกาส ศาลให้รอลงอาญา อีกคนนึง ไม่ให้โอกาส   

จริงแล้ว เพราะคดีนี้คือกรณีขายสินทรัพย์สถาบันการเงิน 56 แห่ง ที่ อมเรศ และวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อดีตเลขาธิการ ปรส.ถูกฟ้อง ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 (เฉพาะในส่วนของ ปรส.)

ทั้งสองคนถูกตัดสินว่า มีความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 คือ ไปเอื้อประโยชน์เอกชนที่ประมูลสินทรัพย์ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์
โดยไม่ได้ให้เอกชนรายดังกล่าวคือ บริษัท เลแมน บราเดอร์ส โดยราคาสินทรัพย์ที่เป็นปัญหาอยู่ที่ 11,520 ล้านบาท วางหลักประกัน 10 ล้านบาท แต่บริษัทไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกับ ปรส.ภายใน 7 วันนับจากวันที่ 20 ส.ค.41

พร้อมทั้งต้องชำระเงินงวดแรกร้อยละ 20 ของราคาเสนอซื้อที่ชนะการประมูลเป็นเงิน 2,304 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีแต่การวางเงินประกัน 10 ล้านเท่านั้น ศาลจึงเห็นว่า การประมูลดังกล่าวไม่เกิดสัญญาขึ้น อย่างไรก็ตามต่อมามีการชำระเงินเต็มจำนวนจากการประมูลสินทรัพย์ดังกล่าาว

ความหมายคือ ไม่มีความเสียหายทางการเงินเกิดขึ้น  ปรส.ได้เงินตามราคาที่ประมูล เพียงแต่ขั้นตอนทำสัญญาผิดกฎหมายและผู้บริหาร ปรส.ไปเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน ศาลจึงสั่งจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 3 ปี เพราะอายุมากและเคยทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ

คดีล่าสุดเกี่ยวกับ ปรส. ป.ป.ช.เพิ่งตัดสินไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า มนตรี เจนวิทย์การ เลขา ปรส. เอื้อประโยชน์ให้กับเกียรตินาคิน ซึ่งเป็นบริษัทของภรรยาพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ในการประมูลสินทรัพย์ของ ปรส.

ไม่ทราบว่าคุณทราบหรือเปล่า?

กรณีนักโทษทักษิณคนซื้อไม่ผิดคนเซ็นต์ผิด ก็เพราะคนเซ็นต์เป็นนายกรัฐมนตรี มีกฎหมายป.ป.ช.มาตรา 100 ห้ามไว้ จึงเป็นการทำผิดกฎหมายคือใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้คู่สมรสซื้อที่ดินรัชดา ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน อีกทั้งยังซื้อในราคาเพียง 772 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเมื่อศาลฎีกาฯพิพากษาให้สัญญาเป็นโมฆะ และมีการประมูลที่ดินดังกล่าวอีกครั้งโดยบริษัทศุภาลัย ในราคา 1,815 ล้านบาท มากกว่าที่คุณหญิงพจมานประมูลถึง 135 % หรือ 1,043 ล้านบาท ในช่วงเวลาห่างกันแค่ 8 ปี

อีกคน หนีตั้งแต่ศาลไม่ทันตัดสิน

อีกคน เข้าสู่กระบวนการ...นี่คดียังไม่จบด้วยนะ

แล้วเมื่อมีความรู้แล้ว คือ ไม่โง่แล้ว กลับไปบอกเพื่อนบ้างละ  อยากลอกข้อความของ ขี้ข้า ของขี้ข้า ของขี้ข้า ....จนเป็น ขี้ข้าระดับใช้กำลัง..
 

หรือเรายอมเป็นแบบนี้ครับ

หรือ อยากแค่เป็น

" ขี้ข้า ของ ขี้ข้า " อีกที

''

ได้เวลาเอาคืนพวกแกนนำแล้วครับ ...

"สมชาย" ร่วมเอานิรโทษกรรมสุดซอย เราทะเลาะกันมา 7-8 ปีแล้วถึงเวลาเอาความเป็นธรรมคืนมา  สำหรับคนเสื้อแดงที่สูญเสียถึงเวลาที่ต้องลืมความเจ็บปวด  แล้วร่วมกันเดินหน้าต่อไป

http://www.tnews.co....วามบาดหมาง.html

"วรชัย" ปฏิเสธไม่รู้เพื่อไทยแปลงนิรโทษฯ ยัดเนื้อหาช่วย "ทักษิณ" เชื่อสภาโหวตวาระสอง 6 พย. ปัดวุ่นไม่ได้หลอกคนเสื้อแดง 

http://www.tnews.co....าช่วย-แม้ว.html

แม่น้องเกดเผยเสียใจโดนตัวเองและประชาชนโดนพรรคเพื่อไทยหักหลัง แก้กม.นิรโทษกรรม พร้อมจวกวรชัยโกหกอย่าทำไม่รู้เพราะเป็นไปไม่ได้ -นัดแถลง21ตค.นี้

http://www.tnews.co....อ้างไม่รู้.html

แดงกรุงเก่า สำนึกได้ !!! ขึ้นเวทีอุรุพงษ์ "ยืนยันว่า 15 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าตอนนี้มีไม่ถึงแล้วไม่ครบแล้ว เพราะอยุธยาตาสว่างเกือบทั้งจังหวัดแล้ว และตอนนี้มายืนกับพี่น้องที่อุรุพงษ์ขับไล่ระบอบทักษิณแล้ว"  ????

http://www.tnews.co....สว่างแล้ว-.html

ท่อประปาแตก

การประปานครหลวง

สังกัดกระทรวงมหาดไทย

เป็นรัฐวิสาหกิจ

มีหน้าที่ผลิตและให้บริการเกี่ยวกับน้ำประปาในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรีและจังหวัดสมุทรปราการ

 

เอ..แล้วทำไมน้ำยังท่วมละครับ เห็นบอกว่าจะไม่ท่วมแล้วนี่ หรือว่างบ 3.5 แสนล้านน้อยไป

 

5555555555555555

 

ถามเหมือนคุณตั๊น จิตรภัสร์ เลย

 

 

 

เอาเป็นว่าไปถามศาลปกครองดีกว่านะ  เรื่องนี้

ผมไม่ก้าวล่วง เพราะผมเคารพศาล !

 

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เวลา 13.30 น.    เมื่อ สามเดือนก่อน

คณะตุลาการศาลปกครองกลางองค์คณะพิเศษ โดย นายตรีทศ นิโครธางกูร ตุลาการเจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 1025/2556 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและ อุทกภัย (กบอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ปฏิบัติหน้าที่ร่วมการนำแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนดำเนินโครงการก่อสร้างเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ จำนวน 9 โครงการ 10 แผนงาน วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ไปดำเนินการจัดให้มีกระบวนการให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึง ตาม ม.57 วรรค 2 และ ม.67 วรรค 2 ตามสิทธิในข้อมูลข่าวสาร และการร้องเรียน และสิทธิชุมชนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะดำเนินการจ้างเอกชนออกแบบ และก่อสร้างในแต่ละแผนงาน ส่วนคำขอที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับชาวบ้านรวม 45 ราย ขอให้มีการสั่งเพิกถอนแผนงานดังกล่าว

ทั้งนี้ ศาลเห็นว่า ในการจัดทำแผนดังกล่าวแต่ละแผนงานก่อสร้างแต่ละโมดูลจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ต้องตัดไม้สร้างเขื่อน และประชาชนต้องย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อนำพื้นที่ไปใช้รองรับน้ำหลาก จึงเป็นโครงการที่รัฐต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย และต้องมีการจัดทำรายงานผล กระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ตามรัฐธรรม นูญ ม.57 วรรค 2 และ ม.67 วรรค 2 โดยในข้อเท็จจริง ไม่พบว่านายกรัฐมนตรี และผู้ถูกฟ้องทั้งหมด ได้มีการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างทั่วถึงมาก่อน ส่วนกรณีที่จะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพนั้นก็ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ เพราะหากให้เอกชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียดำเนินการผลที่ออกมาก็อาจเบี่ยงเบนไปในทางที่จะเป็นประโยชน์กับเอกชนเอง

คนฟ้องคือ  นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

ขณะที่ นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการผันน้ำ กล่าวหลังเข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาว่า คำพิพากษาที่ออกมาเป็นไปตามที่คาด ซึ่งไม่ได้ทำให้รัฐจะต้องชะลอ หรือยุติโครงการ โดยโครงการไหนที่ไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็เดินหน้าไป ส่วนโครงการไหนที่ต้องทำรัฐก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่เอกชน

http://www.dailynews...politics/215242

สรุป  ศาลเบรกเมื่อสามเดือนที่แล้ว  ถ้าศาลไม่เบรก แค่เอกสารจัดจ้างยังทำไม่เสร็จเลย  ดังนั้นน้ำท่วมรอบนี้จึงไม่เกี่ยวกับศาล แต่เกี่ยวกับรัฐบาลโดยตรง  เพราะงบ ปีที่แล้ว ละลายไปกำการทำงานไม่เป็น แสนกว่าล้าน.....

แม่...โง่จริงหรือ ....ตั้งใจให้มันท่วมว๊ะ