โหวต No กับ ทำบัตรเสีย ต่างกันยังไง มีผลแบบเป็นนัยยะหรือเปล่า หรือว่าเหมือนกัน
- lazylemon likes this
โดย Shart on 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 10:48
โดย Shart on 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:50
1. ผมจำไม่ผิดหรอกครับเรื่องโค้ก แป๊ปซี่ ที่คุณอ้างมาผมก็อ่านครับ
ว่าถ้าให้เลือก คนจะเลือกอะไร มันจะไปตรงกับที่ผมบอกนะสิว่า 50%
เลือกแป๊ปซี่ เพราะความจริงมันคือ แยกรสชาติไม่ออก ผลมันถึงออกมา
เป็นครึ่งต่อครึ่ง ลองคิดดูดีๆ สิครับ
2. ผมไม่ได้บอกว่า ทุกอย่างเกิดจากการก๊อป บอกว่าการก๊อปทั้งโลก
เขาก๊อปกันมากมายมหาศาลบานตะไท ถ้าเราต่อต้าน ทำไมเลือกแค่
กรณีเดียว แต่กรณีอื่นทำเหมือนเป็นคนตาบอดกันเล่า
3. เรื่องโลโก้ ที่คุณบอกว่าคล้ายกันยาก ผมว่าไม่จริงครับ ไม่ใช่อะไร
เพื่อนเคยบอกให้ช่วยกันออกแบบหน่อย ลองสเก็ตดูกันก็ได้ครับ ทำคนละ
30-40 แบบ วนๆ กันไป ออกมาจะมีดูซ้ำๆ บางทีตอนทำไม่รู้หรอก แต่พอออก
มาแล้ว คนอื่นดูบอกว่าเหมือนบริษัทอื่นอันนู้นอันนี้
4. Reverse Engineering คือการก๊อปแน่นอน ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ป่วยการที่
จะคุยกันต่อแล้ว เอาง่ายๆ มีคนฟังเพลงหนึ่ง เพราะมาก ไม่รู้ว่าโน้ตอะไร
บ้าง ก็แกะออกมาว่าน่าจะเป็นโน้ตนู้นโน้ตนี้ จังหวะนั้นจังหวะนี้ แล้วเอามา
แต่ง แบบนี้ไม่ลอก? หรือนิยายก็ได้ เอามาปุ๊บแล้วพิมพ์ตัวหนังสือตามเลย
ทุกตัว แล้วเรามาเปลี่ยนแค่ชื่อตัวละคร หรือยกเอาโลโก้มาเลยก็ได้ เอาของ
เขามาเลย แล้วมาดู เปลี่ยนภาพตรงกลาง เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนดาว กลายเป็น
starbung อ้าว นี่ก็วิธีการสร้างสรรค์อย่างหนึ่งไง Reverse Engineering
5. ย้ำอีกครั้ง โลโก้ ถ้าไม่ใช่รูปร่างภาพสัญญาลักษณ์ที่ซับซ้อน เป็นเรื่องง่าย
ที่จะซ้ำกันครับ เช่น รูปร่างจะเลือก วงกลม วงรี สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทุกอย่าง
มีคนใช้กันหมดแล้ว ตัวหนังสือ จะอยู่ตรงกลาง บน ล่าง ซ้าย ขวา มีคนทำ
หมดแล้ว เอาเรื่อง "ความน่าจะเป็น" มาจับ ก็จะรู้ครับ รูปแบบตำแหน่ง สี
ตัวหนังสือ ฯลฯ ความเป็นไปได้มีที่สิ้นสุดนะครับ
1.
"Blind Taste Tests" คุณเคยอ่านเหตุผลไหมว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น
"Blind Taste Tests" มันไม่ได้มีแค่ 50% ผมอ่าน "Blind Taste Tests" ไม่รู้มาเท่าไหร่
มีทั้ง 70-30, 60-40 ... มากมาย
กรณีศึกษาที่ Coke ของประเทศไทยทำ "Blind Taste Tests" ผลที่ได้คนชอบรสชาติ Pepsi มากกว่า Coke เพราะคนไทยชอบรสหวาน
หลังจากนั้น Coke ก็ได้ปรับรสชาติให้หวานขึ้นช่วงนี้
แต่ผลสุดท้ายยอดขายก็เท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะสาเหตุว่า "อิทธิพลของแบรนด์มากเพียงใด"
คนไม่ได้ดื่มโค๊กเพราะรสชาติ แต่คนดื่มโค๊กเพราะว่าเป็นโค๊ก
ผมแนะนำว่าคุณไปอ่าน "Blind Taste Tests" พวก Thesis ต่างๆมันมีมากมาย และคุณจะเข้าใจมากกว่านี้
2.
ถ้าคุณบอกว่า "ผมไม่ได้บอกว่า ทุกอย่างเกิดจากการก๊อป บอกว่าการก๊อปทั้งโลก"
งั้นถ้าผมจะขายน้ำดำขึ้นมา ผมต้องทำยังไงถึงเลือกว่าไม่ก๊อปโค๊ก ? (ก็คุณบอกว่าCokeกับPepsi ก๊อปกันมา)
เราไม่ได้เลือกต้อต้านเลือกแค่กรณีนี้ กรณีเดียว ผมก็บอกแล้วว่ากรณีนี้มันเกิดมาแล้วหลายครั้ง และมีทั้งชนะและแพ้ (มันไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียว)
ทุกคนมีสิทธิในการปกป้องตัวเอง ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการเอาเปรียบในการแข่งขันการค้า
ดังนั้นเขามีสิทธิที่จะฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ได้ มันเป็นสิทธิของบริษัทนั้นพึงมี
3.4.5 ผมมองว่าไม่ต่างกัน
ถ้าคุณมอง Reverse Engineering เป็นการ Copy มากกว่าแรงบันดาลใจ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะคุยกับคุณเช่นกัน
และกรณีที่คุณอ้างอิงเขาไม่เรียกว่า Reverse Engineering แต่เขาเรียกว่าการ Copy ยกเว้นการแต่งเพลงที่ถือเป็น Reverse Engineering
โลโก้ยากมากที่จะซ้ำกัน คุณในวงกลม 3 วง แล้วคำภาษาอังกฤษ 1 คำ รูปมันมีเกิน 100แบบแน่นอน
ผมว่าคุณแยกไม่ออกระหว่าง แรงบันดาลใจ และการลอกเลียนแบบ
โดย Shart on 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 09:59
ผมว่าคุณ eAT จำผิดเรื่อง Coke กับ Pepsi ในกรณีศึกษาที่เรียกว่า "Blind Taste Tests"
เพราะผมจำได้ว่า 1 ในการ "Blind Taste Tests" ที่ต่างประเทศ ผลการศึกษาออกมาแทบจะเป็น 50% แต่เวลาเลือกแบรนด์กลับเลือกโค๊ก 75%
เหตุผลที่เขาปิดตาทดสอบ ก็เพราะว่า เขาทดสอบว่าทำไมคนแยกน้ำดำไม่ออก แต่ทำไมเขาถึงบอกว่า ชั้นจะเลือกซื้อโค๊กทั้งๆที่ตัวเองบอกว่าน้ำเป๊ปซี่อร่อยเวลาปิดตา
"กรณีนี้เป็นหนึงในกรณีศึกษาสำคัญ ว่า อิทธิพลของแบรนด์สำคัญขนาดไหน"
ผมว่าคุณ eAT คิดว่าทุกอย่างเกิดจากการ copy เหมือนทฤษฎี Copycat (เรื่อง Reverse Engineering ผมก็ไม่ถือว่ามันคือการ Copy มันคือเทคนิคการประดิษฐ์ วิธีคิดในการออกแบบสินค้า)
มันก็เป็นความจริง ถ้าเรามองถึงมุมในต้นกำเนิด ก็เหมือนที่ผมยกตัวอย่าง คนเดินตาพ่อแม่ ภาษามาจากพ่อขุนราม
แต่ถ้าเรากลับไปจุดที่ยึดถือทฤษฎีนั้น เราจะไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเกิดจากการลอกเลียนแบบ
ทุกวันเราจะเห็น A ลอกแบบกระเป๋า B เปลี่ยนแค่สี, โลโก้เปลี่ยนจุดเล็กๆ หรือเปลี่ยนที่วางตำแหน่ง, แม้แต่ภาพยนตร์ที่เราทำมา 2ชม. มีคนนึงตัดภาพยนตร์ของเรา 1 นาที
ในทางกลับกันรถมี 4 ล้อ, แก้วมันไม่ได้รั่ว มันคือพื้นฐานความคิดหรือการลอกแบบครับ
เราถึงไม่ได้ใช้ทฤษฎี Copycat เป็นเกณฑ์การตัดสิน เพราะมนุษย์เราแยกแยะได้มากกว่านั้น
ด้วยเหตุนั้นเราถึงร่างกฎหมายลิขสิทธิ์และพวกกฎหมายการค้าขึ้นมา เพื่อคุ้มครองเจ้าของกิจการที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต ลดการเอาเปรียบ
เครื่องหมายการค้ามันมีอิทธิพลมากกว่านั้น เพราะมีเครื่องหมายการค้าทำให้เราถึงแยกได้ว่า สบู่ยี้ห้อไหน น้ำดำยี้ห้อไหน บะหมี่สำเร็จรูปยี้ห้อไหน
องค์ประกอบทางโลโก้ ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่สุด ที่จะวางตำแหน่งเดียวกัน ใช้คำเดียวกัน (เพราะผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่ามันคล้ายแบรนด์อะไร)
ผมว่ามนุษย์เราแยกออกว่าอะไรคือ แรงบันดาลใจกับการลอกเลียนแบบ (เราแยก True Coffee กับ Starbuck ออกทั้งที่เป็นวงกลมเหมือนกัน)
ผมอยากให้มองถึงตัวกฎหมายมากกว่าใช้ทฤษฎี Copycat
โดย Shart on 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:30
ถึงผมจะไม่ได้จบการตลาด แต่ผมว่า ตัวผมมีความรู้เรื่องการตลาดพอสมควร
เหตุเพราะพี่สาวเคยซื้อนิตยสาร "คู่แข่ง" อ่านอยู่ 2-3 ปี องค์รวมผมก็พอเข้าใจ
เรื่องเลียนแบบ อย่างที่ผมยกมา ไม่ใช่แค่เรื่องสินค้าตัวเดียวกัน แต่ตัวสินค้านี่
แทบจะเหมือนกันเลย การโปรโมทชั่น การแต่งร้าน เมนู เพียงแต่ว่าใครที่ตัวใหญ่
เขามีเงินพอที่จ้างนักการตลาด ที่ปรึกษากฎหมาย ตรวจดูข้อกฏหมายแล้วว่า
ทำอย่างไร ไม่ผิดกฏหมาย แต่เราก็รู้อยู่ว่ามัน "ลอกเลียนแบบ" มา
ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนทั่วโลกอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องข้อได้เปรียบเสียเปรียบ คิดไปทางดีก็ได้ ทางร้ายก็ได้ครับ ไม่สามารถ
ตอบได้ ถ้าต้องการคำตอบ ต้องลงไปสำรวจ ถึงจะรู้ว่ามันเป็นยังไง อย่างผมจะยกว่า
เนื่องจากมีคนลอกเลียนกันเยอะ ก็ทำให้คนที่ไม่เคยกิน สนใจว่าพวกนี้มันลอกใครมา
ทำไมถึงลอก แสดงว่าต้นฉบับมันต้องดี อย่างนี้ต้องลองไปกิน ก็ได้ไหม?? แต่ถูก
หรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับผม เอาแบบตรงๆ เรื่องโลโก้ ผมดูแล้วจะอ้างว่าลอกมาไม่ได้ครับ
มันไม่ได้ชัดขนาดนั้น ถ้าเรียกว่า "ลอกเลียน" ก็คิดว่าได้ ถ้าต้องการว่าถูกผิด
ก็ต้องไปรอ 3 ศาลตัดสิน
ไม่มี "โค้ก" จะไม่มี "เป็ปซี่" ครับ ผมยืนยัน
ผมไม่ได้มอง Starbung คือการลอกเลียน ผมมองว่า "มันคือการล้อเลียน เพื่อหาผลประโยชน์" เพราะทุกคนสามารถแยกได้ว่าอะไรคืออะไร
ซึ่งมันมีคดีแบบนี้ทั้งชนะและแพ้ แต่ละประเทศให้น้ำหนักกับเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน ก็ต้องดูว่า 3 ศาลเมืองไทยจะว่ายังไง
ผมไม่คิดว่าทฤษฎี Copycat คือเรื่องปกติ (ทฤษฎีที่ทุกอย่างเกิดจากการ copy) ไม่เช่นนั้นเราไม่สามารถแยกอะไรได้ ภาษาเราก็เลียนแบบพ่อขุนราม เราเดินเราเลียนแบบพ่อแม่
A ขายไก่ทอด B ก็ขายไก่ทอดตาม มันไม่คิดว่ามันคือการลอกเลียนแบบครับ ( Coke กับ Pepsi ก็เหมือนกัน)
การแข่งขันทางการตลาด ผมไม่ได้มองว่าทุกเรื่องเป็นเรื่อง Copy มันเป็นเรื่องพื้นฐานของความคิดซะเป็นส่วนใหญ่
แรงบันดาลใจกับการลอกเลียนแบบ สำหรับผมถือว่าไม่เหมือนกัน
แต่ผมไม่อยากให้มองละเมิดหรือหาประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา เป็น เรื่องทั่วไปที่ใครๆก็ทำ / และการปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง คือ การเห็นแก่ตัว
ผมสนับสนุนร้านกาแฟที่สร้างตัวเองขึ้นมาจากความคิดตัวเอง มากกว่าการตลาดเชิงหาผลประโยชน์แบบนี้ เพราะมีร้านกาแฟมากมายที่สร้างแบรนด์สินค้ามาจากตัวเอง
โดย Shart on 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:15
ชาวบ้านชอบคิดกันว่ารถเล็กชนกับรถใหญ่ รถใหญ่จะผิดเสมอ คิดแบบนี้ไม่ถูกครับ
ทุกคนไม่ว่าจะใหญ่จะเล็ก จะรวยหรือจน ต้องมีความเสมอภาคกันตามกฎหมาย
กรณีเห็นได้ว่าจงใจเลียนแบบชัดๆ บอกตรงๆผมมองทีแรกไม่ทันได้สังเกตยังคิดว่า
เป็นสตาร์บัคส์ของจริง...
ไอ้เรื่องแย่งส่วนแบ่งการตลาดมันอาจจะไม่ใช่ แต่มองอีกมุมนึงหากกาแฟไม่ได้มาตรฐาน
ไม่อร่อย ไม่สะอาดพอ ก็อาจทำให้สตาร์บัคส์เสียหายได้...
งานนี้ผมเชียร์สตาร์บัคส์ เต็มที่ ไม่อยากเห็นการเอาเปรียบกันในสังคมครับ
จงใจเลียนแบบ ก็ไม่ใช่แปลว่าผิดนะครับ
คุณเข้าใจผิดเสียแล้ว เหมือน Pizza hut กับ the Pizza
Coke กับ Pepsi
Nintendo กับ Playstation
AMD กับ Intel
หรือคุณจะเถียงว่าพวกนี้ไม่ใช่เลียนแบบกัน
ถ้าจะนับจริงๆ มีเป็นแสนเป็นล้านคู่เลย
ของพวกนี้ โลโก้ต่างกันก็มี คล้ายกันก็มี
สินค้าส่วนใหญ่แทบจะไม่ต่างกัน เรียกว่า
บางทีปิดตาทาย ก็ทายผิดด้วยซ้ำไป
ขอพูดในฐานะนักธุรกิจคนนึงและเรียนจบมาด้านนี้โดยตรง และทำงานอยู่ในด้านนี้โดยตรง
สิ่งที่คุณ sam_o พูดว่าคนเข้าใจผิด เพราะเชื่อ 100% ว่าคนไม่เข้าใจผิดเรื่องสินค้า
และคุณ eAT มันมองว่าการขายสินค้าชนิดเดียวกัน ไม่ใช่ว่าสินค้ามันจะเหมือนกัน ถึงส่วนผสมเดียวก็สินค้าก็ต่างกันได้ เช่น อาหารร้านนั้นอร่อยกว่าทั้งๆที่ส่วนผสมเดียวกัน เครื่องเกมส์นี้มีเกมส์ที่น่าสนใจมากกว่า
เรื่องการตลาดล้วนๆ
ในมุมมองผม ผมมองว่ามันเป็นการล้อเลียน ไม่ได้หวังให้คนเข้าใจผิด
อย่างที่เรารู้ เรารู้จัก Starbung ครั้งแรกด้วยโลโก้ที่คล้าย Starbuck
ผมเชื่อว่า 100คนรู้ทั้งรู้ว่ามันคล้ายแบรนด์อะไร,
- เหตุผลไม่ใช่เพราะมันเป็นแค่สี หรือคำว่า Star แต่เหตุผลที่แท้จริงแล้วคือ องค์ประกอบและตำแหน่งของรูปแบรนด์ มันวางเหมือนกัน
- แต่ในนัยยะในการล้อเลียนนั้น ทางบริษัทที่ล้อเลียนได้ผลประโยชน์จากการล้อเลียนโลโก้สินค้านั้น
เช่น สื่อโฆษณา คนโพสในเน็ต มีการแซว หรือพูดง่ายๆคือการล้อเลียนทำให้สินค้าเราน่าสนใจนั่นเอง
หรือพูดง่ายๆว่า Starbung ได้ผลประโยชน์การล้อเลียน Starbuck
ในทางกลับกัน ถ้า Starbuck ไม่ฟ้อง มันก็จะทำให้มีการตลาดลักษณะล้อเลียนขึ้นมาอีก และนำผลประโยชน์จากโลโก้ Starbuck
และสุดท้ายโลโก้แบรนด์ Starbuck ก็ดูเกลื่อนตลาด ทำให้โลโก้แบรนด์ Starbuck ที่สร้างมาดูไร้ค่า เพราะไปที่มุมเมืองไหนก็เจอแต่โลโก้แบรนด์คล้าย Starbuck ทุกมุมเมือง
ในทางศาลทั้งสองแบรนด์มีสิทธิชนะคดี ดังนั้นถูกผิดให้ศาลตัดสิน (มันมีประเทศที่ชนะและแพ้ มันขึ้นว่าศาลจะตัดสินยังไง)
แต่ถึง Starbuck ไม่ชนะ ในการตลาดก็คือว่า Starbuck ชนะไปแล้ว เพราะการที่ทำให้เครื่องหมายการค้าลงหน้าสื่อได้
(ปล. อย่านับโดจินหรือ anime ล้อเลียน เพราะฝ่ายถูกล้อเลียนก็ได้ประโยชน์ จริงไม่มีการฟ้องกัน แต่ส่วนมากจะเป็นการขอขอบเขตการล้อเลียนมากกว่า)
โดยส่วนตัวผม การตลาดผมไม่มีรวยจน ไม่มีเล็กไม่มีใหญ่
บางคนบอกว่า "เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไร", "ต้องหัดช่วยเหลือกันในการทำมาหากิน", "มองว่าคนรวยไม่มีสิทธิทำคนจนอะไรทั้งนั้น" หรือ "มองว่า Starbuck เห็นแก่ตัว"
แต่ผมอยากให้คุณคิดถึงว่า กว่าจะคิดครื่องหมายการค้า กว่าจะสร้างสินค้าคิดมาได้ และกว่าที่ทำให้เครื่องหมายการค้าให้คนรู้จัก มันไม่ใช่เครื่องง่าย
บริษัทต้องลงเม็ดเงินไปเท่าไหร่ และยังต้องจ่ายเม็ดเงินอีกเท่าไหร่ เพื่อรักษาแบรนด์นั้น ใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งการลงทุน
กว่า Starbuck จะสร้างภาพลักษณ์เขาขึ้นมา เขาพยายามไปเท่าไหร่ ผมอยากให้มองใจเขาใจเรา
การตลาดเชิงล้อเลียนหรือ Emotional Marketing มันผิดหลักการจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ
แต่ในการกลับกันถ้า Starbuck คิดจะขยี้ Starbung ให้ตายมันก็เกินไปเหมือนกัน
"ผมมองว่าเรื่องนี้ควรประนีประนอมกัน และจะได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ และให้ศาลตัดสินหรือไกล่เกลี่ยจะดีที่สุด"
อีกอย่างนึง ที่อยากพูดถึงบอร์ดเสรีไทยในตอนนี้
- ผมก็ไม่เข้าใจว่า เสรีไทย กลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมขอบอกเลยว่าไม่ว่าสองแบรนด์นี้ใครจะชนะหรือแพ้ ผมก็ไม่แปลกใจ และผมก็ไม่มีส่วนได้เสียทั้งสองแบรนด์ด้วย
แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจว่าตอนนี้เวปบอร์ดนี้เปลี่ยนไปด้วยการตอบคำถามแบบประชดประชัน ถากถาง แดกดัน เห็นความคิดตัวเองถูก แล้วมีสิทธิด่าคนอื่นไม่ทั่ว ผมว่ามันไม่ใช่
เสื้อแดงมาป่วนบอร์ดโดยไม่มีสาระ ผมพอเข้าใจ
แต่นี่คุยเนื้อหาแลกเปลี่ยนความคิด มันไม่มีความคิดเห็นไหนถูกหรอก เพราะคนตัดสินคือศาล และสุดท้ายก็มากัดกันเอง มันเป็นการกระทำที่สมควรแล้วหรือ
ผมหวังว่าซํกวัน บอร์ดนี้จะกลับมาเหมือนเก่า ไม่บ้ายุตามเสื้อแดง ส่วนเหลือกัน พยายามแลกเปลี่ยนเหตุผล และกระจายข่าวดีๆให้มากที่สุด ผมหวังจริงๆว่าบอร์ดจะกลับมาแบบนั้นซักวัน
"เอาความคิด และสิ่งดีๆมาแลกเปลี่ยนกันเถอะครับ"
โดย Shart on 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 15:38
ผมขอพูดในฐานะกฎหมายละกัน
จะบอกว่า Star Bung ละเมิดเครื่องหมายการค้า ผมว่ามันค่อนข้างชัดเจน (ผมว่าทุกคนก็คงรู้ว่ามันเป็นการล้อเลียนยี้ห้ออะไร)
แต่ในมุมกลับกันจะบอกว่า "ทำให้คนสับสนระหว่าง Star Buck กับ Star Bung" ผมมองว่าไม่ใช่
ถึงแม้จะเลียนแบบในเชิงล้อเลียนก็ยังถือว่าผิดกฎหมาย
ผมอยากให้คนเคารพกฎหมายนะครับ อย่าไปมองว่าคนรวยรังแกคนจน เพราะว่าทางบริษัทมีสิทธิในชอบธรรมในการปกป้องธุรกิจของเขา
ผมจำได้ว่า Star Buck ส่งจดหมายขอให้เปลี่ยนโลโก้แล้ว แต่ทาง Star Bung ก็ไม่ทำ
และตอนนี้ก็อ้างว่ามีภาระ เพื่อหลีกหนีการตัดสินทางกฎหมาย ผมมองว่าไม่ใช่
ไม่ว่าคนรวยหรือจน เราต้องเคารพกฎหมายเหมือนกัน
ไม่ใช่คนจนบอกผมไม่รู้ ผมมีภาระ หรือผมจน แล้วจะทำอะไรที่ผิดกฎหมายได้ ไม่งั้นคนขายยาบ้าเพราะผมจนก็ไม่ต้องตัดสินตามกฎหมายงั้นหรือ
ผมว่าที่สิ่งที่ Star Buck ต้องการไม่ใช่ "เงิน" แต่เป็นการปกป้องสิทธิของเขา และเพื่อทำให้เป็นเคสตัวอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นตามกันละเมิดลิขสิทธิ
ผมว่าเด๋วศาลก็ให้ปราณีปราณอมแล้วเปลี่ยนโลโก้ และ Star Buck คงไม่ใจร้ายที่ขั้นปรับ เพราะมันจะยิ่งสร้างความเสื่อมเสียให้กลับบริษัทตัวเองมากกว่า
โดย Shart on 21 กันยายน พ.ศ. 2556 - 09:20
7. ลาที น้ำท่วมน้ำแล้ง .... นี่ครบเลย ตอนแรกน้ำท่วม
ตอนนี้น้ำแล้ง สรุป มันจะมาเป็นรัฐบาลทำไม?
คุณโทนี่ผิด 1 ข้อนะ
ตอนแรกน้ำท่วม > ตอนหลังทำน้ำแร้ง > ตอนนี้ทำน้ำท่วมได้อีกรอบ
สุดยอดเปล่าละ
ฝนถล่ม 7 จังหวัดอ่วม สุรินทร์ น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 40 ปี ปภ.สั่งรับมือน้ำท่วม และตั้ง ผวจ. เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ ให้ความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดฝนหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวันนี้( 20 ก.ย.) ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาพนมดงรัก ไหลบ่าเข้าท่วมหลายอำเภอ ในจังหวัดสุรินทร์ ประกอบด้วย อ.เมือง, อ.สังขะ, อ.ศรีณรงค์, อ.ศีขรภูมิ, อ.สำโรงทาบ, อ.รัตนบุรี และ อ.จอมพระ และถนนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ บริเวณวิทยาลัยอาชีวะศึกษาสุรินทร์ โรงเรียนต่างๆ รวมถึงชุมชนหลายแห่ง ถูกน้ำเข้าท่วมหนักสุดในรอบ 40 ปี ล่าสุดโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วม ได้ประกาศปิดเรียนจนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
นอกจากนั้นเส้นทางหลักที่ผ่านไปยังกรุงเทพมหานคร จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 60-80 เซนติเมตร รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ต้องจอดติดยาวเหยียดเพื่อรอกลับรถเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น และถนน 3 อำเภอ ในจ.บุรีรัมย์ ทั้งสายหลักและในหมู่บ้าน น้ำป่าจากเทือกเขาพนมดงรักยังได้ทะลักเข้าท่วม สูงกว่า 50 เซนติเมตร ทำให้รถเล็กผ่านไม่ได้
http://news.mthai.co...ews/271644.html
โดย Shart on 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 10:20
นั่งดู...เห็นสมาชิกไปนั่งตอบไล่กระทู้เสื้อแดงยั่วยุ
คนอื่นบอกสนุก แต่ผมเบื่อและเสียดายกระทู้ดีๆ
โดย Shart on 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 18:22
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก วิลาส จันทรพิทักษ์
กมธ. ปูด สภาฯ จัดซื้อเครื่องกดน้ำดื่มร้อน-เย็นจากเกาหลี เกือบ 100 เครื่อง ตกเครื่องละ 7 หมื่น พร้อมจี้ เลขาฯ สภาฯ เข้าชี้แจง-มอบเอกสารจัดซื้อนาฬิกาดิจิตอลแพงเว่อร์ หลังยังพยายามบ่ายเบี่ยง
วันนี้ (16 สิงหาคม 2556) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เตรียมจะตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องกดน้ำดื่มร้อนเย็นของสภาฯ หลังพบว่าสภาฯ สั่งซื้อเครื่องกดน้ำดื่มร้อนเย็น ทรงทันสมัย สีดำจากประเทศเกาหลี มาเกือบ 100 เครื่อง ในราคาถึงเครื่องละ 70,000 บาท และนำมาติดตั้งไว้ที่ตึกกษาปณ์ ถนนประดิพัทธ์ ทุกมุมห้อง จนข้าราชการบ่นว่าเกะกะ นอกจากนี้ ยังได้นำเครื่องกดน้ำดังกล่าวมาติดตั้งที่อาคารรัฐสภา 1 ชั้น 3 ด้วย
ในส่วนของการจัดซื้อนาฬิกาดิจิตอลที่ใช้งบประมาณสูงถึง 15 ล้านบาทนั้น นายวิลาศ ระบุว่า ทาง กมธ. ได้แจ้งให้ นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้ามาชี้แจงแล้ว พร้อมกับขอให้ส่งเอกสารการจัดซื้อมาให้ตรวจสอบ แต่ปรากฏว่านายสุวิจักขณ์กลับไม่ยอมมาชี้แจง และยังหน่วงเหนี่ยวไม่มอบเอกสารการจัดซื้อมาให้ กมธ. ตรวจสอบด้วย โดยยกเรื่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มาอ้างที่จะไม่ส่งเอกสารให้ ทั้งที่ กมธ. มีอำนาจในการเรียกเอกสาร เมื่อเป็นเช่นนี้ถือว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงทำให้สงสัยว่าส่อทุจริตหรือไม่
นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ทาง กมธ. ได้มีมติใช้ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกให้นายสุวิจักขณ์เข้ามาชี้แจงและส่งมอบเอกสารต่อไป นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบด้วยว่าหากเครื่องนาฬิกาตัวหลักเสียจะทำให้เครื่องอื่นเสียหมดตามที่มีข่าวออกมาหรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นในอนาคตอาจมีการตั้งงบผูกพันในการซ่อมนาฬิกาขึ้นมาอีก พร้อมกันนี้จะตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการอื่น ๆ ด้วย หลังพบมีความน่าสงสัย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
------------------------------------------------------------------------
อดเป็นรัฐบาล 2ปี สูบไม่หยุดจริงๆ สูบแบบไม่ให้มีอะไรเหลืออีกแล้ว จะโกยไปไหนไหมนี่
โดย Shart on 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:08
ต้องการจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ออกข่าวมาเพื่อต้องการจะดิสเครดิตรัฐบาลแต่กลับไม่มองว่าชาติจะเสียหายอย่างไร พวกนี้รักชาติ ยังไงของมันเนี่ย
แล้วที่นายกคุณไปนั่งพูดด่าประชาธิปไตยของไทยให้ชาวบ้านฟัง
ตัวเองเป็นนายกแท้ๆ อย่างงี้เรียกรักชาติ ไม่เคยมองว่าชาติจะเสียหายเท่าไหร่
ใช้สมองตัวเองคิดบ้าง
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net