Jump to content


กาลามชน

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 2 กรกฎาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
-----

#763836 อย่ายึดมักกะสันไปทำสวนเพียงเพื่อประโยชน์ของคนกรุง (บางส่วน)

โดย pornchokchai on 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 07:28

อรุณสวัสดิ์ครับ ผมเขียนบทความนี้เองครับ . . . ตอนนี้กระแสเอาที่ดินของรัฐวิสาหกิจมาทำสวน กำลังมาแรง ดูดี น่ารัก เขาว่าน้ำเชี่ยว อย่าเอาเรือเข้าขวาง จะกลายเปนคนดูไม่ดีได้ แต่ผมขออนุญาตขวาง มองต่างมุมเพื่อชาติหน่อยครับ



www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement518.htm

ที่ดินมักกะสันเอาไปทำสวนสาธารณะไม่ได้
ดร.โสภณ พรโชคชัย

          มีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มที่จะเอาพื้นที่โรงซ่อมรถไฟมักกะสันไปทำสวนสาธารณะ แนวคิดนี้คล้ายดูดี แต่จะหวังฉวยเอามาประเคนให้เฉพาะคนกรุงเทพมหานครแถบนั้น คงไม่เหมาะสมเช่นกัน

          พื้นที่โรงซ่อมรถไฟมักกะสันนี้มีขนาดเกือบ 400 ไร่ เป็นโรงซ่อมมานานและพื้นที่ส่วนมากถูกปล่อยรกร้างว่างเปล่ามานาน จนครั้งหนึ่งเคยมีผู้พบเห็นและสามารถจับเสือที่แอบซ่อนอยู่ในพื้นที่นี้ได้ แสดงว่าพื้นที่นี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาเท่าที่ควร จนต่อมาได้มีการก่อสร้างทางด่วนและถนนเข้าไปใสพื้นที่บางส่วนทางด้านข้าง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนับเป็นทำเลทองสำคัญเพราะด้านทิศเหนือติดกับทางด่วน ด้านทิศตะวันออกติดกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (รถไฟฟ้า MRT) และทางด้านทิศใต้ติดกับรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi Airport Rail Link, Airport Rail Link)

          การรถไฟแห่งประเทศไทยมีแนวคิดที่จะนำที่ดินแปลงนี้มาจัดประโยชน์ในเชิงธุรกิจ แต่ก็ถูกคัดค้านอย่างหนักจากกลุ่มนักอนุรักษ์ นักรักพื้นที่สีเขียว ฯลฯ เป็นจำนวนมาก อันที่จริง การแก้ปัญหาการขาดทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่สมควรจะแก้ไขโดยการหากำไรจากทางอื่นมาโปะเพื่อตัดหรือลดการขาดทุน การขาดทุนเกิดขึ้นจากการทุจริต การบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ การตัดการขาดทุนด้วยวิธีนี้ ก็เท่ากับเป็นการรักษาไว้ซึ่งระบบการทุจริตหรือไม่ได้แก้ไขปัญหาทุจริต

          การนำที่ดินแปลงนี้ไปทำสวนสาธารณะนั้นเป็นแนวคิดที่ดูคล้ายจะดี เพราะทำให้กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น กรุงเทพมหานครเองก็มีพื้นที่สีเขียวอยู่น้อยมาก  ขนาดว่ากรุงเทพมหานครนำเอาที่หนองบึง สวนสาธารณะในหมู่บ้านจัดสรร ค่ายทหาร พื้นที่สีเขียวบนเกาะกลางถนน ฯลฯ ไปนับรวมแล้ว ประชากรกรุงเทพมหานครยังมีพื้นที่สีเขียวเพียง 4.6 ตารางเมตรต่อคนเท่านั้น การเคลื่อนไหวของผู้คนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ก็ดูศิวิไลซ์ น่ารักน่าชังที่ต่างเห็นแก่สิ่งแวดล้อม เห็นแก่เมือง เห็นแก่ส่วนรวมกัน

          อย่างไรก็ตาม การที่คิดจะเอาพื้นที่นี้ไปทำสวนสาธารณะก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำเช่นกัน สิ่งที่พึงเข้าใจก็คือที่ดินแปลงนี้ไม่ใช่ของชาวกรุงเทพมหานคร เป็นของประชาชนทั่วประเทศโดยรวมที่ถือครองโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประชาชนเจ้าของประเทศทุกคนเป็นเจ้าของโดยการดูแลของรัฐบาล หากชาวกรุงเทพมหานครจะถือวิสาสะ เอาที่ดินแปลงนี้ไปเป็นสาธารณะเพื่อประโยชน์ของตน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้พื้นที่นี้แล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทบทวนเป็นอย่างยิ่ง

          ที่ดินแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แถวสี่แยกอโศกแถวขนาดไม่เกิน 10 ไร่นั้น หากเป็นของเอกชนก็จะขายได้ ณ ราคาตารางวาละ 600,000 บาท หรือไร่ละ 240 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ถ้าที่ดินแปลงนี้ที่มีขนาด 400 ไร่ หักแบ่งเป็นถนนและสาธารณูปโภคอื่นสัก 40% ก็จะเหลือที่ดิน 240 ไร่ที่จะขายได้ แต่โดยที่ที่ดินแปลงนี้ไม่ได้ติดถนนใหญ่ปัจจุบัน ราคาอาจลดหย่อนกว่าปกติประมาณ 30% ดังนั้นจึงน่าจะมีราคาตลาด (หากขายได้) เป็นเงินไร่ละ 168 ล้าน รวม 240 ไร่ ก็จะเป็นเงินถึง 40,320 ล้านบาทเข้าไปแล้ว

          โดยนัยนี้ ประชาชนไทยโดยรวม จะยอมยกที่ดินที่มีมูลค่าสูงเท่านี้ประเคนให้คนกรุงเทพมหานครไปใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โดยที่ตนเองอาจได้มีโอกาสไปนั่งเล่นบ้างชาตินี้สักหนสองหน หรือในอีกทางหนึ่ง คนกรุงเทพมหานครจะ "กลืน" ที่ดินแปลงนี้ซึ่งเป็นของคนไทยทั้งชาติได้ลงคอเชียวหรือ หรือแม้หากกรุงเทพมหานครจะเจียดเอางบประมาณแผ่นดินที่เก็บจากภาษีของคนกรุงเทพมหานครมาซื้อ คนในกรุงเทพมหานครที่อยู่ในเขตที่ห่างไกลออกไปก็อาจไม่ยินยอมพร้อมใจให้ซื้อก็ได้ เพราะตนก็จะได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าไปด้วย

          ในที่นี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงเสนอทางออกให้มาที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หอประชุม-สัมมนา โรงแรม ที่พักอาศัยให้เช่าระยะยาว ฯลฯ โดยใช้พื้นที่เพียง 60% ของที่ดินทั้งหมด (240 ไร่จากประมาณ 400 ไร่)

          พื้นที่ส่วนที่เหลือ นอกจากเป็นถนนและสาธารณูปโภคต่าง ๆ แล้ว ยังอาจเป็นสวนสาธารณะรอบ ๆ พื้นที่ก่อสร้างอาคาร เพื่อเพิ่มมูลค่าของที่ดิน และควรประสานกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้าทั้งสองสายเพื่อเชื่อมสถานี ตลอดจนการจัดทำรถไฟฟ้ามวลเบา (Light Rail / Monorial) วิ่งอยู่ภายในโครงการเพื่อลดปัญหามลพิษอีกด้วย หากจัดการให้ดี ราคาที่ดินที่คาดว่าจะได้รับเป็นเงินไร่ละ 168 ล้านบาท หรือ 70% ของราคาตลาด ก็อาจได้รับรู้มูลค่าสูงกว่านี้ ทำให้โครงการมีความเป็นไปได้ทางการเงินมากกว่านี้เสียอีก

          โครงการนี้ไม่พึงให้เอกชนรายใดรายหนึ่งประมูลไปทำแบบเหมาเข่ง ควรจัดสรรแปลงที่ดินตามแผนแม่บทให้เรียบร้อยแล้วแยกประมูลเป็นแปลงย่อยไป และควรทำสัญญาให้รัดกุม หากเอกชนรายใดไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามกำหนด ก็สามารถเปลี่ยนรายใหม่ได้ โดยไม่กลายเป็นปัญหาเช่นที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกรณีโครงการโฮปเวลล์ เป็นต้น 

          และโดยที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่ดิน หรือแม้แต่หน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจอื่นใดที่ครอบครองที่ดินอยู่แล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ควรคืนหลวง ให้กรมธนารักษ์ โดยบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์เป็นผู้ดำเนินการ โดยยกระดับหน่วยงานนี้ให้เป็นหน่วยงานที่ชำนาญการพัฒนาที่ดิน เช่นเดียวกับ Urban Redevelopment Authority ของประเทศสิงคโปร์

          รัฐบาลพึงนำรายได้ที่ได้จากการนี้มาพัฒนาประเทศโดยรวม จึงจะเหมาะสมกับที่ดินแปลงนี้เป็นสมบัติของประชาชนทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม บางท่านอาจเกรงว่ารัฐบาลที่ขึ้นมาบริหารประเทศ (ไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม) จะโกง กรณีการโกง หน่วยงานที่ตรวจสอบหรือคณะบุคคลที่อาสาตรวจสอบ ก็ต้องตรวจสอบเป็นเรื่อง ๆ ไป แบบ "กัดไม่ปล่อย" จะอ้างเอาการทุจริตขึ้นมาเพื่อจะได้ไม่ต้องทำอะไร ประเทศก็ไม่พัฒนา แล้วปล่อยให้เกิดการ "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" จากทรัพยากรของประเทศโดยรวม ก็ย่อมไม่ได้

          การจัดการที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมจริง ๆ ต้องมองให้ไกลกว่าปลายจมูก




#766714 ขอหลักฐานเสื้อแดงเผา CTW ด่วน ที่ผ่านมาไม่มี ศาลเลยปล่อย!

โดย pornchokchai on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:13

http://www.krobkruak...ทรัลเวิลด์.html   ศาลยกฟ้อง 2 เยาวชนเผาเซ็นทรัลเวิลด์

 

 

 

 

 

วันพุธ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555
 
SMS ข่าวช่อง 3
www.krobkruakao.com
เกาะติดทุกสถานการณ์ข่าว ที่แม่นยำ ฉับไว จากทีมข่าวมืออาชีพ ช่อง3 ทุกวัน ราคา 7 บาท/สัปดาห์

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ยกฟ้องเยาวชน 2 คน ที่ร่วมกันเผาห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงการชุมนุมทางการเมือง ปี 53 เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยาน

วันนี้ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน เป็นจำเลยฐานร่วมกันวางเพลิงเผา ห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 จนเป็นเหตุให้ นายกิติพงษ์ สมสุข ซึ่งอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ถึงแก่ความตาย

โดยศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 2 คน เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานที่ระบุว่า จำเลยกระทำผิด และจากการสืบพยานที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จำเลยทั้ง 2 คนเป็นผู้ก่อเหตุ ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง

สำหรับคดีร่วมกันวางเพลิงเผาห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ ยังมีนายสายชล แพบัว อายุ 29 ปี และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 27 ปี ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตกเป็นจำเลยในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้าจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตร่วมด้วย โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาลอาญากรุงเทพใต้

ส่วนคดีที่เกี่ยวกับห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ แยกเป็นคดีความผิดฐานปล้นทรัพย์ กับคดีความผิดเกี่ยวกับการวางเพลิง โดยคดีปล้นทรัพย์ มีจำเลย 7 คน ศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งยกฟ้องจำเลย 6 คน และได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำไปแล้ว เนื่องจากยังไม่มีทรัพย์สินของกลางที่ยืนยันว่าจำเลยทั้งหมดเป็นผู้กระทำความผิด มีเพียงนายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม จำเลยที่ 3 ที่ถูกพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี

 




#766715 ขอหลักฐานเสื้อแดงเผา CTW ด่วน ที่ผ่านมาไม่มี ศาลเลยปล่อย!

โดย pornchokchai on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:14

ศาลยกฟ้อง2โจ๋ เผาเซ็นทรัลเวิลด์ พยานไม่พอ-สั่งปล่อยตัว
 
 

 

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษายกฟ้อง 2 โจ๋เผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงชุมนุมของ นปช. เนื่องจากเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ และไม่มีพยานเห็น 2 โจ๋เป็นคนเผา...

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.55 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวเป็นโจทก์ฟ้อง นายเพชร นามสมมติ อายุ 16 ปี และนายพลอย นามสมมติ อายุ 17 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันวางเพลิง เผาทรัพย์โรงเรือน อันเป็นสถานที่เก็บสินค้าของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 จำเลยทั้งสองร่วมกับนายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยในความผิดฐานเดียวกัน ที่ถูกยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีหมายเลขดำ ด.2478/2553 ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนี บุกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเผาอาคารดังกล่าว เป็นเหตุให้นายกิติพงศ์ สมสุข ถึงแก่ความตายภายในอาคาร ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิด พิพากษายกฟ้อง

นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความจำเลย กล่าวว่า ศาลเห็นว่าคำเบิกความของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กทม. และเจ้าหน้าที่ รปภ. ที่เป็นประจักษ์พยาน ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเห็นจำเลยทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจค้นตัวหลังถูกจับกุมก็ไม่พบของกลางที่ใช้วางเพลิงแต่อย่างใด นอกจากนี้ภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไม่ปรากฏภาพของจำเลยทั้งสองอยู่ในเหตุการณ์ กอปรกับจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เพียงแค่หลบหนีเข้าไปในห้างด้วยความหวาดกลัวจากการสลายการชุมนุม จากนี้ต้องรอดูว่าอัยการจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ โดยไม่คิดฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขอเรียกร้องให้มีการเยียวยาเยาวชนทั้งสอง เพราะระหว่างต่อสู้คดีต้องลาออกจากงานเพื่อเดินทางมาขึ้นศาล ทำให้สูญเสียรายได้.

 

 

 
 
 
 
 




#766716 ขอหลักฐานเสื้อแดงเผา CTW ด่วน ที่ผ่านมาไม่มี ศาลเลยปล่อย!

โดย pornchokchai on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:15

พิพากษายกฟ้อง 2 นปช.เผาเซ็นทรัลเวิล์ด
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2556 เวลา 22:47 น.
192939.jpg
0.jpg
192939.jpg0.jpg
 

พิพากษายกฟ้อง 2 นปช. คดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลชี้พยานอัยการยังไม่ชัด ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ ไม่สั่งขังระหว่างอุทธรณ์ ขณะที่ศาลพร้อมออกหมายปล่อย
 

วันนี้ ( 25 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 405 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาวางเพลิงเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด คดีหมายเลขดำ ด. 2478/2553  ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสายชล แพบัว อายุ 31 ปี ชาว จ. ชัยนาท การ์ด นปช. และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 29 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2  ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 ก.ย.53 บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวก ร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมกัน บริเวณสี่แยกราชประสงค์ กทม. ซึ่งอยู่ในระยะเวลาที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และได้เข้าไปในบริเวณอาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ใช้กำลังทำลายบานกระจก ผนังอาคารบานกระจกประตู อาคารเซ็นทาวเวอร์ อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ จนแตกเสียหายเป็นการกีดขวางการจราจร ขัดขวางต่อการประกอบกิจการของห้าง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียหายและเกรงกลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันเข้าไปภายในบริเวณอาคารเซ็นทาวเวอร์ และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ที่เป็นทรัพย์โรงเรือนที่เก็บสินค้าของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

 

และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ ลุกลามเผาอาคารเซ็นทาวเวอร์ และไฟไหม้เผาทรัพย์สินต่างๆของผู้เสียหาย ที่มี 270 ราย รวมค่าเสียหาย 8,890,578,649.61 บาท และเป็นเหตุให้ นายกิติพงษ์ หรือกิตติพงษ์ สมสุข ที่อยู่ภายในอาคารดังกล่าวถึงแก่ความตาย  เหตุเกิดที่แขวง- เขตปทุมวัน กทม. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  33,83,91,217,218,224 และ พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 4,5,9,11,18 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ลงวันที่ 7 เม.ย.53 และประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม ลงวันที่ 8 เม.ย.53 ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ     

 

โจทก์นำสืบว่า ระหว่างมี.ค.-พ.ค.53 กลุ่ม นปช.ได้จัดชุมนุมทางการเมืองที่แยกราชประสงค์เขตปทุมวัน กทม. ซึ่ง มีผลทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าไปซื้อสินค้าและบริการภายในห้างสรรพสินค้าเซนและเซ็นทรัลเวิล์ดที่ได้ปิดบริการชั่วคราวแต่ยังจัดให้มีการรักษาความปลอดภัย 24 ชม.เพื่อดูแลความเรียบร้อยรวมทั้งป้องกันเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยหลังจากที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุมแล้วได้มีกลุ่มคนร้ายใช้ไม้และเหล็กทุบกระจกเข้าไปในห้างเซน และใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่บรรจุน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจุดไฟแล้วโยนเข้าไปในบริเวณชั้น 1 ของห้างซึ่งเป็นแผนกเครื่องสำอางน้ำหอมและเสื้อผ้าทำให้เพลิงไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้ รปภ.ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ เป็นเหตุให้นายกิติพงษ์ หรือกิตติพงษ์ สมสุข ถึงแก่ความตาย ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์พบว่าสำลักควันและขาดอากาศหายใจ

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มี รปภ.ซึ่งเป็นประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์และถ่ายภาพจำเลยที่ 1 ขณะถือถังดับเพลิงสีเขียวของห้างไว้ได้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 พ.ค. เบิกความ เห็นจำเลยกับกลุ่มคนร้าย 5-6 คน ใช้ไม้ทุบกระจกเข้ามาภายให้ห้างซึ่งตนเกิดความหวาดกลัวจึงได้หลบไปอยู่ชั้น 3 ระหว่างนั้นได้ถ่ายภาพจำเลยไว้ด้วย ขณะที่ พงส.สน.ชนะสงคราม ได้ขอหมายศาล จับกุมจำเลยที่ 1 ได้ที่สนามหลวงหลังเกิดเหตุ ซึ่งได้พูดคุยกับจับเลยที่ 1 แล้วไม่ได้ขัดขืนการจับกุมและยอมให้การแต่โดยดีว่าเป็นคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของศาล ขณะที่ พงส.สน.ปทุมวันเบิกความว่า หลัง ตำรวจ สน.ชนะสงครามส่งตัวจำเลยมาให้ ซึ่งในพยานซึ่งเป็น รปภ.ชี้ตัวได้ถูกต้องถึง 2 ครั้ง ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 รับว่าอยู่ในที่เกิดเหตุแต่ไม่ใช้ผู้กระทำผิด ส่วน พงส.ดีเอสไอ เบิกความ หลังจากที่ได้รับคดีนี้มาเป็นคดีพิเศษ จำเลยที่ 1 ได้ให้การใหม่ว่า ขณะเกิดเหตุขายซีดีอยู่ที่ห้างอิมพีเรียลเวิร์ล อ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ เขียนได้เฉพาะชื่อตนเอง

 

ศาลเห็นว่าแม้โจทก์มีพยานเป็น รปภ.ซึ่งเป็นผู้ถ่ายภาพของจำเลยที่ 1 ได้ในที่เกิดเหตุ แต่ก็อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 30 เมตร และเห็นเพียงว่าจำเลยที่ 1 ถือถังดับเพลิง ซึ่งไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะใช้ในการวางเพลิง แม้จะอนุมานไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 จะเข้าไปช่วยดับเพลิงหรือไม่ ประกอบกับพยานโจทก์ปากนี้ก็ไม่สามารถตอบคำถามทนายจำเลยได้ว่าเห็นจำเลยที่ 1 เป็นผู้วางเพลิงหรือไม่ นอกจากนี้โจทก์ยังไม่มีพยานปากอื่นที่จะมาเบิกความชี้ชัดถึงพฤติการณ์จำเลยที่ 1 ในการวางเพลิงหรือสนับสนุนการวางเพลิงแต่อย่างใด นอกจากภาพถ่ายเพียงใบเดียวที่แสดงให้เห็นเพียงช่วงเวลาหนึ่ง แต่ไม่มีใครเห็นว่าจำเลยที่ 1 จะทำอย่างไรต่อไป พยานโจทก์จึงยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายที่ร่วมทำผิดในคดีนี้หรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

 

ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น โจทก์มีพนักงานห้างเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุเห็นคนร้ายประมาณ 40-50 คน มีชาย 4-5 คน เดินนำหน้าใช้หนังสติ๊กยิงใส่เป็นระยะพนักงานจึงหลบหาที่กำบัง และเห็นชายชุดดำลายพรางสวมหมวกปีก ใช้ระเบิดโยนใส่มีคนเจ็บ 9 คน  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายภายในห้างได้จำนวน 9 คน มีจำเลยที่ 2 รวมอยู่ด้วย จึงพาไปคุมตัวที่ลานจอดรถ 

 

อย่างไรก็ตามคำเบิกความของพยานโจทก์กลุ่มนี้ที่สามารถจดจำรูปพรรณสัณฐานจำเลยที่ 2 ได้ตรงกันหมด ยกเว้นเพียงสีเสื้อที่ไม่ตรงกับภาพที่ปรากฏ ทั้งที่ระหว่างนั้นพยานต้องคอยหลบลูกหินที่กลุ่มคนร้ายยิงเข้าใส่ อีกทั้งพยานอยู่ห่างไปกว่า 30 เมตร นั้นน่าสงสัยว่าจะสามารถจำคนร้ายได้จริงหรือไม่ นอกจากนี้โจทก์ยังไม่นำเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมจำเลยที่ 2 มาเบิกความถึงการจับกุมจับจำเลยว่าจับกุมได้ที่ชั้นไหน มีวัสดุหรืออุปกรณ์ หรือมีร่องรอยหลักฐานตามตัวในการวางเพลิงหรือไม่อย่างไร พยานโจทก์ที่นำสืบมานั้นยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 2 จะกระทำผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

ส่วนที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯนั้น เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 จะให้การปฎิเสธในภายหลังว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จากคำให้การของจำเลยที่ 1 ในชั้นจับกุม ซึ่งให้การไม่นานหลังเกิดเหตุ ว่าเข้าไปในห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุเนื่องจากได้รับคำสั่งจากหัวหน้าการ์ด นปช.ให้เข้าไประงับเหตุ ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ห้ามชุมนุม ประกอบกับพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงเชื่อว่าคำให้การไม่ใช่การให้ร้ายจำเลยเพื่อให้รับโทษ ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ในภายหลังจึงไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเวลา 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกเป็นเวลา 9 เดือน

 

ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นเนื่องจากพนักงานอัยการได้เคยยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ในอีกคดีหนึ่งของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาแล้วเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อเดือน ธ.ค.54 ซึ่งพฤติการณ์ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุคดีนั้นเกี่ยวพันกับคดีนี้ ถือเป็นความผิดกรรมเดียว จึงไม่สามารถนำคดีมาฟ้องให้ศาลลงโทษได้อีก พิพากษายกฟ้อง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาแล้วได้อธิบายให้จำเลยฟังว่า จำเลยถูกคุมขังมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ซึ่งเกินกว่าระยะเวลาที่ศาลลงโทษจำคุกแล้ว และศาลไม่ได้มีคำสั่งขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ จึงจะออกหมายปล่อยจำเลยจากเรือนจำภายในวันนี้ ขณะที่ศาลชี้แจงด้วยคดีนี้ถือว่ายังไม่สิ้นสุด โดยอัยการโจทก์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้

 

 

http://www.dailynews...th/crime/192939




#668292 “ยิ่งลักษณ์” รอด! ป.ป.ช.ยกคำร้องคดีปล่อยกู้ผัวนอกสมรส 30 ล้าน

โดย RiDKuN_user on 5 เมษายน พ.ศ. 2556 - 09:30

จำไว้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน

 

ช่วงนี้การข่าวสลิ่มคุณภาพลดลงนะ ข่าวเต้ามีเยอะขึ้น ข่าวจริงมีน้อยลง

 

ปปช. ยกคำร้อง แปลว่าเป็นข่าวเต้าเหรอครับ

เมาอะไรมารึเปล่า :mellow:




#615472 รัก ปชป เลือก 17 เป็นผู้ว่า!!

โดย Leeporter ขี้แพ้ on 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 19:47

หากคุณๆ ที่เป็นกาฝาก ปชป ยังงงๆ และไม่เข้าใจที่เที่ยวนี้มีผู้คนมากมายจะเปลี่ยนไปเลือกสุหฤท ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง อ่านกันเอาเองครับ ว่าเหตุใดเขาจึงคิดตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

http://jarpichit.dra...dict.com/?p=112

:-)


#616063 The Lesser Evil

โดย Leeporter ขี้แพ้ on 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 09:17

อยากจะเสริมอีกหน่อยว่า

นอกจากอภิสิทธิ์จะเป็นทรัพย์สินอันมีค่าของพรรคเพื่อไทยแล้ว

เพื่อไทยยังมีทรัพย์สินอันมีค่าอีกอย่างคือกองเชียร์อันบ้าคลั่งของ ปชป

:-)


#614616 จิตตนาถใกล้บ้าแล้ว "ถ้าประชาธิปัตย์ชนะคนกรุงเทพฯจะได้อะไร ตนว่าคนกรุงเทพฯ...

โดย Leeporter ขี้แพ้ on 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 09:53

http://www.manager.c...D=9560000023960

คุณเข้าไปฟังจิตตนาทเขาวิเคราะห์ให้จบ ด้วยใจสงบๆ หน่อย พยายามอย่าไปมีอคติกับจิตตนาทเสียก่อน คุณจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

คะแนนของ ปชป ที่ลดลงฮวบๆ ขึ้นอยู่กับพวกกาฝากอย่างพวกคุณนั่นแหล่ะ

อย่าไปโทษคนที่เขาไปเลือกอิสระเลย


#614613 จิตตนาถใกล้บ้าแล้ว "ถ้าประชาธิปัตย์ชนะคนกรุงเทพฯจะได้อะไร ตนว่าคนกรุงเทพฯ...

โดย Leeporter ขี้แพ้ on 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 09:50

   อีกอย่างคือการที่ผู้สนับสนุนเที่ยวไปข่มขู่ผู้สมัครอิสระทางสังคมออนไลน์ จนเกิดแรงต้านทางสังคมออนไลน์เยอะมาก พวกที่เคยร่วมกับเสื้อหลากสีที่ส่วนใหญ่เป็นพวกฟีลกู๊ด ก็กลายเป็นเทความนิยมให้ผู้สมัครอิสระหมดเลย ถือว่าประชาธิปัตย์เพลี่ยงพล้ำมาก
       
       โพลหลายๆสำนักอาจไม่ถูกต้อง แต่หากพล.ต.อ.พงศพัศ คะแนนนำจริงก็ไม่แปลก เพราะคะแนนประชาธิปัตย์ดิ่งด้วยตัวเอง แล้วจะเห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดงเงียบๆไปหมด ตอนนี้เลยทำให้เพื่อไทยได้เปรียบอยู่ ฉะนั้นคนที่จะช่วยให้ประชาธิปัตย์ชนะไม่ใช่คนที่ดูเอเอสทีวี ไม่ใช่พลังเงียบ แต่คือเพื่อไทย อย่าทำอะไรเฟอะฟะออกมา แล้วคนจะหมั่นไส้หันไปเทให้ประชาธิปัตย์

นั่นแหล่ะที่ผมเรียกแม่ยกพวกนี้ว่ากาฝาก ปชป เพราะมันไม่ได้เคยช่วยหาอาหารให้ host มันคอยแต่ดูดอาหาร/น้ำเลี้ยงออกไปจาก host

แต่มันคิดว่าตัวมันเองเป็น host

ผมบอกมาหลายวันให้มันเงียบๆ มันยังไม่รู้ตัวอีก

ก๊าก


#605491 ผู้นำที่ดีที่สุดของไทย อันดับ 4 ของโลก...ไม่ธรรมดาจริงๆ ผู้ชายคนนี้

โดย Jagger on 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 00:32

ฮากระทู้นี้ เอาข่าวปลอมในเน็ทมาจุดกระแส Foreign Policy ไม่เคยจัดอันดับอภิสิทธิ์ว่าเป็นผู้นำที่ดีที่สุดครับ คนที่ปล่อยข่าวนี้มันจัดอันดับเอง แล้วเอามามั่วรวมกับข่าวจริงที่FPเคยจัด Bad Exes ทำเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ คนปล่อยข่าวนี้มันเก่งนะ ดักควายไปปล่อยข่าวต่อได้เยอะดี  แต่ความจริงForeign Policy จัดอันดับอภิสิทธิ์ติดหนึ่งในห้าผู้นำที่พาชาติล่มจม   


 

The List: Five Governments That Deserve to Fail

 

A number of leaders around the world are on the ropes right now. That's not necessarily a bad thing.

 

The leader: Prime Minister Abhisit Vejjajiva



 

Why he's got to go: Politicking when he should be governing. Aiding the poor through the downturn should be a bigger priority than scrapping with rivals.



 

The story: Thailand has been in a state of political turmoil since 2006, when a military coup ousted then Prime Minister Thaksin Shinawatra. Ever since, Thaksin, a wealthy businessman with strongly populist tendencies, has continued to broadcast potent political messages to his supporters in the country.


For the past month or so, up to 100,000 "red shirt" protesters who support Thaksin have rallied against Abhisit and periodically forced Bangkok to shut down. This month, protesters forced the government to call off a summit of leaders from the ASEAN trade bloc -- a tremendous embarrassment for Abhisit -- and provoked a military response that left two dead.


In all likelihood, Thaksin's Keynesian economic policies would benefit Thailand more than Abhisit's. But regardless of which man seizes power, one thing is certain: Their perpetual infighting has severely harmed the country. An Asian Development Bank economist said political turmoil may cause the economy to contract 5 percent this year, revising his estimate from 2 percent. If neither of the two men can gain control and provide peace, at least they should find a way to protect the Thai economy instead of driving away foreign investment, tourism, and assistance.

 

http://www.foreignpo...deserve_to_fail

 

 

:D  :D  :D  :D  :D  




#607146 สุดงง!พระว.วชิรเมธี ไม่ได้สมณศักดิ์เช่นพระพายัพ

โดย Jagger on 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 12:07

ผลงานจากการบวชมาแล้วกว่า 20 ปี?

 

59187.jpg




#534049 ผมพอเดาทางได้แล้วประเด็นต่อไปที่พวกเสื้อแดงจะเล่นงานอภิสิทธิ์คือ..

โดย Jagger on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 06:45

การแพ้การเลือกตั้งเป็นเรื่องปรกติ แต่การไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยการดิสเครดิสการเลือกตั้ง การดูถูกประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ การเอางูเห่าเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลทั้งๆที่แพ้การเลือกตั้ง การสนุบสนุนการใช้อำนาจนอกระบบมาโค่นล้มรัฐบาล เป็นเรืองที่น่าประณาม และทำลายประเทศไทยจนทำให้มีผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายกันมากมาย มันต้องแยกกันให้ออกครับ


#513176 กำลังตำรวจ-ทหารที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล

โดย hentai on 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:56

เรียกแล้วไม่มา....
โทรแล้วไม่รับ....


ผม เดิน ลงกระได ดีกว่า.. :D


#513287 ทหารออกมาช่วยเมื่อไร ปชต ที่แท้จริงเกิด !!

โดย best on 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:58

ถ้าไม่คิดอะไรล่วงหน้าเลย นั่นมันเป็นวิธีของคนโง่แล้ว

การที่เขาถามว่า ถ้าพวกที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลชนะจะด้วยวิธีอะไรก็ตามเถอะ แล้วหลังจากนั้นจะทำยังไง ก็เพราะมันเป็นประเด็นสำคัญที่พวกคุณต้องตอบให้ได้ ไม่ใช่บอกว่ายังคิดไม่ออก แบบนั้นมันปัญญาอ่อนแล้ว คนที่เขามีสมองใครมันจะออกมาร่วมด้วยแม้กระทั่งคนที่เขาเลือกข้างเดียวกับคุณก็ตาม

ในเมื่อยังต้องการการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่เอาเลือกตั้งเพราะรู้ว่ายังไงพรรคที่เกลียดก็จะกลับมาอีก จะแช่แข็งนักการเมืองชั่ว จะเอาคนดี แต่พอถามว่ามีวิธียังไง ก็ตอบไม่ได้ แล้วยังมาบอกว่าไม่ต้องถาม เอาไว้คิดตอนหลังจากสำเร็จแล้ว แบบนี้มันไร้สมองชัดๆ


#513140 ชัยชนะของม็อบเสธอ้าย ความพ่ายแพ้ของปู เรื่องใหญ่นะนั้น

โดย hentai on 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:34

ฝ่านมา ก็ 3 วัน ยังปลอบประโลม ด้วยการ สะกดจิต กันอยู่อีก... แสดงว่า อาการหนัก...

เจ้าตัวเอง ก็ยอมรับเองว่าแพ้... แต่กองเชียร์ที่ อารมค้าง กลับ วิแคะกลับหน้ากลับหลัง เป็น ชนะไปได้...
เข้าท่า...


ถ้าใช้ตรรกแบบนี้... อย่าไปว่าเสื้อแดงเค้า ที่เค้าว่า... คุณปู ตอบอภิปรายได้ครบถ้วนแบบนักบริหาร.. นะครับ..
เพราะ ดูแล้ว... มันไม่ต่างกัน
:D