sunset

ผมคิดว่า ตอนนี้ ฟรีทีวี ทั้ง 5 ช่อง ไม่มีความหมายแล้วครับ ในยุคของ Social media และ internet TV

ตอนนี้ หากมีประชาชนที่ประท้วงเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ หรือ มือถือ 3 ผมบอกได้เลย ประชาชนจะลุกฮือ ขึ้นมามากกว่านี้ และ คนที่ซวยคนแรกเลย คือ ตำรวจ

สมัยก่อน เราอาจจะเห็น ฝูงชนเผากองสลาก แต่ถ้าเป้นสมัยนี้เขาจะเผาสำนักงานตำรวจแห่งชาติแน่นอน

ผมแนะนำได้เลย หาก ตำรวจ ถูกบังคับ ว่าต้องใช้วิธีการปราบปรามด้วยแก๊สน้ำตา ขอให้ท่าน ถอดเครื่องแบบแล้วเดินกลับบ้าน เลยครับ หรือ จะเดินมาฝั่งประชาชนก็ได้ 

ในช่วงเวลาที่ประชาชน ทั่วกรุงเทพลุกฮือ เกิดเป็นม๊อบย่อย ทั่วกรุง ทุกวันนี้ก็เป้นการทดสอบผู้คนในย่านต่างๆ อยู่แล้ว รวมถึงนักศึกษาคนรุ่นใหม่ ว่ามันเยอะแค่ไหน และ ตำรวจเอาไม่อยู่หรอกครับ เสื้อแดงก็เอาไม่อยู่เช่นกัน

นอกจากนี้ การ์ดที่คุ้มครองประชาชน ในเวลานี้คือ นักศึกษาอาชีวะครับ สมัยพันธมิตรไม่ได้มีแบบนี้นะครับ น้องอาชีวะนั้นไม่ง่ายนะครับตำรวจ เขาเอาท่านตายแน่นอน หากทำไรพิเรนๆๆ

ส่วนตัวผมนะ ผมคิดว่า ทักษิณ

คงคิดแล้วว่า ตัวเอง ควบคุม ได้หมด ทุกอย่างแล้ว

ทั้งทหาร ทั้ง นักธุรกิจ ทั้งสื่อมวลชน ส่วนใหญ่

ทั้ง หยั่งกระแส คนกลาง ไทยเฉย มาสักพักแล้ว

รวมถึงหยั่งกระแส ว่า แดงส่วนใหญ่ อยู่ใน คอนโทรล หรือไม่

หลังจาก วิเคราะห์ ผลที่ได้ ในครั้งที่ผ่าน ๆ มา รวมถึง

พอจะ เบาใจได้ ว่าตำรวจ เอา ผู้ต่อต้าน อยู่

เพราะผู้ต่อต้านเอง ก็ไม่มีกำลัง เข้มแข็งพอ

อาจเพราะ ไม่สามารถ รวมกันติด

และเพราะ ไม่มีกำลังจากทหาร หนุน

ดังนั้น แค่ตำรวจ ก็เอาอยู่

เขาไม่กลัว เรื่องกฏหมาย เพราะ เขาสามารถ

ใช้ สาวก ที่จูน คลื่นสมอง ดีแล้ว

ไปกดดัน ศาล รวมถึง ปปช ได้ แน่นอน

ดังนั้น ก็เลย เหยียบคันเร่ง สุดซอย

เพราะทักษิณ รอมานานแล้ว

นอกเรื่องนะครับ ส่วนตัว ผมคิดว่า ทักษิณ

เอง เป็น ความชั่ว ล้วน ๆ มาเกิด

ถ้าพูดทาง คริสต์ ทักษิณ คือ ซาตาน

แหล่งกำเนิดความชั่ว และไร้ซึ่ง จิตสำนึก ใด ๆ

ดังนั้น ความต้องการ เรื่องที่จะสนอง ความคิด

ของตน มีเต็มเปี่ยม

ส่วนใหญ่ ก็รอ แค่โอกาส ที่เหมาะสม เท่านั้น

เพราะเขาไม่เคย เอาเรื่องคุณธรรม มาปะปนเลย

เนื่องจากเขาไม่เคยมีมัน ครับ

เหอะ เหอะ  ผมว่าเรื่องนี้มันตรงไปตรงมานะ ผมบอกแต่แรกแล้วว่าเขาเข้าไปเพื่อ

แทรกแซงกำหนดทิศทางของการชุมนุม แต่เมื่อเจรจาแล้วตกลงกันไม่ได้เขาก็ถอนไป

ปชป และกองเชียร์เอง ก็ต้องถามตัวเองด้วยครับว่า จุดยืนที่แท้จริงอยู่ตรงไหน จะต่อต้าน

พรบ โจร หรือไล่รัฐบาลเพื่อปฏิรูปประเทศ เขาเข้าไปแทรกแซงไม่ได้หรอกครับถ้า ปชป

ไม่อนุญาต แต่ถ้าจะแก้ตัวว่า นึกว่าเขาเจตนาดี ผมว่า ไม่โง่จริงก็แกล้งโง่นั่นแหละ(อันนี้

ผมหมายถึงพรรค ปชป นะ ไม่ได้หมายถึงท่านสมาชิก หรือกองเชียร์ของ ปชป)

ที่ผมพูดอย่างนี้ เพราะผมมองว่า คนในพรรค ปชป เองนั่นแหละคิดไม่เหมือนกัน คนที่เห็นด้วย

กับแนวทางของ ASTV ก็มี คนที่ไม่เห็นด้วยก็มี แต่สรุปสุดท้ายอยู่ที่การตัดสินใจของลุงเทือก

เมื่อลุงเทือกตัดสินใจแล้ว ASTV จึงถอนตัวไป

มันไม่ใช่เรื่องความแตกแยกอะไรหรอกครับ แต่มันเป็นความแตกต่างของการชุมนุมที่มีวัติถุประสงค์

ต่างกัน แต่ถ้า ปชป มีจุดยืนชัดเจนว่า ต่อต้าน พรบ นี้ ก็เดินหน้าต่อไปให้ชัด อย่าโอนไปเอนมา ส่วน

สส ปชป และ สาวก ปชป ที่มีแนวคิดอยากไล่รัฐบาลอยากล้มรัฐบาล อย่าไปสามเสนครับ ไปสวนลุม

หรืออุรุพงษ์ ไปเพื่อทำหน้าที่ตามวัติถุประสงค์ของตนเองให้สำเร็จ เพราะไม่ว่าใครจะต่อต้าน ใครจะไล่

มันก็อยู่ในกระบวนการล้มระบอบทักษิณทั้งนั้น

มันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปรวมกัน เพราะวัติถุประสงค์มันคนละเรื่อง คนที่เขาจะไปร่วมชุมนุม

เขาตัดสินใจได้ครับว่าเขาจะเลือกไปชุมนุมเพราะอะไร การเรียกร้องให้สามัคคีกันมันเหมือนหลอกตัวเองครับ

เพราะความจริงแล้วมันไม่ได้แตกสามัคคีอะไรกัน เหมือนมีโจรบุกเข้ามาในบ้านเรา แล้วคนในบ้านเราส่วนหนึ่ง

ต่อต้านยันมันไว้ไม่ให้เข้าบ้าน แต่ปรากฎว่าคนในบ้านอีกส่วนหนึ่งบอกไม่ได้ ยันอย่างเดียวไม่ได้ต้องยกพวกออกไป

ลุยกับมันเลย

แบบนี้มันก็ต้องใครอยากลุยก็ลุยไป ใครอยากต้านก็ต้านไป แต่ถ้าคนที่อยากลุยบอกไม่ได้เอ็งต้อง

ออกมาช่วยข้าลุยด้วย หรือคนที่คอยต้านอยู่บอกว่า อย่าไปลุยเลยเอ็งมาช่วยข้าต้านดีกว่า มันก็จะมัวทะลาะกัน

เลยต้านก็ไม่ได้ ลุยก็ไม่ได้เท่านั้น จุดยืนของแต่ละกลุ่มจึงเป็นเรื่องสำคัญครับอย่ามั่วกันไปมั่วกันมามันจะเสียหาย

ทั้งหมด

เพราะฉะนั้น ใครคิดแบบไหน ไปในกลุ่มที่คิดเหมือนเราให้มากที่สุดครับเพราะนั่นคือจุดยืนของคุณ

อ่านความคิดของตะกวดบ้านแล้วจะเห็นถึงความคิดของพวกควายแดงทั้งมวล

 

กฏอะไรที่ไม่เอื้อพวกกุ พวกกุก็จะไม่ปฏิบัติตาม

 

กฏหมายที่ดีคือกฏหมายที่เอื้อให้พวกกุทำอะไรก็ได้ที่พวกกุพอใจ

แบบนั้นมันไม่ใช่กฎหมายแล้วววว

นึกถึงซีรีส์ซอมบี้ The Walking Dead ครับ

เมื่อถึงจุดโลกล่มสลาย กฎหมายไม่เหลือ  ผมชอบซีรีส์เรื่องนี้ตรงที่เขานำเสนอประเด็นหนึ่งชัดมากตลอด 4 ซีซั่น

คือ  เมื่อกฎหมายไม่เหลือ กฎที่เหลืออยู่ก็มีให้เลือก 2 กฎ

1. กฎหมู่  แบบปล้นใครได้ปล้น ข่มขืนใครได้ข่มขืน ฆ่าใครได้ฆ่า  ไม่ใช่เพื่อเอาตัวรอด แต่เพื่อสะใจ

2. กฎมนุษย์ คือต้องมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ ได้แก่ สติ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี การช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน

ซึ่งกลุ่มพระเอกที่เหลือรอดอยู่ แม้จะสติแตกแค่ไหน ต้องเจอความสูญเสียและความยากลำบากยังไง

ต่างก็คอยเตือนกันและกันเสมอว่า "อย่าทิ้งความเป็นมนุษย์ อย่าปล่อยให้ความรุนแรง ความชั่ว ความกลัวเข้าครอบงำ"

ตัวละครในเรื่องจะย้ำเสมอว่า เราสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว ยิ่งต้องอย่ายอมสูญเสียสิ่งนี้ คือ humanity-ความเป็นมนุษย์

เพราะถ้าเรายอมเสียมันไป ด้วยการใช้กฎหมู่ ด้วยการฆ่าคนไม่เลือกหน้า ด้วยการทำร้ายเบียดเบียนมนุษย์ด้วยกัน คือจบแล้ว อย่าอยู่รอดเสียดีกว่า

ผมยอมรับว่าผมดู The Walking Dead ทีไร ผมนึกว่าพวกซอมบี้ในชีวิตจริงคือพวกเสื้อแดงกับไอ้พวกแม้ว

วันที่มันกรูกันเป็นพันชีวิตเข้าถล่มการประชุมอาเซียน  ไม่ต่างจากภาพในซีรีส์วันที่ฝูงซอมบี้รุมเข้าทำลายโลก  

แล้วคนปกติต้องหนีหัวซุกหัวซุน หาที่ยืนในโลกนี้ไม่ได้

ฆ่ามันก็ไม่ตายด้ย(ในเรื่อง)  ถ้ายิงมัน มันก็ลุกขึ้นมาใหม่  ถ้าฟันมันตัวขาด ไอ้ตัวครึ่งท่อนมันก็คลานกระดึ๊บมาไล่ล่าเราต่อ

ทางเดียวที่จะฆ่ามันถาวรได้คือต้องเจาะที่สมองลูกเดียว  มันถึงจะสิ้นฤทธิ์

บางทีผมอ่านคอมเมนต์พวกสาวกแมงดาแล้ว...ไม่เห็นความต่างระหว่างพวกนี้กับผีดิบที่ติดเชื้อไวรัสใน TWD เลยครับ

หัวใจหลักของ พรบ. 2 ล้านล้านบาท คือการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยมีกรอบการใช้เงิน 7 ปี

แต่ปัญหาคือ ตัวโครงการส่วนใหญ่ มีรายละเอียดแค่ว่า จะทำโครงการอะไร แต่รายละเอียดที่ชัดเจน ของแต่ละโครงการยังไม่มี

อีกทั้ง มันอยู่ในส่วนเอกสารแนบ ซึ่งเอกสารแนบนี้ มันไม่บังคับว่าจะต้องปฏิบัติจริงก็ได้ ทำให้แก้ไขรายละเอียดได้

เช่น บอกว่า จะสร้าง รถไฟฟ้าความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ แต่จริงอาจจสร้าง กรุงเทพ-นครสวรรค์ ก็ทำได้

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอีกว่า ระยะเวลาแค่ 7 ปี จะสามารถใช้งบประมาณมหาศาลนั้นได้อย่างไร

ยกตัวอย่าง ง่ายๆ หน่วยราชการต่างๆ ปกติก็จะของงบไปทำโครงการ ก็จะเขียนโครงการมา พอได้เงินไปก็เอาเงินไปใช้ตามโครงการนั้นๆ

ซึ่ง ก็มีให้เห็นออกบ่อยว่า หน่วยราชการ เบิกจ่ายงบไปได้ไม่ได้ตามแผนงาน หรือนั้ใช้งบไม่หมด

นี่แค่ตัวอย่าง 1 ปี แล้ว 7 ปี มันจะมีเงินมหาศาลและจะใช้เงินเหล่านี้ได้อย่างไร

แทนที่จะเขียนเป็นแผนงาน แยกออกเป็นแต่ละโครงการ แล้วระบุว่าโครงการนี้จะใช้เงินเท่าไหร่ มีรายละเอียดที่ลงชัดเจนมากกว่านี้

ระบุงบผูกพันปีต่อปี ซึ่งยืดหยุ่นได้ ในกรณีที่แผนการทำไปแล้วมีปัญหา ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไข ซึ่งจะแสดงเหตุและผลที่ต้องปรับแก้ไข

อีกทั้งยังตรวจสอบการใช้จ่ายได้ชัดเจนกว่าการออก พรบ. 2 ล้านล้านบาท ที่จะเหมาะรวมหลายโครงการ จะตรวจสอบการใช้จ่ายเงินยากกว่า

คิดว่ารัฐบาลนี้มีความโปร่งใส่ในการทำงานหรือเปล่า ?

ขนาดขายข้าว G to G ยังปกปิด ,สต๊อกข้าวในโกดัง หายไปหลายล้านตันยังตรวจสอบไม่ได้

แล้วโครงการที่มีเงินมหาศาลแบบนี้คิดหรือว่าจะไม่มีปัญหาการรั่วไหล

ด้วยการเปรียบเทียบคุณธรรมของผู้นำทั้งสองฝ่าย

ผมมั่นใจว่าเราเลือกข้างถูกแล้ว

และมั่นใจว่าในระยาว หรือ เมื่อถึงจุดสุดท้ายของเรื่องราวครั้งนี้

"ทักษิณ" จะไม่มีทางชนะในกลเกมส์ชิงประเทศครั้งนี้...

"ท้องฟ้างาม ยามหลังฝนตก" ...เสมอไปครับ

ในที่สุด เอกยุทธ์ก็ตาย คดีนี้พิรุธมากมายตั้งแต่วันแรก

มีการพยายามจะเน้นประเด็นการไล่ออกพนักงานมากที่สุด

แล้วสุดท้าย ก็เป็นเรื่องพนักงานจริงๆ

จึงอยากจะทำสรุปพิรุธในคดีนี้ไว้ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและเพิ่มเติมข้อมูลกันในบอร์ดนี้ เพราะมีหลายท่านได้ตั้งข้อสังเกตุที่ดีๆ

จึงอยากจะเอามารวบรวมกันไว้ที่กระทู้เดียว

พิรุธที่เราสงสัยคือ

1.คนขับรถ เพิ่งเข้างานมาแค่ไม่กี่เดือน ทำไมถึงกล้าที่จะทำฆาตกรรม

2.ตอนนี้ ไม่ชัดเจนว่าผู้ร่วมขบวนการ เพียงแค่ช่วยเหลือ หรือ ร่วมกันทำการฆาตกรรมด้วยตั้งแต่เริ่มการลักพาตัว

3.ข้อมูลจากทางตำรวจที่ออกมา มีแต่ความไม่ชัดเจนจนถึงเวลานี้ ที่รู้แค่ว่า คนขับรับสารภาพ ว่าบีบคอฆ่าเอกยุทธ์

   ทำไมไม่ชัดเจนเหมือนคดีอื่นๆ ที่จะต้องเค้นหารายละเอียดให้ชัดเจนถึงแผนว่ามีอะไรบ้าง ในข่าวไม่มีแจ้งรายละเอียดนี้เลย 

   น่าสงสัยมาก ว่าทำไมไม่มี ที่ผ่านมาจะมีการรายงานข่าวตลอด

4.คืนนี้ 11 มิ.ย. จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพเลย จริงหรือ ทำไมรวบรัดขนาดนั้น

5.เอาคนขับออกมาแถลงข่าวทำไม ทั้งๆที่เปิดพิรุธในคำให้การมากมายขนาดนั้น เพื่ออะไร

6. จับได้ตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานนี้ เอาไปทำอะไรทั้งวันเพิ่งจะออกมาแถลงข่าวแบบมีพิรุธมากมายตอน 11 โมงวันนี้

7. ทำไมรับสารภาพเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากป๋าเหลิมให้สัมภาษณ์ชี้นำ

8. เมื่อวานนี้ทั้งวันทั้งคืน ไอ้คนขับมันไม่สารภาพ แต่พอออกโทรทัศน์แค่ไม่กี่ชั่วโมง สารภาพได้อย่างง่ายดาย

9. หลังจากสารภาพแค่ไม่นาน ก็จับผู้ร่วมขบวนการอีกคนนึงได้ทันที

10. ช่วงแถลงข่าว คุณเคยเห็นคนร้ายคนไหนที่มั่นใจในการพูดต่อหน้าตำรวจขนาดนี้ไหม

      เขาพูดอย่างฉาดฉานมาก เหมือนไม่กลัวอะไร ปกติถ้าคนทำผิด เวลาเจอตำรวจหรือนักข่าวถามจะไม่กล้าตอบมั่นใจแบบนี้หรอก

นี่เป็นข้อสงสัยของเราเบื้องต้น ณ เวลานี้

วันพรุ่งนี้เห็นสำนวนแล้วจะตั้งข้อสังเกตุเพิ่มเติม

จากการรวบรวมข้อมูล เราคาดการณ์สรุป Crime Scene พอจะได้ดังนี้

แผนมันเริ่มต้นจาก ร้านกระแต ร้านอาหารที่คุณเอกยุทธ์ไปทานกับเพื่อน ในคืนวันที่ 6

คนขับรถ ที่ปกติจะสั่งอาหารมาหลายอย่างกลับสั่งแค่อย่างเดียว ไม่ทักทายใคร คุยโทรศัพท์ตลอด แล้วก็ขับรถออกไป

ออกไปรับ ทีมลักพาตัว น่าจะมีประมาณ 3 คน ขึ้นมานั่งอยู่ด้านหลังรถตู้ ซ่อนอยู่

เพื่อไม่ต้องการให้ใครสงสัย ก็เลยต้องถอยเอาท้ายรถเข้ามา โดยถอยลากมายาวถึง 50 เมตร ทั้ๆที่สามารถเอาหัวเข้าแล้วกลับรถได้

เพราะ

1 ไม่ต้องการให้ผิดสังเกตุว่ามีการนำรถเข้ามาตอนไหน และ

2 ถ้าเข้ามากลับจะมีคนเห็นหลายคน ซึ่งมีสิทธิที่จะสังเกตุเห็นทีมที่ซ่อนตัวในรถตู้ได้ เพราะกระจกหน้าไม่ได้ติดฟิล์ม

นี่คือแผนที่แยบยลอันแรก

ต่อมาเมื่อเอกยุทธ์ขึ้นรถ ทีมที่ซ่อนตัวอยู่ก็ล็อกตัวเอกยุทธ์ทันที  รถตู้ติดฟิล์มทึบ ไม่มีใครมองเห็นข้างในได้

มีการบังคับให้เขียนเช็คสั่งจ่ายโดยให้ไปเอาเช็ค จากที่บ้าน

คนขับเลยพาขึ้นทางด่วน เพราะข้างล่างรถติด เกรงจะมีคนสังเกตุเห็นผ่านฟิล์มได้

นี่ก็แยบยลอีกแผนนึง

ไปถึงบ้าน เอกยุทธ์ใช้มุกหากุญแจบ้านไม่เจอ ต้องโทร.ถาม โดยพยายามพูดให้คนฟังรู้ตัว แต่คนฟังกลับไม่สามารถสังเกตุได้

แต่เข้าไปแล้วก็ไม่มี เอกยุทธ์ใช้แผนถ่วงเวลา

เวลานั้น คนที่เข้าไปบ้านกับเอกยุทธ์ มีอย่างน้อย 2 คน รวมคนขับด้วย เพื่อกันเอกยุทธ์วิ่งหนี

ถ้าดูจากเทป จะเห็นว่าเอกยุทธ์ถูกใส่กุญแจมืออยู่

สิ่งที่ยืนยันว่าคนร้ายเป็นผู้ที่มีความรู้และมีการวางแผนมาอย่างดี คือ การถามเอกยุทธ์ว่า เซอร์เวอร์กล้องวงจรปิดของบ้านอยู่ที่ไหน

ซึ่งบอกตามตรงว่า ถ้าเป็นพวกคนร้ายธรรมดา ไม่มีใครกล้าไปที่บ้านแน่นอน แถมมีการเช็คเรื่องกล้องวงจรปิดด้วย

นั่นคือหลักฐานชิ้นสำคัญ  และคนร้ายก็เอาแล้วออกไปพร้อมกับเอกยุทธ์

เมื่อยังไม่ได้เงิน เอกยุทธ์ก็ยังไม่ตาย คนร้ายก็พาออกไปเพื่อทำการ รีดเงินต่อ

แต่เนื่องจากเป็นกลางคืน ยังไงก็เบิกเช็คไม่ได้ จึงต้องรอเช้าวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันศุกร์

ก็ตามปกติ เอาสมุดเช็คไปให้เอกยุทธ์ คนเอาสมุดเช็คไปให้ก็ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมเอกยุทธ์ไม่มารับเอง

แต่ก็อย่างนี้ ปกติก็ทำกันอย่างนี้ เลยไม่มีใครสงสัย

เมื่อได้ 5 ล้านแล้ว

ก็ได้เวลาตายของเอกยุทธ์

คนขับ และ เพื่อนจัดการ อำพรางศพ หลังจาก ทีมฆ่าแบ่งเอาเงินไปแล้ว

โดยเตี๊ยมกันไว้เรียบร้อย

คนขับที่มีส่วนในการฆาตกรรม ก็เอ้อละเหยลอยชาย ขับรถเข้ากรุงเทพลั้นลา

ทั้งๆที่เพิ่งฆ่าคน แต่ดันขับรถของเหยื่อวิ่งมากี่จังหวัด 

เพื่อมาให้จับที่สมุทรสาคร อ้างว่ายางแตก

อันนี้คือ แผนที่โง่เกินคนจะคิดได้ ต่างจากแผนตอนจับตัวลิบลับ

พอออกหน้าสื่อ

ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ท่องบทกันอย่างดีขึ้นใจ พูดจาฉาดฉาน ตาแข็งกร้าวมั่นใจเต็มที่

เอามาแถลงข่าวเพื่อทดสอบกระแส ว่าคนเชื่อหรือเปล่า

พอเห็นว่า ไม่มีคนเชื่อว่าเอกยุทธ์จะจัดฉากหนีไปพม่าเอง

แถมเจอร้านกระแตแฉพิรุธคนขับ

บ่ายๆ ป๋าเหลิมก็บอกว่า ฆาตกรรม เย็นๆ ฆาตกรก็ สารภาพ ค่ำๆก็จับคนร่วมขบวนการได้ ดึกๆทำแผน

แล้วก็จบ

ง่ายจริงๆ ฆ่าคนสมัยนี้

ถ้าเป็นคดีลักพาตัวยิ่งลักษณ์ล่ะก็ ต้องดูต้องสืบกันลึกไปอีกว่า ไอ้คนขับมันเป็นคนของใคร

ก่อนมาทำงานนี้มันเคยทำงานเป็นสายให้ใครหรือเปล่า แน่นอน

ไม่มีทางรีบปิดคดีเร็วปานฟ้าผ่าขนาดนี้หรอก!!!!