Jump to content


gobura

Member Since 11 December 12
Offline Last Active 30 May 14 11:45
-----

#573312 มันบ้าไปแล้ว! ช่อง 3 ฉาวอีก ดูดเสียง “รัฐบาล” ในละครตลกล้อเลียน “พรมผืนแรก”

Posted by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 18 January 2013 - 19:08

ไหนๆ พวก 10 โพสต์มันมาแล้ว  ถือว่าเล่าให้พวกขี้าข้าทักษิณฟังเอาบุญนะ

ผมก็ประกาศไปเลยละกัน  

 

คือเพิ่งได้นั่งกินข้าวรวมหมู่คนสื่อ และ สส.เดโมแครตสายฮิลลารี คลินตันมาเมื่อ 2 วันก่อน

พวกพี่ๆเพื่อนๆเลยเล่าให้สส.ทั้งสองท่านฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองไทย

 

เรื่องแรก-ละครเหนือเมฆโดนไอ้โอ๊คแบนครับ  ไอ้โอ๊คดูละครแล้วโทรไปฟ้องแม่กระบัง แม่กระบังเลยสั่งให้ระงับ

 

เรื่องสอง-ผู้ประกาศข่าวที่ปัจจุบันนี้อยู่ช่องทีวีประชาชน  เราเจอกันบ่อยแต่ไม่เคยคุยกันเลยว่าเราสีไหน

วันนั้นเขาก็เล่าเปิดใจเลยว่าตอนที่ทักษิณคุมไอทีวี  แล้วเทมาเส็กซื้อหุ้น เขาก็อ่านข่าวตามปกติ

ในข่าวมีประเด็นนี้ต้องอ่านด้วย  แต่พอกำลังจะเข้าเบรค  มีเสียงสั่งเข้า earphone ในหูเขาว่า "ห้ามอ่านข่าวนี้ ให้พูดแค่ราคาหุ้นไปเรื่อยๆ"

สาเหตุคือ ผู้ใหญ่สั่งมา

 

เท่าที่ผมสัมผัส คนไอทีวีตอนนั้นแบ่งเป็น 2 ฟากครับ  ฟากบูชาพวกทักษิณและนิวัฒน์ธำรงมาก

เช่น จอม ฐาปนีย์ และทีมงานหลายๆคนที่ผมรู้จักและเคยทำงานด้วย เป็นต้น

กับฟากเกลียดพวกทักษิณเยี่ยงขี้  เช่น เพื่อนผมคนนี้

 

เรื่องสาม-อันนี้หมาดๆ  

รุ่นพี่ผมเพิ่งไปบรรยายรายการสดเกี่ยวกับบันเทิงฮอลลีวู้ดให้กับช่องหลายสี  

เขาพูดข้อมูลออกอากาศเพื่อเป็นความรู้ว่าดาราฮอลลีวู้ดสามารถสนับสนุนนักการเมืองได้อย่างเปิดเผย  จะเป็นริพับลิกันหรือเดโมแครตก็ได้

และนักการเมืองสหรัฐก็อาศัยความดังของดาราเป็นฐานเสียง ไม่มีใครต่อว่าว่าไม่เป็นกลาง

ผิดกับบ้านเราที่ดาราไม่สามารถพูดเรื่องการเมืองได้เลยจะดับทันที

แล้วก็เล่าข้อมูลเรื่องทีมกลยุทธ์ที่ถูกพรรคริพับลิกันวางตัวให้มาช่วยติวความรู้ให้กับผู้หญิงอ่อนหัดอย่างซาราห์เพลิน 

เล่าว่าหัวหน้าทีมคนนี้เพิ่งให้สัมภาษณ์ออกทีวีไม่นานมานี้ว่า ตนเสียใจที่ต้องทำหน้าที่ดันให้ผู้หญิงคนนี้มาบริหารประเทศ 

(ประมาณนั้น)

 

ปรากฏว่าเขาโดนเสียงโปรดิวเซอร์สั่งในหูฟังว่า "ห้ามพูดเรื่องการเมือง"

และหลังจบรายการ โปรดิวเซอร์กับพิธีกรคู่กับเขาก็ยังตามมาตำหนิเขาต่ออีกว่า

"คุณอย่าพูดเรื่องการเมือง เดี๋ยวจะไม่มีงานทำในวงการนี้"

บลาบลาบลา

 

ผมนั่งฟังผมยังอึ้ง...แต่สส.สองท่านฟังจบ อ้าปากค้าง

(ผมน่าถ่ายรูปไว้นะ เพราะสีหน้าสองสส.ทำหน้าตกตะลึงแบบ...โกดักโมเมนท์จริงๆครับ :o) 

แล้วสส.ก็บอกว่า

"ชั่วร้ายจริงๆ!  ที่อเมริกาคุณมาส่งเสียงใส่หูฟังห้ามอะไรแบบนี้ไม่ได้เลยนะ เป็นการกระทำที่รับไม่ได้ ชั่วร้ายมากๆ!"

 

(สส.ใช้คำว่า outrageous ครับ)

 

 

นี่ไงครับ  ประเทศไทยประชาธิปไตยแบบที่ควายแดงเรียกร้อง

นี่ไง ประเทศที่มีสิทธิเสรีภาพและประชาชนเป็นใหญ่แบบที่ไอ้แม้วมันพล่ามซ้ำซาก

 

สุดท้ายสส.บอกว่า ได้ถามสส.ประชาธิปัตย์ไปแล้ว (เขาคงไปทานข้าวกันก่อนหน้าพวกผมนะครับผมว่า)

"คนไทยทนสภาพแบบนี้ได้ยังไง?"

 แต่สส.บอกว่าชาวประชาธิปัตย์เงียบ ไม่มีคำตอบ

ผมก็เลยบอกไปว่า  "ผมก็ไม่มีคำตอบให้เหมือนกันครับ  เพราะก็ไม่รู้จริงๆว่าพวกเราทนสภาพนี้กันอยู่ได้ยังไง"




#573751 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 19 January 2013 - 09:26

406075_445952525471170_984360479_n.jpg


#567281 เด็กคนนี้แหละ ที่อยากฝากให้มาช่วยดูแลบ้านให้กับลูกหลานของเราในอนาคตข้างหน้าต่อไป

Posted by redfrog53 on 12 January 2013 - 10:42

58196_10151413299264740_1676383349_n.png
คิดถึงคุณพ่อคุณแม่
 
ผมนั่งคิดเช้าวันเด็กนี้ว่า อะไรบ้างที่พ่อแม่ให้ผมมาที่ผมรู้สึกว่ามีผลต่อชีวิตวันนี้มากที่สุด ผมขอยกมา ๗ เรื่องครับ
 
๑. 'การศึกษา' (คุณแม่เคยแกล้งบ่นให้ฟังว่าถ้าไม่ส่งเราไปเรียนนอก แม่จะซื้อเพชรซื้อทองได้เท่าไรทุกปี)
๒. 'ค่านิยม' โดยเฉพาะ การไม่เอาเปรียบใคร ว่าไปแล้วคุณพ่อคุณแม่ผมไม่ได้เป็นผู้ออกหน้าออกตาว่าเราต้องเสียสละให้โน่นให้นี่หรืออะไร แต่ท่านจะเน้นเพียงว่าเราต้องคบคนดี และซื่อสัตย์ ประหยัด ฯลฯ เพราะการไม่ซื่อสัตย์ ฟุ่มเฟือย เป็นสิ่งที่ไม่ดี พูดง่ายๆคือท่านเชื่อว่ามีบางอย่างที่ชัดเจนในตัวเองว่า 'ดี' บางอย่างที่ชัดเจนว่า 'ไม่ดี' และเราไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องวิเคราะห์ เราต้องพยายามทำในสิ่งที่ 'ดี' ในทุกสถานะการณ์
๓. 'ความอบอุ่น' โดยเฉพาะจากคุณแม่ ต้องถือว่ามีผลต่อเราจนถึงทุกวันนี้ 
๔. 'การเล่นกีฬา' ถูกปลูกฝักแต่เด็กและมีผลมากที่สุดกับชีวิตเรามาโดยตลอด สมัยเด็กเรานึกว่าพ่อโหดร้ายที่ปลุกเราแต่มืดเพื่อไปเล่นกีฬาด้วยกันกับท่านก่อนเรียน วันนี้เราเข้าใจแล้วว่าพ่อเสียสละเวลาของท่านให้เราแค่ไหน
๕. 'การปลูกฝังให้พี่น้องรักกัน' วันนี้ถึงแม้ผมไม่มีพ่อแม่แล้ว แต่ก็ยังมี่พี่น้องที่รักและพึ่งพากันได้ 
๖. 'บ้านที่อยู่อาศัย' ผมและพี่น้องได้บ้านของเราจากคุณพ่อคุณแม่ ทรัพย์สินเงินทองอื่นๆไม่ได้รับมากนัก แต่ความมั่นคงในชีวิตที่ได้จากการมีบ้านอยู่โดยปราศจากความเป็นหนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
๗. สุดท้ายครับ คือ 'ชื่อเสียง' ซึ่งผมไม่ได้หมายถึงความดังความเด่น แต่ผมหมายถึงความเคารพและความรักที่พ่อแม่ผมได้รับจากคนส่วนใหญ่ในชีวิตของท่าน เหมือนเป็นมรดกตกทอดหรือเป็น legacy ที่มีผลกับชีวิตผมจนถึงทุกวันนี้
 
ฝากไว้ในวันเด็กครับ เพื่อเป็นข้อคิดให้ตัวเองว่าเราจะมอบอะไรให้ลูกหลานของเราต่อไป
 
Korn Chatikavanij
Mariamah Siamese พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดของลูก อยากให้ลูกเติบโตเป็นอย่างไร พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่าง คุณกรณ์โชคดีที่มีแบบอย่างที่ดีค่ะ
Ben Aksornsri พ่อแม่อบรมมาดี ลูกก็รับมาสานต่อ และส่งต่อๆ 'ดี' ก็จะคงมีอยู่ตลอดไป
Kachita Monthienvichienchai ถ้าคนอ่านเข้าใจและจำเอาไปใช้เป็นหลักในการเลี้ยงลูก รวมถึงการทำตัวเป็นแบบอย่างก็จะได้ประโยชน์มากค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นว่าทุกอย่างมาแต่เหตุ การจะเข้าใจคนๆนึงต้องมองย้อนไปถึงอดีตและเบ้าที่หล่หลอมเค้ามา
Borworn Sutika คนเป็นพ่อเป็นแม่ มองการณ์ไกลกว่าเราหลายเท่าตัวครับ
Ngamjit Chantrasatit เป็นหลักคิดที่ทุกครอบครัวควรมีค่ะ เพื่ออนาคตของสังคมไทย ขอบคุณมากค่ะ
Chadarat Plukpoh เป็นมุมมองและข้อคิดที่ดีมากค่ะ
Tanawan Krabkum ฉันอ่านข้อความของคุณแล้วฉันรู้สึกว่าฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีในเรื่องความฟุ่มเฟือย ขอบคุณนะค่ะ อย่างน้อยฉันก็ได้สำรวจตัวเอง
Kraikron Settakraikun พ่อเล่าให้ฟังว่า ป้ารัมภา ลาออกจากอาจารย์ บินไปดูแลลูกๆทั้งสามคนที่อังกฤษ อยูู่บ้านให้หัดเรียนอ่านภาษาไทยด่วย ปลูกฝีงความเป็นไทยและระเบียบวินัย
Sunida Boonyanon ขอบคุณค่ะสำหรับข้อคิดดีๆ ... พ่อแม่ดิฉันก็จบแค่ป.4 แต่ท่านเห็นความสำคัญของการศึกษา ยอมกัดฟันอดทนส่งลูกๆ ให้เรียนในโรงเรียนเอกชน เพราะเป็นโรงเรียนที่สอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก (เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย) พ่อได้ถ่ายทอดการรักการอ่านให้ลูก พ่อมีเงินน้อยแต่พ่อยอมซื้อสารรานุกรมโลกให้ลูกอ่าน...จนลูกๆ โตจบการศึกษาในระดับสูงและมีหน้าที่การงานที่ดีทุกคน...อีกสิ่งที่พ่อสั่งสอนปลูกฝังลูกๆ คือความซื่อสัตย์สจริต ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง...สรุปว่าไม่ว่าพ่อแม่จะมีสถานะเช่นไรในสังคม แต่พ่อแม่คือเบ้าหลอมที่งดงามของลูกๆ ใช่ไหมคะ
Wendy Buf อยากจะมีวินัย เหมือนคุณกรณ์คะ หลงชอบคุณกรณ์ ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่กับเจ้านายเก่าคะ ตอนที่เจ้านายนัดพบและได้พบคุณกรณ์คะ คุณกรณ์ เป็นคนอัธยาศัยดีมากคะ แทบจะไม่เคยเห็นตอนหน้าบูด หรือไม่ยิ้มเลย พอเดิน เข้ามาก็ยิ้มแย้มโยตลอด และพูดคุยเป็นกันเอง อยากจะเก่งให้ได้เหมือนคุณกรณ์มากๆ คะ ขอแค่เศษเสี้ยวก็พอคะ
Nan Ratida สถาบันครอบครัวที่อบอุ่น เป็นจุดเริ่มต้นของความเข้มแข็งของประเทศ
Kob สมสิทธิ์ จันทรศรี นั่นแหละครับพี่กรณ์ สิ่งที่ปลูกฝังมาดี
Surachai Berkbandee You are the very best idol for me, Khun Korn. Thanks for sharing your stories, and I will remember and teach myself.
Apinya Pengchue ขอบคุณค่ะ พบเพื่อนร่วมงานเป็นอเมริกันที่ตอนนี้อยู่แบงค์เดียวกันที่สิงคโปร์ เขาเคยร่วมงานกับคุณกรณ์ที่เจพี คุยกับเขาแล้วดีใจที่เขาชื่นชมคุณกรณ์มากค่ะ เลยอยากเรียนให้ทราบ 
Pom Jip อยากให้คุณกรณ์เล่าชีวิตวัยเด็กอีกค่ะ ในมุมความสัมพันธ์ของคุณแม่กับคุณกรณ์ ไว้เป็นตัวอย่างที่ดีกับคุณแม่หลายๆคน
Sombat Salay เด็กเปลียบเหมือนสีขาวหรือสีดำจะมาจากครอบครัวกับสิ่งแวดล้อมในสังคมใช่ใหมครับ
Panan Sakornrat ทุกอย่างหล่อหลอมมาเป็นคุณกรณ์ที่เก่งและดีค่ะ
สุ viggy อยากให้ผู้ใหญ่เมืองไทยช่างคิดและนำความช่างคิดมาเขียนและพูดสั่งสอนเด็กโดยไม่บังคับได้อย่างคุณกรณ์จังเลย ประเทศเราคงมีคนมีคุณภาพมากขึ้นแน่ๆ
เด็กคนนี้แหละ ที่อยากฝากให้มาช่วยดูแลบ้านให้กับลูกหลานของเราในอนาคตข้างหน้าต่อไป
 



#566227 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 11 January 2013 - 13:36

บ้านหลังแรก 1.3 ล้านบาทไม่ชอบ
แต่กลับชอบรถคันแรก 1.3 ล้านคัน
( ..อินดี้กันเหลือเกิน )



400111_442312519168504_1209042554_n.jpg


#565072 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 10 January 2013 - 12:23

กระทรวงศึกษาห่วงเรื่องภาษาอังกฤษของเด็ก
ก่อนเรื่องทรงผมดีกว่ามั้ย ?
ป้อนประชานิยมยันเด็กเลยนะ..
(การ์ตูนวันเด็ก)



524708_441898072543282_538566959_n.jpg


#563185 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 9 January 2013 - 00:50

184439_441275072605582_936261174_n.jpg


#562982 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 8 January 2013 - 22:31

ฝากถามไอ้ปึ้งหน่อย..



299570_441227339277022_1189424491_n.jpg


#561903 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 8 January 2013 - 07:43

293548_440805599319196_983891537_n.jpg

ทศกัณฐ์ อิน ดูไบ


#560079 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 6 January 2013 - 03:19

543111_440058449393911_1565566581_n.jpg


คุณหมอรายการชูรักชูรส ประกาศยกเลิกการเป็นวิทยากร
เพราะรับไม่ได้กับไทยทีวีสีช่อง 3 ที่...
มีผู้บริหารที่ไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นสื่อมวลชนอย่างสิ้นเชิง
........................................
สุดยอด!!!!!!!!!!!!!!!!


#34892 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 9 November 2011 - 03:22

ถุงทุกใบ ของทุกอย่าง ..ต้องแปะชื่อพวกตูก่อนเอาออกไปนะเฟ๊ย!!!




Posted Image


#34926 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 9 November 2011 - 05:40

อร่อยจัง! .....
(ถูกปาก ถูกใจ eNGO เป็นที่สวดดดด)

Posted Image


#435118 เรื่องเขย่าขวัญ จากประสบการณ์จริง

Posted by กรกช on 1 October 2012 - 22:55

มีเรื่องขนลุกจะเล่าให้ท่านๆสมาชิกฟัง ไม่รู้ว่าใครเคยเจอเหมือนผมหรือเปล่า ทั้งหมดตรงนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผมเอง

....ปัจจุบัน ผมอยู่เมืองจันท์ เมื่อ 3 เดือนก่อนหลังแข่งฟุตบอลชนะแล้วก็ไปฉลองกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ประมาณเที่ยงคืนผมก็จะกลับบ้าน ตอนนั้นก็มึนๆแล้ว ก็เดินไปขึ้นรถ พอเข้าไปนั่งในรถ มันก็มีกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรงโชยเข้ามาแตะจมูก และเพราะกลิ่นเหม็นเน่านี่แหละ ก็ทำให้ผมขนลุกซู่ทันที !!!

ตอนนั้นภาพในอดีตเมื่อราว 10 กว่าปีก่อนลอยขึ้นมา คือมีเพื่อนสนิทผมคนหนึ่งตาย เพื่อนคนนี้ชื่อ ออด


หลังจากงานเผาศพที่วัดเสร็จ บรรดาเพื่อนๆก็ออกจากวัดมารวมตัวดื่มกินกันที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง แล้วเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้านจุดธูป 1 ดอก เรียกเพื่อนที่ตายมาด้วย...ตอนนั้นทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดกันแค่ประมาณว่า มาดริ๊งค์กันเว้ยเพื่อน แต่ 2-3 ชั่วโมงหลังจากนั้น เพื่อนคนหนึ่งชื่อ แสบ ก็ขอตัวกลับบ้านก่อน ตอนนั้นทุกคนก็เริ่มตึงๆกันแล้ว เพื่อนคนหนึ่งก็แกล้งเรียกชื่อเพื่อนที่ตาย บอกว่า " เฮ้ย ไอ้ออด ไปส่งไอ้แสบด้วย " ไอ้แสบก็ขำๆแล้วก็ขับรถยนต์ของมันออกไป...

ขับออกไปได้ไม่นานน่าจะซักราว 15 นาที ไอ้แสบก็ขับรถย้อนกลับมาอีก
มันลงจากรถ เดินมาเปิดประตูรถอีกข้าง แล้วพูดว่า " ไม่ต้องไปส่ง กรูกลับเองได้ " ตอนนั้นบรรดาเพื่อนๆต่างก็งงๆปนสงสัยผสมตกใจ แต่ก็ยังไม่ได้ทันเอ่ยปากอะไร เพราะพอไอ้แสบพูดจบ ก็ขึ้นรถขับกลับไปเลย โทรไปจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ยอมรับสาย จนถึงบ้านมันถึงโทรกลับมาเล่าให้ฟังว่า....

...ครั้งแรกที่ออกมา ขับมาได้ไม่นาน ก็มีกลิ่นเหม็นเน่า ทีแรกก็คิดว่ากลิ่นติดมาจากเสื้อผ้ามัน
เพราะตอนก่อนเผาศพไอ้ออด ได้เปิดโลงศพดูหน้าเพื่อนกันเป็นครั้งสุดท้าย ตอนที่มันได้กลิ่นเหม็นเน่ามันก็ปิดแอร์ เปิดกระจกรถ แต่ก็ยังไม่หายเหม็น แถมยิ่งขับไปกลิ่นก็ยิ่งเหม็นขึ้นๆๆๆๆ ขับไปสักพักก็ทนไม่ไหว และด้วยที่เพื่อนๆบอกให้ไอ้ออดมาส่ง มันจึงมั่นใจว่า วิญญาณเพื่อนนั่งรถมากับมันจริงๆ มันจึงขับกลับมาเพื่อเอาเพื่อนมาส่งที่เดิม และพอหลังจากขับกลับออกไปอีกครั้ง กลิ่นเหม็นเน่าก็หายไป !!!

เรื่องราวบางอย่างพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ และถ้าใครไม่เกิดกับตัวเองก็คงไม่เชื่อ !!!

...ย้อนกลับมาที่ผม หลังจากที่ได้กลิ่นเหม็นเน่า ผมก็สตาร์ทรถ เปิดกระจกทั้ง 4 ด้าน เพื่อระบายอากาศ
แล้วก็ขับรถออกมาจากร้าน ในใจก็เริ่มหวั่นๆว่า จะเป็นเหมือนเหตุการณ์ในอดีตที่เพื่อนเราเคยเจอหรือเปล่า ? กรณีเพื่อน เป็นวิญญาณเพื่อนด้วยกันเอง ก็ยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่นี่วิญญาณใครก็ไม่รู้ !!!

ตอนนั้นยอมรับเลยว่ากลัว ขนลุกไปหมด ถ้าไม่ได้แอลกอฮอลล์มาผสมกับเลือดในร่างกายคงแย่แน่ๆ
และที่น่าหนักใจก็คือ ทางกลับบ้านผมต้องผ่านป่าช้าวัดคริสต์ด้วย แหม....อะไรๆดูลงตัวไปหมด แต่ผมก็ยังใจดีสู้เสือ ก็ขับไปเรื่อยๆ พยายามมองโลกในแง่ดีว่า อาจมีตัวอะไรเข้าไปตายที่ห้องเครื่อง อาจจะเป็นจิ้งจกก็ได้ แต่อีกใจหนึ่งมันก็ดันสวนมาว่า จิ้งจกบ้านเอ็งสิ เหม็นขนาดนั้น..พอโดนแย้งด้วยเหตุผลที่ยากจะโต้แย้งได้ ก็เปลี่ยนความคิดใหม่ เอ๊ะ... หรือว่าหนูตาย ใช่แน่ๆ มันต้องใช่แน่ๆ หนูตายๆๆๆๆ ท่องแบบนี้ในใจ แต่อีกใจก็สวนมาอีกว่า อย่าหลอกตัวเองเลย รถใช้ทุกวันหนูที่ไหนจะเข้ามาตาย และที่สำคัญ ฝากระโปงรถเอ็งน่ะ ที่นอนนังเหมียวแมวบ้านเอ็งไม่ใช่เหรอ ก็เห็นมันชอบไปนอนบนนั้น...

มาถึงตรงนี้ชักเริ่มไม่ชอบใจตัวเองอีกฝ่ายละ…

....เมื่อหลอกตัวเองไม่สำเร็จ ก็ต้องเปลี่ยนแผนใหม่ หันมาสวดมนต์
ก็ท่องนะโมในใจ ท่องไปได้แป๊บเดียว อีกใจก็สวนมาอีกว่า แถวนี้ผีคริสต์เฟ้ยยยยยย ฟังพุทธไม่ออก... ดูมันๆๆ เลวจริง แย้งตลอด…โอย....แล้วจะทำไงดี ยิ่งตอนใกล้จะผ่านแถวป่าช้าวัดคริสต์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง วิเวกโหวงเหวงวังเวงมากมาย พยายามห้ามใจไม่ให้นึกถึงกรณีเพื่อน แต่ก็ไม่สำเร็จ แถมยิ่งพยายามลืมก็ยิ่งทำให้คิด... อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ ที่โบราณว่าไว้ เข้าใจถ่องแท้ก็วันนี้ ...

และในที่สุดก็ขับมาถึงบริเวณป่าช้าวัดคริสต์... ป่าช้าอยู่ทางซ้ายมือผม ผมก็นั่งขับตัวตรง หน้าตรง มองไปข้างหน้าตรงๆ คือจะเพ่งสายตาไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่อยากเห็นป่าช้าที่อยู่ข้างๆ แต่ไอ้เจ้าหางตาซ้ายผมมันก็อดไม่ได้ พยายามจะเหลือบๆไปมองอยู่นั่นแหละ นาทีนั้นเชื่อ 100 % เลยว่า คนเรามี 2 ด้านจริงๆ...

ผมก็พยายามเร่งความเร็วรถเพื่อให้ผ่านตรงนั้นไปเร็วๆ แต่แล้วในเสี้ยววินาทีนั้นเอง มีหมา 2 ตัว ไม่รู้ว่ามันไล่กัดกัน หรือเล่นกัน วิ่งโผล่พรวดมาจากฝั่งป่าช้าตัดหน้ารถผมกะทันหัน จนต้องทั้งหักหลบ ทั้งเบรกตัวโก่ง !!! จากที่ขนลุกหวาดกลัวอยู่แล้ว ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้น ระทึกใจ ตกใจเพิ่มขึ้นมาอีก อะไรจะซวยขนาดน้านนนนน คนเรานี่เวลาซวย อะไรๆมันช่างดูเลวร้ายไปหมด

แต่แล้วในเสี้ยววินาทีนั้นเองหลังจากหมาตัดหน้า ก็เกิดความคิดแว๊บหนึ่งขึ้นมา......

...นิ่งๆ ตั้งสติ... ความนึกคิดทั้งหมดตอนนั้น มุ่งตรงไปที่อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่อยู่ต่ำที่สุดนั่นคือ " เท้า " เท้าที่ใส่รองเท้าผ้าใบยี่ห้อหนึ่งที่มีสโลแกนว่า " ทางใครทางมัน " ในนาทีนี้ มันปกติมั้ย ? ว่าแล้วก็เริ่มที่เท้าข้างซ้ายก่อน เพราะรถเกียร์ออโต้ เท้านี้ไม่ได้ใช้งาน ก็ขยับปลายเท้าซ้าย ไปซ้ายขวาเบาๆบนพื้นผ้ายางรองพื้น อืมมมม ปกติ... แล้วข้างขวาล่ะ ? ก็ขยับปลายเท้าขวา ไปซ้ายขวาเบาๆ ขยับในขณะที่เท้าแตะคันเร่งนี่แหละ ปกติไม๊ ? คำตอบคือไม่ปกติ เพราะรู้สึกลื่นนิดหน่อย.....

….จากอารมณ์ที่ขนลุก หวาดกลัว ตื่นเต้น ระทึกใจ ตกใจ ตอนนี้ถูกเพิ่มเติมขึ้นด้วยความรู้สึกน่ารังเกียจขยะแขยงทันที !!!

ขี้หมา !!!! นี่เราเหยียบขี้หมารึเปล่า ? คำถามนี้เกิดขึ้นในใจ...แต่ถ้าไม่ใช่ขี้หมา ก็คือผี !!! มันก็คงมีอยู่แค่นี้แหละ....เป็นไงครับ ชีวิต.... คนเราบางครั้งมันเหลือทางเลือกน้อยจริงๆ แถมช่างน่าสมเพทเวทนา น่าสังเวชใจ น่าอเน็จอนาถใจทั้ง 2 ทางเลือก.... เมื่อทางออกดีๆ ไม่มีสักทาง ผมก็เลยขับไปแบบปลงๆ เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ไอ้ที่ขนลุกอยู่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ละ แต่ไอ้กลิ่นเหม็นเน่าก็ยังคงเท่าเดิม ตอนนั้นคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจไปในทางขี้หมามากกว่า ราคาต่อรอง ความน่าจะเป็น ขี้หมาเป็นต่อผี ประมาณ 2-1 แล้วผมก็ขับไปเรื่อยๆจนถึงบ้าน พอถึงบ้านจอดรถก็พิสูจน์ทันที...

ดับเครื่อง เปิดไฟหน้าไว้ เปิดประตูรถ เดินมาหน้ารถ ยกเท้าขวามาส่องกับไฟหน้า ดูที่พื้นรองเท้า ก็สรุปได้ว่า.... ผมเหยียบขี้หมาเต็มๆ !!!

" ทางใครทางมัน " สโลแกนของรองเท้าผ้าใบยี่ห้อหนึ่งที่ผมสวมใส่ มันไม่สามารถทำได้แบบสโลแกนที่ว่า......

ทางของเราก็มี ไปเหยียบทางเขาทำมายยยยย....ไหนบอกทางใครทางมันงายยยยย..... อันนี้ตัดพ้อแบบขำๆในใจ

เรื่องจริงจากประสบการณ์จริงๆเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...

อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจหมา เพราะขี้มันเหม็นนนนนนนนนนนน



#552755 กระทู้แตกประเด็น ตอน "บังเอิญเกินไปหรือเปล่า??"

Posted by RaRa on 28 December 2012 - 02:09

มาถึงหน้าที่ 4 จนได้...ที่จริงผมอยากให้กระทู้นี้กระชับให้มากที่สุด โดยการเลี่ยงที่จะตอบอะไรที่ไร้สาระ

 

คิดว่าจะรวบรวมรูปภาพ เหตุการณ์ และ ความคิดเห็นดีๆ มีประโยชน์ ของเพื่อนๆ สมาชิก สรท. เอาไว้ที่กระทู้นี้

 

ที่ไม่อยากให้กระทู้ยาวหลายหน้าก็เพราะ เผื่อว่าคนที่ไม่รู้แล้วอยากจะรู้ อาจจะมาดูและศึกษาไว้ จะได้ไม่รู้สึกเบื่อที่จะตามอ่าน

 

ดังนั้น มาถึงตรงนี้ผมจะสรุปคร่าวๆ อีกครั้ง ว่ามันมีเหตุ "บังเอิญ" อะไรที่เกิดขึ้นมาบ้าง ในกระทู้นี้ครับ...!!!

 

และ พอดี "บังเอิญ"  คุณasawinee ก็สรุปคร่าวๆ มาให้แล้ว ดังต่อไปนี้...

 

บังเอิญมุมกล้องเดียวกันทุกศพ

บังเอิญคนช่วยอยู่กลุ่มเดียวกัน

บังเอิญสิ่งของย้ายที่ได้

บังเอิญต้องถ่ายรูปผู้เสียชีวิตไว้ทุกมุมทุกท่า

บังเอิญต้องถอดกางเกง

บังเอิญถูกยิงเข้าที่ศีรษะเป๊ะ 2 คน ทั้งๆที่ตรงนี้มีคนถูกยิงที่ข้อเท้าเพราะจะเข้าไปจุดไฟที่รถน้ำ

บังเอิญคลานหนีกระสุนไปช่วยแต่พอช่วยได้กลับยืนขึ้นเต็มตัวไม่กลัวกระสุนซะแล้ว

บังเอิญคนช่วยคลานหลบกลัวกระสุน แต่คนถ่ายรูปกล้าหาญมาก ถ่ายด้วยมุมที่แสดงให้เห็นว่า ไม่กลัวกระสุนเลย

 

"บังเอิญ" ทั้งนั้น!!!

 

ขอขอบคุณ คุณasawinee มากๆ ครับ ที่ช่วยสรุปเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้มาให้...

 

 

และ ผมขอเพิ่มอีก 2 เหตุการณ์ ก็คือ

 

1. คุณไชยวัฒน์ ช่างภาพเนชั่น "บังเอิญ" โดนลูกหลง ที่ "ขาขวา" ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ทหาร!!!

 

2. ในจังหวะที่ คุณไชยวัฒน์ ช่างภาพเนชั่น โดนลูกหลง "บังเอิญ" เห็น อะไรที่ผิดปกติ หลังแนวล้อยางของผู้ชุมุนมครับ!!!

 

 

 

เรื่อง "บังเอิญ" ทั้งหมดก็มีแค่นี้แหล่ะครับ ถ้าเพื่อนเสื้อแดง คนไหนจะแย้ง ขอให้เป็นการแย้งด้วยหลักฐานนะครับ ไม่เอาคำพูด

 

เพราะเรื่อง "บังเอิญ" ทั้งหมดที่กล่าวมา มัน "บังเิอิญ" มีทั้งภาพถ่าย และ คลิป นะครับ !!!

 

 

 

 

 

ป.ล. คลิปตัดต่อคนละเวลา เพื่อเจตนาเอามาใส่ร้าย ไม่เอานะครับ เสียเวลา และ คุณจะอายเค้าเปล่าๆนะครับ..!!




#549931 .........วันเก่า...เดือนเก่า...ปีเก่า .........

Posted by พระฤๅษี on 24 December 2012 - 16:45

..๑...วันเก่า เหงาจัง ดังป่าช้า.....อนิจจา กาไก่ ก็ไม่ขัน

.....ท้องถนน มลพิษ ปลิดชีวัน.....กลัวกัน วันวาร มารเข้าครอง

 

..๒...เดือนเก่า เศร้าซัด อึดอัดอก.....ดังนรก ร้อนรน หม่นหมอง

.....นคเรศ เขตแคว้น แดนทอง.......เนืองนอง น้ำท่า สาคร

 

..๓..ปีเก่า เฝ้าคิด ชีวิตเก่า.......ฝากเอา อักขระ อนุสรณ์

.....สงสาร บ้านเรือน เพื่อนนอน.....อาวรณ์ วัดวัง หลั่งน้ำตา

 

..๔..อนาถนัก นั่งจ้อง มองประเทศ.....พระนิเวศน์ เวียงวัง ตั้งสง่า

.....ซบเซา เหงาเงียบ เยียบเย็นชา.....นิจจา เกินเจ็บ เก็บที่ใจ

 

..๕..ที่ทาทอง ทอฉาย พรายแสง......แลแล้ง สลัวลด มิสดใส

.....เพ็ชรมณี สีส่อง หมองไป........ไม่ไสว ใสปลั่ง ดั่งวันวาร

 

..๖..มืดมัว ทั่วทิศ นิมิตร้าย.........ภูตพราย ไพร่คึก ฮึกหาญ

.....สยามเอย เคยรื่น ชื่นบาน......ถูกมาร พาลเข้า เผานคร

 

..๗..อกแห้ง แล้งสลด หมดสุข.....ถมทุกข์ ทับทั้ง สังหรณ์

.....วาดหวัง พังภินท์ กินนอน......เดือดร้อน ซ่อนซุก ทุกข์ทน

 

..๘..วันเดือน เคลื่อนปี ที่ผ่าน.....หมู่มาร ผลาญก่อ ฉ้อฉล

.....ยากแท้ แลลับ อับจน........ขาดคน คิดสู้ กู้แผ่นดิน

 

..๙..จมปลัก ดักดาน อีกนานไหม ?.....ฤๅให้ ไหลวน ชลสินธุ์

.....ชีพฝาก ซากผี ที่อยู่กิน..........ธรณินทร์ นี้เห็น เป็นพยาน

 

.๑๐..เวลา นาที ของชีวิต.........ลิขิต ขีดฝัง สังขาร

.....เหนื่อยนัก พักหน่อย คอยนาน.....สงสาร สังเวช ประเทศไทย..

 

 

 

>>>>>> พระฤๅษี.....๒๔/๑๒/๕๕ <<<<<<<




#549705 คนที่คุยโม้โอ้อวดว่า "ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ถวายสัตย์" เขาพูดจากันแบบ...

Posted by asawinee on 24 December 2012 - 12:46

คนๆนี้ ใช่ว่าจะไม่เคยกระทำการไม่สมควร

ลองดูข่าวนี้ก่อน

 

อุทธรณ์ยืน-ยก เสรีพิศุทธ์ฟ้อง "ข่าวสด-มติชน" ชี้ติชม-ไม่หมิ่น

 

เป็นอีก 2 คดีในหลาย คดีที่ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส" ยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์"ข่าวสด-มติชน" และในเครือ รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในคดีหมิ่นประมาท


วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลจังหวัดตลิ่งชันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ 4213/2551 เรื่องหมิ่นประมาท ในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ฟ้อง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.(ในขณะนั้น), พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผบ.ตร., พล.ต.ท.ธีรเดช รอดโพธิ์ทอง จเรตำรวจ

บริษัท ข่าวสด จำกัด, นายฐากูร บุนปาน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), และ นายสุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน

สืบเนื่องจากการเสนอข่าวคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง สอบพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้ไปร่วมพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณในวันราชวัลลภ

ส่วนอีกคดี เป็นคดีหมายเลขดำที่ 5943/2551 เรื่องหมิ่นประมาท ในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฟ้อง นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายสุวพงศ์, นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์, บริษัท ข่าวสด จำกัด, และ นายฐากูร

สืบเนื่องจากการเสนอข่าว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงแก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ 

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องทั้ง 2 คดี สรุปว่า โจทก์เป็นผบ.ตร. การกระทำหรือการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ ย่อมเป็นที่จับตามองและวิพากษ์วิจารณ์ได้ การที่ประชาชนเห็นว่าการกระทำของโจทก์เป็นการไม่บังควร หรือผิดกฎหมาย และแจ้งความดำเนินคดีแก่โจทก์ กับให้ข่าวแก่หนังสือพิมพ์ ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ประชาชนกระทำตามทำนองคลองธรรม

"การที่หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ข่าวก็ไม่เป็นถ้อยคำที่เป็นการใส่ความโจทก์ คดีโจทก์จึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลก็ชอบที่จะวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องไปได้เลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกคำขอส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ"

สําหรับทั้ง 2 คดีที่ศาลยกฟ้องเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน เกี่ยวกับการตั้งกรรมการสอบวินัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

ในคำพิพากษามีรายละเอียดคำฟ้อง และการต่อสู้คดีของทั้ง 2 ฝ่าย

คดีแรก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฟ้องนายตำรวจที่ให้การเป็นพยานกรณีตั้งกรรมการสอบวินัย ที่เหลือเป็นนายตำรวจที่เป็นคณะกรรมการสอบสวนวินัย และฟ้องหนังสือพิมพ์ข่าวสด-มติชน ที่นำเสนอข่าวกรณีนี้

"ในคำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันกล่าว เขียน และ โฆษณาตีพิมพ์ข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ลงในหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 9 เมษายน 2551 ว่า ให้ออกเสรีฯ สอบเพิ่ม 4 คดี... ผบก.น. ให้การวันราชวัลลภ...รายงานข่าวแจ้งว่าวันเดียวกันนี้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด คณะกรรมการสอบวินัยชุดแรกเรียกพล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.น.9 ไปให้ปากคำ กรณีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นวันราชวัลลภมีพระราชพิธีสวนสนามสาบานตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาประทับ ทรงรับการเคารพจากผบ. ทุกเหล่าทัพ และหน่วยงานรักษาพระองค์ ซึ่งพบว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่บางรายไม่ได้เข้าร่วมพิธี แต่กลับปรากฏ ตัวในงานเปิดสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพย่านถนนพระราม 2 ในพื้นที่บก.น.9 อันเป็นพฤติ กรรม ไม่บังควร"

"ฉบับลงวันที่ 12 เมษายน 2551 ข้อความว่า เรียกสอบเสี่ยสปา เผยให้การยอมรับเสรีร่วมเปิดร้านในวันที่ 2 ธ.ค.50...คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เรียกตัว นายบุญยงค์ กมลเลิศวรา เจ้าของร้านมาย์แคร์มาให้ปากคำในประเด็นเหตุการณ์วันราชวัลลภ ยอมรับว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปร่วมเปิดสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2550 จริง"

"ฉบับลงวันที่ 24 เมษายน 2551 พาดหัวข้อข่าวว่า กก.สอบเสรีปมใหม่ ไม่บังควร ช่วงประทับศิริราช เรียกผบช.น.สอบปากคำระบุไม่ไปถวายอารักขาวันในหลวงเสด็จฯ กลับ...เรียกสอบพยาน 3 ผู้บัญชาการเผยมีประเด็นใหม่ไม่มาถวายความปลอดภัย"ในหลวง" เมื่อครั้งเสด็จฯออกจากร.พ.ศิริราช เมื่อ 7 พ.ย.50..."

ในคำฟ้องระบุว่า ข้อความที่จำเลยที่ 1 ถึง 3 ร่วมกันให้ข่าวใส่ความโจทก์ต่อหนังสือ พิมพ์ข่าวสด และหนังสือพิมพ์มติชนดังกล่าว ล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น...การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น...การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ด เป็นการร่วมกระทำละเมิดต่อโจทก์

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องคดี ส่วนอาญา และส่วนแพ่ง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

"คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า คดีโจทก์มีมูลเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มิได้เบิกความยืนยันข้อเท็จจริงใดที่ให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยอื่นหมิ่นประมาทโจทก์ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 โจทก์เข้าใจเอาเองว่าในคณะกรรมการสอบวินัยมีจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นผู้ให้ข้อเท็จจริงในการสอบสวนโจทก์ต่อหนังสือพิมพ์ ข้อเท็จจริงในการนำสืบของโจทก์จึงไม่พอฟังว่าสำหรับจำเลยที่ 2 และ 3 มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง"

"จำเลยที่ 4 และ 6 เป็นนิติบุคคลเจ้าของและจำหน่ายหนังสือพิมพ์ข่าวสดและมติชน ซึ่งลงข่าวเกี่ยวกับโจทก์ตามฟ้องนั้น ไม่ปรากฏจากการนำสืบว่าร่วมกับจำเลยอื่นใส่ความโจทก์

"เห็นว่าข้อความที่หนังสือพิมพ์ข่าวสดและมติชนรายวันลงพิมพ์ตามฟ้องนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง โจทก์เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ การกระทำหรือการปฏิบัติหน้าที่ย่อมเป็นที่จับตาและวิพากษ์วิจารณ์ได้ การที่หนังสือพิมพ์ดังกล่าวลงข่าวเกี่ยวกับโจทก์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดา แม้จะปรากฏถ้อยคำที่ไม่สมควรหรือเกินเลยไปบ้าง ก็ไม่เป็นถ้อยคำที่มีการใส่ความโจทก์ ฟังไม่ได้ว่าข้อความในหนังสือพิมพ์ตามฟ้อง และโจทก์นำสืบเป็นการใส่ความโจทก์"

เมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องให้จำเลยทั้งเจ็ดรับผิด จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกคำร้องส่วนแพ่ง"

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

คดีที่ 2 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฟ้องนายจุลยุทธ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้สรุปรายงานเสนอ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ให้สอบสวนและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 ตามที่ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนเสนอขึ้นมา เกี่ยวกับพฤติกรรมไม่บังควร รวมทั้งกรณีสอบสวนเรื่องการเช่ารถยนต์ และรถตู้ของตร.แห่งชาติ

หนังสือพิมพ์ข่าวสด-มติชน และในเครือ ก็นำเสนอข่าวดังกล่าวรวมทั้งข้อมูลอันเป็นที่มาของการตั้งกรรมการสอบวินัย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยื่นฟ้องนายจุลยุทธ, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายสุวพงศ์, นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์, บริษัท ข่าวสด จำกัด, และ นายฐากูร เป็นจำเลยที่ 1-6 เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง และยกคำขอส่วนแพ่ง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

"ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว โจทก์นำสืบว่าระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2551 จำเลยทั้งหกร่วมกันหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ โดยลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับวันที่ 14 พฤษภาคม ว่า"สมัครเซ็นสอบ"เสรีพิศุทธ์" ข้อหาพฤติกรรมมิบังควร "สมัคร"ลงนามเห็นชอบตั้งคณะกก.สอบวินัยร้ายแรง"เสรีพิศุทธ์"ข้อหาใหม่อีกหลังถูก"อัยการสูงสุด"ประธานสอบชี้มูลกล่าวหาการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกไม่เหมาะสม"

"นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลงนามเห็นชอบตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพิ่มเติมในข้อหาใหม่อีกตามที่นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกฯเสนอเรื่องขึ้นมาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 หลังคณะกรรมการชุดนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นประธานสอบสวนแล้วเห็นว่ามีมูลสมควรกล่าวหาว่าในอดีตที่ผ่านมาได้มีการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอันไม่เหมาะสมและมิบังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หลายเรื่อง"

"อาทิ กรณี 2.2.1 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรและประทับรักษาพระองค์อยู่ที่ร.พ.ศิริราช ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับ มีข้าราชการและประชาชนมาเข้าเฝ้าฯ ส่งเสด็จเป็นจำนวนมาก แต่ในวันดังกล่าวพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ได้มาร่วมส่งเสด็จ ทั้งๆที่ดำรงตำแหน่งผบ.ตร. มีหน้าที่สำคัญในการถวายอารักขา"

"กรณีที่ 2.2.2 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เลขาธิการสำนักพระราชวังมีหนังสือแจ้งผบ.ตร.ทราบ และบก.สูงสุด มีหนังสือเชิญผบ.ตร.ไปร่วมงาน เพื่อถวายพระเกียรติและแสดงออกถึงความจงรักภักดี ปรากฏว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ได้ไปร่วมในพิธีดังกล่าว แต่กลับไปร่วมงานเพื่อเป็นเกียรติและแสดงความยินดีกับนายบุญยงค์ กมลเลิศวรา เปิดสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ และไปร่วมงานแต่งงานของบุคคลอื่นอีก"

"กรณี 2.2.3 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2550 สำนักงานก.พ.ประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกฯเป็นประธาน ในการนี้สำนักงานก.พ.ม ีหนังสือเชิญผบ.ตร.เข้าร่วม แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มอบหมายให้รองผบ.ตร.ไปร่วมพิธีแทน โดยอ้างว่าติดภารกิจเป็นประธานในพิธี และข้อเท็จจริงปราฏว่าในวันและเวลาดังกล่าวพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่มาเป็นประธานพิธีถวายสัตย์ฯ ในส่วนที่จัดขึ้น ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

"กรณี 2.2.4 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เดินทางไปประชุมตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ช่วงหนึ่งของการประชุมกล่าวพาดพิงสถาบันในลักษณะมิบังควร จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นย่อมแสดงให้เห็นว่าเหตุใดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงสั่งการโดยใช้ถ้อยคำ"ควายหรือเปล่า" เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นสมควรงดจัดแข่งกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติประจำปี 2551 ระหว่างวันที่ 21-28 มีนาคม 2551(อยู่ระหว่างไว้ทุกข์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์) ในหนังสือยังระบุให้ดำเนินการต่อไป

"พิเคราะห์แล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าคดีโจทก์มีมูลตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ ต้องเสนอความเห็นต่อผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนต่อนายกฯ ตามหน้าที่ราชการ ความเห็นของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เป็นการใส่ความโจทก์"

"จำเลยที่ 2 และ 5 เป็นนิติบุคคลเจ้าของและจำหน่ายหนังสือพิมพ์ข่าวสดและมติชน ซึ่งลงข่าวเกี่ยวกับโจทก์ตามฟ้องนั้น ไม่ปรากฏจากการนำสืบว่าร่วมกับจำเลยอื่นใส่ความโจทก์

"เห็นว่าข้อความที่หนังสือพิมพ์ข่าวสดและมติชนรายวันลงพิมพ์ตามฟ้องนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง โจทก์เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ การกระทำหรือการปฏิบัติหน้าที่ย่อมเป็นที่จับตาและ วิพากษ์วิจารณ์ได้ การที่หนังสือพิมพ์ดังกล่าวลงข่าวเกี่ยวกับโจทก์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดา แม้จะปรากฏถ้อยคำที่ไม่สมควรหรือเกินเลยไปบ้าง ก็ไม่เป็นถ้อยคำที่มีการใส่ความโจทก์ ฟังไม่ได้ว่าข้อความในหนังสือพิมพ์ตามฟ้อง และโจทก์นำสืบเป็นการใส่ความโจทก์"

เมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องให้จำเลยทั้งเจ็ดรับผิด จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกคำร้องส่วนแพ่ง"

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

http://legendnews.ne...9350505&Ntype=5

 

เรื่องย่อๆคือ เสรีฟ้องหมิ่นประมาทตำรวจ กับ มติชน 2 คดี เรื่องเกี่ยวกับการที่เสรีถูกสอบ ในการทำหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับราชวงศ์

แต่ศาลยกฟ้อง

 

ดูว่า เสรีทำอะไรให้ดูที่ตัวหนังสือสีต่างๆ

จะเห็นความระ ยำ ตำ บอน ชัดแจ้ง