tawan

หน้าที่ตัวเองยังทำแค่นี้ไม่ได้ ทำมาเป็นขอเป็นคนกลาง ตลกหว่ะ อวยกันเอง หน้าจะรวมศาลรัฐธรรมนูญด้วยนะครับ ครบทีมพอดี^^

ตามตัวหนังสือสีแดง  แสดงว่าตอนนี้เราไม่ต้องสนใจหลักเกณฑ์กันแล้วใช่มั๊ยครับ

ไม่อายกันแล้วใช่ไหม ว่าทำได้หรือไม่ได้  นึกอยากจะยื่นก็ยื่นโดยไม่สนใจว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่

 หรือว่าคุยกันแล้ว  แล้วช่วยกันชง

ผมจะรอดูว่า  ศาล  รธน. จะว่าอย่างไร  ถ้าหาก  ศาล รธน  รับคำร้อง

เรื่องนี้    ผมก็คิดว่าผมก็อยากให้ข้อความบนป้ายที่ติดตามสะพานลอยต่างๆ  เป็นจริงซะแล้ว

เผื่อจะได้หอบผ้าหอบผ่อนตามเขาไปอยู่ทางตอนบนของประเทศบ้าง

 

ปล.ผมยกข้อความมาตรา  68.มาให้ดูตอนท้ายด้วย  เพื่อประกอบการพิจารณา

 

http://www.khaosod.c...9PQ==&subcatid=

‘ถาวร’ ส่งทนายยื่นศาลรธน. ขอนายกฯ คนกลาง

 เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 7 มี.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายชัยยุทธ ชาญณรงค์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เดินทางมายังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นคำร้องตามมาตรา 68 โดยขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ช่องทางการบริหารประเทศ กรณีที่รัฐบาลไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ภายใน 30 วัน หลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 127 ที่ระบุไว้ ว่า จะต้องเปิดสภาหลังจากการเลือกตั้งภายใน 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง เพื่อให้เปิดสภาเลือกนากรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่ารัฐบาลรักษาการ ยังไม่สามารถเปิดสภาได้ และไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ จะถือว่าสิ้นสภาพลงหรือไม่ อีกทั้งมาตรา 181 คือ รัฐบาลมีสภาพในการดำเนินงานในขอบเขตที่จำกัดตามเงื่อนของกฎหมาย ดังนั้นจึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้เพื่อเปิดช่องให้นำมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญมาใช้โดยมีนายกฯ คนกลาง  

 เมื่อถามว่าการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้แบบนี้ จะทำให้หลายฝ่ายมองว่า ศาลรัฐธรรมนูญ และ กกปส. ร่วมมือกันล้มรัฐบาลหรือไม่ นายชัยยุทธ์ กล่าวว่า อย่าไปมองเช่นนั้น และขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร อย่างไรก็ตามเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาภายใต้ข้อกฎหมายที่มีอยู่

 เมื่อถามว่าหากศาลมีข้อโต้แย้งว่าการที่รัฐบาลยังรักษาการอยู่ เพราะมีการชุมนุมขัดขวางการเลือกตั้ง นายชัยยุทธ์ กล่าวว่า จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าการชุมนุมของ กปปส. เป็นการชุมนุมโดยสงบ ใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงถือว่าเป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนเรื่องมีคนไปขัดขวางการเลือกตั้งเป็นเรื่องของคดีทางอาญา ที่ สามารถไปดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดได้โดยตรง 

 

 

รัฐธรรมนูญมาตรา 68 บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มิได้

รู้เรื่องๆๆ

ผมว่า ม้อด เค้ามีสติปัณญานะ กระทู้ผมไม่เคยหยาบ ใครหยาบมาผมก็ไม่หยาบกลับ (คล้ายๆสุเทพด่ายิ่งลักษณ์ แต่ยิ่งลักษณ์ไม่ตอบโต้) เพราะผมเชื่อว่า "คนที่เริ่มคำหยาบใส่คุณ คือเค้าเถียงคุณด้วยเหตุผลไม่ได้" ต่อไห้ถ้าม้อดบ้ายอแบนผม เดียวก็มีคนแบบผมมาเรื่อยๆ

ผมว่าห้องนี้ควรจะมีหลายสีนะ ปนๆกันบ้างไม่ใช่เปิดมายังกะบอร์อด bluesky

ดูจากรูปแล้วน่าจะเป็นคนดี ไฮโซ อยู่แถวภาคใต้ แต่ทำอาชีพเก็บยาง

ประเทศไทย “ห้ามพัฒนา” เพราะเหลือบศักดินาเผด็จการอำมาตย์ทรราชกลัวความเจริญรุ่งเรือง...กลัวความทันสมัย..กลัวเสียอำนาจ กลัวเสียผลประโยชน์มากมายมหาศาล. สิ่งที่กลัวมากที่สุดคือตกจากสวรรค์ไม่ได้เป็นเทวดากดหัวประชาชนไทยอีกต่อไป....
ทำไม “พวกเขา” จึงไม่ยอมให้มีรถไฟความเร็วสูงและไม่ให้พัฒนาระบบการขนส่ง

เพราะถ้าสามารถสร้างรถไฟความเร็วสูงและพัฒนาระบบการขนส่งได้ กทม.จะหมดสภาพความเป็นเมืองสำคัญลงไปทันที ทุกวันนี้ “พวกเขา”พยายามบังคับให้คนทั้งประเทศต้องพึ่งพา กทม. ไม่ให้เหนืออีสานเติบโตได้ง่าย ๆ เพราะถ้าเหนืออีสานมีการคมนาคมสะดวกแล้ว ทางออกทะเลของสองภาคนั้นผ่านทางเวียดนามแถวดานัง นาตรัง (ยาจัง) หรือแม้แต่ไฮฟอง และพม่าแถบทวายใกล้มาก ใกล้กว่าลงมา กทม. หรือชายทะเลภาคตะวันออกเสียอีก ไม่เชื่อไปวัดระยะทางดู

สมัยก่อนคนสองภาคนั้นส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือที่พม่ากับเวียดนามมากกว่ามาเรียนบางก​อกเสียอีก เพราะเดินทางใกล้กว่า และตอนนั้นมีโรงเรียนอังกฤษฝรั่งเศสที่ทันสมัยกว่าบางกอกด้วย

ขอชี้ว่า ถ้าสังคมไทยยังอยู่ใต้ระบอบอำมาตย์เหมือนทุกวันนี้ ความเจริญและชีวิตที่ดีขึ้นจะไม่มีวันปรากฏขึ้นได้ที่อื่นนอกจาก กทม. เพราะโภคทรัพย์และศูนย์รวมเศรษฐกิจของ “พวกเขา” นั้นฝังรากอยู่ใน กทม. เป็นหลัก “พวกเขา” ไม่ยอมให้คนไทยที่อาศัยในภาคอื่นได้อิสรภาพทางเศรษฐกิจหรอก เพราะมันหมายถึงหายนะของระบบของ “พวกเขา”ทั้งระบบ

ดังนั้น ไม่ว่าโครงการใดคนไทยทั้งชาติจะเห็นพ้องกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวมกันสักเพียงใด ก็จะไม่มีวันได้เกิด ถ้า “พวกเขา” มองว่าเป็นการสร้างปัญหาให้กับ กทม. การล้มโครงการเงินกู้สองล้านล้านครั้งนี้ ก็เพื่อสะกัดเอกราชทางเศรษฐกิจของคนเหนือคนอีสานโดยตรง บังคับให้พึ่งพา กทม.ต่อไปอีกหลายสิบปี และไม่ว่าจะออกมาในรูปไหน “พวกเขา” ก็จะขัดขวางเต็มที่ทุกวิถีทาง ซึ่งถ้ามันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนไทยในสองภาคนั้นร่วมใจกันล้มระบอบอำมาตย์ลงไปได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเท่านั้น เอกราชทางเศรษฐกิจของภาคเหนืออีสานจึงจะเกิดขึ้น ดังนั้น พี่น้องชาวเหนือและอีสานต้องออกกำลังกันให้เต็มที่ เพื่ออนาคตลูกหลานของท่านเอง

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศกำลังพัฒนา แต่เป็นประเทศ “ห้ามพัฒนา”
ขืนพัฒนาไป เดี๋ยวฟุ้งเฟ้อกันทั้งชาติ ยกเว้นกลุ่ม “พวกเขา” ทำได้



ขอขอบคุณเจ้าของบทความไว้ณ. ที่นี้ครับ

ถึงขนาดนี้สิบปีข้างหน้าไม่พัฒนา ก็ไม่ต้องกล้วว่าจะโทษใคร