Jump to content


sunset

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 13 ตุลาคม 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 03:01
-----

#1177343 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย sunset on 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:05

รัฐประหารแล้วเฟ้ย  เสื้อแดงว่าไง  ขู่เขาไว้เยอะ แน่จริงระดมพลต้านเลย555 :D




#1154310 วันพิพากษา

โดย sunset on 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 10:08

คดีนี้ไม่น่ารอด จำนำข้าวยิ่งไม่น่าจะรอด 

 

  บางทีคนมันโง่จนไม่รู้ว่าขาข้างหนึ่งแหย่เข้าไปในคุกเสียด้วยซ้ำ




#1087106 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย sunset on 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:19

๘๘๘   ย่ะฮู๊  

 

 เอาซะหน่อย   ซุ่มอ่านมานาน :lol:




#1071097 ลูกระเบิดที่ตำรวจออกมาเตะแต่ไม่ทัน ระเบิดพอดี *แก้หัวกระทู้โดยผูัดูแล*

โดย sunset on 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:12

ขว้างมาจริงครับ จากด้านขวา




#985146 ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเห็นด้วยกับกปปส.น้อยครับ

โดย sunset on 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 12:11

มั่วแล้วครับ ชุมนุมใหญ่ 3 ครั้ง มหาลัยเข้าร่วมกว่า 20 ม.




#942251 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย sunset on 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:00

 

 

ทำไมช่องฟรี ทีวี ไม่ถ่ายทอดสุเทพแถลง ??


เปลี่ยนเป็น 3 ทุ่มครับ
เนื่องจาก กำนัน ไปข้างนอก น่าถูกเชิญจาก 3 เหล่าทัพ อีกครั้งนึง

 

หมายความว่า 3 ทุ่มจะเริ่มแถลงหรอ เพราะตอนนี้กำนันพูดอยู่

 

 

  ดูจากรูปแบบ เป็นการปราศัยครับ  ไม่ใช่แถลงการของ กปปส  เลยไม่มีการถ่ายทอดสด ... หรือเปล่า ??




#918135 ดูชัดๆ ภาพสไนเปอร์.... ที่ "แรมโบ้" ป้ายสี "สุเทพ"

โดย sunset on 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 21:07

post-4291-0-77346000-1385127573.jpg

 

 

อืมม์.....ไม่เหมือนนะครับ

ระวังแชร์กันเยอะโดยไม่ตรวจสอบก่อน แล้วถูกหลอก เราจะเงิบเอง

 ผมว่าคนเดียวกันครับ   แต่คนจะมุมหน้า แสงต่างกัน   ผ่านมา 3 ปี  หน้าจะเปลี่ยนเล็กน้อย ดูจากหน้า i แรมโบ้สิ   อีกอย่างสมองเท่าหางอึ่งคงหาคนไกลตัวไม่เป็น 




#899298 ล้านคำบรรยาย เมืองทองธานี

โดย sunset on 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 20:32

 

 

อ่ะ ผมช่วย

 

จากสื่อเลือกข้าง

http://www.matichon....1&subcatid=0100

 

ปลายอ้อโง่อย่างเป็นธรรมชาติ น่ารักจังค่ะ  ขิงจะไขความกระจ่างให้ฟังง่ายๆนะคะ  คนที่ราชดำเนินเขามากันเอง ม็อบบานเป็นดอกเห็ดไปทั่วทุกพื้นที่เกิดขึ้นด้วยพลังธรรมชาติ  เราไม่ได้เห็นรถบัสขนคน ไม่ได้เห็นภาพแกนนำฝ่ายต้านสั่งข้าราชการในมือรวมคนมา เพราะทุกคนตาสว่าง ตื่นมารับข้อมูลแล้วมากันเอง

 

แต่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงมีข้าราชการแห่เอา มีรถบัสไปรับ เกณฑ์กันมา  มันเกิดขึ้นแบบฝืนธรรมชาติ ม็อบแบบนี้มีขึ้นเพื่อจะดับไปอย่างรวดเร็วหากขาดปัจจัยต่างๆที่ขิงได้ว่าไว้  ในขณะที่ฝ่ายต้านจะยิ่งแรงขึ้น แรงขึ้นด้วยปัจจัยที่เป็นธรรมชาติที่เกิดจากการเร่งเร้าของรัฐบาล

 

เห็นความแตกต่างมั้ยคะ เพราะแบบนี้ไงขิงกับฝ่ายต้านถึงไม่เดือดร้อน ไม่สนใจเลยว่าฝ่ายนั้นจะระดมคนมาได้มากแค่ไหน เพราะมันไม่ใช่ม็อบธรรมชาติค่ะ  :lol:

 

 

คุณอย่ามั่นใจว่าม็อบมากันเอง...

ยังรู้น้อยไปครับ...

ขนกันมาทั้งนั้น  จาก สส.แต่ละเขตของ ปชป.

 

ที่มากันเองจริงๆ ไม่ถึง 10 %

 

คุณอย่านั่งสวดมนต์อยู่เลย ว่าฉันดีกว่าแก  ฉันฉลาดกว่าแก

ผมไม่อยากพูดมาก  เดี๋ยวเป็นเรื่อง

 

เวลาคนมันโง่ มันโง่จนสุดซอยจริงๆ




#868424 ก๊ากกก ธีรยุทธเทียบทักษิณเหมือน ขี้ขำ (อุจจาระที่ค้างคารูทวาร) ของการเมืองไทย

โดย sunset on 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:16

"ธีรยุทธ บุญมี" วิพากษ์การเมือง เปรียบอดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ" เป็นขี้ขำ ตามภาษาเหนือ ส่วนนายกรัฐมนตรี เป็น "ขี้หย้อง กับ ขี้แบ๊ะ" เปรียบการทำงานที่ไม่มีผลงาน ย้ำ ต้องส่งเสริมอำนาจของประชาชน

นาย ธีรยุทธ บุญมี อดีตผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ 14 ตุลา ได้ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "ปณิธานประเทศไทย" ในกิจกรรมรำลึก 40 ปี 14 ตุลา ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว

โดย นายธีรยุทธ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการเรียกร้องประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่มีเนื้อหาในการส่งเสริมสิทธิอำนาจของประชาชนทั้งสิ้น แต่ทว่าในสังคมไทย ผู้ขึ้นมาสู่อำนาจ ล้วนแต่ไม่เคยมีอุดมการณ์ส่งเสริมอำนาจประชาชนอย่างแท้จริง

ในขณะที่ เหตุการณ์ 14 ตุลา ได้เปิดพื้นที่ให้แก่การเมืองระบอบรัฐสภา เข้ามาแทนที่การเมืองแบบเผด็จการของกองทัพและระบบราชการ แต่ก็ได้ทำให้เกิดการเติบโตของกลุ่มทุนใหม่ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนกลุ่มทุนใหม่ขนาดใหญ่ ที่ยกระดับฐานอำนาจ และผลประโยชน์ของภาคการเมือง จากการเป็นกาฝากเกาะกินรัฐ มาเป็นควบคุมรัฐโดยตรง จนทำให้เป็นชนวนความขัดแย้งครั้งใหญ่ ระหว่างกลุ่มทุนใหม่ และกลุ่มอนุรักษ์นิยมในปัจจุบัน

ขณะเดียวกันมี การตั้งฉายาให้ พ.ท.ต.ทักษิณ ว่า ขี้ขำ หรือ อุจจาระที่ค้างคารูทวาร ของการเมืองไทย ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ให้ฉายาว่า ขี้หย้อง กับ ขี้แบ๊ะ เปรียบถึงการทำงานที่ไม่มีผลงาน ได้แต่แต่งตัวสวยไปวันๆ

จึง เสนอว่า หากจะมีการพัฒนาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ สังคมไทยจะต้องพัฒนาการเมือง ไปสู่เจตนารมณ์ประชาธิปไตย ที่ส่งเสริมสิทธิอำนาจของประชาชนทั่วไปอย่างแท้จริงเท่านั้น โดยคู่ขัดแย้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดงในปัจจุบัน ก็ควรจะก้าวพ้นความขัดแย้งของสีเสื้อตัวเอง ไปสู่ประเด็นการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงเช่นกัน

 

ที่มาก INN News

 

ขี้ขำ  เป็นภาษาเหนือครับ  คือเวลาเราขึ้แล้วไม่สุด มันจะค้างคาอยู่ให้เป็นที่ทรมาณ  เป็นของทิ้งซากที่โคตรจะไร้ประโยชน์ แถมขัดขวางความสุขความเจริญอีกต่างหาก




#868227 เสกสรรค์ ประเสริฐกุล 40ปี 14ตุลา 13 10 56

โดย sunset on 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 10:44

 มาถกกันที่ประโยคสำคัญนี้ก่อน

“คนเราจะ บรรลุความเป็นเสรีชนได้อย่างไรหากไม่สามารถเลือกรัฐบาลที่ตัวเองพอใจและบอก โลกได้ว่าตัวเองต้องการอะไร ความเสมอภาคของมนุษย์จะปรากฏเป็นจริงด้วยวิธีไหนหากไม่ใช่สิทธิเสียงที่เท่า กันในการกำหนดชะตากรรมของบ้านเมือง

  เป็นที่รู้กันดีว่าการเลือกตั้งในประเทศไทย ใช้เงินซื้อเสียงเป็นจำนวนมาก นับสิบสิบล้านบาทต่อเขตต่อ สส.หนึ่งราย  เพื่อซื้อคะแนนเสียง

  ในหลักการเป็นไปตามที่เสกสรรค์พูด  แต่ในความเป็นจริงหากแม้นว่าการที่ นักเลือกตั้งสามารถซื้อสิทธิ และประชาชนขายเสียงของตนเองแล้ว จะกล่าวว่าเป็นเสรีชนที่แท้จริงได้อย่างไร

  ใช่หรือไม่ว่า  ฝ่ายเสื้อแดงก็ใช้วาทกรรมจอมปลอมเช่นเดียวกันนี้ คือ “เสียงส่วนใหญ่จากการเลือกตั้ง”

ปาฐกถานี้จะด้อยความหมายโดยสิ้นเชิงหากไม่สามารถก้าวข้ามมายาคตินี้ได้  เสมือนตรายางปลอมรองรับความชอบธรรมในการปกครองโดยฉ้อฉลก็เท่านั้น




#810217 ติดตามความคืบหน้าคดีคุณเอกยุทธครับ

โดย sunset on 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 23:01

กสม.ชี้มืออาชีพฆ่า “เอกยุทธ” ติงคดีนี้ทำ ปชช.เสื่อมศรัทธา : ที่มา manager.co.th 13 august 2013

 

“หมอนิรันดร์” แถลงผลสอบ “เอกยุทธ” เสียชีวิต ยันไม่ได้ถูกรัดคอฆ่า ชี้ ฝีมือมืออาชีพมีการเตรียมการ ไม่ต้องการปิดบังศพ รับ ตร.ไม่ให้ความร่วมมือ แจงสอบการทำงาน ไม่ได้หาคนร้าย ญาติขอเปลี่ยนชุดทำคดี ชง ผบ.ตร.พิจารณาตาม รธน.เหตุ กสม.ไร้อำนาจ ขออย่าเร่งปิดคดี ชี้ คดีนี้ทำ ปชช.เสื่อมศรัทธา “หมอพรทิพย์” จี้ แก้ไขต้นทางสู่ความยุติธรรม กสม.เตือน ปอท.สอบ “ไลน์” อย่าละเมิดสิทธิ
       
       วันนี้ (13 ส.ค.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิการเมืองและสิทธิพลเมืองในสำนักงานคณะ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยอนุกรรมการ และคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะที่ปรึกษาอนุกรรมการ ได้ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ว่า ทางอนุกรรมการได้รับการร้องเรียนจากผู้ที่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกระบวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน จึงได้ดำเนินการตรวจสอบ โดยได้มีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งญาตินายเอกยุทธ พนักงานสอบสวน แพทย์นิติเวชที่ชันสูตรศพ แพทย์ที่ตรวจสอบศพ และได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักนายเอกยุทธ เขาจิงโจ้ จ.พัทลุง ที่มีการฝังศพ รวมถึงพูดกับประชาชนที่ได้พบเห็น ทำให้ได้ข้อสรุปหลายประเด็น ซึ่งจะมีการทำรายงานเพื่อเสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
       
       ประกอบด้วย 1.จากการตรวจสอบรายงานของแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพพบว่า การเสียชีวิตของเอกยุทธไม่ได้ถูกฆ่ารัดคอ หรือถูกบีบคอตามที่พนักงานสอบสวนและผู้ต้องหาระบุ แต่เป็นการถูกกระทำให้ขาดอากาศหายใจ ด้วยการใช้ท่าพิเศษ ซึ่งกระทำโดยมืออาชีพที่นอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม โดยร่องรอยบาดแผลจากการชันสูตร 3 แห่งเป็นตัวบ่งชี้ ได้แก่ บริเวณปลายจมูกมีรอยฟกช้ำ โคนลิ้นและลิ้นด้านซ้าย เนื้อเยื่อลำคอด้านขวา ซึ่งไม่พบรอยบีบรัดคอแต่อย่างใด แต่เป็นการกดบีบลำคอ กับปิดกั้นจมูกทำให้ขาดอากาศหายใจ ท่านี้ทำให้ผู้ถูกกระทำเสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ยังพบบาดแผลที่หัวไหล่ขวา สะบักซ้ายด้านหลังซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้ที่อยู่ด้านหลังนายเอกยุทธ โดย นายเอกยุทธ ต่อสู้จึงทำให้กล้ามเนื้อคอด้านหลังฟกช้ำ ดังนั้น นายเอกยุทธ จึงไม่ได้ถูกฆ่ารัดคอหรือบีบคอ ส่วนบาดแผลอีก 2 แห่ง ที่ข้อมือและส้นเท้าเกิดจากการถูกพันธนาการในบริเวณจำกัด ทำให้นายเอกยุทธไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้ 2.การเปลี่ยนแปลงสภาพศพหลังเสียชีวิต ซึ่งมีการเคลื่อนศพจาก กทม.ไปพัทลุง และเคลื่อนย้ายจากเขาจิงโจ้ จ.พัทลุง มาตรวจพิสูจน์ที่ กทม.ทั้งหมดเป็นกระบวนการมีการเตรียมการชัดเจน จากผู้ชำนาญการในการฆ่าคน ไม่ใช่เรื่องของผู้ต้องหาไม่กี่คน โดยมีเหตุผลสนับสนุนคือ 1.การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ห่อศพ และลำเลียงศพจาก กทม.พัทลุง 2. หลังเสียชีวิตมีการถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับออก เหลือแต่เสื้อกล้ามกับกางเกงบอกเซอร์ ลักษณะการห่อศพซึ่งรัดด้วยวัสดุผูกมัด เป็นเทคนิควิธีการเฉพาะของผู้มีความรู้และความชำนาญ 3.มีความเชื่อว่าศพถูกเก็บไว้ในที่ปิดมิดชิด เช่น รถตู้ไม่เกิน 3 วัน โดยไม่พบหนอนในศพ แสดงว่าศพนายเอกยุทธถูกห่อหุ้มอย่างดี ส่วนการขุดหลุมฝังก็ไม่ลึกไม่เกิน 50 ซม.จากพื้นดิน แสดงว่าไม่ต้องการปกปิดศพ และศพอยู่ในหลุมไม่เกิน 1 วัน จึงสันนิษฐานว่าเป็นกระบวนการที่มีการเตรียมการ ไม่ต้องการปิดบังศพ แต่ต้องการเปิดเผยเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
       
       “ทั้งหมดคือสิ่งที่อนุกรรมการตรวจสอบพบ ซึ่งสอดคล้องกับแพทย์ที่พบศพเป็นคนแรกที่ จ.พัทลุง ล่าสุดญาติของนายเอกยุทธไม่เชื่อมั่นการทำงานของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพราะมีประเด็นขัดแย้งกันอยู่เดิม ในช่วงเช้าวันนี้ (13 ส.ค.) ญาติจึงได้แจ้งความต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวน ทั้งนี้การตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากตำรวจให้ตรวจ สอบพยานหลักฐานหลายชิ้น เช่น ไม่ให้ตรวจสอบรถตู้ โดยตำรวจยังมอง กสม.ด้วยความไม่เข้าใจ คิดว่าไปจับผิด แต่ กสม.ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญให้อำนาจ ในการประสานหน่วยงานให้ปฏิบัติที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้อง ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ใช่การสอบสวนหาตัวคนร้าย แต่ตรวจสอบการทำงานของตำรวจว่าได้มาตรฐานในการบอกความจริงต่อสังคมหรือไม่ โดยจะทำรายงานเสนอต่อผบ.ตร. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 257 ซึ่งตามอำนาจของ กสม.ไม่มีสามารถบังคับหรือสั่งการตำรวจให้ต้องปฏิบัติตาม แต่เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะนำไปพิจารณาว่า ข้อเสนอของกสม.สมควรนำไปประกอบในสำนวนการสอบสวนหรือไม่ แต่ก็ไม่อยากให้ตำรวจเร่งสรุปสำนวนว่าเป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์” นพ.นิรันดร์ กล่าว
       
       เมื่อถามว่า เหตุใดตำรวจจึงมองข้ามหลักฐานสำคัญจากร่องรอยการห่อศพและเก็บไว้ในรถตู้ไม่ เกิน 3 วัน นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบนี้เป็นผลการชันสูตรของแพทย์นิติเวช แต่การที่แพทย์ผู้ชันสูตรครั้งแรกเป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบ แต่ร่องรอยต่างๆ มีความชัดเจนมาก ซึ่งตำรวจควรที่จะมีการสอบสวน
       
       นพ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า จากคดีของนายเอกยุทธทำให้เห็นว่า ขณะนี้สังคมไทยขาดการยอมรับของประชาชนทุกสี ทุกองค์กรเกิดวิกฤตศรัทธาในความเชื่อมั่น สังคมไทยขาดหลักที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน
       
       ด้านคุณหญิง พญ.พรทิพย์ กล่าวว่า บาดแผลก่อนตายเป็นการทำให้ขาดอากาศจากภายนอก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามคำให้การของผู้ต้องหาว่าลงมือฆ่ารัดคอผู้ตาย เนื่องจากมีร่องรอยการพันธนาการ และพบบาดแผลที่เกิดหลังการเสียชีวิต ซึ่งเข้าได้กับการห่อรัดศพ และมีสภาพให้เห็นว่ามีเสื้อจำนวนหนึ่งยังอยู่กับศพก่อนนำไปฝัง การเปลี่ยนแปลงหลังตายที่ขัดแย้งกับสภาพศพ ศพถูกฝังคว่ำหน้า แต่เน่าด้านหน้า ลำตัวด้านหลังไม่เนา และไม่มีหนอน ซึ่งทั้ง 3 จุด ถือเป็นหัวข้อสำคัญที่พนักงานสอบสวนควรรับฟัง อย่างไรก็ตาม สำหรับตนคดีของนายเอกยุทธเป็นคดีธรรมดาคดีหนึ่ง แต่สะท้อนว่า ประเทศไทยไม่เคยตระหนักว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยจึง ไม่มีการพัฒนาความโปร่งใส ไม่สนใจต้นทางความยุติธรรมที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคิดว่าถึงเวลาต้องแก้ไขที่ต้นทาง ถ้าไม่เก็บพยานหลักฐานอย่างดีจะไม่สามารถพิสูจน์คดีได้อย่างเป็นธรรมและจะนำ ไปสู่การแสวงหาประโยชน์
     




#804074 ติดตามความคืบหน้าคดีคุณเอกยุทธครับ

โดย sunset on 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 21:42

ข้อมูลเพิ่มเติมครับ จากไทยโพสต์  พุธที่ 7 สิงหาคม 2556 ตัวเน้นสีเขียวเป็นของผมครับ

 

หมอผ่าพิสูจน์ศพเอกยุทธ เปิดข้อมูลใหม่สวนทางตร.

 

เปิดหลักฐานใหม่ หมอชันสูตรศพให้ข้อมูลการเสียชีวิตของ “เอกยุทธ  อัญชันบุตร” ต่อคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภคของวุฒิสภา พบว่าถูกพันธนาการบริเวณข้อมือและเทปกาวปิดปาก ล็อกคอจนขาดอากาศหายใจแล้วห่อหุ้มศพด้วยพลาสติก ก่อนจะเคลื่อนย้ายอำพรางไปฝังที่จังหวัดพัทลุง และจากการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ยังพบเงื่อนงำอีกเพียบ
     เมื่อวันอังคาร ที่อาคารสุขประพฤติ ย่านประชาชื่น  ในการประชุมคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ซึ่งมีนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้รับฟังบรรยายสรุปผลการตรวจศพนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง จาก  พ.ต.ท.นพ.ปิยพงษ์ สุตสาครเย็น แพทย์ผู้ผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด โดยมีการซักถามประเด็นที่น่าสนใจหลายประการ ยาวนานกว่า 1.30 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภาที่เข้าร่วมได้ให้ความสนใจกับข้อมูลใหม่ที่ถูกเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นการจำลองวิธีการการสังหาร การเก็บรักษาศพเพื่อเคลื่อนย้ายและอำพราง ตลอดจนการประเมินคุณสมบัติของทีมสังหารและจำนวนผู้ก่อการ
    นายสมชายกล่าวว่า จากการรับฟังข้อมูลทำให้พบความเคลือบแคลงน่าสงสัยหลายประการ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าพิสูจน์ศพอย่าง พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา รวมถึงกรรมการอื่นๆ เห็นตรงกันว่าคดีนี้มีเงื่อนงำจำเป็นต้องหาข้อมูลเพิ่ม ลักษณะการตายของนายเอกยุทธตามภาพในระหว่างชันสูตร ชัดเจนว่าไม่ได้เสียชีวิตจากการฆาตกรรมปกติ ไม่มีการใช้เชือกรัดหรือบีบคอตามที่ผู้ต้องหาให้การ แต่การสังหารเป็นการฆาตกรรมโดยผู้ที่มีความรู้เฉพาะ

หลักฐานทางนิติเวช และหลักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่านายเอกยุทธถูกพันธนาการไว้กับเก้าอี้ ปากถูกปิดไว้ด้วยเทปกาว จากนั้นมือสังหารได้เข้ามาด้านหลังเพื่อล็อกคอปิดกั้นทางเดินหายใจ และใช้มืออีกข้างปิดจมูก เป็นการฆ่าโดยรู้จุดตาย เป็นการลงมือที่ชำนาญมาก เป็นมืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นมือสังหาร เป็นนักฆ่ามืออาชีพ” นายสมชายกล่าว
นายสมชายกล่าวว่า ศพของนายเอกยุทธมีความแตกต่างกับคำให้การของจำเลย เพราะผลการชันสูตรบ่งชี้ว่าหลังนายเอกยุทธถูกฆ่า มีการห่อหุ้มศพด้วยพลาสติกในลักษณะเดียวกับที่มูลนิธิต่างๆ ใช้ จากนั้นก็มัดศพของนายเอกยุทธด้วยความชำนาญช่ำชอง มีการเก็บรักษาศพไว้หลังฆ่าถึง 2-3 วัน แล้วจึงเคลื่อนย้ายศพไปห่อใหม่ แล้วก็เคลื่อนย้ายไปฝังไว้ที่ จ.พัทลุง เพียง 1 วันก่อนที่ตำรวจเจอ และการฝังก็มีความผิดปกติ เนื่องจากฝังลึกเพียง 50 เซนติเมตร เหมือนตั้งใจให้ขุดศพเจอ
    พ.ต.ท.นพ.ปิยพงษ์กล่าวว่า เปิดเผยผลการชันสูตรพลิกศพตามหน้าที่ ได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้คณะกรรมาธิการวุฒิสภาชุดนายสมชาย และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมถึง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเปิดข้อมูลต่อที่ประชุมมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นหลักฐานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเป็นการเปิดทั้งภาพการชันสูตร บวกกับการตั้งข้อสังเกตจากการตรวจพบรวมกับหลักวิทยาศาสตร์แล้วจำลองออกมา เป็นลักษณะการตาย เช่น การนำเสนอร่องรอยการมัดศพที่มีลักษณะใช้วัสดุเป็นแถบกว้าง จำนวน 5 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นร่องรอยมัดที่มีระเบียบแบบแผนและเกิดขึ้นก่อนจะมีการขุดพบศพ
    ร่องรอยที่พบมีลักษณะเน่า ซึ่งตามหลักการเน่า การมีวัตถุปกปิดหรือการปกคลุมโดยวัสดุ ทำให้บริเวณจุดนั้นๆ มีการถ่ายเทแลกเปลี่ยนพลังงานความร้อนได้ไม่เต็มที่เพราะถูกกีดกั้น ส่งผลให้เกิดกระบวนการเน่าที่ช้ากว่าปกติ สามารถจำแนกออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

1.เน่าน้อยสุด หมายถึงมีการปกปิดหรือปิดกั้นมากที่สุด (เกือบสม่ำเสมอตลอดเวลา)

2.เน่าระดับกลาง คือจะมีการปกปิดหรือปิดกั้นเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ ไม่ต่อเนื่อง

3.เน่ามากสุด แสดงว่ามีการปกปิดหรือปิดกั้นน้อยที่สุด

ทั้งนี้ หากพิเคราะห์จากร่องรอยการเน่าของศพ สามารถลำดับเหตุการณ์ที่ผู้ตายถูกกระทำได้ สภาพศพของนายเอกยุทธแสดงให้เห็นถึงรอยเน่าบริเวณปากซึ่งเป็นรอยวัสดุ แถบกว้างคาดปิดไว้ ที่ข้อมือมีรอยเน่าในลักษณะเดียวกัน คือมีวัสดุแถบกว้างมัดพันธนาการไว้ ขณะที่บริเวณร่างกายมีรอยเน่าซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตใหม่ โดยเป็นรอยมัด 5 ตำแหน่ง ซึ่งลักษณะการเน่าบ่งชี้ว่าถูกมัดขึ้นทีหลัง และยังมีรอยเน่าจากการมัดอีกชุดหนึ่งซึ่งใช้วัสดุแตกต่างกันออกไป

จากการ ชันสูตรพบว่า รอยมัดแรกปรากฏอยู่ที่บริเวณข้อมือ ซึ่งเปรียบเทียบกับระยะเวลาการเสียชีวิตแล้ว เชื่อได้ว่าเป็นการมัดก่อนทีมฆ่าลงมือสังหาร รอยมัดที่สองคือรอยมัด 5 ตำแหน่ง เป็นการมัดอย่างมีระเบียบแบบแผน โดยการมัดในลักษณะนี้ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายศพ รอยมัดสุดท้ายเป็นรอยมัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อส่งศพจาก จ.พัทลุง มาชันสูตรที่กรุงเทพมหานคร

นอกจากร่องรอยการพันธนาการแล้ว ผลการตรวจศพยังพบการเน่าในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย ที่แตกต่างออกไปตามระยะเวลา ซึ่งสามารถสรุปข้อเท็จจริงที่น่าสนใจได้ ดังนี้

 

1.พบลักษณะการเน่าเป็นรูปตัววีบริเวณลำคอและบริเวณเอวลงมา จึงเป็นไปได้ว่าหลังจากที่นายเอกยุทธเสียชีวิตแล้ว ทีมฆ่าจึงได้ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก แต่ยังเหลือเสื้อชั้นในลักษณะคอวีและกางเกงบ็อกเซอร์

 

2.หลังจากที่นายเอกยุทธเสียชีวิตแล้ว มีการห่อคลุมด้วยวัสดุและใช้อุปกรณ์รัดศพที่มีแถบกว้าง 5 ตำแหน่ง สำหรับเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะในการห่อรักษาศพเพื่อเตรียมเคลื่อนย้าย

3.สภาพศพด้าน หน้ามีลักษณะการเน่าที่มากกว่าด้านหลัง หมายความว่าแรกเริ่มศพนายเอกยุทธมีโอกาสที่จะนอนหงายหน้า ซึ่งตรงกันข้ามกับศพที่เจอใน จ.พัทลุง เพราะหากศพถูกฝังในลักษณะนอนคว่ำหน้าตั้งแต่ต้น ด้านหลังศพต้องเน่ามากกว่าด้านหน้าศพ

 

4.ขนาดหลุมฝังศพคือ 50 x 210 x 50 เซนติเมตร หมายความว่าศพถูกฝังลึกเพียง 50 เซนติเมตร และเมื่อด้านหลังศพเน่าไม่มาก แสดงถึงระยะเวลาในการฝังที่ไม่นานเท่าใดนัก คาดว่าไม่เกิน 1 วัน

5.ศพทั้งในจุดฝังและที่นิติเวชตรวจไม่พบตัวหนอนใน ร่างกายที่เน่า ทั้งที่โดยปกติแล้วภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเสียชีวิตศพจะเริ่มเน่า แมลงวันจะวางไข่ และจากนั้นเพียง 24 ชั่วโมง ไข่จะเริ่มฟักออกเป็นตัวหนอน กระทั่งโตเต็มวัยใน 7 วัน นั่นหมายความว่าศพนายเอกยุทธถูกทีมฆ่าเก็บรักษาไว้อย่างดีในพื้นที่ปิดที่ ไม่มีอากาศถ่ายเทในช่วงเวลาหนึ่ง

จากผลการพิสูจน์ศพอ้างอิงรายงานการ เปลี่ยนแปลงศพหลังการตาย ร้อยเรียงเหตุการณ์ได้ว่า หลังจากนายเอกยุทธถูกฆ่า ทีมฆ่าได้ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก จากนั้นได้แกะแถบที่ปิดปากลักษณะคล้ายเทปกาวออก จากนั้นจึงเอาวัสดุห่อคลุมศพและใช้วัสดุอีกชนิดหนึ่งมัดรอบศพเป็นปล้องๆ 5 ตำแหน่ง ก่อนจะเคลื่อนย้ายศพไปเก็บรักษาในลักษณะนอนหงายในสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ปิดในระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน ก่อนจะนำศพไปฝังไว้ที่ จ.พัทลุง เมื่อถึง จ.พัทลุงแล้ว มีการถอดเสื้อผ้านายเอกยุทธออก แล้วจึงผลักนายเอกยุทธลงไปในหลุมซึ่งขุดไว้เพียง 50 เซนติเมตร ก่อนกลบอย่างหยาบๆ.




#775413 ติดตามความคืบหน้าคดีคุณเอกยุทธครับ

โดย sunset on 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 23:29

ตอนค่ำๆได้ฟังคุณหญิงพรทิพย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากตรวจหลักฐานที่บ้านเอกยุทธ  ว่าลูกชายเอกยุทธ ยืนยันว่าขอที่หายไปมีแค่ 2 อย่างคือ serverกล้องวงจรปิด และ  คอมพิวเตอร์ ของคุณเอกยุทธ    แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นการอุ้มฆ่าแน่นอน    อย่างไอ้บอลถ้าจะประสงชิงทรัพย์มันจะเอา 2 อย่างนี้ไปทำไม




#525754 ใครอ่านเข้าใจ ช่วยอธิบายหน่อยครับ ว่าเขาสดุดีอะไร

โดย sunset on 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 21:11

วิธีการแปลร้อยกรองทั้ง 4 บาทนี้ ต้องใช้ความรู้ทางภาษาไทยพอสมควรครับ แต่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆสามารถค่อยๆแกะมันออกมาได้ครับ

ลอง แปลทีละตัวอักษร แล้วเอามาเรียงกัน เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง เปรียบเปรย แต่เราเรียงเป็นภาษาธรรมดา ใช้ความพยายามสักหน่อย แต่รับรองว่าทุกท่านจะได้รู้สึกเช่นเดียวกับผมเลยครับว่า

"ผู้ประพันธ์กลอนอาเศียรวาทนี้ ระยำได้ใจเลยครับ"

ที่มา : เตชะ ทับทอง หนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ

วางบทกลอนอีกที

วันหนึ่งฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง ลมแล้งในใจให้โหยหาย

ข้าวกล้านาไร่ได้กลิ่นอาย ยามฝนขวนขวายมุ่งหมายมา

วันหนึ่งเมฆคลุ้มเป็นกลุ่มก้อน ลมร้อนลมเย็นเป็นปัญหา

พฤษษ์ชุ่มชอุ่มช้ำเป็นน้ำตา ฝันว่าฟ้าสว่างดีอย่างไร

********

บทกลอนพูดถึง การโหยหาวันหลังจาก....... ใช่ไหมครับ


#442597 คุณกรณ์ ยกตัวอย่าง 'เศรษฐศาสตร์': ศาสตร์ของการแบ่งปัน ใครมีคำตอบบ้างไ...

โดย sunset on 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:59

อันที่จริง ควรเปลี่ยนโจทย์ซะหน่อยว่า "จะจ่ายค่าแท็กซี่อย่างไรให้มีความเป็นธรรม (fairness) "

เพราะถ้าใช้คำว่า ควรแบ่งค่าแท็กซี่กันอย่างไร อย่างโจทย์เดิม จะสามารถตีความโจทย์เบี่ยงไปได้ว่าแบ่งค่าแท็กซี่ตามความพอใจของแต่ละคน ทีนี้จะมีปัญหาอีกว่าต้องสมมติให้ความพอใจแต่ละคนจากการแบ่งเท่ากันอีก

ถ้าเริ่มจากการว่าการจ่ายค่าแท็คซี่ให้เป็นธรรม อย่างไรนั้น ก็จะเป็นการมองการแบ่งจ่ายเป็นภาพรวม โจทย์จะเน้น ไปที่การแบ่งจ่ายค่าแท็กซี่ให้มีความเป็นธรรมหรือความยุติธรรม (Justice) เป็นหลัก ไม่ใช่จากความพอใจ ซึ่งจะทำให้การวิเคราะห์เป็นไปได้ยากกว่า