Jump to content


ฉันรักเมืองไทย

Member Since 3 April 12
Offline Last Active 15 March 13 20:22
-----

#642539 !!!! สมมุติว่าม๊าก ติดคุก ..สส. ประชาธิปด ยังจะอยู่รวมกันในพร...

Posted by MIRO on 15 March 2013 - 15:13

น่าจะผิดพรรคมั้งครับ พรรคอื่นๆ สส.เขาก็พอจะมีสมองคิดเองเป็นนะ

มีอยู่แค่พรรคนี้พรรคเดียวแหละครับ ที่ สส+นายกรัฐมนตรี เป็นหุ่นกระบอกไร้สมอง..

 

thai_270654.jpg

 

 

:)




#640881 ผมเชื่อว่าคนไทยที่กาเลือกปชป.อีกหลายล้านคนน่าจะคิดแบบเดียวกัน..

Posted by อู๋ ฮานามิ on 14 March 2013 - 12:11

มีใครบ้างที่เลือกพรรค ปชป. เพราะเป็นสถาบันการเมืองที่ไม่ขึ้นตรงและไม่รอการสั่งการจากใครคนใดคนหนึ่งที่มีบารมีล้นเหลือ  

 

และตัดสินด้วยความเห็นจากหมู่คณะ  ?




#640799 ผมเชื่อว่าคนไทยที่กาเลือกปชป.อีกหลายล้านคนน่าจะคิดแบบเดียวกัน..

Posted by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 14 March 2013 - 11:11

เสร็จงานแล้ว ตอนนี้เขียนอะไรยาวๆได้แล้วครับ

ก็เลยมาขอระบายความในใจที่เก็บมานานหลังศึกเลือกตั้งผู้ว่าเป็นต้นมา

 

คือได้เห็นคนด่าปชป.มาได้พักหนึ่งแล้ว

ข้อหาทำอะไรงี่เง่า ชักช้า เสียค่าโง่ ไม่ฟังเสียงประชาชน ทำอะไรไม่ถูกใจ

ให้มันรู้สึกนึกเสียมั่งว่า "ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วที่ประชาชนจะช่วยปชป." บลาบลาบลา ....

ผมสังเกตว่าการต่อว่าตำหนิติเตียนแบบนี้จะหนาตาทุกครั้งหลังเลือกตั้ง

ไม่ว่าปชป.ชนะหรือแพ้ก็โดนหมด

 

ก็เลยอยากบอกความรู้สึกภายในใจว่า...

ผมเชื่อว่าคนไทยที่กาเลือกปชป.อีกหลายล้านคนน่าจะคิดแบบเดียวกับผม

คือเกิดมาเป็นตัวเป็นตนกับเขาชาติหนึ่งนี้  ไม่เคยคิดพึ่งพาพรรคการเมืองมาช่วยเลยครับ

ทุกวันนี้ก็ช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด ไม่เคยไปฝากความฝันและความหวังไว้กับนักการเมืองคนไหนเลย

ผมถึงไม่เคยมองว่าประชาธิปัตย์คือพระเจ้า ที่สามารถดลบันดาลทุกสิ่งให้ได้ดั่งใจผม

เพราะพรรคการเมืองก็ประกอบขึ้นด้วยมนุษย์ร้อยพ่อพันแม่  ทำผิดบ้างถูกบ้างเป็นธรรมดา

เหมือนพวกเราน่ะแหละ

แต่ที่ผมกาเลือกประชาธิปัตย์ ก็เพราะเขาเป็นตัวแทนสิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดชีวิต

คือเชื่อในการทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้มันจะไม่ถูกใจคนทุกคนก็ตาม 

เชื่อว่าเราต้องสู้ต่อไปแม้ศึกนี้เราอาจจะไม่ชนะ  

เชื่อว่าประเทศไทยต้องเดินไปบนเส้นทางของการยึดหลักกฎหมาย ไม่ใช่กฎกู

และเชื่อว่าบ้านเมืองต้องอยู่ภายใต้กฎกติกา ถึงจะมีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง

 

ผมไม่เคยวาดภาพว่าประชาธิปัตย์คือฮีโร่  เพราะมนุษย์มีวันพ่ายแพ้เป็น อ่อนแอเป็น ล้มเหลวเป็นกันทุกคน

ไม่เคยคาดหวังว่าปชป.ต้องชนะเลือกตั้งเท่านั้น ถึงจะช่วยบ้านเมืองได้

เพราะถ้าระบบตรวจสอบรัฐบาลของเราเข้มแข็งในทุกจุดจริง รัฐบาลก็จะทำอะไรสะดวกๆไม่ได้

และไม่เคยวาดภาพว่าประชาธิปัตย์ต้องเข้าไปต่อสู้กับทักษิณแล้วต้องชนะ ไม่งั้นชาติอยู่ไม่ได้  

เพราะผมถือว่าหน้าที่นี้เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่โยนให้ปชป.มาทำให้

การคาดหวังสูงลิ่วและเรียกร้องเยอะขนาดนั้น ผมเชื่อว่าแม้แต่ซูเปอร์แมนหรือระดับจัสติกลีกทั้งลีกก็ทำให้ไม่ได้

 

การจะทำให้ประเทศชาติรอดพ้นจากมหันตภัยของคนชั่ว หรือที่เรียกว่า "กู้บ้านกู้เมือง"

ต้องอาศัยประชาชนร่วมแรงร่วมใจกันครับ

ไม่ใช่ให้นักการเมืองเป็นผู้แบกความฝันและความหวังของคนทั้งประเทศ

หมดยุคเฝ้าเรียกหาฮีโร่แล้วครับ  เพราะปัญหาประเทศเรามันใหญ่โตและฝังรากลึกเกินกว่าที่คนแค่ไม่กี่คนจะแก้ได้

 

 

การคิดแบบนี้จะเรียกผมว่า "สาวกปชป." "แมลงสาบ" หรือ "สลิ่ม" ก็ได้ครับ

 

 

 

 

 




#641781 แค่นี้ไม่ตาย! "ปลอดฯ" ปลอบคนอีสาน รอ 2 เดือนแก้วิกฤตภัยแล้ง

Posted by -เจ๊ม้าม- on 14 March 2013 - 22:59


ฟ้าดินพิโรธหลัง “ปลอดประสพ” หมิ่นคนอีสานภัยแล้งไม่ถึงตาย พายุถล่มเสาไฟโค่นเสียหายกว่า10ล้านบ.

 

กาฬสินธุ์ - ฟ้าดินพิโรธ “ปลอดประสพ” พูดไม่คิด ดูถูกคนอีสาน หลังเปิดโครงการบ่อบาดาลแก้แล้งตกบ่าย พายุหมุนถล่มอำเภอยางตลาด 10 นาทีเสียหายยับ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
      
       วันนี้ (14 มี.ค.) เวลา 15.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กาฬสินธุ์ว่า ได้เกิดเหตุพายุหมุนพัดถล่มในพื้นที่ตัวอำเภอยางตลาด เป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับทั้งอำเภอ หลังจากเกิดเหตุนายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายเดชา พลกล้า รักษาการหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายสมัคร วิวรรณพงษ์ ผู้จัดการไฟฟ้าจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณสนามกลอฟ์ที่ตั้งอยู่ตรงบึงอร่าม ตำบลยางตลาด
      
       พบเสาไฟฟ้าแรงสูงล้มเป็นทางยาว 1 กม.จำนวน 21 ต้น กีดขวางการจราจรฝั่งขาเข้าตัวอำเภอยางตลาด ซึ่งภายในสนามกลอฟ์ที่ตั้งเป็นศูนย์โอท็อป ยังถูกแรงของพายุพัดหอบเอาหลังคาเสียหายกระจัดกระจาย
      
       นอกจากนี้ ยังพบรถกระบะรวม 4 คัน ถูกอาคารพังล้มทับได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังมี กระเบื้อง กระจก ของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานแตกเสียหายจากฤทธิ์ของพายุ แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เร่งเข้าซ่อมแซมคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟได้ไม่เกิน 20.00 น.แต่เนื่องจากความเสียหายจำนวนมากคาดว่า จะสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับอำเภอยางตลาดได้ทั้งหมดในวันพรุ่งนี้
      
       จากการสอบถามนายคำรณ ศศิพงษ์ อายุ 53 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ก่อนเกิดพายุ ได้มีลมกรรโชกแรงจากนั้นเกิดพายุหมุนอย่างรุนแรงและมีพายุลูกเห็บขนาดเท่าไข่ไก่ตกลงมา โดยลมได้หอบเอาเสาไฟฟ้าล้มเป็นทางยาวถึง 1 กิโลเมตร ทำให้รถทุกคันต้องหยุด โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีพายุจึงสงบ
      
       ด้านนายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าว่า เบื้องต้นความเสียหายจากพายุครั้งนี้จะมากกว่า 10 ล้านบาท โดยเฉพาะเสาไฟฟ้าที่หักโค่น แต่ก็ขอเตือนประชาชนให้ระวังปัญหาพายุหมุนและพายุฟ้าผ่า เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน โดยเฉพาะให้ระวังสื่อไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ โทรศัพท์ ไม่ควรพกติดตัวหากเกิดปัญหาพายุฝนในระยะนี้
      
       อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า เหตุพายุหมุนครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กบอ. เพิ่งจะเดินทางกลับจาก พื้นที่อำเภอยางตลาด โดยได้พูดดูถูกปัญหาความแห้งแล้งของคนอีสาน ว่า เป็นเรื่องธรรมดา ระหว่างที่ปราศรัย
      
       โดยเฉพาะ คำพูดที่ว่า "ปัญหาภัยแล้งสำหรับคนอีสาน ยังไงก็ไม่ถึงตาย เพราะ แล้งมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ให้ทนรออีก 2 เดือน ฝนตกก็หายแล้ง"
      
       ทำให้ประชาชนที่เข้าไปร่วมงานต่างพากันวิพากวิจารย์ ว่าเป็นการใช้คำพูดไม่เหมาะสม ดูถูกคนอีสาน จนทำให้ฟ้าดินพิโรธ กลายเป็นเหตุให้เกิดพายุฝนฟ้าถล่มอย่างหนัก

 

http://manager.co.th...D=9560000031714

 

 

น่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยนะคะ




#641621 แค่นี้ไม่ตาย! "ปลอดฯ" ปลอบคนอีสาน รอ 2 เดือนแก้วิกฤตภัยแล้ง

Posted by คนไทย916 on 14 March 2013 - 20:28

รบ. ปู4SS สร้างสรรค์ผลงานอีกแล้ว ครับท่าน

กลัวน้ำท่่วมจัด 

เห็นข่าวเก่าแล้วปลง -_-  -_-  -_- 

 

 

161700.jpg
“ปราโมทย์ ชี้หน้าแล้งอันตราย เกิดวิกฤติเขื่อนน้ำไม่มีผลิตไฟฟ้า น้ำ2เขื่อนใหญ่เพียง 8 พันล้านลบม.โวย นายกฯยิ่งลักษณ์ รับผิดสั่งพร่องน้ำเหลือ 45 % ภาคอีสานแย่สุดกาฬสินธุ์ประกาศงดทำนาปรังแล้ว

วันนี้ (18 ต.ค.) นายปราโมทย์ ไม้กลัด คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยน.)และอดีตอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ว่ามาเร็วกว่าทุกปีโดยมีปรากฏการณ์เอญนิโย่ ชัดเจนตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.แล้ว ตนเตือนแล้วว่าธรรมชาติปีนี้ฝนน้อยก็ไม่ฟังตั้งหน้าตั้งตาเร่งพร่องน้ำ ระบายน้ำเขื่อนกัน เวลานี้ยังไม่ถึงสิ้นเดือนต.ค.เรื่องสำคัญมากที่แล้งตั้งแต่หน้าฝน บอกให้ระวังจับตาดูรัฐบาลก็ไม่เชื่อ หลังจากนี้ภาคเหนือ ภาคอีสาน จะโดนภัยแล้งหนัก คงจะแน่ชัดว่าเกิดวิกฤติน้ำขาดแคลนทั่วไป โดยเฉพาะนอกเขตชลประทานสำคัญที่สุด นอกเขตอ่างเก็บน้ำ แล้งแห้งชัดเจน  ปริมาณน้ำในเขื่อนไม่พอ ในเขื่อนแต่แห่งน้ำน้อยเหลือเกินที่พูดน้ำพอใช้ ถามว่ารัฐบาลเอาข้อมูลที่ไหน

ยกตัวอย่างเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ สิ้นเดือนพ.ย.นี้ หากได้น้ำร้อยละ 67 จะนำมาใช้ไม่ได้ทั้งหมด ต้องมีปริมาณน้ำตายร้อยละ 30 ของความจุ  อีกทั้งตอนนี้เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ ต้องปล่อยระบายน้ำเลี้ยงพื้นที่ด้านล่าง ส่วนนาข้าวที่ยังไม่ตั้งท้องออกร่วงด้วย ทำให้น้ำน้อยลงทุกกวัน  จะให้พอต้องจำกัดพื้นทำนาปรังแทนที่ปลูกได้ 8-9 ล้านไร่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จำกัดเหลือพื้นที่ 4-5 ล้านไร่ แต่ในภาคอีสานไม่พอทุกแห่ง เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี เขื่อนอุบลรัตน์ จ.อุลบราชธานี เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เหลือร้อยละ 20 ต้องประกาศงดส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรแล้ว อย่างนี้ไม่ไหว แย่ไปหมด

บางแห่งก็สั่งให้ระบายมากเพราะกลัวน้ำท่วม ไม่มีเขื่อนไหนน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ  มีแต่สั่งระบายน้ำจากเขื่อน จนพื้นที่ชลประทานน้ำไม่พอ ถ้าบอกว่าพอและความพอคืออะไร ต้องมาจำกัดพื้นที่ ปลูกพืช หลายๆพื้นที่ต้องการเยอะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีน้ำเต็มที่รับประโยชน์ ปลูกได้ถึง 10 ล้านไร่ต้องมาจำกัด ชาวนาไม่เชื่อฟังทำอย่างไร เตรียมป้องกันชาวนาเดือดร้อนแย่งน้ำกันใช้ไว้อย่างไร เช่น จ.กาฬสินธุ์ ประกาศไม่มีน้ำให้ทำนาปรัง แต่เอาไว้ส่งเข้าเมืองกันหมดหรืออย่างไร

นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า  คณะกรรมการ กบอ.ไม่ได้เอาตัวเลขข้อมูลน้ำชัดๆมาบอก ความจริงต้องพูดกันเป็นแห่งๆเช่น ภาคอีสาน มีน้ำ 30 ภาคเหนือ 60 แต่กลับเอาค่าเฉลี่ยทั้งประเทศหลอกประชาชน และยังไม่ยอมพูดถึงน้ำใช้การได้มีเท่าไหร่ เพราะไม่กล้ารับผิดที่สั่งการให้ระบายมาเยอะแยะเกินขอบเขตสองเขื่อนรวมกัน 100 กว่าล้านเป็นเดือนๆ ระบายทิ้งระบายขวางด้วยความกลัวน้ำท่วม  น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังบอกบริหารถูกไม่ผิดพลาด  ไปดูได้ว่าสั่งให้เหลือน้ำในเขื่อนร้อยละ 45 ปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ตอนนี้แบะ ๆไม่มีทางแก้กันแล้ว บริหารน้ำไม่ถูกไม่เอาความจริงมาพูดกัน ปริมาณน้ำสำรองยิ่งน้อยลงรัฐบาลก็ยังหาทางไม่เจอปีหน้ายุ่งอีก เพาะไม่มียุทธศาสตร์ชาติมีแต่ยุทธศาสตร์ทางการเมือง ใช้งบประมาณมากแต่ไม่มีทางได้อันตรายสำหรับประเทศไทย อย่างนี้ประเทศพัง

คณะกรรมการ กยน.กล่าวด้วยว่า  ปีนี้ที่น้ำไม่ท่วมไม่ใช่เพราะ คณะกรรมการ กบอ.แต่ธรรมชาติจัดมาไม่มากก็ไม่ท่วม ก็แค่นั้น ไม่ใช่จัดการเก่ง  ธรรมชาติไม่มี อย่างพายุแกมีวาดภาพจนไม่รู้เรื่อง ยังสั่งพร่องน้ำ ระบายน้ำจากเขื่อน ข้อมูลจากทุกประเทศบอกตรงกันว่าถึงกัมพูชา สลายตัวเป็นความกดอากาศต่ำ ไม่ดูข้อมูลวิทยาศาสตร์แท้จริง แย่มากใช้เดามัว บริหารอย่างนี้ไม่ไหว การสู้รับตบมือกับภัยแล้งทำอย่างไร เวลานี้ทำฝนหลวงไม่ได้เพราะความชื้นในบรรยากาศไม่มีทำอย่างไรก็ไม่ตก ทำได้อีกทีปลายเดือนเม.ย. พ.ค.ปีหน้า ตอนนั้นตายยังเขียด เจาะบ่อบาดาลในภาคอีสานไม่มีแหล่งน้ำใต้ดินใช้ได้เลย น้ำบาดาลเป็นน้ำเค็ม เจาะได้เป็นบางย่อม ใกล้แนวแม่น้ำชี มูล แต่ปีนี้ระดับน้ำชี มูล มีระดับน้อยวิฤกติแล้วอีกเดือนเดียวเดินข้ามได้ ไม่มีน้ำให้ผันไปช่วยที่อื่น

ขณะนี้ปริมาณน้ำสองเขื่อนมีเพียง 8 พันกว่าล้านลบม.ต้องเก็บสำรองไว้ต้นหน้าฝนอีก 2 พันล้านลบม.เหลือปลูกข้าว 6 พันล้านลบม. อาจสร้างวิกฤติการณ์เขื่อนไม่มีผลิตไฟฟ้า หน้าแล้งอันตรายมาก คนใช้น้ำจากสองเขื่อนเยอะทั้ง คนกรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา มีน้ำจากเขื่อนแควบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มาช่วยได้นิดหน่อยเพราะพื้นที่นาปรังทั่วประเทศ 13 ล้านไร่ เห็นแล้งน่าเป็นห่วงจริงๆ.

pixel.gif?key=node,161700http://www.dailynews...politics/161700




#633481 กบข.ระเบิดอีกลูกของรัฐบาล

Posted by ant on 9 March 2013 - 08:18

มันทำให้รู้สึกว่า...ข้าราชการไม่ได้รับการเหลียวแลเท่ากับเกษตกรหรือเพราะข้าราชการไม่ใช่ฐานเสียง?

จะเหลียวแลหรือไม่..ไม่ได้คาดหวังอะไรด้วยหรอกครับ  ไม่เคยงอมืองอเท้ารอความช่วยเหลือจากใครอยู่แล้ว

แต่...อย่ามาเลห์เหลี่ยมด้วยการหลอกให้เข้าเป็นสมาชิกด้วยข้ออ้างว่าจะได้ผลตอบแทนดีกว่าระบบเดิม แล้วบีบให้เข้าเป็นสมาชิก เงินก็หักเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกบาททุกสตางค์ สุดท้ายจะโกงกันดื้อๆ จะอ้างว่าบริหารขาดทุนแล้วจะจ่ายค่าตอบแทนน้อยลงไม่ได้  สัญญาว่าจะจ่ายแค่ไหนก็ต้องเท่านั้น

เรื่องขาดทุน กำไร  พวกเราไม่เกี่ยวด้วย คุณบริหารได้กำไรพวกเราก็ไม่เคยขอให้จ่ายเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว  เมื่อขาดทุนพวกคุณก็ต้องรับผิดชอบหามาจ่ายเอง

 

จ่ายไม่ครบ.....ศพไม่สวย




#631177 นักศึกษาไม่มีกระดูกสันหลัง นิยมการหมอบคลาน

Posted by ตะนิ่นตาญี on 7 March 2013 - 17:22

หมอบ เป็นคำกริยาที่แสดงกิริยาอาการที่ยอบตัวลงให้ขาและแขนราบอยู่กับพื้น

ในขณะที่ คลาน นั้น ก็เป็นคำกิริยา เช่นเดียวกันคือ เป็นการเคลื่อนที่ไปด้วยมือและเข่า


หมอบ และคลาน เป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึง ธรรมเนียม กิริยาและวิธีการแสดงออก

ซึ่งแม้นจะ ต่างกรรม ต่างวาระ ต่างรูปแบบกัน แต่มีความงดงามของการแสดงออก

ที่ล้วนแต่เป็นไปเพื่อความสำคัญในกาล เพื่อแสดงความนอบน้อมต่อ ผู้ที่มีอายุมากกว่า อย่างสูงสุดเช่นเดียวกัน

หมอบ และคลาน มีมาแต่สมัย พุทธกาลนานแล้ว ดังจะเห็นได้จาก โกณฑัญญสูตรที่ ๙

อันมีใจความดังต่อไปนี้...


...ครั้งนั้นแล ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่

ประทับต่อกาลนานนักทีเดียว ครั้นแล้วได้หมอบลงแทบพระบาททั้งสองของ

พระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า จูบพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคด้วยปาก

นวดฟั้นด้วยมือทั้งสอง และประกาศชื่อว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์

ชื่อว่า โกณฑัญญะ ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์ชื่อว่าโกณฑัญญะ ดังนี้ ฯ

(คัดลอกมาจาก http://10000.narrative.biz/read_glimpse_audience_2.html)


ตะนิ่นตาญี เห็น คนไร้ความคิดบางคน ออกปากขับไล่ ผู้มีความงดงาม

ในกิริยา มารยาท แล้ว ก็อดเสียไม่ได้ที่จะหัวเราะ และนึกอยู่ในใจ

“เออ หนอ...ทำไมไร้ความความคิดได้ถึงเพียงนี้”นี่อาจเป็นเพราะเขาเหล่านั้น

ไม่ได้รับการดูแลสั่งสอน จากบุพการี เป็นแน่แท้ หรือหากใช้ภาษาที่ออกจะหยาบคายเสียหน่อย

ก็น่าที่จะพูดได้ว่า “พ่อแม่ ไม่สั่งสอน” ก็คงจะใช้ได้...


ตะนิ่นตาญี ขออภัย ไม่ได้คิดจะสั่งสอน แทน บุพการี ของใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่อยากพูดให้ หยุดคิดสักนิดหนึ่ง

การที่จะนำพา สังคมของเรา-ประเทศของเรา เข้าสู่สังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น 

ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่จะทำลายล้างรากเหง้าของตัวเอง...การ ดูถูก วัฒนธรรมอันดีงามของตัวเอง

จึงเป็นการกระทำอย่างไร้สติ- ไร้ความรับผิดชอบ โดยสิ้นเชิง สังคมต่อไปของ ไทย... จะเป็นอย่างไร?

หากคนรุ่นใหม่ ไร้ซึ่งสติปัญญา และขาดซึ่งความเข้าใจใน ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อันงดงาม

ของคนไทย - ของความเป็นไทย เสียแล้ว...

เรายังจะภูมิใจที่เรียก 
“ประเทศนี้ว่า ประเทศไทย” เรียกตัวเองว่า “เป็นคนไทย” ได้อีกหรือ?

นี่คือ โศกนาฏกรรม ของสังคมไทยอย่างแท้จริง...

ตะนิ่นตาญี

วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๑๘.๒๑ นาฬิกา
 

 
ตะนิ่นตาญี เขียนกระทู้นี้ไว้ปีกว่าแล้ว เขียนไปก็คิดไปว่า คนที่มีความรู้เขาคงจะไม่หลงคิดว่า การ หมอบ และ คลาน นี้ เป็น สิ่งไม่ดี-ไม่ควรทำ
 
มาถึงวันนี้เห็นแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่า คนมีความรู้ขนาดนี้จะเห็นว่า "การให้ความเคารพ-การแสดงความเคารพ ต่อ ผู้มีพระคุณ" นั้น
 
เป็นสิ่งเลวร้าย-เป็นสิ่งที่ไม่สมควรปฏิบัติ ไม่น่าเชื่อจริงจริงครับ ตะนิ่นตาญี นึกถึงภาพของครอบครัวเขาผู้นั้นไม่ออกจริงจริงครับ
 
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ตัวใคร-ตัวมัน ชีวิตใคร-ชีวิตมัน...
 
สังคมไทย จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนอย่างไร ก็ให้ขึ้นอยู่กับคนส่วนใหญ่ของสังคมแล้วกันครับ
 
เกรงแต่ว่าถึงเวลาขึ้นมาแล้ว คนส่วนใหญ่เค้าจะยอมรับกันไม่ได้เท่านั้นเอง
 
ในความหยาบคาย ของ เหล่าคนที่เรียกตัวเองว่า "ผู้สอนหนังสือ " เท่านั้นเอง...จะรู้หรือไม่ คนไทยแท้แท้นั้น นิสัยอำมาตย์ นะครับ  :D 
 
ตะนิ่นตาญี
 
วันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
 
เวลา ๑๗.๒๒ นาฬิกา



#630913 นักศึกษาไม่มีกระดูกสันหลัง นิยมการหมอบคลาน

Posted by ramboboy26 on 7 March 2013 - 14:04

มงคล 38 ประการ 

 

มงคลที่ 3 บูชาบุคคลที่ควรบูชา

 

 

 

การบูชา คือการแสดงความเคารพบุคคลที่เรานับถือ ยกย่อง เลื่อมใสในบุคคลคนนั้น ซึ่งการบูชาแบ่งออกเป็น ๒ อย่างคือ
 
๑. อามิสบูชา คือการบูชาด้วยสิ่งของเช่น การนำเงินให้พ่อแม่ไว้ใช้จ่าย หรือมอบทรัพย์สินให้พ่อแม่ หรือการนำดอกไม้ ธูปเทียนไปบูชาพระก็ถือเป็นอามิสบูชาเป้นต้น
 
๒.ปฏิบัติบูชา คือการบูชาด้วยการเจริญสมาธิภาวนา การฝึกจิตให้ไม่ฟุ้งซ่าน เห็นความจริงในความเป็นไปของโลกเป็นต้น
 
บุคคลที่ควรบูชา มีดังนี้คือ
 
๑.พระพุทธเจ้า (คงไม่ต้องอธิบาย)
 
๒.พระปัจเจกพระพุทธเจ้า หมายถึงพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
 
๓.พระมหากษัตริย์ผู้ตั้งอยู่ในทศพิศราชธรรม
 
๔.บิดามารดา
 
๕.ครูอาจารย์ ที่มีความรู้ดี มีความสามารถ และประพฤติดี
 
๖.อุปัชฌาย์ หรือผู้บังคับบัญชาที่มีความประพฤติดี ตั้งอยู่ในธรรม 
 
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ
 
 
ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เราควรเคารพบูชาบุคคลเหล่านี้ แต่ๆๆ.... ไม่เห็นมีแม้วในนี้เลยล่ะ ทำไมควายทั้งหลายถึงบูชากันจัง  :huh:
 



#630874 นักศึกษาไม่มีกระดูกสันหลัง นิยมการหมอบคลาน

Posted by pop2518 on 7 March 2013 - 13:36

อืม ผมว่า มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนนะ

เทียบกัน ระหว่าง การที่คุณออกไป แล้วทำกร่าง แต่ไปพินอบพิเทา แม้จะไม่ต้องหมอบคลาน กับพวก สส โกงบ้านกินเมือง ทำงานรับใช้นายทุน ทำงานรับใช้ต่างชาติ

กับ การที่ นศ จบไป แล้วมีความเคารพในสถาบันหลักของชาติ และตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ผมว่า มีสง่าราศรีและเหมาะสมที่จะเรียกว่าบัณฑิต มากกว่าเยอะ




#627231 กลยุทธ "ตีเมืองขึ้น" ของไอ้แป๊ะ

Posted by คนกวาดขยะ on 5 March 2013 - 09:55

สิ่งที่น่าเสียใจและทุเรศน้ยส์ตาที่สุด
คือเมื่อคราวก่อนวันโหวต
2 พ่อลูกทำทุกทางเพื่อจะตัดคะแนน ปชป
แม้เมื่อเสรีอ่อนกำลัง ยังหันเหไปหาสุหฤทเพื่อเกาะกระแส
ไม่นับเรื่องการให้ถอนตัว
ไม่รู้จะมีใครเชื่อมันไปสักกี่ราย
คะแนน 2 ผู้สมัครอิสระถึงได้เพียงเท่านั้น

เมื่อผ่านวันโหวตกลับก้มเลียกลืนเสลตที่ขากถุยลงพื้น
กล้าพูดไปเสียได้ ว่าเพราะพันธมตรหันกลับมาเพราะกลัวแพ้

ถ้าพวกคุณกลัวแพ้และหันกลับมา
ตอนแรกคุณจะมาโจมตีกันทำหอกอะไรครับ
วันก่อน คุณบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าเลวพอๆ กัน
นี่คือความน่าอับอาย ที่สองพ่อลูกอาจไม่เข้าใจ

ขอโทษไปยังเพื่อนเสื้อเหลือง
ที่ผมต้องพูดดังนี้ เพราะรู้สึกทุเรศจนคันปากยิบๆ

ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า มีพันธมิตรที่เคยเชื่อแป๊ะด่า ปชป. กลับมาลงคะแนนให้เบอร์ 16 มากน้อยไม่รุ้

 

เพราะอดีตเคยเชื่อแป๊ะโหวตโนไปครั้งหนึ่งแล้วแต่กลับส่งผลตรงกันข้าม

 

กลุ่มนี้จึงหลุดพ้นจาก "พันธมิตรสายดักดาน" ซึ่งเราก็ต้องพยายามเปิดรับเขาหน่อย อย่างน้อยแม้เขาไม่ชอบ ปชป. แต่เขาก็"กลับมา"รักชาติอย่างมีสติ




#627582 เห็นกระทุ้นี้ในเฉลิมไทย-ราชดำเนิน หดหู่ใจมาก

Posted by คนบูรพา on 5 March 2013 - 13:14

ง่ายๆ.............ครับ

 

อย่าเข้าไปอ่านเลยครับ............เว๊ปฯ ศูนย์รวมพวก "สมองหมา........ปัญญาควาย" .........อย่างงั้น :P 

 

อ่านมากๆ..........กลัวโง่ตามพวกมันไปอีก....... :D 




#627309 ว่ากันด้วยเรื่องดราม่า"การศึกษา"กันอีกสักคำรบ

Posted by isa on 5 March 2013 - 10:41

จริงๆแล้วกุญแจของการเรียนรู้น่าจะเป็น "ปลุกจิตสำนึกให้ใฝ่เรียนรู้ - เรียนเพื่อรู้ - รู้เพื่อนำไปใช้จริง"
แต่ระบบการศึกษาปัจจุบันกลับเป็น "ท่องจำเพื่อเอาไปสอบ" ครับ

ผลของระบบการศึกษาแบบนี้ ก็เลยกลายเป็นว่า เราอัดความรู้เกินจำเป็นลงไปให้เด็กระดับประถมถึงมัธยมปลาย
ความรู้หลายๆอย่างที่สอนกันในระดับมัธยมนั้น จริงๆแล้วควรสอนกันในระดับมหาวิทยาลัยเป็นต้นไปเสียด้วยซ้ำ
ความรู้ที่อัดลงไปเกินจำเป็นจึงกลายเป็นการอัดให้เด็กท่องจำอย่างเดียว ท่องจำเสร็จแล้วทิ้ง เพื่อเคลียร์สมองรับข้อมูลใหม่
แทนที่จะนำความรู้ที่ใช้จริงมาสอน และฝึกฝนให้เด็กใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อที่เด็กที่จบการศึกษาสามัญภาคบังคับชั้นม.ปลาย
จะสามารถเข้าสู่ระบบงานได้ทันที เพื่อลดความจำเป็นในการศึกษาต่อระดับชั้นอุดมศึกษา และหากเด็กต้องการพัฒนาตัวเองต่อ
ก็สามารถจะศึกษาต่อในระดับสูง หรือไม่ก็จะหาความรู้เพิ่มเติมเฉพาะด้านได้จากแหล่งอบรมความรู้อื่นๆ
ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการศึกษาของเด็ก ทั้งด้านภาครัฐ และครอบครัวของเด็กเอง

ผลลัพธ์อย่างหนึ่งของการศึกษาแบบนี้คือทำให้เด็กไทยกลายเป็นคนที่ไม่ใฝ่ศึกษา ชอบแต่การป้อนถึงปาก บางครั้ง
ป้อนให้แล้วยังบ้วนทิ้งด้วยซ้ำ พอจบมาเป็นคนทำงาน ก็กลายเป็นพวกเสพสื่อแบบไม่มีความคิด ไม่รู้จักวิเคราะห์พิจารณา
และมองข้ามความจริงว่าการศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต ชีวิตก็เลยย่ำอยู่ที่เดิม
หรือบางคนอาจจะศึกษาเพิ่มเติม ก็เป็นไปในแง่การอัพวุฒิเพื่อหวังความก้าวหน้าทางตำแหน่งหรือเงินเดือน
ไม่ได้เกิดจากการใฝ่เรียนรู้จริง สิ่งที่เรียนรู้ไปก็ค่อนข้างจะสูญเปล่า

ปัญหาอีกอย่างก็คือ การศึกษายิ่งสูงขึ้น ก็ยิ่งเรียนรู้แคบลง การศึกษาแบบนี้เหมาะกับการสร้างคนออกมาเป็นนักวิชาการ
แต่ไม่เหมาะจะสร้างคนทำงาน คนทำงานที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างและหลากหลาย
ซึ่งหมายถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน ก็สามารถแชร์มุมมองร่วมกับคนต่างสายงานได้
เพื่อสะดวกในการทำงานเป็นทีมที่จะต้องนำผู้เชี่ยวชาญจากหลายๆฝ่ายมาร่วมกันผลักดันโครงการเดียวกันให้สำเร็จ
ในจุดนี้ การศึกษาไทยยังล้มเหลวอยู่ครับ กลายเป็นว่าคนยิ่งเรียนเก่ง ยิ่งมีปัญหาในการทำงาน
มีเพียงไม่กี่คนที่ก้าวข้ามอุปสรรคนี้สำเร็จ นอกจากนี้ สิ่งที่เรียกว่า "การยืมความรู้ข้ามสาย"
เพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง ก็เป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งการแก้ปัญหาของสายวิทย์ โดยยืมวิธีคิดแบบสายศิลป์ไปใช้
ก็กลายเป็นการแก้ปัญหาบางอย่างแบบไม่น่าเชื่อได้ ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของบ้านเรายังมองกันไม่เป็น
หรือบางครั้ง ในการแก้ปัญหาบางอย่าง ก็มองกันเฉพาะในมุมของตัวเองจนมองข้ามปัญหาอื่นๆ
เช่นพวกวิศวกรที่เสนอแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยการปล่อยน้ำผ่านกรุงเทพฯ
โดยไม่มีความคิดเรื่องปัญหาการบริหารจัดการบรรเทาทุกข์คนเป็นล้านๆอยู่ในหัวเลยนั่นเอง

ปัญหาการศึกษาไทยแบบท่องจำอีกอย่างที่คนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นกันก็คือ
ทำให้เพศหญิงที่การทำงานของสมองเอื้อต่อความจำมากกว่าเพศชาย ได้เปรียบอย่างมาก
จึงเบียดเด็กเพศชายออกไปจากการศึกษาระดับสูง ในระยะยาว
มันก็กลายเป็นปัญหาในการสร้างครอบครัว เพราะเรื่องการเลือกคู่
ผู้หญิงไทยจะเลือกชายที่ฐานะเสมอกับตัวเองขึ้นไป ดังนั้นแม้อัตราการเกิดจะไม่ต่างกันมากมาย
แต่ในระดับคนทำงานนั้น อัตราส่วนหญิงชายกลายเป็น 1 ต่อ 7
ซึ่งจะเป็นปัญหาให้มีคนโสดมากขึ้น มีการแต่งงานกับคนต่างชาติมากขึ้น มีอัตราการประพฤติชู้สาวเพิ่มขึ้น
และความเป็นอยู่ของประชากรจะห่างจากกันมากขึ้น ขณะที่ครอบครัวที่ประกอบด้วยชาย + หญิงที่มีการศึกษาสูง
จะมีมาตรฐานการครองชีพสูง ครอบครัวของชายที่ถูกกันจากระบบการศึกษาระดับสูงจะมีรายได้ต่ำ
มีคู่ครองที่รายได้ต่ำเช่นกัน หรือไม่มีรายได้เลย และประชากรบางส่วนที่หาคู่ไม่ได้
แม้จะยังช่วยสังคมในเรื่องภาษี แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือในด้านการผลิตประชากรรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพมารองรับสังคมอนาคตได้เลย...


#627675 ถึงเวลาแล้วยังที่เรื่อง จังหวัดดูแลตัวเอง ควรได้รับการผลักดัน

Posted by honglaksi on 5 March 2013 - 14:08

เห็นด้วย แต่คงเป็นได้แค่ฝัน

เพิ่มเติมนะครับ ลองเข้ไปอ่าน

 

ก้าวข้ามกับดัก Hamilton Paradox: สู่จังหวัดจัดการตนเอง

จรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: scharas@chula.ac.th

http://www.tpd.in.th...cle/8605ex1.pdf

บางที่แนวคิดนี้ อาจทำให้ทักษิณ เลิกยุ่งการเมืองไปเลยก็ได้ เพราะ ไล่ซื้อเสียงไม่ไหว กระจายหลายพื้นที่ ลงทุนมาก แต่ถ้าเป็นแบบปัจจุบันทักษิณชอบ ซื้อเสียงเลือกตั้งใหญ่ทีเดียว ยึดอำนาจประเทศได้เลย สมมุติลงทุน 50,000 ล้าน ออกนโยบายจำจำข้าว 2 ปีก็คุ้มแล้ว เพราะอำนาจ ภาษี งบประมาณ รวมศูนย์ที่เดียวคุ้ม 




#627460 ไปแอบฟัง กองเชียร์เพื่อไทย เค้าคุยกัน

Posted by Siren on 5 March 2013 - 12:07

เมื่อวาน แวะไปหาพี่ที่รู้จักกัน  เจอแก๊งค์คนรักทักกี้ กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่แบบอารมณ์บ่จอยสุด ๆ  มีแต่ เ...อี้.. 5..5.. เต็มไปหมด   ไม่สุนทรีย์หู  แต่อยากรู้ เลยหยุดฟัง...

 

คนที่ 1  ไอ้ 5 เอ๊ย...พงศพัศ มันแพ้ได้ไงวะ

คนที่ 2  เออว่ะ!  ไอ้ เ..อี้...  พวกเสื้อแดงมันไม่ช่วยลงคะแนนให้หรือไงวะ  สงสัยมัวแต่ไปเพลิดเพลินเป็นอำมาตย์กันอยู่

คนที่ 3  ไม่มั้ง   มันก็ช่วยแล้ว แต่คะแนนมันยังไม่พอ

คนที่ 2   สา..ด.. เอ๊ย..  มันจะไม่พอได้ไงวะ  มีตั้ง  15  ล้านเสียง  นี่พงศพัศ ได้มาแค่ล้านเดียว

คนที่ 1  เออ.. ไอ้พวกเสื้อแดงต่างจังหวัดทำไมมันไม่เข้ามาช่วยกันวะ

คนที่ 3  คราวนี้  เขาไม่ได้ให้คนต่างจังหวัดเลือกเว้ย  เขาให้แต่คนกรุงเทพฯ เลือก

คนที่ 2  นั่นไง!  กูว่าแล้ว  ให้แต่คนกรุงเทพฯ เลือก ***งง  สา..ด  ต้องเป็นฝีมืออำมาตย์แน่ ๆ อำมาตย์***งงสั่งให้เลือกได้แต่คนกรุงเทพฯ

 

 

ฟังแล้วแทบกลิ้งตกบันได ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ  :o  :o  :o 




#627557 ตรวจสอบชายหมูด้วย อย่าcrazyแต่ผลชนะเลือกตั้ง

Posted by Ricebeanoil on 5 March 2013 - 12:56

สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบนโยบายหนึ่งคือ ทำรถไฟฟ้าโมโนเรล เนี่ยแหละครับ

ควรเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าขนาดหนัก เพราะจำนวน กทม. คนเยอะ ไม่เหมาะกับรถไฟฟ้าขนาดเบา (ถ้าไปทำที่ภูเก็ตยังว่าไปอย่าง)

ถ้าทำรถไฟฟ้าขนาดหนัก สามารถใช้รถไฟฟ้า วิศวกร อะไหล่ ใช้ร่วมกันได้ ไม่ต้องรอส่งจากต่างประเทศ ไม่ต้องหาโกดังมาเก็บชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนมาก บลาๆ

/人= ‿‿ =.u人\

 

ปัญหาคือสัมปทานรถไฟฟ้าขนาดหนักครับ

รถไฟฟ้าขนาดหนักในประเทศไทยตอนนี้ มีเจ้าของโครงการ 2 รายครับคือ กทม. และรัฐบาล

โดย กทม. เป็นคนเริ่มก่อนในสมัย พล.ต.จำลอง ให้สัมปทานรถไฟฟ้าแก่บริษัทธนายง หรือ BTS ในปัจจุบัน

หลังจากนั้นรัฐบาลจึงเริ่มตามมาโดย รฟท. โดยมี รฟม. เป็นเจ้าของสัมปทาน

ซึ่งของ กทม. ได้อนุมัติแค่สายเดียวคือ สายสีเขียวในปัจจุบัน หลังจากนั้นสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายที่เกิดตามมาหรือจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะเป็นของ รฟม. ทั้งสิ้น

ดังนั้นถ้า กทม. จะสร้างระบบขนส่งของ กทม. เองก็ต้องพัฒนาระบบอื่นให้เชื่อมต่อกับ BTS แต่ต้องไม่ใช่รถไฟฟ้าขนาดหนัก เนื่องจาก กทม. ไม่มีสัมปทานอีกแล้ว

ดังนั้นเพื่อเลี่ยงบาลีเรื่องนี้ กทม. จึงต้องหันไปพัฒนารถไฟฟ้ามวลเบาหรือ monorail แทนครับ