ประชาราบ

มันมีลูกสาวไหม

อนาคต ลูกสาวอาจได้เป็นนักการเมืองขี้ข้า

มีครับยัง อุแว๊ อยู่เลย

หลังจากติดตามผลงานแกมาสักพักรู้สึกเลยว่าแกอยากเป็นเสธ.แดง วานนี้ได้แสดงความชัดเจนแล้ว

ฝากผู้มีอำนาจจัดให้แกด้วยจะได้เจริญลงร่องเดียวกัน    

นับว่าเป็นแบบอยางที่ดีของ ทอ. รู้จักหาลำไพ่พิเศษทำโอท็อปยามว่าง

วันก่อนก็จัดปาร์ตี้แดงใน ทอ.เลย สานสัมพันธ์ภาคประชาชนดีจริงๆ     

ถือว่าตำรวจรักษาหน้าที่ได้ดี ต้องชื่นชมครับ

ไม่เห็นแมร่งเพื่อคนไทยตรงไหนเลย พรรคเพื่อโคตรเหง้าตัวเองละไม่ว่า   

จำได้เกิดเรื่องใหม่ๆ น้าถวิลบอกไม่อยากฟ้องอาญาผู้บังคับบัญชา แกบอกฟ้องละเสร็จแน่ๆไม่อยากทำ

ตอนนี้ถึงเวลาไม่ต้องปราณีกันอีกแล้ว ฟ้องอาญานังมารเลยครับ

 

 

 

พวก กปปส. ทั้งหมดไม่ควรลงเลือกตั้งครับ

มาทำงานภาคประชาชนดีกว่าครับ   

อ้าว งั้นก็เหลือแต่โจรลงสมัครซิครับ

 

ก็ไม่มีปัญหาอะไร หลังปฏิรูป ให้เขากำหนดกติกาวางระบบระเบียบอะไรเรียบร้อย ก็มาลงสนามกันใหม่ได้ ส่วนจะได้รับเลือกหรือไม่มันก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป

ส่วนว่า ฝ่ายเสื้อแดงจะคัดค้่นหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ถ้าคัดค้านก็ไม่รู้จะมีเหตุผลอะไรเพราะกติกาถูกตั้งใหม่และไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ

 

*** ยกเว้นกำนันสุเทพนะ ประกาศไว้แล้วก็ไปปลูกผัก เลี้ยงปลา ชมนกชมไม้ พักผ่อนอยู่ที่บ้าน อย่ามาเล่นการเมืองอีก***

 

 

พรรค ปชป. ก็ยังมีอยู่ หลังปฎิรูปคงมีพรรคเล็กพรรคน้อยเกิดเป็นดอกเห็ด ยังมีผู้สมัครแบบอิสระอีก(ถ้ายกเลิกการสังกัดพรรค)

ผมว่ามาแยะแน่ คงไม่ได้มีโจรอย่างเดียวหรอกครับ 555

 

กปปส. จะเป็นอุดมคติทันทีครับ ถ้าก้าวพ้นการเลือกตั้งทางการเมือง   

 

 

 

 

คนดี มีความสามารถ ขึ้นเวที กปปส. มีจำนวนหลายร้อยคน......!

จะจำกัดไม่ให้ ดร.สมบัติ ดร.สมเกียรติ ดร.จรัส ดร.จักร ดร.เสรี ดร.เจิมศักดิ์ ดร.กิตติศักดิ์ ดร.อาทิตย์ อ.คมสัน .....ฯลฯ ลงสมัคร ?

 

ปล. ผมไม่ได้รู้ว่าบุคคลเหล่านี้จะลงสมัคร....

แต่อยากถามว่า ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีความเหมาะสม....?

 

โทษทีครับผมพูดรวมๆ คงไม่ใช่ทุกคนที่ขึ้นเวที

แต่น่าหมายถึงแกนนำที่ขับเคลือน ซึ่งจริงๆผมเองก็ไม่ทราบว่ามีความกว้างความลึกขนาดไหน

คงไม่มีใครไปบอกแกนนำได้คงต้องให้แกนนำดูกันเองครับ

ผมพูดจากความรู้สึกจริงๆ 

 

พวก กปปส. ทั้งหมดไม่ควรลงเลือกตั้งครับ

มาทำงานภาคประชาชนดีกว่าครับ   

อ้าว งั้นก็เหลือแต่โจรลงสมัครซิครับ

 

ก็ไม่มีปัญหาอะไร หลังปฏิรูป ให้เขากำหนดกติกาวางระบบระเบียบอะไรเรียบร้อย ก็มาลงสนามกันใหม่ได้ ส่วนจะได้รับเลือกหรือไม่มันก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป

ส่วนว่า ฝ่ายเสื้อแดงจะคัดค้่นหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ถ้าคัดค้านก็ไม่รู้จะมีเหตุผลอะไรเพราะกติกาถูกตั้งใหม่และไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ

 

*** ยกเว้นกำนันสุเทพนะ ประกาศไว้แล้วก็ไปปลูกผัก เลี้ยงปลา ชมนกชมไม้ พักผ่อนอยู่ที่บ้าน อย่ามาเล่นการเมืองอีก***

 

พรรค ปชป. ก็ยังมีอยู่ หลังปฎิรูปคงมีพรรคเล็กพรรคน้อยเกิดเป็นดอกเห็ด ยังมีผู้สมัครแบบอิสระอีก(ถ้ายกเลิกการสังกัดพรรค)

ผมว่ามาแยะแน่ คงไม่ได้มีโจรอย่างเดียวหรอกครับ 555

กปปส. จะเป็นอุดมคติทันทีครับ ถ้าก้าวพ้นการเลือกตั้งทางการเมือง   

 

ถ้าไอ้นี่ไม่ถูกยิงตาย ก็แสดงว่าประเทศไทย มีผมคนเดียวที่ไม่อยากอยู่ร่วมแผ่นดินกับมัน

มันกลายเป็นคนดังไปแล้ว การฆ่ามันต้องวางแผนเยอะ

 

ไม่งั้น แดงก็จะเอาไปปลุกระดม

 

ไอ้สองคนนี้ไม่สำคัญหรอกครับ รับรองตายจริงเงียบเป็นเป่าสาก (ให้เต็มที่ไม่เกินวันเผา 555)

ขนาดเสธ.แดง ตายไปหมายังไม่เหลียวเลยครับ

 

 

 

 

คุณ Kenta ข้อมูลน่าสนใจดีจัง(ทุกความเห็น) ไม่ทราบว่าไปเอามาจากไหนหรือว่าทำงานให้ธรรมกายครับ

 

รู้สึก แปลกๆ กับการใช้คำพูดของท่านในการถาม
แต่ก็พอตอบท่านได้บ้าง คร่าวๆ ว่า ...................... 

ข้อมูลเหล่านั้น จะมีของจริงได้ ก็แค่ ต้องรู้จัก ตัวจริงให้เยอะ ต้องอ่านให้เยอะๆ ต้องคิดเองเป็นให้เยอะๆ
แค่นี้ก่อนแล้วกัน

ในประเทศไทย ไม่มีใครมีข้อมูล ของวัดพระธรรมกาย กว้างและลึก เท่าเรา
 

 

ขออภัยที่เขียนสั้นไปหน่อย เลยดูกำกวมไป   

น่าจะใช้ว่า"เคย"ทำงานให้ธรรมกาย หรือ"เคย" เป็นลูกศิษย์ เลยรู้ลึกครับ

ผมมั่นใจในคุณสุเทพ ที่สร้างความเหนือชั้นมาตลอด...

สนับสนุนครับ เป็นการเคลื่อนทางยุทธศาสตร์ที่ดี

เพราะถ้าชนะเแล้วเสียแนวร่วม เสียชีวิตผู้สนับสนุนมาก มันเป็นรอยแผลตลอดไป

ยุทธศาสตร์นี้ละที่ กปปส. จะชนะแบบหมดจดต่อไปในเวลาอันใกล้...

888 ด้วย ปูกลวงไม่คุยกำนัน    

หน้าหนึ่งจากไทยโพสต์วันนี้

อิฉันชอบแท็กทีมฮะ พูดกันตัวๆชาวบ้านก็รู้ว่าอิฉันสมองกลวงนะสิ 

"กำนัน" ท้ากลับ เจรจานายกฯ ตัวต่อตัว  ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ทุกช่อง เว้นคืนเงิน-ลบล้างความผิดให้ทักษิณจะไม่คุยด้วย "ยิ่งลักษณ์" ต่อรองต้องเลิกม็อบก่อน-ไม่คุยสองต่อสอง ขณะที่เพื่อไทย-นปช. ลั่นเจรจาไม่มีประโยชน์ ปัดพัลวันคิดแบ่งแยกประเทศแต่ตั้งเป้าระดม 6 แสนคนไว้จัดการ "กปปส." ให้สิ้นแผ่นดิน "สุเทพ" เตือนหากยกกองกำลังมาจะถูก จนท.ปราบและจับข้อหากบฏ ด้าน "ผบ.ทบ." ห่วงใช้อาวุธวิถีโค้ง สั่งเพิ่มจุดตรวจ-เข้มตึกสูงรอบพื้นที่ชุมนุม 

    นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ "กปปส." ปราศรัยที่เวทีสีลม เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ว่าเรายินดีจะสามัคคีกับคนไทยทุกคน แม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดง เพราะเราสู้เพื่อผลประโยชน์ของทุกคน แต่กลุ่มคนที่ต้องการแบ่งแยกประเทศและล้มเจ้านั้น ยืนยันว่าเรายอมไม่ได้ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ระบุว่ามีหัวใจเป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อครั้งออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รัฐบาลกลับอ้างเสียงข้างมาก ตนจึงมองว่าไม่ใช่รักษาประชาธิปไตย และไม่มีผู้รักษาประชาธิปไตยคนไหนจ้างคนมาทำร้ายประชาชน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงและเด็ก
    "ถ้าคุณยิ่งลักษณ์อยากจะเจรจาจริง ผมก็ขอให้นัดมาเลยว่าจะเป็นวันไหน แต่ขอให้มาเจรจากับผมสองต่อสอง โดยมีการตั้งโต๊ะเจรจาอย่างเปิดเผย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ แต่ถ้าจะมาเจรจาให้มีการแบ่งแยกดินแดน คืนเงินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือมีการลบล้างคำพิพากษานั้น พวกเราทำให้ไม่ได้ไม่ต้องมาเจรจา" เลขาธิการ กปปส.ระบุ หลังก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 ก.พ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เสนอเจรจาโดยระบุว่า "ถ้าคุณสุเทพเห็นแก่ประเทศ ก็มาเจรจากัน ดิฉันไม่ปฏิเสธการพูดคุย แต่การพูดคุยต้องประกอบไปด้วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และประชาชนต้องมีส่วนรับทราบถึงข้อตัดสินใจร่วมกัน"
    ต่อมา เวลา 19.00 น. ที่เวที กปปส.ปทุมวัน นายสุเทพกล่าวปราศรัยว่า ล่าสุดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าต้องเลิกการชุมนุม ถ้าเจรจาควรมีหลายคน เพราะไม่สามารถตัดสินใจเเทนคนทั้งประเทศได้ ซึ่งในเมื่อยิ่งลักษณ์ตัดสินใจไม่ได้ เเละจะมาชวนตนเจรจาทำไม เเละถ้าให้ตนเลิกการชุมนุม เวลาที่ผ่านมาหลายเดือนตนเเละประชาชนจะมานอนกลางถนนทำไม คิดว่ารัฐบาลซื้อเวลาเเละหวังฟลุค เเละพวกโลกสวยทั้งหลายไม่ต้องมาโจมตีอีกเเล้วนะว่าตนไม่ยอมเจรจา ตนยอมเจรจาเเต่ต้องเปิดเผย เเต่คนพวกนี้กลับตั้งเงื่อนไว้เยอะ
    "อยากฝากบอกสื่อมวลชนไปบอกยิ่งลักษณ์ว่าอยากจะเจรจาหรือไม่ เเละถ้าหากพาลูกทีมมาด้วยผมจะไม่เจรจา เพราะลูกทีมของยิ่งลักษณ์บ้าๆ หรือถ้าตัดสินใจไม่ได้ก็ให้ไปถามทักษิณ มาว่าจะเอาอย่างไร ผมก็จะตอบได้ว่าตกลงหรือไม่ตกลง เพราะใจจริงเเล้วผมไม่อยากเจรจา เพราะคนตระกูลนี้จะไม่คิดคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ เเละถ้าหากยังไม่ยอมเเพ้ เเละถึงนาทีสุดท้ายเมื่อไหร่ สิ่งเเรกที่จะทำเมื่อชนะคือยึดทรัพย์ตระกูลชินวัตร เเละขับไล่ออกนอกประเทศ" นายสุเทพ กล่าว 
    แหล่งข่าวจากระดับแกนนำ กปปส. เผยถึงเหตุผลที่นายสุเทพเสนอเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเนื่องจากเรื่องนี้แกนนำ กปปส.ได้มีการหารือกันคร่าวๆ และเห็นว่าขณะนี้มีกระแสที่เรียกร้องให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลและผู้ชุมนุม เช่น นายบัน กีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในไทย หรือการเรียกร้องให้ยูเอ็นเป็นคนกลางเจรจา รวมทั้งนักวิชาการต่างๆ ก็ออกมาเช่นกัน 
    "แม้ว่า กปปส.จะยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่เจรจาแล้ว แต่เมื่อมีข้อเสนอและข้อเรียกร้องจากฝ่ายต่างๆมากขึ้น กปปส.โดยนายสุเทพจึงเสนอให้เจรจา แต่ยื่นเงื่อนไขว่าต้องถ่ายทอดสดการเจรจา เพื่อให้เป็นไปอย่างเปิดเผย และให้นายกฯ มาตอบว่าต้องการอะไร รวมถึงกปปส.ต้องการอะไรบ้าง ไม่ใช่การแอบไปคุยกัน ซึ่งคิดว่าความเป็นไปได้ของการเจรจาจะมีลักษณะนี้"
    นายอิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส. กล่าวว่า แม้จะมีการเจรจา แต่ในหลักการยังคงเดิม คือนายกฯ ต้องลาออกจากรักษาการ เพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ยืนยันว่าการเจรจาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการย้อนรอยเหมือนปี 2553 เพราะเป็นคนละกรณีกัน  
"ปู" ไม่กล้าเจรจาตัวต่อตัว
    วันเดียวกัน ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของนายสุเทพว่า ก่อนอื่นต้องขอถามกลับไปว่า พร้อมที่จะเจรจาภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และจะหยุดชุมนุมเพื่อให้การเลือกตั้งสามารถดำเนินไปตามระบอบและกรอบของประชาธิปไตยหรือเปล่า
    น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เห็นด้วยว่าเราควรจะใช้วิธีการพูดคุยกัน แต่โดยหลักการพูดคุยต้องมีกรอบ
ที่ตรงกัน การพูดคุยก็สามารถเป็นไปได้ แต่ถ้ากรอบต่างกัน ก็เป็นเรื่องยากในการพูดคุย ต้องถามกลับไปว่าการพูดคุยจะอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะถ้าอยู่นอกกรอบ ตนก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ ทั้งนี้ เห็นด้วยกับหลักการเจรจาโดยสันติ
    อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนายสุเทพที่ต้องการเจรจาตัวต่อตัว และมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่องนั้น ตนเพียงคนเดียวคงตอบไม่ได้ ควรมีการพูดคุยกันหลายๆ คน น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า และต้องมีผู้รู้เข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากไม่สามารถจะตัดสินใจแทนคนทั้งประเทศได้ เพราะมีทั้งเรื่องกฎกติกาและรายละเอียดต่างๆ
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้แสดงความเห็นจะเชิญองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มาเป็นคนกลางในการพูดคุย และให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหา นายกฯ ตอบว่าทางยูเอ็นก็มีแนวทางการศึกษาจากหลายๆ ประเทศ การรับฟังในเรื่องของมุมมองและการแลกเปลี่ยนจากหลายๆ ประเทศถือเป็นสิ่งที่ดี ไม่ควรจะปิดกั้น แต่สุดท้ายแล้วเราเองก็ต้องมาพูดคุยกันภายในประเทศ
    นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. กล่าวว่า การที่ทั้ง 2 คนจะเจรจาออกทีวีไม่ใช่การเจรจา แต่เป็นการดีเบต เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถพูดสู้นายสุเทพได้ เนื่องจากนายสุเทพพูดน้ำไหลไฟดับ เดี๋ยวนี้ก็พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย ซึ่งตนเห็นว่าการเจรจาควรจะมีการนั่งพูดคุยกันนอกรอบก่อน ว่านายสุเทพต้องการอะไร วันนี้นายสุเทพลืมเรื่องการปฏิรูป ไปเอาเรื่องอะไรไม่รู้มาหมด คนละเรื่อง เป็นเรื่องเลอะเทอะ   
    "คุณสุเทพไม่มีความจริงใจในการเจรจา เป็นการเชิญนายกรัฐมนตรีมาโต้วาทีกัน มันไม่ใช่ ถ้าคุณสุเทพจะโต้วาที ต้องโต้กับจตุพรหรือท่านเฉลิมถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน ท่านนายกรัฐมนตรีคงไม่มานั่งโต้วาทีในส่วนที่ไม่เป็นสาระ" นายสุรพงษ์กล่าว
ฟุ้งดึงเลขาฯ ยูเอ็นหย่าศึก
    นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงคนกลางไกล่เกลี่ยปัญหาของประเทศว่า ควรจะเป็นนายบัน กีมูน เลขาธิการยูเอ็น ซึ่งในวันที่ 27 ก.พ. ตนจะทำหนังสือไปถึงนายบัน กีมูนอย่างเป็นทางการ โดยทันทีที่นายบัน กีมูน ว่าง อาจพิจารณามาประเทศไทยเพื่อหาทางออก ถ้าท่านมาจะให้พบหลายๆ ฝ่าย ทั้งผู้นำฝ่ายค้าน ถ้าเป็นไปได้จะให้พบองค์กรอิสระ และก็ศาลยุติธรรมเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และอาจให้พบผู้บัญชาเหล่าทัพด้วย ทั้งนี้การส่งหนังถึงเลขาฯ ยูเอ็น ตนไม่ได้มีการหารือกับนายกฯ เพราะตนเป็นประธานที่ปรึกษาของ ศรส. และเป็นรองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ ตนจึงติดต่อนายบัน กีมูน โดยตรง
    นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 50 กล่าวว่า การที่นายสุรพงษ์ได้เชิญสหประชาชาติมาให้คำแนะนำหาทางออกให้กับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ยังไม่แน่ชัดว่าจะเข้ามาในรูปแบบใด แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะสถานการณ์ในประเทศไทยนั้นมีความห่างไกลและแตกต่างกับบริบทที่สหประชาชาติเคยเข้าไปมีบทบาท เป็นเรื่องที่กระทบอธิปไตย กระทบเกียรติภูมิของประเทศในสายตาประชาคมโลก และกระทบด้านการเมืองและสังคมอย่างกว้างขวาง 
    "การกระทำของนายสุรพงษ์ที่ดึงสหประชาชาติเข้ามาในความขัดแย้งภายในประเทศนั้น นอกจากจะทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ยังจะทำให้ประชาคมระหว่างประเทศมองว่ารัฐไทยอยู่ในภาวะล้มเหลว (Failed State) หรือเกิดสภาวะเลวร้ายรุนแรงขึ้นในประเทศ ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงและน่าเชื่อถือของไทยในสายตาต่างประเทศอย่างยิ่ง และในฐานะรัฐบาลรักษาการ ไม่น่ากระทำได้อาจขัดรัฐธรรมนูญเพราะหากบทบาทของสหประชาชาติมีผลผูกพันต่อไปถึงคณะรัฐมนตรีชุดหน้า นอกจากนี้ การกระทำของนายสุรพงษ์เองก็สุ่มเสี่ยงเข้าข่ายการเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้" นายแพทย์ชูชัยกล่าว
    ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โดยนายบัน กีมูน เลขาธิการองค์การ ได้แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์รุนแรงทางการเมืองของไทยอีกครั้ง เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันเดียวกับที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เปิดเผยว่าได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายบัน เพื่อเชิญให้เป็นคนกลางในการเจรจา โดยแถลงการณ์ ซึ่งโฆษกของบันเผยแพร่ผ่านศูนย์ข่าวองค์การสหประชาชาติ มีหัวข้อว่า "ด้วยความห่วงกังวลเพิ่มขึ้นต่อความรุนแรงในไทย เลขาธิการเรียกร้องฝ่ายต่างเจรจากันอย่างครอบคลุมและมีความหมายโดยทันที"
    เนื้อความในแถลงการณ์ระบุว่า บันประณามความรุนแรงที่ขยายวงกว้างมากขึ้นในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของประเทศไทย เขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่าไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่ควรยอมให้มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขความขัดแย้งและความเห็นต่างทางการเมือง และขอให้ทุกฝ่ายและทุกคนที่เกี่ยวข้องเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม "ท่านเลขาธิการแสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกฝ่ายและประชาชนชาวไทยในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้" คำแถลงออกจากสำนักงานใหญ่ที่นครนิวยอร์กปิดท้าย
    ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐ เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงสรุปข่าวรายวัน กล่าวประณามการวางระเบิดที่ราชประสงค์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เด็กเสียชีวิต 2 และผู้หญิงอีก 1 คน โดยกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ "ให้อภัยไม่ได้"
    "ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการที่ยอมรับได้สำหรับการแก้ไขความแตกต่างทางการเมือง" โฆษกสหรัฐกล่าว "เราขอย้ำข้อเรียกร้องของเราให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น และขอให้ทางการไทยสอบสวนพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทั้งหมดในขณะนี้อย่างละเอียดและโปร่งใส"
    โฆษกหญิงกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังจับตาสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงอีกรายเปิดเผยด้วยว่า คริสตี เคนนี เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กำลังดำเนินความพยายามส่งเสริมการแก้ปัญหาตึงเครียดอย่างสันติด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
พท.ฉะกำนันเจรจาหวังผล
    ทางด้านพรรคเพื่อไทย หลังนายสุเทพเสนอเจรจากับนายกฯ นั้น นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคระบุว่า การเจรจาออกโทรทัศน์ เป็นข้อเสนอที่มีนัยทางการเมือง เพราะโดยหลักของการเจรจา ต้องเป็นความลับ ฉะนั้นขอเสนอของนายสุเทพจึงเป็นการดีเบตกรรมออกทีวีเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร แสดงถึงความไม่จริงใจของนายสุเทพที่จะแก้ปัญหา
    นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงมีแนวคิดแบ่งแยกประเทศไทยว่า โอ๊ย บ้า อะไรที่จะทำให้ฉิบหายไม่มีใครอยากจะคิดแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดเหตุนี้จะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ  และการพูดเช่นนี้ไม่ใช่พูดด้วยอารมณ์ เพราะเป็นเรื่องที่พูดด้วยความจริง คือต้องหันไปดูประเทศต่างๆ ที่มีความเห็นแตกแยกในที่สุดก็เดินไปได้ 
    "ผมอยากให้ไปฟังอาจารย์ศาสตราจารย์สุรชาติ ชำนาญสิน ที่ได้วิเคราะห์แนวทางทุกอย่างไว้หมดแล้วน่าฟังมาก ซึ่งผมไม่อยากจะเอ่ยอีกแล้ว เพราะพูดไปก็กลายเป็นว่าแบ่งแยกประเทศอีก ถุย ทุเรศชิบหาย กูเป็นรัฐบาลจะไปแบ่งแยกประเทศทำไม มันไม่เข้าท่า ทุเรศ เราพูดอย่างมันไปพูดอีกอย่าง เดี๋ยวจะไปตกหลุมเขาอีก เพราะสื่อในมือเขาเต็มไปหมด" นายจารุพงศ์กล่าว
    ขณะที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ, นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ร่วมกันแถลงอ้างว่า นปช.ไม่มีนโยบายหรือยุทธศาสตร์ที่จะแบ่งแยกประเทศ เพราะคนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้อยู่แล้ว 
    นายจตุพรกล่าวถึงกรณีนายสุเทพท้าเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่านายสุเทพหวังใช้เวทีนี้ประหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ผ่านหน้าจอทีวี ขนาดมีมวลชน 6.8 ล้านคนยังไม่เจรจาเลย เหลือ 4,000 คนใครจะไปเจรจากับคุณ และยิ่งแบบสองต่อสองด้วย คงไม่มีใครยอมไปเจรจาด้วย หลายคนบอกเจรจาคือทางออก แต่ต้องภายใต้หลักการประชาธิปไตย หากไปเจรจานายสุเทพ บอกจะเลือก ครม.เอง เลือกนายกฯ คนกลาง แต่ก็เป็นคนของมันทั้งนั้น ใครจะยอม ไม่ต้องไปเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มันต้องมาเจรจากับตนหรือนายณัฐวุฒิเท่านั้น
    ส่วนนายณัฐวุฒิกล่าวว่า การที่นายสุเทพขอเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้สึกไม่เจียมตัว เพราะโดนหมายจับทั้งข้อหากบฏ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และฆ่าคนตาย เพราะหากนายกฯ ไปคุยด้วย จะถูกมองว่าไปสมคบกับพวกที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ จะให้นายกฯ ไปคุยกับพวกวางแผนปล้นอำนาจประชาชน สำหรับการเคลื่อนพลของคนเสื้อแดงในวันที่ 1-2 มีนาคมนี้ จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการเคลื่อนพลเพื่อประชาธิปไตย พี่น้องชาวอีสานอย่าตกขบวนประวัติศาสตร์นี้ ขอให้มากันให้มืดฟ้ามัวดิน 

ตัดตอนท้ายที่ไม่เกี่ยวออก ดูเต็มที่>>>>  http://www.thaipost.net/news/280214/86749

หมายเหตุ : แก้ไขเพิ่มเนื้อข่าว

แล้วไงละ 

จะโดนกันทั้งตระกูลก็เพราะปากมันอย่างนี้ละ ทำตัวกันเป็นกำพืดเดียวกัน

รักพ่อแม่ไม่มีใครว่า รักดีหวังเจริญแก่พ่อแม่ไปบอกให้เลิกทำกรรมชั่วเสียเถอะ ยิ่งฆ่าคนนี้บาปหนักนะ

หนังหนานะกว่าจะรู้สึก

คุณลืมแต่ผมและอีกหลายๆคนไม่ลืม   

เคยด่า พธม. เหมือนหมูเหมือนหมา จำได้ขึ้นใจเลยละ    

ช่วยเค้าคิดนิดนึง อีโง่ต้องทำแบบหนังสายลับ ใส่หูฟังอันจิ๋วมากๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นได้ แล้วติดไมค์ไว้ที่กระดุม แล้วไอ้แม้วนั่งอยู่ในรถตู้ติดอุปกรณ์สื่อสารครบ

 

แต่มันคงยากนิดนึงเพราะไอ้แม้วมันเข้าประเทศไม่ได้ ทำไงดีหว่า นึกไม่ออก เท่าที่เห็นในหนังรู้สึกไอ่รถนี่มันต้องอยู่ในระยะด้วยดิ

เอาเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มาเลย ถ้าเป็นพวกคลื่นสั้นก็ขอพวกทหารสื่อสารน่าจะมีที่กวนสัญญาณนะ(เดา)   

จะได้ไม่เกิดเหตุระยำเหมือนปี 53 ที่คนต้องตายไปเยอะเพราะไอ้ตู่รับสายลึกลับ   

แค่เห็นหน้าป้าก็ชวนป่วยแล้ว