Jump to content


จิตบำบัด

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 14 เมษายน 2552
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2556 12:21
-----

Topics I've Started

เพราะประชาธิปไตย 2475 ไม่ได้มาจาก "เสียงส่วนใหญ่" การปฏิรูปประเทศ จึงไม่ต้องรอก...

29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 16:20

1385710862-2911255604-o.jpg

 

 

หากคุณสงสัยว่า ทำไมเสียงส่วนน้อยทำผิดกฎหมาย ยึดสถานที่ราชการ

 

ทำไมไม่รอเลือกตั้ง?

 

อันดับแรก คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ที่มาของประชาธิปไตยไทย พ.ศ.2475
ไม่ได้มาจากมติของคนส่วนใหญ่

 

 

001.jpg

 

คนไทยสมัยนั้นไม่มีทีวี ไม่มีวิทยุ ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีการทำประชามติใดๆทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงการปกครองในครั้งนั้นมาจาก "นักเรียนนอกกลุ่มหนึ่ง" ที่อยากนำระบบของประเทศที่พัฒนาแล้ว เข้ามาใช้ในประเทศไทย เป็นระบบที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าดี ว่าทำให้เกิดการพัฒนา พวกเขาทำสำเร็จ และคนไทยได้ลองใช้ระบบนี้มาตลอด 81 ปี ทั้งๆที่ระบบนี้ใช้ได้กับสถานการณ์หนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

 

เพราะ ระบอบประชาธิปไตย มีช่องโหว่ และไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% ที่ว่า 1 คน 1 เสียงเท่าเทียมกันนั้น ในความเป็นจริง ระบบนี้สามารถซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันได้ สามารถใช้ "การตลาด" นำการเมือง โดยใช้นโยบายประชานิยม "แจกเงินภาษี" ทำให้ประชาชนหลงงมงายได้ เพื่อให้ได้รัฐมนตรีของตนเข้าไปอยู่ในสภากลายเป็น "สภาทาสของนายทุน" จนสามารถแก้กฎหมายแล้วขายสมบัติชาติให้ต่างประเทศได้ กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทได้ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีคอรัปชั่นก็ยังได้
 

ประชาธิปไตยของคนไทยในวันนี้จึงกลายเป็น ประชาธิปไตยจอมปลอม เพราะเนื้อแท้ของมันคือ เผด็จการรัฐสภา มีฝ่ายค้านไปก็เหมือนไม่มี เพราะ ส.ส.ของนายทุนไม่สามารถฝ่าฝืนมติพรรคได้ ต้องยกมือให้นายของตัวเอง ทั้งเรื่องถูก เรื่องผิด

 

 

002.jpg

 

 

คนไทยสมัยนี้โชคดีที่มีข้อมูลข่าวสาร ในขณะที่คนหลายสิบล้านยังหลับไหล คนที่ตื่นรู้จำนวนหนึ่ง ประกาศลุกขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลนอมินี ในหลากหลายวิธีการ แต่ไม่ใช่วิธีนอนอยู่บ้านรอคอยการเลือกตั้ง เพราะเลือกตั้งอย่างไรก็ไม่สามารถสู้อำนาจเงินของนายทุนได้ เขาจึงต้อง "ฝ่าฝืนกฎหมาย" แต่ไม่ได้ฝ่าฝืนหลัก "จริยธรรม"(ผิด ถูก ดี ชั่ว)

การยึดสถานที่ราชการ "ชั่วคราว" อย่างสงบ และสันติ เพื่อให้รัฐบาลนายทุน หยุดทำงานในทันที เรียกกันว่า "การปฏิวัติยึดอำนาจโดยประชาชน" ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่เปลี่ยนระบอบการปกครองไปเป็น "สมบูรณาญาสิทธิราชย์" และไม่ใช่ "คอมมิวนิสต์"
 

การเปลี่ยนแปลงในที่นี้ คือ การปฏิรูปประเทศ

ที่ต้องอาศัยพลังจากทุกสาขาอาชีพช่วยกันหาทางออก เช่น บัญญัติข้อกฎหมายใหม่ๆ สรรหาวิธีการเลือกตั้งแบบใหม่ๆ เพื่อจะทำให้เราได้นักการเมืองที่เสียสละจริงๆ ไม่ใช่ซื้อเสียงเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์ ซึ่งก็คิดกันได้มากมาย เช่น

1) เพิ่มข้อกฎหมายที่เข้มงวด
- คดีทุจริตคอรัปชั่นไม่มีอายุความ
- ไม่ให้สิทธิ์คนที่มีนามสกุลเดียวกับนักการเมืองทุจริต รับราชการ และตำแหน่งใดๆทางการเมืองตลอด 20 ปี
- นักการเมืองต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ทั้งตระกูล รวมลุงป้าน้าอา คนใช้ คนขับรถ
- ผู้สมัคร ส.ส. ต้องมีหลักฐานการทำประโยชน์ต่อสังคม ไม่ต่ำกว่า 10 ปี
ฯลฯ

2) สร้างระบบเทคโนโลยีไอทีระดับชาติ
- ระบบแจ้งข้อมูลการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ที่มีรางวัลนำจับ
- ระบบแจ้งปิดเว็บหมิ่น เว็บโป๊ เว็บการพนัน ที่มีรางวัลนำจับ
- ระบบร้องเรียนข้าราชการฉ้อฉล ที่เปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ (ประจาน)
- ระบบเชื่อมโยงข้อมูลญาติพี่น้องนักการเมือง เพื่อไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อน
- ระบบติดตามนักการเมืองด้วย GPS จะได้รู้ว่า ไปไหน ทำอะไร กับใคร
ฯลฯ

3) เพิ่มกรรมวิธีเลือกตั้ง ให้ปราศจากเสียงที่ใช้เงิน
เช่น ก่อนกาบัตรเลือกตั้ง จะมีคำถามวัดความรู้พื้นฐานให้ตอบ 5 ข้อ ผลการเลือกตั้ง คือ ประชาชน 1 สิทธิ์ x คะแนนที่ทำได้ = คุณภาพของตัวแทน


และยังคิดได้อีกเยอะ!

 

003.jpg

 

"คนกลุ่มหนึ่ง" ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เพื่อลูกหลานจริงๆ เขาจึงไม่รอเสียงส่วนใหญ่ เพราะยิ่งรอ ประเทศชาติยิ่งเสียหาย (นิรโทษกรรม 4.3 หมื่นล้าน, จำนำข้าวเจ๊ง 3-4 แสนล้าน, กู้เงิน 2.2 ล้านล้านใช้หนี้ 50 ปี ฯลฯ) ผู้ชุมนุมบางส่วนถึงขนาดคิดกันว่า จะขับไล่คนบางตระกูล ให้ออกไปจากแผ่นดินไทยเสียก่อน ซึ่งการขับไล่ในที่นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์ของหลายประเทศ ที่คนบางตระกูลไม่สามารถอาศัยอยู่ในแผ่นดินเกิดได้ เพราะอาจโดนรุมประชาทัณฑ์ หรือ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนก่นด่า สาปแช่ง ซึ่งเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เป็นบทเรียนให้ลูกหลานได้รู้ว่า ผลของการโกงชาติบ้านเมืองเป็นอย่างไร

 

004.jpg

 

เมื่อบ้านเมืองอยู่ในสภาวะที่ "ไม่ปรกติ" เงินภาษีประชาชนนับแสนล้านบาทถูกปล้นไปโดยโจรใส่สูท เราจึงเห็นคนนับล้านก่อการปฏิวัติยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร หากภารกิจนี้สำเร็จ เราจะช่วยกัน "สรรหา" คนที่มีความรู้ความสามารถ คนมีชื่อเสียง นักคิด นักวิชาการ รวมทั้งผู้มีบารมีในบ้านเมืองทั้ง อาสา และ แต่งตั้ง เพื่อออกกฎหมายปฏิรูปในประเด็นต่างๆ และบริหารประเทศของเราแบบ ชั่วคราว

อาจใช้เวลาเป็นปีๆ เพื่อให้การปฎิรูปสำเร็จ เพื่อให้ประชาชนตื่นรู้มากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น เราควรจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่ง ประชาธิปไตยโดยประชาชน เพื่อประชาชน และจะไม่มีการชุมนุมเพื่อ "เปลี่ยนขั้ว" เกิดขึ้นอีกต่อไป

 

 

ทำไมเสียงส่วนน้อย ไม่ฟังเสียงคนส่วนใหญ่?

..... ถ้าวันหนึ่ง โลกของเราเกิดภัยพิบัติ เกิดสภาวะขาดแคลนอาหาร ถ้าหลายประเทศทั่วโลกทำสงครามแย่งชิงน้ำ คุณก็จะให้ประเทศไทยเข้าร่วมสงคราม เพราะ "เป็นวิธีที่คนทั่วโลกยอมรับ" เช่นเดียวกับที่คิดว่า "ประชาธิปไตยเป็นระบบที่ทั่วโลกยอมรับ"

และถ้ามนุษย์ยึดหลักกฎหมาย โดยไม่อ้างอิงจริยธรรม (ผิด ถูก ดี ชั่ว) เราก็จะเป็นสัตว์ตระกูลหนึ่ง ที่สามารถกินพวกเดียวกันได้เมื่อ "เสียงส่วนใหญ่ต้องการ"

 

 

ที่มา : http://www.safelive....iland-Minority/


------- เข้าใจการเมืองไทย ใน 12 เหตุการณ์ ---------

4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 11:40

บทความใหม่จาก "จิตบำบัด" เป็นการสรุปรวบรวมเรื่องราวการเมืองไทย ตลอด 8 ปี แบบย่นย่อ แต่เข้าใจง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ทุกสี ทุกกลุ่ม สำหรับอธิบายให้คนที่ "ไม่เข้าใจ" ได้เห็นที่มา ที่ไปของปัญหาความวุ่นวาย จึงเรียกบทความว่า "เข้าใจการเมืองไทย ใน 12 เหตุการณ์"  และจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ ภายใต้หัวข้อว่า "Thailand Democracy Happening" และอาจมีภาษาอื่นๆอีก เช่น จีน, ลาว, ดูไบ ฯลฯ (รองรับ AEC)

 

Thailand-Democracy-Happening-POST.jpg

 

 

ตามไปดู

http://www.safelive....racy-Happening/

 

:)


สรุปรวบรวม "อิกโนเบลทางการเมือง" (แนวคิดใหม่ๆเพื่อปฏิรูป)

31 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 11:04

Attached File  006-2.jpg   159.47K   53 downloads

 

Attached File  005-1.jpg   106.3K   47 downloads

 

เนื่องจากมีประชากร 2% นำเสนอแนวทาง "ปฏิรูป" ไม่ใช่ "เปลี่ยนขั้ว"

แต่ความเห็น 98% บอกว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎกติกาการเลือกตั้งได้

 

กระทู้นี้จึงนำ แนวคิดใหม่ๆ มารวบรวมเป็น

 

OCOT  : One Concept One Topic = หนึ่งแนวคิด หนึ่งบทความ (โอค่อด)

ถ้ามี 100 แนวคิด เราก็จะมีหนทางปฏิรูปใหม่ๆ 100 แนวทาง

 

** สามารถอ่าน เพื่อความบันเทิง ตลก ขบขัน ก็ไม่มีใครว่า

เพราะ แนวคิดใหม่ อาจกลายเป็น อิก โนเบล (ig Nobel) ทางการเมือง :)

 

====================================================================

 

1. จิตบำบัด นำเสนอ "คิดนอกกรอบให้เป็นก่อน" จึงได้มา 4 แนวคิด  กระทู้ >

 

2. จิตบำบัด นำเสนอ  "ใบขับขี่ทางการเมือง"   กระทู้ >

3. จิตบำบัด นำเสนอ "คนไทยทุกคนมี 1 คะแนน"  ความเห็น >

 

4. หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม นำเสนอ "ระบบบัตรทอง คิดจากจำนวนเงินบริจาค"  ความเห็น >

 

5. เพราะกุมพวงของนักรัฐประหาร นำเสนอ "ทำผิดกฎหมายต้องถอนสิทธิ์เลือกตั้ง"  ความเห็น >

 

6. จูกัดขงเบ้ง นำเสนอ "ตั้งองค์กรควบคุมการทำงานของนักการเมือง"  ความเห็น >

 

7. เมาอยู่ นำเสนอ "ให้นายกจบหลักสูตรพิเศษ และจัดดีเบตก่อนเลือกตั้ง"  ความเห็น >

 

8. จีรนุช นำเสนอ "ต่อยชนะเป็นนายก"  ความเห็น >

9. HWD + พี่ตู้ นำเสนอ "ให้ข้าราชการบริหารบ้านเมือง แล้วเอานักการเมืองมาตรวจสอบข้าราชการก็พอ"  กระทู้ >

 

10. .................รอผู้กล้า.................

 

11. .................รอผู้กล้า.................

12. .................รอผู้กล้า.................
 

 

 

รางวัลอิกโนเบล ย่อมาจาก ignoble Nobel เป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผลงานทางวิทยาศาสตร์หรืองานวิจัยที่ไม่น่าจะเป็นไป ได้ เช่น ระหว่างน้ำเชื่อมกับน้ำธรรมดามนุษย์จะว่ายในน้ำไหนได้ไวกว่ากัน  ตัวอย่าง >

อิกโนเบลทางการเมือง จึงหมายถึง แนวคิดใหม่ๆที่นำเสนอให้มีการ "ปฏิรูปประเทศ" แต่คนส่วนใหญ่บอกว่า "เป็นไปไม่ได้"
:wub:

 

 

 

** นี่จะเป็นกระทู้สุดท้าย ของ จิตบำบัด นอกจากทะลึ่งคิดอะไรใหม่ๆออกมาได้อีก :ph34r:


ปฏิรูปประเทศ ด้วย "ใบขับขี่ทางการเมือง"

29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 00:50

Attached File  01.jpg   163.36K   59 downloads

 

ถ้าประเทศชาติ คือรถคันหนึ่ง ที่นำพาประชาชนไปสู่เป้าหมาย ที่เรียกกันว่า "ความเจริญ"

เราก็จะมีภาพของความเจริญที่ไม่เหมือนกันเลย ทั้ง 70 ล้านคน

ความเจริญของ ลุงบุญสิน คือ ลูกของแกได้ทำงานมีเงินเดือนดีๆ
ความเจริญของ ป้าน้อย คือ ร้านส้มตำของแกมีลูกค้าเยอะๆ
ความเจริญของ คนวัยทำงาน คือ บริษัทให้เงินเดือนเพิ่มขึ้น และได้โบนัสก้อนงามๆ
ความเจริญของ นักเรียน ม.6 คือ การมีที่เรียนดีๆ คุณครูเก่งๆ ค่าเทอมไม่แพงมากนัก
ความเจริญของ นักอนุรักษ์ คือ ผู้คนสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ความเจริญของ นักบวช คือ ผู้คนมีศีล มีธรรม
ฯลฯ

คน 7 พันล้านคนบนโลกต้องการ "ความเจริญ" ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป วิธีควบคุมรูปแบบที่จะนำไปสู่ความเจริญจึงแตกต่างกันไปแล้วแต่ประเทศไหน มีภูมิหลัง มีประวัติศาสตร์อย่างไร

ประเทศไทยเราเคยเดินทางด้วยรถถีบ รถลาก ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน ไม่ต้องทำลายโลก แต่ปัจจุบันเราเรียกร้องรถเฟอรารี่ ที่จะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น จะได้ทันกับรถคันอื่น ไม่ให้เขาแซง ทั้งๆที่รถแต่ละคันก็ขับกันบนถนนคนละเส้น

 


Attached File  02.jpg   94.06K   58 downloads

 

รถแต่ละยี่ห้อที่เรานำมาใช้ มีทั้งคว่ำกลางทาง เพราะคนขับไม่ได้เรื่อง มีทั้งโดนกระชากคนขับลงมาเพราะกำลังนำผู้โดยสารไปขุดทองให้ตัวเอง และคันที่กำลังขับอยู่ตอนนี้ก็พาเราหลงไปหลงมา วนเวียนอยู่แต่เป้าหมายของคนขับทางไกล (บังคับวิทยุ) ทำให้คนในรถทะเลาะกันตาย เพราะเป้าหมายปลายทางที่ไม่เหมือนกันเลย

ผู้โดยสารเสื้อแดง : ฉันเลือกคนขับที่เก่งๆ จะได้ถึงเป้าหมายของฉันเร็วๆ ด้วยวิธีอะไรก็ได้ จะแวะไปขุดทองก่อนก็ได้ เพราะเขาจะแบ่งให้ฉันด้วย

ผู้โดยสารเสื้อฟ้า : ในเมื่อคนขับมันโกง มันพาเราหลงไปหลงมา เราจะทำการยกมือประท้วงคนขับ ให้มันเห็นเราในกระจกมองหลัง เผื่อมันจะสนใจเรา

ผู้โดยสารนั่งหลับ : ........ อืม ยังไงก็ได้ กูไม่รู้ กูขออยู่ของกูเงียบๆ *คุณ*จะพากูไปไหนก็ไป

ผู้โดยสารเสื้อเหลือง : เราหยุดรถก่อนไหม? มานั่งพักข้างทางก่อน

 

 

Attached File  03-2.jpg   128K   51 downloads

 

แนวทางของผู้โดยสารเสื้อเหลือง คือการรณรงค์ ให้เกิดการปฏิรูปการขับรถ นั่นหมายถึง ต่อไปนี้ เราจะไม่หลงไปหลงมา เราจะไม่ยอมให้คนขับพาไปแวะ เราจะไม่ยืนยกมือในรถ ตะโกนโหวกเหวกให้เมื่อยอีกต่อไปแล้ว

เราจึงต้อง "หยุดรถก่อน" แล้วมาตั้งคำถามว่า เราจะไปไหนกันเหรอ?


เป้าหมายจริงๆของพวกเราคือ ความเจริญด้านวัตถุ หรือความเจริญด้านจิตวิญญาณ ??

ถ้าผู้โดยสารส่วนใหญ่บอกว่า "ความเจริญด้านวัตถุ"
เพื่อให้คนในรถได้รับระบบบริการชั้นเยี่ยม มีหูฉลามเสริฟระหว่างทาง  คนในรถต่างก็ใส่ทองเส้นเท่าโซ่ ยิ่งนั่งยิ่งรวย รถคันนี้จะไม่มีใครยอมลุกให้เด็กและสตรีนั่ง เพราะที่นั่งว่างๆหมายถึง "ช่องทางเก็งกำไร" ให้คนที่ไม่มีที่นั่งดิ้นรนหาที่นั่งกันเอาเอง  รถคันนี้จะเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่คิดแต่เป้าหมายของตัวเอง และคิดว่าคนอื่นๆที่เป็น "คนส่วนใหญ่" ในรถคันนี้เลือกถูกแล้ว อย่ามากระชากคนขับของฉัน

ถ้าผู้โดยสารส่วนใหญ่บอก "ความเจริญด้านจิตวิญญาณ"
ซึ่งหมายถึง คุณธรรม จริยธรรม คนในรถจะมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และบอกคนขับว่า "ไม่ต้องรีบ" เราไม่ได้แข่งกับใคร ขอแค่คนในรถรู้สึกปลอดภัย มีความสุขในการเดินทางก็พอแล้ว คนขับก็ทำหน้าที่ขับต่อไปอย่าแวะที่ไหนก็พอ

 

Attached File  04.jpg   115.83K   53 downloads

 

ปัญหาคือ รถคันนี้พ่วงท้ายด้วยผู้โดยสารจำนวน 70 ล้านคน และทรัพยากรในรถเริ่มร่อยหรอลงไปทุกที น้ำดื่มเริ่มน้อยลง อากาศเริ่มร้อนขึ้น ของกินในรถเริ่มแพงขึ้น จนดูเหมือน "จำนวนคน" ที่ต้องการให้รถขับไปให้ถึงเป้าหมายแห่งความเจริญที่ว่า มีมากขึ้น มากขึ้น และต้องขับให้เร็วๆขึ้นอีก

ผู้โดยสารเสื้อเหลือง จึงบอกว่า NO! และบอกให้ผู้โดยสารเสื้อฟ้าหยุดการยกมือตะโกนโหวกเหวกทั้งคณะได้แล้ว เพราะเราควรปฏิรูปรถคันนี้ใหม่ทั้งคัน ไม่ว่าจะตะโกนยังไงคนบังคับวิทยุรถคันนี้ก็ไม่ได้ยิน เขากำลังสนุกกับการบังคับรถให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ตามทีมงานเต็มสรรพกำลัง และผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็กำลังมีความสุข (โดยไม่รู้ว่า ตั๋วโดยสารกำลังจะขึ้นราคา)


รถคันนี้เดินทางด้วยเครื่องยนต์ระบบเดิมๆมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 (81 ปี)
ถึงเวลาหรือยัง? ที่รถคันนี้ก็ควรได้ถอดอะไหล่เก่าๆ รื้อชิ้นส่วนที่เป็นสนิมออกไป แล้วเพิ่มชุดแต่งสปอยเลอร์ กันชนรอบด้าน พร้อมระบบเบรกที่ดีขึ้น ไม่ให้เป็นอันตรายกับผู้โดยสารอีกต่อไป

 

ชุดแต่งรถคันนี้ จึงควรเป็นชุดแต่งที่คิดค้นขึ้นมาแบบพิเศษ ไม่เหมือนใครในโลก เป็นเจ้าแรกของโลก เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ

 

ชุดแต่งพิเศษนี้จะมีระบบ Anti Corruption ถ้ามันพบการขับขี่ออกนอกเส้นทาง มันจะดีดคนขับให้ออกไปนั่งรถคันอื่นทันที (รถอาจจะโซเซนิดหน่อย) พอมันดีดเสร็จแล้ว มันก็จะเริ่มกระบวนการ SCAN หาพลขับคนใหม่

 

Attached File  05.jpg   55.13K   51 downloads
 

ผู้โดยสารบางคนจึงอยากนำเสนอ ระบบ SCAN to CLEAN VOTE เป็นระบบ "กรองผู้มีสิทธิ์เลือกพลขับ" ต่อไปนี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเลือกพลขับก็ได้  ต่อไปนี้คนที่นั่งหลับ จะไม่มีสิทธิ์เลือกพลขับตามอำเภอใจ เพราะคุณไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง ต่อไปนี้คนที่ถูกว่าจ้างให้เลือกพลขับจะไม่ผ่านการ SCAN เพราะคุณไม่รู้ว่าการเดินทางที่ผ่านมา ทำผู้โดยสารและรถคันนี้เสียหายมากขนาดไหน

ระบบ "กรองผู้มีสิทธิ์เลือกพลขับ" จึงเป็นระบบที่ควร Upgrade จาก "ระบบขีดบัตร version 1.0" ที่ใช้มาหลายสิบปี ด้วยนิยามว่า ใครก็ตามที่อายุเกิน 18 ปีก็เลือกพลขับได้ ระบบเก่าๆนี้ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเลือกตามเพื่อนบอก ตามพ่อแม่บอก เลือกตามคำโฆษณาในป้ายหาเสียง เลือกตามภาพที่เห็นในฟรีทีวี เลือกตามที่มีคนเอาเงินมาให้ โดยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง และไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับการเดินทางในวันต่อไป?

 

 

Attached File  06.jpg   99.57K   93 downloads
 

กระทู้นี้จึงขอนำเสนอให้ผู้โดยสารทุกคน ที่ GET IDEA ช่วยกันคิดค้นหารูปแบบ "ระบบกรองผู้มีสิทธิ์เลือกพลขับ" หรือ "บัตรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง" หรือ  "ใบขับขี่ทางการเมือง" หรือจะเรียกอะไรดี? ใช้วิธีการอย่างไรกันดี?

ไม่ให้เลือกแล้วได้พลขับที่พาเราออกนอกเส้นทางอยู่ร่ำไป และยุติปัญหาผู้โดยสารเสื้อสีแดง เดินมาตบผู้โดยสารเสื้อสีอื่นอย่างถาวร

 

 

 

 

นำเสนอโดย "จิตบำบัด" 29 ส.ค. 2556 ไม่สงวนลิขสิทธิ์

บทความที่ 1 : การปฏิรูปการเมืองไทย ที่แท้จริง (27 ส.ค. 2556)


การปฏิรูปการเมืองไทย ที่แท้จริง

27 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 12:50

Attached File  004.jpg   157.84K   99 downloads

 

คนที่ "คิดอยู่แต่ในกรอบ" หมายถึง คนที่ไม่สามารถจินตนาการถึง "รูปแบบอื่นๆ" ที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน

เช่น ความเข้าใจว่า  โลกแบน และเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
เช่น ความเข้าใจว่า  อะตอม คือสิ่งที่เล็กที่สุด ตามที่เรียนมา
เช่น ความเข้าใจว่า  ความสุขของชีวิตคือ เงินเดือนที่สูงขึ้น เพื่อผ่อนบ้านที่ใหญ่ขึ้น ผ่อนรถที่สวยขึ้น ลูกจะได้เรียนโรงเรียนดีๆค่าเทอมปีละแสน


เฉกเช่นเดียวกับความเข้าใจว่า "ประชาธิปไตย คือ การขีดบัตรลงคะแนน"
กรอบวิธีคิดรูปแบบนี้ส่งผลให้เกิดคน 3 กลุ่ม คือ 1.คนเสื้อแดง  2.พลเมืองนิ่งเฉย(เป็นกลาง)  3.อดีตพันธมิตรฯ


1 ) คนเสื้อแดง คิดว่า "การรัฐประหารทำลายประชาธิปไตย" เพราะคนส่วนใหญ่เลือกมาแล้วเราต้องยอมรับ คนกลุ่มนี้ขาดจินตนาการ จึงไม่เข้าใจว่า "ผลการเลือกตั้ง คือผลลัพธ์ของความเชื่อ" และความเชื่อก็สามารถบ่มเพาะให้คนหลงงมงายได้ กรณีศึกษาคือ ลัทธิธรรมกาย


2 ) พลเมืองนิ่งเฉย(เป็นกลาง) คนกลุ่มนี้จะไม่แสดงออก ไม่เปิดเผยตัวตน หรือถ้าแสดงออก ก็จะเป็นตรรกะที่แปลกประหลาด เช่น โกงได้แต่ขอให้ทำงานเป็น, ใครจะเป็นนายกก็ได้ขอแค่ทำให้เศรษฐกิจดีๆ, พวกเสื้อเหลืองเสื้อแดงทำสังคมแตกแยก ฯลฯ คนกลุ่มนี้ขาดจินตนาการ ทำให้ไม่เข้าใจว่า สังคมที่เต็มไปด้วยมิจฉาปัญญาจะส่งผลอะไรกับชีวิตในวันข้างหน้า คนกลุ่มนี้นิ่งเฉย เพราะโยนปัญหาไปให้คนรุ่นต่อไปเผชิญวิบากกรรมเอาเอง อย่างเลือดเย็น

 

 

3 ) อดีตพันธมิตรฯ คือ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์" ที่แยกตัวออกจากเสื้อเหลืองตอน Vote No และเข้าใจว่าการประกาศยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรฯ (ส.ค. 56) คือ การรับเงินทักษิณมา จนถึงคิดว่าไม่สู้เพราะกลัวติดคุก คนกลุ่มนี้ก็ขาดจินตนาการ ทำให้คิดไม่ออกว่า การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองไม่ได้ช่วยอะไร พอเลือกตั้งใหม่ ระบอบทักษิณก็กลับมาทันที


คนที่คิดอยู่แต่ในกรอบ จึงไม่เข้าใจเรื่อง "การรณรงค์ Vote No ของพันธมิตรฯ" เพราะภาพในสมองตั้งแต่เกิดยันแก่หัวหงอก ก็ได้ยินคำว่าพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่เด็กๆ คำว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.), เลือกตั้ง, ยุบสภา, คำว่าพรรคการเมือง A B C D เพื่อจะเลือกคนใส่สูท ไปนั่งทำงานแทนเรา ไปคิดหาทางใช้เงินภาษี(ที่เราต้องเสียทุกวัน)แทนเรา ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นมาราว 80 ปี ก่อนที่เราเกิดเสียอีก เราจึงจินตนาการไม่ออกว่า ยังมีระบบอื่นๆที่เหมาะสมกับสังคมเรา อีกหรือไม่?

 

 

Attached File  007.jpg   91.54K   88 downloads

 

ถ้าสังคมเรา หมายถึง "ประเทศไทย" ซึ่งก็คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว  แล้วเหตุผลอะไรที่เราต้อง "อ้างอิงความเจริญ" เทียบเคียงกับสังคมอื่น ประเทศอื่น อยู่ตลอดเวลา

คนที่คิดนอกกรอบได้ จะเริ่มตั้งคำถามลักษณะนี้ และจะเริ่มเข้าใจ "เศรษฐกิจพอเพียง" จนเริ่มเข้าใจว่า ประเทศไทยสามารถที่จะมีระบบการเมืองการปกครอง ที่ไม่เหมือนใครได้ แตกต่างจากประเทศอื่นได้ ด้วยวิธีการใหม่ๆได้



ทำไมเรายอมให้นักการเมืองโกงกิน เป็นขี้ข้า เป็นนอมินี ถลุงเงินภาษี นั่งยิ้มแป้นอยู่ในสภาจนครบ 4 ปี?

ถ้าคุณตั้งคำถามนี้ได้ แสดงว่าคุณเริ่ม "คิดนอกกรอบ" และถ้าคนไทยจำนวนมากเริ่มคิดนอกกรอบ การปฏิรูปประเทศจะเกิดขึ้นจริง โดยไม่ใช้ระบบเลือกตั้งแบบเดิมๆ ส่วนผสมของตัวแทนแบบเดิมๆ เราอาจได้เห็น "ระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เหมือนใครในโลก" ใหม่ที่สุดของโลก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ซึ่งสามารถคิดได้หลายรูปแบบ เช่น...


1. ระบบกดโหวตให้ "ตัวแทนสาขาอาชีพ"
เราจะได้ "1,000 อาชีพ 1,000 ตัวแทน" โดยใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตในการติดต่อ ประสานงาน และเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดแบบ Real time ที่ตรวจสอบได้


2. ระบบ "1 ตำบล 1 ตัวแทน"
โดยมีฐานข้อมูลรัฐขนาดใหญ่ที่บันทึกเสียงของชาวบ้านทุกเสียง ทุกเรื่องร้องเรียนที่รอการแก้ไข เราจะได้ตัวแทน 7,255 คน เข้าทำงานในสภาออนไลน์ หรือให้สุดยอดกว่านี้อีก ก็ "1 หมู่บ้าน 1 ตัวแทน" เราก็จะมีผู้แทนจำนวน 74,956 คน นั่งทำงานแทนเรา เป็นปากเป็นเสียงให้เรา และถ้าเราจับได้ว่ามันโกง เราจะเดินไปเขกหัวมันให้ถึงบ้านมันเลย


3. ระบบประกวด "นายกในอนาคต"
เราจะรับสมัครเยาวชนคนหนุ่มสาวอายุ 18 ปีขึ้นไป ออกรายการทีวี+เผยแพร่อินเตอร์เน็ต 24 ชม. ให้คนดูภารกิจประจำวันของผู้สมัคร เหมือนดูหมีแพนด้า ดูรายการไทยแลนด์ก๊อดทะเล้นยังไงยังงั้น (หนังเรื่อง Truman Show) เพื่อเฟ้นหาสุดยอด ผู้นำทางความคิด ที่จะต้องพิสูจน์ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ดำเนินรายการยาวนาน 10 ปี จนได้รับคะแนนเสียงจากมหาชนให้เป็น นายกของคนไทยไปอีก 10 ปี (ในระหว่างนายกคนนี้ทำงาน ก็เฟ้นหานายกรุ่นต่อไป) คนที่ได้รับคะแนนโหวตเลขคี่ ให้เป็นฝ่ายรัฐบาล คนที่ได้คะแนนโหวตเลขคู่ ให้เป็นฝ่ายค้าน เพื่อให้มีคนที่โดดเด่น อยู่ทั้ง 2 ฝ่าย

 

 

4. ระบบเลือกตั้งแบบเดิม แต่ให้สิทธิ์เฉพาะคนที่สอบผ่าน
ต่อไปนี้ใครอยากเลือกตั้ง ต้องเข้าสอบ "ใบขับขี่ทางการเมือง" เสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่า คุณมีความรู้ความเข้าใจในระบบการเมืองไทยเพียงพอ ก่อนที่จะมาขีดบัตรลงคะแนน เฉกเช่นเดียวกับ คุณต้องมีใบขับขี่ก่อนนำรถออกท้องถนน เพื่อไม่ให้คุณชนคนตาย เช่นเดียวกับ เพื่อไม่ให้คุณเลือกนักการเมืองโกงกินเข้ามาในระบบ ... คนที่สอบไม่ผ่าน ยังไม่มีสิทธิ์ไปเลือกตั้ง คุณต้องศึกษาหาความรู้และอ่านคู่มือเสียก่อน แต่ข้อสอบไม่จำเป็นต้องยากระดับวิทยาลัย แค่เป็นข้อสอบที่ชาวบ้านอ่านรู้เรื่อง เพื่อวัดระดับคุณธรรม จริยธรรม และยืนยันว่าคุณติดตามข่าวสารบ้านเมืองปัจจุบัน ไม่ใช่ขีดบัตรเพราะเขาให้เงินมา หรือเลือกเพราะเพื่อนบ้านบอกว่าดี


"การปฏิรูปการเมืองไทย ที่แท้จริง" สามารถคิดค้นหาวิธีการได้อีกมากมาย โดยไม่ติดอยู่ในวังวนเดิมๆ กรอบวิธีคิดเดิมๆ


 

 

เพราะ หากใช้สมการเดิม ผลลัพธ์ก็จะออกมาแบบเดิม

ระบอบทักษิณ จะยังอยู่คู่คนไทย ฉิบหายยันลูกหลาน


Attached File  009.jpg   42.57K   49 downloads

นำเสนอโดย "จิตบำบัด" 27 ส.ค. 2556
  ไม่สงวนลิขสิทธิ์

 

บทความที่ 2 : ปฏิรูปประเทศ ด้วย "ใบขับขี่ทางการเมือง" 29 ส.ค. 2556