Jump to content


gobura

Member Since 11 December 12
Offline Last Active 30 May 14 11:45
-----

#593961 ถามเหล่าเสื้อแดงทั้งหลายตอนนี้รบ.ที่คุณเชียร์ได้เป็นรัฐบาลเกือบ2ปีแล้วชีวิตพว...

Posted by puggi on 8 February 2013 - 21:07

เอาในหมู่บ้านผม  บ้านแรกอยู่ซอยสองต้นหมู่บ้าน ดีใจว่าจะได้สามร้อยบาท   สรุป โรงงานเลิกจ้าง เมียตกงานแล้ว ส่วนผัว ยัีงกินเหล้าทุกวันเหมือนเดิม

 

  บ้านที่สองอยู่ตรงข้ามบ้าน ดีใจ เสื้อแดงได้เป็นรัฐบาลจะเห็นหน้า ยายคนนี้ในรายการประท้วงแดงบ่อยๆอยู่หน้าเวทีประจำ ถึงกับโทรไปหาไอ้เต้น มาคุยใหญ่ สามบ้านแปดบ้าน ตอนนี้บ้านโดนแบงค์ยึด รู้ว่า กำลังโดนประมูลกับกรมบังคับคดี  ที่รู้เพราะว่า คนสนใจบ้านมา ถามบ้านผม ว่าบ้านนี้ยังมีคนอยู่เหรอ ผมเลยรู้ว่าเค้าอยากมาดูบ้านก่อนประมูล

 

 บ้านที่สาม ขายตามสั่งทุกวัน ทุกวันยังใส่ผ้ากันเปื้อน รูปไอ้เหลี่ยม บ่นกับผมเรื่องของแพง ยอดขายตก ผมก็ชอบย้อนกลับประจำแต่ก็ยังฝากท้องทุกวัน ไม่รู้ว่าจะโกรธจนไม่ขายผมเมื่อไหร่ แต่เมื่อวาน มาบอกว่ามีคนสนใจตึกแถวบ้านผม จะขายหรือเปล่า( ผมปล่อยทิ้งไว้ สามห้อง เผื่อตอนน้ำท่วมจะได้ย้ายไปอยู่ เพราะตอนน้ำท่วมย้ายมาอยู่ตึกแถว)  เค้าขอค่านายหน้า 555

 

บ้านสุดท้าย ข้างบ้าน ควายพันธ์แท้ ย่ำแย่ เพราะว่าโดนลูกเขยคนใต้ มาเอาเงินไปเล่นหมด เพราะ มัวแต่ไปประท้วง ตอนเผาเมือง เคยโดนลงสัมภาษณ์อัลจาซีร่า ด้วย ตอนนี้กำลังหาทางขายบ้าน  เงินเก็บวัยเกษียณ ก็ต้องเอาไปลงทุนให้ลูกสาวมีกิจการของตัวเองใหม่ ทุกวันต้องไปอยู่สวนเกษตรช่วยลูกสาวทำงาน จะแก่แล้วสบายก็ไม่ได้

 

เท่าที่ผมเจอ มาเฉพาะหมุ่บ้านผม ดงแดง นี่ ไม่เคยเจอใครที่ชีวิตดีขึ้นเลย มีแต่ อับจน ชีวิตแย่ลง อาจจะเพราะพวกนี้ ด่าในหลวงบ่อยๆ จนผมเคยคิดจะกระทืบหลายครั้ง




#593491 เรื่องที่ทักษินเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมือง เผาสามจังหวัดชายแดนใต้ ... หลักฐาน...

Posted by เช never die on 8 February 2013 - 13:20

ต่อครับ ...

 

พอถึงวันที่ 1 กุมพาพันธ์ 2546 ทักษินก็ได้ "ประกาศสงครามเพื่อเอาชนะยาเสพติด" โดยไม่เคยศึกษาวิจัยผลกระทบที่จะตามมาจากนโยบาย "กำปั้นเหล็ก" นี้ มุ่งหวังแต่เล็งผลเลิศ เอาชนะยาเสพติด สร้างคะแนนนิยมให้ตนเอง ...

 

ตัดฉากไปที่นายอาแว ดือซอ (นามสมมุติ)วัยรุ่นอายุ 19 ปี เพิ่งกลับจากไปหาพ่อที่มาเลย์เซียมา เพิ่งมาถึง วันนี้ตั้งใจจะดึงเนื้อซักปื้ดนึง ที่ผ่านมาเคยโดนจับดูดกัญชามาสองครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไร ตำรวจส่งตัวไปอัยการ อัยการสั่งฟ้อง ขึ้นศาลจ่ายค่าปรับรับโทษรอลงอาญา 6 เดือน ทุกอย่างเสร็จจบภายในหนึ่งวัน และทุกครั้งที่มีโทษรอลงอาญานายอาแว ก็ข้ามกลับไปอยู่กับพ่อฝั่งมาเลย์เซียเลิกเล่นเนื้อไปพักหนึ่ง พ้นกำหนดรอลงอาญาก็ข้ามกลับมาฝั่งไทยใหม่

 

แต่พอ "ยุทธการกำปั้นเหล็ก" เริ่มต้นในวันที่ 1 กุมพาพันธ์ 2546 พอถึงวันที่ 2 กุมพาพันธ์ ก็มีตำรวจเลวในพื้นที่อยากย้ายกลับเข้าส่วนกลางใจจะขาด ก้ได้โอกาศสร้างผลงานทำความดีความชอบแล้ว เมื่อมีบัญชาด้วยวาจาจากพะนะท่านนายกรัฐมนตรี ถ่ายทอดคำสั่งต่อๆกันลงมา "ให้ฆ่าได้" จึงตรงดิ่งมาหาอาแวถึงที่บ้านพร้อมเอาตัวอาแวไป บอกว่าจะพาไปโรงพัก ทั้งๆที่อาแวยังไม่ได้ดึงเนื้อซักปื้ดเลย แต่แม่ของอาแวก็ปล่อยให้ไป คิดว่าเดี๋ยวก็เหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา จ่ายค่าปรับ 500 บาทที่ศาลแล้วก็กลับบ้านได้

 

วันรุ่งขึ้นแม่ของอาแวไปที่สถานีตำรวจ ปรากฏว่าไม่มีใครรู้เรื่องที่อาแวถูกจับมาเมื่อวาน แม่ก็ไปเดินตามหาลูกตามหน่วยงานต่างๆ ก็ไม่มีใครตอบได้ อีกสามวันตำรวจเอาศพอาแวมาคืนให้แม่พร้อมกับรูกระสุนหลายรูที่หัวอาแว พร้อมกับบอกว่าอาแวเป็นผู้ค้ายาเสพติด ก็เลยถูกตำรวจทำวิสามัญฆาตกรรม แม่ก็ปล่อยโฮ ....  วันรุ่งขึ้นจะไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ ศอ.บต. ไอ้หน่วยนี้ก็ถูกการเมืองแทรกแซงจนถูกยุบไปตั้งปี 45 แล้ว

 

และมีกรณีลักษณะแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นไปทั่วพื้นที่หลายสิบกรณี ตีความง่ายๆว่าข้าราชการชั่ว มั่วเร่งทำยอดฆ่าคน เร่งสร้างผลงานโดยไม่ดุข้อเท็จจริง เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวของปัญหาทั้งหมดมาจนทุกวันนี้

 

แม้การฆาตกรรมลักษณะนี้มันจะมีไม่มากในพื้นที่นั้น แต่เพียง 10 - 20 คดีมันก็เพียงพอแล้วที่ไอ้พวกแนวคิดแบ่งแยกดินแดน 3 - 4 คน มันจะเอาไปใส่สีตีไข่ จากความชั่วร้ายของเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ทำให้คนไทยในภาคอื่นๆทั่วประเทศก็กลายร่างเป็นสัตว์นรกอำมหิตในสายตาของชาวบ้านในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ไปโดยพลัน

 

ระยะตั้งแต่ปี 2546 - 2547 ช่วงเวลาปีกว่าๆนี้ แนวคิดแบ่งแยกดินแดนเริ่มขยายตัว บ่มเพาะ สร้างแนวร่วม ขยายการรับการสนับสนุนอย่างดียิ่งโดยทั่วไปจากคนในพื้นที่ ช่วงนี้เองที่จากสิบ กลายเป็นร้อย จากร้อยกลายเป็นพันกลายเป้นหมื่น แต่ยังไม่ถึงหลักแสน

 

พอมาวันหนึ่งตำรวจไปจับคนร้ายมาใว้ที่โรงพักตากใบ ชาวบ้านเค้าก็กลัวกันว่าเดี๋ยวตำรวจก็มุบมิบทำหัวลูกชาวบ้านเค้าเป็นรูกระสุน แล้วอ้างว่าไอ้นี่ค้ายาเสพติดอีก ชาวบ้านจึงพากันไปเข้าล้อมโรงพักตากใบ ไม่ให้ทางการเอาตัวลูกเค้าไป ยื้อกันไปยื้อกันมาสักพักก็มีคำสั่งจากส่วนกลางให้ "เชือดไก่ให้ลิงดู" ตามแนวทาง "ยุทการกำปั้นเหล็ก" มีการส่งกำลังทหารเข้าไปจับกุมทุกคนที่ชุมนุมล้อมโรงพักตากใบ แต่อนิจจา หลายๆคนแค่เดินมาตามลูกไปกินข้าว แต่เพียงข้ามคืนกลับกลายสภาพเป็นศพเอามาคืนให้ครอบครัวเขา คำแก้ตัวของทางการก็คือ "ขาดอากาศหายใจ" "เนื่องจากอยู่ในช่วงถือศีัลอด" "ร่างกายไม่แข็งแรง" แค่นี้ ตามมาด้วยการกระหน่ำด้วยคำพุดจากปากทักษินว่า "พวกนี้ไม่ใช่คนไทย เพราะไม่ได้พูดภาษาไทย" ยิ่งเหมือนเทราดน้ำมันลงบนกองไฟ

 

จากแนวร่วมที่เคยมีเต็มที่ไม่เกินหลักหมื่น ตัวเลขกระโดดไปเป็นหลักแสน และขึ้นไปถึงหลายแสนถึงหลักล้าน มาจนทุกวันนี้

 

พอเข้าปี 2547 เดือนมกราคม กระบวนการเอาคืนก็เริ่มต้น ด้วยการเผาโรงเรียนพร้อมกัน 20 โรงเรียน ไล่ๆกับเข้าปล้นปืนค่ายปิเหล็ง เอาปืน 400 กว่ากระบอกไปแจกจ่ายกันในกลุ่มแนวร่วม

 

พอถึงเดือนมีนาคม ทนายสมชาย นีละไพจิตก็ถูกอุ้มหายไปทำเป็นฝุ่น

 

เดือนเมษายน "การเริ่มต้นของยุทธการใบไม้ร่วง" ก็เริ่มขึ้น เพื่อตอบโต้ "ยุทธการกำปั้นเหล็ก" ทีมฟุตบอลเยาวชน 19 คนและวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง อ.สะบ้าย้อยบุกเข้าจู่โจมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร แล้วก็ถูกยิงเสียชีวิต 108 คน ขณะที่ทหารตำรวจเสียชีวิต 5 นายจากการโดนฟัน บาดเจ็บอีก 98 นาย

 

จากเดือนเมษายน ไปจนตลอดทั้งปี ชาวบ้านที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ เจ้าหน้าที่ ครู โต๊ะอิหม่าม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อส.ฯลฯ ที่เคยเห็นหน้าเห็นตาอยู่ใน ศอ.บต. หรือเคยรับใช้หน่วยงานนี้ โดนปลิดชีพเป็นใบไม้ร่วงเฉียดพันศพ

 

และทักษินแก้ปัญหาด้วยการ "เชิญควายทั่วประเทศ ทุกคน ทุกระดับ มาช่วยกันพับนกกระดาษปัญาอ่อน"

 

แล้วก็ดันเสือกมีควายปัญญาอ่อนทุกระดับทั่วประเทศ "มาร่วมกันพับนกกระดาษปัญญาอ่อนกับทักษิน" จริงๆเสียด้วยสิ




#591092 เรื่องที่ทักษินเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมือง เผาสามจังหวัดชายแดนใต้ ... หลักฐาน...

Posted by kaidum on 6 February 2013 - 17:03

คุณสมพรครับไม่มีใครลิ้นงูไปใส่ร้ายทักษิณหรอกครับ
กระทู้นี้เราใช้การวิเคราะห์ เพื่อค้นหาสาเหตุที่ทำให้ภาคใต้
เกิดปัญหารุนแรง ทั้งๆที่เหตุการณ์อยูในภาวะที่เรียกได้ว่า
ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ทั้งพุทธและมุสลิม
มายาวนาน สิ่งที่คุณพูดมาในเรื่องมุสลิม สั่งสอนให้เกลียดพุทธ
เรื่องมุสลิมสร้างเรื่องเพื่อใส่ร้ายตำรวจ ทหาร ไทยพุทธ จนกระทั่ง
เปรียบมุสลิมเป็นเทวดาอะไรนั่น ผมก็ไม่เถียงคุณ เพราะผมอยู่ในพื้นที่
เรื่องพวกนี้เราเห็นเราพอรู้ และก็พออนุมานได้อีกด้วยว่า ส่วนหนึ่งเกิดจาก
เจ้าหน้าที่รัฐเองด้วย ไมใช่แค่คนมุสลิม

แต่ที่ผมเริ่มจะเห็นว่าคุณเลอะเทอะ คือเรื่องที่คุณพูดมานั้น มันเป็นเรื่องของผล
ที่ไม่ใช่สาเหตุ เรากำลังคุยกันเรื่องสาเหตุ

สิ่งที่คุณระบายออกมามันเป็นเรื่องของการกระทำที่เกิดขึ้นภายหลัง
สงครามชิงมวลชนทั้งจิตวิทยา ทั้งปฏิบัติการ ทั้งการข่าว
ที่พวกโจรมีกำลังกระทำได้ ก็สืบเนื่องมาจากความล้มเหลว
ในการตัดสินใจที่ผิดพลาดของรัฐบาลขณะนั้น ที่เปิดช่อง และใช้อำนาจ
จนกระทั่งเกิดอะไรต่อมิอะไรตามที่คุณกล่าวมาในภายหลัง ผมไม่เคยทะเลาะกับมุสลิม
มุสลิมไม่เคยห่างกับคนพุทธ เราอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกัน ภาษานายูคนพุทธพูดได้
คนมุสลิมเชิญคนพุทธมากินน้ำชาในโอกาสต่างๆ ไม่มีปัญหาอย่างที่คุณกล่าวมาเลย
ในสิบปีก่อนนั้น

คุณต้องเข้าใจว่าเรากำลังวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่ดูผลของเหตุ ที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายกันมาก เพราะทุกคนเห็นกันอยู่

มีใครอยากทำลายแม้วหรือ เพราะเท่าที่เห็น แม้วทำลายตัวเองโดยการใช้
ความคิด ความเข้าใจของตัวเองทั้งสิ้น ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับว่าแม้ว หรือ มาร์ค
จะยอมเสียสามจังหวัดใต้ไป หรือ คนไทยคนใหน อยากเสียสามจังหวัดไป เพียงเพื่อ
ทำลายแม้ว ข้อหานี้ไม่มีน้ำหนัก โจรใต้เองออกจะขอบคุณแม้วด้วยซ้ำ
ที่ทำให้พวกเขาต่อเติมเชื้อไฟที่ไกล้มอด ให้ลุกโชนขึ้นใหม่ได้ และไม่จำเป็น
ต้องทำลายแม้วด้วย หากเหตุการณ์ยังเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ ทำลายแม้ว
แล้วพวกโจรได้ประโยชน์ตรงใหน มันต้องการแยกดินแดน

เรื่องโรงเรียนตาฎีกา สอนมุสลิมให้เกลียดไทย เรื่องการกว้านซื้อที่ดินคนพุทธ
เพื่อตั้งศาสนสถานดาวะห์ คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอ

ทั้งหมดทัังปวงนั่น มันเกิดขึ้นหลังยุบหน่วยงาน ศอบต ทั้งนั้น
สมัยก่อนพวกโจรก็อยากทำแบบนี้ แต่ไม่มีมุสลิมเอาด้วย ทำได้อย่างดีก็
แอบเผาโรงเรียนแล้วหนีขึ้นเขา วันดีคืนดี นปพ เข้าปิดล้อมยิงทิ้งจนแทบเตียน
ทุกวันนี้ล่ะ เกิดอะไรขึ้น

คุณวิเคราะห์ให้ผมฟังที


#588704 วันนี้ผมนำพวงหรีดไปวางให้คุณบุญทรงที่กระทรวงพาณิชย์มาครับ (มีภาพ)

Posted by TFEX on 4 February 2013 - 21:00



ที่มา : จากเพจของ ธันวา ไกรฤกษ์

http://www.facebook.com/cyberpolitics

 

.............................................................

วันนี้ช่วงบ่ายผมเดินทางไปที่กระทรวงพาณิชย์มาครับ



ตั้งใจจะนำของบางอย่างไปให้ท่านรัฐมนตรีบุญทรงกับท่านรัฐมนตรีช่วยณัฐวุฒิ
 

แต่ปรากฎว่าไม่อยู่ทั้งคู่  เลยได้แต่นำไปวางไว้หน้าตึกที่ท่านนั่งทำงานเท่านั้น  เสียดายมากครับเพราะไม่รู้ตารางเวลาของท่าน



ของที่ว่านั้นก็คือ "พวงหรีด" ซึ่งเขียนข้อความเอาไว้ว่า "โกหกไปวันๆ"



ที่ต้องนำไปให้ท่านรัฐมนตรีก็เนื่องจากท่านได้นัดแถลงข้อเท็จจริงเรื่องที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณี "ทุจริตจำนำข้าว" 


ซึ่งหากนับตั้งแต่วันที่ท่านพูดครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม จนถึงวันนี้ก็ปาไปเกือบสองเดือนแล้ว



 

หากท่านบอกแต่แรกว่าอีกสองเดือนจะแถลง ผมคงไม่ว่าอะไรหรอกครับ

 

แต่ท่านเคยบอกไว้ว่าอีก 15 วัน  พอโดนนักข่าวซักหนักๆเข้าก็อ้างนู่นอ้างนี่ ผลัดไปเรื่อยๆไม่มีกำหนด


 

พฤติกรรมอย่างนี้ผมเรียกว่า "โกหกไปวันๆ"  ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่คนระดับรัฐมนตรีไม่ควรประพฤติเป็นอย่างยิ่ง



 

คนไทยทั้งประเทศรอฟังข้อเท็จจริงจากท่านอยู่

 

ว่าการรับจำนำและการประมูลข้าว โดยความรับผิดชอบของท่านนั้น ได้กระทำไปอย่างสุจริตหรือไม่ อย่างไร



 

การที่ท่านดึงเรื่องไว้อย่างนี้ ผมมองได้ทางเดียวว่าท่านแถลงไม่ออก เพราะมีการทุจริตคอรัปชั่นกันจริงๆ
 

และไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แต่มีมูลค่าสูงเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน



 

แค่วันนัดแถลงข่าวยังโกหก แล้วต่อไปประชาชนจะเอาความเชื่อมั่นที่ไหนมาให้ท่านและท่านนายกยิ่งลักษณ์ได้ล่ะครับ


 

 

สุดท้ายนี้หากท่านบริสุทธิ์ใจ ก็ช่วยแถลงภายในก่อนวันเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.นะครับ

 

เพราะถ้าไม่มีอะไรปกปิด หมกเม็ด พอท่านแถลงแล้วพรรคเพื่อไทยจะได้พ้นข้อครหา
 

คะแนนจากประชาชนในการเลือกตั้งผู้ว่าฯจะได้ไหลมาเทมา



 

แต่หากท่านไม่แถลงก่อนวันเลือกตั้ง เพราะกลัวว่าประชาชนทั้งชาติจะได้เห็นความจริงที่เกินจะรับได้


ผมก็ทำความเข้าใจได้ครับ  เพราะนายสั่งมาท่านก็ต้องทำตามอยู่แล้ว



 

Attached Images

  • พวงหรีด1.jpg
  • พวงหรีด2.jpg
  • พวงหรีด3.jpg
  • พวงหรีด4.jpg



#583732 ~**~ การ์ตูนล้อการเมืองฮาๆ จากห่วยตูน ณ เสรีไทยฯ~**~

Posted by ดอกปีบ on 30 January 2013 - 18:31

250774_598855366807059_1828399485_n1.jpg


#587599 เรื่องที่ทักษินเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมือง เผาสามจังหวัดชายแดนใต้ ... หลักฐาน...

Posted by โจโฉ นายกตลอดกาล on 3 February 2013 - 20:27

จากความทรงจำอันเลือนลาง เมื่อครั้งฟังพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้า

 

เมื่อครั้งวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม จำปีไม่ได้ ขออภัย

 

พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสเล่าถึงเหตุการณ์ว่าพระองค์ทรงเจ็บปวดที่เกิดเหตุการณ์สามจังหวัดใต้

 

และมีกระแสรับสั่งต่อชาวบ้านในพื้นที่ ที่มาเข้าเฝ้าในขณะนั้น ชาวบ้านบอกว่า

 

"มาเถอะประไหมสุหรี ไปดูกัน" ชาวบ้านได้พาพระองค์อำพรางพระวรกาย

 

ไปในพื้นที่สามจังหวัด เห็นทั้งการฝึกคน เห็นหลายๆอย่าง พระองค์ทรงมีรับสั่งต่อชาวบ้าน

 

ที่พาพระองค์ไปว่า "ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การเมืองใช่ไหม" เป็นประโยคสั้นๆที่ผมได้ฟังพระราชดำรัส

 

ในวันเฉลิมฯแล้วน้ำตาซึมทันที ที่น้ำตาซึม เพราะรับรู้ถึงความทุกข์ของ "แม่ของแผ่นดิน"

 

และไม่มีกำลังมากพอที่จะช่วยพระองค์แบ่งเบาทุกข์นี้ให้หาย หรือ เบาบางลงได้




#586461 ,,,,,ความคล้ายคลึงกันของท่านยิ่งลักษณ์เเละท่านอองซานซูจี

Posted by ดอกปีบ on 2 February 2013 - 14:42

ที่เหมือนกันก็แค่ เป็นผู้หญิง เหมือนกันเท่านั้น

 

ส่วนอื่นๆ ต่างกัน <ฟ้ากับก้นเหว>
 

ตัวอย่างเช่น

 

ซูจี มีสามีคนเดียวตลอดชีวิต ถึงแม้สามีจะตายไปแล้วก็ไม่เคยคิดจะมีใหม่ แต่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่

 

ซูจิ สวยตามธรรมชาติ แต่ ยิ่งลักษณ์สวยด้วยโบท็อกซ์

 

ซูจี พูดภาษาอังกฤษปร๋อ แต่ ยิ่งลักษณ์พูดผิดพูดถูก

 

ซูจี กล้าแกร่ง แม้ต้องติดคุก ถูกกักบริเวณก็ไม่ย่อท้อ แต่ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ แม้เรื่องนิดเดียวก็สติแตกซ่านแล้ว
 

ซูจี แกร่งดังหินผา แต่ยิ่งลักษณ์เป็นแค่ ไข่ในหิน

 

ซูจี พูดโดยไม่ต้องใช้โพย แต่ยิ่งลักษณ์ ขาดโพยไม่ได้

 

ซูจี ชาตินิยม ไปไหนก็แต่ตัวด้วยเสื้อผ้าเอกลักษณ์สาวพม่า แต่ยิ่งลักษณ์ไปไหนก็กระแดะไปแต่งตัวตามชาตินั้น

 

ซูจี ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตจนวันนี้มีอายุ 67 ปี เพื่อประชาธิปไตย แต่ ยิ่งลักษณ์ ใช้เวลา 40 กว่าวันเท่านั้น

 

ฯลฯ มีมากมายคณานับ ที่พูดได้ว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ขี้ตีนของซูจี

 

 

อย่าอวยยิ่งลักษณ์จนไม่ลืมหูลืมตาเลยค่ะป้าจิน ยิ่งลักษณ์หาได้คู่ควรที่จะนำมาเทียบเคียงกับซูจี แม้แต่นิดเดียว

 

เพราะซูจีได้พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าเธอมีจิตวิญญานประชาธิปไตยอย่างเต็มเปี่ยม

 

ส่วนยิ่งลักษณ์เธอก็แค่เป็นนอมินี่ให้กับทักษินเท่านั้น เธอใช้เวลาเพียง 49 วัน ก็เป็นนายกได้ หาได้มีจิตวิญญานทางการเมืองหรือจิตวิญญานทางประชาธิปไตยไม่ คนรู้กันทั่วทั้งโลก มีแต่ควายแดงเท่านั้นแหล่ะที่ไม่รู้ เธอจึงเป็นได้แค่ ผู้นำทางจิตวิญญานประชาธิปไตยจอมปลอมของควายแดงเท่านั้น ที่ยังคง ชาบู ชาบู อย่างไม่ลืมหูลืมตา :( 




#585683 ปฏิบัติการ120วัน ปิดตำนาน'กำนันเป๊าะ'

Posted by kwan_kao on 1 February 2013 - 16:29

ถ้าจะหาเหตุผลว่าทำไมกำนันเป๊าะถึงมาเสียท่า ต้องบอกว่านอกเหนือจากความประมาทแล้ว ก็ยังมีสาเหตุมาจากความเหนือเมฆในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วย เป็นไปได้อย่างไรที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. แทบจะไม่ระแคะระคายภารกิจของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

 

 


 

 

ย้อนกลับไปช่วงโยกย้ายนายตำรวจกลางปี 2555 ก็ปรากฏเกมการเมืองภายใน สตช.พอสมควร เมื่อ “บิ๊กกิ๊ก” เป็นตัวเต็งที่มีแนวโน้มได้ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. แต่ฝ่ายการเมืองไม่เอาด้วย โดยเห็นว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โตขึ้นมาในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จากการสนับสนุนของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ทำให้รัฐบาลไม่อาจไว้วางใจให้นั่งตำแหน่งใหญ่ได้ จึงถูกแช่แข็งให้อยู่ในเก้าอี้ตัวเดิมไปก่อน


 

ที่สำคัญ ร.ต.อ.เฉลิม มองข้ามความสำคัญของบิ๊กกิ๊ก หันไปใช้งานตำรวจนครบาลภายใต้การนำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือบิ๊กแจ๊ด เป็นหลัก และในขณะเดียวกันมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ปลื้มบิ๊กกิ๊ก ไม่เรียกใช้งาน ปล่อยให้โลกลืมภารกิจของกองบัญชาการสอบสวนกลาง


 

ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าวออกมาอีกว่า ร.ต.อ.เฉลิม เตรียมเปิดทางให้บิ๊กกิ๊ก ไปเป็น ผช.ผบ.ตร. ตามโครงสร้างใหม่ที่จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ เพื่อที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะได้คุมกองปราบฯเบ็ดเสร็จ รวมไปถึงตำรวจน้ำ ที่จะใช้ปราบขบวนการน้ำมันเถื่อน


 

นี่ถึงเป็นเหตุให้บิ๊กกิ๊กเปิดปฏิบัติการจับกุมกำนันเป๊าะ ชนิดไม่ต้องเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ส่งผลให้รัฐบาลต้องเสียหน้าอย่างยับเยิน

 

 

 

 

อ่านฉบับเต็มได้ จาก โพสต์ทูเดย์ วิเคราะห์การเมือง โดย ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

 

http://www.posttoday...บเป๊าะสะเทือนปู




#583584 เรื่องที่ทักษินเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมือง เผาสามจังหวัดชายแดนใต้ ... หลักฐาน...

Posted by young politic on 30 January 2013 - 15:49

ถึงไม่ใช่ผู้อาวุโสก็ขอตอบเรื่องทัวร์นรกที่คุณผึ้ง(มิติใหม่) ถามถึงนั้นแทนละกัน

    ทัวร์นรกเกิดขึ้นสมัยพลเอกหาญ เป็นแม่ทัพภาค4  ในช่วงนั้นชาวบ้านเดินทางกลางคืนระหว่างจังหวัด หรือไปมากรุงเทพฯไม่ปลอดภัย  โจรดักปล้นเกือบทุกคืน  รถโดยสาร รถทัวร์โดนกันเกือบทุกบริษัท  พลเอกหาญเลยให้ทหารพร้อมอาวุธปลอมเป็นผู้โดยสารรถทัวร์ ซึ่งรถทัวร์นี้เป็นทหารทั้งคัน  วิ่งไปมาในภาคใต้  โจรไหนดวงซวยมาปล้นรถทัวร์คันนี้เข้าเป็นอันไม่รอด ตายเกือบทุกราย  โจรโดนดักบ่อยๆเข้า เลยเลิกปล้นไปเกือบหมด เรียกได้ชาวบ้านเดินทางได้ปลอดภัยเป็นปกติ  จากนั้นทัวร์นรกล้มเลิกไป  จำได้เลาๆเท่านี้แหละ

       




#581892 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

Posted by SPDZ on 28 January 2013 - 13:41

หลอนมั้ย ?



391204_449988398400916_917546329_n.jpg


#578678 ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ

Posted by ตะนิ่นตาญี on 24 January 2013 - 19:39

แอบอ่านมานาน

เรื่องของคุณขวัญข้าว ทำเอาน้ำตาไหลเลย

อันนี้เป็นเพลงโปรดอีกเพลงของตัวเอง

ฝากไว้ให้ฟังนะคะ

......

คุณ Nong ขา ไม่ต้องแอบเลยค่ะ เข้ามาคุยกันได้เลยค่ะ

เจ้าของบ้านหลังนี้ น่ารัก ใจดีเป็นที่หนึ่ง เลยคะ

สุภาพบุรุษที่นี่ ก้น่าร้าก.... หวานซ้า...

นั่งอ่านไป มดเดินขึ้นหน้าขึ้นตากันเชียว :lol:

 

คุณตะนิ่นฯ ขอโทษค่ะ พาออกทะเลอีกแล้ว :(

ไม่ทราบเป็นโรคอิจฉาหรือเปล่า ชอบชักใบให้เรือเสียอยู่เรื่อยค่ะ

 

ต่อ ๆ ค่ะ

อ่านเรื่องการเมืองเครียด ๆ หนัก ๆ แวะมาฟังเพลงที่นี่คลายเครียด

เสียดายไม่มีความรู้ทางนี้ ไม่งั้นจะเอามาเชื่อมต่อกัน

เวลาเปิด คลิกทีเดียวจะได้ฟังตลอดวัน

ตอนนี้ต้องมาคลิกฟังทีละเพลงค่ะ

ท่านใดมีวิธีดีกว่านี้ กรุณาแนะนำด้วยนะค่ะ

 

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

 

ขอบพระคุณ คุณขวัญฯ มากครับ

 

หากพื้นที่ตรงนี้เปรียบเสมือน "บ้านสักหลังหนึ่ง" ก็คงจะเป็น "บ้าน" ที่ทุกคนเป็น เจ้าของ

 

ลองหันไปดูรอบรอบสิครับ นั่นกระเบื้องแผ่นนั้น คุณจีรนุช นำมาติดไว้ 

 

หลอดไฟดวงนี้ คุณอู๋ ฮานามิ เอามา แจกัน ตรงนี้ คุณ MIRO วางไว้ ส่วน มุม ตรงนั้น

 

เก้าอี้ยาวของ คุณ asawinee เธอไว้ใช้นอนฟังเพลง แล้วเห็น เสาหลัก ทุกต้นไหมครับ

 

คุณ chackrapbong เป็นคนลง หลักปักฐาน ด้วยมือตัวเธอเองนะครับ ภาพติดฝานังภาพนั้น คุณ Gop เป็นคนเอามาครับ

 

พัดลม ตัวนี้ เห็น คุณ phoosana ว่าซื้อมาหลายตังค์อยู่ ส่วนเก้าอี้โยก ที่เห็นอยู่นี้ คุณผึ้งน้อยฯ เธอชอบมาก

 

ตรงนี้ครับ เป็นมุม ของ คุณคนสึ่งตึง ที่ชอบแอบมานั่งฟังเพลงจนหลับไป ส่วนตรงนั้น คุณ stormtrooper เอาเตียงผ้าใบมาตั้งไว้

 

นั่นครับนั่น แผ่นเสียง ของ คุณ Shariff ครับ ส่วน side board ที่ติดอยู่เป็นของ คุณ eAT ครับ เห็นว่าไว้ใส่ ขนมขบเคี้ยวเวลาที่หิวกัน

 

รูปปั้น เทพีวีนัส ตรงนู้น คุณ A DESIGN FOR LIFE เป็นคนปั้นเองเชียวนะครับ คุณ patama เธอก็เคยแวะมานะครับ 

 

นี่ หิ้งพระ ของ คุณทำดี ครับ สมชื่อเลยครับ เห็นเครื่องดนตรีไทยไหมครับ ตรงนั้นไงครับ ของ คุณพี่พระฤๅษี ท่านเอาประดับไว้ครับ

 

ส่วน คุณ gobura เธอเอาหมอนอิงมาทิ้งไว้ครับ ส่วน กาน้ำร้อน อันนี้ ของ คุณ ดาร์คสวอน ครับ 

 

ฝาผนังบ้านที่เห็นสีสวยสวยนั้น คุณขวัญข้าว เธอเป็นคนทาไว้ครับ สวยนะครับ ส่วนช่อดอไม้ใหญ่ใหญ่ ๕ ช่อ นั้น

 

คุณ Lucasฯ นำช่อกุหลาบเหลืองมาให้ คุณ juemmy เอาช่อดอกลิลลี่มาฝาก คุณ Duke_th1 เอา กุหลาบขาว แซมด้วย forget me not ช่อใหญ่นั่นไง

 

คุณ 1ktip เป็นช่อแดงกุหลาบแดงครับ ส่วน เยอบีร่าช่อใหญ่ นั้น ของ คุณอ่านตลอดล่ะ ดูที่หลังคานั่นสิครับ คุณพี่ IFai กำลังปรับปรุงขานนใหญ่เลยน่ะนั่นน่ะ

 

อ้าว...นั่น คุณ huey นี่นา สงสัยกำลังจัดแผ่นเสียงที่เอามาอยู่ คุณ Stargate-1 กับ คุณ Nong มาพร้อมกันเลย เอา ของกิน-ของใช้ มาฝากด้วย

 

บ้านหลังนี้จึงไม่ใช่ของใครเพียง คนใด-คนหนึ่ง แต่เป็นของทุกทุกคน หากแต่เป็นของ เพื่อนเพื่อน ทุกคนที่ได้ ร่วมมือ-ร่วมใจ กัน

 

สร้างพื้นที่ ตรงนี้ให้ เป็นบ้าน-เป็นที่พักทางใจ ยามเมื่อเหนื่อยล้ากันมา....

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖

 

เวลา ๑๙.๓๙ นาฬิกา

 

 




#576798 ฟังดนตรีเถิดชื่นใจ

Posted by kwan_kao on 22 January 2013 - 20:12

เจอแล้วค่ะ แต่ยาวเหมือนกันนะค่ะ

 

http://variety.teene...rain/37705.html

 

 

 

เรื่องราวคนขายเต้าหู้ คือพ่อฉันผู้เป็นใบ้


เรื่องจริงที่เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่


             ตอนเหนือของมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน มีเมืองขนาดกลาง ชื่อว่า เทือกเหล็ก เกือบทุกเช้าตรู่หรือพลบค่ำ บนท้องถนนกรรมกร จะเห็นผู้เฒ่าเข็นรถขายเต้าหู้เคลื่อนไปอย่างช้าๆ ลำโพงที่ต่อกับแบตเตอรี่บนรถ กระจายเสียงใสของหญิงสาว


“เต้าหู้มาแล้วจ้า เต้าหู้อ่อนสูตรโบราณ เต้าหู้อร่อยจ้า – เสียงนี่เป็นของฉัน คนขายคือพ่อฉัน พ่อฉันเป็นใบ้”


ตราบถึงวันนี้อายุกว่ายี่สิบแล้ว ฉันจึงใจกล้าพอที่จะบันทึกเสียงตัวเองไว้บนรถขายเต้าหู้ของพ่อ แทนกริ่งทองเหลืองที่พ่อเขย่ามาหลายสิบปี อายุแค่ 2-3 ขวบ ฉันก็รู้จักว่ามีพ่อเป็นใบ้น่าอัปยศเพียงใด ดังนั้นฉันจึงเกลียดชังพ่อแต่เล็ก เมื่อฉันเห็นเด็กบางคนถูกแม่สั่งให้มาซื้อเต้าหู้ กลับหยิบเต้าหู้ไปโดยไม่จ่ายเงิน พ่อโก่งคอยาวแต่ไม่อาจตะเบ็งเสียงออกมา ฉันไม่อาจทำเหมือนพี่ชายที่ไล่ตามไปต่อยเด็ก ได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ปริปาก ฉันไม่ชังเด็กคนนั้น แต่กลับชังพ่อที่เป็นใบ้


ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่พี่ชายช่วยหวีผมให้และเจ็บจนต้องสูดปากซี๊ด ฉันก็แข็งใจไม่ยอมให้พ่อถักผมเปีย ตอนที่แม่เสียไม่ได้เก็บรูปถ่ายบานใหญ่ไว้ มีเพียงรูปขาวดำขนาด 2 นิ้วที่ถ่ายร่วมกับสาวเพื่อนบ้านก่อนแต่งงาน เมื่อพ่อถูกฉันเมินเฉย ก็มักจะหันกระจกเงากลับมาดูรูปแม่อีกด้านหนึ่ง เพ่งจนนานพอแล้ว ค่อยจากไปทำงานอย่างซึมเซา


น่าโมโหที่สุดคือเด็กคนอื่นเรียกฉันว่า อีใบ้สาม (ฉันเป็นลูกคนเล็กอยู่อันดับสาม) ฉันจะวิ่งกลับบ้านเมื่อด่าสู้พวกเด็กไม่ได้ ต่อหน้าพ่อที่กำลังโม่เต้าหู้อยู่ ฉันเขียนวงกลมบนพื้น แล้วถ่มน้ำลายที่ตรงกลาง ถึงแม้ฉันไม่เข้าใจว่าที่ตนทำนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ทำเช่นนี้เมื่อถูกเด็กด่าว่าฉันคิดว่า นี่คงเป็นการแสดงคำด่าคนใบ้ที่ร้ายกาจที่สุดแล้ว ครั้งแรกที่ฉันด่าพ่อด้วยวิธีนี้ ทำให้พ่อต้องหยุดงานในมือ มองดูฉันอย่างงุนงง น้ำตาไหลนองหน้าอยู่นาน น้อยครั้งที่ฉันเห็นพ่อร้องไห้ แต่วันนั้นพ่อขดตัวในโรงเต้าหู้ร้องไห้ตลอดทั้งคืน เป็นการสะอึกสะอื้นที่ไม่ส่งเสียงดัง เพราะเห็นพ่อหลั่งน้ำตา ฉันจึงดูเหมือนหาทางออกให้กับความน้อยใจของฉันได้ในที่สุด ดังนั้น ต่อจากนั้นเป็นต้นมา ฉันมักจะไปด่าพ่อต่อหน้าต่อตาแล้วเดินหนี ปล่อยให้พ่องงเป็นไก่ตาแตก ทว่าพ่อไม่หลั่งน้ำตาอีกแล้ว แต่จะขดตัวที่ผอมเซียวให้ลีบเล็กลง พิงกับคานโม่ หรือจานโม่ ดูน่าเกลียดยิ่งในสายตาฉัน ฉันต้องเรียนหนังสือให้ดี เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย พ้นจากหมู่บ้านเล็กที่ใครๆก็รู้ว่าพ่อฉันเป็นใบ้ นี่เป็นความปรารถนาใหญ่ยิ่งของฉันในขณะนั้น


ฉันไม่รู้ว่าพี่ชายสองคนมีเหย้าเรือนได้อย่างไร ไม่รู้ว่าโรงเต้าหู้นั้นพ่อเปลี่ยนคานโม่ใหม่อีกกี่ด้าม ไม่รู้ว่ากริ่งทองเหลืองลั่นจนริมขอบสึก ผ่านไปแล้วกี่ฤดูกาลกี่ตำบลหมู่บ้าน รู้เพียงว่าฉันปฏิบัติต่อตนอย่างเคืองแค้น เรียนหนังสืออย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้


เสื้อม่อฮ่อมกรมท่าซึ่งอาโกวตัดเย็บให้ตั้งแต่ปี 1979 พ่อเพิ่งเอามาใส่เป็นครั้งแรกในต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 1992 ท่ามกลางแสงตะเกียงในยามค่ำ พ่อหน้าตาชื่นบานขณะยัดธนบัตรกำใหญ่ซึ่งยังติดกลิ่นคาวเต้าหู้ไว้ที่ฝ่ามือฉันอย่างพิถีพิถัน ปากก็เอะอะเออออไม่หยุดยั้ง ฉันมองดูความดีใจและภาคภูมิของพ่อโดยวางตัวไม่ถูก เหม่อมองพ่อเที่ยวแจ้งให้ญาติโยมเพื่อนบ้านทราบด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มพอใจ เมื่อฉันเห็นพ่อพาคุณอาและพี่ๆ มาช่วยลากหมูตัวที่พ่อบรรจงขุนมา 2 ปีจนอ้วนพี ลงมือชำแหละเพื่อเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน เป็นการฉลองที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัยได้ หัวใจแข็งดุจท่อนไม้ของฉันไม่รู้ถูกอะไรสะกิดเข้า จนฉันร้องไห้โฮ


บนโต๊ะอาหาร ฉันคีบหมูหลายชิ้นให้พ่อต่อหน้าคนหลายๆคน ฉันน้ำตานองหน้า เรียกพ่อให้กินเนื้อหมู พ่อไม่ได้ยินหรอก แต่เข้าใจความหมายของฉัน นัยน์ตาพ่อฉายประกายที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวดเหล้าเกาเหลียงที่ตวงซื้อมา พร้อมกับกินชิ้นหมูที่ลูกสาวคีบให้ พ่อคงเมาแล้ว หน้าแดงก่ำ หลังยืดตรง ส่งภาษามืออย่างองอาจ เป็นความจริงที่ว่า ผ่านมา 18 ปีเต็มๆ พ่อเพิ่งเคยเห็นรูปริมฝีปากฉันขณะเรียกพ่อเป็นครั้งแรก พ่อโม่เต้าหู้ด้วยความยากลำบาก เอาธนบัตรที่คลุกด้วยกลิ่นไอเต้าหู้ส่งเสียให้ฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัย


ปี 1996 ฉันเรียนจบได้รับบรรจุงานที่เทือกเหล็กห่างจากบ้านเกิด 40 กม. เมื่อจัดที่พักเรียบร้อย ฉันเดินทางไปรับพ่อผู้ใช้ชีวิตคนเดียวมาอยู่ในเมือง เพื่อรับความสุขที่ลูกสาวมอบให้แม้จะช้านานก็ตาม
  114972.jpg  
ทว่าระหว่างทางนั่งแท็กซี่กลับหมู่บ้าน เกิดอุบัติเหตุขึ้น

เรื่องราวต่างๆหลังจากอุบัติเหตุ ฉันทราบจากพี่สะใภ้ เล่าให้ฟัง……… มีคนเดินทางจำได้ว่าผู้ประสบเหตุคือลูกสาวคนเล็กของเฒ่าถู ดังนั้น พี่ใหญ่พี่รอง สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองต่างมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทุกคนได้แต่ร้องไห้เมื่อเห็นฉันสลบคาที่ ทำอะไรไม่ถูก พ่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนสุดท้าย รีบช้อนร่างฉันขึ้นมาและโบกรถใหญ่ข้างทางให้หยุด ผู้คนในเหตุการณ์ต่างเห็นว่าฉันไม่รอดแน่ พ่อใช้ขายันร่างฉันไว้ แล้วใช้มือล้วงธนบัตรปึกใหญ่ออกจากกระเป๋าเสื้อ ยัดใส่มือคนขับรถ พร้อมกับขีดเขียนรูปกากบาทถี่ๆ ขอร้องให้พาส่งโรงพยาบาล พี่สะใภ้เล่าว่า พ่อแต่ไหนแต่ไรร่างกายอ่อนแอ แต่ขณะนั้นสำแดงพลังความแข็งแกร่งมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ

หลังจากพยาบาลเบื้องต้นแล้ว หมอให้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น และเปรยกับพี่ๆ ว่า รักษาต่อไปก็ป่วยการเปล่า เพราะขณะนั้น ความดันโลหิตฉันเกือบวัดไม่ได้ หัวกระบาลถูกชนน่วมเป็นลูกน้ำเต้า ชุดสวมศพที่พี่ใหญ่ซื้อมาโดยเห็นว่าหมดหวังแล้วถูกพ่อฉีกทิ้ง พ่อชี้ที่ตาตัวเอง ชูหัวแม่มือ จ่อที่ขมับตัวเอง จากนั้นชูสองนิ้วชี้ที่ตัวฉัน แล้วชูหัวแม่มืออีก โบกมือแล้วหลับตา นั่นหมายความว่า พวกคุณอย่าร้องไห้ พ่อยังไม่ร้องเลย น้องสาวคุณไม่ตายหรอก เธออายุเพียง 20 กว่า ยังไหวแน่ เราช่วยชีวิตเธอได้แน่ ****ังคงยืนยันว่าหมดทาง ให้พี่ใหญ่บอกกับพ่อว่า แม่หนูไม่รอดแน่ ถึงจะรักษาก็ต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ว่าจะรักษาได้

ทันใดนั้นพ่อคุกเข่าลง แล้วลุกขึ้นทันที ชี้มายังฉันพร้อมกับชูแขนสูง จากนั้นก็ทำท่าเพาะปลูก เลี้ยงหมู ถางหญ้า โม่เต้าหู้ แล้วปลิ้นกระเป๋าเสื้อซึ่งภายในว่างเปล่า พร้อมกับชูมือสองข้างกลับฝ่ามือไปมาสองรอบ นั่นหมายความว่า ขอร้องคุณหมอเถิด ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน เธอมีอนาคตดี เป็นคนเก่ง คุณหมอต้องช่วยเธอ ผมจะหาเงินมาเสียค่ารักษา ผมเลี้ยงหมู ทำนา ทำเต้าหู้ได้ ผมมีเงิน ตอนนี้ก็มีอยู่4 พันหยวน

หมอจับมือพ่อพร้อมกับสั่นหัว นัยว่า แค่ 4 พันหยวนยังขาดอีกเยอะ พ่อไม่รีรอ ชี้ไปยังพี่ๆและพี่สะใภ้ กำมือแน่น หมายความว่า ผมยังมีคนเหล่านี้ช่วยกันพยายาม เราทำได้แน่ เห็นหมอยังทำเฉย พ่อชี้ที่หลังคา ก้มหัวใช้เท้ากระทืบพื้น พนมมือสองข้างไว้ด้านขวาของศีรษะ แล้วหลับตา หมายความว่า ผมมีบ้านขายได้ ผมนอนบนพื้นดินก็ได้ แม้จะหมดเนื้อหมดตัว ผมก็ขอให้ลูกสาวอยู่รอด พ่อชี้ไปยังหน้าอกคุณหมอ แล้ววางมือลง หมายความว่า ขอให้คุณหมอไว้ใจ เราไม่เบี้ยวค่ารักษาหรอก เรื่องเงินเราจะหาทางออก พี่ใหญ่แปลภาษามือของพ่อให้หมอฟังพลางร้องไห้ไป ไม่ทันแปลจบ หมอซึ่งเห็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตายจนชินชา บัดนี้ก็อดกลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน

พ่อใช้ท่ามือที่รวดเร็ว สื่อความแม่นยำ ใครๆเห็นแล้วต้องร้องไห้ หมอบอกอีกว่า ทำศัลยกรรมก็ไม่รับรองว่าจะช่วยชีวิตได้ เกิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร พ่อตบกระเป๋าเสื้อตัวเอง แล้วลูบที่หน้าอก หมายความว่า ขอให้หมอช่วยเต็มที่ แม้จะไม่ไหว ก็จะจ่ายเงินให้ครบ โดยไม่บ่นโทษแม้แต่คำเดียว ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ ไม่เพียงแต่ค้ำจุนชีวิตฉัน ยังค้ำจุนกำลังใจและความแน่วแน่ให้หมอในการช่วยชีวิตฉัน ฉันถูกนำเข้าห้องผ่าตัด พ่อรออยู่นอกห้องเดินไปมาอย่างลุกลี้ลุกลนตามระเบียงจนรองเท้าสึกเป็นรู

พ่อไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว แต่กลับเป็นแผลพุพองเต็มปากหลังจากเฝ้ารออยู่นอกห้องสิบกว่าชั่วโมง พ่อทำท่าอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสับสนไม่เป็นระเบียบ จนฟ้าดินปรานี ให้ฉันรอดมาได้


ฉันสลบเหมือดตลอดระยะเวลาครึ่งเดือน ไม่ตอบสนองต่อความรักจากพ่อ ทุกคนหมดกำลังใจในตัวฉันซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา มีเพียงพ่อคนเดียวที่ยืนหยัดเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้รอฉันฟื้นขึ้นมา พ่อใช้มืออันหยาบกร้านบรรจงนวดให้ฉันกล่องเสียงพิการของพ่อได้แต่เปล่งลมเออออเรียกฉัน เหมือนกับพูดว่า “ลูกหยูน ตื่นเถิด ลูกหยูน พ่อทำน้ำเต้าหู้สดๆรอลูกอยู่”

  114974.jpg  


เพื่อเอาใจหมอและพยาบาล พ่อจะอาศัยเวลาที่พี่มาเฝ้าไข้แทน ทำเต้าหู้ร้อนๆถาดใหญ่ มาแจกแก่เจ้าหน้าที่พยาบาลเกือบทุกคนในแผนกศัลยกรรม แม้โรงพยาบาลตั้งระเบียบไม่ให้รับของจากคนไข้ แต่ด้วยคำขอร้องที่บริสุทธิ์จริงใจเช่นนี้ พวกเขาก็รับไว้อย่างเงียบๆ แค่นี้พ่อก็พอใจและมีความมั่นใจยิ่งขึ้น

พ่อใช้ภาษามือสื่อความว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้ใจบุญ เชื่อว่าต้องรักษาลูกสาวผมได้แน่

ระหว่างนั้น เพื่อระดมค่ารักษา พ่อเดินสายไปทุกหมู่บ้านที่เคยไปขายเต้าหู้ ความซื่อสัตย์สุจริตตลอดชีวิตที่ผ่านมา ได้รับความสนับสนุนเพียงพอที่จะช่วยลูกสาวรอดพ้นจากเส้นตาย ชาวบ้านต่างออกเงินช่วยเหลือ พ่อก็ไม่ปล่อยปละละเลย ใช้ดินสอจดบัญชีเต้าหู้บันทึกรายละเอียดด้วยลายมือหงิกงอ ทว่าชัดเจนดังนี้ คุณจัง 20 หยวน คุณลี่100 หยวน อาซ้อหวัง 65 หยวน……

ในที่สุดฉันฟื้นขึ้นมาจนได้ตอนเช้าตรู่วันหนึ่งหลังจากครึ่งเดือนผ่านไป ฉันเห็นผู้เฒ่าผอมเซียวจนเสียรูป อ้าปากกว้าง เปล่งเสียงเออออดังลั่นด้วย ความดีใจที่ได้เห็นฉันตื่นขึ้นมา ผมขาวโพลนของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อในฉับพลันเนื่องจากความตื่นเต้น ครึ่งเดือนก่อนพ่อยังมีผมดำเต็มศีรษะ ครึ่งเดือนผ่านไป พ่อแก่ไปตั้ง 20 ปี หัวโกนจนเกลี้ยงของฉันเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นแล้ว พ่อลูบไล้หัวฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมตตา การลูบไล้เช่นนี้ ในอดีตถือเป็นความสุขเกินตัวสำหรับพ่อ

เวลาผ่านไปครึ่งปี ผมฉันยาวพอที่จะถักเปียได้ ฉันจูงมือพ่อขอร้องช่วยหวีผมให้ พ่อกลับออกอาการเปิ่นเก้อ พ่อหวีทีละกระจุก หมดไปค่อนวันก็ยังไม่อาจหาทรงที่ถูกใจพ่อ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อหันมาอยู่หน้าฉัน ทำท่าอุ้มฉันโยนออกไป แล้วงอนิ้วมือเหมือนท่านับเงิน อ้อ พ่อคิดจะเอาตัวฉันไปขายเหมือนขายเต้าหู้ละสิ ฉันแสร้งปิดหน้าร้องไห้ จนพ่อดีใจหัวเราะ ฉันแอบดูพ่อผ่านช่องนิ้วมือ เห็นพ่อหัวเราะจนขดตัวยองๆกับพื้น เกมนี้เราเล่นจนกระทั่งฉันลุกขึ้นยืนและเดินได้

ทุกวันนี้ มีเพียงอาการปวดหัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น สุขภาพโดยทั่วไปฉันดูแข็งแรงดี พ่อจึงพึงพอใจยิ่ง เราช่วยกันชำระหนี้สินจนหมด แล้วพ่อก็ย้ายเข้าเมืองอยู่กับฉัน โดยที่พ่อขยันทำงานมาตลอด ทนไม่ได้กับชีวิตอยู่เฉยๆ ฉันจึงเช่าเพิงเล็กๆ ใกล้บ้านให้พ่อทำเป็นโรงเต้าหู้ เต้าหู้ที่พ่อทำ รสชาตินุ่มหอมก้อนใหญ่ดี เป็นที่นิยมของชาวบ้าน ฉันติดตั้งชุดลำโพงกับแบตเตอรี่บนรถเข็นเต้าหู้ให้พ่อ แม้ว่าพ่อไม่ได้ยินเสียงกังวานของฉัน แต่ท่านย่อมทราบดี ทุกครั้งที่พ่อกดปุ่มเสียง ท่านจะอกผายไหล่ผึ่ง รู้สึกถึงความสุขและพอเพียง เรื่องราวในอดีตที่ฉันเหยียดหยามพ่อ ท่านมิได้จดจำจองเวรไว้เลยแม้แต่น้อย จนตัวฉันเองก็ใจไม่ถึงพอที่จะสารภาพผิดต่อท่าน


ฉันคิดอยู่เสมอว่า โลกเราเปี่ยมล้นด้วยสังคีตแห่งความรัก เราสดับฟัง สาธยาย สัมผัส และสะเทือนใจ แต่แล้ว พ่อผู้ใบ้ของฉันกลับสอนให้ฉันเข้าใจว่า อันที่จริงแล้ว สังคีตอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือปลอดเสียง อันเป็นพลังที่ไม่พึงสงสัย ทำให้ฉันตีความความรักให้สูงขึ้นไปอีก

ขอให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ เพราะชีวิตเราได้มาไม่ง่าย มีโอกาสพบกันถือเป็นบุญวาสนา

ขอให้เราปรนนิบัติต่อพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกตเวที เพราะหลังจากท่านสิ้นบุญแล้วจะเหลือแต่ความรำลึก

ขอให้เราปฏิบัติต่อคู่ชีวิตด้วยความจริงใจ เพราะหลังจากจากกันแล้วจะไม่มีโอกาสจูงมือกันเดินเที่ยว

ขอให้เราทะนุถนอมการเจริญเติบโตของบุตร เพราะเมื่อถึงเวลาอันควรจะไม่มีโอกาสได้โอบกอดลูกๆอีก

ขอให้เราทุ่มเทและให้อย่างเต็มที่ ขอบคุณและอุทิศโดยไม่เห็นแก่ตัว ต่อการพบปะในบุญวาสนาทุกโอกาส


#576388 คิดยังไงกับ โรฮิงญา

Posted by อาตี๋ on 22 January 2013 - 12:56

เอามาให้คุณหนูจินนี่อ่าน เป็นบทความจากเวปประชาไท น่าจะตรงจริตนะ

 

แม้จะเกินสามบรรทัดก็ช่วยอ่านหน่อยนะ (อุตส่าห์เปลืองตัวลงปลักเข้าเวปประชาไท เอาลิงค์มาให้อ่านแล้ว)

 

ประชุมนานาชาติเรื่องโรฮิงยา-ชี้พม่าร้าวลึกเรื่องชาติพันธุ์ยิ่งกว่าเรื่องประชาธิปไตย
http://prachatai.com...l/2012/08/42100

 

 

โรฮิงญา : มรดกความขัดแย้งจากประวัติศาสตร์บาดแผล
http://prachatai.com...l/2013/01/44767

 

ขอบ่นหน่อย

 

ผมว่าคนในเวปประชาไทหลายคนก็เก่งนะ แต่มีข้อเสียเสีย (ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก) คือ มีอคติกับบ้านเกิดตัวเอง ชอบคิดว่าบ้านเกิดตัวเองล้าหลัง ต้องพัฒนาตามแนวฝรั่งตะวันตก โดยไม่ดูหรือศึกษาความเป็นจริงของประเทศ และมักชอบใช้ตัวเองเป็นมาตรฐาน เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ เพราะงั้นจะเห็นบทความเวลาวิจารณ์เพื่อนบ้าน หรือชาติอื่นได้ค่อนข้างดี

 

อาจจะเป็นเพราะการศึกษาเรื่องประเทศอื่นมันไม่ใช่ตัวกู ตัวกูไม่ได้เป็นคนในประเทศนั้นๆจึงต้องศึกษาให้ลึก ให้รู้เกี่ยวกับตัวเค้า แต่พอวิจารณ์บ้านเราดันใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานสำหรับคนทั้งประเทศ โดยไม่ศึกษาผู้อื่นก่อน เพราะคิดว่าตัวกูคือคนไทย ดังนั้นคนไทยก็ต้องเหมือนกู (ตรรกะแปลกๆดีนะ อาจจะหมายถึงเพี้ยนหรือบ้าก็ได้ :D )




#574954 ทำไม คุณชายหาเสียงโดยไม่มต้องมีตำรวจมาดูแลการจราจร

Posted by ทัชชี่ on 21 January 2013 - 02:14

เอ่อ...ผมมาสารภาพว่า...ผมเคยเจอบุคคลเหล่านี้บนรถไฟฟ้า BTS

 

คุณอภิสิทธิ์

คุณอภิรักษ์

คุณชายสุขุมพันธ์

 

ที่มาต่อคิวซื้อตั๋วเหมือนคนอื่นๆ ไม่ได้ใช้อำนาจในการลัดคิวแต่อย่างใด จะว่าไป จริงๆ แล้ว สส. ปชป.หลายคนก็เป็นแบบนี้นะ




#573668 ..........THE 1# ANNIVERSARY........!!!!

Posted by RaRa on 19 January 2013 - 04:28

บทที่ 8   "ยอมจำนน"

 

สุดท้าย หนุ่มน้อยก็ต้องยอมจำนนด้วยหลักฐาน ที่เพื่อนๆ สมาชิกนำมาให้ดู

 

แต่ก็ยังมิวายที่มีการทิ้งทวน ว่ากล่าวและติเตียน เพื่อนสมาชิก ที่จับพิรุธนั้นได้..!!

 

 

8.jpg

 

 

 

บทที่ 9  "สติแตก..!!"

 

ในที่สุด ความอดทนอดกลั้น ก็หมดไปตามสัญชาตญาณ กับ ประโยค สุดคลาสสิค ของ สรท.

 

ซึ่งเป็นสิ่ง สุดยอด อมตะนิรันดร์กาล ที่ดูกี่ครั้ง อ่านกี่ครั้ง ก็เรียกรอยยิ้มได้อย่างเสมอๆ

 

กับประโยคที่ว่า.....

 

 

9.jpg